More Related Content
Similar to พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์
Similar to พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์ (20)
More from Sutisa Tantikulwijit
More from Sutisa Tantikulwijit (13)
พ+อ+ลิ+เ+ม+อ+ร์
- 2. ลิ เ มอร์ (polymer)
หมายของพอลิเมอร์นนมาจากรากศัพท์กรีกสำาคัญ
ั้
อ P o l y (จำานวนมาก) และ M e r o s (ส่วนหรือหน่วย)
มอร์เป็นสารโมเลกุลขนาด ใหญ่ (Macromolecule) พอลิเมอร์นนจั้
อบไปด้วยหน่วยซำ้าๆ กัน (repeating unit) ของมอนอเมอร์ (Monom
ๆ หน่วยมาทำาปฏิกริยากัน
ิ
อเมอร์จัดเป็นสารไมโครโมเลกุล (Micromolecule) ชนิดหนึ่ง พอล
อบด้วยหน่วยย่อยหรือมอนอเมอร์ชนิดเดียวกันทังหมดจัดเป็น“โฮโ
้
มอร์ (Homopolymer)” แต่ถ้ามีมอนอเมอร์ต่างกันตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้น
“โคพอลิ เ มอร์ (Copolymer)”
- 3. บางอย่างทีมสมบัติอย่างพอลิเมอร์ เช่น สารพวกไขมัน
่ ี
ต่ละหน่วยทีไม่ซำ้ากันนั้นจะเป็นเพียงแค่สารแมคโคร
่
ลกุลเท่านัน และไม่จัดเป็นพอลิเมอร์
้
พอลิเมอร์มทงที่เกิดเองในธรรมชาติ (Natural
ี ั้
polymer) และพอลิเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic
polymer)
ตัวอย่าง
พอลิ เ มอร์ ธ รรมชาติ เช่น แป้ง เซลลูโลส โปรตีน
กรดนิวคลีอิกและยางธรรมชาติ พอลิ เ มอร์
สั ง เคราะห์ เช่น พลาสติก เส้นใย โฟม และกาว
- 4. เขี ย นชื ่ อ พอลิ เ มอร์ ห รื อ โพลิ เ มอร์
ษาไทยมีการใช้คำาว่า พอลิเมอร์ และ โพลิเมอร์
ยปัจจุบัน ทางราชบัณฑิตยสถานกำาหนดว่าให้ใช้คำาว่า
เมอร์ "
าการศึ ก ษาเกี ่ ย วกั บ พอลิ เ มอร์
ก่ เคมีพอลิเมอร์, ฟิสิกส์พอลิเมอร์ และวิทยาศาสตร์พอลิเมอร์
ชีวิตประจำาวัน เราต้องใช้ประโยชน์จากพอลิเมอร์
เพราะพอลิเมอร์แต่ละชนิดมีสมบัติต่างกัน จึงนำา
หน้าทีหรือนำาไปใช้งานทีต่างกันได้
่ ่
- 5. ร์ทเป็นทีนิยมใช้มากทีสุดคือ “พลาสติ ก ”
ี่ ่ ่
าทีใช้อ้างถึงกลุ่มของวัสดุธรรมชาติและสังเคราะห์
่
ญ่ทมคุณสมบัติและการใช้งานต่างกัน พอลิเมอร์ธรรมชาติ
ี่ ี
ล็กและอำาพันที่ ใช้มาเป็นเวลากว่าศตวรรษ หรือจะเป็นพอลิเมอร์ชีว
รตีนและกรดนิวคลีอิกทีมบทบาทสำาคัญในกระบวนการทางชีวภาพ
่ ี
ร์ธรรมชาติอื่นๆ เช่น เซลลูโลสทีเป็นองค์ประกอบหลักของกระดาษแ
่
ร์สังเคราะห์ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ บาเกไลต์, นีโอพรีน, ไนลอน, พ
รีน, พอลิอคริโลไนไตรล์ และพีวีบี
- 6. เรี ย กชื ่ อ พอลิ เ มอร์ แ บบมาตรฐาน
รียกชื่อพอลิเมอร์หลายวิธี พอลิเมอร์ทใช้ทวไป
ี่ ั่
หญ่ใช้ชื่อสามัญที่เคยใช้ในอดีตมากกว่าชื่อทีตั้งตามแบบมาตรฐาน
่
าคมเคมีอเมริกันและไอยูแพก (IUPAC) ได้กำาหนดการตั้งชื่อแบบม
วามคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกันทังหมด ชื่อที่เป็นมาตรฐานทังสอง
้ ้
อทีแสดงถึงชนิดของหน่วยย่อยทีประกอบเป็นพอลิเมอร์มากกว่าจะบ
่ ่
ชาติของหน่วยที่ซำ้าๆ กันในสาย ตัวอย่างเช่น พอลิเมอร์ทสังเคราะห
ี่
นเรียกว่า “พอลิ เ อทิ ล ี น ” ยังคงลงท้ายด้วย –อีน แม้ว่าพันธะคู่จะหา
างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์
- 7. รงสร้ า งของพอลิ เ มอร์
มีโครงสร้างอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน หากจำ า แนก
สร้ า งของสายโซ่ (Classification by chain structure)
มอร์ ส ายตรง (Linear polymer) พอลิเมอร์ชนิดนีจะเป็นโซ่ตร
้
กันมากว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอม
มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง PVC
ตรีน พอลิเอทิลีน โครงสร้างอย่างง่ายของโฮโมพอลิ เ มอร์ จะเป็นด
A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A-A
linear homopolymer
- 8. นโคพอลิ เ มอร์ มรูปแบบดังนี้
ี
B-A-B-A-B-A-B-A-B
ing copolymer (เป็นพอลิเมอร์ที่เรียงสลับกันเป็นช่วงหน่วยต่อหน่ว
A-B-B-B-B-A-A-A-A
copolymer (เป็นกลุ่มของมอนอเมอร์ทเรียงสลับกันเป็นกลุ่ม)
ี่
A-A-B-A-B-A-A-B-B
om copolymer (เป็นมอนอเมอร์ที่เรียงสลับกันอย่างอิสระ)
- 9. มอร์ ก ิ ่ ง สาขา (graft polymer) พอลิเมอร์ชนิดนี้
ระกอบสองส่วน คือ ส่วนทีเป็นโซ่หลักและส่วน
่
ง โดยโซ่หลักจะต้องประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิด
น ส่วนมอนอเมอร์อีกชนิดจะเป็นโซ่กิ่ง ทำาให้ไม่สามารถจัดเรียง
อร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวตำ่า ยืดหย
ยวตำ่า โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้งายเมืออุณหภูมิเพิ่มขึ้น
่ ่
อลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นตำ่า
- 10. มอร์ ร ่ า งแห (Cross-link polymer)
มอร์ทเป็นร่างแหมีสายหลายสายเชื่อมต่อกัน
ี่
ดทั้งโฮโมพอลิเมอร์และโคพอลิเมอร์ พอลิเมอร์ชนิดนี้
ข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่าง เบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำาถ้วยชา
- 11. เมอร์ แ บบขั ้ น บั น ได (Ladder polymers)
างแบบขั้นบันไดเกิดขึ้นเมือพอลิเมอร์เส้นตรง
่
ลกุลที่เรียงตัวขนานกัน เกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล
กัน พอลิเมอร์ประเภทนีมความเสถียรมาก สามารถประยุกต์
้ ี
ปกรณ์ททนความร้อนได้สูง ตัวอย่าง พอลิเมอร์ทนไฟ ทีมชื่อทางก
ี่ ่ ี
k orlon ทีเตรียมได้จากพอลิคริโลไนไตร์ท (polyacrylonitrile)
่
- 12. ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์
สังเคราะห์พอลิเมอร์เป็นกระบวนการของการรวม
กุลขนาดเล็กๆ ทีเป็นหน่วยย่อยเข้าด้วยกันด้วยพันธะโควาเลนต์
่
หว่างกระบวนการเกิดพอลิเมอร์ หมูทางเคมีบางตัวจะหลุดออกจาก
่
ยย่อย หน่วยย่อยในพอลิเมอร์จะเป็นหน่วยซำ้าๆกัน
จกระทำาได้หลายวิธี อาทิเช่น
* การสังเคราะห์ในห้องแลบ วิธีการในห้องแลบแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มค
คราะห์แบบควบแน่นและการสังเคราะห์แบบเติม อย่างไรก็ตาม วิธีก
ว่าเช่นการสังเคราะห์แบบของเหลว ไม่สามารถจัดเข้าในกลุ่มใดได
าการสังเคราะห์พอลิเมอร์อาจเกิดขึ้นโดยมีหรือไม่มตัวเร่งก็ได้ ในป
ี
กษาทางด้านการสังเคราะห์พอลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น โปรตีนในห้อง
- 13. การสังเคราะห์ทางชีวภาพ พอลิเมอร์ธรรมชาติ
คือ พอลิ แ ซคคาไรด์ พอลิ เ ปบไทด์ และพอลิ น ิ ว
ทด์ ในเซลล์ พอลิเมอร์เหล่านี้ถูกสังเคราะห์ดวยเอนไซม์
้
สร้างดีเอ็นเอด้วยเอนไซม์ดีเอ็นเอ พอลิเมอเรส การสังเคราะห์โปรต
กับการใช้เอนไซม์ทซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับการถอดรหัสทางพันธ
ี่
อ แล้วจึงถ่ายทอดรหัสจากดีเอ็นเอเป็นข้อมูลของลำาดับกรดอะมิโน
าจถูกดัดแปลงหลังจากการแปลรหัสเพือให้มโครงสร้างเหมาะสมกับ
่ ี
น
- 15. กิ ร ิ ย าพอลิ เ มอไรเซชั น
เมอไรเซชั น (Polymerization)
ฏิกิริยาการเตรียมพอลิเมอร์จากมอนอเมอร์ ซึ่งปฏิกริยามี 4 ประเภท
ิ
** พอลิเมอไรเซชันแบบขั้น หรือ ควบแน่น
** พอลิเมอไรเซชันแบบลูกโซ่แรดิคัล หรือ เพิมเข้า
่
** พอลิเมอไรเซชันแบบไอออนิก
** พอลิเมอไรเซชันแบบโคออร์ดิเนชัน
- 16. 1. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบขั ้ น หรื อ ควบแน่ น
(Step or Condensation
Polymerization)
ในการเตรีเ มอไรเซชั น ระเภทนีจทีนวนของหมูฟังก์ชันมีความ
1.1 พอลิ ยมพอลิเมอร์ปแบบขั ้ น ำา ่ เ ป็ น เส้ น ตรง (Linear
้ ่
สำาคัญมาก
Step Polymerization)
ตัวอย่าง เช่นการเตรียมเอสเทอร์จากปฏิกิริยาระหว่างหมูคาร์ ่
บอกซิลิกและหมู่
ไฮดรอกซิลในโมเลกุลของกรดอะซิติกและเอธานอล ซึ่งทังสอง ้
โมเลกุลมีหมู่ฟงก์ชัน
ั
เพียงหมูเดียว (monofunctional compounds) ผลิตภัณฑ์ของ
่
ปฏิกิริยาทีได้คือ
่
เอธิลอะซิเตตและนำ้า ดังสมการ
- 17. ไนลอน
6,6
พอลิยเรีย
ู
ฟอร์มาลดีไฮด์
(UF : Urea
formaldehyde)
- 18. 1.2 พอลิ าระหว่างมอนอเมอร์ซ้ นมีหไ ม่ เ ป็ ชันนัน ตรง
เป็นปฏิกิริย เ มอไรเซชั น แบบขั ึ่ง ที ่ มูฟงก์น เส้ ล
่ ั
(Non-Linear Step Polymerization)
มากกว่า 2 หมู่
ในขั้นแรกจะได้โครงสร้างของพอลิเมอร์ทมกิ่งก้าน และ
ี่ ี
หลังจากนันจะมีการเพิม
้ ่
ขนาดหรือนำ้าหนักโมเลกุลอย่างรวดเร็ว และในทีสุดแล้ว ่
จะได้พอลิเมอร์โครงสร้างแบบร่างแห ซึ่งมีสมบัติแตกต่าง
จากพอลิเมอร์แบบเส้นตรง ตัวอย่างปฏิกริยาระหว่างได
ิ
คาร์บอกซิลิก แอซิค (dicarboxylic acid : R(COOH)2)
และ ไตรออล (triol : RP'P(OH)3) ซึ่งมีหมูฟังก์ชันนัล 3
่
หมู่
- 20. 2. พอลิ เ มอไรเซชั น แบบลู ก โซ่ แ รดิ ค ั ล
หรื อ เพิ ่ ม เข้ า
เกิดขึ้นโดยการเพิมมอนอเมอร์เข้าทีปลายสายโซ่โมเลกุล
่ ่
(Radical Chain or Addition
ทีมแรดิคัลเป็น
่ ี
ตำาPolymerization)ปฏิกิริยา (free-radical
แหน่งทีว่องไวต่อการเกิด
่
reactive site)
มอนอเมอร์ทสามารถเกิดพอลิเมอไรเซชันประเภทนี้เป็น
ี่
ประเภทไวนิลมอนอเมอร์
(vinyl monomer : CH2=CHX) กลไกของพอลิเมอไรเซ
** อินนิแบ่อชัน (initiation) เกี่ยวข้องกับการสร้างแรดิคัล
ชัน ทเ งเป็น 3 ขั้น คือ
ิ
ซึ่งเป็นตำาแหน่งที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยา ** โปรปาเก
ชัน (propagation) เกี่ยวข้องกับการเจริญ
เติบโต หรือการเพิมขนาดของสายโซ่โมเลกุลพอลิเมอร์
่
อย่างรวดเร็ว ** เทอร์มเนชัน (termination) เป็นขั้นสิ้น
ิ
สุดการเจริญเติบโตของพอลิเมอร์ โดยมีทงแบบรวมตัว
ั้
- 22. อลิ เ มอไรเซชั น แบบไอออนิ ก
c Polymerization)
เมอไรเซชันแบบไอออนิกของไวนิลมอนอเมอร์
ารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ
**่งแคทไอออนิกงไวต่อการเกิด น (cationic polymerization)
ซึ ตำาแหน่งที่ว่อพอลิเมอไรเซชั ปฏิกิริยาเป็นประจุบวก
(carbonium ion)
เมือ X เป็นหมู่แทนทีทให้อิเล็กตรอน สามารถเกิดเรโซแนนซ์
่ ่ ี่
หรือดีโลคัลไลซ์
** แอนไอออนิกพอลิวกได้
(delocalize) ประจุบเมอไรเซชัน (anionic
polymerization) อการเกิด ปฏิกริยาเป็นประจุลบ
มีตำาแหน่งทีว่องไวต่
่ ิ
(carbanion) เมื่อ X เป็นหมูแทนทีที่สามารถดึง
่ ่
อิเล็กตรอนหรือดีโลคัลไลซ์ประจุลบได้
- 23. ใน ปี ค.ศ. 1955 ซีเกลอร์ (Ziegler) และแนตตา (Natta)
ได้ค้นพบ
4.เร่พอลิิริยาทีสามารถใช้สแบบโคออร์ ดทมี น
ตัว งปฏิก
เ มอไรเซชั น ังเคราะห์พอลิเมอร์ ิ เ ี่ นชั
่
(Coordination Polymerization)
ลักษณะเฉพาะทางสเตอริโอ
เคมีได้และเรียกตัวเร่งทีใช้ว่าตัวเร่งซีเกลอร์-แนตตา
่
(Ziegler-Natta catalyst)
พอลิเมอไรเซชันที่ใช้ตัวเร่งนี้มชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
ี
“พอลิ อ ิ น เซอชั น ”
(polyinsertion) เนื่องจากในขั้นโปรปาเกชันกลไกของ
ปฏิกิริยาเกิดโดยการ
แทรก (insert) ของมอนอเมอร์เข้าไประหว่างตัวเร่งและ
สายโซ่ที่กำาลังเจริญ
เติบโต ส่วนชื่อ “พอลิ เ มอไรเซชั น แบบโคออร์ ด ิ เ น
ชั น ” ซึ่งเป็นทีนยมใช้มากกว่า
่ ิ
แสดงให้เห็นถึงกลไกการทำางานของตัวเร่งปฏิกิริยาแบบ
- 25. ผลิ ต ภั ณ ฑ์ จ าก
พอลิ เ มอร์
1. พลาสติ ก
(Plastic)
ติ ก เป็นสารประกอบอินทรียทสังเคราะห์ขึ้นใช้แทนวัสดุธรรมชาต
์ ี่
นิดเมือเย็นก็แข็งตัว เมือถูกความร้อนก็อ่อนตัว บางชนิดแข็งตัวถาว
่ ่
ยชนิด เช่น ไนลอน ยางเทียม ใช้ทำาสิ่งต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ฟิล์ม ภาช
ระกอบเรือหรือรถยนต์
- 26. องพลาสติ ก จำ า แนกตามการตอบสนองต่ อ อุ ณ หภู ม ิ
sification by thermal behaviour)
พอลิเมอร์ปมพลาสติ ก (Thermoplastics) อแบบกิง
1. เทอร์ โ ระเภทนีมโครงสร้างแบบเส้นตรงหรื
้ ี ่
เมือให้ความร้อนจะ
่
หลอมและอ่อนตัวไปเรื่อยๆ แต่เมือให้ความเย็นจะแข็งตัว
่
สามารถหลอมและนำา
กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งทีเรียกว่า การรี ไ ซเคิ ล
่
(Recycle) เช่น พอลิเอทิลีน
พอลิโพรพิลีน พอลิสไตรีน
- 27. เป็นพอลิเมอร์ทเกิดการเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุล
ี่
ทำาให้มโครงสร้างแบบร่างแห ไม่ละลายแต่อาจบวมตัว
ี
2. (swell)โ มเซ็ ท (Thermosets)
เทอร์
ในตัวทำาละลาย เมือโดนความร้อนจะไม่หลอม ถ้าให้
่
ความร้อนมากจะไหม้
พันธะทีเชื่อมโยงระหว่างโมเลกุลจะสลายตัวได้สารทีมี
่ ่
สมบัติไม่เหมือนเดิม
ดังนันพอลิเมอร์ประเภทนีจึงไม่สามารถหลอมนำากลับมา
้ ้
ใช้ใหม่ได้ แต่ข้อดีคือ
มี ค วามแข็ ง แรงสู ง เช่น ยางธรรมชาติทผ่านการวัลคา
ี่
ไนซ์แล้วจะมีความยืดหยุนสูง
่
ซึ่งเมือพิจารณาจากสมบัติแล้วพบว่า ยางธรรมชาติกอนที่
่ ่
จะเกิดการวัลคาไนซ์เป็น
เทอร์โมพลาสติก แต่หลังจากการวัลคาไนซ์แล้วพบว่าเป็น
เทอร์โมเซ็ท
- 28. าสติ ก ย่ อ ยสลายได้ ท างชี ว ภาพ
odegradable plastic หรือ
mpostable plastic)
มักเรียกว่า “พลาสติ ก ชี ว ภาพ” เป็นพลาสติกทีถูก
่
ออกแบบมาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี
ภาย ใต้สภาวะแวดล้อมที่กำาหนดไว้โดยเฉพาะ
จึงทำาให้สมบัติต่างๆ ของพลาสติกลดลงภายในช่วง
เวลาหนึ่ง โดยกาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีดัง
กล่าวต้องเกิดจากการทำางานของจุลินทรียในธรรมชาติ
์
เท่านัน สามารถวัดได้โดยวิธีการทดสอบมาตรฐาน ซึ่ง
้
วัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทนที่
เกิดขึ้น
- 29. 2. เส้ น ใย
(Fiber)
ย เป็นพอลิเมอร์อีกชนิดหนึงที่เรานำามาใช้ประโยชน์
่
ตประจำาวัน เช่น ใช้ทำาเครื่องนุงห่ม ใช้ทำาเครื่องใช้
่
น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.เส้นใยจากธรรมชาติ (Nature Fiber) ได้แก่ เส้นใยทีมี ่
อยูในธรรมชาติ
่
1.1 เส้ น ใยจากพื ช ได้แก่ เส้นใยจากเซลลูโลส
เป็นเส้นใยที่ประกอบด้วย
เซลลูโลสทีได้จากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ป่าน ปอ ลินน
่ ิ
ศรนารายณ์ เป็นต้น
ซึ่งเป็นโฮโมพอลิเมอร์ทมกลูโคสจำานวนมาก
ี่ ี
1.2 เส้ น ใยจากสั ต ว์ ได้แก่ เส้นใยโปรตีน เช่น
- 30. 1.3 เส้ น ใยจากสิ น แร่ ได้แก่
ใยหิน ทนต่อการกัดกร่อนของสาร
เคมี ทนไฟ ไม่นำาไฟฟ้า
ะข้ อ เสี ย ของเส้ น ใยธรรมชาติ
ยจากธรรมชาติสามารถดูดซับนำ้าได้ดี ระบายอากาศได้ดี
วรู้สกสบาย ไม่ร้อน
ึ
ยจากธรรมชาติบางชนิด เช่น ฝ้าย เมือนำามาทอเป็นผ้าเพือ
่ ่
ะขึ้นราได้ง่าย ส่วนผ้าไหมจะหดตัวเมือได้รับความร้อนและความชื้น
่
รรมชาติบางชนิดต้องผลิตด้วยมือ ถ้าผลิตด้วยเครื่องจักรจะได้เส้นใ
าพไม่ดีและมีการสูญเสียมาก เช่น ลินน ป่าน
ิ
- 31. 2. เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic fiber) เป็นเส้นใยที่
มนุษย์สงเคราะห์ขึ้นจากสารอนินทรียหรือสาร
ั ์
อินทรีย์
ใช้ทดแทนเส้นใยจากธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 ประเภท
2.1 เส้ น ใยพอลิ เ อสเตอร์ เช่น เทโทรอน
ใช้บรรจุในหมอน
เพราะมีความฟูยืดหยุนไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง
่
2.2 เส้ น ใยพอลิ เ อไมด์ เช่น ไนลอน ใช้ใน
การทำาเสื้อผ้า ถุงเท้า
ถุงน่อง ขนแปรงต่างๆ สายกีต้าร์ สายเอ็น ไม้แร็กเก็ต
งเคราะห์บางชนิดมีสมบัติดีกว่าเส้นใยธรรมชาติ เช่น มีความทนทาน
เป็นต้น
เชื้อรา แบคทีเรีเส้ไม่ใยอะคริ ลดูดนำ้านทนทานต่อสารเคมี ซึกง่าย
2.3 ย น ยับง่าย ไม่ ิ ก เช่ โอรอนใช้ในการ
ตัวอย่างเส้นใยทีานวม ผ้าอย่างแพร่หม ร่มชายหาด
ทำาเสือผ้า ผ้ นำามาใช้ ขนแกะเทีย ลาย เช่น ไนลอน และโอรอน
้ ่
หลังคากันแดด ผ้าม่าน พรม เป็นต้น
- 32. ลู โ ลสแอซี เ ตต”
นใยกึ่งสังเคราะห์ชนิดแรกทีสงเคราะห์ขึ้นจากการ
่ ั
ลลูโลสมาทำาปฏิกิริยากับกรดแอซีติกเข้มข้น โดยมี
ลฟิวริกเข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เซลลูโลสแอซีเตต
ส้นใย และผลิตเป็นแผ่นพลาสติก ทำาแผงสวิตช์และหุ้มสายไฟฟ้า
3. เส้นใยกึงสังเคราะห์ เป็นเส้นใยทีได้จากการนำา
่ ่
สารจากธรรมชาติ
มาปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น
การนำาเซลลูโลสจากพืช
มาทำาปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เส้นใยกึ่ง
สังเคราะห์นำามาใช้ประโยชน์
- 33. 3. ยาง
(Rubber )
อวัสดุพอลิเมอร์ทประกอบด้วยไฮโดรเจนและคาร์บอน
ี่
วัสดุทมความยืดหยุนสูง ยางทีมต้นกำาเนิดจากธรรมชาติจะมา
ี่ ี ่ ่ ี
งเหลวของพืชบางชนิด ซึงมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายนำ้านม
่
เป็นคอลลอยด์ อนุภาคเล็ก มีตัวกลางเป็นนำ้ายางในสภาพของเหลว
“นำ ้ า ยาง” ยางทีเกิดจากพืชนีเรียกว่า “ยางธรรมชาติ” ในขณะเดีย
่ ้
ามารถสร้างยางสังเคราะห์ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเลียม
- 35. รงสร้างทางเคมีของเนือยางประกอบด้วยมอนอ
้
ร์ไอโซพรีน (isoprene) ทีเชื่อมต่อกันอยู่ในช่วง
่
00 ถึง 15000 หน่วย มีสูตรดังนี้
ไอโซพรีน
(isoprene)
งยาง : มีความยืดหยุ่นสูงซึ่งเกิดจากโครงสร้างโมเลกุลของยางทีม
่
มาเป็นวงและบิดเป็นเกลียว ยางพารามีความต้านทานแรงดึงสูง
ขัดถู เป็นฉนวนทีดีมากทนนำ้า ทนนำ้ามันจากพืชและจากสัตว์ แต่ไม
่
บนซินและตัวทำาละลายอินทรีย์ เมือได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อ
่
และเปราะทีอุณหภูมตำ่ากว่าอุณหภูมหอง
่ ิ ิ ้
- 36. การปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพยาง
ศ.2382 (ค.ศ.1839) ชาร์ล กูดเยียร์ นักประดิษฐ์
ริกัน ค้นพบว่าเมือยางทำาปฏิกิริยากับกำามะถันในปริมาณ
่
ม ทีอุณหภูมกว่าจุดหลอมเหลวของกำามะถัน จะทำาให้ยางมีสภาพคง
่ ิ
มิต่างๆ ทนต่อความร้อน แสง และละลายในตัวทำาละลายยากขึ้น ซึง ่
นการดังกล่าวว่า “วั ล คาไนเซชั น ” ปฏิกิริยาทีเกิดขึ้นเป็นดังนี้
่
- 37. เติมกำามะถันในปริมาณทีเหมาะสม จะเกิดพันธะ
่
ลนต์ของกำามะถันเชื่อมต่อระหว่างโซ่พอลิไอโซพรีน
างตำาแหน่ง เมือได้รับแรงกระทำา สายโซ่จะไม่เลื่อนหลุด
่
จากกันได้ง่าย จึงทำาให้ยางมีความยืดหยุนคงรูปร่างมากขึ้น
่
- 38. มซิ ล ิ ก า ซิ ล ิ เ กต และผงถ่ า น ยังช่วยเพิมความ
่
กร่งให้ยางทีนำาไปใช้ผลิตยางของยานยนต์ โดยเฉพาะ
่
ยิงผงถ่านจะช่วยป้องกันการสึกกร่อนและถูกทำาลายด้วย
่
ดดได้ดี ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ททำาจากยางธรรมชาติ ได้แก่
ี่
แพทย์ นำ้าร้อน ยางยืด ถุงยางอนามัย เบ้าหล่อตุ๊กตา ฟองนำ้าสำาหรับ
อนและหมอน
- 39. ความก้ า วหน้ า
ทางเทคโนโลยี
ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ พ อ
ลิ เ มอร์ ส ั ง เคราะห์
โลยีของการผลิตพอลิเมอร์มความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเ
ี
ต่การเตรียมมอนอเมอร์ การเตรียมพอลิเมอร์ การศึกษาสมบัติทางก
ะทางเคมีของพอลิเมอร์ การปรับปรุงสมบัติของพอลิเมอร์รวมทั้งกา
พอลิเมอร์เพื่อให้ได้ชิ้นงานทีมีรูปร่างแพร่หลาย สามารถแปรรูปให
่
ได้ขึ้นอยูกับประเภทของพลาสติก แล้วยังมีการเติมสารบางชนิดลง
่
พลาสติกมีสมบัติดีขึ้น เช่น เติมใยแก้วเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทน
ะแทกซึ่งมีชอเรียกกันทัวไปว่า ไฟเบอร์ ก ลาส
ื่ ่
- 40. ชน์ ท างการแพทย์
ไวนิ ล คลอไรด์ ผลิตถุงใส่เลือด เส้นเลือดเทียม
สไตรี น ใช้ทำาหลอดฉีดยา
โพรลี น ใช้ทำากระดูกเทียม เอ็นเย็บแผล
เอทิ ล ี น ใช้ทำาอวัยวะเทียม เช่น ฟันปลอม ลิ้นหัวใจ กระเพาะปัสส
นำ้าดี
เมทิ ล เมทาคริ เ ลต ใช้ทำาเลนส์สัมผัสทังชนิดแข็งและชนิดอ่อน
้
คน จัดเป็นพอลิเมอร์อนินทรีย์ทใช้ทำาแม่พมพ์และใช้ในด้านศัลยก
ี่ ิ
ชน์ ท างการก่ อ สร้ า ง
ไตรีน–บิวทาไดอีน–สไตรีน (Styrene–Butadiene–Styrene = SB
างมะตอยเป็นวัสดุเชื่อมรอยต่อของคอนกรีต เพือทำาหน้าที่รองรับก
่
ของคอนกรีตเมือได้รับความร้อน ช่วยให้ยางมะตอยไม่เหลวมากใน
่
ห้งแตกจนหลุดออกจากรอยต่อในฤดูหนาว
- 41. ประโยชน์ ท างการเกษตร
ใช้พลาสติกพีวีซคลุมดินเพือช่วยรักษาความชุ่มชื้น และ
ี ่
ป้องกันการถูกทำาลายของผิวดินใช้ทำาตาข่ายกันแมลงใน
การปลูกผักปลอดสารพิษ ใช้พอลิเอทิลีนปูพนดินทีเป็นดินร่วน
ื้ ่
ปนทรายเพือช่วยให้สามารถกักเก็บนำ้าไว้ได้ และยังใช้เม็ดพล
่
ในดิน
เหนียวเพื่อช่วยให้ดินร่วนขึ้นด้วย
ชน์ ด ้ า นอื ่ น ๆ
ช้เป็นสารช่วยยึดติดโดยใช้ทั้งในสภาพของแข็งและของเหลว เช่น
ลิไวนิลแอซีเตต หรือทีรู้จักกันดีในชื่อ “กาวลาเท็ ก ซ์ ” กาวอะคริลิก
่
ยาโนอะคริเลต ที่รู้จักกันในชื่อของ “กาวอิ พ อกซี ” โดยทัวไปพอลิเ
่
นฉนวนกันไฟฟ้า แต่มพอลิเมอร์บางประเภทแสดงสมบัติเป็นสารกึ่ง
ี
ไฟฟ้าได้
- 42. ป็นพลาสติกทีผ่านกระบวนการเติมแก๊สเพื่อทำาให้เกิด
่
าศจำานวนมากแทรกอยูระหว่างเนื้อพลาสติก
่
ดแรกคือ ฟองนำ ้ า ยาง ซึ่งทำาได้โดยผสมโซเดียมไฮโดรเจน
นตกับนำ้ายางและให้ความร้อนจะได้แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์แทรก
จึงทำาให้เนื้อยางฟูและเป็นรูพรุน
ดทีมีสาร CFC แทรกอยู่เป็นฉนวนกันความร้อนและฉนวนไฟฟ้าทีด
่ ่
าเป็นกล่องสำาหรับบรรจุอาหารต่างๆ เช่น กล่องใส่ไอศกรีม กล่องใส
ในปั จ จุ บ ั น ที ่ ท ราบแล้ ว ว่ า สาร CFC ก่ อ ให้ เ กิ ด ปรากฏการ
ะทลายแก๊ ส โอโซนในบรรยากาศ จึงมีการศึกษาวิจัยเพื่อใช้สา
ว่าแก๊สเพนเทนและบิวเทนสามารถนำามาใช้ผลิตโฟมแทน CFC
โฟมได้อีกหลายชนิด เช่น พีวีซี พอลิเอทิลีน และพอลิสไตรีน
- 43. ขอขอบคุ ณ ข้ อ มู ล ดี ๆ จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%
B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B
9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A
3%E0%B9%8C
http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/topic8/
pproduct.html
school.obec.go.th/webpwtk/kosara/k_drra/pori.h
tm
http://polymer502.multiply.com/journal/item/6
- 44. รายชื ่ อ ผู ้ จ ั ด ทำ า
2. นางสาวนิภาวรรณ พลอยสารี ชั้น ม.5/8
เลขที่ 15
3. นางสาวณัฏนิชา ตรงคง ชั้น ม.5/8
เลขที่ 24
4. นางสาวปิยะดา ไทยประยูร ชั้น ม.5/8
เลขที่ 28
5. นางสาวพัชรพร ไม้งาม ชั้น ม.5/8
เลขที่ 32
6. นางสาวอินทิรา งามวิไลพันธ์ ชั้น ม.