More Related Content
More from Sutisa Tantikulwijit
More from Sutisa Tantikulwijit (13)
Rate
- 1. อัตราการเกิด
ปฏิกริยาเคมี
ิ
1. ความหมายของอัตราการเกิด
ปฏิกริยาเคมี
ิ
ในการวัดอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
สามารถบอกได้ 3 กรณี คือ อัตราเร็ว
เฉลีย อัตราเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง และ
่
อัตรา ณ เวลาหนึง ๆ ดังนั้น ควร
่
ทำาความเข้าใจอัตราเร็งทัง 3 กรณีดงนี้
้ ั
- 2. อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย า
เคมี
อัต ราเร็ว เฉลี่ย อัต ราเร็ว ช่ว ง
เวลาหนึ่ง อัต ราเร็ว ณ เวลาหนึ่ง
หาได้จาก หาได้
จาก
R = ปริมาณสารที่เปลี่ยนแปลง หา
จาก slope ของกราฟ
เวลา
- 4. 2) อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเฉลี่ย ; อัตรา
การเกิดปฏิกิริยาช่วงเวลาหนึ่ง เราสามารถ
หาอัตราเร็วเฉลี่ยได้จากความสัมพันธ์ ดังนี้
เพิม = ผลิตภัณฑ์
่
ลด = สารตั้งต้น
อัตราเร็วเฉลี่ย = ปริมาณสารที่
เปลี่ยนแปลงทั้งหมด
เวลาที่ใช้ทั้งหมด
- 5. 3) อัต ราปฏิก ิร ิย าเคมี ณ เวลาใด
เวลาหนึ่ง
สมมติว ่า ในปฏิก ิร ิย าหนึ่ง เกิด ขึ้น
ตั้ง แต่เ ริ่ม ต้น จนถึง นาทีท ี่ 20 (1, 2,
3,……..20 นาที ) ปริม าณผลิต ภัณ ฑ์ก ็
จะเกิด ได้ใ นปริม าณทีต ่า ง ๆ กัน และ
่
ปริม าณสารตั้ง ต้น ที่ล ดลงก็ต ่า งกัน ดัง
กราฟที่เ กี่ย วข้อ งในหัว ข้อ ถัด ไป
แสดงความสัม พัน ธ์ร ะหว่า งความเข้ม
ข้น ของสารตั้ง ต้น กับ เวลา และสาร
- 6. 1.1 ปริม าณของสารทีเ กี่ย วข้อ งใน
่
ปฏิก ิร ิย าเคมี
เนื่องจาก อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย า
เคมี เราพิจารณาได้จาก ปริม าณของ
สารผลิต ภัณ ฑ์ หรือสารตั้ง ต้น แล้วแต่
กรณี ดังนั้นเราจะต้องรู้ต่อไปอีกว่า การวัด
ปริมาณของสารนั้น ๆ จะวัดกันในหน่วยใด
บ้าง พิจารณาดังต่อไปนี้
1) ในปฏิก ิร ิย าทั่ว ไปสารที่
เกี่ย วข้อ งในปฏิก ิร ิย าจะมี 3 สถานะ คือ
- 7. โดยบอกเป็น มวล ( กรัม กิโลกรัม )
(2) ถ้าเป็นสารละลาย การวัดปริมาณ
ของสารก็บอกเป็น ความเข้มข้น คือ
โมล/ลิตร
(3) ถ้าเป็นก๊าซ การวัดปริมาณก๊าซนิยม
วัดเป็นปริมาตร เช่น cm3 , dm3 หรือ
lit
2) วัด ปริม าณตามสมบัต ิอ ื่น ๆได้อ ีก
(1) วัดความเข้มข้นของสารที่เปลี่ยนไป
- 8. 3) เวลาที่ใ ช้โ ดยทั่ว ไปนิย มเป็น
วิน าที
ดังนั้น หน่วยของอัตราการเกิด
ปฏิกิริยาโดยทั่ว ๆ ไปที่นิยมใช้กันในทาง
ปฏิกิริยาเคมี คือ โมล/ลิตร วินาที และ
ถ้ากล่าวถึง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
( เฉย ๆ ) ก็ให้หมายถึง อัตราการเกิด
ปฏิกิริยาเคมีเฉลี่ย นั่นเอง
- 9. 1.2 การหาอัต ราการ
เกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี ดปฏิกิริยาเคมี
ในการหาอัตราการเกิ
โดยทั่วไปจะต้องวัดปริมาณของสารตั้งต้นที่
ลดลงในเวลาหนึ่ง ๆ หรือ วัดวัดปริมาณ
ของสารผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในเวลาหนึ่ง ๆ
แล้วนำาข้อมูลที่ได้คำานวณจากสูตร ่
ปริมาณของสารที
อัตราการเกิด เปลี่ยนแปลง
ปฏิกิริยา = เวลา
ดังนัน การคำานวณหาอัตราการเกิดปฏิริยา
้
เคมี อาจใช้ข้อมูลจากการทดลอง และข้อมูล
จากความสัมพันธ์ของสมการเคมี
- 10. 1) การศึก ษาอัต ราการเกิด
ปฏิก ิร ิย าจากการทดลอง
(1) ทำา การทดลองโดยเสีย บลวด
แมกนีเ ซีย มในจุก ครอบด้ว ยหลอดที่
มีก รด HCl ดัง รูป
(2) ปฏิก ิร ิย าเกิด ขึ้น ดัง สมการ
Mg(s) + 2HCl(aq)
MgCl2(aq) + H2(g)
- 12. จากข้อ มูล การทดลอง เขีย น
กราฟแสดงความสัม พัน ธ์ร ะหว่า ง
เวลากับ ปริม าตรของก๊า ซ H2 ที่
เกิด ขึ้น ได้ด ัง นี้
- 13. 2) การหาอัต ราปฏิก ิร ิย าเคมีจ าก
ความสัม พัน ธ์ใ นสมการเคมี
ปฏิก ิร ิย า 2A + 3B
5C + 4D
อธิบายได้ว่า…….
A ลดลง 2 mol B ลดลง 3 mol เกิด
C 5 mol และเกิด D 4 mol หรือเขียน
ความสัมพันธ์ได้ดังนี้
อัตราการลด 2
ลงของ A =
3
อัตราการลด
ลงของ B
- 14. 2. แนวคิด เกี่ย วกับ การเกิด
ปฏิก ิร ิย าเคมี ไ ด้
สรุป เป็น ทฤษฎี
ดัง นี้
2.1 ทฤษฎีก ารชนของอนุภ าค
ทฤษฎีก ารชนของ
โมเลกุล ( Collision Theory) สรุป
ใจความได้ว่า ปฏิก ิร ิย าเคมีจ ะเกิด ขึ้น
ได้ก ็ต ่อ เมื่อ อนุภ าคมีก ารชนกัน ใน
ทิศ ทางที่เ หมาะสมและเกิด พลัง งาน
ขึ้น ปริม าณหนึ่ง อย่า งน้อ ยที่ส ุด ต้อ งมี
- 15. 1) นั่น คือ ปฏิก ิร ิย าเคมีจ ะเกิด ได้
ต้อ งพิจ ารณาตามลำา ดับ ดัง นี้
(1) มีก ารชนกัน ระหว่า งโมเลกุล ของ
สารตั้ง ต้น
(2) ต้อ งชนกัน ใน ทิศ ทางที่เ หมาะสม
และชนถูก ตำา แหน่ง ที่เ หมาะสม
(3) ชนกัน แล้ว ต้อ งเกิด พลัง งาน ขึ้น
มากพอที่จ ะจัด เรีย งอะตอมใหม่
(พลัง งานจำา นวนน้อ ยที่ส ด ที่ต ้อ งมีเ ท่า กับ
ุ
- 16. 2) การชนกัน ระหว่า งโมเลกุล ของ
สารตั้ง ต้น ทุก ครั้ง ทีช นไม่จ ำา เป็น ต้อ ง
่
เกิด ปฏิก ิร ิย าเสมอไปทั้ง นี้ข ึ้น อยู่ก ับ
ความแรงที่ช น(พลัง งานของ
โมเลกุล ) ทิศ ทางทีช น ตำา แหน่ง ที่
่
ชน หากชนกัน ในตำา แหน่ง และ
ทิศ ทางที่เ หมาะสม หรือ ชนกัน ด้ว ย
พลัง งานที่ไ ม่ส ูง พอ ผลจากการชน
กัน ของโมเลกุล ก็ไ ม่เ กิด สารใหม่
( ไม่เ กิด ปฏิก ิร ิย าเคมี ) ดัง รูป
- 18. 3) พลัง งานก่อ กัม มัน ต์( Ea ) ของ
ปฏิก ิร ิย า
เพื่อ ให้เ ข้า ใจเรื่อ งพลัง งานก่อ กัม
มัน ต์(พลัง งานกระตุ้น ) ได้ด ข ึ้น เรา
ี
อาจเปรีย บการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมีก ับ การ
เดิม ทางข้า มภูเ ขาสูง คนที่เ ดิน ทาง
ข้า มภูเ ขาได้จ ะต้อ งแข็ง แรงมาก หรือ
พลัง งานมาก ดัง นั้น จำา นวนคนที่ข า ม ้
ภูเ ขาได้ภ ายในเวลาที่ก ำา หนด ขึน อยู่ ้
กับ องค์ป ระกอบที่ส ำา คัญ 2 ประการ
คือ จำา นวนคนที่เ แข็ง แรงหรือ มี
- 19. อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมีก ็อ ธิบ ายได้ใ น
ทำา นองเดีย วกัน กล่า วคือ ปฏิก ิร ิย าเคมีจ ะมี
อัต ราการเกิด สูง หรือ ตำ่า ขึ้น อยูก ับ
่
(1) จำา นวนอนุภ าคที่ม ีพ ลัง งานสูง
(2) ค่า ของพลัง งานก่อ กัม มัน ต์์(พลัง งาน
กระตุ้น )
ความสูง ของภูเ ขาก็เ ปรีย บได้ก ับ ค่า พลัง งา
นก่อ กัม มัน ต ์์แ ละ การที่ป ฏิก ิร ิย าหนึง เกิด ช้า
่
มากเราอธิบ ายว่า เป็น เพราะปฏิก ิร ิย านั้น มี
พลัง งานก่อ กัม มัน ต์ส ง มาก อนุภ าคที่จ ะชนกัน
ู
แล้ว ทำา ให้เ กิด พลัง งานเท่า กับ หรือ มากกว่า
- 20. 3. พลัง งานกับ การดำา เนิน ไป
ของปฏิก ร ิย าเคมี
ิ
(1) ถ้า ปฏิก ิร ิย านั้น เป็น ปฏิก ิร ิย าคาย
พลัง งาน สารที่เ ป็น ผลิต ภัณ ฑ์จ ะมี
พลัง งานตำ่า กว่า สารตั้ง ต้น (E3 ตำ่า กว่า E1
E1-E3 = E )
กราฟแสดงการเปลี่ย นแปลงพลัง งานของ
ปฏิก ิร ิย า
- 21. (2) ในทางตรงข้า มถ้า ปฏิก ิร ิย านั้น เป็น
ปฏิก ิร ิย าดูด พลัง งาน สารที่เ ป็น
ผลิต ภัณ ฑ์จ ะมีพ ลัง งานสูง กว่า สารตั้ง ต้น
(E3 สูง กว่า
E1 = E3-E1= E)
กราฟแสดงการเปลี่ย นแปลงพลัง งานของ
ปฏิก ิร ิย า
- 22. 3.1 หลัก ในการพิจ ารณาว่า
ปฏิก ิร ิย าหนึ่ง ๆ เป็น ปฏิก ิร ิย า
ชนิด ใด (คายพลัง งานหรือ ดูด
1) ให้พ จ ารณา เปรีย บเทีย บค่า
ิ
พลัง งาน)
พลัง งานสารตั้ง ต้น และสารผลิต ภัณ ฑ์
ว่า สารใดมีค ่า ตำ่า กว่า กัน โดยยึด หลัก
ว่า ถ้า สารผลิต ภัณ ฑ์ม ค ่า พลัง งานตำ่า
ี
กว่า แสดงว่า เป็น ปฏิก ิร ย าคายความ
ิ
ร้อ น
2) พิจ ารณาจากสมการเคมี
(1) A + B C + D + 120
- 23. (2) X + Y + 150 kJ Z
แสดงว่า เป็น ปฏิก ิร ิย า ดูด ความ
ร้อ น(เพราะสารตั้ง ต้น ดูด ความร้อ น
เข้า ไป 150 kJ )
(3) NaCl(s) Na+(g) +
Cl-(g)
H2O
ดูด พลัง งาน(โครงร่า งผลึก )(เพราะแตก
ผลึก ออก)
(4) Na+(g) + Cl-(g) Na+
- 24. 3) พิจ ารณาจากข้อ มูล การทดลอง
4) พิจ ารณาจากค่า H
(1) A + B C; H=
-180 kJ
การบอกค่า พลัง งานด้ว ย H ถ้า H
เป็น ลบแสดงว่า คายพลัง งาน
(2) X + Y Z; H=
+100 kJ
แสดงว่า เป็น ปฏิก ิร ิย า ดูด ความร้อ น
- 25. 3.2 หลักในการพิจารณาว่าปฏิกริยาเคมี
ิ
ชนิดใดเกิดเร็วช้ากว่ากัน
1) ให้พ ิจ ารณาค่า พลัง งานก่อ กัม มัน ต ์์ ;
ถ้าปฏิกิริยาใดที่มีพลังงานก่อ กัม มัน ต์ต ำ่า กว่า
ย่อ มเกิด ได้เ ร็ว กว่า ปฏิก ิร ิย าที่ม ีพ ลัง งานก่
อกัม มัน ต์ส ูง (ปฏิก ิร ิย าต่า งกัน )
2) ถ้า ปฏิก ิร ิย าเดีย วกัน ที่ม ีค ่า พลัง งานก่
อกัม มัน ต์ห ลายค่า พิจ ารณาจากกราฟ
ดัง นี้
- 26. จากกราฟอธิบ ายได้ว ่า ในการเกิด
ปฏิก ิร ิย าจากสารตั้ง ต้น กลายไปเป็น
ผลิต ภัณ ฑ์ม ก ารเปลี่ย นแปลงเป็น ขั้น
ี
ย่อ ย ๆ หลายขั้น ได้ส าร ต่า ง ๆ เกิด
ขึ้น ชั่ว คราว( เช่น X )
สารระหว่า งกลางปฏิก ิร ิย าที่เ กิด
ชัว คราว นี้ไ ม่เ สถีย รจึง สลายไปจนได้
่
สารผลิต ภัณ ฑ์แ สดงสมการได้ด ัง นี้
ปฏิก ิร ิย าที่ 1) ปฏิก ิร ิย าที่เ กิด สมบูร ณ์
A+B C + พลัง งาน
- 27. ในแต่ละขั้นก็มค่าพลังงานก่อกัมมันต์
ี
ค่าหนึง คือ Ea1 และ Ea2 ตามลำาดับ
่
ปัญหาอยู่ที่วาค่าพลังงานก่อกัมมันต์ค่าใด
่
คือค่าพลังงานก่อกัมมันต์ของปฏิกิริยา
รวม A + B C ให้พจารณาค่า
ิ
พลังงาน ก่อกัมมันต์ทมากที่สด ( ขั้นที่
ี่ ุ
เกิดปฏิกิริยาช้าทีสด) เป็นค่าทีแสดงให้
่ ุ ่
ทราบว่าปฏิกิริยารวมนี้มอัตราเร็วหรือช้า
ี
(ในรูป ที่ 1 ค่าพลังงานก่อกัมมันต์ของ
ปฏิกริยารวมคือ Ea2 )
ิ
- 28. สำา หรับ กราฟรูป 2) ก็อ ธิบ ายได้ท ำา นอง
เดีย วกัน สามารถแสดงปฏิก ิร ิย าได้
ดัง นี้
ขั้น ที่ 1 ; N X ; มีค ่า พลัง งา
นก่อ กัม มัน ต์ Ea1 ( ช้า )
ขั้น ที่ 2 ; X Y ; มีค ่า พลัง งา
นก่อ กัม มัน ต์ Ea2 ( เร็ว )
ขั้น ที่ 3 ; Y P + Q , มีค ่า
พลัง งานก่อ กัม มัน ต์ Ea3 (เร็ว )
- 29. 3) แต่ถ ้า เป็น ปฏิก ิร ิย าเดีย วกัน ให้
พิจ ารณา ปัจ จัย ที่ม ีผ ลต่อ อัต ราการเกิด
ปฏิก ิร ิย าเคมี ซึ่ง มีอ ยู่ 4 ประการ ได้แ ก่
ความเข้ม ข้น พื้น ที่ผ ิว สารตัว เร่ง
ปฏิก ิร ิย า และอุณ หภูม ิ
4) ถ้า ปฏิก ิร ิย าต่า งชนิด กัน แต่ม ีค ่า
พลัง งานก่อ กัม มัน ต์เ ท่า กัน ปฏิก ิร ิย า
คายความร้อ นมัก จะเกิด ได้เ ร็ว กว่า
ปฏิก ิร ิย าดูด ความร้อ น ทั้ง นี้เ พราะ
ปฏิก ิร ิย าคายความร้อ นมีค ่า Ea ย้อ น
กลับ สูง กว่า ปฏิก ิร ิย าดูด ความร้อ น
- 30. 4. ปัจ จัย ที่ม ีผ ลต่อ อัต ราการเกิด
ปฏิก ร ิย าเคมี
ิ
: ปฏิก ิร ิย าเคมีจ ะเกิด เร็ว หรือ ช้า ขึน
้
อยูก ับ ปัจ จัย ต่า ง ๆ ดัง ต่อ ไปนี้
่
1. ความเข้ม ข้น ของสารตั้ง ต้น
2. พืน ทีผ ิว ของสารที่เ ข้า ทำา ปฏิก ิร ิย า
้ ่
กัน
3. อุณ หภูม ิข องระบบ
4. ตัว คะตะไลต์ และตัว อิน ฮิบ เ ตอร์
ิ
- 31. สรุป เกี่ย วกับ ปัจ จัย ที่ม ีผ ลต่อ อัต รา
1) ในปฏิก ิร ิย าส่วิย าเคมีเมืด้เพิ่มนี้
การเกิด ปฏิก ิร นใหญ่ ไ อ ด ัง ความเข้ม
่
ข้น ของสารตั้ง ต้น ปฏิก ิร ิย าจะเร็ว ขึ้น และถ้า
ลดความเข้ม ข้น ของสารตัง ต้น อัต ราปฏิก ิร ิย า
้
จะช้า ลง
2) ถ้า ในปฏิก ิร ิย าเคมีม ีส ารตั้ง ต้น เป็น
ของแข็ง การเพิ่ม พื้น ที่ผ ว ของสารนัน จะทำา ให้
ิ ้
ปฏิก ิร ิย าเร็ว ขึ้น
3) ถ้า เพิ่ม อุณ หภูม จ ะทำา ให้ป ฏิก ิร ิย าเร็ว ขึ้น
ิ
และการลดอุณ หภูม จ ะทำา ให้ป ฏิก ิร ิย าช้า ลง
ิ
4) ปฏิก ิร ิย าบางชนิด ถ้า ใส่ต ัว เร่ง ปฏิก ิร ิย าที่
- 32. 4.1 ความเข้ม ข้น ของสารกับ อัต รา
1) การอธิบ ายผลของความเข้ม ข้น ต่อ
การเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคม ์ี
การที่ป ฏิก ิร ิย าเคมีจ ะเกิด ขึน ได้น ั้น จะ
้
ต้อ งมีก ารชนกัน ระหว่า งอนุภ าคต่า ง ๆ
ของสารตั้ง ต้น ที่ท ำา ปฏิก ิร ิย ากัน นั้น การ
เพิ่ม หรือ ลดความเข้ม ข้น ของสารตั้ง ต้น
หมายถึง การเพิม หรือ ลดจำา นวนอนุภ าค
่
ของสารตั้ง ต้น ในระบบนั้น
ดัง นั้น การเพิ่ม ความเข้ม ข้น ของสาร
ตั้ง ต้น จะมีผ ลต่อ อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย า
- 33. พิจ ารณาการเพิ่ม ปริม าตรของก๊า ซ และ
การเพิ่ม จำา นวนโมเลกุล
ในระบบใด ๆ ที่ม ก ๊า ซเข้า ทำา ปฏิก ิร ิย ากัน
ี
ปริม าตรของก๊า ซจะมีผ ลต่อ ความเข้ม ข้น ของ
ปริมา = โมล /
ก๊า ซนั้น ดัง นี้ มาตร
ณ
ปริ
ลิตร
ความเข้ม ข้น =
ดัง นัน ถ้า ก๊า ซจำา นวนเดิม ( n คงที่ ) แต่
้
เปลี่ย นแปลงปริม าตร(เพิ่ม -ลด v ) ย่อ มมีผ ลต่อ
ความเข้ม ข้น ด้ว ย กล่า วคือ
ถ้า เพิ่ม V ความเข้ม ข้น ก็จ ะลดลง อัต รา
การเกิด ปฏิก ิร ิย าก็จ ะลดลงด้ว ย
- 34. 2) กฎอัต ราและอัน ดับ ของปฏิก ิร ิย าเคมี
สามารถหาอัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
ได้อ ีก วิธ ีห นึ่ง คือ การหาจากความ
สัม พัน ธ์ร ะหว่า งความเข้ม ข้น ของสารตั้ง
ต้น กับ อัต ราปฏิก ิร ิย า ซึง เรีย กว่า กฎอัต รา
่
หรือ สมการอัต รา( Rate Low ) สรุป ได้
ดัง ต่อ ไปนี้
(1) กฎอัต รา ( Rate Low ) เป็น
ความสัม พัน ธ์ร ะหว่า งอัต ราการเกิด
ปฏิก ิร ิย าเคมีก ับ ความเข้ม ข้น ของสารตั้ง
ต้น ยกกำา ลัง เลขใดค่า หนึ่ง เท่า นั้น ซึ่ง จะ
- 35. (2) สมการอัต รา เป็น การเปลี่ย นความ
สัม พัน ธ์จ ากกฎอัต ราให้อ ยูใ นรูป ของ
่
สมการ โดยคูณ ด้ว ย ค่า คงที่ข องอัต รา
ดัง สมการ
สมการอัต รา ; r =
k[A]x[B]y
ค่า x,y เป็น ตัว เลขที่ไ ด้จ าก การทดลอง
เท่า นั้น และเป็น ค่า ที่แ สดงถึง อัน ดับ ของ
ปฏิก ิร ิย า
(3) อัน ดับ ของปฏิก ิร ิย า เป็น ค่า ตัว เลข
- 36. 4.2 พืน ทีผ ิว ของสารกับ อัต ราการ
้ ่
เกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
มีห ลัก ที่ค วรพิจ ารณาผลของพื้น ที่ผ ิว ของ
สารต่อ อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี ดัง ต่อ
ไปนี้
1) โดยทั่ว ไปเราจะแบ่ง ชนิด ของ
ปฏิก ิร ิย าออกเป็น พวก ๆ โดยพิจ ารณา
เนื้อ ของสาร คือ ปฏิก ิร ิย าเนื้อ เดีย ว และ
ปฏิก ิร ิย าเนื้อ ผสม
ปฏิก ิร ิย าเนื้อ เดีย ว ได้แ ก่ ปฏิก ิร ย าทีม ี
ิ ่
- 37. 2) ในปฏิก ิร ิย าชนิด เนื้อ ผสมประเภทนี้
นอกจากความเข้ม ข้น ของสารแล้ว ยัง
ต้อ งพิจ ารณาพื้น ที่ผ ิว ของสารจะมีผ ลต่อ
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าด้ว ย
ส่ว นในปฏิก ิร ิย าเนื้อ เดีย ว ความ
เข้ม ข้น ของสารตั้ง ต้น จะเป็น ปัจ จัย ที่
สำา คัญ ในการควบตุม อัต ราการเกิด
ปฏิก ิร ิย าเคมี
3) ในเรื่อ งพืน ที่ผ ว ของสารต่อ อัต ราการ
้ ิ
เกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี สรุป ได้ว ่า
- 38. (2) ถ้า มีส ารตั้ง ต้น ต่า งสถานะกัน
( เช่น ก๊า ซกับ ของเหลว ของแข็ง กับ
สารละลาย , ของเหลวกับ ก๊า ซ) พืน ทีผ ิว
้ ่
ของสารจะมีผ ลต่อ อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย า
เคมี
4) การเพิ่ม พืน ที่ผ ว ของของแข็ง อาจ
้ ิ
ทำา ได้โ ดยทำา ให้เ ป็น แผ่น ชิ้น เล็ก ๆ ยิง ่
เล็ก มากก็จ ะเพิ่ม พืน ที่ผ ิว มาก ถ้า บดให้
้
ละเอีย ดยิ่ง ทำา ให้ส ารมีพ ื้น ที่ผ ิว มากขึ้น
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าก็จ ะเพิ่ม ขึ้น
5) การที่ส ารมีพ ื้น ที่ผ ิว มากทำา ให้ม อ ัต รา
ี
- 39. 4.3 ผลของอุณ หภูม ิท ม ีต อ อัต ราการ
ี่ ่
เกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
มีห ลัก ที่ค วรพิจ ารณาผลของอุณ หภูม ิต ่อ
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี ดัง นี้
1) ปฏิก ิร ิย าเคมีโ ดยทั่ว ไปมี 2 ประเภท
เมื่อ คำา นึง ถึง การเปลี่ย นแปลงพลัง งานของ
ระบบ คือ ประเภทคายความร้อ น และ
ประเภทดูด ความร้อ น
2) สมการแสดงค่า H
- 40. 4) ปฏิก ิร ิย าส่ว นมากจะเกิด ได้เ ร็ว
นั้น จะต้อ งใช้พ ลัง งานความร้อ นเข้า
มา โดยมีห ลัก ทั่ว ไปว่า
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าทัว ๆ
่
ไป จะเพิ่ม ขึ้น เมื่อ ระบบมีอ ุณ หภูม ิ
เพิ่ม ขึ้น
5) ตัว อย่า งในเรื่อ งผลของอุณ หภูม ิ
ที่ม ีต ่อ การเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมีท ี่พ บใน
ชีว ิต ประจำา วัน ได้แ ก่ การเก็บ อาหาร
- 41. การอธิบ ายผลของอุณ หภูม ิท ม ีต อ
ี่ ่
อัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
การเพิ่ม อุณ หภูม ิท ำา ให้เ พิม
่
จำา นวนโมเลกุล ของสารที่ม ีพ ลัง งาน
สูง พอที่จ ะชนกัน แล้ว ทำา ให้เ กิด
ปฏิก ิร ิย าได้ เป็น ปัจ จัย สำา คัญ ที่
ทำา ให้อ ัต ราการเกิด ปฏิก ิร ิย าเพิ่ม ขึ้น
แสดงว่า เมื่อ เพิ่ม อุณ หภูม ิ
จำา นวนโมเลกุล ที่ม ีพ ลัง งานสูง พอที่
- 42. 4.4 ผลของสารบางชนิด ต่อ อัต รา
การเกิด ปฏิก ิร ิย าเคมี
1) ตัว เร่ง ปฏิก ิร ิย า
ตัว เร่ง ปฏิก ิร ิย า ได้แ ก่ สารที่เ ติม ลงไป
จำา นวนน้อ ย แล้ว ทำา ให้ป ฏิก ิร ิย าเกิด ได้เ ร็ว
ขึ้น หลัง จากปฏิก ิร ิย าสิน สุด แล้ว จะได้ส าร
้
ตัว เร่ง ปฏิก ิร ิย านัน ๆ กลับ คืน มา ซึ่ง มี
้
คุณ สมบัต ิเ หมือ นเดิม ทุก ประการ
2) ผลของตัวเร่งปฏิกิริยาต่ออัตราการ
เกิดปฏิกิริยาเคมี
- 43. (2) หน้า ที่ข องตัว เร่ง ประการที่ 2
คือ ตัว เร่ง อาจเข้า ไปร่ว มทำา ปฏิก ิร ิย า
กับ สารตั้ง ต้น ตัว ใดตัว หนึ่ง โดยจัด ให้ม ี
โครงสร้า งใหม่ท ี่เ หมาะสมในสภาพที่
พร้อ มจะเกิด ปฏิก ิร ิย าได้
ผลของตัว เร่ง ปฏิก ิร ิย าต่อ อัต ราการ
เกิด ปฏิก ิร ิย า
- 44. 3) ตัว ยับ ยั้ง หรือ ตัว ขัด ขวาง
ปฏิก ิร ิย า(Inhibitor)
ตัว ขัด ขวางปฏิก ิร ิย า หมายถึง สาร
ทีเ ติม ลงไปในปฏิก ิร ิย าแล้ว ทำา ให้อ ัต รา
่
การเกิด ปฏิก ิร ิย าลดลง หรือ บางกรณี
อาจจะไม่ท ำา ให้เ กิด ปฏิก ิร ิย าก็ไ ด้ อาจ
เป็น เพราะ สารตัว ขัด ขวางไปจับ กับ สาร
ตั้ง ต้น ทำา ให้ส ารตั้ง ต้น มีโ ครงสร้า งไม่
เหมาะสมที่จ ะเกิด ปฏิก ิร ิย าจึง ทำา ให้
ปฏิก ิร ิย าเกิด ได้ช ้า ลง