More Related Content
Similar to Physicเรื่องของไหล
Similar to Physicเรื่องของไหล (20)
Physicเรื่องของไหล
- 2. ความหนาแน่น
ความหนาแน่น (Density) คือ
อัตราส่วนระหว่างค่ามวล ต่อหน่วย
ปริมาตร เป็นปริมาณ Scalar ในหน่วย
ระบบ S.I จะมีหน่วยเป็นกิโลกรัมต่อ
ρ V สั
m
จากสูตร เมตร= ญลักษณ์ที่ใช้ คือ (อ่าน
ลูกบาศก์
ว่า Rho)
เมือ m คือ มวลของสาร (หน่วยเป็น
่
กิโลกรัม)ปริมาตรของสาร (หน่วยเป็น
V คือ
ρลูคือ ความหนาแน่น (หน่วยเป็น
กบาศก์เมตร)
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
- 4. ความหนาแน่นสัมพัทธ์
ความหนาแน่นสัมพัทธ์
(ความถ่วงจำาเพาะ) คือ อัตราส่วน
ระหว่างความหนาแน่นของสารนั้นกับ
ความหนาแน่นของนำ้า ที่อุณหภูมิ 4
องศาเซลเซียส ซึ่งมีค่าเป็น 1000
กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สูตรคือ
- 5. ความดันความดัน (pressure) คือ อัตราส่วน
ระหว่างแรงที่กระทำาตั้งฉากกับพื้นที่ต่อพื้นที่
รองรับแรงหนึ่งหน่วย โดยความดันใน
ของเหลวชนิดหนึ่ง ๆ เป็นสัดส่วนตรงกับความ
หนาแน่นของของเหลวและความลึก
สูตร P =
เมือ P คือ ความดัน มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตาราง
่
เมตรหรือพาสคัล (pascal:Pa)
- 6. ลักษณะสำาคัญของความ
ดันและแรงดัน
1. ณ จุดใด ๆ ในของเหลว จะมีแรงดันของของเหลว
2. กระทำาในทุกทิศทุกทาง
แรงดันที่ของเหลวกระทำาต่อภาชนะ หรือผิว
ของวัตถุที่อยู่ในของเหลว จะอยู่ในทิศทางตังฉาก
้
กับผนังของภาชนะหรือผิวของวัตถุที่ของเหลว
สัมผัสและมีทิศพุ่งเข้าหาสิ่งที่เราต้องการพิจารณา
3. ความดัน ณ จุดใด ๆ ในของเหลวที่อยู่นิ่ง
แปรผันตรงกับความลึก และความหนาแน่นของ
4. ความดันในของของเหลงชนิดหนึว ๆ ที่อยู่นง
ของเหลว เมืออุณหภูมคงตั ง
่ ิ ่ ิ่
ไม่ขึ้นกับปริมาตรและรูปร่างของภาชนะที่บรรจุ
ของเหลว
- 7. ชนิดของความดัน
1. ความดันบรรยากาศ (atmospheric
pressure) คือ นำ้าหนักของอากาศซึ่งห่อหุ้ม
โลกที่กดลงบนพื้นที่หนึ่งตารางหน่วยบนผิว
โลก สามารถบอกได้ 2 วิธี คือ บอกเป็น
หน่วยของความดันและความสูงของปรอท
2. ความดันเกจ (gauge pressure : ) เป็น
ความดันเนื่องจากนำ้าหนักของของเหลว
เพียงอย่างเดียว
โดยความดันเกจ เท่ากับ อัตราส่วนระหว่าง
แรงดันเนื่องจากของเหลว
- 8. ชนิดของความดัน
3. ความดันสัมบูรณ์ (absolute pressure)
เป็นผลรวมของความดันเกจกับความดัน
บรรยากาศ
โดยความดันสมบูรณ์ = ความดัน
บรรยากาศ + ความดันเกจ
P = Pa + gh
เมื่อ Pa คือ ความดันบรรยากาศ คือ
ความหนาแน่นของของเหลว
g คือ ค่าสนามโน้มถ่วงของโลก h
คือ ความลึกจากผิวหน้าของ
- 10. การคำานวณหาแรงดันนำ้าเหนือเขือน
่
และหลอดแก้วรูปตัวยู
หลอดแก้วรูปตัวยู
ของเหลวสองชนิดมีความหนาแน่น และไม่
ผสมกันและไม่ทำาปฏิกิริยากัน ใส่เข้าไปใน
หลอดแก้วรูปตัวยู
ดังรูป ขาทั้งสองข้างจะเท่ากันหรือไม่ก็ตาม
แต่ปลายทั้งสองต้องเปิดสู่อากาศเดียวกัน
จะได้
- 11. กฎของพาสคัล
(Pascal's law)
เมือเพิ่มความดัน ณ ตำาแหน่งใด ๆ ใน
่
ของเหลวที่อยู่นิ่งในภาชนะปิด ความดันที่เพิ่ม
ขึ้นจะถูกส่งผ่านไปยังทุก ๆ จุดในของเหลว
นั้น หลักการนี้เรียกว่า กฎของพาสคัล
(Pascal's law) กฎของพาสคัลใช้อธิบาย
การทำางานของเครื่องกลผ่อนแรง เช่น เครื่อง
อัดไฮดรอลิก
- 12. กฎของพาสคัล
(Pascal's law)
เครื่องอัดไฮดรอลิก ประกอบด้วยกระบอกสูบ
และลูกสูบ 2 ชุดเชื่อมถึงกัน ภายในกระบอกสูบนี้
บรรจุของเหลวไว้ เมือออกแรงที่ลูกสูบเล็กทำาให้เกิด
่
ความดันตามกฎของพาสคัล ความดันนีจะไปปรากฏ้
ที่ลูกสูบใหญ่ดวย เครืองอัดไฮดรอลิกจึงเป็นเครือง
้ ่ ่
ผ่อนแรงชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ แม่แรงสำาหรับยก
รถยนต์ ห้ามล้อไฮดรอลิก ฯลฯ ล้วนแต่ใช้หลักการ
ของเครืองอัดไฮดรอลิกทั้งนั้น
่
F =
เมือ a คือ พื้นที่หน้าตัดของลูกสูบเล็ก A คือ พื้นที่
่
หน้าตัดของลูกสูบใหญ่
เมือ W คือ นำ้าหนักที่กดลงบนลูกสูบใหญ่ F คือ แรง
่
- 13. หลักของอาร์คมดิส
ิ ิ
หลักของอาร์คิมิดิส (Archimedes'
principle) กล่าวว่า "เมื่อวัตถุจมหรือ
ลอยอยู่ในของเหลว จะถูกแรงเนืองจาก ่
ของเหลวกระทำาต่อวัตถุ มีทศตรงข้ามกับ
ิ
นำ้าหนัก ขนาดเท่ากับนำ้าหนักของเหลวทีมี ่
ปริมาตรเท่าส่วนทีวัตถุจมในของเหลว หรือ
่
เท่ากับนำ้าหนักของของเหลวทีถกแทนที่
่ ู
ด้วยวัตถุ" เรียกแรงนีว่า แรงลอยตัว
้
(Buoyant force : FB) ซึ่งแรงนี้เป็นแรงที่
เกิดจากแรงดันลัพธ์เนื่องจากของเหลว
- 14. หลักของอาร์คมดิส
ิ ิ
ในกรณีวัตถุจม1 - ขนาดแรงลอยตัว =
ขนาดนำ้าหนักของของเหลวที่มีปริมาตร
เท่ากับวัตถุ
ในกรณีวัตถุลอย ขนาดแรงลอยตัว =
ขนาดนำ้าหนักของของเหลวที่มีปริมาตร
เท่ากับวัตถุส่วนที่จมในของเหลว
- 15. ความตึงผิว และแรงตึง
ผิว
ความตึงผิว (surface tension: อ่าน
ว่า แกมมา) คือ ความพยายามที่จะยึดผิว
ของเหลวไว้ด้วยกัน
แรงดึงผิว คือ แรงระหว่างโมเลกุลของ
ของเหลวที่ดึงกันไว้ทำาให้ผิวของเหลวราบ
เรียบและตึงเรียกว่า “แรงดึงผิว” แรงดึงผิวนี้
จะมีทศขนานกับผิวของเหลวและตั้งฉากกับ
ิ
ขอบที่ของเหลวสัมผัส
ดังรูป การที่จะทำาให้ผิวของเหลวออก
จากกันนั้นจะต้องออกแรงส่วนหนึ่งเพื่อ
- 16. ความตึงผิวและแรงตึง
ผิว
นิยาม ความตึงผิวมีค่าเท่ากับอัตราส่วน
ของแรงตึงผิว (F) ต่อความยาวผิวของ
ของเหลวที่เกาะวัตถุ (L) สามารถคำานวณได้
จาก
เมื่อ F คือขนาดของแรงดึงผิว (นิวตัน) ,
L คือความยาวของผิวสัมผัส (เมตร) จะได้ว่า
- 18. ความตึงผิวและแรงตึง
ผิว
ค่าความตึงผิวของของเหลวแต่ละ
ชนิดที่อุณหภูมเดียวกัน มีคาไม่เท่ากัน
ิ ่
สำาหรับของเหลวชนิดหนึงความตึงผิวจะ
่
เปลี่ยนไปเมื่อของเหลวมีสารเจือ เช่น นำ้า
เกลือหรือนำ้าสบู่จะมีความตึงผิวน้อยกว่า
นำ้า และความตึงผิวจะลดลงเมื่ออุณหภูมิ
ของของเหลวเพิ่มขึ้น
- 19. แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของเหลว
สารประกอบด้วยโมเลกุล เมื่อ
พิจารณาของเหลวกับภาชนะ ทีบรรจุ จะ
่
มีโมเลกุลของสารสองชนิดทีเกี่ยวข้องกัน
่
คือโมเลกุลของของเหลวในภาชนะกับ
โมเลกุลของภาชนะซึ่งเป็นของแข็ง เมื่อ
พิจารณาแรงระหว่างโมเลกุลของสารดัง
กล่าวจะเห็นว่ามีแรงระหว่างโมเลกุล 2
ชนิด คือ แรงเชื่อมแน่น (Cohesive
forces) กับแรงยึดติด (Adhesive
- 20. แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของเหลว
แรงเชื่อมแน่น (Cohesive forces)
หมายถึงแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหรือ
โมเลกุลของสารชนิดเดียวกัน เช่น แรงยึด
เหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของนำ้ากับนำ้า
แรงยึดติด (Adhesive forces) หมาย
ถึงแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหรือโมเลกุล
ต่างชนิดกัน เช่น แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของนำ้ากับแก้วที่ใช้ทำาภาชนะ
เมื่อหยดนำ้าลงบนแผ่นไม้หรือกระดาษ
แล้วสังเกตได้ว่าแผ่นไม้หรือกระดาษนั้นเปียก
- 21. แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของเหลว
ถ้าหยดนำ้าลงบนผิวที่เรียบมัน เช่น
พลาสติกหรือวัสดุที่เคลือบเงาบางชนิด หยด
นำ้าจะมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมเกาะทีผิววัสดุ
่
นั้น เพราะว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล
ของนำ้ามีค่ามากกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลของนำ้ากับวัสดุ
- 22. การซึมตามรูเล็ก
( Capillarity )
นำ้าในหลอดคะปิลลารี่สูงกว่าระดับนำ้า
ในบีกเกอร์ และผิวหน้า มีลักษณะเว้า
เพราะแรงยึดติดระหว่างนำ้ากับแก้วมีมากกว่า
แรงเชื่อมแน่นระหว่างนำ้ากับนำ้าและนำ้ามีแรงดึง
ผิวทำาให้โมเลกุลของนำ้าดึงโมเลกุลอื่น ๆ ที่
มีปริมาตรมากลงไปด้วยเมื่อดึงโมเลกุลนำ้า
ข้างบนที่มปริมาตรมาก ๆ
ี ลงไปแล้ว มัน
จะไปดันนำ้าทีมีปริมาตรน้อย ๆ สูงขึ้นในหลอด
่
คะปิลลารี่ ดังรูป
- 23. การซึมตามรูเล็ก
(Capillarity)
ปรอทในหลอดคะปิลลารี่ตำ่ากว่า ระดับ
ปรอทในบีกเกอร์และผิวหน้ามีลักษณะโค้งนูน
เพราะ แรงเชื่อมแน่นระหว่างปรอทกับปรอท
มีมากกว่าแรงยึดติดระหว่างปรอทกับแก้ว
อะตอมปรอทจึงดึงดูดกันมาก ทำาให้ผิวมันนูน
ขึ้นมา มันเลยดูดให้ปรอทปริมาตรน้อยๆในหล
อดคะปิลลารี่เตี้ยลง ดังรูป
- 24. ความหนืด
สมบัติของของเหลวที่จะต้านการ
เคลื่อนที่ของวัตถุในของเหลวนั้นว่า ความ
หนืด เรียงจากของไหลทีมีความหนืดน้อยไป
่
ยังของไหลที่มีความหนืดมาก
- 26. แรงหนืด
ของไหลทีมีความหนืดมากจะมีแรงต้าน
่
การเคลื่อนที่ของวัตถุในของไหลนั้นมาก แรง
ต้านการเคลื่อนทีอันเนื่องมาจากความหนืด
่
ของ ของไหล เรียกว่า แรงหนืด (viscous
force)
เมื่อเทกลีเซอรอลใส่กระบอกใส แล้ว
ปล่อยลูกกลมโลหะขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 1 มิลลิเมตร ลงในกลีเซอรอล และ
สังเกตการเคลื่อนที่ของลูกกลมโลหะ จะพบ
ว่า ในช่วงต้นของการเคลื่อนที่ ลูกกลมโลหะ
- 27. แรงหนืด
ที่เป็นเช่นนี้เพราะในช่วงต้นของการ
เคลื่อนที่ ลูกกลมโลหะเคลื่อนที่โดยมีความเร่ง
ภายใต้แรงลัพธ์ขนาดหนึ่ง ต่อมาเมื่อลูกกลม
โลหะมีความเร็วสูงขึ้นแรงลัพธ์นั้นลดลงๆ จน
มีค่าเป็นศูนย์ ลูกกลมโลหะจึงเคลื่อนที่ด้วย
ความเร็วคงตัว
จากหลักการของอาร์คิมีดีสและกฎการ
เคลื่อนทีของนิวตัน ขณะที่ลูกกลมโลหะตกใน
่
กลีเซอรอล (หรือของไหลอืน) ลูกกลมจะถูก
่
แรงสามแรง คือ นำ้าหนัก (W) ของลูกกลม
- 29. แรงหนืด
เมื่อพิจารณาแรงทั้งสามนี้ จะพบว่า นำ้า
หนักของลูกกลมโลหะและแรงลอยตัวมีค่า
คงตัว ดังนั้น การที่แรงลัพธ์เปลี่ยนไป จึงเกิด
จากแรงหนืดเพียงแรงเดียว กล่าวคือ
เมื่อเริ่มเคลื่อนที่ แรงหนืดจะมีขนาดน้อย
กว่าผลต่างของนำ้าหนักและแรงลอยตัว ดังรูป
ก.
เมื่อลูกกลมโลหะเคลื่อนที่เร็วขึ้นแรง
หนืดจะมีขนาดมากขึ้นจนทำาให้แรงลัพธ์ที่
กระทำาต่อลูกกลมโลหะเป็นศูนย์ ลูกกลมโลหะ
จึงเคลื่อนทีด้วยความเร็วคงตัว ดังรูป ข.
่
- 30. แรงหนืด
สโตกส์ (Sir George Stokes) ได้
ทดลองหาแรงหนืดที่กระทำาต่อวัตถุทรงกลม
ขณะเคลื่อนที่ในของเหลว พบว่า แรงหนืด
แปรผันตรงกับความเร็วของวัตถุทรงกลม ดัง
สมการเมือ
่
F คือ แรงหนืด
r คือ รัศมีของวัตถุทรงกลมตัน
v คือ ความเร็วของวัตถุทรงกลม
- 31. พลศาสตร์ของของไหล
พลศาสตร์ของของไหลเป็นการ
ศึกษาของไหลที่มการเคลือนที่ โดย
ี ่
สมมติให้ของไหลเป็นของไหลอุดมคติ
พฤติกรรมของของไหลอุดมคติอธิบาย
ได้ดวย สมการความต่อเนื่อง
้
(the equation of continuity)
- 32. ของไหลในอุดมคติ
คุณสมบัติของไหลอุดมคติ มีดังนี้
1. มีการไหลอย่างสมำ่าเสมอ (Steady Flow)
หมายถึง ความเร็วของทุกอนุภาค ณ
ตำาแหน่งบนพื้นที่หน้าตัด เดียวกันใน
ของไหลมีค่าคงตัว
2. เป็นการไหลโดยไม่หมุน (I rotational
Flow) คือ ในบริเวณโดยรอบจุดหนึ่ง ๆ ใน
ของไหลจะไม่มีอนุภาคของของไหล
เคลื่อนทีด้วยอัตราเร็วเชิงมุมรอบจุดนั้น ๆ
่
- 34. สมการความต่อเนือง (the equation
่
of continuity)
สมการความต่อเนื่อง (the equation of
continuity) กล่าวว่า ผลคูณระหว่างพื้นที่
หน้าตัดกับอัตราเร็วของของไหลในอุดมคติ
ไม่ว่าจะอยู่ทตำาแหน่งใดในหลอด การไหลจะ
ี่
มีค่าคงตัวเสมอ
ผลคูณ Av เรียกว่า อัตราการไหล
(volume flow rate หรือ volume flux) มี
หน่วยลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
- 35. สมการของแบร์นลลี
ู
(Bernoulli's equation)
แบร์นูลลี (Bernoulli's equation)
กล่าวว่า ผลรวมของความดัน พลังงานจลน์
ต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร และพลังงานศักย์โน้ม
ถ่วงต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร ณ ตำาแหน่งใดๆ
ภายในท่อที่ของไหลผ่าน มีค่าคงตัวเสมอ
เมื ่ อ P คื อ ความดั น ρ คื อ
ความหนาแน่ น
v คื อ อั ต ราเร็ ว h คื อ
ความสู ง
- 36. หลักของแบร์นลลี
ู
(Bernoulli's principle)
จากสมการของแบร์นูลลี จะเห็นว่า ถ้า
ระดับคงตัวเมื่อของไหล มีอัตราเร็วเพิ่ม
ความดันของของไหลจะลด และเมื่อของไหล
มีอตราเร็วลดลง ความดันของของไหลจะเพิ่ม
ั
ขึ้น ข้อสรุปนี้เรียกว่า หลักของแบร์นูลลี
(Bernoulli's principle) ความรู้เกี่ยวกับหลัก
การของแบร์นูลลีนำาไปใช้อธิบายการทำางาน
ของอุปกรณ์บางอย่าง เช่น เครื่องพ่นสี การ
ทำางานของปีกเครื่องบิน เป็นต้น