More Related Content
Similar to 2560 project (20)
More from Suphawich Bunli
More from Suphawich Bunli (7)
2560 project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน ความสว่างกับการอ่านหนังสือ
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1นาย ศุภวิชญ์ บุญลี เลขที่ 24 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
1 นายศุภวิชญ์ บุญลี เลขที่ 24
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ความสว่างกับการอ่านหนังสือ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
light & library
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ศุภวิชญ์ บุญลี
ชื่อที่ปรึกษา คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในเวลาปัจจุบันชีวิตนักเรียน ม.6 ต้องคอยศึกษาอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะสอบเข้าศึกษาตอนในระดับที่
สูงขึ้นทาให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราต้องอ่านหนังสือ แล้วเราเคยปวดตากับการอ่านหนังสือในที่มืดเป็นปกติดเลยคิด
ว่าการอ่านหนังสือในที่สว่างนั้นดีแต่ความเป็นจริงการอ่านหนังสือในที่สว่างเกินไปก็เป็นปัญญากับสายตาเช่นกัน
แล้วแสงไฟปริมาณเท่าไหร่ละที่เหมาะกับการอ่านหนังสือการอ่านหนังสือที่ความเข้มแสงเท่าไหร่ละที่จะดีต่อ
สายตา จึงเป็นเหตุที่ทาให้เกิดโครงงานนี้ขึ้น
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาแสงที่มีผลกระทบต่อดวงตา
2.เพื่อศึกษาแสงที่เหมาะกับการอ่านหนังสือ
3.เพื่อศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับแสง
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาข้อมูลทางทฤษฏีเกี่ยวกับแสง ปัจจัยที่ทาให้เกิดแสง การสะทอนของแสง
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
1.แสง
การคานวณแสงสว่างด้วยวิธีลูเมน (Lumen method) เป็นการคานวณเพื่อหาปริมาณฟลักซ์ส่องสว่างที่
เหมาะสมกับงานชนิดต่างๆ เป็นวิธีที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานที่ต้องการความส่องสว่างอย่างสม่าเสมอ โดยมีหลักว่าฟ
ลักซ์ส่องสว่างที่ใส่ไปในบริเวณงานที่ออกแบบ จะเฉลี่ยให้มีความส่องสว่างเท่ากัน เช่น การส่องสว่างในสานักงาน
ห้องเรียน เป็นต้น หลักการคานวณจะคานึงถึง ผลการสะท้อนของพื้น ผนัง และเพดาน ซึ่งนับเป็นการส่องสว่างแบบ
ทางอ้อม (Indirect) คือ การคิดผลจากการสะท้อนเข้าไปด้วย สอดคล้องกับที่กล่าวไว้โดย ประสิทธิ์ พิทยพัฒน์
(2543,หน้า 206) ว่าการคานวณด้วยวิธีลูเมนจะคิดผลของการสะท้อนเข้าไปด้วย ส่วนการคานวณแบบจุดต่อจุด
จะเป็นการหาความส่องสว่างแบบโดยตรง ดังนั้นการคานวณด้วยวิธีลูเมนนี้จึงมีงานหลักในการคานวณหาผลที่เกิดจาก
การสะท้อนของส่วนต่างๆ ของห้องทั้งที่เกิดจากชนิดและสีของวัสดุ ซึ่งก็คือค่าสัมประสิทธิ์การใช้ประโยชน์ของโคมที่
เลือกใช้ ดังจะได้กล่าวถึงรายละเอียดในลาดับต่อไป
จากชื่อของวิธีการคานวณแบบลูเมน คาว่า ลูเมน ก็คือหน่วยของฟลักซ์ส่องสว่างที่กระจายสู่ผิวงาน กล่าว
อีกนัยหนึ่งก็คือความส่องสว่างที่จาเป็นสาหรับพื้นทีใช้งานนั้นๆ และเพื่อให้มีความส่องสว่างเนื่องด้วยสาเหตุต่างๆ จะ
ทาให้ได้สมการที่ใช้ในการคานวณ ซึ่งสอดคล้องกับที่เสนอไว้โดย ศุลี บรรจงจิตร (2538, หน้า141) และ Sclater and
Traister (2003, p.305) การพิจารณาจะเริ่มต้นจากสมการความส่องสว่าง ดังนี้
สัมประสิทธิ์การใช้ประโยชน์ (Coefficient of utilization, CU) ตามหลักการของ IES หรือ ตัว
ประกอบการใช้ประโยชน์ (utilization factor, UF) ตามหลักของ CIE ในที่นี้ใช้ค่า CU
ความเสื่อมของของหลอดไฟ (Lamp lumen depreciation, LLD) และความสกปรกของโคม
(luminaries dirt depreciation, LDD)
เมื่อ E = ค่าความสว่าง (lux) = ฟลักซ์ส่องสว่าง ()
CU = สัมประสิทธิ์การใช้งาน LLD = ความสะอาดของหลอดไฟ
LDD = ความสกปรกของหลอดไฟA = พื้นที่ที่แสงซ้อนทับกัน ( )
- 4. 4
ซึ่งจากสมการข้างต้นพื้นที่A คือพื้นที่ทับซ้อนของแสงสว่างโดยพื้นที่ทับซ้อนหาได้จากสมการของทฤษฎี
overlapping theory โดยจะศึกษาจากหัวข้อไปต่อไปนี้
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน