SlideShare a Scribd company logo
1
โสมนัสสชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๙. โสมนัสสชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๐๕)
ว่าด้วยโสมนัสกุมาร
(พระราชาตรัสว่า)
[๒๑๑] ใครมาเบียดเบียนข่มเหงท่าน ทาไมท่านจึงเสียใจ เศร้าโศก
ไม่ชื่นบานเลย วันนี้ มารดาบิดาของท่านมาร้องไห้หรือ หรือว่า ใครมารังแก
ทาให้ท่านต้องนอนที่พื้นดิน
(ชฎิลโกงได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า)
[๒๑๒] ขอถวายพระพร อาตมามีความยินดีที่ได้พบเห็นพระองค์
ขอถวายพระพรพระภูมิบาล ต่อกาลนานจึงได้พบพระองค์
ขอถวายพระพรพระเจ้าเรณู อาตมามิได้เบียดเบียนผู้ใด
แต่ถูกพระโอรสของพระองค์เข้ามาเบียดเบียน
(พระราชาตรัสว่า)
[๒๑๓] ไปเหวย พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดตาม และเหล่าเพชฌฆาต
จงไปยังภายในพระราชฐาน จงฆ่าเจ้าโสมนัสกุมารนั้นแล้วตัดศีรษะนามา
(พึงทราบคาถาประพันธ์ดังต่อไปนี้)
[๒๑๔] ราชทูตทั้งหลายที่ทรงส่งไปได้กราบทูล พระราชกุมารนั้นว่า
ขอเดชะพระขัตติยกุมาร พระองค์ถูกพระราชบิดาผู้เป็นอิสสราธิบดีตัดขาดแล้ว
ต้องโทษประหารชีวิต
[๒๑๕] พระราชบุตรนั้นทรงกันแสงคร่าครวญ ยกนิ้วทั้ง ๑๐
ประคองอัญชลี อ้อนวอนว่า ข้าพเจ้าปรารถนาจะเฝ้ าพระจอมชน
ขอพวกท่านจงนาข้าพเจ้าผู้ยังมีชีวิตอยู่แสดงต่อพระองค์เถิด
[๒๑๖] ราชทูตเหล่านั้นฟังพระดารัสของพระราชกุมารนั้นแล้ว
ได้แสดงพระราชบุตรต่อพระราชา ส่วนพระราชบุตรทรงเห็นพระบิดาแล้ว
กราบทูลแต่ไกลว่า
[๒๑๗] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดดาบ
และเหล่าเพชฌฆาตมาเพื่อจะฆ่าหม่อมฉัน หม่อมฉันขอกราบทูลถาม
ขอพระองค์โปรดบอกเนื้อความนั้น วันนี้หม่อมฉันมีความผิดอะไรหนอในเรื่องนี้
(พระราชาตรัสบอกความผิดว่า)
[๒๑๘] ดาบสผู้ไม่ประมาท ทาการรดน้า
และบาเรอไฟทั้งเย็นและเช้าในกาลทุกเมื่อ ทาไมเจ้าจึงร้องเรียกท่านผู้สารวม
ซึ่งประพฤติพรหมจรรย์เช่นนั้นว่าเป็ นคหบดีเล่า
(พระราชกุมารกราบทูลว่า)
2
[๒๑๙] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
ดาบสผู้นี้มีของเก็บรวบรวมไว้หลายชนิด เช่น สมอพิเภก รากไม้
และผลไม้นานาชนิด เธอไม่ประมาท เฝ้ ารักษาคุ้มครองสิ่งของเหล่านั้นไว้
เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงร้องเรียกเธอว่าเป็นคหบดี
(พระราชาทรงทราบว่าพระโพธิสัตว์ไม่มีความผิดจึงตรัสว่า)
[๒๒๐] พ่อกุมาร คาที่เจ้าพูดเป็ นความจริง
ดาบสผู้นี้มีของเก็บรวบรวมไว้หลายชนิด เธอไม่ประมาท
เฝ้ ารักษาคุ้มครองสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะเหตุนั้น เธอจึงชื่อว่าเป็นพราหมณ์
เป็นคหบดี
(พระโพธิสัตว์นอบน้อมบริษัทแล้วตรัสว่า)
[๒๒๑] ขอบริษัททั้งหลายพร้อมทั้งชาวนิคมและชาวชนบททั้งปวง
ที่มาประชุมพร้อมกันจงฟังข้าพเจ้า พระราชาผู้จอมชนพระองค์นี้เป็นพาล
ทรงฟังคาของดาบสผู้เป็นพาลแล้ว รับสั่งให้ประหารข้าพเจ้าโดยมิใช่เหตุ
(ต่อมาพระโพธิสัตว์ทูลขอบรมราชานุญาตบวชว่า)
[๒๒๒] เมื่อรากยังมั่นคงเจริญงอกงามแผ่ไพศาลอยู่
กอไผ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาก็ยากที่จะถอนให้หมดสิ้นได้ ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน
หม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาทของพระองค์
ขอพระองค์โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หม่อมฉันบวช
(พระราชาตรัสว่า)
[๒๒๓] เจ้าจงเสวยโภคะอันไพบูลย์เถิด พ่อกุมาร
พ่อจะมอบความเป็นใหญ่ให้เจ้าทุกอย่าง
เจ้าจงเป็นพระราชาของชนชาวกุรุในวันนี้เถิด อย่าบวชเลย
เพราะการบวชเป็ นทุกข์
(พระโพธิสัตว์ผู้เป็นพระโอรสกราบทูลว่า)
[๒๒๔] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
โภคะทั้งหลายของพระองค์ในพระนครนี้
ที่หม่อมฉันควรจะบริโภคใช้สอยมีอยู่หรือหนอ ในชาติก่อน
หม่อมฉันได้รื่นรมย์ด้วย รูป เสียง กลิ่น รส และผัสสะ
อันน่ารื่นรมย์ใจอยู่ในเทวโลก
[๒๒๕] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ โภคะทั้งหลาย
ในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ หม่อมฉันก็บริโภคใช้สอยมาแล้ว
และหม่อมฉันก็มีหมู่เทพอัปสรแวดล้อมบาเรอแล้ว อนึ่ง หม่อมฉันทราบว่า
พระองค์เป็นพาล ถูกผู้อื่นแนะนา จึงไม่ควรอยู่ในราชสกุลเช่นนั้น
(พระราชาตรัสว่า)
3
[๒๒๖] หากพ่อเป็นคนพาล ถูกผู้อื่นแนะนาไซร้ ลูกรัก
เจ้าจงอดโทษให้พ่อสักครั้งเถิด ถ้าพ่อเป็นเช่นนี้อีก จงทาตามความคิดของเจ้าเถิด
พ่อโสมนัส
(พระโพธิสัตว์ถวายโอวาทพระราชบิดาว่า)
[๒๒๗] การงานที่บุคคลไม่ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา
ไม่ไตร่ตรองก่อนคิด ผลย่อมเลวทรามเหมือนยาเสื่อมคุณภาพ
[๒๒๘] การงานที่บุคคลใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา
ไตร่ตรองโดยชอบก่อนแล้วคิด ผลย่อมเจริญเหมือนยาไม่เสื่อมคุณภาพ
[๒๒๙] คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเกียจคร้านไม่ดี บรรพชิตไม่สารวมไม่ดี
พระราชาไม่ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วทาไม่ดี การที่บัณฑิตโกรธไม่ดี
[๒๓๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเจ้าแห่งทิศ
กษัตริย์ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วจึงควรทา ไม่ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วไม่ควรตัดสิน
ยศและเกียรติย่อมเจริญแด่พระราชาผู้ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา
[๒๓๑] ขอเดชะพระภูมิบาล
คนผู้เป็นใหญ่ควรใคร่ครวญก่อนแล้วจึงลงอาชญา
การงานที่ทาเพราะความรีบร้อนย่อมเดือดร้อน
ส่วนประโยชน์ทั้งหลายของนรชนที่ทาด้วยจิตที่ตั้งมั่นโดยชอบ
ย่อมไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนในภายหลัง
[๒๓๒] อนึ่ง ชนเหล่าใดจัดแจงบ่อเกิดแห่งการงานในโลก
แล้วทาการงานที่ไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนในภายหลัง
การงานของพวกเขาวิญญูชนสรรเสริญ
มีความสุขเป็นกาไรที่ผู้รู้ทั้งหลายมีความเห็นคล้อยตาม
[๒๓๓] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดดาบ
และเพชฌฆาตมาเพื่อจะฆ่าหม่อมฉัน อนึ่ง
หม่อมฉันนั่งอยู่บนพระเพลาของพระราชมารดา ถูกพวกเขาฉุดคร่ามาโดยทารุณ
[๒๓๔] ขอเดชะพระมหาราช หม่อมฉันประสบภัยคือความตาย
อันเผ็ดร้อนคับแคบและลาบาก
วันนี้ชีวิตอันเป็นที่รักปานดังมธุรสหม่อมฉันได้แล้ว
พ้นแล้วจากการถูกประหารได้โดยยาก จึงมีใจมุ่งต่อการบวชอย่างเดียว
(พระราชาทรงรับสั่งเรียกพระราชเทวีมาตรัสว่า)
[๒๓๕] แม่สุธัมมา โสมนัสกุมารบุตรของเธอนี้ยังหนุ่มอยู่ น่าเอ็นดู
วันนี้ฉันขอร้องเขาไม่สาเร็จ แม้เธอก็ควรจะขอร้องเขาดูบ้าง
(พระราชเทวีนั้นเมื่อจะส่งเสริมให้บวชจึงตรัสว่า)
4
[๒๓๖] ลูกรัก เจ้าจงยินดีในภิกขาจาร
จงใคร่ครวญแล้วบวชในธรรมทั้งหลาย จงวางอาชญาในเหล่าสัตว์ทั้งปวง
เป็นผู้ไม่ถูกนินทา เข้าถึงพรหมสถานเถิด
(ลาดับนั้น พระราชาตรัสว่า)
[๒๓๗] แม่สุธัมมา คาที่เจ้ากล่าวน่าอัศจรรย์จริงหนอ
ทาเราผู้มีทุกข์อยู่แล้วให้มีทุกข์ยิ่งขึ้น เรากล่าวแก่เธอว่า เจ้าจงขอร้องลูก
กลับทาให้พ่อกุมารมีอุตสาหะยิ่งขึ้น
(พระราชเทวีตรัสต่อไปว่า)
[๒๓๘] พระอริยะเหล่าใดผู้หลุดพ้นแล้ว บริโภคปัจจัยอันหาโทษมิได้
ผู้ดับกิเลสแล้ว ท่องเที่ยวไปอยู่ในโลกนี้ หม่อมฉันไม่อาจจะห้ามพ่อกุมาร
ผู้ดาเนินไปสู่ทางแห่งพระอริยะเหล่านั้นได้
(พระราชาทรงสดับพระราชเสาวนีย์นั้นแล้วจึงตรัสว่า)
[๒๓๙] ชนเหล่าใดมีปัญญา เป็นพหูสูต คิดเหตุการณ์ได้เป็นอันมาก
พระนางสุธัมมานี้สดับคาอันเป็นสุภาษิตของชนเหล่าใด
แล้วเป็ นผู้มีความขวนขวายน้อย ปราศจากความเศร้าโศก
ชนเหล่านั้นเราควรคบโดยแท้
โสมนัสสชาดกที่ ๙ จบ
-------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
โสมนัสสชาดก
ว่าด้วย การใคร่ครวญก่อนแล้วทา
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภความที่พระเทวทัตพยายาม เพื่อจะปลงพระชนม์พระองค์
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ก็ในกาลครั้งนั้น พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในปางก่อนพระเทวทัตนี้
ก็พยายามเพื่อจะฆ่าเราตถาคตเหมือนกัน
แล้วทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล
มีพระราชาทรงพระนามว่า เรณุราช เสวยราชสมบัติในอุตตรปัญจาลนคร
แคว้นกุรุ.
ครั้งนั้น พระดาบสชื่อ มหารักขิตะ มีดาบส ๕๐๐ เป็ นบริวาร
อยู่ในหิมวันตประเทศเที่ยวจาริกไป เพื่อจะเสพอาหารรสเค็มและรสเปรี้ยว
จนลุถึงอุตตรปัญจาลนคร พักอยู่ในพระราชอุทยาน
รุ่งขึ้นพร้อมด้วยบริวารเที่ยวไปบิณฑบาตจนถึงราชทวาร.
5
พระเจ้าเรณุราชทรงเห็นหมู่ฤาษี ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถ
จึงตรัสสั่งให้นิมนต์มานั่ง ณ ท้องพระโรง มีพื้นกว้างใหญ่อันประดับตกแต่งแล้ว
ทรงอังคาสด้วยอาหารอันประณีต แล้วตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายอยู่จาพรรษาที่อุทยานของข้าพเจ้าตลอดฤดูฝนนี้เถิด
แล้วเสด็จไปพระราชอุทยานพร้อมด้วยดาบสเหล่านั้น
ตรัสสั่งให้สร้างที่อยู่พระราชทานบรรพชิตบริขาร ทรงนมัสการแล้ว
เสด็จกลับพระราชวัง.
นับแต่นั้นมา ดาบสเหล่านั้น แม้ทั้งหมดก็รับพระราชทานฉัน
ในพระราชนิเวศน์เป็นประจา. ก็พระราชามิได้มีพระโอรส
จึงทรงปรารถนาจะได้พระโอรส. ราชโอรสก็หาได้มาอุบัติสมพระราชประสงค์ไม่
ล่วงกาลฤดูฝน ๓ เดือนแล้ว
ท่านมหารักขิตดาบสจึงเข้าไปถวายพระพรลาพระราชาว่า บัดนี้
ที่ป่าหิมพานต์เป็นรมณียสถาน พวกอาตมภาพจะไปอยู่ที่ป่าหิมพานต์นั้นตามเดิม
อันพระราชาทรงกระทาการสักการะบูชาแล้ว จึงออกจากพระราชอุทยานไป
ในเวลาเที่ยงวัน ได้แวะออกจากทางเสียในระหว่างมรรคา
พาบริวารนั่งอยู่ที่เนินหญ้าแพรกอ่อนๆ ณ
ภายใต้ต้นไม้มีร่มเงาอันเยือกเย็นต้นหนึ่ง.
ดาบสเหล่านั้นนั่งประชุมสนทนากันว่า
ในพระราชวังหามีพระราชโอรสที่จะสืบราชตระกูลไม่
ถ้าพระราชาจะพึงได้พระราชโอรส ก็จะเป็ นการดีทีเดียวจะได้สืบราชสกุลสืบไป.
ท่านมหารักขิตดาบสได้ยินถ้อยคาของดาบสเหล่านั้นแล้ว
จึงใคร่ครวญดูว่า พระราชาจักมีพระโอรสหรือไม่หนอ ทราบว่าจักมี จึงพูดขึ้นว่า
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย พวกท่านอย่าคิดวิตกไปเลย วันนี้เวลาใกล้รุ่ง
เทพบุตรหนึ่งองค์จักจุติลงมา ถือปฏิสนธิในครรภ์แห่งอัครมเหสีของพระราชา
ชฏิลโกงผู้หนึ่งได้ยินดังนั้นจึงคิดว่า
เราจักเป็นราชกุลุปกะ(พระดาบสประจาราชสานัก) เสียแต่บัดนี้
จึงในเวลาที่พวกดาบสออกเดินทางไป แกล้งลวงว่าเป็ นไข้แล้วนอนเสีย
ถูกพวกดาบสอื่นๆ เตือนว่า ลุกขึ้นเถิด พวกเราจักไปกันละ ก็ตอบว่า
เราไม่สามารถจะไปได้.
ท่านมหารักขิตดาบสรู้เหตุที่ดาบสนั้นแกล้งนอน จึงกล่าวว่า
ท่านสามารถจะไปได้เมื่อใด จงตามมาเมื่อนั้นเถิด ดังนี้แล้ว
พาหมู่ฤาษีเดินทางไปยังหิมวันตประเทศทีเดียว.
ฝ่ายดาบสโกงจึงรีบย้อนกลับมาโดยเร็ว ยืนอยู่ที่ราชทวาร
สั่งให้ราชบุรุษกราบทูลพระราชาว่า
ดาบสอุปัฏฐากของท่านมหารักขิตดาบสมาเฝ้ า
6
ครั้นพระราชาตรัสสั่งให้รีบนิมนต์เข้าไปเฝ้ า จึงขึ้นสู่ปราสาท
นั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้แล้ว.
พระราชาทรงนมัสการพระดาบสแล้ว ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
ตรัสถามถึง สุขภาพอนามัยของพระฤาษีทั้งหลาย แล้วตรัสว่า
พระคุณเจ้ารีบด่วนกลับมา ทั้งนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ?
ดาบสโกงถวายพระพรว่า ขอถวายพระพรถูกต้องทีเดียว
หมู่ฤาษีนั่งพักกันอยู่ตามสบาย ต่างสนทนาปราศรัยกันว่า ถ้าหากว่า
พระโอรสผู้สืบสันตติวงศ์ของพระราชาจะพึงเสด็จอุบัติขึ้นไซร้
ข้อนั้นจะเป็นความดีฉะนั้นแล้ว อาตมภาพฟังคาสนทนานั้นแล้ว
ตรวจดูด้วยทิพยจักษุว่า มหาบพิตรจักมีพระราชโอรสหรือไม่หนอ
เห็นว่าเทพบุตรผู้มีมหิทธิฤทธิ์
จักจุติมาบังเกิดในพระครรภ์แห่งพระนางสุธรรมาอัครมเหสี จึงคิดว่า
ผู้ที่ไม่รู้ก็จะพึงทาลายพระครรภ์ให้พินาศเสีย จาเราต้องแจ้งแก่มหาบพิตรทั้งสอง
จึงได้รีบมาเพื่อต้องการถวายพระพรให้ทรงทราบ บัดนี้
อาตมภาพก็ได้ถวายพระพรให้พระองค์ทรงทราบแล้ว ขอถวายพระพรลาไป.
พระเจ้าเรณุราชทรงโสมนัสยินดี มีพระหฤทัยเลื่อมใส ตรัสว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้ายังไปไม่ได้ ดังนี้แล้ว
นาดาบสโกงไปสู่พระราชอุทยาน จัดแจงสถานที่อยู่พระราชทาน.
จาเดิมแต่นั้นมา ดาบสโกงนั้นก็พานักอาศัยขบฉันในราชตระกูล
จนได้มีนามว่า ทิพพจักษุดาบส (ดาบสผู้มีตาทิพย์) ทีเดียว.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์จุติจากดาวดึงส์พิภพ
ถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระนางสุธรรมาราชเทวี ในพระนครนั้น
ในวันขนานพระนามพระราชกุมารนั้น
พระราชมารดาบิดาจึงขนานพระนามว่า โสมนัสสกุมาร.
พระราชโอรสทรงเจริญพระชนมพรรษาด้วยกุมารบริหารโดยลาดับ.
ฝ่ายดาบสโกงจัดแจงปลูกผักอันเกื้อกูลแก่สูปะและวัลลิผล
คือผลไม้เครือเถามีประการต่างๆ ด้านริมพระราชอุทยานแห่งหนึ่ง
แล้วจาหน่ายขายแก่ชาวร้านตลาด รวบรวมทรัพย์ไว้.
ในกาลเมื่อพระโพธิสัตว์มีพระชันษาได้ ๗ ปี
ประเทศชายแดนราชอาณาเขตกาเริบจลาจล.
พระเจ้าเรณุราชตรัสสั่งว่า เจ้าอย่าประมาทท่านทิพพจักษุดาบส
ทรงให้พระราชกุมารรับคาแล้วเสด็จไป ด้วยหวังว่า
เราจักจัดการให้ปัจจันตชนบทสงบราบคาบ.
ครั้นวันหนึ่ง พระราชกุมารคิดว่าเราจักไปเยี่ยมเยียนท่านชฏิล
จึงเสด็จสู่พระราชอุทยาน
7
ทอดพระเนตรเห็นชฎิลโกงนุ่งผ้ากาสาวะหยักรั้งผืนหนึ่งห่มผืนหนึ่ง
สองมือถือน้าข้างละหม้อกาลังรดน้าไร่ผักอยู่ ก็ทรงทราบว่า ชฎิลผู้นี้เป็นชฎิลโกง
ไม่บาเพ็ญสมณธรรมของตน มัวปลูกผักทาสวนครัวเสีย
จึงทรงทักทายให้ชฎิลโกงนั้นได้อายว่า ดูก่อนคฤหบดีพ่อค้าผัก
ท่านกาลังทาอะไรอยู่? แล้วมิได้ทรงกราบไหว้ เสด็จออกกลับไปยังพระนคร.
ชฎิลโกงคิดว่า บัดนี้ พระราชกุมารนี้เป็ นศัตรูเราเสียแล้ว ใครรู้เข้า
ความเสื่อมเสียอะไรๆ จักมี ควรที่เราจะกาจัดพระราชกุมารนั้น
เสียแต่บัดนี้ทีเดียว ในเวลาใกล้ที่พระราชาจะเสด็จมาจึงโยนแผ่นหินไปรวมไว้ ณ
ส่วนหนึ่ง ทุบต่อยหม้อน้าให้แตก ทั้งเกลี่ยหญ้าทิ้งเรี่ยราดไว้บนบรรณศาลา
เอาน้ามันทาตัว เข้าไปยังบรรณศาลา นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง
ทาประหนึ่งว่าถึงความทุกข์ร้อนอย่างใหญ่หลวง.
พระราชาครั้นเสด็จมาแล้ว ทรงกระทาประทักษิณพระนคร
ยังไม่เสด็จเข้าพระราชนิเวศน์ ทรงดาริว่า
เราจักเยี่ยมเยียนท่านทิพพจักษุดาบสผู้เป็นเจ้าแห่งเราก่อน
แล้วเสด็จไปถึงประตูบรรณศาลา ทอดพระเนตรเห็นอาการอันวิปริตเช่นนั้น
ทรงพระดาริว่านี้เรื่องอะไรหนอ
จึงเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรเห็นชฎิลโกงนั้นนอนอยู่
ทรงลูบคลาเท้าทั้งสองของชฎิลโกง
ตรัสพระคาถาที่ ๑ ความว่า
ใครมาตี มาด่าท่านหรือ ทาไมท่านจึงเสียใจ น้อยใจ เศร้าโศกอยู่
วันนี้มารดาบิดาของท่าน มาร้องไห้รบกวนประการใด หรือว่าวันนี้
ใครมารังแกท่าน ให้ต้องนอนเหนือแผ่นดิน.
ชฎิลโกงได้ยินพระดารัสนั้นจึงทอดถอนหายใจ ลุกขึ้นกล่าวคาถาที่ ๒
ความว่า
ขอถวายพระพรพระจอมภูมิบาล
อาตมภาพดีใจมากที่ได้เห็นมหาบพิตร อาตมภาพเข้ามาอาศัยมหาบพิตร
มิได้เบียดเบียนใคร ขอถวายพระพร
อาตมภาพถูกพระราชโอรสของมหาบพิตรเบียดเบียน.
เบื้องหน้าแต่นี้ไป พึงทราบคาถาประพันธ์
ที่พระคันถรจนาจารย์ประพันธ์ไว้ง่ายๆ ตามนัยวาระพระบาลีความว่า
(พระราชาทรงพระพิโรธ ตรัสว่า) เหวยเหล่านายทวารบาล
พนักงานตารวจดาบ และนายเพชฌฆาตทั้งหลาย
พวกเจ้าจงไปตามหน้าที่ของตนๆ จงไปยังภายในพระราชฐาน
ฆ่าเจ้าโสมนัสสกุมารเสีย แล้วตัดเอาศีรษะมา.
ทูตทั้งหลายที่พระราชาส่งไป ได้กราบทูลพระกุมารว่า
8
ข้าแต่พระขัตติโยรส พระองค์เป็นผู้ที่พระอิสราธิบดี ราชบิดาทรงตัดขาดแล้ว
พระองค์ต้องโทษถึงประหารชีวิต พระเจ้าข้า.
พระราชโอรสทรงพระกันแสงอยู่ ทรงประคองอัญชลี
ยกพระหัตถ์ทั้งสิบนิ้วขึ้นอ้อนว่า
ตัวเราอยากจะขอเฝ้ าพระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์
ขอท่านทั้งหลายจงนาเราผู้ยังมีชีวิตไปเฝ้ าพระราชบิดาเถิด.
ทูตทั้งหลายได้ฟังพระดารัสของพระราชกุมารแล้ว
ได้พาพระราชโอรสเข้าเฝ้ าพระราชา
ฝ่ายพระราชโอรส ครั้นเห็นพระราชบิดา จึงกราบทูลไปแต่ไกลว่า
ข้าแต่พระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์ พวกนายประตู
พนักงานตารวจดาบ
และเพชฌฆาตทั้งหลายพากันมาเพื่อจะฆ่าข้าพระพุทธเจ้าเสีย
ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลถาม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดตรัสบอกเนื้อความนั้น
แก่ข้าพระพุทธเจ้า วันนี้ข้าพระพุทธเจ้ามีความผิดในเรื่องนี้ เป็นประการใดหรือ
พระเจ้าข้า.
พระเจ้าเรณุราชตวาดว่า ภวัคคพรหมยังต่านัก
โทษของเจ้าใหญ่โตมาก
เมื่อจะตรัสบอกโทษผิดของพระราชกุมาร จึงตรัสพระคาถาความว่า
ทิพพจักษุดาบสผู้ไม่ประมาท ทากิจรดน้าบาเรอไฟ
ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้าทุกเมื่อ เหตุไรเจ้าจึงเรียกทิพพจักษุดาบสผู้สารวมอินทรีย์
เป็นพรหมจารีเช่นนั้นว่า "พราหมณ์ คฤหบดี"
ลาดับนั้น พระกุมารกราบทูลว่า ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเรียกคฤหบดีแท้ๆ ด้วยวาทะว่าคฤหบดี ดังนี้
จะมีโทษผิดอะไรหรือ ดังนี้แล้วตรัสคาถาความว่า
ขอเดชะ กุลุปกดาบสผู้นี้มีของเก็บไว้หลายอย่าง คือผลสมอพิเภก
เผือกมัน และผลไม้ทั้งหลาย
กุลุปกดาบสผู้นี้เป็นผู้ไม่ประมาทเก็บรักษาสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะเหตุนั้น
ข้าพระพุทธเจ้าจึงเรียกดาบสนั้นว่า "คฤหบดี".
พระราชาจึงตรัสสั่งให้ราชบุรุษไปเรียกชาวร้านขายผักมาซักถาม
ชาวร้านขายผักทั้งหลายก็พากันกราบทูลว่า ขอเดชะ
เป็นความจริงพระพุทธเจ้าข้า
พวกข้าพระพุทธเจ้าซื้อผักและผลไม้จากมือของท่านดาบสรูปนี้จริง.
พระราชกุมารโสมนัสส์ตรัสสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์สิ่งของดูทาใ
ห้เห็นประจักษ์ ราชบุรุษของพระกุมารเข้าไปยังบรรณศาลาของดาบสนั้น
แล้วค้นนาเอาห่อกหาปณมาสกที่ได้จากการขายผัก มาถวายยืนยัน แด่พระราชา.
9
พระราชาทรงทราบว่า พระมหาสัตว์ไม่มีความผิด จึงตรัสพระคาถา
ความว่า
ดูก่อนเจ้าโสมนัสสกุมาร เรื่องนี้เจ้าพูดได้จริง
ดาบสผู้นี้มีของเก็บไว้หลายอย่าง ดาบสผู้นี้เป็นผู้ไม่ประมาท
เก็บรักษาสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะฉะนั้น ดาบสผู้นี้จึงชื่อว่า พราหมณ์ คฤหบดี.
ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงพระดาริว่า
การที่เราเข้าป่าหิมพานต์แล้วบวชเสีย
ดีกว่าอยู่ในสานักของพระราชาผู้โง่เขลาเห็นปานนี้
แล้วแถลงโทษของพระราชาให้แจ้งชัด ในท่ามกลางบริษัทนั่นเอง
แล้วกราบทูลลาว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักทูลลาออกไปบรรพชาเสียวันนี้ทีเดียว.
พระโพธิสัตว์ทาสักการะแก่บริษัทแล้ว ตรัสพระคาถาความว่า
บริษัททั้งหลาย ทั้งชาวนิคม และชาวชนบทที่มาประชุมกันถ้วนทุกคน
ขอจงฟังข้าพเจ้า พระราชาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์นี้
เป็นพาลได้ฟังคาชฎิลโกงแล้วตรัสสั่งให้ฆ่าเราเสีย โดยหาเหตุมิได้เลย.
ก็แลพระโพธิสัตว์เจ้าตรัสดังนี้แล้ว ถวายบังคมพระราชบิดา
ให้ทรงอนุญาต ให้พระองค์ทรงบรรพชาแล้ว ตรัสพระคาถานอกนี้ความว่า
เมื่อรากยังเจริญงอกงามแผ่ไพศาลอยู่ ไม้ไผ่ที่แตกเป็นกอใหญ่แล้ว
ก็แสนยากที่จะถอนให้หมดสิ้นไปได้ ข้าแต่พระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์
เกล้ากระหม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาท
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กระหม่อมฉันจักขอออกบวช พระเจ้าข้า.
ต่อแต่นี้ไปเป็นคาถาประพันธ์
โต้ตอบระหว่างพระราชากับพระราชโอรส.
(พระราชาตรัสว่า) โสมนัสสกุมารเอ๋ย เจ้าจงเสวยสมบัติอันไพบูลย์เถิด
อนึ่ง บิดาจะมอบอิสริยยศทั้งหมดให้แก่เจ้า
เจ้าจงเป็นพระราชาของชาวกุรุรัฐเสียในวันนี้ทีเดียวเถิด อย่าบวชเลย
เพราะการบวชเป็ นทุกข์.
(พระโพธิสัตว์ทูลว่า) ขอเดชะ บรรดาโภคสมบัติของพระองค์
ซึ่งมีอยู่ในราชธานีนี้ สิ่งไรเล่าที่ข้าพระพุทธเจ้าควรบริโภคมีอยู่หรือ
เมื่อชาติก่อนข้าพระพุทธเจ้าเคยรื่นรมย์ อยู่ในเทวโลกด้วยรูป เสียง กลิ่น รส
และผัสสะทั้งหลายที่น่ารื่นรมย์ใจ ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า
เคยบริโภคสมบัติมาแล้วในไตรทิพย์ เคยมีหมู่นางอัปสรแวดล้อมมาแล้ว
ข้าพระพุทธเจ้ามารู้ว่าพระองค์เป็นพาล อันคนอื่นต้องนาไป
แล้วจะอยู่ในราชสกุลเช่นนั้น ไม่ได้เลย.
(พระราชาตรัสว่า) ดูก่อนพ่อโสมนัสส์ ถ้าหากว่าบิดาเป็นพาล
ต้องอาศัยผู้อื่นจูงไปไซร้ เจ้าจงอดโทษให้แก่บิดาสักครั้งหนึ่งเถิด
10
ถ้าแม้ว่าโทษเช่นนี้จะพึงมีอีกไซร้ เจ้าจงกระทาตามมติของตนเถิด.
ได้ยินว่า พระญาณระลึกชาติได้เกิดขึ้นแก่พระโพธิสัตว์ เพราะเหตุนั้น
พระโพธิสัตว์เจ้าจึงตรัสอย่างนี้.
พระมหาสัตว์ เมื่อจะถวายโอวาทพระราชบิดา จึงตรัสคาถา ๘
คาถาความว่า
กรรมที่บุคคลใดไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วทาลงไป
ผลชั่วร้ายย่อมมีแก่บุคคลนั้น เหมือนความวิบัติแห่งยาแก้โรคฉะนั้น.
ส่วนกรรมที่บุคคลใดพิจารณาถี่ถ้วนก่อน แล้วทาลงไป
ผลอันเจริญย่อมมีแก่บุคคลนั้น
เหมือนความถึงพร้อมแห่งยาแก้โรคฉะนั้น. คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเป็นคนเกียจคร้
าน ไม่ดี บรรพชิตไม่สารวม ไม่งาม พระราชาไม่ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วทาล
งไป ไม่ดี บัณฑิตมีความโกรธเป็นเจ้าเรือน ก็ไม่ดี.
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอธิบดีแห่งทิศ
กษัตริย์ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทา ยังไม่ได้พิจารณาใคร่ครวญก่อน
แล้วไม่ควรทากิจการอะไร
พระเกียรติยศของพระราชาผู้ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงทาลงไป
ย่อมเจริญยิ่งๆ ขึ้น.
ข้าแต่พระจอมภูมิบาล อิสรชนควรพิจารณาเสียก่อนแล้วจึงลงอาชญา
กรรมที่ทาด้วยความรีบร้อนย่อมเดือดร้อน อนึ่ง
ความตั้งตนไว้โดยชอบและประโยชน์ของนรชนย่อมไม่ตามเดือดร้อนในภายหลัง
.
อนึ่ง ชนเหล่าใดจาแนกแจกแจงด้วยปัญญา แล้วกระทากรรมทั้งหลาย
ที่ไม่ตามเดือดร้อนในภายหลังในโลก กรรมของชนเหล่านั้น ท่านผู้รู้สรรเสริญ
มีความสุขเป็นกาไร พุทธาทิบัณฑิตอนุมัติแล้ว.
ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน นายประตู
ตารวจดาบและพวกเพชฌฆาต พากันไปจะฆ่าข้าพระพุทธเจ้า
พวกนั้นพากันฉุดคร่า
ข้าพระพุทธเจ้าผู้กาลังนั่งอยู่บนพระเพลาแห่งพระราชมารดามาโดยพลัน.
ข้าแต่พระราชบิดา แท้จริง
ข้าพระพุทธเจ้าถึงความหวั่นกลัวต่อมรณภัย คับแคบ ฝืดเคืองเหลือเกิน
วันนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้มีชีวิตอันเป็ นที่รัก หวานซาบซึ้งใจ
รอดพ้นจากการถูกประหารมาได้แสนยาก จึงน้อมใจต่อบรรพชาอย่างเดียว.
เมื่อพระมหาสัตว์เจ้าแสดงธรรมอย่างนี้แล้ว
พระเจ้าเรณุราชตรัสเรียกพระราชเทวีมาเฝ้ า
แล้วตรัสพระคาถาความว่า
11
ดูก่อนสุธรรมาเทวี โสมนัสสกุมารโอรสของเธอนี้ ยังรุ่นหนุ่ม น่าเอ็นดู
วันนี้เราอ้อนวอนเขาไว้ ก็ไม่ได้สมปรารถนา
แม้เธอก็ควรจะอ้อนวอนโอรสของเธอดูบ้าง.
พระนางสุธรรมาเทวีกลับส่งเสริมพระโอรสเพื่อบรรพชาอย่างเดียว
ตรัสคาถาความว่า
ดูก่อนพระลูกรัก เจ้าจงยินดีด้วยภิกขาจาริยวัตรเถิด
จงใคร่ครวญในธรรมทั้งหลาย แล้วละเว้นบรรพชาของคนมิจฉาทิฏฐิเสียเถิด
เจ้าจงวางอาชญาในสรรพสัตว์ นักบวชละวางอาชญาในสรรพสัตว์ทั้งหลายแล้ว
เป็นผู้ไม่ถูกติเตียนแล้ว ย่อมเข้าถึงพรหมสถาน.
ลาดับนั้น พระเจ้าเรณุราชตรัสพระคาถา ความว่า
ดูก่อนสุธรรมาเทวี เธอพูดคาเช่นใด คาเช่นนั้นน่าอัศจรรย์จริงหนอ
เราได้รับทุกข์อยู่แล้ว เธอยังกลับเพิ่มทุกข์ให้อีก ฉันขอร้องเธอให้ช่วยอ้อนวอนลูก
เธอกลับสนับสนุนให้โสมนัสสกุมารเกิดอุตสาหะยิ่งขึ้น.
พระนางเทวีตรัสคาถาอีกความว่า
พระอริยเจ้าเหล่าใดพ้นวิเศษแล้ว บริโภคปัจจัยอันหาโทษมิได้
ดับรอบแล้วเที่ยวไปในโลกนี้
หม่อมฉันไม่อาจจะห้ามโอรสผู้ดาเนินไปตามมรรคาของพระอริยเจ้าเหล่านั้นได้.
พระราชาทรงสดับพระเสาวนีย์ของพระนางเทวี
แล้วตรัสคาถาสุดท้ายความว่า
ชนเหล่าใดมีปัญญา เป็นพหูสูต ตรึกตรองเหตุการณ์ถี่ถ้วนมาก
พระนางสุธรรมาเทวีนี้เป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ปราศจากความโศกเศร้า
ได้สดับคาสุภาษิตของชนเหล่าใด ชนเหล่านั้นควรจะสมาคมคบหาทีเดียว.
แท้จริง
พระนางสุธรรมาราชเทวีนั้นได้ทรงสดับคาสุภาษิตของโสมนัสสกุมารนั่นเอง
จึงเกิดเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย
แม้พระราชาก็ตรัสหมายถึงพระราชโอรสนั้นเหมือนกัน.
พระมหาสัตว์เจ้าถวายบังคมพระราชมารดาบิดา แล้วกราบทูลว่า
ถ้าหากว่า โทษผิดของข้าพระพุทธเจ้ามีอยู่ไซร้
ขอพระชนกชนนีได้โปรดทรงพระกรุณาอดโทษด้วยเถิด
แล้วประคองอัญชลีต่อมหาชน บ่ายพระพักตร์ต่อหิมวันตประเทศเสด็จดาเนินไป
เมื่อมหาชนส่งเสด็จกลับแล้ว
เทพยดาทั้งหลายพากันมาด้วยเพศมนุษย์พาข้ามขุนเขา ๗ ลูกนาไปสู่ป่าหิมพานต์
ทรงบรรพชาเพศเป็นดาบส อยู่ในบรรณศาลาอันวิสสุกรรมเทพบุตรนิรมิตไว้ให้.
เทพยดาทั้งหลายต่างอภิบาลบารุงพระมหาสัตว์เจ้าด้วยเพศมนุษย์ผู้อภิ
บาลบารุงในราชสกุล จนกระทั่งจวบกาลพระมหาสัตว์เจ้ามีพระชนมายุได้ ๑๖ ปี.
12
ฝ่ายมหาชนพากันโบยตีชฎิลโกงจนถึงสิ้นชีวิต.
พระมหาสัตว์เจ้ายังฌานและอภิญญาให้เกิดแล้วได้เป็นผู้มีพรหมโลกเ
ป็นที่ไปในเบื้องหน้า
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย แม้ในชาติก่อน
พระเทวทัตนี้ก็พยายามฆ่าเราตถาคตอย่างนี้เหมือนกัน ดังนี้แล้ว
ทรงประชุมชาดกว่า
ชฎิลโกหกในครั้งนั้นได้มาเป็น พระเทวทัต
พระมารดาได้มาเป็ น พระนางสิริมหามายา
พระมหารักขิตดาบสได้มาเป็น พระสารีบุตร
ส่วนโสมนัสสกุมารได้มาเป็ น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถาโสมนัสสชาดกที่ ๙
------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 505 โสมนัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
maruay songtanin
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

Similar to 505 โสมนัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
336 พรหาฉัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
443 จูฬโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
282 เสยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
207 อัสสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
497 มาตังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
460 ยุธัญชยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
225 ขันติวัณณนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
211 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

More from maruay songtanin

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
maruay songtanin
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 

505 โสมนัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 โสมนัสสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๙. โสมนัสสชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๐๕) ว่าด้วยโสมนัสกุมาร (พระราชาตรัสว่า) [๒๑๑] ใครมาเบียดเบียนข่มเหงท่าน ทาไมท่านจึงเสียใจ เศร้าโศก ไม่ชื่นบานเลย วันนี้ มารดาบิดาของท่านมาร้องไห้หรือ หรือว่า ใครมารังแก ทาให้ท่านต้องนอนที่พื้นดิน (ชฎิลโกงได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า) [๒๑๒] ขอถวายพระพร อาตมามีความยินดีที่ได้พบเห็นพระองค์ ขอถวายพระพรพระภูมิบาล ต่อกาลนานจึงได้พบพระองค์ ขอถวายพระพรพระเจ้าเรณู อาตมามิได้เบียดเบียนผู้ใด แต่ถูกพระโอรสของพระองค์เข้ามาเบียดเบียน (พระราชาตรัสว่า) [๒๑๓] ไปเหวย พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดตาม และเหล่าเพชฌฆาต จงไปยังภายในพระราชฐาน จงฆ่าเจ้าโสมนัสกุมารนั้นแล้วตัดศีรษะนามา (พึงทราบคาถาประพันธ์ดังต่อไปนี้) [๒๑๔] ราชทูตทั้งหลายที่ทรงส่งไปได้กราบทูล พระราชกุมารนั้นว่า ขอเดชะพระขัตติยกุมาร พระองค์ถูกพระราชบิดาผู้เป็นอิสสราธิบดีตัดขาดแล้ว ต้องโทษประหารชีวิต [๒๑๕] พระราชบุตรนั้นทรงกันแสงคร่าครวญ ยกนิ้วทั้ง ๑๐ ประคองอัญชลี อ้อนวอนว่า ข้าพเจ้าปรารถนาจะเฝ้ าพระจอมชน ขอพวกท่านจงนาข้าพเจ้าผู้ยังมีชีวิตอยู่แสดงต่อพระองค์เถิด [๒๑๖] ราชทูตเหล่านั้นฟังพระดารัสของพระราชกุมารนั้นแล้ว ได้แสดงพระราชบุตรต่อพระราชา ส่วนพระราชบุตรทรงเห็นพระบิดาแล้ว กราบทูลแต่ไกลว่า [๒๑๗] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดดาบ และเหล่าเพชฌฆาตมาเพื่อจะฆ่าหม่อมฉัน หม่อมฉันขอกราบทูลถาม ขอพระองค์โปรดบอกเนื้อความนั้น วันนี้หม่อมฉันมีความผิดอะไรหนอในเรื่องนี้ (พระราชาตรัสบอกความผิดว่า) [๒๑๘] ดาบสผู้ไม่ประมาท ทาการรดน้า และบาเรอไฟทั้งเย็นและเช้าในกาลทุกเมื่อ ทาไมเจ้าจึงร้องเรียกท่านผู้สารวม ซึ่งประพฤติพรหมจรรย์เช่นนั้นว่าเป็ นคหบดีเล่า (พระราชกุมารกราบทูลว่า)
  • 2. 2 [๒๑๙] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ ดาบสผู้นี้มีของเก็บรวบรวมไว้หลายชนิด เช่น สมอพิเภก รากไม้ และผลไม้นานาชนิด เธอไม่ประมาท เฝ้ ารักษาคุ้มครองสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะเหตุนั้น หม่อมฉันจึงร้องเรียกเธอว่าเป็นคหบดี (พระราชาทรงทราบว่าพระโพธิสัตว์ไม่มีความผิดจึงตรัสว่า) [๒๒๐] พ่อกุมาร คาที่เจ้าพูดเป็ นความจริง ดาบสผู้นี้มีของเก็บรวบรวมไว้หลายชนิด เธอไม่ประมาท เฝ้ ารักษาคุ้มครองสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะเหตุนั้น เธอจึงชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เป็นคหบดี (พระโพธิสัตว์นอบน้อมบริษัทแล้วตรัสว่า) [๒๒๑] ขอบริษัททั้งหลายพร้อมทั้งชาวนิคมและชาวชนบททั้งปวง ที่มาประชุมพร้อมกันจงฟังข้าพเจ้า พระราชาผู้จอมชนพระองค์นี้เป็นพาล ทรงฟังคาของดาบสผู้เป็นพาลแล้ว รับสั่งให้ประหารข้าพเจ้าโดยมิใช่เหตุ (ต่อมาพระโพธิสัตว์ทูลขอบรมราชานุญาตบวชว่า) [๒๒๒] เมื่อรากยังมั่นคงเจริญงอกงามแผ่ไพศาลอยู่ กอไผ่ที่แตกกิ่งก้านสาขาก็ยากที่จะถอนให้หมดสิ้นได้ ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน หม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาทของพระองค์ ขอพระองค์โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หม่อมฉันบวช (พระราชาตรัสว่า) [๒๒๓] เจ้าจงเสวยโภคะอันไพบูลย์เถิด พ่อกุมาร พ่อจะมอบความเป็นใหญ่ให้เจ้าทุกอย่าง เจ้าจงเป็นพระราชาของชนชาวกุรุในวันนี้เถิด อย่าบวชเลย เพราะการบวชเป็ นทุกข์ (พระโพธิสัตว์ผู้เป็นพระโอรสกราบทูลว่า) [๒๒๔] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ โภคะทั้งหลายของพระองค์ในพระนครนี้ ที่หม่อมฉันควรจะบริโภคใช้สอยมีอยู่หรือหนอ ในชาติก่อน หม่อมฉันได้รื่นรมย์ด้วย รูป เสียง กลิ่น รส และผัสสะ อันน่ารื่นรมย์ใจอยู่ในเทวโลก [๒๒๕] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ โภคะทั้งหลาย ในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ หม่อมฉันก็บริโภคใช้สอยมาแล้ว และหม่อมฉันก็มีหมู่เทพอัปสรแวดล้อมบาเรอแล้ว อนึ่ง หม่อมฉันทราบว่า พระองค์เป็นพาล ถูกผู้อื่นแนะนา จึงไม่ควรอยู่ในราชสกุลเช่นนั้น (พระราชาตรัสว่า)
  • 3. 3 [๒๒๖] หากพ่อเป็นคนพาล ถูกผู้อื่นแนะนาไซร้ ลูกรัก เจ้าจงอดโทษให้พ่อสักครั้งเถิด ถ้าพ่อเป็นเช่นนี้อีก จงทาตามความคิดของเจ้าเถิด พ่อโสมนัส (พระโพธิสัตว์ถวายโอวาทพระราชบิดาว่า) [๒๒๗] การงานที่บุคคลไม่ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา ไม่ไตร่ตรองก่อนคิด ผลย่อมเลวทรามเหมือนยาเสื่อมคุณภาพ [๒๒๘] การงานที่บุคคลใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา ไตร่ตรองโดยชอบก่อนแล้วคิด ผลย่อมเจริญเหมือนยาไม่เสื่อมคุณภาพ [๒๒๙] คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเกียจคร้านไม่ดี บรรพชิตไม่สารวมไม่ดี พระราชาไม่ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วทาไม่ดี การที่บัณฑิตโกรธไม่ดี [๒๓๐] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเจ้าแห่งทิศ กษัตริย์ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วจึงควรทา ไม่ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วไม่ควรตัดสิน ยศและเกียรติย่อมเจริญแด่พระราชาผู้ทรงใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทา [๒๓๑] ขอเดชะพระภูมิบาล คนผู้เป็นใหญ่ควรใคร่ครวญก่อนแล้วจึงลงอาชญา การงานที่ทาเพราะความรีบร้อนย่อมเดือดร้อน ส่วนประโยชน์ทั้งหลายของนรชนที่ทาด้วยจิตที่ตั้งมั่นโดยชอบ ย่อมไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนในภายหลัง [๒๓๒] อนึ่ง ชนเหล่าใดจัดแจงบ่อเกิดแห่งการงานในโลก แล้วทาการงานที่ไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนในภายหลัง การงานของพวกเขาวิญญูชนสรรเสริญ มีความสุขเป็นกาไรที่ผู้รู้ทั้งหลายมีความเห็นคล้อยตาม [๒๓๓] ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน พนักงานเฝ้ าประตูที่ติดดาบ และเพชฌฆาตมาเพื่อจะฆ่าหม่อมฉัน อนึ่ง หม่อมฉันนั่งอยู่บนพระเพลาของพระราชมารดา ถูกพวกเขาฉุดคร่ามาโดยทารุณ [๒๓๔] ขอเดชะพระมหาราช หม่อมฉันประสบภัยคือความตาย อันเผ็ดร้อนคับแคบและลาบาก วันนี้ชีวิตอันเป็นที่รักปานดังมธุรสหม่อมฉันได้แล้ว พ้นแล้วจากการถูกประหารได้โดยยาก จึงมีใจมุ่งต่อการบวชอย่างเดียว (พระราชาทรงรับสั่งเรียกพระราชเทวีมาตรัสว่า) [๒๓๕] แม่สุธัมมา โสมนัสกุมารบุตรของเธอนี้ยังหนุ่มอยู่ น่าเอ็นดู วันนี้ฉันขอร้องเขาไม่สาเร็จ แม้เธอก็ควรจะขอร้องเขาดูบ้าง (พระราชเทวีนั้นเมื่อจะส่งเสริมให้บวชจึงตรัสว่า)
  • 4. 4 [๒๓๖] ลูกรัก เจ้าจงยินดีในภิกขาจาร จงใคร่ครวญแล้วบวชในธรรมทั้งหลาย จงวางอาชญาในเหล่าสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้ไม่ถูกนินทา เข้าถึงพรหมสถานเถิด (ลาดับนั้น พระราชาตรัสว่า) [๒๓๗] แม่สุธัมมา คาที่เจ้ากล่าวน่าอัศจรรย์จริงหนอ ทาเราผู้มีทุกข์อยู่แล้วให้มีทุกข์ยิ่งขึ้น เรากล่าวแก่เธอว่า เจ้าจงขอร้องลูก กลับทาให้พ่อกุมารมีอุตสาหะยิ่งขึ้น (พระราชเทวีตรัสต่อไปว่า) [๒๓๘] พระอริยะเหล่าใดผู้หลุดพ้นแล้ว บริโภคปัจจัยอันหาโทษมิได้ ผู้ดับกิเลสแล้ว ท่องเที่ยวไปอยู่ในโลกนี้ หม่อมฉันไม่อาจจะห้ามพ่อกุมาร ผู้ดาเนินไปสู่ทางแห่งพระอริยะเหล่านั้นได้ (พระราชาทรงสดับพระราชเสาวนีย์นั้นแล้วจึงตรัสว่า) [๒๓๙] ชนเหล่าใดมีปัญญา เป็นพหูสูต คิดเหตุการณ์ได้เป็นอันมาก พระนางสุธัมมานี้สดับคาอันเป็นสุภาษิตของชนเหล่าใด แล้วเป็ นผู้มีความขวนขวายน้อย ปราศจากความเศร้าโศก ชนเหล่านั้นเราควรคบโดยแท้ โสมนัสสชาดกที่ ๙ จบ ------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา โสมนัสสชาดก ว่าด้วย การใคร่ครวญก่อนแล้วทา พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภความที่พระเทวทัตพยายาม เพื่อจะปลงพระชนม์พระองค์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ก็ในกาลครั้งนั้น พระบรมศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในปางก่อนพระเทวทัตนี้ ก็พยายามเพื่อจะฆ่าเราตถาคตเหมือนกัน แล้วทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล มีพระราชาทรงพระนามว่า เรณุราช เสวยราชสมบัติในอุตตรปัญจาลนคร แคว้นกุรุ. ครั้งนั้น พระดาบสชื่อ มหารักขิตะ มีดาบส ๕๐๐ เป็ นบริวาร อยู่ในหิมวันตประเทศเที่ยวจาริกไป เพื่อจะเสพอาหารรสเค็มและรสเปรี้ยว จนลุถึงอุตตรปัญจาลนคร พักอยู่ในพระราชอุทยาน รุ่งขึ้นพร้อมด้วยบริวารเที่ยวไปบิณฑบาตจนถึงราชทวาร.
  • 5. 5 พระเจ้าเรณุราชทรงเห็นหมู่ฤาษี ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถ จึงตรัสสั่งให้นิมนต์มานั่ง ณ ท้องพระโรง มีพื้นกว้างใหญ่อันประดับตกแต่งแล้ว ทรงอังคาสด้วยอาหารอันประณีต แล้วตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายอยู่จาพรรษาที่อุทยานของข้าพเจ้าตลอดฤดูฝนนี้เถิด แล้วเสด็จไปพระราชอุทยานพร้อมด้วยดาบสเหล่านั้น ตรัสสั่งให้สร้างที่อยู่พระราชทานบรรพชิตบริขาร ทรงนมัสการแล้ว เสด็จกลับพระราชวัง. นับแต่นั้นมา ดาบสเหล่านั้น แม้ทั้งหมดก็รับพระราชทานฉัน ในพระราชนิเวศน์เป็นประจา. ก็พระราชามิได้มีพระโอรส จึงทรงปรารถนาจะได้พระโอรส. ราชโอรสก็หาได้มาอุบัติสมพระราชประสงค์ไม่ ล่วงกาลฤดูฝน ๓ เดือนแล้ว ท่านมหารักขิตดาบสจึงเข้าไปถวายพระพรลาพระราชาว่า บัดนี้ ที่ป่าหิมพานต์เป็นรมณียสถาน พวกอาตมภาพจะไปอยู่ที่ป่าหิมพานต์นั้นตามเดิม อันพระราชาทรงกระทาการสักการะบูชาแล้ว จึงออกจากพระราชอุทยานไป ในเวลาเที่ยงวัน ได้แวะออกจากทางเสียในระหว่างมรรคา พาบริวารนั่งอยู่ที่เนินหญ้าแพรกอ่อนๆ ณ ภายใต้ต้นไม้มีร่มเงาอันเยือกเย็นต้นหนึ่ง. ดาบสเหล่านั้นนั่งประชุมสนทนากันว่า ในพระราชวังหามีพระราชโอรสที่จะสืบราชตระกูลไม่ ถ้าพระราชาจะพึงได้พระราชโอรส ก็จะเป็ นการดีทีเดียวจะได้สืบราชสกุลสืบไป. ท่านมหารักขิตดาบสได้ยินถ้อยคาของดาบสเหล่านั้นแล้ว จึงใคร่ครวญดูว่า พระราชาจักมีพระโอรสหรือไม่หนอ ทราบว่าจักมี จึงพูดขึ้นว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย พวกท่านอย่าคิดวิตกไปเลย วันนี้เวลาใกล้รุ่ง เทพบุตรหนึ่งองค์จักจุติลงมา ถือปฏิสนธิในครรภ์แห่งอัครมเหสีของพระราชา ชฏิลโกงผู้หนึ่งได้ยินดังนั้นจึงคิดว่า เราจักเป็นราชกุลุปกะ(พระดาบสประจาราชสานัก) เสียแต่บัดนี้ จึงในเวลาที่พวกดาบสออกเดินทางไป แกล้งลวงว่าเป็ นไข้แล้วนอนเสีย ถูกพวกดาบสอื่นๆ เตือนว่า ลุกขึ้นเถิด พวกเราจักไปกันละ ก็ตอบว่า เราไม่สามารถจะไปได้. ท่านมหารักขิตดาบสรู้เหตุที่ดาบสนั้นแกล้งนอน จึงกล่าวว่า ท่านสามารถจะไปได้เมื่อใด จงตามมาเมื่อนั้นเถิด ดังนี้แล้ว พาหมู่ฤาษีเดินทางไปยังหิมวันตประเทศทีเดียว. ฝ่ายดาบสโกงจึงรีบย้อนกลับมาโดยเร็ว ยืนอยู่ที่ราชทวาร สั่งให้ราชบุรุษกราบทูลพระราชาว่า ดาบสอุปัฏฐากของท่านมหารักขิตดาบสมาเฝ้ า
  • 6. 6 ครั้นพระราชาตรัสสั่งให้รีบนิมนต์เข้าไปเฝ้ า จึงขึ้นสู่ปราสาท นั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้แล้ว. พระราชาทรงนมัสการพระดาบสแล้ว ประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ตรัสถามถึง สุขภาพอนามัยของพระฤาษีทั้งหลาย แล้วตรัสว่า พระคุณเจ้ารีบด่วนกลับมา ทั้งนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ? ดาบสโกงถวายพระพรว่า ขอถวายพระพรถูกต้องทีเดียว หมู่ฤาษีนั่งพักกันอยู่ตามสบาย ต่างสนทนาปราศรัยกันว่า ถ้าหากว่า พระโอรสผู้สืบสันตติวงศ์ของพระราชาจะพึงเสด็จอุบัติขึ้นไซร้ ข้อนั้นจะเป็นความดีฉะนั้นแล้ว อาตมภาพฟังคาสนทนานั้นแล้ว ตรวจดูด้วยทิพยจักษุว่า มหาบพิตรจักมีพระราชโอรสหรือไม่หนอ เห็นว่าเทพบุตรผู้มีมหิทธิฤทธิ์ จักจุติมาบังเกิดในพระครรภ์แห่งพระนางสุธรรมาอัครมเหสี จึงคิดว่า ผู้ที่ไม่รู้ก็จะพึงทาลายพระครรภ์ให้พินาศเสีย จาเราต้องแจ้งแก่มหาบพิตรทั้งสอง จึงได้รีบมาเพื่อต้องการถวายพระพรให้ทรงทราบ บัดนี้ อาตมภาพก็ได้ถวายพระพรให้พระองค์ทรงทราบแล้ว ขอถวายพระพรลาไป. พระเจ้าเรณุราชทรงโสมนัสยินดี มีพระหฤทัยเลื่อมใส ตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระคุณเจ้ายังไปไม่ได้ ดังนี้แล้ว นาดาบสโกงไปสู่พระราชอุทยาน จัดแจงสถานที่อยู่พระราชทาน. จาเดิมแต่นั้นมา ดาบสโกงนั้นก็พานักอาศัยขบฉันในราชตระกูล จนได้มีนามว่า ทิพพจักษุดาบส (ดาบสผู้มีตาทิพย์) ทีเดียว. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์จุติจากดาวดึงส์พิภพ ถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระนางสุธรรมาราชเทวี ในพระนครนั้น ในวันขนานพระนามพระราชกุมารนั้น พระราชมารดาบิดาจึงขนานพระนามว่า โสมนัสสกุมาร. พระราชโอรสทรงเจริญพระชนมพรรษาด้วยกุมารบริหารโดยลาดับ. ฝ่ายดาบสโกงจัดแจงปลูกผักอันเกื้อกูลแก่สูปะและวัลลิผล คือผลไม้เครือเถามีประการต่างๆ ด้านริมพระราชอุทยานแห่งหนึ่ง แล้วจาหน่ายขายแก่ชาวร้านตลาด รวบรวมทรัพย์ไว้. ในกาลเมื่อพระโพธิสัตว์มีพระชันษาได้ ๗ ปี ประเทศชายแดนราชอาณาเขตกาเริบจลาจล. พระเจ้าเรณุราชตรัสสั่งว่า เจ้าอย่าประมาทท่านทิพพจักษุดาบส ทรงให้พระราชกุมารรับคาแล้วเสด็จไป ด้วยหวังว่า เราจักจัดการให้ปัจจันตชนบทสงบราบคาบ. ครั้นวันหนึ่ง พระราชกุมารคิดว่าเราจักไปเยี่ยมเยียนท่านชฏิล จึงเสด็จสู่พระราชอุทยาน
  • 7. 7 ทอดพระเนตรเห็นชฎิลโกงนุ่งผ้ากาสาวะหยักรั้งผืนหนึ่งห่มผืนหนึ่ง สองมือถือน้าข้างละหม้อกาลังรดน้าไร่ผักอยู่ ก็ทรงทราบว่า ชฎิลผู้นี้เป็นชฎิลโกง ไม่บาเพ็ญสมณธรรมของตน มัวปลูกผักทาสวนครัวเสีย จึงทรงทักทายให้ชฎิลโกงนั้นได้อายว่า ดูก่อนคฤหบดีพ่อค้าผัก ท่านกาลังทาอะไรอยู่? แล้วมิได้ทรงกราบไหว้ เสด็จออกกลับไปยังพระนคร. ชฎิลโกงคิดว่า บัดนี้ พระราชกุมารนี้เป็ นศัตรูเราเสียแล้ว ใครรู้เข้า ความเสื่อมเสียอะไรๆ จักมี ควรที่เราจะกาจัดพระราชกุมารนั้น เสียแต่บัดนี้ทีเดียว ในเวลาใกล้ที่พระราชาจะเสด็จมาจึงโยนแผ่นหินไปรวมไว้ ณ ส่วนหนึ่ง ทุบต่อยหม้อน้าให้แตก ทั้งเกลี่ยหญ้าทิ้งเรี่ยราดไว้บนบรรณศาลา เอาน้ามันทาตัว เข้าไปยังบรรณศาลา นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ทาประหนึ่งว่าถึงความทุกข์ร้อนอย่างใหญ่หลวง. พระราชาครั้นเสด็จมาแล้ว ทรงกระทาประทักษิณพระนคร ยังไม่เสด็จเข้าพระราชนิเวศน์ ทรงดาริว่า เราจักเยี่ยมเยียนท่านทิพพจักษุดาบสผู้เป็นเจ้าแห่งเราก่อน แล้วเสด็จไปถึงประตูบรรณศาลา ทอดพระเนตรเห็นอาการอันวิปริตเช่นนั้น ทรงพระดาริว่านี้เรื่องอะไรหนอ จึงเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรเห็นชฎิลโกงนั้นนอนอยู่ ทรงลูบคลาเท้าทั้งสองของชฎิลโกง ตรัสพระคาถาที่ ๑ ความว่า ใครมาตี มาด่าท่านหรือ ทาไมท่านจึงเสียใจ น้อยใจ เศร้าโศกอยู่ วันนี้มารดาบิดาของท่าน มาร้องไห้รบกวนประการใด หรือว่าวันนี้ ใครมารังแกท่าน ให้ต้องนอนเหนือแผ่นดิน. ชฎิลโกงได้ยินพระดารัสนั้นจึงทอดถอนหายใจ ลุกขึ้นกล่าวคาถาที่ ๒ ความว่า ขอถวายพระพรพระจอมภูมิบาล อาตมภาพดีใจมากที่ได้เห็นมหาบพิตร อาตมภาพเข้ามาอาศัยมหาบพิตร มิได้เบียดเบียนใคร ขอถวายพระพร อาตมภาพถูกพระราชโอรสของมหาบพิตรเบียดเบียน. เบื้องหน้าแต่นี้ไป พึงทราบคาถาประพันธ์ ที่พระคันถรจนาจารย์ประพันธ์ไว้ง่ายๆ ตามนัยวาระพระบาลีความว่า (พระราชาทรงพระพิโรธ ตรัสว่า) เหวยเหล่านายทวารบาล พนักงานตารวจดาบ และนายเพชฌฆาตทั้งหลาย พวกเจ้าจงไปตามหน้าที่ของตนๆ จงไปยังภายในพระราชฐาน ฆ่าเจ้าโสมนัสสกุมารเสีย แล้วตัดเอาศีรษะมา. ทูตทั้งหลายที่พระราชาส่งไป ได้กราบทูลพระกุมารว่า
  • 8. 8 ข้าแต่พระขัตติโยรส พระองค์เป็นผู้ที่พระอิสราธิบดี ราชบิดาทรงตัดขาดแล้ว พระองค์ต้องโทษถึงประหารชีวิต พระเจ้าข้า. พระราชโอรสทรงพระกันแสงอยู่ ทรงประคองอัญชลี ยกพระหัตถ์ทั้งสิบนิ้วขึ้นอ้อนว่า ตัวเราอยากจะขอเฝ้ าพระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์ ขอท่านทั้งหลายจงนาเราผู้ยังมีชีวิตไปเฝ้ าพระราชบิดาเถิด. ทูตทั้งหลายได้ฟังพระดารัสของพระราชกุมารแล้ว ได้พาพระราชโอรสเข้าเฝ้ าพระราชา ฝ่ายพระราชโอรส ครั้นเห็นพระราชบิดา จึงกราบทูลไปแต่ไกลว่า ข้าแต่พระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์ พวกนายประตู พนักงานตารวจดาบ และเพชฌฆาตทั้งหลายพากันมาเพื่อจะฆ่าข้าพระพุทธเจ้าเสีย ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลถาม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดตรัสบอกเนื้อความนั้น แก่ข้าพระพุทธเจ้า วันนี้ข้าพระพุทธเจ้ามีความผิดในเรื่องนี้ เป็นประการใดหรือ พระเจ้าข้า. พระเจ้าเรณุราชตวาดว่า ภวัคคพรหมยังต่านัก โทษของเจ้าใหญ่โตมาก เมื่อจะตรัสบอกโทษผิดของพระราชกุมาร จึงตรัสพระคาถาความว่า ทิพพจักษุดาบสผู้ไม่ประมาท ทากิจรดน้าบาเรอไฟ ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้าทุกเมื่อ เหตุไรเจ้าจึงเรียกทิพพจักษุดาบสผู้สารวมอินทรีย์ เป็นพรหมจารีเช่นนั้นว่า "พราหมณ์ คฤหบดี" ลาดับนั้น พระกุมารกราบทูลว่า ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้า เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเรียกคฤหบดีแท้ๆ ด้วยวาทะว่าคฤหบดี ดังนี้ จะมีโทษผิดอะไรหรือ ดังนี้แล้วตรัสคาถาความว่า ขอเดชะ กุลุปกดาบสผู้นี้มีของเก็บไว้หลายอย่าง คือผลสมอพิเภก เผือกมัน และผลไม้ทั้งหลาย กุลุปกดาบสผู้นี้เป็นผู้ไม่ประมาทเก็บรักษาสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงเรียกดาบสนั้นว่า "คฤหบดี". พระราชาจึงตรัสสั่งให้ราชบุรุษไปเรียกชาวร้านขายผักมาซักถาม ชาวร้านขายผักทั้งหลายก็พากันกราบทูลว่า ขอเดชะ เป็นความจริงพระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระพุทธเจ้าซื้อผักและผลไม้จากมือของท่านดาบสรูปนี้จริง. พระราชกุมารโสมนัสส์ตรัสสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์สิ่งของดูทาใ ห้เห็นประจักษ์ ราชบุรุษของพระกุมารเข้าไปยังบรรณศาลาของดาบสนั้น แล้วค้นนาเอาห่อกหาปณมาสกที่ได้จากการขายผัก มาถวายยืนยัน แด่พระราชา.
  • 9. 9 พระราชาทรงทราบว่า พระมหาสัตว์ไม่มีความผิด จึงตรัสพระคาถา ความว่า ดูก่อนเจ้าโสมนัสสกุมาร เรื่องนี้เจ้าพูดได้จริง ดาบสผู้นี้มีของเก็บไว้หลายอย่าง ดาบสผู้นี้เป็นผู้ไม่ประมาท เก็บรักษาสิ่งของเหล่านั้นไว้ เพราะฉะนั้น ดาบสผู้นี้จึงชื่อว่า พราหมณ์ คฤหบดี. ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ทรงพระดาริว่า การที่เราเข้าป่าหิมพานต์แล้วบวชเสีย ดีกว่าอยู่ในสานักของพระราชาผู้โง่เขลาเห็นปานนี้ แล้วแถลงโทษของพระราชาให้แจ้งชัด ในท่ามกลางบริษัทนั่นเอง แล้วกราบทูลลาว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักทูลลาออกไปบรรพชาเสียวันนี้ทีเดียว. พระโพธิสัตว์ทาสักการะแก่บริษัทแล้ว ตรัสพระคาถาความว่า บริษัททั้งหลาย ทั้งชาวนิคม และชาวชนบทที่มาประชุมกันถ้วนทุกคน ขอจงฟังข้าพเจ้า พระราชาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์นี้ เป็นพาลได้ฟังคาชฎิลโกงแล้วตรัสสั่งให้ฆ่าเราเสีย โดยหาเหตุมิได้เลย. ก็แลพระโพธิสัตว์เจ้าตรัสดังนี้แล้ว ถวายบังคมพระราชบิดา ให้ทรงอนุญาต ให้พระองค์ทรงบรรพชาแล้ว ตรัสพระคาถานอกนี้ความว่า เมื่อรากยังเจริญงอกงามแผ่ไพศาลอยู่ ไม้ไผ่ที่แตกเป็นกอใหญ่แล้ว ก็แสนยากที่จะถอนให้หมดสิ้นไปได้ ข้าแต่พระราชบิดาผู้เป็นจอมประชาราษฎร์ เกล้ากระหม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาท ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กระหม่อมฉันจักขอออกบวช พระเจ้าข้า. ต่อแต่นี้ไปเป็นคาถาประพันธ์ โต้ตอบระหว่างพระราชากับพระราชโอรส. (พระราชาตรัสว่า) โสมนัสสกุมารเอ๋ย เจ้าจงเสวยสมบัติอันไพบูลย์เถิด อนึ่ง บิดาจะมอบอิสริยยศทั้งหมดให้แก่เจ้า เจ้าจงเป็นพระราชาของชาวกุรุรัฐเสียในวันนี้ทีเดียวเถิด อย่าบวชเลย เพราะการบวชเป็ นทุกข์. (พระโพธิสัตว์ทูลว่า) ขอเดชะ บรรดาโภคสมบัติของพระองค์ ซึ่งมีอยู่ในราชธานีนี้ สิ่งไรเล่าที่ข้าพระพุทธเจ้าควรบริโภคมีอยู่หรือ เมื่อชาติก่อนข้าพระพุทธเจ้าเคยรื่นรมย์ อยู่ในเทวโลกด้วยรูป เสียง กลิ่น รส และผัสสะทั้งหลายที่น่ารื่นรมย์ใจ ขอเดชะข้าพระพุทธเจ้า เคยบริโภคสมบัติมาแล้วในไตรทิพย์ เคยมีหมู่นางอัปสรแวดล้อมมาแล้ว ข้าพระพุทธเจ้ามารู้ว่าพระองค์เป็นพาล อันคนอื่นต้องนาไป แล้วจะอยู่ในราชสกุลเช่นนั้น ไม่ได้เลย. (พระราชาตรัสว่า) ดูก่อนพ่อโสมนัสส์ ถ้าหากว่าบิดาเป็นพาล ต้องอาศัยผู้อื่นจูงไปไซร้ เจ้าจงอดโทษให้แก่บิดาสักครั้งหนึ่งเถิด
  • 10. 10 ถ้าแม้ว่าโทษเช่นนี้จะพึงมีอีกไซร้ เจ้าจงกระทาตามมติของตนเถิด. ได้ยินว่า พระญาณระลึกชาติได้เกิดขึ้นแก่พระโพธิสัตว์ เพราะเหตุนั้น พระโพธิสัตว์เจ้าจึงตรัสอย่างนี้. พระมหาสัตว์ เมื่อจะถวายโอวาทพระราชบิดา จึงตรัสคาถา ๘ คาถาความว่า กรรมที่บุคคลใดไม่พิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วทาลงไป ผลชั่วร้ายย่อมมีแก่บุคคลนั้น เหมือนความวิบัติแห่งยาแก้โรคฉะนั้น. ส่วนกรรมที่บุคคลใดพิจารณาถี่ถ้วนก่อน แล้วทาลงไป ผลอันเจริญย่อมมีแก่บุคคลนั้น เหมือนความถึงพร้อมแห่งยาแก้โรคฉะนั้น. คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเป็นคนเกียจคร้ าน ไม่ดี บรรพชิตไม่สารวม ไม่งาม พระราชาไม่ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วทาล งไป ไม่ดี บัณฑิตมีความโกรธเป็นเจ้าเรือน ก็ไม่ดี. ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอธิบดีแห่งทิศ กษัตริย์ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงค่อยทา ยังไม่ได้พิจารณาใคร่ครวญก่อน แล้วไม่ควรทากิจการอะไร พระเกียรติยศของพระราชาผู้ทรงใคร่ครวญเสียก่อนแล้วจึงทาลงไป ย่อมเจริญยิ่งๆ ขึ้น. ข้าแต่พระจอมภูมิบาล อิสรชนควรพิจารณาเสียก่อนแล้วจึงลงอาชญา กรรมที่ทาด้วยความรีบร้อนย่อมเดือดร้อน อนึ่ง ความตั้งตนไว้โดยชอบและประโยชน์ของนรชนย่อมไม่ตามเดือดร้อนในภายหลัง . อนึ่ง ชนเหล่าใดจาแนกแจกแจงด้วยปัญญา แล้วกระทากรรมทั้งหลาย ที่ไม่ตามเดือดร้อนในภายหลังในโลก กรรมของชนเหล่านั้น ท่านผู้รู้สรรเสริญ มีความสุขเป็นกาไร พุทธาทิบัณฑิตอนุมัติแล้ว. ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน นายประตู ตารวจดาบและพวกเพชฌฆาต พากันไปจะฆ่าข้าพระพุทธเจ้า พวกนั้นพากันฉุดคร่า ข้าพระพุทธเจ้าผู้กาลังนั่งอยู่บนพระเพลาแห่งพระราชมารดามาโดยพลัน. ข้าแต่พระราชบิดา แท้จริง ข้าพระพุทธเจ้าถึงความหวั่นกลัวต่อมรณภัย คับแคบ ฝืดเคืองเหลือเกิน วันนี้ข้าพระพุทธเจ้าได้มีชีวิตอันเป็ นที่รัก หวานซาบซึ้งใจ รอดพ้นจากการถูกประหารมาได้แสนยาก จึงน้อมใจต่อบรรพชาอย่างเดียว. เมื่อพระมหาสัตว์เจ้าแสดงธรรมอย่างนี้แล้ว พระเจ้าเรณุราชตรัสเรียกพระราชเทวีมาเฝ้ า แล้วตรัสพระคาถาความว่า
  • 11. 11 ดูก่อนสุธรรมาเทวี โสมนัสสกุมารโอรสของเธอนี้ ยังรุ่นหนุ่ม น่าเอ็นดู วันนี้เราอ้อนวอนเขาไว้ ก็ไม่ได้สมปรารถนา แม้เธอก็ควรจะอ้อนวอนโอรสของเธอดูบ้าง. พระนางสุธรรมาเทวีกลับส่งเสริมพระโอรสเพื่อบรรพชาอย่างเดียว ตรัสคาถาความว่า ดูก่อนพระลูกรัก เจ้าจงยินดีด้วยภิกขาจาริยวัตรเถิด จงใคร่ครวญในธรรมทั้งหลาย แล้วละเว้นบรรพชาของคนมิจฉาทิฏฐิเสียเถิด เจ้าจงวางอาชญาในสรรพสัตว์ นักบวชละวางอาชญาในสรรพสัตว์ทั้งหลายแล้ว เป็นผู้ไม่ถูกติเตียนแล้ว ย่อมเข้าถึงพรหมสถาน. ลาดับนั้น พระเจ้าเรณุราชตรัสพระคาถา ความว่า ดูก่อนสุธรรมาเทวี เธอพูดคาเช่นใด คาเช่นนั้นน่าอัศจรรย์จริงหนอ เราได้รับทุกข์อยู่แล้ว เธอยังกลับเพิ่มทุกข์ให้อีก ฉันขอร้องเธอให้ช่วยอ้อนวอนลูก เธอกลับสนับสนุนให้โสมนัสสกุมารเกิดอุตสาหะยิ่งขึ้น. พระนางเทวีตรัสคาถาอีกความว่า พระอริยเจ้าเหล่าใดพ้นวิเศษแล้ว บริโภคปัจจัยอันหาโทษมิได้ ดับรอบแล้วเที่ยวไปในโลกนี้ หม่อมฉันไม่อาจจะห้ามโอรสผู้ดาเนินไปตามมรรคาของพระอริยเจ้าเหล่านั้นได้. พระราชาทรงสดับพระเสาวนีย์ของพระนางเทวี แล้วตรัสคาถาสุดท้ายความว่า ชนเหล่าใดมีปัญญา เป็นพหูสูต ตรึกตรองเหตุการณ์ถี่ถ้วนมาก พระนางสุธรรมาเทวีนี้เป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ปราศจากความโศกเศร้า ได้สดับคาสุภาษิตของชนเหล่าใด ชนเหล่านั้นควรจะสมาคมคบหาทีเดียว. แท้จริง พระนางสุธรรมาราชเทวีนั้นได้ทรงสดับคาสุภาษิตของโสมนัสสกุมารนั่นเอง จึงเกิดเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย แม้พระราชาก็ตรัสหมายถึงพระราชโอรสนั้นเหมือนกัน. พระมหาสัตว์เจ้าถวายบังคมพระราชมารดาบิดา แล้วกราบทูลว่า ถ้าหากว่า โทษผิดของข้าพระพุทธเจ้ามีอยู่ไซร้ ขอพระชนกชนนีได้โปรดทรงพระกรุณาอดโทษด้วยเถิด แล้วประคองอัญชลีต่อมหาชน บ่ายพระพักตร์ต่อหิมวันตประเทศเสด็จดาเนินไป เมื่อมหาชนส่งเสด็จกลับแล้ว เทพยดาทั้งหลายพากันมาด้วยเพศมนุษย์พาข้ามขุนเขา ๗ ลูกนาไปสู่ป่าหิมพานต์ ทรงบรรพชาเพศเป็นดาบส อยู่ในบรรณศาลาอันวิสสุกรรมเทพบุตรนิรมิตไว้ให้. เทพยดาทั้งหลายต่างอภิบาลบารุงพระมหาสัตว์เจ้าด้วยเพศมนุษย์ผู้อภิ บาลบารุงในราชสกุล จนกระทั่งจวบกาลพระมหาสัตว์เจ้ามีพระชนมายุได้ ๑๖ ปี.
  • 12. 12 ฝ่ายมหาชนพากันโบยตีชฎิลโกงจนถึงสิ้นชีวิต. พระมหาสัตว์เจ้ายังฌานและอภิญญาให้เกิดแล้วได้เป็นผู้มีพรหมโลกเ ป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระบรมศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย แม้ในชาติก่อน พระเทวทัตนี้ก็พยายามฆ่าเราตถาคตอย่างนี้เหมือนกัน ดังนี้แล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ชฎิลโกหกในครั้งนั้นได้มาเป็น พระเทวทัต พระมารดาได้มาเป็ น พระนางสิริมหามายา พระมหารักขิตดาบสได้มาเป็น พระสารีบุตร ส่วนโสมนัสสกุมารได้มาเป็ น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถาโสมนัสสชาดกที่ ๙ ------------------------------------------------