SlideShare a Scribd company logo
1 of 45
พ อ ลิ เ ม อ ร์
POLYME
   R
ลิ เ มอร์ (polymer)
หมายของพอลิเมอร์นนมาจากรากศัพท์กรีกสำาคัญ
                   ั้
 อ P o l y (จำานวนมาก) และ M e r o s (ส่วนหรือหน่วย)
มอร์เป็นสารโมเลกุลขนาด ใหญ่ (Macromolecule) พอลิเมอร์นนจั้
อบไปด้วยหน่วยซำ้าๆ กัน (repeating unit) ของมอนอเมอร์ (Monom
ๆ หน่วยมาทำาปฏิกริยากัน
                 ิ

 อเมอร์จัดเป็นสารไมโครโมเลกุล (Micromolecule) ชนิดหนึ่ง พอล
อบด้วยหน่วยย่อยหรือมอนอเมอร์ชนิดเดียวกันทังหมดจัดเป็น“โฮโ
                                           ้
มอร์ (Homopolymer)” แต่ถ้ามีมอนอเมอร์ต่างกันตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้น
 “โคพอลิ เ มอร์ (Copolymer)”
บางอย่างทีมสมบัติอย่างพอลิเมอร์ เช่น สารพวกไขมัน
            ่ ี
 ต่ละหน่วยทีไม่ซำ้ากันนั้นจะเป็นเพียงแค่สารแมคโคร
              ่
ลกุลเท่านัน และไม่จัดเป็นพอลิเมอร์
          ้



     พอลิเมอร์มทงที่เกิดเองในธรรมชาติ (Natural
               ี ั้
     polymer) และพอลิเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic
     polymer)
     ตัวอย่าง
     พอลิ เ มอร์ ธ รรมชาติ เช่น แป้ง เซลลูโลส โปรตีน
     กรดนิวคลีอิกและยางธรรมชาติ พอลิ เ มอร์
     สั ง เคราะห์ เช่น พลาสติก เส้นใย โฟม และกาว
เขี ย นชื ่ อ พอลิ เ มอร์ ห รื อ โพลิ เ มอร์
ษาไทยมีการใช้คำาว่า พอลิเมอร์ และ โพลิเมอร์
ยปัจจุบัน ทางราชบัณฑิตยสถานกำาหนดว่าให้ใช้คำาว่า
เมอร์ "
าการศึ ก ษาเกี ่ ย วกั บ พอลิ เ มอร์
ก่ เคมีพอลิเมอร์, ฟิสิกส์พอลิเมอร์ และวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์



     ชีวิตประจำาวัน เราต้องใช้ประโยชน์จากพอลิเมอร์
     เพราะพอลิเมอร์แต่ละชนิดมีสมบัติต่างกัน จึงนำา
     หน้าทีหรือนำาไปใช้งานทีต่างกันได้
           ่                 ่
ร์ทเป็นทีนิยมใช้มากทีสุดคือ “พลาสติ ก ”
      ี่   ่           ่
 าทีใช้อ้างถึงกลุ่มของวัสดุธรรมชาติและสังเคราะห์
         ่
ญ่ทมคุณสมบัติและการใช้งานต่างกัน พอลิเมอร์ธรรมชาติ
    ี่ ี
ล็กและอำาพันที่ ใช้มาเป็นเวลากว่าศตวรรษ หรือจะเป็นพอลิเมอร์ชีว
รตีนและกรดนิวคลีอิกทีมบทบาทสำาคัญในกระบวนการทางชีวภาพ
                         ่ ี



ร์ธรรมชาติอื่นๆ เช่น เซลลูโลสทีเป็นองค์ประกอบหลักของกระดาษแ
                                      ่
ร์สังเคราะห์ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ บาเกไลต์, นีโอพรีน, ไนลอน, พ
รีน, พอลิอคริโลไนไตรล์ และพีวีบี
เรี ย กชื ่ อ พอลิ เ มอร์ แ บบมาตรฐาน
 รียกชื่อพอลิเมอร์หลายวิธี พอลิเมอร์ทใช้ทวไป
                                         ี่  ั่
หญ่ใช้ชื่อสามัญที่เคยใช้ในอดีตมากกว่าชื่อทีตั้งตามแบบมาตรฐาน
                                                ่
าคมเคมีอเมริกันและไอยูแพก (IUPAC) ได้กำาหนดการตั้งชื่อแบบม
วามคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกันทังหมด ชื่อที่เป็นมาตรฐานทังสอง
                                      ้                          ้
อทีแสดงถึงชนิดของหน่วยย่อยทีประกอบเป็นพอลิเมอร์มากกว่าจะบ
    ่                               ่
ชาติของหน่วยที่ซำ้าๆ กันในสาย ตัวอย่างเช่น พอลิเมอร์ทสังเคราะห
                                                            ี่
นเรียกว่า “พอลิ เ อทิ ล ี น ” ยังคงลงท้ายด้วย –อีน แม้ว่าพันธะคู่จะหา
างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์
รงสร้ า งของพอลิ เ มอร์
มีโครงสร้างอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน หากจำ า แนก
 สร้ า งของสายโซ่ (Classification by chain structure)


มอร์ ส ายตรง (Linear polymer) พอลิเมอร์ชนิดนีจะเป็นโซ่ตร
                                                   ้
กันมากว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอม
 มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง PVC
ตรีน พอลิเอทิลีน โครงสร้างอย่างง่ายของโฮโมพอลิ เ มอร์ จะเป็นด
       A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A
                   linear homopolymer
นโคพอลิ เ มอร์ มรูปแบบดังนี้
                ี

B-A-B-A-B-A-B-A-B
ing copolymer (เป็นพอลิเมอร์ที่เรียงสลับกันเป็นช่วงหน่วยต่อหน่ว

A-B-B-B-B-A-A-A-A
copolymer (เป็นกลุ่มของมอนอเมอร์ทเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม)
                                 ี่

A-A-B-A-B-A-A-B-B
om copolymer (เป็นมอนอเมอร์ที่เรียงสลับกันอย่างอิสระ)
มอร์ ก ิ ่ ง สาขา (graft polymer) พอลิเมอร์ชนิดนี้
ระกอบสองส่วน คือ ส่วนทีเป็นโซ่หลักและส่วน
                          ่
ง โดยโซ่หลักจะต้องประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิด
น ส่วนมอนอเมอร์อีกชนิดจะเป็นโซ่กิ่ง ทำาให้ไม่สามารถจัดเรียง
อร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวตำ่า ยืดหย
ยวตำ่า โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้งายเมืออุณหภูมิเพิ่มขึ้น
                              ่    ่
 อลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นตำ่า
มอร์ ร ่ า งแห (Cross-link polymer)
 มอร์ทเป็นร่างแหมีสายหลายสายเชื่อมต่อกัน
       ี่
ดทั้งโฮโมพอลิเมอร์และโคพอลิเมอร์ พอลิเมอร์ชนิดนี้
ข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่าง เบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำาถ้วยชา
เมอร์ แ บบขั ้ น บั น ได (Ladder polymers)
างแบบขั้นบันไดเกิดขึ้นเมือพอลิเมอร์เส้นตรง
                             ่
ลกุลที่เรียงตัวขนานกัน เกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล
กัน พอลิเมอร์ประเภทนีมความเสถียรมาก สามารถประยุกต์
                         ้ ี
 ปกรณ์ททนความร้อนได้สูง ตัวอย่าง พอลิเมอร์ทนไฟ ทีมชื่อทางก
           ี่                                        ่ ี
k orlon ทีเตรียมได้จากพอลิคริโลไนไตร์ท (polyacrylonitrile)
              ่
ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์
สังเคราะห์พอลิเมอร์เป็นกระบวนการของการรวม
 กุลขนาดเล็กๆ ทีเป็นหน่วยย่อยเข้าด้วยกันด้วยพันธะโควาเลนต์
                ่
 หว่างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์ หมูทางเคมีบางตัวจะหลุดออกจาก
                                  ่
ยย่อย หน่วยย่อยในพอลิเมอร์จะเป็นหน่วยซำ้าๆกัน

จกระทำาได้หลายวิธี อาทิเช่น
* การสังเคราะห์ในห้องแลบ วิธีการในห้องแลบแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มค
คราะห์แบบควบแน่นและการสังเคราะห์แบบเติม อย่างไรก็ตาม วิธีก
ว่าเช่นการสังเคราะห์แบบของเหลว ไม่สามารถจัดเข้าในกลุ่มใดได
าการสังเคราะห์พอลิเมอร์อาจเกิดขึ้นโดยมีหรือไม่มตัวเร่งก็ได้ ในป
                                               ี
กษาทางด้านการสังเคราะห์พอลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น โปรตีนในห้อง
การสังเคราะห์ทางชีวภาพ พอลิเมอร์ธรรมชาติ
คือ พอลิ แ ซคคาไรด์ พอลิ เ ปบไทด์ และพอลิ น ิ ว
ทด์ ในเซลล์ พอลิเมอร์เหล่านี้ถูกสังเคราะห์ดวยเอนไซม์
                                             ้
สร้างดีเอ็นเอด้วยเอนไซม์ดีเอ็นเอ พอลิเมอเรส การสังเคราะห์โปรต
 กับการใช้เอนไซม์ทซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับการถอดรหัสทางพันธ
                    ี่
อ แล้วจึงถ่ายทอดรหัสจากดีเอ็นเอเป็นข้อมูลของลำาดับกรดอะมิโน
าจถูกดัดแปลงหลังจากการแปลรหัสเพือให้มโครงสร้างเหมาะสมกับ
                                      ่    ี
 น
การดัดแปลงพอลิเมอร์ธรรมชาติ
ร์ที่มความสำาคัญในทางการค้าหลายชนิด
      ี
ห์จากการดัดแปลงพอลิเมอร์ธรรมชาติทางเคมี
 เช่นปฏิกิริยาระหว่างกรดไนตริกกับเซลลูโลส เกิดเป็นไนโตรเซลล
ทำาให้ยางธรรมชาติแข็งตัวโดยการเติมกำามะถัน
กิ ร ิ ย าพอลิ เ มอไรเซชั น
เมอไรเซชั น (Polymerization)
ฏิกิริยาการเตรียมพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์ ซึ่งปฏิกริยามี 4 ประเภท
                                               ิ


  ** พอลิเมอไรเซชันแบบขั้น หรือ ควบแน่น
               
     ** พอลิเมอไรเซชันแบบลูกโซ่แรดิคัล หรือ เพิมเข้า
        
                                               ่
           ** พอลิเมอไรเซชันแบบไอออนิก
              ** พอลิเมอไรเซชันแบบโคออร์ดิเนชัน
1. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบขั ้ น หรื อ ควบแน่ น
(Step or Condensation
   Polymerization)
ในการเตรีเ มอไรเซชั น ระเภทนีจทีนวนของหมูฟังก์ชันมีความ
1.1 พอลิ ยมพอลิเมอร์ปแบบขั ้ น ำา ่ เ ป็ น เส้ น ตรง (Linear
                              ้                   ่
สำาคัญมาก
Step Polymerization)
ตัวอย่าง เช่นการเตรียมเอสเทอร์จากปฏิกิริยาระหว่างหมูคาร์ ่
บอกซิลิกและหมู่
ไฮดรอกซิลในโมเลกุลของกรดอะซิติกและเอธานอล ซึ่งทังสอง       ้
โมเลกุลมีหมู่ฟงก์ชัน
               ั
เพียงหมูเดียว (monofunctional compounds) ผลิตภัณฑ์ของ
         ่
ปฏิกิริยาทีได้คือ
           ่
เอธิลอะซิเตตและนำ้า ดังสมการ
ไนลอน
                  6,6




      พอลิยเรีย
           ู
 ฟอร์มาลดีไฮด์
    (UF : Urea
formaldehyde)
 1.2 พอลิ าระหว่างมอนอเมอร์ซ้ นมีหไ ม่ เ ป็ ชันนัน ตรง
เป็นปฏิกิริย เ มอไรเซชั น แบบขั ึ่ง ที ่ มูฟงก์น เส้ ล
                                           ่ ั
(Non-Linear Step Polymerization)
มากกว่า 2 หมู่
ในขั้นแรกจะได้โครงสร้างของพอลิเมอร์ทมกิ่งก้าน และ
                                               ี่ ี
หลังจากนันจะมีการเพิม
           ้         ่
ขนาดหรือนำ้าหนักโมเลกุลอย่างรวดเร็ว และในทีสุดแล้ว   ่
จะได้พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห ซึ่งมีสมบัติแตกต่าง
จากพอลิเมอร์แบบเส้นตรง ตัวอย่างปฏิกริยาระหว่างได
                                             ิ
คาร์บอกซิลิก แอซิค (dicarboxylic acid : R(COOH)2)
และ ไตรออล (triol : RP'P(OH)3) ซึ่งมีหมูฟังก์ชันนัล 3
                                                 ่
หมู่
ลิเมอร์ประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde-based resins)
 พอลิเมอร์แบบร่างแหชนิดแรกซึ่งเตรียมโดยพอลิเมอไรเซชันแบบข
 ถูกใช้ทางการค้า เช่น ฟอมาลดีไฮด์ ยูเรีย ฟีนอล
2. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบลู ก โซ่ แ รดิ ค ั ล
   หรื อ เพิ ่ ม เข้ า
เกิดขึ้นโดยการเพิมมอนอเมอร์เข้าทีปลายสายโซ่โมเลกุล
                   ่             ่
(Radical Chain or Addition
   ทีมแรดิคัลเป็น
     ่ ี
ตำาPolymerization)ปฏิกิริยา (free-radical
   แหน่งทีว่องไวต่อการเกิด
          ่
    reactive site)
 มอนอเมอร์ทสามารถเกิดพอลิเมอไรเซชันประเภทนี้เป็น
              ี่
    ประเภทไวนิลมอนอเมอร์
 (vinyl monomer : CH2=CHX) กลไกของพอลิเมอไรเซ
** อินนิแบ่อชัน (initiation) เกี่ยวข้องกับการสร้างแรดิคัล
    ชัน ทเ งเป็น 3 ขั้น คือ
           ิ
ซึ่งเป็นตำาแหน่งที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยา ** โปรปาเก
ชัน (propagation) เกี่ยวข้องกับการเจริญ
เติบโต หรือการเพิมขนาดของสายโซ่โมเลกุลพอลิเมอร์
                    ่
อย่างรวดเร็ว ** เทอร์มเนชัน (termination) เป็นขั้นสิ้น
                         ิ
สุดการเจริญเติบโตของพอลิเมอร์ โดยมีทงแบบรวมตัว
                                           ั้
พอลิสไต
     รีน




พอลิ
เอทิลีน
อลิ เ มอไรเซชั น แบบไอออนิ ก
c Polymerization)
เมอไรเซชันแบบไอออนิกของไวนิลมอนอเมอร์
ารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ

   **่งแคทไอออนิกงไวต่อการเกิด น (cationic polymerization)
   ซึ ตำาแหน่งที่ว่อพอลิเมอไรเซชั ปฏิกิริยาเป็นประจุบวก
   (carbonium ion)
   เมือ X เป็นหมู่แทนทีทให้อิเล็กตรอน สามารถเกิดเรโซแนนซ์
       ่                ่ ี่
   หรือดีโลคัลไลซ์
   ** แอนไอออนิกพอลิวกได้
   (delocalize) ประจุบเมอไรเซชัน (anionic
   polymerization) อการเกิด ปฏิกริยาเป็นประจุลบ
   มีตำาแหน่งทีว่องไวต่
               ่                      ิ
   (carbanion) เมื่อ X เป็นหมูแทนทีที่สามารถดึง
                              ่     ่
   อิเล็กตรอนหรือดีโลคัลไลซ์ประจุลบได้
ใน ปี ค.ศ. 1955 ซีเกลอร์ (Ziegler) และแนตตา (Natta)
   ได้ค้นพบ
4.เร่พอลิิริยาทีสามารถใช้สแบบโคออร์ ดทมี น
ตัว งปฏิก
              เ มอไรเซชั น ังเคราะห์พอลิเมอร์ ิ เ ี่ นชั
                   ่
(Coordination Polymerization)
   ลักษณะเฉพาะทางสเตอริโอ
เคมีได้และเรียกตัวเร่งทีใช้ว่าตัวเร่งซีเกลอร์-แนตตา
                         ่
   (Ziegler-Natta catalyst)
พอลิเมอไรเซชันที่ใช้ตัวเร่งนี้มชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
                                ี
   “พอลิ อ ิ น เซอชั น ”
(polyinsertion) เนื่องจากในขั้นโปรปาเกชันกลไกของ
   ปฏิกิริยาเกิดโดยการ
แทรก (insert) ของมอนอเมอร์เข้าไประหว่างตัวเร่งและ
   สายโซ่ที่กำาลังเจริญ
เติบโต ส่วนชื่อ “พอลิ เ มอไรเซชั น แบบโคออร์ ด ิ เ น
   ชั น ” ซึ่งเป็นทีนยมใช้มากกว่า
                     ่ ิ
แสดงให้เห็นถึงกลไกการทำางานของตัวเร่งปฏิกิริยาแบบ
ไอโซแทคติก




ซินดิโอ
แทคติก
ผลิ ต ภั ณ ฑ์ จ าก
     พอลิ เ มอร์
     1. พลาสติ ก
      (Plastic)
 ติ ก เป็นสารประกอบอินทรียทสังเคราะห์ขึ้นใช้แทนวัสดุธรรมชาต
                              ์ ี่
นิดเมือเย็นก็แข็งตัว เมือถูกความร้อนก็อ่อนตัว บางชนิดแข็งตัวถาว
      ่                 ่
ยชนิด เช่น ไนลอน ยางเทียม ใช้ทำาสิ่งต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ฟิล์ม ภาช
ระกอบเรือหรือรถยนต์
องพลาสติ ก จำ า แนกตามการตอบสนองต่ อ อุ ณ หภู ม ิ
sification by thermal behaviour)

    พอลิเมอร์ปมพลาสติ ก (Thermoplastics) อแบบกิง
    1. เทอร์ โ ระเภทนีมโครงสร้างแบบเส้นตรงหรื
                      ้ ี                             ่
      เมือให้ความร้อนจะ
         ่
    หลอมและอ่อนตัวไปเรื่อยๆ แต่เมือให้ความเย็นจะแข็งตัว
                                     ่
      สามารถหลอมและนำา
    กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งทีเรียกว่า การรี ไ ซเคิ ล
                              ่
      (Recycle) เช่น พอลิเอทิลีน
    พอลิโพรพิลีน พอลิสไตรีน
เป็นพอลิเมอร์ทเกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล
                 ี่
ทำาให้มโครงสร้างแบบร่างแห ไม่ละลายแต่อาจบวมตัว
          ี
2. (swell)โ มเซ็ ท (Thermosets)
     เทอร์
ในตัวทำาละลาย เมือโดนความร้อนจะไม่หลอม ถ้าให้
                    ่
    ความร้อนมากจะไหม้
พันธะทีเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลจะสลายตัวได้สารทีมี
            ่                                  ่
    สมบัติไม่เหมือนเดิม
ดังนันพอลิเมอร์ประเภทนีจึงไม่สามารถหลอมนำากลับมา
      ้                    ้
    ใช้ใหม่ได้ แต่ข้อดีคือ
มี ค วามแข็ ง แรงสู ง เช่น ยางธรรมชาติทผ่านการวัลคา
                                       ี่
    ไนซ์แล้วจะมีความยืดหยุนสูง
                             ่
ซึ่งเมือพิจารณาจากสมบัติแล้วพบว่า ยางธรรมชาติกอนที่
        ่                                        ่
    จะเกิดการวัลคาไนซ์เป็น
เทอร์โมพลาสติก แต่หลังจากการวัลคาไนซ์แล้วพบว่าเป็น
    เทอร์โมเซ็ท
าสติ ก ย่ อ ยสลายได้ ท างชี ว ภาพ
odegradable plastic หรือ
mpostable plastic)
    มักเรียกว่า “พลาสติ ก ชี ว ภาพ” เป็นพลาสติกทีถูก
                                                 ่
    ออกแบบมาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี
    ภาย ใต้สภาวะแวดล้อมที่กำาหนดไว้โดยเฉพาะ
    จึงทำาให้สมบัติต่างๆ ของพลาสติกลดลงภายในช่วง
    เวลาหนึ่ง โดยกาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีดัง
    กล่าวต้องเกิดจากการทำางานของจุลินทรียในธรรมชาติ
                                           ์
    เท่านัน สามารถวัดได้โดยวิธีการทดสอบมาตรฐาน ซึ่ง
          ้
    วัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทนที่
    เกิดขึ้น
2. เส้ น ใย
   (Fiber)
ย เป็นพอลิเมอร์อีกชนิดหนึงที่เรานำามาใช้ประโยชน์
                         ่
ตประจำาวัน เช่น ใช้ทำาเครื่องนุงห่ม ใช้ทำาเครื่องใช้
                               ่
น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

    1.เส้นใยจากธรรมชาติ (Nature Fiber) ได้แก่ เส้นใยทีมี   ่
    อยูในธรรมชาติ
        ่
            1.1 เส้ น ใยจากพื ช ได้แก่ เส้นใยจากเซลลูโลส
    เป็นเส้นใยที่ประกอบด้วย
    เซลลูโลสทีได้จากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ป่าน ปอ ลินน
                ่                                        ิ
    ศรนารายณ์ เป็นต้น
    ซึ่งเป็นโฮโมพอลิเมอร์ทมกลูโคสจำานวนมาก
                           ี่ ี
            1.2 เส้ น ใยจากสั ต ว์ ได้แก่ เส้นใยโปรตีน เช่น
1.3 เส้ น ใยจากสิ น แร่ ได้แก่
    ใยหิน ทนต่อการกัดกร่อนของสาร
    เคมี ทนไฟ ไม่นำาไฟฟ้า


 ะข้ อ เสี ย ของเส้ น ใยธรรมชาติ
ยจากธรรมชาติสามารถดูดซับนำ้าได้ดี ระบายอากาศได้ดี
วรู้สกสบาย ไม่ร้อน
     ึ
ยจากธรรมชาติบางชนิด เช่น ฝ้าย เมือนำามาทอเป็นผ้าเพือ
                                  ่                 ่
ะขึ้นราได้ง่าย ส่วนผ้าไหมจะหดตัวเมือได้รับความร้อนและความชื้น
                                    ่
รรมชาติบางชนิดต้องผลิตด้วยมือ ถ้าผลิตด้วยเครื่องจักรจะได้เส้นใ
าพไม่ดีและมีการสูญเสียมาก เช่น ลินน ป่าน 
                                      ิ
2. เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic fiber) เป็นเส้นใยที่
      มนุษย์สงเคราะห์ขึ้นจากสารอนินทรียหรือสาร
               ั                            ์
      อินทรีย์
      ใช้ทดแทนเส้นใยจากธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท
              2.1 เส้ น ใยพอลิ เ อสเตอร์ เช่น เทโทรอน
      ใช้บรรจุในหมอน
      เพราะมีความฟูยืดหยุนไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง
                             ่
              2.2 เส้ น ใยพอลิ เ อไมด์ เช่น ไนลอน ใช้ใน
      การทำาเสื้อผ้า ถุงเท้า
      ถุงน่อง ขนแปรงต่างๆ สายกีต้าร์ สายเอ็น ไม้แร็กเก็ต
งเคราะห์บางชนิดมีสมบัติดีกว่าเส้นใยธรรมชาติ เช่น มีความทนทาน
      เป็นต้น
 เชื้อรา แบคทีเรีเส้ไม่ใยอะคริ ลดูดนำ้านทนทานต่อสารเคมี ซึกง่าย
              2.3 ย น ยับง่าย ไม่ ิ ก เช่ โอรอนใช้ในการ
ตัวอย่างเส้นใยทีานวม ผ้าอย่างแพร่หม ร่มชายหาด
      ทำาเสือผ้า ผ้ นำามาใช้ ขนแกะเทีย ลาย เช่น ไนลอน และโอรอน
            ้       ่
      หลังคากันแดด ผ้าม่าน พรม เป็นต้น
ลู โ ลสแอซี เ ตต”
 นใยกึ่งสังเคราะห์ชนิดแรกทีสงเคราะห์ขึ้นจากการ
                            ่ ั
ลลูโลสมาทำาปฏิกิริยากับกรดแอซีติกเข้มข้น โดยมี
ลฟิวริกเข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เซลลูโลสแอซีเตต
 ส้นใย และผลิตเป็นแผ่นพลาสติก ทำาแผงสวิตช์และหุ้มสายไฟฟ้า 


     3. เส้นใยกึงสังเคราะห์ เป็นเส้นใยทีได้จากการนำา
                ่                       ่
     สารจากธรรมชาติ
     มาปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น
     การนำาเซลลูโลสจากพืช
     มาทำาปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เส้นใยกึ่ง
     สังเคราะห์นำามาใช้ประโยชน์
3. ยาง
     (Rubber )
อวัสดุพอลิเมอร์ทประกอบด้วยไฮโดรเจนและคาร์บอน
                 ี่
 วัสดุทมความยืดหยุนสูง ยางทีมต้นกำาเนิดจากธรรมชาติจะมา
          ี่ ี        ่       ่ ี
งเหลวของพืชบางชนิด ซึงมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายนำ้านม
                          ่
เป็นคอลลอยด์ อนุภาคเล็ก มีตัวกลางเป็นนำ้ายางในสภาพของเหลว
 “นำ ้ า ยาง” ยางทีเกิดจากพืชนีเรียกว่า “ยางธรรมชาติ” ในขณะเดีย
                    ่          ้
 ามารถสร้างยางสังเคราะห์ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม
การเก็บนำ้ายางดิบไว้เป็นเวลานานจะต้องเติม
เนียลงไปเพือเป็นสารกันบูดและป้องกันการจับตัว
            ่
ยาง การแยกเนือยางจากนำ้ายางทำาได้โดยเติม
                 ้
งชนิด เช่น กรดแอซีติก (CH3COOH) หรือกรดฟอร์มก (HCOOH)
                                                 ิ
 เพือทำาให้เนื้อยางรวมตัวเป็นก้อนตกตะกอนแยกออกมา
    ่
ไปนำ้ายางสดมีเนือยางอยูประมาณร้อยละ 25-45 ทังนี้ ขึ้นกับพันธุ์ย
                   ้     ่                    ้
งต้นยาง  และฤดูกาลกรีดยาง เนือยางทีได้เรียกว่า ยางดิ บ
                                ้    ่




                                   โครงสร้างโมเลกุล
                                   ของยาง
รงสร้างทางเคมีของเนือยางประกอบด้วยมอนอ
                    ้
 ร์ไอโซพรีน (isoprene) ทีเชื่อมต่อกันอยู่ในช่วง
                         ่
00 ถึง 15000 หน่วย มีสูตรดังนี้

                      ไอโซพรีน
                      (isoprene)


 งยาง : มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งเกิดจากโครงสร้างโมเลกุลของยางทีม
                                                            ่
มาเป็นวงและบิดเป็นเกลียว ยางพารามีความต้านทานแรงดึงสูง
ขัดถู เป็นฉนวนทีดีมากทนนำ้า ทนนำ้ามันจากพืชและจากสัตว์ แต่ไม
                ่
บนซินและตัวทำาละลายอินทรีย์ เมือได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อ
                                 ่
และเปราะทีอุณหภูมตำ่ากว่าอุณหภูมหอง
           ่       ิ               ิ ้
การปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพยาง
ศ.2382 (ค.ศ.1839) ชาร์ล กูดเยียร์ นักประดิษฐ์
 ริกัน ค้นพบว่าเมือยางทำาปฏิกิริยากับกำามะถันในปริมาณ
                  ่
 ม ทีอุณหภูมกว่าจุดหลอมเหลวของกำามะถัน จะทำาให้ยางมีสภาพคง
      ่      ิ
มิต่างๆ ทนต่อความร้อน แสง และละลายในตัวทำาละลายยากขึ้น ซึง       ่
นการดังกล่าวว่า “วั ล คาไนเซชั น ” ปฏิกิริยาทีเกิดขึ้นเป็นดังนี้
                                              ่
เติมกำามะถันในปริมาณทีเหมาะสม จะเกิดพันธะ
                         ่
 ลนต์ของกำามะถันเชื่อมต่อระหว่างโซ่พอลิไอโซพรีน
างตำาแหน่ง เมือได้รับแรงกระทำา สายโซ่จะไม่เลื่อนหลุด
              ่
จากกันได้ง่าย จึงทำาให้ยางมีความยืดหยุนคงรูปร่างมากขึ้น
                                      ่
มซิ ล ิ ก า ซิ ล ิ เ กต และผงถ่ า น ยังช่วยเพิมความ
                                               ่
กร่งให้ยางทีนำาไปใช้ผลิตยางของยานยนต์ โดยเฉพาะ
                ่
ยิงผงถ่านจะช่วยป้องกันการสึกกร่อนและถูกทำาลายด้วย
  ่
ดดได้ดี ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ททำาจากยางธรรมชาติ ได้แก่
                               ี่
แพทย์ นำ้าร้อน ยางยืด ถุงยางอนามัย เบ้าหล่อตุ๊กตา ฟองนำ้าสำาหรับ
 อนและหมอน
ความก้ า วหน้ า
    ทางเทคโนโลยี
    ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ พ อ
    ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์
โลยีของการผลิตพอลิเมอร์มความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเ
                        ี
 ต่การเตรียมมอนอเมอร์ การเตรียมพอลิเมอร์ การศึกษาสมบัติทางก
 ะทางเคมีของพอลิเมอร์ การปรับปรุงสมบัติของพอลิเมอร์รวมทั้งกา
พอลิเมอร์เพื่อให้ได้ชิ้นงานทีมีรูปร่างแพร่หลาย สามารถแปรรูปให
                             ่
 ได้ขึ้นอยูกับประเภทของพลาสติก แล้วยังมีการเติมสารบางชนิดลง
           ่
พลาสติกมีสมบัติดีขึ้น เช่น เติมใยแก้วเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทน
ะแทกซึ่งมีชอเรียกกันทัวไปว่า ไฟเบอร์ ก ลาส
             ื่         ่
ชน์ ท างการแพทย์
 ไวนิ ล คลอไรด์ ผลิตถุงใส่เลือด เส้นเลือดเทียม
 สไตรี น ใช้ทำาหลอดฉีดยา
 โพรลี น ใช้ทำากระดูกเทียม เอ็นเย็บแผล
 เอทิ ล ี น ใช้ทำาอวัยวะเทียม เช่น ฟันปลอม ลิ้นหัวใจ กระเพาะปัสส
นำ้าดี
 เมทิ ล เมทาคริ เ ลต ใช้ทำาเลนส์สัมผัสทังชนิดแข็งและชนิดอ่อน
                                        ้
 คน จัดเป็นพอลิเมอร์อนินทรีย์ทใช้ทำาแม่พมพ์และใช้ในด้านศัลยก
                                  ี่      ิ
ชน์ ท างการก่ อ สร้ า ง
 ไตรีน–บิวทาไดอีน–สไตรีน (Styrene–Butadiene–Styrene = SB
 างมะตอยเป็นวัสดุเชื่อมรอยต่อของคอนกรีต เพือทำาหน้าที่รองรับก
                                           ่
 ของคอนกรีตเมือได้รับความร้อน ช่วยให้ยางมะตอยไม่เหลวมากใน
               ่
ห้งแตกจนหลุดออกจากรอยต่อในฤดูหนาว
ประโยชน์ ท างการเกษตร
      ใช้พลาสติกพีวีซคลุมดินเพือช่วยรักษาความชุ่มชื้น และ
                      ี         ่
      ป้องกันการถูกทำาลายของผิวดินใช้ทำาตาข่ายกันแมลงใน
      การปลูกผักปลอดสารพิษ ใช้พอลิเอทิลีนปูพนดินทีเป็นดินร่วน
                                             ื้      ่
      ปนทรายเพือช่วยให้สามารถกักเก็บนำ้าไว้ได้ และยังใช้เม็ดพล
                 ่
      ในดิน
      เหนียวเพื่อช่วยให้ดินร่วนขึ้นด้วย
ชน์ ด ้ า นอื ่ น ๆ
ช้เป็นสารช่วยยึดติดโดยใช้ทั้งในสภาพของแข็งและของเหลว เช่น
ลิไวนิลแอซีเตต หรือทีรู้จักกันดีในชื่อ “กาวลาเท็ ก ซ์ ” กาวอะคริลิก
                       ่
ยาโนอะคริเลต ที่รู้จักกันในชื่อของ “กาวอิ พ อกซี ” โดยทัวไปพอลิเ
                                                          ่
 นฉนวนกันไฟฟ้า แต่มพอลิเมอร์บางประเภทแสดงสมบัติเป็นสารกึ่ง
                         ี
ไฟฟ้าได้
ป็นพลาสติกทีผ่านกระบวนการเติมแก๊สเพื่อทำาให้เกิด
               ่
 าศจำานวนมากแทรกอยูระหว่างเนื้อพลาสติก
                       ่
ดแรกคือ ฟองนำ ้ า ยาง ซึ่งทำาได้โดยผสมโซเดียมไฮโดรเจน
นตกับนำ้ายางและให้ความร้อนจะได้แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์แทรก
จึงทำาให้เนื้อยางฟูและเป็นรูพรุน

ดทีมีสาร CFC แทรกอยู่เป็นฉนวนกันความร้อนและฉนวนไฟฟ้าทีด
   ่                                                                ่
าเป็นกล่องสำาหรับบรรจุอาหารต่างๆ เช่น กล่องใส่ไอศกรีม กล่องใส
ในปั จ จุ บ ั น ที ่ ท ราบแล้ ว ว่ า สาร CFC ก่ อ ให้ เ กิ ด ปรากฏการ
ะทลายแก๊ ส โอโซนในบรรยากาศ จึงมีการศึกษาวิจัยเพื่อใช้สา
ว่าแก๊สเพนเทนและบิวเทนสามารถนำามาใช้ผลิตโฟมแทน CFC
โฟมได้อีกหลายชนิด เช่น พีวีซี พอลิเอทิลีน และพอลิสไตรีน
ขอขอบคุ ณ ข้ อ มู ล ดี ๆ จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%
B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B
9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A
3%E0%B9%8C
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/topic8/
pproduct.html
school.obec.go.th/webpwtk/kosara/k_drra/pori.h
tm
http://polymer502.multiply.com/journal/item/6
รายชื ่ อ ผู ้ จ ั ด ทำ า
2. นางสาวนิภาวรรณ พลอยสารี       ชั้น ม.5/8
   เลขที่ 15
3. นางสาวณัฏนิชา    ตรงคง       ชั้น ม.5/8
   เลขที่ 24
4. นางสาวปิยะดา     ไทยประยูร   ชั้น ม.5/8
   เลขที่ 28
5. นางสาวพัชรพร      ไม้งาม     ชั้น ม.5/8
   เลขที่ 32
6. นางสาวอินทิรา    งามวิไลพันธ์ ชั้น ม.
พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์

More Related Content

What's hot

เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์
เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์
เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์Wichai Likitponrak
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdfแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdfKatewaree Yosyingyong
 
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์Pat Jitta
 
บท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีบท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีWichai Likitponrak
 
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
 
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีJariya Jaiyot
 
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมีบทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมีJariya Jaiyot
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2oraneehussem
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์สมศรี หอมเนียม
 
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4page
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4pageใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4page
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4pagePrachoom Rangkasikorn
 
03. ใบงาน 5 ปรับ
03. ใบงาน 5 ปรับ03. ใบงาน 5 ปรับ
03. ใบงาน 5 ปรับWijitta DevilTeacher
 
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์Ponpirun Homsuwan
 
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหาร
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหารวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหาร
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหารKatewaree Yosyingyong
 
01 โครงสร้างอะตอม
01 โครงสร้างอะตอม01 โครงสร้างอะตอม
01 โครงสร้างอะตอมkruannchem
 
สมบัติของสารและการจำแนก
สมบัติของสารและการจำแนกสมบัติของสารและการจำแนก
สมบัติของสารและการจำแนกSupaluk Juntap
 

What's hot (20)

เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์
เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์
เคมีพื้นบท5พอลิเมอร์
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdfแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdf
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 อนุภาคในอะตอม.pdf
 
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
ใบความรู้ที่ 1 สภาพขั้วของโมเลกุลโคเวเลนต์
 
บท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมีบท2ปฏิกิริยาเคมี
บท2ปฏิกิริยาเคมี
 
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเปลี่ยนแปลงพลังงานและการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมีบทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
บทที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
 
Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์Polymer : พอลิเมอร์
Polymer : พอลิเมอร์
 
ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2ใบงาน 3.1 3.2
ใบงาน 3.1 3.2
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
 
พลังงาน (Energy)
พลังงาน (Energy)พลังงาน (Energy)
พลังงาน (Energy)
 
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4page
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4pageใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4page
ใบความรู้+เมฆในท้องฟ้ามีลักษณะอย่างไร+ป.5+279+dltvscip5+55t2sci p05 f07-4page
 
03. ใบงาน 5 ปรับ
03. ใบงาน 5 ปรับ03. ใบงาน 5 ปรับ
03. ใบงาน 5 ปรับ
 
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์
พลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์
 
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหาร
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหารวิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหาร
วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 เรื่อง อาหาร
 
01 โครงสร้างอะตอม
01 โครงสร้างอะตอม01 โครงสร้างอะตอม
01 โครงสร้างอะตอม
 
โมเมนตัมและการชน
โมเมนตัมและการชนโมเมนตัมและการชน
โมเมนตัมและการชน
 
บทที่ 3 พลังงานทดแทน
บทที่  3 พลังงานทดแทนบทที่  3 พลังงานทดแทน
บทที่ 3 พลังงานทดแทน
 
ดิน
ดินดิน
ดิน
 
สมบัติของสารและการจำแนก
สมบัติของสารและการจำแนกสมบัติของสารและการจำแนก
สมบัติของสารและการจำแนก
 

Similar to พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์

สารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลสารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลkruaoijaipcccr
 
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdf
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdfหน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdf
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdfNutnutNutnut3
 
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2kasidid20309
 
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)kruaoijaipcccr
 
บทที่ 5 พอลิเมอร์
บทที่ 5 พอลิเมอร์บทที่ 5 พอลิเมอร์
บทที่ 5 พอลิเมอร์Jariya Jaiyot
 
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์บทที่ 11 เคมีอินทรีย์
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์oraneehussem
 
Wcs polymer-120402100823-phpapp01
Wcs polymer-120402100823-phpapp01Wcs polymer-120402100823-phpapp01
Wcs polymer-120402100823-phpapp01Triwat Talbumrung
 
Protein
Protein Protein
Protein 34361
 
พอลิเมอร์
พอลิเมอร์พอลิเมอร์
พอลิเมอร์IzmHantha
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfBoviBow
 
9789740331209
97897403312099789740331209
9789740331209CUPress
 
Onet เคมี M6
Onet เคมี M6Onet เคมี M6
Onet เคมี M6oraneehussem
 
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryเคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryporpia
 

Similar to พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์ (20)

สารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุลสารชีวโมเลกุล
สารชีวโมเลกุล
 
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdf
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdfหน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdf
หน่วยการเรียนรู้ที่๔.pdf
 
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2
เรื่องสารเคมีภายในเซลล์ cytochemistry ตอนที่ 2
 
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)
สารชีวโมเลกุล(Biomolecule)
 
บทที่ 5 พอลิเมอร์
บทที่ 5 พอลิเมอร์บทที่ 5 พอลิเมอร์
บทที่ 5 พอลิเมอร์
 
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์บทที่ 11 เคมีอินทรีย์
บทที่ 11 เคมีอินทรีย์
 
Wcs polymer-120402100823-phpapp01
Wcs polymer-120402100823-phpapp01Wcs polymer-120402100823-phpapp01
Wcs polymer-120402100823-phpapp01
 
Protein
Protein Protein
Protein
 
Protein
ProteinProtein
Protein
 
ชีวเคมี
ชีวเคมีชีวเคมี
ชีวเคมี
 
พอลิเมอร์
พอลิเมอร์พอลิเมอร์
พอลิเมอร์
 
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdfเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต.pdf
 
1482139114.ppt
1482139114.ppt1482139114.ppt
1482139114.ppt
 
Chemical bond
Chemical bondChemical bond
Chemical bond
 
9789740331209
97897403312099789740331209
9789740331209
 
Plastic1
Plastic1Plastic1
Plastic1
 
Organicpds
OrganicpdsOrganicpds
Organicpds
 
Onet เคมี M6
Onet เคมี M6Onet เคมี M6
Onet เคมี M6
 
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistryเคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
เคมีอินทรีย์ Organic-chemistry
 
Bond
BondBond
Bond
 

More from Sutisa Tantikulwijit

เรื่อง แอลกอฮอล์
เรื่อง แอลกอฮอล์เรื่อง แอลกอฮอล์
เรื่อง แอลกอฮอล์Sutisa Tantikulwijit
 
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมี
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมีแบบทดสอบก่อนปิโตรเคมี
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมีSutisa Tantikulwijit
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงSutisa Tantikulwijit
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงSutisa Tantikulwijit
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงSutisa Tantikulwijit
 
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงSutisa Tantikulwijit
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีSutisa Tantikulwijit
 
การสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียมการสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียมSutisa Tantikulwijit
 

More from Sutisa Tantikulwijit (13)

เรื่อง แอลกอฮอล์
เรื่อง แอลกอฮอล์เรื่อง แอลกอฮอล์
เรื่อง แอลกอฮอล์
 
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมี
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมีแบบทดสอบก่อนปิโตรเคมี
แบบทดสอบก่อนปิโตรเคมี
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
 
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงแบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
แบบทดสอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
 
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวงสารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนแบบวง
 
อันแรก
อันแรกอันแรก
อันแรก
 
Rate
RateRate
Rate
 
เคมี1
เคมี1เคมี1
เคมี1
 
Rate
RateRate
Rate
 
2
22
2
 
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมีบทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
บทเรียนแบบโปรแกรมวิชาเคมี
 
การสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียมการสำรวจปิโตรเลียม
การสำรวจปิโตรเลียม
 

พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์

  • 1. พ อ ลิ เ ม อ ร์ POLYME R
  • 2. ลิ เ มอร์ (polymer) หมายของพอลิเมอร์นนมาจากรากศัพท์กรีกสำาคัญ ั้ อ P o l y (จำานวนมาก) และ M e r o s (ส่วนหรือหน่วย) มอร์เป็นสารโมเลกุลขนาด ใหญ่ (Macromolecule) พอลิเมอร์นนจั้ อบไปด้วยหน่วยซำ้าๆ กัน (repeating unit) ของมอนอเมอร์ (Monom ๆ หน่วยมาทำาปฏิกริยากัน ิ อเมอร์จัดเป็นสารไมโครโมเลกุล (Micromolecule) ชนิดหนึ่ง พอล อบด้วยหน่วยย่อยหรือมอนอเมอร์ชนิดเดียวกันทังหมดจัดเป็น“โฮโ ้ มอร์ (Homopolymer)” แต่ถ้ามีมอนอเมอร์ต่างกันตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้น “โคพอลิ เ มอร์ (Copolymer)”
  • 3. บางอย่างทีมสมบัติอย่างพอลิเมอร์ เช่น สารพวกไขมัน ่ ี ต่ละหน่วยทีไม่ซำ้ากันนั้นจะเป็นเพียงแค่สารแมคโคร ่ ลกุลเท่านัน และไม่จัดเป็นพอลิเมอร์ ้ พอลิเมอร์มทงที่เกิดเองในธรรมชาติ (Natural ี ั้ polymer) และพอลิเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic polymer) ตัวอย่าง พอลิ เ มอร์ ธ รรมชาติ เช่น แป้ง เซลลูโลส โปรตีน กรดนิวคลีอิกและยางธรรมชาติ พอลิ เ มอร์ สั ง เคราะห์ เช่น พลาสติก เส้นใย โฟม และกาว
  • 4. เขี ย นชื ่ อ พอลิ เ มอร์ ห รื อ โพลิ เ มอร์ ษาไทยมีการใช้คำาว่า พอลิเมอร์ และ โพลิเมอร์ ยปัจจุบัน ทางราชบัณฑิตยสถานกำาหนดว่าให้ใช้คำาว่า เมอร์ " าการศึ ก ษาเกี ่ ย วกั บ พอลิ เ มอร์ ก่ เคมีพอลิเมอร์, ฟิสิกส์พอลิเมอร์ และวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์ ชีวิตประจำาวัน เราต้องใช้ประโยชน์จากพอลิเมอร์ เพราะพอลิเมอร์แต่ละชนิดมีสมบัติต่างกัน จึงนำา หน้าทีหรือนำาไปใช้งานทีต่างกันได้ ่ ่
  • 5. ร์ทเป็นทีนิยมใช้มากทีสุดคือ “พลาสติ ก ” ี่ ่ ่ าทีใช้อ้างถึงกลุ่มของวัสดุธรรมชาติและสังเคราะห์ ่ ญ่ทมคุณสมบัติและการใช้งานต่างกัน พอลิเมอร์ธรรมชาติ ี่ ี ล็กและอำาพันที่ ใช้มาเป็นเวลากว่าศตวรรษ หรือจะเป็นพอลิเมอร์ชีว รตีนและกรดนิวคลีอิกทีมบทบาทสำาคัญในกระบวนการทางชีวภาพ ่ ี ร์ธรรมชาติอื่นๆ เช่น เซลลูโลสทีเป็นองค์ประกอบหลักของกระดาษแ ่ ร์สังเคราะห์ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ บาเกไลต์, นีโอพรีน, ไนลอน, พ รีน, พอลิอคริโลไนไตรล์ และพีวีบี
  • 6. เรี ย กชื ่ อ พอลิ เ มอร์ แ บบมาตรฐาน รียกชื่อพอลิเมอร์หลายวิธี พอลิเมอร์ทใช้ทวไป ี่ ั่ หญ่ใช้ชื่อสามัญที่เคยใช้ในอดีตมากกว่าชื่อทีตั้งตามแบบมาตรฐาน ่ าคมเคมีอเมริกันและไอยูแพก (IUPAC) ได้กำาหนดการตั้งชื่อแบบม วามคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกันทังหมด ชื่อที่เป็นมาตรฐานทังสอง ้ ้ อทีแสดงถึงชนิดของหน่วยย่อยทีประกอบเป็นพอลิเมอร์มากกว่าจะบ ่ ่ ชาติของหน่วยที่ซำ้าๆ กันในสาย ตัวอย่างเช่น พอลิเมอร์ทสังเคราะห ี่ นเรียกว่า “พอลิ เ อทิ ล ี น ” ยังคงลงท้ายด้วย –อีน แม้ว่าพันธะคู่จะหา างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์
  • 7. รงสร้ า งของพอลิ เ มอร์ มีโครงสร้างอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน หากจำ า แนก สร้ า งของสายโซ่ (Classification by chain structure) มอร์ ส ายตรง (Linear polymer) พอลิเมอร์ชนิดนีจะเป็นโซ่ตร ้ กันมากว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอม มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง PVC ตรีน พอลิเอทิลีน โครงสร้างอย่างง่ายของโฮโมพอลิ เ มอร์ จะเป็นด A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A linear homopolymer
  • 8. นโคพอลิ เ มอร์ มรูปแบบดังนี้ ี B-A-B-A-B-A-B-A-B ing copolymer (เป็นพอลิเมอร์ที่เรียงสลับกันเป็นช่วงหน่วยต่อหน่ว A-B-B-B-B-A-A-A-A copolymer (เป็นกลุ่มของมอนอเมอร์ทเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม) ี่ A-A-B-A-B-A-A-B-B om copolymer (เป็นมอนอเมอร์ที่เรียงสลับกันอย่างอิสระ)
  • 9. มอร์ ก ิ ่ ง สาขา (graft polymer) พอลิเมอร์ชนิดนี้ ระกอบสองส่วน คือ ส่วนทีเป็นโซ่หลักและส่วน ่ ง โดยโซ่หลักจะต้องประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิด น ส่วนมอนอเมอร์อีกชนิดจะเป็นโซ่กิ่ง ทำาให้ไม่สามารถจัดเรียง อร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวตำ่า ยืดหย ยวตำ่า โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้งายเมืออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ่ ่ อลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นตำ่า
  • 10. มอร์ ร ่ า งแห (Cross-link polymer) มอร์ทเป็นร่างแหมีสายหลายสายเชื่อมต่อกัน ี่ ดทั้งโฮโมพอลิเมอร์และโคพอลิเมอร์ พอลิเมอร์ชนิดนี้ ข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่าง เบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำาถ้วยชา
  • 11. เมอร์ แ บบขั ้ น บั น ได (Ladder polymers) างแบบขั้นบันไดเกิดขึ้นเมือพอลิเมอร์เส้นตรง ่ ลกุลที่เรียงตัวขนานกัน เกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล กัน พอลิเมอร์ประเภทนีมความเสถียรมาก สามารถประยุกต์ ้ ี ปกรณ์ททนความร้อนได้สูง ตัวอย่าง พอลิเมอร์ทนไฟ ทีมชื่อทางก ี่ ่ ี k orlon ทีเตรียมได้จากพอลิคริโลไนไตร์ท (polyacrylonitrile) ่
  • 12. ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์ สังเคราะห์พอลิเมอร์เป็นกระบวนการของการรวม กุลขนาดเล็กๆ ทีเป็นหน่วยย่อยเข้าด้วยกันด้วยพันธะโควาเลนต์ ่ หว่างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์ หมูทางเคมีบางตัวจะหลุดออกจาก ่ ยย่อย หน่วยย่อยในพอลิเมอร์จะเป็นหน่วยซำ้าๆกัน จกระทำาได้หลายวิธี อาทิเช่น * การสังเคราะห์ในห้องแลบ วิธีการในห้องแลบแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มค คราะห์แบบควบแน่นและการสังเคราะห์แบบเติม อย่างไรก็ตาม วิธีก ว่าเช่นการสังเคราะห์แบบของเหลว ไม่สามารถจัดเข้าในกลุ่มใดได าการสังเคราะห์พอลิเมอร์อาจเกิดขึ้นโดยมีหรือไม่มตัวเร่งก็ได้ ในป ี กษาทางด้านการสังเคราะห์พอลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น โปรตีนในห้อง
  • 13. การสังเคราะห์ทางชีวภาพ พอลิเมอร์ธรรมชาติ คือ พอลิ แ ซคคาไรด์ พอลิ เ ปบไทด์ และพอลิ น ิ ว ทด์ ในเซลล์ พอลิเมอร์เหล่านี้ถูกสังเคราะห์ดวยเอนไซม์ ้ สร้างดีเอ็นเอด้วยเอนไซม์ดีเอ็นเอ พอลิเมอเรส การสังเคราะห์โปรต กับการใช้เอนไซม์ทซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับการถอดรหัสทางพันธ ี่ อ แล้วจึงถ่ายทอดรหัสจากดีเอ็นเอเป็นข้อมูลของลำาดับกรดอะมิโน าจถูกดัดแปลงหลังจากการแปลรหัสเพือให้มโครงสร้างเหมาะสมกับ ่ ี น
  • 14. การดัดแปลงพอลิเมอร์ธรรมชาติ ร์ที่มความสำาคัญในทางการค้าหลายชนิด ี ห์จากการดัดแปลงพอลิเมอร์ธรรมชาติทางเคมี เช่นปฏิกิริยาระหว่างกรดไนตริกกับเซลลูโลส เกิดเป็นไนโตรเซลล ทำาให้ยางธรรมชาติแข็งตัวโดยการเติมกำามะถัน
  • 15. กิ ร ิ ย าพอลิ เ มอไรเซชั น เมอไรเซชั น (Polymerization) ฏิกิริยาการเตรียมพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์ ซึ่งปฏิกริยามี 4 ประเภท ิ ** พอลิเมอไรเซชันแบบขั้น หรือ ควบแน่น           ** พอลิเมอไรเซชันแบบลูกโซ่แรดิคัล หรือ เพิมเข้า   ่ ** พอลิเมอไรเซชันแบบไอออนิก ** พอลิเมอไรเซชันแบบโคออร์ดิเนชัน
  • 16. 1. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบขั ้ น หรื อ ควบแน่ น (Step or Condensation Polymerization) ในการเตรีเ มอไรเซชั น ระเภทนีจทีนวนของหมูฟังก์ชันมีความ 1.1 พอลิ ยมพอลิเมอร์ปแบบขั ้ น ำา ่ เ ป็ น เส้ น ตรง (Linear ้ ่ สำาคัญมาก Step Polymerization) ตัวอย่าง เช่นการเตรียมเอสเทอร์จากปฏิกิริยาระหว่างหมูคาร์ ่ บอกซิลิกและหมู่ ไฮดรอกซิลในโมเลกุลของกรดอะซิติกและเอธานอล ซึ่งทังสอง ้ โมเลกุลมีหมู่ฟงก์ชัน ั เพียงหมูเดียว (monofunctional compounds) ผลิตภัณฑ์ของ ่ ปฏิกิริยาทีได้คือ ่ เอธิลอะซิเตตและนำ้า ดังสมการ
  • 17. ไนลอน 6,6 พอลิยเรีย ู ฟอร์มาลดีไฮด์ (UF : Urea formaldehyde)
  • 18.  1.2 พอลิ าระหว่างมอนอเมอร์ซ้ นมีหไ ม่ เ ป็ ชันนัน ตรง เป็นปฏิกิริย เ มอไรเซชั น แบบขั ึ่ง ที ่ มูฟงก์น เส้ ล ่ ั (Non-Linear Step Polymerization) มากกว่า 2 หมู่ ในขั้นแรกจะได้โครงสร้างของพอลิเมอร์ทมกิ่งก้าน และ ี่ ี หลังจากนันจะมีการเพิม ้ ่ ขนาดหรือนำ้าหนักโมเลกุลอย่างรวดเร็ว และในทีสุดแล้ว ่ จะได้พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห ซึ่งมีสมบัติแตกต่าง จากพอลิเมอร์แบบเส้นตรง ตัวอย่างปฏิกริยาระหว่างได ิ คาร์บอกซิลิก แอซิค (dicarboxylic acid : R(COOH)2) และ ไตรออล (triol : RP'P(OH)3) ซึ่งมีหมูฟังก์ชันนัล 3 ่ หมู่
  • 19. ลิเมอร์ประเภทฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde-based resins) พอลิเมอร์แบบร่างแหชนิดแรกซึ่งเตรียมโดยพอลิเมอไรเซชันแบบข ถูกใช้ทางการค้า เช่น ฟอมาลดีไฮด์ ยูเรีย ฟีนอล
  • 20. 2. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบลู ก โซ่ แ รดิ ค ั ล หรื อ เพิ ่ ม เข้ า เกิดขึ้นโดยการเพิมมอนอเมอร์เข้าทีปลายสายโซ่โมเลกุล ่ ่ (Radical Chain or Addition ทีมแรดิคัลเป็น ่ ี ตำาPolymerization)ปฏิกิริยา (free-radical แหน่งทีว่องไวต่อการเกิด ่ reactive site) มอนอเมอร์ทสามารถเกิดพอลิเมอไรเซชันประเภทนี้เป็น ี่ ประเภทไวนิลมอนอเมอร์ (vinyl monomer : CH2=CHX) กลไกของพอลิเมอไรเซ ** อินนิแบ่อชัน (initiation) เกี่ยวข้องกับการสร้างแรดิคัล ชัน ทเ งเป็น 3 ขั้น คือ ิ ซึ่งเป็นตำาแหน่งที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยา ** โปรปาเก ชัน (propagation) เกี่ยวข้องกับการเจริญ เติบโต หรือการเพิมขนาดของสายโซ่โมเลกุลพอลิเมอร์ ่ อย่างรวดเร็ว ** เทอร์มเนชัน (termination) เป็นขั้นสิ้น ิ สุดการเจริญเติบโตของพอลิเมอร์ โดยมีทงแบบรวมตัว ั้
  • 21. พอลิสไต รีน พอลิ เอทิลีน
  • 22. อลิ เ มอไรเซชั น แบบไอออนิ ก c Polymerization) เมอไรเซชันแบบไอออนิกของไวนิลมอนอเมอร์ ารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ **่งแคทไอออนิกงไวต่อการเกิด น (cationic polymerization) ซึ ตำาแหน่งที่ว่อพอลิเมอไรเซชั ปฏิกิริยาเป็นประจุบวก (carbonium ion) เมือ X เป็นหมู่แทนทีทให้อิเล็กตรอน สามารถเกิดเรโซแนนซ์ ่ ่ ี่ หรือดีโลคัลไลซ์ ** แอนไอออนิกพอลิวกได้ (delocalize) ประจุบเมอไรเซชัน (anionic polymerization) อการเกิด ปฏิกริยาเป็นประจุลบ มีตำาแหน่งทีว่องไวต่ ่ ิ (carbanion) เมื่อ X เป็นหมูแทนทีที่สามารถดึง ่ ่ อิเล็กตรอนหรือดีโลคัลไลซ์ประจุลบได้
  • 23. ใน ปี ค.ศ. 1955 ซีเกลอร์ (Ziegler) และแนตตา (Natta) ได้ค้นพบ 4.เร่พอลิิริยาทีสามารถใช้สแบบโคออร์ ดทมี น ตัว งปฏิก เ มอไรเซชั น ังเคราะห์พอลิเมอร์ ิ เ ี่ นชั ่ (Coordination Polymerization) ลักษณะเฉพาะทางสเตอริโอ เคมีได้และเรียกตัวเร่งทีใช้ว่าตัวเร่งซีเกลอร์-แนตตา ่ (Ziegler-Natta catalyst) พอลิเมอไรเซชันที่ใช้ตัวเร่งนี้มชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ี “พอลิ อ ิ น เซอชั น ” (polyinsertion) เนื่องจากในขั้นโปรปาเกชันกลไกของ ปฏิกิริยาเกิดโดยการ แทรก (insert) ของมอนอเมอร์เข้าไประหว่างตัวเร่งและ สายโซ่ที่กำาลังเจริญ เติบโต ส่วนชื่อ “พอลิ เ มอไรเซชั น แบบโคออร์ ด ิ เ น ชั น ” ซึ่งเป็นทีนยมใช้มากกว่า ่ ิ แสดงให้เห็นถึงกลไกการทำางานของตัวเร่งปฏิกิริยาแบบ
  • 25. ผลิ ต ภั ณ ฑ์ จ าก พอลิ เ มอร์ 1. พลาสติ ก (Plastic) ติ ก เป็นสารประกอบอินทรียทสังเคราะห์ขึ้นใช้แทนวัสดุธรรมชาต ์ ี่ นิดเมือเย็นก็แข็งตัว เมือถูกความร้อนก็อ่อนตัว บางชนิดแข็งตัวถาว ่ ่ ยชนิด เช่น ไนลอน ยางเทียม ใช้ทำาสิ่งต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ฟิล์ม ภาช ระกอบเรือหรือรถยนต์
  • 26. องพลาสติ ก จำ า แนกตามการตอบสนองต่ อ อุ ณ หภู ม ิ sification by thermal behaviour) พอลิเมอร์ปมพลาสติ ก (Thermoplastics) อแบบกิง 1. เทอร์ โ ระเภทนีมโครงสร้างแบบเส้นตรงหรื ้ ี ่ เมือให้ความร้อนจะ ่ หลอมและอ่อนตัวไปเรื่อยๆ แต่เมือให้ความเย็นจะแข็งตัว ่ สามารถหลอมและนำา กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งทีเรียกว่า การรี ไ ซเคิ ล ่ (Recycle) เช่น พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน พอลิสไตรีน
  • 27. เป็นพอลิเมอร์ทเกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล ี่ ทำาให้มโครงสร้างแบบร่างแห ไม่ละลายแต่อาจบวมตัว ี 2. (swell)โ มเซ็ ท (Thermosets) เทอร์ ในตัวทำาละลาย เมือโดนความร้อนจะไม่หลอม ถ้าให้ ่ ความร้อนมากจะไหม้ พันธะทีเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลจะสลายตัวได้สารทีมี ่ ่ สมบัติไม่เหมือนเดิม ดังนันพอลิเมอร์ประเภทนีจึงไม่สามารถหลอมนำากลับมา ้ ้ ใช้ใหม่ได้ แต่ข้อดีคือ มี ค วามแข็ ง แรงสู ง เช่น ยางธรรมชาติทผ่านการวัลคา ี่ ไนซ์แล้วจะมีความยืดหยุนสูง ่ ซึ่งเมือพิจารณาจากสมบัติแล้วพบว่า ยางธรรมชาติกอนที่ ่ ่ จะเกิดการวัลคาไนซ์เป็น เทอร์โมพลาสติก แต่หลังจากการวัลคาไนซ์แล้วพบว่าเป็น เทอร์โมเซ็ท
  • 28. าสติ ก ย่ อ ยสลายได้ ท างชี ว ภาพ odegradable plastic หรือ mpostable plastic) มักเรียกว่า “พลาสติ ก ชี ว ภาพ” เป็นพลาสติกทีถูก ่ ออกแบบมาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี ภาย ใต้สภาวะแวดล้อมที่กำาหนดไว้โดยเฉพาะ จึงทำาให้สมบัติต่างๆ ของพลาสติกลดลงภายในช่วง เวลาหนึ่ง โดยกาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีดัง กล่าวต้องเกิดจากการทำางานของจุลินทรียในธรรมชาติ ์ เท่านัน สามารถวัดได้โดยวิธีการทดสอบมาตรฐาน ซึ่ง ้ วัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทนที่ เกิดขึ้น
  • 29. 2. เส้ น ใย (Fiber) ย เป็นพอลิเมอร์อีกชนิดหนึงที่เรานำามาใช้ประโยชน์ ่ ตประจำาวัน เช่น ใช้ทำาเครื่องนุงห่ม ใช้ทำาเครื่องใช้ ่ น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.เส้นใยจากธรรมชาติ (Nature Fiber) ได้แก่ เส้นใยทีมี ่ อยูในธรรมชาติ ่ 1.1 เส้ น ใยจากพื ช ได้แก่ เส้นใยจากเซลลูโลส เป็นเส้นใยที่ประกอบด้วย เซลลูโลสทีได้จากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ป่าน ปอ ลินน ่ ิ ศรนารายณ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นโฮโมพอลิเมอร์ทมกลูโคสจำานวนมาก ี่ ี 1.2 เส้ น ใยจากสั ต ว์ ได้แก่ เส้นใยโปรตีน เช่น
  • 30. 1.3 เส้ น ใยจากสิ น แร่ ได้แก่ ใยหิน ทนต่อการกัดกร่อนของสาร เคมี ทนไฟ ไม่นำาไฟฟ้า ะข้ อ เสี ย ของเส้ น ใยธรรมชาติ ยจากธรรมชาติสามารถดูดซับนำ้าได้ดี ระบายอากาศได้ดี วรู้สกสบาย ไม่ร้อน ึ ยจากธรรมชาติบางชนิด เช่น ฝ้าย เมือนำามาทอเป็นผ้าเพือ ่ ่ ะขึ้นราได้ง่าย ส่วนผ้าไหมจะหดตัวเมือได้รับความร้อนและความชื้น ่ รรมชาติบางชนิดต้องผลิตด้วยมือ ถ้าผลิตด้วยเครื่องจักรจะได้เส้นใ าพไม่ดีและมีการสูญเสียมาก เช่น ลินน ป่าน  ิ
  • 31. 2. เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic fiber) เป็นเส้นใยที่ มนุษย์สงเคราะห์ขึ้นจากสารอนินทรียหรือสาร ั ์ อินทรีย์ ใช้ทดแทนเส้นใยจากธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท 2.1 เส้ น ใยพอลิ เ อสเตอร์ เช่น เทโทรอน ใช้บรรจุในหมอน เพราะมีความฟูยืดหยุนไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง ่ 2.2 เส้ น ใยพอลิ เ อไมด์ เช่น ไนลอน ใช้ใน การทำาเสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงน่อง ขนแปรงต่างๆ สายกีต้าร์ สายเอ็น ไม้แร็กเก็ต งเคราะห์บางชนิดมีสมบัติดีกว่าเส้นใยธรรมชาติ เช่น มีความทนทาน เป็นต้น เชื้อรา แบคทีเรีเส้ไม่ใยอะคริ ลดูดนำ้านทนทานต่อสารเคมี ซึกง่าย 2.3 ย น ยับง่าย ไม่ ิ ก เช่ โอรอนใช้ในการ ตัวอย่างเส้นใยทีานวม ผ้าอย่างแพร่หม ร่มชายหาด ทำาเสือผ้า ผ้ นำามาใช้ ขนแกะเทีย ลาย เช่น ไนลอน และโอรอน ้ ่ หลังคากันแดด ผ้าม่าน พรม เป็นต้น
  • 32. ลู โ ลสแอซี เ ตต” นใยกึ่งสังเคราะห์ชนิดแรกทีสงเคราะห์ขึ้นจากการ ่ ั ลลูโลสมาทำาปฏิกิริยากับกรดแอซีติกเข้มข้น โดยมี ลฟิวริกเข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เซลลูโลสแอซีเตต ส้นใย และผลิตเป็นแผ่นพลาสติก ทำาแผงสวิตช์และหุ้มสายไฟฟ้า  3. เส้นใยกึงสังเคราะห์ เป็นเส้นใยทีได้จากการนำา ่ ่ สารจากธรรมชาติ มาปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น การนำาเซลลูโลสจากพืช มาทำาปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เส้นใยกึ่ง สังเคราะห์นำามาใช้ประโยชน์
  • 33. 3. ยาง (Rubber ) อวัสดุพอลิเมอร์ทประกอบด้วยไฮโดรเจนและคาร์บอน ี่ วัสดุทมความยืดหยุนสูง ยางทีมต้นกำาเนิดจากธรรมชาติจะมา ี่ ี ่ ่ ี งเหลวของพืชบางชนิด ซึงมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายนำ้านม ่ เป็นคอลลอยด์ อนุภาคเล็ก มีตัวกลางเป็นนำ้ายางในสภาพของเหลว “นำ ้ า ยาง” ยางทีเกิดจากพืชนีเรียกว่า “ยางธรรมชาติ” ในขณะเดีย ่ ้ ามารถสร้างยางสังเคราะห์ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม
  • 34. การเก็บนำ้ายางดิบไว้เป็นเวลานานจะต้องเติม เนียลงไปเพือเป็นสารกันบูดและป้องกันการจับตัว ่ ยาง การแยกเนือยางจากนำ้ายางทำาได้โดยเติม ้ งชนิด เช่น กรดแอซีติก (CH3COOH) หรือกรดฟอร์มก (HCOOH) ิ เพือทำาให้เนื้อยางรวมตัวเป็นก้อนตกตะกอนแยกออกมา ่ ไปนำ้ายางสดมีเนือยางอยูประมาณร้อยละ 25-45 ทังนี้ ขึ้นกับพันธุ์ย ้ ่ ้ งต้นยาง  และฤดูกาลกรีดยาง เนือยางทีได้เรียกว่า ยางดิ บ ้ ่ โครงสร้างโมเลกุล ของยาง
  • 35. รงสร้างทางเคมีของเนือยางประกอบด้วยมอนอ ้ ร์ไอโซพรีน (isoprene) ทีเชื่อมต่อกันอยู่ในช่วง ่ 00 ถึง 15000 หน่วย มีสูตรดังนี้ ไอโซพรีน (isoprene) งยาง : มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งเกิดจากโครงสร้างโมเลกุลของยางทีม ่ มาเป็นวงและบิดเป็นเกลียว ยางพารามีความต้านทานแรงดึงสูง ขัดถู เป็นฉนวนทีดีมากทนนำ้า ทนนำ้ามันจากพืชและจากสัตว์ แต่ไม ่ บนซินและตัวทำาละลายอินทรีย์ เมือได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อ ่ และเปราะทีอุณหภูมตำ่ากว่าอุณหภูมหอง ่ ิ ิ ้
  • 36. การปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพยาง ศ.2382 (ค.ศ.1839) ชาร์ล กูดเยียร์ นักประดิษฐ์ ริกัน ค้นพบว่าเมือยางทำาปฏิกิริยากับกำามะถันในปริมาณ ่ ม ทีอุณหภูมกว่าจุดหลอมเหลวของกำามะถัน จะทำาให้ยางมีสภาพคง ่ ิ มิต่างๆ ทนต่อความร้อน แสง และละลายในตัวทำาละลายยากขึ้น ซึง ่ นการดังกล่าวว่า “วั ล คาไนเซชั น ” ปฏิกิริยาทีเกิดขึ้นเป็นดังนี้ ่
  • 37. เติมกำามะถันในปริมาณทีเหมาะสม จะเกิดพันธะ ่ ลนต์ของกำามะถันเชื่อมต่อระหว่างโซ่พอลิไอโซพรีน างตำาแหน่ง เมือได้รับแรงกระทำา สายโซ่จะไม่เลื่อนหลุด ่ จากกันได้ง่าย จึงทำาให้ยางมีความยืดหยุนคงรูปร่างมากขึ้น ่
  • 38. มซิ ล ิ ก า ซิ ล ิ เ กต และผงถ่ า น ยังช่วยเพิมความ ่ กร่งให้ยางทีนำาไปใช้ผลิตยางของยานยนต์ โดยเฉพาะ ่ ยิงผงถ่านจะช่วยป้องกันการสึกกร่อนและถูกทำาลายด้วย ่ ดดได้ดี ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ททำาจากยางธรรมชาติ ได้แก่ ี่ แพทย์ นำ้าร้อน ยางยืด ถุงยางอนามัย เบ้าหล่อตุ๊กตา ฟองนำ้าสำาหรับ อนและหมอน
  • 39. ความก้ า วหน้ า ทางเทคโนโลยี ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ พ อ ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์ โลยีของการผลิตพอลิเมอร์มความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเ ี ต่การเตรียมมอนอเมอร์ การเตรียมพอลิเมอร์ การศึกษาสมบัติทางก ะทางเคมีของพอลิเมอร์ การปรับปรุงสมบัติของพอลิเมอร์รวมทั้งกา พอลิเมอร์เพื่อให้ได้ชิ้นงานทีมีรูปร่างแพร่หลาย สามารถแปรรูปให ่ ได้ขึ้นอยูกับประเภทของพลาสติก แล้วยังมีการเติมสารบางชนิดลง ่ พลาสติกมีสมบัติดีขึ้น เช่น เติมใยแก้วเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทน ะแทกซึ่งมีชอเรียกกันทัวไปว่า ไฟเบอร์ ก ลาส ื่ ่
  • 40. ชน์ ท างการแพทย์ ไวนิ ล คลอไรด์ ผลิตถุงใส่เลือด เส้นเลือดเทียม สไตรี น ใช้ทำาหลอดฉีดยา โพรลี น ใช้ทำากระดูกเทียม เอ็นเย็บแผล เอทิ ล ี น ใช้ทำาอวัยวะเทียม เช่น ฟันปลอม ลิ้นหัวใจ กระเพาะปัสส นำ้าดี เมทิ ล เมทาคริ เ ลต ใช้ทำาเลนส์สัมผัสทังชนิดแข็งและชนิดอ่อน ้ คน จัดเป็นพอลิเมอร์อนินทรีย์ทใช้ทำาแม่พมพ์และใช้ในด้านศัลยก ี่ ิ ชน์ ท างการก่ อ สร้ า ง ไตรีน–บิวทาไดอีน–สไตรีน (Styrene–Butadiene–Styrene = SB างมะตอยเป็นวัสดุเชื่อมรอยต่อของคอนกรีต เพือทำาหน้าที่รองรับก ่ ของคอนกรีตเมือได้รับความร้อน ช่วยให้ยางมะตอยไม่เหลวมากใน ่ ห้งแตกจนหลุดออกจากรอยต่อในฤดูหนาว
  • 41. ประโยชน์ ท างการเกษตร ใช้พลาสติกพีวีซคลุมดินเพือช่วยรักษาความชุ่มชื้น และ ี ่ ป้องกันการถูกทำาลายของผิวดินใช้ทำาตาข่ายกันแมลงใน การปลูกผักปลอดสารพิษ ใช้พอลิเอทิลีนปูพนดินทีเป็นดินร่วน ื้ ่ ปนทรายเพือช่วยให้สามารถกักเก็บนำ้าไว้ได้ และยังใช้เม็ดพล ่ ในดิน เหนียวเพื่อช่วยให้ดินร่วนขึ้นด้วย ชน์ ด ้ า นอื ่ น ๆ ช้เป็นสารช่วยยึดติดโดยใช้ทั้งในสภาพของแข็งและของเหลว เช่น ลิไวนิลแอซีเตต หรือทีรู้จักกันดีในชื่อ “กาวลาเท็ ก ซ์ ” กาวอะคริลิก ่ ยาโนอะคริเลต ที่รู้จักกันในชื่อของ “กาวอิ พ อกซี ” โดยทัวไปพอลิเ ่ นฉนวนกันไฟฟ้า แต่มพอลิเมอร์บางประเภทแสดงสมบัติเป็นสารกึ่ง ี ไฟฟ้าได้
  • 42. ป็นพลาสติกทีผ่านกระบวนการเติมแก๊สเพื่อทำาให้เกิด ่ าศจำานวนมากแทรกอยูระหว่างเนื้อพลาสติก ่ ดแรกคือ ฟองนำ ้ า ยาง ซึ่งทำาได้โดยผสมโซเดียมไฮโดรเจน นตกับนำ้ายางและให้ความร้อนจะได้แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์แทรก จึงทำาให้เนื้อยางฟูและเป็นรูพรุน ดทีมีสาร CFC แทรกอยู่เป็นฉนวนกันความร้อนและฉนวนไฟฟ้าทีด ่ ่ าเป็นกล่องสำาหรับบรรจุอาหารต่างๆ เช่น กล่องใส่ไอศกรีม กล่องใส ในปั จ จุ บ ั น ที ่ ท ราบแล้ ว ว่ า สาร CFC ก่ อ ให้ เ กิ ด ปรากฏการ ะทลายแก๊ ส โอโซนในบรรยากาศ จึงมีการศึกษาวิจัยเพื่อใช้สา ว่าแก๊สเพนเทนและบิวเทนสามารถนำามาใช้ผลิตโฟมแทน CFC โฟมได้อีกหลายชนิด เช่น พีวีซี พอลิเอทิลีน และพอลิสไตรีน
  • 43. ขอขอบคุ ณ ข้ อ มู ล ดี ๆ จาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0% B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B 9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A 3%E0%B9%8C http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/topic8/ pproduct.html school.obec.go.th/webpwtk/kosara/k_drra/pori.h tm http://polymer502.multiply.com/journal/item/6
  • 44. รายชื ่ อ ผู ้ จ ั ด ทำ า 2. นางสาวนิภาวรรณ พลอยสารี ชั้น ม.5/8 เลขที่ 15 3. นางสาวณัฏนิชา ตรงคง ชั้น ม.5/8 เลขที่ 24 4. นางสาวปิยะดา ไทยประยูร ชั้น ม.5/8 เลขที่ 28 5. นางสาวพัชรพร ไม้งาม ชั้น ม.5/8 เลขที่ 32 6. นางสาวอินทิรา งามวิไลพันธ์ ชั้น ม.