Computer
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน เทคนิกการอ่านหนังสือที่คุณอาจไม่เคยรู้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 นาย นภสินธุ์ อิ้งสอาด เลขที่ 37 ชั้น ม.6 ห้อง 8
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
1 นาย นภสินธุ์ อิ้งสอาด เลขที่37 ชั้น ม.6 ห้อง 8
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
เทคนิกการอ่านหนังสือที่คุณอาจไม่เคยรู้
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Techniques the reading that you might never know.
ประเภทโครงงานศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย นภสินธุ์ อิ้งสอาด
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในปัจจุบันมีการใช้สมองในการจดจาสิ่งต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น เนื้อหาวิชาต่างๆ ทั้งที่โรงเรียน
และสถาบันสอนพิเศษต่าง และยังมีเทคนิกที่ต้องจดจา รวมไปถึงความเครียดหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมจึง
ส่งผลให้การอ่านหนังสือนั้นไม่มีประสิทธิภาพมากพอจึงทาเกิดปัหหาในการอ่าน เช่น อ่านหนังสือไม่เข้าใจ จา
เนื้อหาที่อ่านได้ไม่ครบถ้วน และยังพบอีกว่าเด็กไทยในปัจจุบันขาดทัษะในการอ่านที่ดีและสถิติการอ่านหนังสือ
ของเด็กไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยดี
ดังนั้นการอ่านหนังสือที่ผิดวิธีทาให้ผู้อ่านไม่สามารถเข้าใจในเนื้อหาได้ถี่ถ้วนทางผู้จัดทาจึงมีความสนใน
และอยากศึกษาเกี่ยวกับการอ่านหนังสือที่ถูกต้องและเทคนิกในการอ่านหนังให้เกิดปประสิทธิภาพสูงสุด
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวเกี่ยวการอ่านหนังสือที่ถูกวิธี
2.เพื่อศึกษาว่าสาเหตุของการอ่านหนังสือไม่เข้าใจมาจากสาเหตุใจ
3.เพื่อค้นหาเทคนิคในการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ผู้ที่ปัหหาในการหนังสือไม่เข้าใจหรือจาเนื้อหาที่อ่านไม่ได้
หลักการและทฤษฎี(ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
“การอ่านหนังสือ คือการซื้อประสบการณ์” เวลาที่อยากเริ่มต้นทาอะไรใหม่เราไม่จาเป็นต้องเริ่มจากการ
ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองเสมอไป การอ่านหนังสือคือการอ่านประสบการณ์หลายร้อยชั่วโมงของคนที่ลองผิดลอง
ถูกมาก่อน และสรุปผลให้เราเรียบร้อยแล้ว เวลาเป็นสิ่งมีค่า เมื่อมีเวลาก็จะมีความสุขคนเก่งมักจะเป็นคนที่พร้อม
อยู่เสมอ พวกเขาพร้อมคว้าทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดเวลา การอ่านหนังสือเป็นทางลัดไปสู่ความรู้ ซึ่งจะช่วย
ให้เราพร้อมในทุกสถานการณ์ ยิ่งอ่านหนังสือมากก็จะยิ่งมีความพร้อมและทักษะมากขึ้น ส่วนต่างที่เกิดขึ้นนี้จะทา
ให้ทิ้งห่างคู่แข่งไม่ว่าจะในด้านความรู้และข้อมูลที่รับเข้าไป ผลงานที่ส่งออกหรือความรวดเร็วในการพัฒนาตัวเอง
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างคนที่อ่านหนังสือกับคนที่ไม่อย่างหนังสือคือ “ทักษะด้านภาษา” การ
อ่านและเขียนให้มาก เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้เก่งเรื่องภาษาได้ซึ่งทักษะด้านภาษานี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุค
อินเตอร์เน็ตนอกจากการอ่านหนังสือช่วยพัฒนาทักษะการทางานแล้วยังช่วยขจัดความเครียดและความกังวลได้อีก
ด้วย โดยธรรมชาติแล้วเวลาเจอวิกฤตหรือความเครียด มนุษย์จะมีมุมมองที่แคบลทาให้เอาแต่คิดถึงแต่เรื่อตรงหน้าว
จนนึกวิธีแก้ปัหหาที่ต่างออกไปจากเดิมไม่ออก และหลงลืมไปว่า การอ่านหนังสือสามารถช่วยแก้ปัหหาได้แค่เรารู้
วิธีจัดการหรือวิธีแก้ปัหหา และคิดว่าน่าจะผ่านมันไปได้ ความเครียดก็จะลดลงจนสัมผัสได้
การอ่านหนังสือ ไม่เพียงช่วยให้เรารู้มากเท่านั้น แต่ยังทาให้สติปัหหาดีขึ้น ไหวพริบเฉียบคมขึ้น เป็นการ
กระตุ้นสมองให้ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย สมองของมนุษย์มีการพัฒนาตลอดชีวิต เราสามารถฝึก
ให้สมองเราฉลาดขึ้นได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสติปัหหาอารมณ์ สังคม
หนังสือส่งผลอย่างมากต่อชีวิตของเราและบางครั้งมันอาจถึงกับช่วยเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเราได้เลย
ทีเดียว ตอนนี้เราหาหนังสือแห่งโชคชะตาพบหรือยัง? ยิ่งมีตัวเลือกมาก ก็ยิ่งมีโอกาสประสบความสาเร็จมาก การ
อ่านหนังสือเป็น ประตูสู่เงินและความสาเร็จ ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งมีรายได้มาก ผู้บริหารที่ประสบความสาเร็จส่วนใหห่
ชอบอ่านหนังสือ การนาประสบการณ์ของคนอื่นมาใช้เป็นแนวทาง จะช่วยประหยัดเวลาทั้งยังเป็นทางลัดสู่
ความสาเร็จอีกด้วย หากคุณไม่สามารถอธิบายเนื้อหาของหนังสือที่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้คนอื่นฟังได้
คุณจะไม่มีทางมีพัฒนาการได้เลย จงสนุกตื่นเต้นกับการอ่านหนังสือ เมื่อโดปามีนซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพ ความจาถูกหลั่งออกมา จะทาให้เราจาเนื้อหาที่อ่านไปได้ดีขึ้น
- 4. 4
การอ่านหนังสือก่อนนอนช่วยผ่อนคลายความอ่อนล้าของทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงช่วยให้หลับง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ยังช่วยจาได้ไม่ลืมมากขึ้น
สแกนหาเป้าหมายของการอ่าน มองภาพรวมของหนังสือให้ออก แล้วค่อยกาหนดเป้าหมายและวิธีการอ่าน
เปิดเข้าไปอ่านเนื้อหาส่วนที่อยากรู้ก่อนไม่จาเป็นต้องอ่านทุกตัวอักษร
อ่านหนังสือที่ยากกาลังดี จะช่วยให้เรียนรู้ได้มากที่สุด
ถ้ารู้สึกตื่นเต้นเวลาอ่าน ต่อให้ผ่านไป 30 ปีก็ยังจาได้ไม่ลืม
ถ้ารู้สึกว่าน่าสนุกก็ควรอ่านให้จบในรวดเดียว
การไปพบนักเขียนจะทาให้เข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้ดีขึ้น
ถ้ารู้ว่าควรเลือกหนังสืออย่างไร เราจะได้หนังสือที่ตอบโจทย์ชีวิตเรา การได้พบกับหนังสือที่ตอบโจทย์คือทางลัดที่
ทาให้เราเก่งขึ้นได้เร็วที่สุด การอ่านหนังสือให้ได้มากไม่ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเสมอไป แม้ว่าการอ่าน
หนังสือให้ได้มากจะถือเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มโอกาสการเจอหนังสือที่ตอบโจทย์แต่เราสามารถ
เลือกหนังสือที่เหมาะกับระดับความรู้ของตัวเองในขณะนี้ได้
เริ่มจากการอ่านคู่มือเบื้องต้นเพื่อทาความเข้าใจข้อมูลพื้นฐานและภาพรวมทั้งหมดก่อน
ลองอ่านหนังสือที่คนที่เราชื่นชมเขียนหรือแนะนาให้อ่าน
อาศัยคาแนะนาของเพื่อนบนฟีดข่าวเฟสบุ๊ค
พึ่งคาแนะนาของคนที่ยอมลงทุนกับหนังสือ 15,000 เยนต่อเดือน
พึ่งความเห็นของผู้เชี่ยวชาห
พึ่งอีเมลจดหมายข่าว ที่ช่วยสรุปเนื้อหาของหนังสือธุรกิจให้อ่านแบบฟรีๆ
ทุกครั้งที่เลือกหนังสือ ให้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถามตัวเองก่อนว่า อยากอ่านหนังสือเล่มนั้นจริงๆ หรือเพราะว่ามันเป็น
หนังสือขายดี
ถ้าอยากได้หนังสือเฉพาะทางให้ไปร้านหนังสือใหห่ๆ เวลาเลือกซื้อหนังสือในอินเตอร์เน็ต ให้ดูความเห็นของผู้ซื้อ
คนอื่นหรือหนังสือที่เว็บไซต์แนะนา
สมองมนุษย์ชอบจาอะไรเป็นก้อนๆ การอ่านหนังสือแนวเดียวกัน ทาให้สมองจดจาเนื้อหาในหนังสือได้ดีกว่าการ
อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกันเลยพร้อมกัน
- 5. 5
หลัก 4 ข้อที่ช่วยให้เลือกหนังสือได้ไม่พลาด
1. อ่านให้รู้กว้างและรู้ลึก อย่างสมดุลกัน
2. เสริมจุดเด่น แล้วค่อยลบจุดด้อย
3. เปิดรับข้อมูลและความรู้ในปริมาณที่สมดุล
4. เลือกอ่านหนังสือให้หลากหลาย
การอ่าน ebook ช่วยให้อ่านได้มากขึ้นถึง 2 เท่า ข้อดีของมันคือพกพาสะดวก ง่ายต่อการจัดเก็บ ราคาถูกกว่า ทาให้
ซื้อหนังสือได้เยอะขึ้น ประหยัดเวลาเพราะซื้อแล้วอ่านได้ทันที อ่านซ้าได้ทุกเมื่อ ทบทวนได้ง่ายโดยใช้ฟังก์ชันเน้น
ข้อความ อ่านที่ไหนก็สะดวก ดีต่อสายตาของผู้สูงอายุ ข้อเสียคือไม่สามารถเปิดดูแบบผ่านๆ ได้
ที่มา https://medium.com/@priwziest/priwreadbooks
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงาน
2. ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3. จัดทาโครงงาน
4. ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5. ปรับปรุงทดลอง
6. การทาเอกสารรายงงาน
7. ประเมินผลงาน
8. นาเสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์
งบประมาณ
200บาท
- 6. 6
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน นภสินธุ์
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล นภสินธุ์
3 จัดทาโครงร่างงาน นภสินธุ์
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน นภสินธุ์
5 ปรับปรุงทดสอบ นภสินธุ์
6 การทาเอกสารรายงาน นภสินธุ์
7 ประเมินผลงาน นภสินธุ์
8 นาเสนอโครงงาน นภสินธุ์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
ผู้ที่เข้ามาศึกษาได้รับความรุ้เกี่ยวกับปัหหาต่างๆในการอ่านหนังพร้อมทั้งแนวทางในการอ่านหนังสือ
แบบใหม่ๆที่ผู้เข้ามาศึกษาอาจไม่เคยรู้มาก่อน
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.ภาษาไทย
2.การงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://teen.mthai.com/education/79713.html
https://medium.com/@priwziest/priwreadbooks