The document contains a series of 15 frames all labeled TUN21-F1 through TUN21-F15 without any other text or context provided. It appears to be documenting some kind of process that involves 15 sequential frames but no other descriptive information is given.
The document contains a series of 15 frames all labeled TUN21-F1 through TUN21-F15 without any other text or context provided. It appears to be documenting some kind of process that involves 15 sequential frames but no other descriptive information is given.
7. บทนา | 7
B3 (g) B4 (g) + e
IE4 = 25,025 kJ mol1
B4 (g) B5 (g) + e
IE5 = 32,822 kJ mol1
รูปที่ 1.4 แสดงพลังงานการแตกตัวเป็นไอออนลาดับที่ 1 ของธาตุในตารางธาตุ เมื่อเปรียบเทียบในหมู่
เดียวกันพลังงานการแตกตัวเป็นไอออนของธาตุที่มีขนาดอะตอมเล็กจะมีค่าสูงกว่าอะตอมที่ขนาดใหญ่
กว่า พลังงานการแตกตัวเป็นไอออนจะลดลงจากบนลงล่างตามหมู่ในตารางธาตุ ในคาบเดียวกัน
พลังงานการแตกตัวเป็นไอออนมีค่าเพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวาของตารางธาตุตามขนาดอะตอมที่เล็กลง
และผลของออร์บิทัลที่อิเล็กตรอนบรรจุ โดยอิเล็กตรอนที่มีเลขควอนตัมหลัก n เดียวกัน ค่าพลังงาน
การแตกตัวเป็นไอออนสาหรับอิเล็กตรอนในออร์บิทัลต่าง ๆ จะเป็นไปตามอนุกรม s < p < d < f และ
พลังงานการแตกตัวเป็นไอออนของธาตุหมู่ 18 ก๊าซมีสกุลมีค่าสูงที่สุด เพราะมีการจัดเรียงอิเล็กตรอน
เข้าคู่แบบบรรจุเต็ม อิเล็กตรอนจึงมีเสถียรภาพมาก การดึงอิเล็กตรอนออกจากอะตอมก๊าซมีสกุลจึง
ต้องใช้พลังงานสูง ธาตุที่มีค่าพลังงานการแตกตัวเป็นไอออนต่าแสดงว่าสูญเสียอิเล็กตรอนได้ง่าย
มีสมบัติเป็นตัวรีดิวซ์ที่ดี (ชอบเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน) และมีความว่องไวต่อปฏิกิริยามาก ในทาง
ตรงกันข้ามธาตุที่มีพลังงานการแตกตัวเป็นไอออนสูง เช่น ก๊าซมีสกุล จึงไม่ว่องไวต่อปฏิกิริยาเคมี
นอกจากนั้นธาตุที่มีพลังงานการแตกตัวเป็นไอออนต่ามีความเบสแก่กว่าธาตุที่มีพลังงานการแตกตัวเป็น
ไอออนสูงกว่า
รูปที่ 1.4 พลังงานการแตกตัวเป็นไอออนลาดับที่ 1 ของธาตุในตารางธาตุ
0 20 40 60 80 100
0
1000
2000
3000
H
He
Li
Ne
Na
Ar
K
Kr
Rb
Xe
Cs
Rn
Fr
เลขเชิงอะตอม
พลังงานการแตกตัวเป็นไอออน(kJmol1)
8. 8 | เคมีธาตุหมู่หลัก
1.5 สัมพรรคอิเล็กตรอน
สัมพรรคอิเล็กตรอน (Electron affinity, EA) คือ พลังงานที่เปลี่ยนแปลงเมื่ออะตอมใน
สภาวะก๊าซได้รับอิเล็กตรอนเพิ่ม 1 อนุภาคเกิดเป็นไอออนลบ ดังปฏิกิริยา
M (g) + e
(g) M
(g)
ธาตุส่วนใหญ่ในตารางธาตุจะคายพลังงานเมื่อได้รับอิเล็กตรอนเพิ่ม สัมพรรคอิเล็กตรอนจึงมีค่าเป็นลบ
แต่บางธาตุเมื่อรับอิเล็กตรอนจะต้องใช้พลังงาน เช่น Be และ Mg และก๊าซมีสกุล สัมพรรคอิเล็กตรอน
จึงมีค่าเป็นบวก รูปที่ 1.5 แสดงค่าสัมพรรคอิเล็กตรอนของธาตุบางธาตุในตารางธาตุ เมื่อไม่พิจารณา
ก๊าซมีสกุล พบว่าในคาบเดียวกันแนวโน้มของสัมพรรคอิเล็กตรอนจะเพิ่มขึ้นจากซ้ายไปขวา เมื่อ
พิจารณาในหมู่เดียวกันค่าสัมพรรคอิเล็กตรอนจะลดลงจากบนลงล่าง ธาตุที่คายพลังงานออกมามาก
เมื่อรับอิเล็กตรอนมีสมบัติเป็นตัวออกซิไดส์ที่ดีหรือชอบรับอิเล็กตรอนเพิ่ม
รูปที่ 1.5 สัมพรรคอิเล็กตรอน (kJ mol1)
Li
-60
Na
-53
K
-48
Rb
-47
Be
0
Mg
0
Ca
-2
Sr
-5
He
48
Ne
116
Ar
96
Kr
96
Xe
77
F
-328
Cl
-349
Br
-325
I
-295
O
-141
S
-200
Se
-195
Te
-190
N
8
P
-72
As
-78
Sb
-103
C
-122
Si
-134
Ge
-116
Sn
-116
B
-27
Al
-43
Ga
-29
In
-29
1
I
IA
2
II
IIA
หมู่
13
III
IIIA
14
IV
IVA
15
V
VA
16
VI
VIA
17
VII
VIIA
18
VIII
VIIIA
คาบ
2
3
4
5
H
-72
Li
-60
Na
-53
K
-48
Rb
-47
Be
0
Mg
0
Ca
-2
Sr
-5
He
48
Ne
116
Ar
96
Kr
96
Xe
77
F
-328
Cl
-349
Br
-325
I
-295
O
-141
S
-200
Se
-195
Te
-190
N
8
P
-72
As
-78
Sb
-103
C
-122
Si
-134
Ge
-116
Sn
-116
B
-27
Al
-43
Ga
-29
In
-29
1
I
IA
2
II
IIA
หมู่
13
III
IIIA
14
IV
IVA
15
V
VA
16
VI
VIA
17
VII
VIIA
18
VIII
VIIIA
คาบ
2
3
4
5
H
-72
9. บทนา | 9
1.6 สภาพไฟฟ้าลบ
ไลนัส พอลิง (Linus Pauling) ได้นิยามสภาพไฟฟ้าลบ (อิเล็กโทรเนกาติวิตี, electronegativity,
EN) หมายถึงความสามารถหรืออานาจของอะตอมในการดึงอิเล็กตรอนจากอะตอมอื่นที่ก่อพันธะด้วยเข้า
มาอยู่ใกล้ตนเอง ถ้าอะตอมใดมีค่าสภาพไฟฟ้าลบสูงกว่าแสดงว่าสามารถดึงอิเล็กตรอนเข้ามาอยู่ใกล้ตน
ได้มากกว่าอะตอมที่มีค่าสภาพไฟฟ้าลบต่ากว่า ธาตุที่มีค่าสภาพไฟฟ้าลบสูงที่สุดตามพอลิงสเกลคือ
ฟลูออรีน สาหรับธาตุที่มีค่าสภาพไฟฟ้าลบต่าได้แก่ธาตุหมู่ 1 โลหะแอลคาไล มีค่าสภาพไฟฟ้าลบน้อย
กว่า 1 (รูปที่ 1.6) จึงชอบเป็นไอออนบวกในสารประกอบไอออนิก ค่าสภาพไฟฟ้าลบสามารถใช้ทานาย
ชนิดพันธะของสารประกอบอะตอมคู่ได้โดยใช้แผนภาพสามเหลี่ยมแวนอาร์เกล-เคเทอลาร์ (van
Arkel-Ketelaar triangle) ดังรูปที่ 1.7 เมื่อ และ mean คือ ผลต่างและค่าเฉลี่ยของค่าสภาพ
ไฟฟ้าลบของอะตอมทั้งสอง ตามลาดับ
รูปที่ 1.6 ค่าสภาพไฟฟ้าลบ EN
Li
0.98
Na
0.93
K
0.82
Rb
0.82
Be
1.57
Mg
1.31
Ca
1.00
Sr
0.95
He
48
Ne
116
Ar
96
Kr
96
Xe
77
F
3.98
Cl
3.16
Br
2.96
I
2.66
O
3.44
S
2.58
Se
2.55
Te
2.10
N
3.04
P
2.19
As
2.18
Sb
2.05
C
2.55
Si
1.90
Ge
2.01
Sn
1.96
B
2.04
Al
1.61
Ga
1.81
In
1.78
1
I
IA
2
II
IIA
หมู่
13
III
IIIA
14
IV
IVA
15
V
VA
16
VI
VIA
17
VII
VIIA
18
VIII
VIIIA
คาบ
2
3
4
5
H
2.20
Li
0.98
Na
0.93
K
0.82
Rb
0.82
Be
1.57
Mg
1.31
Ca
1.00
Sr
0.95
He
48
Ne
116
Ar
96
Kr
96
Xe
77
F
3.98
Cl
3.16
Br
2.96
I
2.66
O
3.44
S
2.58
Se
2.55
Te
2.10
N
3.04
P
2.19
As
2.18
Sb
2.05
C
2.55
Si
1.90
Ge
2.01
Sn
1.96
B
2.04
Al
1.61
Ga
1.81
In
1.78
1
I
IA
2
II
IIA
หมู่
13
III
IIIA
14
IV
IVA
15
V
VA
16
VI
VIA
17
VII
VIIA
18
VIII
VIIIA
คาบ
2
3
4
5
H
2.20