1. EndNoteX7
1. เริ่มต้นการใช้งาน
เปิดโปรแกรม
1. จากเมนู Start เลือก Programs > EndNote >EndNote Program.
2. เลือก Open an existing EndNote library หรือ Create a new Endnote library.
การนาเข้าข้อมูล
1. นาเข้าโดยวิธี Import
Searching Remote Databases
1. เมนู Tools > Online Search แล้วเลือกฐานข้อมูลที่ต้องการสืบค้นจากเมนูย่อย
2. พิมพ์คาค้นลงในช่องว่างที่กาหนด คลิก Search
3. เมื่อได้ผลการค้น คลิก OK เพื่อส่งข้อมูลลงใน EndNote
2. นาเข้าโดยวิธี Direct Export จากฐานข้อมูลออนไลน์
ฐานข้อมูลออนไลน์ที่ส่วนใหญ่จะสามารถนาข้อมูลเข้าได้ แต่ละฐานก็อาจจะมีวิธีที่แตกต่างกันไป
บ้าง
3. การถ่ายโอนข้อมูลจาก EndNote Web
ผู้ใช้งานจะต้องเป็นสมาชิก EndNote Web ซึ่งสามารถเข้าไปสมัครใช้งานได้ที่ฐานข้อมูล ISI Web
of Science (ฟรี แต่ต้องเป็นสมาชิกฐานข้อมูล)
3.1 เมนู Help เลือก EndNote Web
3.2 ใส่ชื่อสมาชิกและรหัสผ่าน
4. การถ่ายโอนไฟล์เอกสารรูปแบบ PDF เข้าสู่ EndNote
4.1 File เลือก Import เลือก Folder
4.2 เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการนาเข้า
4.3 คลิก OK
5. พิมพ์ด้วยมือ
5.1. เมนู References, เลือก New Reference (CTRL+N).
5.2. คลิกรายชื่อ Reference Type แล้วเลือกประเภทของบรรณานุกรม.
2. 2
การลงรายการชื่อผู้แต่งสามารถลงได้ 2 รูปแบบ คือ “First Middle Last” เช่น “Carol Margaret
Jacobson” หรือ “Last, First Middle” เช่น “Jacobson, Carol Margaret.” หากมีผู้แต่งหลายคน
ให้กด enter เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่
*** ผู้แต่งลักษณะพิเศษ
de Young, John Robert, Jr.
University of California,, Berkeley
3. การปิดหน้าต่าง New Reference คลิกที่ close box หรือไปที่เมนู File เลือก Close Reference
(CTRL+W)
2. การบริหารจัดการบรรณานุกรม
1. การรวม Libraries
จะมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่
- นาเข้าทั้ง library
- ระหว่าง libraries โดยลากแล้วนาไปวาง
- copy และ paste ระหว่าง libraries
2. การตรวจบรรณานุกรมซ้า
2.1. ที่เมนู References
2.2. เลือก Find Duplicates
3. ลบ Reference และ Library
3.1. เปิด Library ที่ต้องการจะลบบรรณานุกรม
3.2. เลือก Reference ที่ต้องการลบ
3.3. คลิกปุ่มขวาของเมาส์ และคลิก Move References to Trash
3.4. หากลบทั้ง Library จะต้องลบ libraryname.DATA ในโฟลเดอร์ด้วย
4. การจัดเรียงลาดับบรรณานุกรม
4.1. คลิกคอลัมน์ Author จะจัดเรียงบรรณานุกรมใหม่โดยเรียงชื่อผู้แต่งตามลาดับตัวอักษร
4.2. คลิกคอลัมน์อื่นๆก็จะจัดเรียงลาดับข้อมูลในคอลัมน์นั้นใหม่
4.3. หากซ้ากัน 2 ครั้ง การเรียงลาดับจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมตอนที่ยังไม่ได้เลือก
3. 3
To change the sort order:
1. เมนู Tools เลือก Sort Library.
2. เลือกประเภทข้อมูลที่ต้องการจัดเรียงลาดับใหม่
3. คลิก OK
5. สืบค้นบรรณานุกรม
5.1. เมนู Tools เลือก Search Library (CTRL+F) หรือคลิกมนู Hide Search Panel ด้านบน
5.2. หากต้องการทางเลือกอื่นที่กาหนดสามารถเพิ่มเติมได้ โดยคลิกปุ่ม +
6. link รูปภาพ ไฟล์ และ URL
To link a file to the “URL” field in a reference:
6.1 เปิดบรรณานุกรมที่ต้องการ link
6.2 เลือกเขตข้อมูล URL พิมพ์ URL ได้ 2 แบบ ดังตัวอย่าง
http://www.endnote.com
ftp://ftp.cuteftp.com
To link a file to the “Figure” field in a reference:
1. เลือกบรรณานุกรมเรื่องที่ต้องการ link
2. เมนู References เลือก Figure > Attach Figure
3. เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการลิงค์
To link a file to the “Link to PDF” หรือไฟล์ประเภทอื่น field in a reference:
1. เลือกบรรณานุกรมเรื่องที่ต้องการ link
2. เมนู References เลือก File Attachments > Attach File
3. เลือกไฟล์ที่ต้องการลิงค์
4. ทาเครื่องหมาย / ในช่องหน้าข้อความ "Copy this file to the default file folder and create a
relative link." ซึ่งจะหมายถึง
� ถ้าเลือก EndNote จะ copy ไฟล์นั้นมาเก็บที่โฟลเดอร์ DATAPDF ชื่อไฟล์นั้น
� ไม่เลือก EndNote จะไปเปิดไฟล์ต้นฉบับตามโฟลเดอร์ที่เก็บ
4. 4
7. เปลี่ยนรูปแบบบรรณานุกรม
เพิ่มหรือดัดแปลงรูปแบบบรรณานุกรม
7.1 เมนู Edit > Output Styles
7.2 เลือก Edit … จากเมนู Output Styles
7.3 คลิก Templates ในหัวข้อ Bibliography
7.4 ทาการดัดแปลง
7.5 ไปที่เมนู File เลือก Save As ตั้งชื่อใหม่สาหรับรูปแบบที่เราปรับปรุง คลิก Save.
8. Exporting
8.1 เลือก References ที่ต้องการ Export
8.2 เลือก Export ที่เมนู File
8.3 ตั้งชื่อไฟล์
8.4 ในช่อง Save as type เลือก Rich Text Format [*.rtf]
8.5 คลิก Save
9. การจัดกลุ่ม
9.1. เลือก Subject Bibliography ที่เมนู Tools
9.2. เลือกประเภทของข้อมูล
9.3. คลิก OK
10. Groups
Create Group คือ การสร้าง Group ย่อยภายใต้ My Groups
Create Smart Group คือการสร้าง Group ย่อยภายใต้เงื่อนไขที่กาหนด
Create From Groups คือการสร้าง Group ย่อยขึ้นมาใหม่โดยเงื่อนไขตรวจสอบบรรณนุกรมซ้า
ระหว่าง Group ที่กาหนด
Create Group Set คือการสร้าง Group หลักขึ้นมาใหม่
11. Find the Full Text
To find the full text for a reference:
11.1 เลือกรายการบรรณานุกรมที่เราต้องการค้นหา
11.2 จากเมนู References เลือก Find Full Text > Find Full Text.
Found PDF คือ จานวนบรรณานุกรมที่พบ Full Text
5. 5
Found URL คือ จานวนบรรณานุกรมที่พบ URL
Not found คือ จานวนบรรณานุกรมที่ไม่พบ
3. การทางานร่วมกับ Microsoft Word
1. ไฟล์เดียว
MS Word 2003
เมื่อจัดทาเนื้อหาเสร็จแล้ว ถึงขั้นตอนแทรกอ้างอิงลงในเนื้อหา
1. กาหนดตาแหน่งที่ต้องการแทรกอ้างอิง
2. เมนู Tools ไปที่เมนูย่อย EndNote X7 เลือก Go to Endnote.
3. เลือก reference และเลือก Cite While You Write [CWYW] ในเมนู Tools คลิก Insert
Selected Citation(s)
4. เมื่อแทรกอ้างอิงเรียบร้อย ให้ Save ข้อมูลไว้
MS Word 2007 หรือ 2010
เมื่อจัดทาเนื้อหาเสร็จแล้ว ถึงขั้นตอนแทรกอ้างอิงลงในเนื้อหา
1. กาหนดตาแหน่งที่ต้องการแทรกอ้างอิง
2. ไปที่เมนู EndNote X7 เลือก Go to Endnote.
3. เลือก reference
4. ในเมนู Tools เลือก Cite While You Write [CWYW] คลิก Insert Selected Citation(s)
5. เมื่อแทรกอ้างอิงเรียบร้อย ให้ Save ข้อมูลไว้
2. หลายไฟล์
MS Word 2003
วิธีที่ 1
2.1 ในแต่ละไฟล์แทรกอ้างอิงให้เรียบร้อย
2.2 ในแต่ละไฟล์ให้ไปที่เมนู Tools > EndNote X7 เลือก Unformat Citations
2.3 บันทึกข้อมูลแต่ละไฟล์ แล้วปิดไฟล์ทั้งหมด
2.4 เปิดไฟล์ว่างขึ้นมา 1 ไฟล์
2.5 ใช้ Outline ในเมนู View จะปรากฏเมนูเอกสารเพิ่มขึ้นมา ให้แทรกไฟล์ต่างๆที่ได้จัดเก็บไว้
ก่อนหน้านี้
2.6 เมนู Tools ไปที่เมนูย่อย EndNote X7 เลือก Format Bibliography
NOTE: ตัวเอกสารจะต้องเป็นแบบอ่านและเขียนได้ หากแสดงเป็น Read-only (locked) จะ
6. 6
ดาเนินการไม่ได้
2.7 เลือกรูปแบบบรรณานุกรมตามต้องการ แล้วคลิก OK
MS Word 2007 หรือ 2010
2.1 ในแต่ละไฟล์แทรกอ้างอิงให้เรียบร้อย
2.2 ในแต่ละไฟล์ให้ไปที่เมนู EndNote X7 คลิก Convert Citations and Bibliography เลือก
Convert to Unformatted Citations
2.3 บันทึกข้อมูลแต่ละไฟล์ แล้วปิดไฟล์ทั้งหมด
2.4 เปิดไฟล์ใหม่ขึ้นมา 1 ไฟล์
2.5 ใช้ Outline ในเมนู View แล้วคลิก Show Document ที่กลุ่ม Master Document จะปรากฏ
เมนู Insert เอกสารเพิ่มขึ้นมา ให้แทรกไฟล์ต่างๆที่ได้จัดเก็บไว้ก่อนหน้านี้
2.6 ไปที่เมนู EndNote X7 คลิก Update Citations and Bibliography
NOTE: ตัวเอกสารจะต้องเป็นแบบอ่านและเขียนได้ หากแสดงเป็น Read-only (locked) จะ
ดาเนินการไม่ได้
2.7 เลือกรูปแบบบรรณานุกรมตามต้องการ แล้วคลิก OK
วิธีที่ 2
2.1 ในแต่ละไฟล์แทรกอ้างอิงให้เรียบร้อย
2.2 ในแต่ละไฟล์ให้ไปที่เมนู Tools > EndNote X7 เลือก Convert to Unformatted Citations
2.3 บันทึกข้อมูลแต่ละไฟล์ โดยใช้คาสั่ง Save as เปลี่ยน Save as type เป็น Rich Text Format
[*.rtf]
2.4 ไปที่โปรแกรม EndNote ไปเมนู Tools เลือก Format Paper เลือกไฟล์ที่เตรียมไว้จากข้อ 2.3
ตามลาดับของไฟล์
3. เอกสารแยกบท [Sections (Microsoft Word Only)]
3.1 ไปที่ Edit เลือก Output Styles เลือกรูปแบบบรรณานุกรม
3.2 เลือก Sections แล้วเลือกรูปแบบที่ต้องการ
7. 7
- Create a complete bibliography at the end of each document คือ บรรณานุกรมอยู่ท้าย
เล่ม
- Create a bibliography for each section in the document คือ บรรณานุกรมอยู่ท้ายบท
- When the check box is blank ลาดับบรรณานุกรมแยกแต่ละบท
- When the check box is selected ลาดับบรรณานุกรมเรียงลาดับตั้งแต่บทแรกจนบท
สุดท้าย
- Create a bibliography for each section and a complete bibliography at the end of the
document คือ บรรณานุกรมแยกแต่ละบท และเรียงลาดับตั้งแต่บทแรกจนบทสุดท้าย และบท
สุดท้ายก็จะมีบรรณานุกรมของทั้งเล่ม
3.2 คลิกที่ File - Save As เพื่อบันทึกรูปแบบที่มีการแก้ไข
3.3 ใน Microsoft Word คลิกแถบ Page Layout - Breaks - Next Page
3.4 เลือกรูปแบบบรรณานุกรมที่มีการแก้ไขแล้ว
Working with a Manuscript or CWYW (ลบ field codes ของ EndNote)
To remove field codes and save the formatted citations and bibliography as text:
MS Word 2003
1. เมนู Tools ไปที่เมนูย่อย EndNote X7 และเลือก Remove Field Codes
2. เมนู File เลือกเมนูย่อย Save ให้ใช้คาสั่ง Save As ตั้งชื่อไฟล์ใหม่ คลิก OK
MS Word 2007 หรือ 2010
1. เมนู EndNote X7 คลิก Convert Citations and Bibliography แล้วเลือก Convert to Pain
Text
2. เมนู File เลือกเมนูย่อย Save As ตั้งชื่อไฟล์ใหม่ คลิก OK
ศิรชีพ ขอนดอก
บรรณารักษ์
หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล