SlideShare a Scribd company logo
1 of 52
พล * นิกร * กิมหงวน
สมบัติปีศาจ

    เจ้าแห้วหาโอกาสที่จะพบ คุณหญิงวาด มาตั้งแต่เช้าแล้วแต่ยังไม่มีจังหวะ
ครั้นตอนบ่ายวันนัน เจ้าแห้ว ได้ยินเสียง คุณหญิงวาด หัวเราะร่วนอยู่ในห้อง
                 ้
โถง เจ้าแห้ว ตัดสินใจเข้าไปพบท่านทันที คุณหญิงวาด กำาลังนั่งสนทนากับ
เจ้าคุณ ของท่านอยู่บนโซฟาร์ เรื่องที่คุยกันก็คือเรื่องความหลังครั้งยังหนุ่ม
สาว

    เจ้าแห้ว ทรุดตัวลงนั่งคลานเข้ามาหมอบกราบท่านทั้งสองแสดงความ
เคารพอย่างสูงสุด คุณหญิงวาด พยักหน้าให้ เจ้าแห้ว แล้วถามยิ้ม ๆ
"เอ็งเคยเขียนเพลงยาวให้ผู้หญิงไหมวะ อ้ายแห้ว" เจ้าแห้ว กลืนนำ้าลายเอื๊อก
"รับประทานเมื่อตอนรุ่นหนุ่มเคยครั้งหนึ่งครับ ตอนนั้นรับประทานเราอยู่ที่บ้าน
ถนนพญาไท"
"เออ-แล้วยังไง" คุณหญิง ถามเสียงหัวเราะ
"รับประทานผมติดสาวใช้ข้างบ้านเราครับ รับประทานผมเลยเขียนเพลงยาว
ส่งให้หล่อน"
คุณหญิง หัวเราะคิ๊ก "เพลงยาวของเอ็งว่ายังไงจำาได้บ้างไหม"
"แฮ่ะ แฮ่ะ รับประทานจำาได้ตอนขึ้นต้นนิดเดียวครับ รับประทานมันเป็น
เวลานานแล้ว อ้า....ขอเสี่ยงสารมาสมานมายเดียสมร ไอเลิฟยูเวอรี่มัชอย่า
ตัดรอน ด้วยไอฟอลอินเลิฟยูไม่รู้วาย....รับประทานจำาได้แค่นี้ครับ"

   เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับ คุณหญิงวาด ต่างหัวเราะกันอย่างครื้นเครง คุณหญิง
ยกมือชี้หน้า เจ้าคุณ ของท่านแล้วกล่าวว่า "อ้ายแห้ว มันยังมีคารมกวีดีกว่า เจ้า
คุณ เสียอีก เดาะภาษาฝรั่งปนภาษาไทยโก้ไปเลย ของ เจ้าคุณ ขึนต้นก็ฟัง
                                                                 ้
ผะอึดผะอมเต็มทนแล้ว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายสิบปีดิฉันก็ยังจำาฝังใจ
อย่างไม่มีลืม.....แม่วาด จ๋าเรียมรักนุชสุดกระสันต์ เหมือนกระต่ายตะกายจ้อง
มองดวงจันทร์ ทุกคืนวันใจจะขาดสวาทรอน" แล้ว คุณหญิง ก็หัวเราะลั่น
ท่านเจ้าคุณ ลอบค้อน คุณหญิง ของท่าน "ขายหน้า อ้ายแห้ว มันน่า เอา
อะไรมาพูดก็ไม่รู้ช่างจดช่างจำาเสียจริงเชียว"
คุณหญิง หัวเราะจนนำ้าหมากไหล
"ก็ไม่จริงหรือคะ" แล้วท่านก็หันมาทาง เจ้าแห้ว "เอ็งเขียนเพลงยาวฉบับนั้น
แล้วเอ็งส่งไปให้แม่คนนันเขาหรือเปล่า"
                         ้
"รับประทานส่งซีครับ รับประทานผมพับเป็นนกแล้วร่อนข้ามรั้วไปให้"
"เออ-ปัญญาดี แล้วหล่อนตอบหรือเปล่า"
"ตอบครับ รับประทานหล่อนใช้กระดาษเพลงยาวของผมห่อก้อนอิฐแล้วโยน
ข้ามรั้วมา รับประทานหล่นกลางศีรษะผมพอดี ตั้งแต่นนเลยเลิกติดต่อกัน"
                                                        ั้
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับ คุณหญิงวาด ต่างหัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน คุณหญิง
กล่าวกับ เจ้าคุณ ว่า
"สมัยก่อนเขาฝากรักกันด้วยเพลงยาว แสดงให้เห็นว่าหนุ่มสาวสมัยนันมีพื้น
                                                             ้
ฐานการกวีด้วยกันทั้งนั้น แต่สมัยนี้ร้อยกรองไม่จำาเป็นเสียแล้ว พอเห็นกันเข้า
ถูกใจกันก็ยิ้มให้กันและพูดกันเลย"
"ถูกแล้ว คุณหญิง สมัยนิวเคลียร์มนุษย์ต้องทำาทุกสิ่งทุกอย่างให้รวดเร็วฉับ
พลัน ขืนงุ่มง่ามล่าช้าก็ไม่ทนเขา หนุ่มสาวสมัยนี้รู้จักกันเดี๋ยวเดียวขอความรัก
                            ั
กันแล้วและรักกันไม่ทันไรฝ่ายผู้หญิงเกิดอยากกินของเปรี้ยว เช่น มะดัน,
มะยม, ส้มมะขามหรือดินสอพอง ทำาให้ผู้ชายวิ่งวุนรีบแต่งงานกัน ฉันว่ารักกัน
                                                   ่
แบบสายฟ้าแลบอย่างนี้ดีเหมือนกัน มีลูกทันใช้ลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวพ่อแม่
ยังไม่ทันจะแก่ สมัยเรามันใช้เกวียนเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องบินไอพ่นมันผิดกัน"

 คุณหญิงวาด เอื้อมมือหยิบหมากและพลูในพานหมากใส่ปากเคี้ยว พอสบตา
เจ้าแห้ว ท่านก็ถามว่า
 "เอ็งมีธุระอะไรหรือ อยู่ ๆ ก็เข้ามากราบข้าหรือจะขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก็
ว่ามา"
 เจ้าแห้ว ยิ้มอาย ๆ "รับประทานเรื่องการเงินผมไม่เดือดร้อนหรอกครับ เดือน
หนึ่ง ๆ ได้ทิปจากเจ้านายไม่ตำ่ากว่าสองสามพัน รับประทานผมอยากจะขอ
ความกรุณาลาหยุดพักร้อนสัก ๑๐ วัน ครับ"
 คุณหญิงวาด สะดุ้งโหยงคล้ายถูกเข็มแทง
"เอ็งจะลาหยุดพักร้อน....หน็อยแน่ ขนาดขีข้าอย่างเอ็งก็มีการหยุดพักร้อนด้วย
                                           ้
หรือวะ"
เจ้าแห้ว ยิ้มแห้ง ๆ
"รับประทานสมัยนี้กรรมกรมีความหมายแล้วนะครับ รับประทานอย่างผมก็เรียก
ว่ากรรมกรคนหนึ่ง ควรจะมีสิทธิ์ได้ลาหยุดพักร้อนเช่นเดียวกับข้าราชการ"
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ชักฉิว "ถ้าเช่นนั้นมึงลาออกไปได้เลย อ้ายแห้ว ลงถือว่าตัว
ของมึงมีความสำาคัญแล้วมึงก็ไปอยู่ที่อื่นได้ ไม่ต้องลาหยุดพักร้อนหรอก ลา
ตลอดกาลได้เลย"
"ปู้โธ่" เจ้าแห้ว คราง "รับประทานใต้เท้าช่างไม่เห็นความซื่อสัตย์กตัญญูของ
กระผมบ้างเลย กระผมเป็นขี้ข้ารับใช้มานานแล้ว รับประทานไม่เคยได้หยุด
งานแม้แต่วันเดียว วันโกน วันพระ วันเสาร์ วันอาทิตย์ ไม่มีทั้งนั้น ดึกดื่น
เที่ยงคืนกริ่งเรียก รับประทานผมก็ลุกขึ้นมารับใช้พระเดชพระคุณเจ้านายทั้ง
หลาย"
คราวนี้ คุณหญิงวาด ชักเห็นใจ เจ้าแห้ว "จริงของมัน เจ้าคุณ อ้ายแห้ว มัน
เหมือนกับกระโถนท้องพระโรงใคร ๆ เรียกใช้แต่ อ้ายแห้ว อย่าไปโกรธเคือง
มันเลยค่ะ ให้มันหยุดพักผ่อนเสียบ้าง" แล้ว คุณหญิงวาด ก็หันมาถาม เจ้า
แห้ว "เอ็งจะไปไหนวะ อ้ายแห้ว ถ้าหากว่าข้าอนุญาติให้หยุดพักร้อน ๑๐ วัน"
เจ้าแห้ว ดีใจอย่างยิ่ง "รับประทานยังไม่แน่ครับ บางทีก็จะไปตากอากาศ
หัวหินสักสี่ห้าวัน แต่วารับประทานต้องไปติดต่อกับกองโรงแรมบ้านพักและรถ
                        ่
เสบียงที่การรถไฟก่อนครับ รับประทานขณะนี้เป็นฤดูตากอากาศ ห้องพักที่
หัวหินอาจจะไม่ว่าง รับประทานถ้าไม่ได้ไปหัวหินผมกับเพื่อนก็อาจจะไปเที่ยว
ทัศนาจรเชียงใหม่หรือที่ไหนก็ได้"
คุณหญิงวาด ทำาตาปริบ ๆ "เอ็งมีความเป็นอยู่เหมือนกับลูกเจ้าคุณอะไรคน
หนึ่ง ดูช่างสุขสบายเสียจริง เอาเถอะ ข้าอนุญาติให้เอ็งหยุดงานได้ตั้งแต่
พรุ่งนี้เป็นต้นไป จะไปเที่ยวไหนก็ไป ข้าจะให้เงินเอ็งเป็นพิเศษ ๑,๐๐๐ บาท
ไปบอก แม่นัน เขาว่าข้าสั่งจ่ายเงินจำานวนนี้ให้เอ็ง"
เจ้าแห้ว ตื่นเต้นแปลกใจเหลือที่จะกล่าว เขานึกไม่ถึงว่าคุณหญิงวาด จะใจดี
ต่อเขามากมายเช่นนี้ เขาก้มลงกราบแทบเท้า เจ้าคุณ และ คุณหญิงวาด อีก
ครั้งหนึ่ง
"รับประทานเป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ครับ กระผมขอพักร้อนเพียง ๑๐ วัน
เท่านั้น" พูดจบ เจ้าแห้ว ก็ลุกขึ้นเดินยิ้มกริ่มออกไปจากห้องโถงของบ้าน "พัช
ราภรณ์"

 เพราะ เจ้าแห้ว ลาพักร้อน คณะพรรคสี่สหาย และเมีย ๆ ของเขาตลอดจน
ท่านผู้ใหญ่จึงรู้สึกขลุกขลักในบางสิ่งบางอย่างเข้าทำานองแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ
ไม่มีสาวใช้หรือคนใช้คนไหนที่จะเจียนหมากพลูให้ คุณหญิงวาด ดีเหมือน เจ้า
แห้ว เพราะ เจ้าแห้ว รู้ว่า คุณหญิงวาด กินปูนมากและต้องใส่พิมเสนลงไปใน
พลูนิดหน่อย ส่วนหมากดิบก็ต้องผ่าชิ้นโต ๆ ลูกหนึ่งผ่าสี่ชิ้น เจ้าคุณ
ประสิทธิ์ ฯ เคยดื่มโอยัวะขนาดขมเหมือนยาดำา ยายอิ่ม ชงให้อ่อนเกินไปไม่
ถูกใจท่านเลย เจ้าคุณปัจจนึก ฯ บ่นพึมพำาในเรื่องรองเท้าของท่าน ใครขัด
ให้ก็ไม่ถูกใจเหมือน เจ้าแห้ว สีนางก็พลอยวุ่นวายไปหลายอย่างเมื่อไม่มี เจ้า
                                 ่
แห้ว ส่วน สี่สหายของเราแน่นอนแต่ละคนเคยเรียกใช้ เจ้าแห้ว ตลอดวัน
เจ้าแห้วไม่อยู่ใช้คนอื่นทำาอะไรก็มักจะไม่ถูกความประสงค์
 อย่างไรก็ตาม เจ้าแห้ว หายไปจากบ้าน "พัชราภรณ์" ได้เพียง ๕ วันเท่านั้น
เขาก็กลับมาในตอนเย็นวันหนึ่ง

   ไม่ผิดอะไรกับลูกนกที่จากรังไปและกลับมาอย่างสะบักสะบอม เจ้าแห้วมา
กับเพื่อนหนุ่มคนหนึ่ง เพื่อนของ เจ้าแห้ว มีลักษณะเหมือนสิงห์อมควัน
ผอมโซแต่งกายสกปรก มอริสป้ายเหลืองคันหนึ่งนำา เจ้าแห้ว กับเพื่อนเข้ามา
ในบ้าน "พัชราภรณ์" ซึ่งตามเวลาที่กล่าวนี้ สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ได้นั่ง
ดื่มเหล้าสนทนากันเงียบ ๆ อยู่ที่เรือนต้นไม้หน้าตึกใหญ่
มอริสเก๋งแล่นมาหยุดที่หน้าเรือนต้นไม้พอดี สี่สหาย กับ ท่านเจ้าคุณปัจจนึก
ฯ ต่างมองออกไปนอกเรือนต้นไม้ พอแลเห็น เจ้าแห้ว ถูกเพื่อนประคองปีกลง
จากรถ พล ก็แปลกใจ
"เอ๊ะ อ้ายแห้ว ไม่สบายกลับมานี่หว่า"
ทุกคนต่างลุกขึ้นพากันออกไปจากเรือนต้นไม้ทันที ดร. ดิเรก ปราดเข้ามาหา
เจ้าแห้ว แล้วกล่าวถามเพื่อนเกลอ เจ้าแห้ว "ไปยังไงมายังไงกันน้องชาย"
สิงห์อมควัน ยิ้มแห้ง ๆ "ผมกับ แห้ว เพิ่งมาจากอยุธยาครับ"
"แล้ว เจ้าแห้ว เป็นอะไรไป" ดร. ดิเรก ถามอย่างห่วงใย
"เป็นไข้ครับ แกเพ้อตลอดเวลา พูดถึงเรื่องผีสางและเรื่องที่ไม่เป็นสาระ
ผมพยายามหอบหิ้ว นายแห้ว ขึ้นรถพิษณุโลกที่อยุธยามาลงที่หัวลำาโพงแล้ว
ขึ้นแท็กซี่มานี่ครับ"
เสี่ยหงวนบอกคนขับรถให้วางกระเป๋าเสื้อผ้าสองกระเป๋าลงข้างถนนแล้วล้วง
กระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทฉบับหนึ่งออกมาส่งให้คนขับรถ ต่อจาก
นั้น ดร. ดิเรก กับเพื่อนของ เจ้าแห้ว ก็ช่วยกันประคองปีก เจ้าแห้วขึ้นไปบนตึก
เจ้าแห้ว มีหน้าตาซูบซีดร่วงโรยผิดปกติ ขอบตาลึกเขียวชำ้า ท่าทางของเขา
เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นใจ เขาถูกนำาเข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
ของ ดร. ดิเรก ซึ่งห้องนี้เป็นห้องปฐมพยาบาลด้วย

 สี่สหาย ช่วยกันอุ้ม เจ้าแห้ว ขึ้นนอนบนเตียงเหล็กอันทันสมัย ดร. ดิเรกเปิด
เครื่องทำาความเย็นช่วยให้บรรยากาศในห้องทดลองเย็นสบายและมีอากาศ
บริสุทธิ์ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ สัมภาษณ์เพื่อนของเจ้าแห้วทันที
"เธอไปเที่ยวกับ เจ้าแห้ว มาหรือ"
"ครับ เราออกจากกรุงเทพ ฯ ตอนเช้าวันจันทร์ไปเที่ยวปากนำ้าโพด้วยกัน
ค้างปากนำ้าโพหนึ่งคืนแล้วขึ้นรถยนตร์มาชัยนาทพักแรมที่เขื่อนเจ้าพระยาอีก
หนึ่งคืนครับ ออกจากชัยนาทมาตาคลีขึ้นรถไฟมาลงอยุธยาพักอยู่ที่โรงแรม
หน้าตลาดหัวรอเที่ยววังโบราณกันครับ ผมไม่อาจจะเข้าใจได้ว่า นายแห้ว
เขาไปเที่ยวอยุธยาทำาไมตอนกลางคืน เขาทิ้งผมไว้หายไปจนดึกดื่น เราพัก
อยู่ที่อยุธยาได้สามคืน นายแห้วก็ล้มเจ็บอย่างกระทันหัน คนที่นั้นเขาว่า เจ้า
แห้ว ถูกผีเข้าครับ นายแห้วเป็นไข้ตัวร้อนราวกับไฟเพ้อพูดถึงเรื่องผีสางเจ้า
นายในสมัยอยุธยา บางทีก็แสดงท่าทางหวาดกลัวร้องเอะอะโวยวายลั่น
โรงแรม"
พล กล่าวขึ้นทันที "เธอพา เจ้าแห้ว ไปหาหมอหรือเปล่า"
"พาไปครับ หมอเขาว่าพรรดึกมันทำาพิษและเกี่ยวกับปัตฆาตนิดหน่อย ผม
เห็นท่าไม่ดีแน่ ก็เลยพา นายแห้ว กลับกรุงเทพ ฯ"
สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างมองดูหน้ากัน ก่อนที่ใครจะพูดอะไร คุณ
หญิงวาด ก็พา สี่นางบุกเข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์อย่างร้อนรนและ
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย คุณหญิง กำาลังเล่นไพ่กับเมีย ๆ
ของ สี่สหาย อยู่ในห้องชั้นบน พอสาวใช้ขึ้นไปเรียนให้ท่านทราบว่า เจ้าแห้ว
กลับมาบ้านและมาในสภาพของคนที่กำาลังเจ็บหนัก คุณหญิง ก็รีบพา สีนาง    ่
และ ท่านเจ้าคุณ ลงมาเยี่ยม เจ้าแห้ว ด้วยความห่วงใย

"ตายแล้ว      อ้ายแห้ว เป็นอะไรไป พ่อดิเรก โถ-ชักกระตุกนัยน์ตาตั้งเหมือน
หมาถูกยาเบื่อ"
 ดร. ดิเรก ตวาดแว็ด "ชักที่ไหนล่ะครับ ปู้โธ่"
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้น ใครต่อใครรุมกันซักถาม นายชุ่ม เพื่อนเกลอของ
เจ้าแห้ว ซึ่ง ชุ่ม ก็ต้องเล่ารายละเอียดให้ฟังอีก แล้วให้ข้อคิดว่าเขาสงสัยว่า
เจ้าแห้วคงจะร่วมคิดกับนักขับสามล้อที่อยุธยาคนหนึ่งไปขโมยขุดพระที่กรุใด
กรุหนึ่งตามวัดร้างหรือตามพระที่นั่งเก่า ๆ เจ้าแห้ว จึงมีอันเป็นไปเช่นนี้ นาย
ชุ่ม ยืนยันว่าตลอด ๓ คืนที่อยู่อยุธยาพอพลบคำ่า เจ้าแห้ว ก็หนีเขาไปกับนักขับ
สามล้อในวัยกลางคนคนนั้น กลับมาถึงโรงแรมดึกมากไต่ถามก็ปิดบังไม่ยอม
บอกความจริง จนกระทั่งล้มเจ็บลงอย่างกระทันหัน
ขณะที่ ชุ่ม กำาลังเล่าให้ฟัง เจ้าแห้ว ก็มีอาการเพ้อคลั่งอีก เขาผุดลุกขึ้นนั่งขัด
สมาธิบนเตียง ใบหน้าของ เจ้าแห้ว ถมึงทึงน่ากลัว นัยน์ตาวาวโรจน์กลอก
ไปกลอกมา คุณหญิงวาด กับ สี่นาง ต่างถอยกรูด เจ้าแห้วยกกำาปั้นทุบ
หน้าอกตัวเองแล้วเอ็ดตะโรลั่น "มึงบังอาจมาก อ้ายแห้ว มึงลอบเข้าไปในที่
ซ่อนมหาสมบัติของกู เพื่อจะขโมยเพชรนิลจินดาและทองคำาอันมหาศาลของ
กู กูต้องฆ่ามึง อ้ายแห้ว กูคือ พระที่นั่งสุริยามรินทร์กษัตริย์องค์สุดท้ายของ
อยุธยาถึงกูสิ้นชีวิตไปแล้ววิญญาณของกูก็ยังพิทักษ์รักษาราชทรัพย์ของกูอยู"      ่
 คุณหญิงวาด กับ สี่นาง อกสั่นขวัญแขวน รีบทรุดตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อย
ประนมมือไหว้อดีตกษัตริย์ผู้เสียพระนครให้แก่พม่าข้าศึกทันที
"ได้โปรดเถิดเพคะ" คุณหญิงวาด พูดระลำ่าระลัก "พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า
เจ้าแห้ว คนของหม่อมฉันคงทำาไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ขอพระราชทาน
อภัยโทษให้มันสักครั้งเถิดเพคะ แล้วหม่อมฉันจะตั้งเครื่องเซ่นสังเวยถวาย
พระองค์"
เจ้าแห้ว นังขัดสมาธิเต้นเร่า ๆ
           ่
"ข้าจะยกโทษให้ก็ต่อเมื่อ อ้ายแห้ว เอาพระทองคำาไปคืนข้า มันขโมยพระทอง
คำาของข้ามาองค์หนึ่ง ทองคำาหนักถึง ๒๐๐ บาทอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของมัน"
พล กล่าวถาม นายชุ่ม ทันที
"กระเป๋า อ้ายแห้ว ใบไหน"
"ลายตาหมากรุกสีเขียวนั่นแหละครับ"

 นายพัชราภรณ์ เดินเข้าไปที่ม้ายาวริมห้อง บนม้ายาวมีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่
สองใบ เขาจับกระเป๋าเสื้อผ้าของ เจ้าแห้วผลักลงนอนราบแล้วเปิดกระเป๋า
ออกรื้อค้นเสื้อผ้าข้าวของในกระเป๋าอยู่สักครู่ก็หยิบห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ
หนึ่งขึ้นมา เมื่อพลแก้กระดาษหนังสือพิมพ์ออกทุกคนก็แลเห็นพระพุทธรูป
ทองคำาสุกปลั่งองค์หนึ่ง หน้าตักกว้างประมาณสามนิ้ว เป็นพระพุทธรูปนั่ง
แบบเชียงแสนหล่อด้วยทองคำาธรรมชาติทั้งองค์
เสียง เจ้าแห้ว ร้องขึ้นอีก
"เห็นไหม มันขโมยของข้ามา จงรีบนำาไปคืนข้า ณ ที่เดิมภายใน ๗ วันนี้ มิ
ฉะนันข้าจะเอาชีวิต อ้ายแห้ว ไปเมืองผี"
     ้

กิมหงวนตื่นเต้นสนใจพระพุทธรูปทองคำาองค์นี้อย่างยิ่งและอยากจะได้ไว้เป็น
กรรมสิทธิ์ อาเสี่ย หันมามองดู เจ้าแห้ว แล้วยกมือไหว้ เจ้าแห้ว อย่าง
นอบน้อมเกรงกลัว
"ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าขอซื้อพะย่ะค่ะ พระพุทธรูปองค์นี้สวยมาก"
เจ้าแห้ว ตวาดแว็ด "ไม่ขายโว้ย กูเป็นกษัตริย์ ยังไม่ยากจนถึงกับจะต้อง
ขายพระกินแล้วก็พระเจ้าซื้อขายกันได้เรอะ"

"น่า   ลูกช้างอยากได้นี่ครับ" อาเสี่ย ออด "ถ้าตกลงขายให้ลูกช้างเท่าใดลูก
ช้างจะจ่ายเช็คให้แล้วให้ อ้ายแห้วเอาเช็คไปไว้ที่กรุของท่าน"
เจ้าแห้ว ตะโกนลั่นห้อง "กูบอกว่าไม่ขายได้ยินไหม"
อาเสี่ย ทำาคอย่น แล้วพูดเสียงอ่อย "ไม่ขายก็ไม่ขายต้องดุด้วย"
เจ้าแห้วยืดคอเอียงหน้าไปมาเหมือนคนเป็นอัมพาตและแล้วก็ล้มลงนอนหงาย
ชักกระตุกนัยน์ตาตั้ง คุณหญิงวาด กับ สี่นาง ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน คุณหญิง
วาด ยกมือเขี่ยสะเอว นายแพทย์หนุ่ม เบา ๆ
"พ่อดิเรก อาสงสัยว่า อ้ายแห้ว คงไปถูกยาเบื่อมาจากอยุธยาแน่ ๆ ลงกระตุก
แหง่ก ๆ อย่างนี้ละก้อหมาถูกสะติ๊กนินยังไงยังงั้นทีเดียว"
ดร. ดิเรก หัวเราะอย่างใจเย็นตามธรรมดาของนายแพทย์ทั้งหลาย
"ไม่ใช่หรอกครับคุณอา ที่มันชักก็เพราะไข้ขึ้นสูงความร้อนในตัวมากเกินไปก็
ชักทุกราย ผมสงสัยว่าอ้ายแห้ว เป็นไข้มาเลเรียอย่างแรง แต่ว่าผมพอจะ
ช่วยได้ อย่างช้าในครึ่งชั่งโมงนี้ เจ้าแห้ว จะปลอดภัย"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กับ เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ เดินเข้าไปหา พล พร้อม ๆ กันต่างคน
ต่างอยากได้พระทองคำาองค์นี้ เสี่ยหงวน ปราดเข้าไปยืนข้างหลัง ท่านเจ้า
คุณ ทั้งสองแล้วกล่าวว่า
"ใครอย่าอมพระองค์นี้ไม่ได้นะครับ ผมจองไว้ก่อน"
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ชักฉิว "จองยังไงวะของ อ้ายแห้ว มัน"
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมจะพูดกับ เจ้าแห้ว ขอซื้อมัน"
"อาก็อยากได้เหมือนกัน" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดโพล่งขึ้น
พล ว่า "ถ้ายังงั้นก็ต้องรอให้ อ้ายแห้วหายเสียก่อนนะครับแล้วเปิดการประมูล
ใครให้ราคาสูงก็เป็นของคนนั้น แต่ถ้าอ้ายแห้ว มันไม่ยอมขายกรรมสิทธิ์
พระทองคำาองค์นี้เป็นของ อ้ายแห้ว"
นิกร กล่าวขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ ขโมย
วัตถุโบราณมีโทษทั้งปรับทั้งจำา ทางที่ดีเราอย่าแก่งแย่งผิดใจกันด้วย
พระทองคำาองค์นี้เลยครับ ผมคิดว่าในกรุนั้นยังมีอีกหลายองค์ รอให้ อ้าย
แห้วหายเสียก่อนแล้วเราไปขโมยขุดกรุนี้ดีกว่า ได้มาเท่าไรแล้วก็แบ่งกัน ถ้า
เพลี่ยงพลำ้าถูกตำารวจจับได้เราก็ติดคุกร่วมกัน เกิดมาเป็นลูกผู้ชายก็ลองติด
ตะรางดูบ้าง ใครไม่เอาก็ตามใจผมเอาแน่"
เสี่ยหงวน ยิ้มแป้น "อั๊วเอาด้วยคนว่ะ กรุนี้คงมีเพชรนิลจินดามากมายและ
เป็นกรุเร้นลับที่ยังไม่มีใครพบ แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ฯ ก็คงไม่รู้อยู่ที่ไหน
แต่ อ้ายแห้ว ต้องรู้แน่"
นิกร หันมาทางพ่อตาของเขา "เอานะครับคุณพ่อ เราต้องขุดกรุ ขุนหลวงขี้
เรื้อน ให้ได้"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยิ้มอาย ๆ       "ตกลง" แล้วท่านก็หนมาทาง เจ้าคุณประสิทธิ์
                                                    ั
ฯ "ร่วมมือกันนะเจ้าคุณ พอ อ้ายแห้ว หายยกพวกไปอยุธยาเลย"
เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ สันศีรษะ "ผมเสมอนอกดีกว่า ติดตะรางเมื่อแก่ดูยังไงนะ
                      ่
เจ้าคุณ นอกจากติดตะรางแล้วยังถูกถอดจากบรรดาศักดิ์ เบี้ยบำานาญก็อด"
เจ้าแห้ว พรวดพราดลุกขึ้นนั่งแสดงสีหน้าโกรธแค้นทำาปากเบี้ยว นัยน์ตาถลน
นำ้าลายฟูมปาก ยกมือขึ้นชี้หน้า คณะพรรคสี่สหาย "ชะ ชะ พวกมึงจะไป
ขุดกรุมหาสมบัติของกู ลองดูซีกูจะเอาชีวิตให้หมดไม่ให้เหลือเลย"
นิกร ยิ้มให้ เจ้าแห้ว "โธ่-เจ้าพ่อก้อ เราพูดเล่น ๆ หรอกครับ พวกผมล้วนแต่
เป็นเศรษฐีมีเงินตั้งเยอะแยะ จะต้องไปขโมยสมบัติเจ้าพ่อเอามาทำาอะไรอีก"
"เออ   พูดเล่นก็แล้วไป ถ้าพูดจริงกูจะเอาให้ตาย ฮึ่ม...กูนี่แหละ เจ้าพ่อขุน
หลวงขี้เรื้อน กษัตริย์องค์สุดท้ายของพระนครศรีอยุธยาอย่าเชียวนะมึง เมื่อกูมี
ชีวิตอยู่กูเป็นกษัตริย์ที่กระดูกขัดมันอยู่แล้วนะโว้ย"

นิกร ยกมือไหว้ "ครับ ครับ ผมกลัวแล้วครับ"
เจ้าแห้ว เอนตัวลงนอนต่อไป ดร. ดิเรก ขอร้องให้ทุก ๆ คนออกไปจากห้อง
ของเขาเพื่อเขาจะได้ช่วยเหลือรักษา เจ้าแห้ว ต่อไป นายชุ่มถือโอกาส
ลากลับ เสี่ยหงวน ขอร้องให้ นายชุ่ม ปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ซึ่งนาย
ชุ่มก็รับคำาว่าเขาจะไม่เปิดเผยให้ผู้ใดทราบ เพราะถ้าเรื่องเข้าหูตำารวจ เจ้าแห้ว
เพื่อนเกลอของเขาก็จะต้องมีธุระต้องไปติดตะรางในฐานขโมยโบราณวัตถุของ
ชาติ
จากการตรวจโลหิต ดร. ดิเรก ได้ค้นพบเชื้อมาเลเลียอยู่ในเม็ดโลหิตแดงของ
เจ้าแห้ว เขาไม่มีความเชื่อถือในเรื่องภูตผีปีศาจหรือไสยศาสตร์ ดังนั้นเขา
จึงรู้ว่าพิษไข้ทำาให้เจ้าแห้วเพ้อคลั่งไป เขารีบฉีดอาแทบรินให้
เจ้าแห้ว หนึ่งเข็มและใช้นำ้าเย็นลูบตัว เจ้าแห้ว ช่วยลดความร้อน อาการของ
เจ้าแห้ว ดีขนตามลำาดับ ในชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง เจ้าแห้วก็รู้สึกตัวมีสติ
              ึ้
ปัญญามีความคิดอ่านและความทรงจำาเหมือนเดิม แต่เจ้าแห้วสึกอ่อนเพลีย
มาก
"นอนพักผ่อนเสียก่อน อ้ายแห้ว ไม่มีอะไรที่ยูจะต้องกังวล"
เจ้าแห้ว ดื้อดึงลุกขึ้นนั่ง
"มีซีครับ คุณหมอ รับประทานสิ่งที่ผมกังวลก็คือพระทองคำาของผม"
"ออไร๋ ออไร๋ เจ้าพล นายของแกได้เก็บรักษาไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว"
เจ้าแห้ว ยิ้มออกมาได้ แล้วเอนตัวลงนอนหงายในท่าสบาย
"รับประทานถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย รับประทานผมเป็นอะไรไปครับ คุณ
หมอ แล้วก็รับประทานผมมาจากอยุธยาได้อย่างไร"
"แกเป็นไข้จับสั่น เพื่อนแกได้นำาแกมาจากอยุธยา แกปลอดภัยแล้ว โรค
ของแกเป็นเรื่องเล็กสำาหรับหมอชั้นดีอย่างกัน อย่าว่าแต่แกเป็นมาเลเลียเลย
ต่อให้แกถูกฟันคอขาดหิ้วคอมาหากันกันก็ช่วยต่อคอให้แกได้ อ้า-มหาดเล็ก
ของท่านมหาราชาองค์หนึ่ง...."
ดร. ดิเรก หยุดเล่าเมื่อ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินนำาหน้าพา เสี่ยหงวนกับ พล นิกร
เข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ทุกคนหยุดชะงักมองไปที่เตียงคนไข้ พอ
แลเห็นเจ้าแห้วนอนลืมตานิ่งเฉยโดยไม่กระพริบตา นิกร ก็หน้าเสีย
"โธ่-ตายเสียแล้วหรือหมอ"
เจ้าแห้ว รีบลุกขึ้นนั่งทันที "รับประทานยังครับ แฮ่ะ แฮ่ะ หายแล้วครับ
ไม่ใช่ตาย มือชัน คุณหมอ รับประทานรักษาคนไข้ตายก็ไม่ใช่ คุณหมอดิเรก
                   ้
เท่านั้น"
นายแพทย์ดิเรก ยืดหน้าอกขึ้นในท่าเบ่ง "เรื่องเล็กว่ะ อ้ายแห้ว เป็นมาเลเลีย
ไข้สูงมากก็เลยเพ้อ กันฉีดยาให้มนแล้ว ป่านนี้เชื้อมาเลเลียตายไปหมด
                                      ั
แล้ว"
เสี่ยหงวน หยิบหลอดยาฉีดหลอดหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพิจารณาดู
หลอดยาหลอดนี้มีแต่หลอดเปล่า ๆ
"หมอ หมอ โว้ย"
"ยานี่นะหรือที่แกฉีดให้ อ้ายแห้ว"
       ่
"ออไร๋"
"ยาอะไรวะ" เสี่ยหงวน ถามยิ้ม ๆ
"ก็อาแทบรินน่ะซี อ่านไม่ออกหรือ"
เสี่ยหงวน หัวเราะก้าก เดินเข้ามาหา พล กับ นิกร แล้วชูหลอดยาให้ดู นิกร
เย็นวาบไปหมดทั้งตัวร้องตะโกนลั่น
"อ้ายหมอ นีมันนีโอโว้ยไม่ใช่อาแทบริน"
              ่
นายแพทย์หนุ่ม เย็นวาบไปหมดทั้งตัว วิงเข้ามาหา สามสหาย แล้วแย่ง
                                     ่
หลอดยาฉีดไปพิจารณาดู เขาทำาท่าเหมือนจะเป็นลม "มายก๊อด....ฝรั่งหยิบ
ยาผิดว่ะ กล่องมันอยู่ติด ๆ กัน ตายแน่"

เจ้าแห้ว พูดเสริมขึ้นทันที "รับประทานไม่ตายหรอกครับ หายแล้ว แล้วก็รับ
ประทานอย่างน้อยคุณหมอก็คงได้รู้ความจริงว่ายานีโอแก้โรคอ้ายพันอย่างว่า
ฉีดแก้ไข้จับสั่นได้เด็ดขาดดีเหมือนกัน"
ดร. ดิเรก ยกมือเกาศีรษะ "เอ-ถ้าอย่างนันยูไม่ได้เป็นมาเลเลียเสียแล้วล่ะ อ้าย
                                          ้
แห้วสงสัยว่าเชื้อซิฟิลิสขึ้นสมองมากกว่า" พูดจบเขาก็หันมาทางพ่อตาของ
เขา "หมู่นี้ผมทำางานมากไปหน่อย กะปำ้ากะเป๋ออย่างไรชอบกล เมื่อสอง
สามวันนี้ไปสอนพิเศษนักเรียนแพทย์ที่ศิริราชผ่าตัดไส้ติ่งคนไข้ชายรายหนึ่ง
ผมลืมคีมกับตะไกรไว้ในท้องคนไข้ถึงสองเล่ม ต้องผ่าอีกครั้งขายหน้าลูก
ศิษย์เหลือเกิน"
ท่านเจ้าคุณ หัวเราะหึ ๆ "แกเป็นหมอที่เก่งมาก แต่พ่อได้ตั้งปณิธานไว้แล้ว
ว่า ถ้าพ่อล้มเจ็บลงด้วยโรคอะไรก็ตาม พ่อจะไม่ยอมให้แกรักษาพ่อเป็นอัน
ขาด โดยเฉพาะเรื่องผ่าตัดไม่ยอมแน่นอน กลัวว่าแกจะลืมเครื่องมือผ่าตัด
ทั้งชุดไว้ในท้องพ่อ"
กิมหงวน ยิ้มให้ นายแพทย์หนุ่ม "ถ้าแกรู้ว่าแกเป็นคนขี้ลืม ทีหลังเวลาผ่าตัด
คนไข้ละก้อทำาซิปรูดซีวะ ลืมอะไรก็ดึงซิปออกหรือคนไข้จำาเป็นจะต้องผ่าตัด
อีกก็ไม่ต้องผ่าตัดให้เสียเวลา จะดูตับไตไส้พุงในท้องดึงซิปแคว่กเดียวใช้ได้"
ดร. ดิเรก หัวเราะหึ ๆ "กันจำาได้ว่าที่ประเทศอินเดียคนไข้คนหนึ่งเป็นนักเลง
อันธพาล ถูกนักเลงด้วยกันตีศีรษะแตกบ่อย ๆ แล้วมาให้กันเย็บแผลให้
ตอนหลังกันขี้เกียจเย็บเลยติดกระดุมให้ ตั้งแต่นั้นมาหมอนั่นไม่เคยถูกใครตี
หัวแตกอีกเลย"
เจ้าแห้ว หัวเราะงอหาย "รับประทานเรื่องจริงหรือครับ คุณหมอ"
นายแพทย์หนุ่ม หันไปทำาตาเขียว "เดี๋ยวถีบตกเตียงเลย"
สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างพากันเดินเข้ามาหา เจ้าแห้ว ทุกคนต่างดีใจ
เมื่อแลเห็น เจ้าแห้ว พ้นอันตรายแล้ว เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวถามดิเรก อย่าง
เป็นงานเป็นการว่า "ถามจริง ๆ เถอะวะ ดิเรก แกฉีดนีโอให้ อ้ายแห้ว จริง ๆ
หรือ"
ดร. ดิเรก อมยิ้ม "หมออย่างผมไม่เผลอเรอถึงอย่างนั้นหรอกครับ นีโอน่ะผม
ฉีดให้คนไข้เพื่อนบ้านของเราคนหนึ่งที่มาหาเมื่อตอนบ่าย ส่วนอ้ายแห้ว ผม
ฉีดอาแทบรินให้มัน"
เจ้าแห้ว ถอนหายใจโล่งอก "รับประทานสิ้นเคราะห์ไปที ผมเองรับประทาน
ไม่เคยซุกซนเลย"
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง พลกระดิกนิ้วมือขวาเป็นความหมายให้ เจ้า
แห้ว ลุกขึ้นนั่ง แล้วเขาก็กล่าวถาม เจ้าแห้ว อย่างเป็นงานเป็นการ
"เล่าเรื่องพระพุทธรูปทองคำาที่แกได้มาให้พวกเราฟังหน่อยเถอะวะ แกได้มา
จากกรุไหน"
"รับประทานกรุใต้พระที่นั่งสิงหนาถครับ"
สี่สหาย พากันมองดูหน้า เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ท่านเจ้าคุณ ยิ้มเล็กน้อยแล้ว
กล่าวว่า
"ไม่เคยได้ยินชื่อพระที่นั่งนี้เลย"
"รับประทานถูกแล้วครับ น้อยคนนักที่จะรู้จักพระที่นั่งนี้ คนโดยมากเข้าใจว่า
เป็นวัดร้างวัดหนึ่งในบริเวณพระราชวังโบราณ พระปรางค์ใหญ่ที่เอียงกระเท่เร่
จะพังอยู่แล้วไม่มีความหมายแก่ใคร นอกจากเป็นของเก่าสำาหรับผู้สนใจใน
โบราณคดี รับประทานความจริงใต้พระปรางค์นั้นมีช่องทางตรงไปยังพระที่นั่ง
สิงหนาถ ซึ่งพระที่นั่งสิงหนาถถูกพม่ารับประทานเผาเสียหมดเหลือแต่เสาไม่
กี่ต้นเลย ไม่มีใครรู้ว่าที่นั้นคือพระที่นั่งอันอันเป็นที่เสด็จออกขุนนางของ
พระที่นั่งสุริยามรินทร์"
อาเสี่ยกิมหงวน ยิ้มให้ เจ้าแห้ว
"แกรู้เรื่องดีนี่หว่า"

"รับประทานผมรู้จาก พี่จอน หรอกครับ       รับประทาน พี่จอน แกปั่นสามล้ออยู่ที่
นั่นเมื่อก่อนนี้รับประทานแกเคยเป็นผู้กว้างขวางอยู่ในกรุงเทพ ฯ รับประทาน
เคยสูบกัญชาร่วมก๊วนเดียวกับผมครับ พี่จอนเป็นคนจริงคนหนึ่งแต่เป็นคน
เรียบร้อย ท่าทางแหย ๆ เหมือนกับไม่สู้คน รับประทานยุคอันธพาลถูก
กวาดล้างทำาให้ พี่จอนต้องเผ่นไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่อยุธยาครับ ผมไปพบ
พี่จอน โดยบังเอิญ รับประทาน พี่จอนแกชวนผมไปสืบหาพระปรางค์เก่าองค์
นั้นซึ่งแกฝันว่ามีผีไปบอกแกครับ บังเอิญเราหาพบ ผมกับ พี่จอน ก็ลงไป
ใต้ดินจนไปถึงใต้พื้นพระที่นั่งสิงหนาถ บรื๊อว์....พูดแล้วขนลุกซู่เลยครับ รับ
ประทานดูแขนผมซีครับ ขนลุกตั้งชันหมด"
นิกร ยกมือเขกกบาล เจ้าแห้ว เบา ๆ

"เรื่องขนลุกมันนอกประเด็นโว้ย    เล่าต่อไปเถอะ"

เจ้าแห้ว ทำาท่าขนลุกขนพองสยองเกล้า

"รับประทานผมกับ พี่จอน มีไฟฟ้าเดินทางไปคนละดวงครับ เราได้พบทรัพย์
สมบัติอันมากมายซ่อนอยู่ในกรุใต้ดินนั้น โอย-รับประทานพูดแล้วเหมือนโกหก
ครับ หีบใบหนึ่งมีเพชรเต็มหีบเลยครับ เพชรลูกทั้งนั้น ทำาเป็นสร้อยคอส
ร้อยข้อมือจี้เพชร ทับทิมยังงี้ มรกตยังงี้เป็นเข่ง ๆ เอ๊ย เป็นหีบ ๆ เลยครับ
ทองคำาเป็นแท่ง ๆ เฉพาะที่เป็นสร้อยคอมากกว่าที่ร้านโต๊ะกังเสียอีก รับ
ประทานผมกับ พี่จอนเห็นแล้วแทบเป็นบ้า รับประทานกำาลังตกตะลึงในสมบัติ
อันมหาศาลเราก็ถูกผีหลอกครับ รับประทานผมกับพี่จอน โกยแน่บอย่างไม่
คิดชีวิต รับประทานผมคว้าพระพุทธรูปทองคำามาได้องค์หนึ่ง พี่จอนขยุ้ม
สายสร้อยมาได้ขยุ้มหนึ่ง"

"เฮ้-" ดิเรก ขัดขึ้น    "ผีที่แกว่าน่ะมันเป็นยังไง"

เจ้าแห้ว ยื่นแขนขวาให้ นายแพทย์หนุ่ม ดู

"ฮื่ย-รับประทานขนลุกอีกแล้ว        ดูซีครับ ซู่เลย"

ดร. ดิเรก หัวเราะหึ ๆ

"เดี๋ยวไอก็ยันเปรี้ยงเข้าเท่านั้นเอง    ถามเรื่องผีโว้ยไม่ได้ถามว่าขนลุกหรือ
เปล่า"

เจ้าแห้ว ยิ้มแห้ง ๆ

"รับประทานผีหรือครับ    อุ๊ย-ยังติดหูติดตาไม่หาย รับประทานมันมีแต่ศีรษะ
ครับ ศีรษะโตเท่าตุ่มนำ้าเห็นจะได้ มันลอยออกมาจากที่มืด แลบลิ้นยาว
เฟื้อยและกลอกนัยน์ตาไปมา โอ๊ย-รับประทานอีกตัวหนึ่งคอยาวตั้งวามันร้อง
คำารามว่ามันจะฆ่าผมกับ พี่จอน เดชะบุญคุณพระยังคุ้มครองอยู่นะครับเท่าที่
ผมกับ พี่จอนหนีออกมาได้ พอกลับไปถึงโรงแรมผมก็เป็นไข้และจดจำาอะไร
ไม่ได้ ส่วนพระพุทธรูปทองคำาผมห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ซ่อนไว้ในกระเป๋า
เสื้อผ้าของผม ไม่ได้ปริปากบอกให้ อ้ายชุ่ม รู้เรื่องนี้เลย"
พล ว่า "แต่ นายชุ่ม เขาก็ได้เห็นพระทองคำาองค์นี้แล้ว ขณะที่พวกเราช่วย
กันหามแกลงจากรถแท็กซี่เข้ามาในห้องนี"     ้
"หรือครับ โอ-รับประทานเห็นจะต้องเอาเงินปิดปากมันสักพันบาท ถ้ามันพูด
มากปากโป้งรับประทานตำารวจก็จะมาลากคอผมไปในฐานขโมยโบราณวัตถุ
รับประทานขี้เกียจติดตะรางครับ"
สี่สหาย มองดูหน้ากันและยิ้มให้กัน ดร. ดิเรก กล่าวขึ้นอย่างขบขัน

"กันเชื่อว่ากรุมหาสมบัติที่ เจ้าแห้ว เล่าให้ฟงนี้มีจริง แต่เรื่องที่มันถูกผีหลอก
                                             ั
กันไม่เชื่อเพราะผีไม่ใช่สสาร ไม่มีตัวตน"
"โธ่...." เจ้าแห้ว คราง "รับประทานผีจริง ๆ ครับ คุณหมอ"
"อิมพอสสิเบิ้ล" นายแพทย์หนุ่ม พูดยิ้ม ๆ พลางสั่นศีรษะ "นักวิทยาศาสตร์
ย่อมเห็นว่าผีเป็นเรื่องไร้สาระ แกกับเพื่อนของแกอาจจะตาฝาดไปหรือมิ
ฉะนันก็คงมีนักเลงดีลงไปซ่อนอยู่ในกรุนั้นก่อนแกเลยแกล้งทำาเป็นผีหลอกแก
     ้
กับเพื่อนแก"
เจ้าแห้ว ลืมตาโพลง
"รับประทานไม่เป็นไปได้อย่างนันหรอกครับ คุณหมอ รับประทานผมกับ พี่
                                ้
จอน ช่วยกันขุดพระปรางค์เข้าไปนะครับ รับประทานถ้ามีคนเข้าไปซ่อนอยู่
และแกล้งทำาเป็นผีหลอก รับประทานมันจะเข้าไปทางไหน"
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ว่า "ก็ถ้าเพื่อมันมีทางเข้าทางอื่นล่ะหว่า"
"พี่จอน แกเพียรหาทางเข้ามาหลายเดือนแล้วครับ     รับประทานแกรับรองว่า
ไม่มีทางเข้าทางอื่นเลย รับประทานผีแน่ ๆ ครับ ถ้าคนทำาเป็นผีมันจะทำา
ลวดลายคอยืดคอยาวถึงอย่างนั้นไม่ได้ บรื๊อว์ รับประทานขนลุกอีกแล้ว ผม
คิดว่าผีพวกขุนนางนายทหารสมัยโบราณแน่ ๆ เชียวครับ อุ๊ย....ไม่ถึงกับจับไข้
หัวโกร๋นก็เป็นบุญนักหนา"
ท่านเจ้าคุณ ยกมือขวาเขกกบาล เจ้าแห้ว เต็มเหนี่ยว "นีแน่ะหัวโกร๋น"
                                                    ่

สี่สหาย หัวเราะครืน เจ้าแห้วสูดปากลั่น ศีรษะปูดโปนขึนมาขนาดผลมะนาว
                                                       ้
ดร. ดิเรก ยืนยันกับเพื่อนเกลอของเขาว่าผีไม่มีแน่นอน นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อ
เสียงทั่วโลกได้พิสูจน์แล้วว่าผีเป็นเรื่องเหลวไหลหลอกให้เชื่อถือได้ก็เฉพาะ
เด็กหรือคนโง่

เรื่องกรุมหาสมบัตินี้หรือสมบัติปีศาจรายนี้ อาเสี่ยกิมหงวนของเรามีความ
สนใจมากกว่าเพื่อน เขายิ้มให้กับ เจ้าแห้ว แล้วกล่าวว่า

"ตอนที่แกหนีออกมาจากพระปรางค์นั้น        แกกับ นายจอน ได้ช่วยกันปิดทางลง
ไปหรือเปล่า"

"รับประทานไม่ได้ปิดหรอกครับ   แต่รับรองว่าไม่มีใครเห็นแน่นอน เพราะต้อง
มุดเข้าไปในช่องเล็ก ๆ ใต้พระปรางค์จึงจะถึงช่องทางเข้าไปสู่กรุมหาสมบัติ
รับประทานรอบ ๆ พระปรางค์นั้นมีต้นหญ้าคาขึ้นสูงท่วมหัว"

"ดีแล้ว อ้ายแห้ว ถ้าอย่างนั้นอีกสองสามวันพอให้แกแข็งแรงดีแล้วเตรียมตัว
ไปอยุธยากับพวกเรา เราจะให้แกเป็นคนนำาทางซึ่งเราจะไปสมทบกับ นาย
จอนเพื่อนของแกอีกคนหนึ่ง สมบัติอันมหาศาลในกรุนั้นเราจะเอามาแบ่งกัน
ให้เท่า ๆ กันโดยยุติธรรม"

เจ้าแห้ว นัยน์ตาเหลือก

"โอ๊ย  รับประทานจะให้ผมไปที่กรุนั้นอีก....ไม่ไหวล่ะครับ ขืนไปอีกครั้งคง
ดีฝ่อตายแน่หรือไม่ก็จับไข้ผมร่วงหมดศีรษะ"

พล ยกมือชี้หน้า เจ้าแห้ว แล้วกล่าวขึ้นอย่างขู่บังคับ

"แกต้องไป อ้ายแห้ว      พวกเราไปด้วยแกจะต้องกลัวอะไร กันอยากจะรู้ความ
จริงในเรื่องสมบัติของกษัตริย์ขุนหลวงขี้เรื้อนและผีในกรุนั้น ถ้าไปแล้วไม่พบ
กรุที่กล่าวนี้พวกเราก็จะช่วยกันกระทืบแกคนละทีสองทีในฐานโกหก ถ้าได้พบ
กรุนี้แกก็จะได้เป็นเศรษฐีจากทรัพย์สมบัติเพชรนิลจินดาที่เราแบ่งให้แก พวก
เราสี่คน คุณอาคนหนึ่งเป็นห้า แกอีกคนเป็นหกและ นายจอนเป็นเจ็ดคน
ด้วยกัน ได้สมบัติมาเท่าไรเอา ๗ หาร การแบ่งอย่างนี้แกก็เห็นแล้วว่าเป็น
ไปด้วยความยุติธรรม"

อาเสี่ย ว่า "ถ้าไม่ไปเราก็ต้องใช้อำานาจบังคับให้แกไปกับเราให้ได้"
เจ้าแห้ว หัวเราะ

"รับประทานไม่ต้องบังคับหรอกครับ ลงแบ่งคนละส่วนเท่า ๆ กัน รับประทาน
ผมไปแหง แต่ว่ารับประทานถ้าถูกตำารวจจับได้จะว่ายังไงครับ"

นิกร พูดเสริมขึ้นอย่างหน้าตาย

"เราก็ติดตะรางเท่า ๆ กัน อย่างมากก็คนละสามปีเท่านั้น คนมีเงินอย่างพวก
เราถึงติดคุกก็คงไม่ลำาบากหรอกวะ"

"รับประทานถูกแล้วครับ      เจ้านายน่ะมีเงินแต่ผมไม่ม"
                                                    ี

ดร. ดิเรก หัวเราะชอบใจ

"กันรับรองว่าถึงอย่างไรก็ไม่ติดตะราง กันเป็นอภิสิทธิ์ชนโว้ยเป็นนัก
วิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ กันมีหนังสือสำาคัญของรัฐบาลออก
ให้ อนุญาติให้กันและผู้ติดตามล่วงลำ้าเข้าไปในเขตหวงห้ามได้ทุกแห่ง
นอกจากนี้ในหนังสือยังระบุว่าให้ข้าราชการทุกคนช่วยเหลือกันตามที่กันขอร้อง
เท่าที่จะช่วยได้"

เจ้าแห้ว ยิ้มออกมาได้

"รับประทานยังงี้ก๊อหวานน่ะซีครับ  แต่ถาตำารวจรับประทานแลเห็นเรากำาลังขน
                                      ้
สมบัติโบราณขึ้นรถหรือกำาลังลำาเลียงเอามากรุงเทพ ฯ ล่ะครับ"

นายแพทย์หนุ่ม ยักไหล่แล้วแบมือ

"ไม่สำาคัญ  กันก็จะบอกเขาว่ากันกำาลังจะนำาไปให้กรมศิลปากร เชื่อเถอะน่า
ไม่มีใครกล้าจับ ด๊อกเตอร์ดิเรกหรอกวะ กองทัพไทยและประเทศไทยเป็นหนี้
บุญคุณกันไม่น้อย"

เจ้าแห้ว ถามว่า "รับประทานเราจะไปกันเมื่อไรล่ะครับ"

เสี่ยหงวน ตอบทันที

"มะรืนนี้ เราจะออกเดินทางโดยรถยนตร์ของเราในเวลา ๕ โมงเย็น กะไปถึง
อยุธยาพลบคำ่าและไปกินข้าวเย็นกันที่นั่นและระหว่างที่เรากินข้าวกัน ก็ให้แก
เอารถไปรับ นายจอน มาพบกับเรา นายจอนเขาคงยินดีร่วมงานกับพวกเรา
ไม่ใช่หรือ"

เจ้าแห้ว นิงคิดสักครู่
           ่
"รับประทานถ้าได้ส่วนแบ่งคนละส่วน   พี่จอน แกคงไม่ขัดข้องหรอกครับ เรื่อง
คุกตะราง พี่จอน แกก็ไม่กลัว แกติดมาหลายหนแล้วครับ รับประทานติดเสีย
จนผู้คุมเขาบอกว่าให้พยายามอยู่นอกคุกเสียบ้าง"

เสี่ยหงวน หัวเราะชอบใจ

"พรุ่งนี้และมะรืนนี้ แกนอนพักผ่อนเอาแรงเสียสองวัน จำาไว้ว่าถ้าเราได้พบกรุ
มหาสมบัตินี้เราจะรำ่ารวยไปตามกัน"

เจ้าแห้ว ว่า "ทุกวันนี้รับประทาน อาเสี่ยก็มีเงินอยู่มากมายแล้วจะกอบโกยเอา
เงินทองมาทำาไมอีกครับ"

อาเสี่ย ชักฉิว

"แกล่ะมันเป็นเสียอย่างนี้ แกช่างไม่รู้เสียบ้างเลยว่าคนเราน่ะยิ่งรวยก็ยิ่งโลภ
คนที่ถือสันโดษหรือพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่แล้วก็คือคนจนหรือผู้ที่มีฐานะปาน
กลาง ผู้ที่เป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐีอย่างข้าร้อยทั้งร้อยแหละวะ อ้ายแห้ว
ล้วนแต่โลภโมโทสันมีแต่ความหิวเงินตลอดเวลา ทั้งที่มีอยู่แล้วใช้ไปจนชั่ว
ลูกหลานเหลนก็ไม่หมดมันก็อดโลภไม่ได้"

เจ้าแห้ว หัวเราะ

"นั่นน่ะซีครับ   รับประทานเงินมันถึงหายไปหมด คนไม่กี่คนเอาเงินไปเก็บไว้
หมด"

"จริงว่ะ" เสี่ยหงวน เห็นพ้องด้วย "ข้าเองเพียงแต่เก็บไว้ที่บ้านนี้ก็ตั้ง ๓๐ กว่า
ล้านแล้ว ถ้าเอาเงินมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมหรือค้าขายเงินมันก็หมุนเวียน
และช่วยให้คนไทยได้งานทำาอีกมาก แต่นั่นแหละโว้ย ไม่มีเศรษฐีคนไหน
หรอกวะที่อยากเสี่ยง เก็บเงินไว้เฉย ๆ ดีกว่า อ้า-เรื่องไปอยุธยาเหลวไม่ได้
นะอ้ายแห้ว มะรืนนี้ออกเดินทางโดยรถยนตร์ของเราบ่าย ๕ โมง"

"ครับ    รับประทานไม่เหลวหรอกครับ"

พล ยิ้มให้ นายแพทย์หนุ่ม แล้วกล่าวว่า

"แกเตรียมเครื่องมืองัดแงะที่ทันสมัยเอาไปบ้างนะหมอ"

"ออไร๋  มีถมเถไป เครื่องมือของกันแต่ละชิ้นถึงตำารวจจับได้ก็ดูไม่รู้ว่าอะไร
เป็นอะไร เรื่องตำารวจไม่ต้องวิตก มีทางแก้ตัวได้"

นิกรว่า "แต่เรื่องที่น่าวิตกก็คือเรื่องผีในกรุใต้พระที่นั่งนั้นว่ะ กันบอกตามตรง
ว่า ผีกับกันน่ะไม่ใคร่ถูกโรคกันเลย"
เจ้าแห้ว เห็นพ้องด้วย

"รับประทานเหมือนกับผมแหละครับ ในโลกนี้รับประทานผมกลัวอยู่สองอย่าง
เท่านั้น คือ คุณหญิง กับผี"

เสียงหัวเราะดังลั่นห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พลเงื้อมือขึ้นทำาท่าเหมือนกับจะ
ตบหน้า เจ้าแห้ว แล้วเขาก็พูดพลางหัวเราะพลาง

"แกเอาคุณแม่ของข้าเข้าอันดับกับผีเชียวหรือ"

เจ้าแห้ว ยกมือไหว้ปะหลก ๆ

"รับประทานไม่ใช่อย่างนั้นครับ    ผมพูดให้ฟังอย่างจริงใจ ในโลกนี้รับประทาน
ผมกลัวท่านกับผีเท่านั้น"

"แล้วแกไม่กลัวฉันหรือ"

"รับประทานกลัวน่ะกลัวครับ     แต่ไม่ถึงขีดสุด"

พล เขกกบาล เจ้าแห้ว เบา ๆ คณะพรรคสี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่าง
โล่งใจแล้วที่ เจ้าแห้ว หายป่วยอย่างรวดเร็ว ดร. ดิเรก ชีแจงให้ฟังว่า เจ้าแห้ว
                                                       ้
คงจะรับเชื้อมาเลเลียมาจากนครสวรรค์หรือชัยนาท เขารับรองว่ามะรืนนี้เจ้า
แห้ว จะแข็งแรงพอที่จะนำาทาง คณะพรรคสี่สหาย ไปขุดสมบัติของพระที่นั่งสุริ
ยามรินทร์ได้

อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างตกลงกันว่าจะปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ยอม
เปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั่ง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ คุณหญิงวาด และ สี่นาง

ตอนใกล้พลบคำ่าวันนั้นเอง คาดิลแล็คเก๋งคันงามของ อาเสี่ยกิมหงวน ก็พา สี่
สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ และ เจ้าแห้วมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอัน
เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง

อาเสี่ยกิมหงวน ทำาหน้าที่ขับรถคันนี้ โดยมี เจ้าคุณปัจจนึก ฯ และ เจ้าแห้วนั่ง
รวมอยู่ด้วย พล, นิกร และ ดร. ดิเรก นังอยู่ท้ายรถ ขณะที่รถแล่นข้ามสะพาน
                                      ่
ข้ามแม่นำ้า นายแพทย์หนุ่ม ได้ยกศอกขึ้นกระทุ้งหน้าอกนิกร แล้วกล่าวว่า

"เฮ้ย   ถึงกรุงเก่าแล้วโว้ย ตืนเสียที"
                              ่

นิกร ลืมตาขึ้นมองดูความมืดขมุกขมัวของโลก พอทำาท่าจะหลับต่อไป พลก็
ยกฝ่ามือผลักหน้าเต็มแรง

"นอนมาตั้งแต่ดอนเมืองแล้ว       พอที"

นายจอมทะเล้น อ้าปากหาวเสียงดังลั่นรถ
"ว้า-ถึงเร็วจังว่ะ   สัปปหงกไปหน่อยเดียวถึงแล้ว อ้ายเสี่ยนี่ขับรถยังกะไอพ่น"

เสี่ยหงวน หันมายิ้มให้ นิกร

"ย่องมาโว้ย      ชัวโมงละ ๔๐ ไมล์ เท่านั้น รถเมล์กี่คัน ๆ ขึ้นหน้าไปหมด"
                   ่

ขณะที่คาดิลแล็คเก๋งเข้าเขตหมู่บ้านอันหนาแน่นในย่านชุมนุมชน เจ้าแห้วก็
กล่าวกับ เสี่ยหงวน ว่า

"รับประทานอีกครึ่งกิโลเมตรรถเราจะผ่านบ้าน พี่จอนครับ    บ้านแกอยู่ริมถนน
ผมคิดว่าเรารับแกไปเสียเลยไม่ดีหรือครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนกลับมารับ
เพราะเราจะผ่านตลาดหัวรอไปเข้าพระราชวังโบราณด้านโน่นเลย"

เสี่ยหงวน เห็นพ้องด้วย

"เออ ดีเหมือนกัน       นายจอน เขาอยู่กับใครล่ะ"

"อยู่กับเพื่อนของเขาครับ      เป็นญาติห่าง ๆ กันด้วย"

อีกสักครู่ เจ้าแห้วก็บอกให้กิมหงวนหยุดรถหน้าบ้านหนึ่งซึ่งเป็นเรือนชั้นเดียว
แบบโบราณหลังเล็ก ๆ และมีไม้รวกกั้นเป็นบริเวณ

"เอ็งลงไปเจรจากับเขาซี" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวกับ เจ้าแห้ว      "อย่าพูดให้
ใครได้ยินน่ะ ถ้าจะให้ดีเรียกเขาออกมาพูดกันที่รถนี่ดีกว่า เรื่องนี้มันเป็น
ความลับเฉพาะเราจะให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นไม่ได้"

"ครับ รับประทานถ้ายังงันผมเรียก พีจอน ออกมาดีกว่านะครับ ได้เห็นรถเก๋ง
                       ้           ่
คันใหญ่ ๆ และเห็นเจ้านายเข้า พี่จอน แกจะได้เลื่อมใส"

เจ้าคุณ ช่วยเปิดประตูรถให้ เจ้าแห้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วลงไปจาก
รถ คณะพรรคสี่สหาย ต่างจุดบุหรี่สูบและสนทนากันเงียบ ๆ นิกร ปรารภว่า
ถึงเวลาอาหารคำ่าแล้ว จะขุดพระปรางค์หรือจะทำาอะไรก็ควรจะรับประทาน
อาหารเสียให้เรียบร้อยก่อน

เจ้าแห้ว หายเข้าไปในบ้านนั้นไม่ถง ๕ นาที ก็กลับออกมาอย่างร้อนรน เดิน
                                ึ
ตรงมาที่รถคาดิลแล็คเก๋งตามลำาพัง

"ไม่อยู่เรอะ" พล ถามอย่างเป็นงานเป็นการ

เจ้าแห้ว กลืนนำ้าลายเอื๊อก

"รับประทาน พี่จอน ตายเสียแล้วครับ"
"ฮ้า" ทุกคนอุทานขึ้นพร้อม ๆ กันราวกับนัดกันไว้ แล้ว เสี่ยหงวนก็กล่าวถาม
เจ้าแห้ว ทันที "ทำาไมถึงตายง่ายตายดายนัก เป็นโรคปัจจุบันตายหรือ"

เจ้าแห้ว ก้าวขึนมานั่งบนรถระหว่าง ท่านเจ้าคุณ กับ อาเสี่ยท่าทางของ เจ้า
               ้
แห้ว เต็มไปด้วยความประหวันพรั่นใจ
                           ่

"รับประทานผมคิดว่าเพื่อความปลอดภัยพวกเรากลับกรุงเทพ ฯ กันดีกว่าครับ
ขืนไปเป็นเจอดีแน่"

"ทำาไมวะ" เจ้าคุณ ถาม

"รับประทาน พี่จอน ถูกผีเฝ้าสมบัติตามมาหักคอครับ" เจ้าแห้วพูดเสียงสั่น
เครือแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ "รับประทาน พี่วิง เล่าให้ฟังว่า ในวันที่ผมกลับ
กรุงเทพ ฯ รับประทานตอน ๔ ทุ่ม คืนวันนัน พี่จอน นอนดินตึงตังอยู่ในห้อง"
                                        ้             ้

นิกร เผ่นพรวดขึ้นไปนั่งบนตัก พล แล้วกล่าวกับ เสี่ยหงวน

"ขะ-ขับ-ระ-รถไปเถอะ อ้ายหงวน             ยะ-หย่า-จะ-จอดตรงนี้เลย น่าเกลียด"

อาเสี่ยเห็นพ้องด้วยจึงเอื้อมมือเปิดสวิทซ์ไฟเครื่องยนตร์คาดิลแล็คเก๋งเคลื่อน
ออกจากที่ทันที แสงไฟหน้ารถส่องสว่างจ้าไปไกล

พล ผลัก นิกร ลงจากตักแล้วกล่าวกับ เจ้าแห้ว

"แล้วยังไง อ้ายแห้ว       เล่าต่อไปซิ"

"รับประทาน พี่วิง แกคิดว่า พี่จอน เป็นลมตกจากเตียง แกก็วิ่งไปที่ห้องพี่จอน
ครับ รับประทานเคาะประตูเรียกสักครู่แล้วก็รับประทานพังประตูเข้าไป แสง
ไฟฟ้าในห้องนอน พี่จอน ยังเปิดสว่าง รับประทาน พี่วิงแกแลเห็น พี่จอนนอน
ตายอยู่หน้าเตียงครับ รับประทานเจ้าหน้าที่เขาลงความเห็นว่า พี่จอนเป็นลม
ตายครับ ทั้ง ๆ ที่คอของ พี่จอน หมุนรอบได้และมีรอยเขียวชำ้ารอบคอ อืย..
..บรื๊อว์....รับประทานผมขนลุกอีกแล้ว"

นิกร กอด ดร. ดิเรก แน่น

"กลับกรุงเทพ ฯ เถอะโว้ยเรา   เจ้าของเขาหวงเราก็อย่าไปล่วงละเมิดใน
ทรัพย์สินของเขาเลย ถึงอย่างไรก็ขอให้มชีวิตอยู่เห็นสงครามโลกครั้งที่ ๓
                                       ี
เสียก่อน อีกไม่ช้ามันก็จะรบกันแล้ว"

ดร. ดิเรก จุย์ปากดุ นิกร
            ๊

"ยูขี้ขลาดไม่เข้าเรื่อง
                  นายจอนตายเพราะหัวใจวายหรือม่ายก็เกิดจากเส้น
โลหิตในสมองแตก ที่ เจ้าแห้วยืนยันว่าที่คอ นายจอน มีรอยเขียวชำ้าก็เพราะ
เลือดมันคั่ง กันเคยพบเห็นศพคนตายในลักษณะนี้มากต่อมากแล้ว เมื่อ
เดือนก่อนกรมตำารวจก็เชิญกันไปพิสูจน์ศพผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตำารวจสงสัยว่า
จะถูกบีบคอตาย แต่กันได้พิสูจน์ให้ตำารวจรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นตายเพราะเส้น
โลหิตในสมองแตก เรื่องผีปีศาจเป็นไปไม่ได้ อิมพอสสิเบิ้ล"

เจ้าแห้ว หันมาทางหลังรถแล้วยื่นแขนขวาให้ นายแพทย์หนุ่ม

"ดูซิครับ     รับประทานขนผมลุกอีกแล้ว"

นายแพทย์หนุ่ม จับมือ เจ้าแห้ว บิดทันที

"นี่แน่    แก่ขนลุกนัก อ้ายเปรต"

การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงชั่วขณะ นิกร กับ เจ้าแห้วเต็มไปด้วยความกลัวผี
ปีศาจ ส่วน อาเสี่ยหงวน ก็ชักจะรู้สึกอย่างนี้ เพราะตามปกติ อาเสี่ย ก็สังกัด
บริษัทตาแหกเหมือนกัน แต่บางขณะถ้าเกิดกล้าขึ้นมาแล้วต่อให้ผียกพวกมา
สัก ๑๐ ป่าช้า เขาก็ไม่กลัวสุดแล้วแต่เลือดลมของเขา

คณะพรรคสี่สหาย จอดรถแวะรับประทานอาหารแห่งหนึงหน้าตลาดหัวรอ
                                               ่
การรับประทานเป็นไปอย่างเงียบเหงา อาเสี่ยกิมหงวนพยายามดื่มเหล้าเกือบ
ค่อนขวดและยังซื้อวิสกี้ขวดกลางติดตัวไปหนึ่งขวด

ระหว่างที่นงรับประทานกันอยู่นั้น ชายชราชาวพืนเมืองคนหนึ่งได้นั่งมองดู
           ั่                               ้
คณะสี่สหาย อย่างชื่นชม แกไม่เคยเห็นใครสั่งเหล้าและอาหารมากมายอย่าง
นี้

นิกร สบตากับชายชราและยิ้มให้ชายชราบ่อย ๆ ในที่สุด นายจอมทะเล้น ก็
ลุกขึ้นเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับชายชรา

"ลุงจ๋า" นิกร กระซิบพูด"ลุงแก่แล้วเคยผ่านชีวิตมามากแล้ว      ฉันอยากจะ
ถามอะไรลุงสักหน่อยนะลุงนะ"

ชายชรา ยิ้มเจื่อน ๆ

"เรื่องอะไรครับคุณ"

นิกร มองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบถาม

"ผีน่ะมันมีจริงหรือเปล่าลุง    พวกเรากำาลังถกเถียงกัน บางคนก็ว่ามี บางคนก็
ว่าไม่ม"ี

"อ๋อ      ผีหรือครับ คุณว่ามันมีหรือเปล่าล่ะครับ"

"ฉันว่ามีแน่"
"ก็ถูกของคุณ       ผีไม่มี คนเราตายไปแล้วจะเป็นอะไร"

นิกร หน้าซีดเผือด

"นั่นน่ะซีลุง" เขาพูดเสียงละห้อยน่าสงสาร          "ผีต้องมีนะลุงนะ"

"ครับ   ผีก็คือคนที่ตายไปแล้ว แต่ร่างกายเน่าเปื่อยถูกฝังถูกเผาอันตรธานไป
คงเหลือแต่วิญญาณของเขาวนเวียนอยู่ บางทีก็มาสำาแดงร่างให้เราเห็น คน
เคราะห์ร้ายก็ถูกมันหลอกหลอนเอา แต่ถาเรามีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวมันถึงมัน
                                       ้
หลอกมันก็ทำาไมเราไม่ได้หรอกครับ อย่างผมยังงี้เกิดวันพฤหัส ฯ ซึ่งเป็นวันครู
ผีมันไม่ใคร่กล้าหลอกผม"

"อ้อ    แล้วตามปกติผีมันชอบหลอกคนวันอะไรละลุง"

"วันจันทร์ซีครับ    วันจันทร์เป็นวันที่อ่อนมาก"

นิกร สะดุ้งเฮือกเหมือนถูกเข็มแทง

"ตายห่า....ลุงจ๋า....ฉันเกิดวันจันทร์ซะด้วย"

ชายชรา หัวเราะหึ ๆ ในลำาคอ

"ก็แย่หน่อยครับ"

นายจอมทะเล้น หมดความสุขแล้ว เขานึกในใจว่าคืนนี้เขาอาจถูกผีหักคอตาย
ใต้พื้นพระที่นั่งสิงหนาถก็ได้

"ลุงจ๋า"

"ว่าไงครับ"

นิกร ยกมือไหว้เสียก่อนจึงกล่าวว่า

"ฉันคิดว่าลุงคงมีคาถากันผีไว้ป้องกันตัวเป็นแน่
                                             เพราะลุงแก่แล้ว อย่างไรก็
ต้องมีวิชาอาคมบ้าง ถ้าลุงมีก็ช่วยบอกฉันเอาบุญหน่อยเถอะลุง"

ชายชรา มองดูนิกร อย่างขบขัน นึกไม่ถึงว่า นิกร จะกลัวผีขนาดหนักถึงเช่นนี้

"ก็พอมีครับคุณ      ผมจะบอกให้คุณก็ได้"

"โอ-ดีทีเดียวลุงจ๋าฉันจะไม่ลืมพระคุณของลุงเลย ลุงทานเหล้าเสียหน่อย
นะ ดื่มโอเลี้ยงมันไม่เหมือนเหล้าหรอก ฉันจะสั่งเหล้ามาเลี้ยงลุง"
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ
สมบัติปิศาจ

More Related Content

What's hot

ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4krutew Sudarat
 
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยkadsara2020
 
พระเวสสันดร
พระเวสสันดรพระเวสสันดร
พระเวสสันดรkhaek
 
ผีตายซาก
ผีตายซากผีตายซาก
ผีตายซากtommy
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้องPanda Jing
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยtommy
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2krutew Sudarat
 
สามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวสามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวtommy
 
Daokana issue 2
Daokana issue 2Daokana issue 2
Daokana issue 2daokana
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1Panda Jing
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าวtommy
 
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีแรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีSutawari タン
 
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอtommy
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิงtommy
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2MilkOrapun
 
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์guest3494f08
 
ลุ้นรักพักร้อน
ลุ้นรักพักร้อนลุ้นรักพักร้อน
ลุ้นรักพักร้อนAnuchida Whantae
 

What's hot (17)

ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4ไพรมหากาฬ4
ไพรมหากาฬ4
 
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อยนิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
นิทานหรรษา เรื่อง..เงือกน้อย
 
พระเวสสันดร
พระเวสสันดรพระเวสสันดร
พระเวสสันดร
 
ผีตายซาก
ผีตายซากผีตายซาก
ผีตายซาก
 
สองพี่น้อง
สองพี่น้องสองพี่น้อง
สองพี่น้อง
 
เจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชยเจ้าพ่อเชย
เจ้าพ่อเชย
 
ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2ไพรมหากาฬ2
ไพรมหากาฬ2
 
สามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียวสามเกลอหนังเหนียว
สามเกลอหนังเหนียว
 
Daokana issue 2
Daokana issue 2Daokana issue 2
Daokana issue 2
 
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
ตัวอย่างหวานนักรักของซาตาน No.1
 
งูจ้าว
งูจ้าวงูจ้าว
งูจ้าว
 
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันทีแรงดึงดูด ฉุดฉันที
แรงดึงดูด ฉุดฉันที
 
ไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอไกรทองสองเกลอ
ไกรทองสองเกลอ
 
บ้านผีสิง
บ้านผีสิงบ้านผีสิง
บ้านผีสิง
 
งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2งานนำเสนอ2
งานนำเสนอ2
 
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์
พันธ์พนิต เมฆวิบูลย์
 
ลุ้นรักพักร้อน
ลุ้นรักพักร้อนลุ้นรักพักร้อน
ลุ้นรักพักร้อน
 

Viewers also liked

เย้ยพระยม
เย้ยพระยมเย้ยพระยม
เย้ยพระยมtommy
 
Go 38
Go 38Go 38
Go 38tommy
 
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3tommy
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรtommy
 
หมู่บ้านผีดิบ
หมู่บ้านผีดิบหมู่บ้านผีดิบ
หมู่บ้านผีดิบtommy
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นtommy
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผีtommy
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาtommy
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีtommy
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีtommy
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑tommy
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกtommy
 
ตั้งฮั่น
ตั้งฮั่นตั้งฮั่น
ตั้งฮั่นtommy
 

Viewers also liked (13)

เย้ยพระยม
เย้ยพระยมเย้ยพระยม
เย้ยพระยม
 
Go 38
Go 38Go 38
Go 38
 
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
 
หมู่บ้านผีดิบ
หมู่บ้านผีดิบหมู่บ้านผีดิบ
หมู่บ้านผีดิบ
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผี
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
 
ตั้งฮั่น
ตั้งฮั่นตั้งฮั่น
ตั้งฮั่น
 

More from tommy

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมtommy
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-tommy
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์tommy
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทยtommy
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิtommy
 
Rongse
RongseRongse
Rongsetommy
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์tommy
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยtommy
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบtommy
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตtommy
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยtommy
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลtommy
 
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่tommy
 
สี่แผ่นดิน
สี่แผ่นดินสี่แผ่นดิน
สี่แผ่นดินtommy
 
Samkok01
Samkok01Samkok01
Samkok01tommy
 
36 กลยุทธิ์ชนะศึก
36 กลยุทธิ์ชนะศึก36 กลยุทธิ์ชนะศึก
36 กลยุทธิ์ชนะศึกtommy
 

More from tommy (16)

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทย
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิ
 
Rongse
RongseRongse
Rongse
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
 
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
ประกาศเปลี่ยนธรรมเนียมใหม่
 
สี่แผ่นดิน
สี่แผ่นดินสี่แผ่นดิน
สี่แผ่นดิน
 
Samkok01
Samkok01Samkok01
Samkok01
 
36 กลยุทธิ์ชนะศึก
36 กลยุทธิ์ชนะศึก36 กลยุทธิ์ชนะศึก
36 กลยุทธิ์ชนะศึก
 

สมบัติปิศาจ

  • 1. พล * นิกร * กิมหงวน สมบัติปีศาจ เจ้าแห้วหาโอกาสที่จะพบ คุณหญิงวาด มาตั้งแต่เช้าแล้วแต่ยังไม่มีจังหวะ ครั้นตอนบ่ายวันนัน เจ้าแห้ว ได้ยินเสียง คุณหญิงวาด หัวเราะร่วนอยู่ในห้อง ้ โถง เจ้าแห้ว ตัดสินใจเข้าไปพบท่านทันที คุณหญิงวาด กำาลังนั่งสนทนากับ เจ้าคุณ ของท่านอยู่บนโซฟาร์ เรื่องที่คุยกันก็คือเรื่องความหลังครั้งยังหนุ่ม สาว เจ้าแห้ว ทรุดตัวลงนั่งคลานเข้ามาหมอบกราบท่านทั้งสองแสดงความ เคารพอย่างสูงสุด คุณหญิงวาด พยักหน้าให้ เจ้าแห้ว แล้วถามยิ้ม ๆ "เอ็งเคยเขียนเพลงยาวให้ผู้หญิงไหมวะ อ้ายแห้ว" เจ้าแห้ว กลืนนำ้าลายเอื๊อก "รับประทานเมื่อตอนรุ่นหนุ่มเคยครั้งหนึ่งครับ ตอนนั้นรับประทานเราอยู่ที่บ้าน ถนนพญาไท" "เออ-แล้วยังไง" คุณหญิง ถามเสียงหัวเราะ "รับประทานผมติดสาวใช้ข้างบ้านเราครับ รับประทานผมเลยเขียนเพลงยาว ส่งให้หล่อน" คุณหญิง หัวเราะคิ๊ก "เพลงยาวของเอ็งว่ายังไงจำาได้บ้างไหม" "แฮ่ะ แฮ่ะ รับประทานจำาได้ตอนขึ้นต้นนิดเดียวครับ รับประทานมันเป็น เวลานานแล้ว อ้า....ขอเสี่ยงสารมาสมานมายเดียสมร ไอเลิฟยูเวอรี่มัชอย่า ตัดรอน ด้วยไอฟอลอินเลิฟยูไม่รู้วาย....รับประทานจำาได้แค่นี้ครับ" เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับ คุณหญิงวาด ต่างหัวเราะกันอย่างครื้นเครง คุณหญิง ยกมือชี้หน้า เจ้าคุณ ของท่านแล้วกล่าวว่า "อ้ายแห้ว มันยังมีคารมกวีดีกว่า เจ้า คุณ เสียอีก เดาะภาษาฝรั่งปนภาษาไทยโก้ไปเลย ของ เจ้าคุณ ขึนต้นก็ฟัง ้ ผะอึดผะอมเต็มทนแล้ว ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาหลายสิบปีดิฉันก็ยังจำาฝังใจ อย่างไม่มีลืม.....แม่วาด จ๋าเรียมรักนุชสุดกระสันต์ เหมือนกระต่ายตะกายจ้อง มองดวงจันทร์ ทุกคืนวันใจจะขาดสวาทรอน" แล้ว คุณหญิง ก็หัวเราะลั่น ท่านเจ้าคุณ ลอบค้อน คุณหญิง ของท่าน "ขายหน้า อ้ายแห้ว มันน่า เอา อะไรมาพูดก็ไม่รู้ช่างจดช่างจำาเสียจริงเชียว" คุณหญิง หัวเราะจนนำ้าหมากไหล "ก็ไม่จริงหรือคะ" แล้วท่านก็หันมาทาง เจ้าแห้ว "เอ็งเขียนเพลงยาวฉบับนั้น แล้วเอ็งส่งไปให้แม่คนนันเขาหรือเปล่า" ้ "รับประทานส่งซีครับ รับประทานผมพับเป็นนกแล้วร่อนข้ามรั้วไปให้" "เออ-ปัญญาดี แล้วหล่อนตอบหรือเปล่า" "ตอบครับ รับประทานหล่อนใช้กระดาษเพลงยาวของผมห่อก้อนอิฐแล้วโยน ข้ามรั้วมา รับประทานหล่นกลางศีรษะผมพอดี ตั้งแต่นนเลยเลิกติดต่อกัน" ั้ เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ กับ คุณหญิงวาด ต่างหัวเราะขึ้นพร้อม ๆ กัน คุณหญิง กล่าวกับ เจ้าคุณ ว่า
  • 2. "สมัยก่อนเขาฝากรักกันด้วยเพลงยาว แสดงให้เห็นว่าหนุ่มสาวสมัยนันมีพื้น ้ ฐานการกวีด้วยกันทั้งนั้น แต่สมัยนี้ร้อยกรองไม่จำาเป็นเสียแล้ว พอเห็นกันเข้า ถูกใจกันก็ยิ้มให้กันและพูดกันเลย" "ถูกแล้ว คุณหญิง สมัยนิวเคลียร์มนุษย์ต้องทำาทุกสิ่งทุกอย่างให้รวดเร็วฉับ พลัน ขืนงุ่มง่ามล่าช้าก็ไม่ทนเขา หนุ่มสาวสมัยนี้รู้จักกันเดี๋ยวเดียวขอความรัก ั กันแล้วและรักกันไม่ทันไรฝ่ายผู้หญิงเกิดอยากกินของเปรี้ยว เช่น มะดัน, มะยม, ส้มมะขามหรือดินสอพอง ทำาให้ผู้ชายวิ่งวุนรีบแต่งงานกัน ฉันว่ารักกัน ่ แบบสายฟ้าแลบอย่างนี้ดีเหมือนกัน มีลูกทันใช้ลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวพ่อแม่ ยังไม่ทันจะแก่ สมัยเรามันใช้เกวียนเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องบินไอพ่นมันผิดกัน" คุณหญิงวาด เอื้อมมือหยิบหมากและพลูในพานหมากใส่ปากเคี้ยว พอสบตา เจ้าแห้ว ท่านก็ถามว่า "เอ็งมีธุระอะไรหรือ อยู่ ๆ ก็เข้ามากราบข้าหรือจะขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าก็ ว่ามา" เจ้าแห้ว ยิ้มอาย ๆ "รับประทานเรื่องการเงินผมไม่เดือดร้อนหรอกครับ เดือน หนึ่ง ๆ ได้ทิปจากเจ้านายไม่ตำ่ากว่าสองสามพัน รับประทานผมอยากจะขอ ความกรุณาลาหยุดพักร้อนสัก ๑๐ วัน ครับ" คุณหญิงวาด สะดุ้งโหยงคล้ายถูกเข็มแทง "เอ็งจะลาหยุดพักร้อน....หน็อยแน่ ขนาดขีข้าอย่างเอ็งก็มีการหยุดพักร้อนด้วย ้ หรือวะ" เจ้าแห้ว ยิ้มแห้ง ๆ "รับประทานสมัยนี้กรรมกรมีความหมายแล้วนะครับ รับประทานอย่างผมก็เรียก ว่ากรรมกรคนหนึ่ง ควรจะมีสิทธิ์ได้ลาหยุดพักร้อนเช่นเดียวกับข้าราชการ" เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ชักฉิว "ถ้าเช่นนั้นมึงลาออกไปได้เลย อ้ายแห้ว ลงถือว่าตัว ของมึงมีความสำาคัญแล้วมึงก็ไปอยู่ที่อื่นได้ ไม่ต้องลาหยุดพักร้อนหรอก ลา ตลอดกาลได้เลย" "ปู้โธ่" เจ้าแห้ว คราง "รับประทานใต้เท้าช่างไม่เห็นความซื่อสัตย์กตัญญูของ กระผมบ้างเลย กระผมเป็นขี้ข้ารับใช้มานานแล้ว รับประทานไม่เคยได้หยุด งานแม้แต่วันเดียว วันโกน วันพระ วันเสาร์ วันอาทิตย์ ไม่มีทั้งนั้น ดึกดื่น เที่ยงคืนกริ่งเรียก รับประทานผมก็ลุกขึ้นมารับใช้พระเดชพระคุณเจ้านายทั้ง หลาย" คราวนี้ คุณหญิงวาด ชักเห็นใจ เจ้าแห้ว "จริงของมัน เจ้าคุณ อ้ายแห้ว มัน เหมือนกับกระโถนท้องพระโรงใคร ๆ เรียกใช้แต่ อ้ายแห้ว อย่าไปโกรธเคือง มันเลยค่ะ ให้มันหยุดพักผ่อนเสียบ้าง" แล้ว คุณหญิงวาด ก็หันมาถาม เจ้า แห้ว "เอ็งจะไปไหนวะ อ้ายแห้ว ถ้าหากว่าข้าอนุญาติให้หยุดพักร้อน ๑๐ วัน" เจ้าแห้ว ดีใจอย่างยิ่ง "รับประทานยังไม่แน่ครับ บางทีก็จะไปตากอากาศ หัวหินสักสี่ห้าวัน แต่วารับประทานต้องไปติดต่อกับกองโรงแรมบ้านพักและรถ ่ เสบียงที่การรถไฟก่อนครับ รับประทานขณะนี้เป็นฤดูตากอากาศ ห้องพักที่ หัวหินอาจจะไม่ว่าง รับประทานถ้าไม่ได้ไปหัวหินผมกับเพื่อนก็อาจจะไปเที่ยว ทัศนาจรเชียงใหม่หรือที่ไหนก็ได้"
  • 3. คุณหญิงวาด ทำาตาปริบ ๆ "เอ็งมีความเป็นอยู่เหมือนกับลูกเจ้าคุณอะไรคน หนึ่ง ดูช่างสุขสบายเสียจริง เอาเถอะ ข้าอนุญาติให้เอ็งหยุดงานได้ตั้งแต่ พรุ่งนี้เป็นต้นไป จะไปเที่ยวไหนก็ไป ข้าจะให้เงินเอ็งเป็นพิเศษ ๑,๐๐๐ บาท ไปบอก แม่นัน เขาว่าข้าสั่งจ่ายเงินจำานวนนี้ให้เอ็ง" เจ้าแห้ว ตื่นเต้นแปลกใจเหลือที่จะกล่าว เขานึกไม่ถึงว่าคุณหญิงวาด จะใจดี ต่อเขามากมายเช่นนี้ เขาก้มลงกราบแทบเท้า เจ้าคุณ และ คุณหญิงวาด อีก ครั้งหนึ่ง "รับประทานเป็นพระคุณหาที่สุดมิได้ครับ กระผมขอพักร้อนเพียง ๑๐ วัน เท่านั้น" พูดจบ เจ้าแห้ว ก็ลุกขึ้นเดินยิ้มกริ่มออกไปจากห้องโถงของบ้าน "พัช ราภรณ์" เพราะ เจ้าแห้ว ลาพักร้อน คณะพรรคสี่สหาย และเมีย ๆ ของเขาตลอดจน ท่านผู้ใหญ่จึงรู้สึกขลุกขลักในบางสิ่งบางอย่างเข้าทำานองแกงจืดจึงรู้คุณเกลือ ไม่มีสาวใช้หรือคนใช้คนไหนที่จะเจียนหมากพลูให้ คุณหญิงวาด ดีเหมือน เจ้า แห้ว เพราะ เจ้าแห้ว รู้ว่า คุณหญิงวาด กินปูนมากและต้องใส่พิมเสนลงไปใน พลูนิดหน่อย ส่วนหมากดิบก็ต้องผ่าชิ้นโต ๆ ลูกหนึ่งผ่าสี่ชิ้น เจ้าคุณ ประสิทธิ์ ฯ เคยดื่มโอยัวะขนาดขมเหมือนยาดำา ยายอิ่ม ชงให้อ่อนเกินไปไม่ ถูกใจท่านเลย เจ้าคุณปัจจนึก ฯ บ่นพึมพำาในเรื่องรองเท้าของท่าน ใครขัด ให้ก็ไม่ถูกใจเหมือน เจ้าแห้ว สีนางก็พลอยวุ่นวายไปหลายอย่างเมื่อไม่มี เจ้า ่ แห้ว ส่วน สี่สหายของเราแน่นอนแต่ละคนเคยเรียกใช้ เจ้าแห้ว ตลอดวัน เจ้าแห้วไม่อยู่ใช้คนอื่นทำาอะไรก็มักจะไม่ถูกความประสงค์ อย่างไรก็ตาม เจ้าแห้ว หายไปจากบ้าน "พัชราภรณ์" ได้เพียง ๕ วันเท่านั้น เขาก็กลับมาในตอนเย็นวันหนึ่ง ไม่ผิดอะไรกับลูกนกที่จากรังไปและกลับมาอย่างสะบักสะบอม เจ้าแห้วมา กับเพื่อนหนุ่มคนหนึ่ง เพื่อนของ เจ้าแห้ว มีลักษณะเหมือนสิงห์อมควัน ผอมโซแต่งกายสกปรก มอริสป้ายเหลืองคันหนึ่งนำา เจ้าแห้ว กับเพื่อนเข้ามา ในบ้าน "พัชราภรณ์" ซึ่งตามเวลาที่กล่าวนี้ สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ได้นั่ง ดื่มเหล้าสนทนากันเงียบ ๆ อยู่ที่เรือนต้นไม้หน้าตึกใหญ่ มอริสเก๋งแล่นมาหยุดที่หน้าเรือนต้นไม้พอดี สี่สหาย กับ ท่านเจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างมองออกไปนอกเรือนต้นไม้ พอแลเห็น เจ้าแห้ว ถูกเพื่อนประคองปีกลง จากรถ พล ก็แปลกใจ "เอ๊ะ อ้ายแห้ว ไม่สบายกลับมานี่หว่า" ทุกคนต่างลุกขึ้นพากันออกไปจากเรือนต้นไม้ทันที ดร. ดิเรก ปราดเข้ามาหา เจ้าแห้ว แล้วกล่าวถามเพื่อนเกลอ เจ้าแห้ว "ไปยังไงมายังไงกันน้องชาย" สิงห์อมควัน ยิ้มแห้ง ๆ "ผมกับ แห้ว เพิ่งมาจากอยุธยาครับ" "แล้ว เจ้าแห้ว เป็นอะไรไป" ดร. ดิเรก ถามอย่างห่วงใย "เป็นไข้ครับ แกเพ้อตลอดเวลา พูดถึงเรื่องผีสางและเรื่องที่ไม่เป็นสาระ ผมพยายามหอบหิ้ว นายแห้ว ขึ้นรถพิษณุโลกที่อยุธยามาลงที่หัวลำาโพงแล้ว ขึ้นแท็กซี่มานี่ครับ"
  • 4. เสี่ยหงวนบอกคนขับรถให้วางกระเป๋าเสื้อผ้าสองกระเป๋าลงข้างถนนแล้วล้วง กระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละร้อยบาทฉบับหนึ่งออกมาส่งให้คนขับรถ ต่อจาก นั้น ดร. ดิเรก กับเพื่อนของ เจ้าแห้ว ก็ช่วยกันประคองปีก เจ้าแห้วขึ้นไปบนตึก เจ้าแห้ว มีหน้าตาซูบซีดร่วงโรยผิดปกติ ขอบตาลึกเขียวชำ้า ท่าทางของเขา เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นใจ เขาถูกนำาเข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ของ ดร. ดิเรก ซึ่งห้องนี้เป็นห้องปฐมพยาบาลด้วย สี่สหาย ช่วยกันอุ้ม เจ้าแห้ว ขึ้นนอนบนเตียงเหล็กอันทันสมัย ดร. ดิเรกเปิด เครื่องทำาความเย็นช่วยให้บรรยากาศในห้องทดลองเย็นสบายและมีอากาศ บริสุทธิ์ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ สัมภาษณ์เพื่อนของเจ้าแห้วทันที "เธอไปเที่ยวกับ เจ้าแห้ว มาหรือ" "ครับ เราออกจากกรุงเทพ ฯ ตอนเช้าวันจันทร์ไปเที่ยวปากนำ้าโพด้วยกัน ค้างปากนำ้าโพหนึ่งคืนแล้วขึ้นรถยนตร์มาชัยนาทพักแรมที่เขื่อนเจ้าพระยาอีก หนึ่งคืนครับ ออกจากชัยนาทมาตาคลีขึ้นรถไฟมาลงอยุธยาพักอยู่ที่โรงแรม หน้าตลาดหัวรอเที่ยววังโบราณกันครับ ผมไม่อาจจะเข้าใจได้ว่า นายแห้ว เขาไปเที่ยวอยุธยาทำาไมตอนกลางคืน เขาทิ้งผมไว้หายไปจนดึกดื่น เราพัก อยู่ที่อยุธยาได้สามคืน นายแห้วก็ล้มเจ็บอย่างกระทันหัน คนที่นั้นเขาว่า เจ้า แห้ว ถูกผีเข้าครับ นายแห้วเป็นไข้ตัวร้อนราวกับไฟเพ้อพูดถึงเรื่องผีสางเจ้า นายในสมัยอยุธยา บางทีก็แสดงท่าทางหวาดกลัวร้องเอะอะโวยวายลั่น โรงแรม" พล กล่าวขึ้นทันที "เธอพา เจ้าแห้ว ไปหาหมอหรือเปล่า" "พาไปครับ หมอเขาว่าพรรดึกมันทำาพิษและเกี่ยวกับปัตฆาตนิดหน่อย ผม เห็นท่าไม่ดีแน่ ก็เลยพา นายแห้ว กลับกรุงเทพ ฯ" สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างมองดูหน้ากัน ก่อนที่ใครจะพูดอะไร คุณ หญิงวาด ก็พา สี่นางบุกเข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์อย่างร้อนรนและ เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย คุณหญิง กำาลังเล่นไพ่กับเมีย ๆ ของ สี่สหาย อยู่ในห้องชั้นบน พอสาวใช้ขึ้นไปเรียนให้ท่านทราบว่า เจ้าแห้ว กลับมาบ้านและมาในสภาพของคนที่กำาลังเจ็บหนัก คุณหญิง ก็รีบพา สีนาง ่ และ ท่านเจ้าคุณ ลงมาเยี่ยม เจ้าแห้ว ด้วยความห่วงใย "ตายแล้ว อ้ายแห้ว เป็นอะไรไป พ่อดิเรก โถ-ชักกระตุกนัยน์ตาตั้งเหมือน หมาถูกยาเบื่อ" ดร. ดิเรก ตวาดแว็ด "ชักที่ไหนล่ะครับ ปู้โธ่" เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้น ใครต่อใครรุมกันซักถาม นายชุ่ม เพื่อนเกลอของ เจ้าแห้ว ซึ่ง ชุ่ม ก็ต้องเล่ารายละเอียดให้ฟังอีก แล้วให้ข้อคิดว่าเขาสงสัยว่า เจ้าแห้วคงจะร่วมคิดกับนักขับสามล้อที่อยุธยาคนหนึ่งไปขโมยขุดพระที่กรุใด กรุหนึ่งตามวัดร้างหรือตามพระที่นั่งเก่า ๆ เจ้าแห้ว จึงมีอันเป็นไปเช่นนี้ นาย ชุ่ม ยืนยันว่าตลอด ๓ คืนที่อยู่อยุธยาพอพลบคำ่า เจ้าแห้ว ก็หนีเขาไปกับนักขับ สามล้อในวัยกลางคนคนนั้น กลับมาถึงโรงแรมดึกมากไต่ถามก็ปิดบังไม่ยอม บอกความจริง จนกระทั่งล้มเจ็บลงอย่างกระทันหัน
  • 5. ขณะที่ ชุ่ม กำาลังเล่าให้ฟัง เจ้าแห้ว ก็มีอาการเพ้อคลั่งอีก เขาผุดลุกขึ้นนั่งขัด สมาธิบนเตียง ใบหน้าของ เจ้าแห้ว ถมึงทึงน่ากลัว นัยน์ตาวาวโรจน์กลอก ไปกลอกมา คุณหญิงวาด กับ สี่นาง ต่างถอยกรูด เจ้าแห้วยกกำาปั้นทุบ หน้าอกตัวเองแล้วเอ็ดตะโรลั่น "มึงบังอาจมาก อ้ายแห้ว มึงลอบเข้าไปในที่ ซ่อนมหาสมบัติของกู เพื่อจะขโมยเพชรนิลจินดาและทองคำาอันมหาศาลของ กู กูต้องฆ่ามึง อ้ายแห้ว กูคือ พระที่นั่งสุริยามรินทร์กษัตริย์องค์สุดท้ายของ อยุธยาถึงกูสิ้นชีวิตไปแล้ววิญญาณของกูก็ยังพิทักษ์รักษาราชทรัพย์ของกูอยู" ่ คุณหญิงวาด กับ สี่นาง อกสั่นขวัญแขวน รีบทรุดตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อย ประนมมือไหว้อดีตกษัตริย์ผู้เสียพระนครให้แก่พม่าข้าศึกทันที "ได้โปรดเถิดเพคะ" คุณหญิงวาด พูดระลำ่าระลัก "พระราชอาญาไม่พ้นเกล้า เจ้าแห้ว คนของหม่อมฉันคงทำาไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ ขอพระราชทาน อภัยโทษให้มันสักครั้งเถิดเพคะ แล้วหม่อมฉันจะตั้งเครื่องเซ่นสังเวยถวาย พระองค์" เจ้าแห้ว นังขัดสมาธิเต้นเร่า ๆ ่ "ข้าจะยกโทษให้ก็ต่อเมื่อ อ้ายแห้ว เอาพระทองคำาไปคืนข้า มันขโมยพระทอง คำาของข้ามาองค์หนึ่ง ทองคำาหนักถึง ๒๐๐ บาทอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของมัน" พล กล่าวถาม นายชุ่ม ทันที "กระเป๋า อ้ายแห้ว ใบไหน" "ลายตาหมากรุกสีเขียวนั่นแหละครับ" นายพัชราภรณ์ เดินเข้าไปที่ม้ายาวริมห้อง บนม้ายาวมีกระเป๋าเสื้อผ้าวางอยู่ สองใบ เขาจับกระเป๋าเสื้อผ้าของ เจ้าแห้วผลักลงนอนราบแล้วเปิดกระเป๋า ออกรื้อค้นเสื้อผ้าข้าวของในกระเป๋าอยู่สักครู่ก็หยิบห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ หนึ่งขึ้นมา เมื่อพลแก้กระดาษหนังสือพิมพ์ออกทุกคนก็แลเห็นพระพุทธรูป ทองคำาสุกปลั่งองค์หนึ่ง หน้าตักกว้างประมาณสามนิ้ว เป็นพระพุทธรูปนั่ง แบบเชียงแสนหล่อด้วยทองคำาธรรมชาติทั้งองค์ เสียง เจ้าแห้ว ร้องขึ้นอีก "เห็นไหม มันขโมยของข้ามา จงรีบนำาไปคืนข้า ณ ที่เดิมภายใน ๗ วันนี้ มิ ฉะนันข้าจะเอาชีวิต อ้ายแห้ว ไปเมืองผี" ้ กิมหงวนตื่นเต้นสนใจพระพุทธรูปทองคำาองค์นี้อย่างยิ่งและอยากจะได้ไว้เป็น กรรมสิทธิ์ อาเสี่ย หันมามองดู เจ้าแห้ว แล้วยกมือไหว้ เจ้าแห้ว อย่าง นอบน้อมเกรงกลัว "ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าขอซื้อพะย่ะค่ะ พระพุทธรูปองค์นี้สวยมาก" เจ้าแห้ว ตวาดแว็ด "ไม่ขายโว้ย กูเป็นกษัตริย์ ยังไม่ยากจนถึงกับจะต้อง ขายพระกินแล้วก็พระเจ้าซื้อขายกันได้เรอะ" "น่า ลูกช้างอยากได้นี่ครับ" อาเสี่ย ออด "ถ้าตกลงขายให้ลูกช้างเท่าใดลูก ช้างจะจ่ายเช็คให้แล้วให้ อ้ายแห้วเอาเช็คไปไว้ที่กรุของท่าน" เจ้าแห้ว ตะโกนลั่นห้อง "กูบอกว่าไม่ขายได้ยินไหม" อาเสี่ย ทำาคอย่น แล้วพูดเสียงอ่อย "ไม่ขายก็ไม่ขายต้องดุด้วย"
  • 6. เจ้าแห้วยืดคอเอียงหน้าไปมาเหมือนคนเป็นอัมพาตและแล้วก็ล้มลงนอนหงาย ชักกระตุกนัยน์ตาตั้ง คุณหญิงวาด กับ สี่นาง ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน คุณหญิง วาด ยกมือเขี่ยสะเอว นายแพทย์หนุ่ม เบา ๆ "พ่อดิเรก อาสงสัยว่า อ้ายแห้ว คงไปถูกยาเบื่อมาจากอยุธยาแน่ ๆ ลงกระตุก แหง่ก ๆ อย่างนี้ละก้อหมาถูกสะติ๊กนินยังไงยังงั้นทีเดียว" ดร. ดิเรก หัวเราะอย่างใจเย็นตามธรรมดาของนายแพทย์ทั้งหลาย "ไม่ใช่หรอกครับคุณอา ที่มันชักก็เพราะไข้ขึ้นสูงความร้อนในตัวมากเกินไปก็ ชักทุกราย ผมสงสัยว่าอ้ายแห้ว เป็นไข้มาเลเรียอย่างแรง แต่ว่าผมพอจะ ช่วยได้ อย่างช้าในครึ่งชั่งโมงนี้ เจ้าแห้ว จะปลอดภัย" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กับ เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ เดินเข้าไปหา พล พร้อม ๆ กันต่างคน ต่างอยากได้พระทองคำาองค์นี้ เสี่ยหงวน ปราดเข้าไปยืนข้างหลัง ท่านเจ้า คุณ ทั้งสองแล้วกล่าวว่า "ใครอย่าอมพระองค์นี้ไม่ได้นะครับ ผมจองไว้ก่อน" เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ ชักฉิว "จองยังไงวะของ อ้ายแห้ว มัน" "ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมจะพูดกับ เจ้าแห้ว ขอซื้อมัน" "อาก็อยากได้เหมือนกัน" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดโพล่งขึ้น พล ว่า "ถ้ายังงั้นก็ต้องรอให้ อ้ายแห้วหายเสียก่อนนะครับแล้วเปิดการประมูล ใครให้ราคาสูงก็เป็นของคนนั้น แต่ถ้าอ้ายแห้ว มันไม่ยอมขายกรรมสิทธิ์ พระทองคำาองค์นี้เป็นของ อ้ายแห้ว" นิกร กล่าวขึ้นอย่างเป็นงานเป็นการว่า "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ ขโมย วัตถุโบราณมีโทษทั้งปรับทั้งจำา ทางที่ดีเราอย่าแก่งแย่งผิดใจกันด้วย พระทองคำาองค์นี้เลยครับ ผมคิดว่าในกรุนั้นยังมีอีกหลายองค์ รอให้ อ้าย แห้วหายเสียก่อนแล้วเราไปขโมยขุดกรุนี้ดีกว่า ได้มาเท่าไรแล้วก็แบ่งกัน ถ้า เพลี่ยงพลำ้าถูกตำารวจจับได้เราก็ติดคุกร่วมกัน เกิดมาเป็นลูกผู้ชายก็ลองติด ตะรางดูบ้าง ใครไม่เอาก็ตามใจผมเอาแน่" เสี่ยหงวน ยิ้มแป้น "อั๊วเอาด้วยคนว่ะ กรุนี้คงมีเพชรนิลจินดามากมายและ เป็นกรุเร้นลับที่ยังไม่มีใครพบ แม้แต่เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ ฯ ก็คงไม่รู้อยู่ที่ไหน แต่ อ้ายแห้ว ต้องรู้แน่" นิกร หันมาทางพ่อตาของเขา "เอานะครับคุณพ่อ เราต้องขุดกรุ ขุนหลวงขี้ เรื้อน ให้ได้" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ยิ้มอาย ๆ "ตกลง" แล้วท่านก็หนมาทาง เจ้าคุณประสิทธิ์ ั ฯ "ร่วมมือกันนะเจ้าคุณ พอ อ้ายแห้ว หายยกพวกไปอยุธยาเลย" เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ สันศีรษะ "ผมเสมอนอกดีกว่า ติดตะรางเมื่อแก่ดูยังไงนะ ่ เจ้าคุณ นอกจากติดตะรางแล้วยังถูกถอดจากบรรดาศักดิ์ เบี้ยบำานาญก็อด" เจ้าแห้ว พรวดพราดลุกขึ้นนั่งแสดงสีหน้าโกรธแค้นทำาปากเบี้ยว นัยน์ตาถลน นำ้าลายฟูมปาก ยกมือขึ้นชี้หน้า คณะพรรคสี่สหาย "ชะ ชะ พวกมึงจะไป ขุดกรุมหาสมบัติของกู ลองดูซีกูจะเอาชีวิตให้หมดไม่ให้เหลือเลย" นิกร ยิ้มให้ เจ้าแห้ว "โธ่-เจ้าพ่อก้อ เราพูดเล่น ๆ หรอกครับ พวกผมล้วนแต่ เป็นเศรษฐีมีเงินตั้งเยอะแยะ จะต้องไปขโมยสมบัติเจ้าพ่อเอามาทำาอะไรอีก"
  • 7. "เออ พูดเล่นก็แล้วไป ถ้าพูดจริงกูจะเอาให้ตาย ฮึ่ม...กูนี่แหละ เจ้าพ่อขุน หลวงขี้เรื้อน กษัตริย์องค์สุดท้ายของพระนครศรีอยุธยาอย่าเชียวนะมึง เมื่อกูมี ชีวิตอยู่กูเป็นกษัตริย์ที่กระดูกขัดมันอยู่แล้วนะโว้ย" นิกร ยกมือไหว้ "ครับ ครับ ผมกลัวแล้วครับ" เจ้าแห้ว เอนตัวลงนอนต่อไป ดร. ดิเรก ขอร้องให้ทุก ๆ คนออกไปจากห้อง ของเขาเพื่อเขาจะได้ช่วยเหลือรักษา เจ้าแห้ว ต่อไป นายชุ่มถือโอกาส ลากลับ เสี่ยหงวน ขอร้องให้ นายชุ่ม ปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ซึ่งนาย ชุ่มก็รับคำาว่าเขาจะไม่เปิดเผยให้ผู้ใดทราบ เพราะถ้าเรื่องเข้าหูตำารวจ เจ้าแห้ว เพื่อนเกลอของเขาก็จะต้องมีธุระต้องไปติดตะรางในฐานขโมยโบราณวัตถุของ ชาติ จากการตรวจโลหิต ดร. ดิเรก ได้ค้นพบเชื้อมาเลเลียอยู่ในเม็ดโลหิตแดงของ เจ้าแห้ว เขาไม่มีความเชื่อถือในเรื่องภูตผีปีศาจหรือไสยศาสตร์ ดังนั้นเขา จึงรู้ว่าพิษไข้ทำาให้เจ้าแห้วเพ้อคลั่งไป เขารีบฉีดอาแทบรินให้ เจ้าแห้ว หนึ่งเข็มและใช้นำ้าเย็นลูบตัว เจ้าแห้ว ช่วยลดความร้อน อาการของ เจ้าแห้ว ดีขนตามลำาดับ ในชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง เจ้าแห้วก็รู้สึกตัวมีสติ ึ้ ปัญญามีความคิดอ่านและความทรงจำาเหมือนเดิม แต่เจ้าแห้วสึกอ่อนเพลีย มาก "นอนพักผ่อนเสียก่อน อ้ายแห้ว ไม่มีอะไรที่ยูจะต้องกังวล" เจ้าแห้ว ดื้อดึงลุกขึ้นนั่ง "มีซีครับ คุณหมอ รับประทานสิ่งที่ผมกังวลก็คือพระทองคำาของผม" "ออไร๋ ออไร๋ เจ้าพล นายของแกได้เก็บรักษาไว้ให้แกเรียบร้อยแล้ว" เจ้าแห้ว ยิ้มออกมาได้ แล้วเอนตัวลงนอนหงายในท่าสบาย "รับประทานถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย รับประทานผมเป็นอะไรไปครับ คุณ หมอ แล้วก็รับประทานผมมาจากอยุธยาได้อย่างไร" "แกเป็นไข้จับสั่น เพื่อนแกได้นำาแกมาจากอยุธยา แกปลอดภัยแล้ว โรค ของแกเป็นเรื่องเล็กสำาหรับหมอชั้นดีอย่างกัน อย่าว่าแต่แกเป็นมาเลเลียเลย ต่อให้แกถูกฟันคอขาดหิ้วคอมาหากันกันก็ช่วยต่อคอให้แกได้ อ้า-มหาดเล็ก ของท่านมหาราชาองค์หนึ่ง...." ดร. ดิเรก หยุดเล่าเมื่อ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ เดินนำาหน้าพา เสี่ยหงวนกับ พล นิกร เข้ามาในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ทุกคนหยุดชะงักมองไปที่เตียงคนไข้ พอ แลเห็นเจ้าแห้วนอนลืมตานิ่งเฉยโดยไม่กระพริบตา นิกร ก็หน้าเสีย "โธ่-ตายเสียแล้วหรือหมอ" เจ้าแห้ว รีบลุกขึ้นนั่งทันที "รับประทานยังครับ แฮ่ะ แฮ่ะ หายแล้วครับ ไม่ใช่ตาย มือชัน คุณหมอ รับประทานรักษาคนไข้ตายก็ไม่ใช่ คุณหมอดิเรก ้ เท่านั้น" นายแพทย์ดิเรก ยืดหน้าอกขึ้นในท่าเบ่ง "เรื่องเล็กว่ะ อ้ายแห้ว เป็นมาเลเลีย ไข้สูงมากก็เลยเพ้อ กันฉีดยาให้มนแล้ว ป่านนี้เชื้อมาเลเลียตายไปหมด ั แล้ว" เสี่ยหงวน หยิบหลอดยาฉีดหลอดหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพิจารณาดู หลอดยาหลอดนี้มีแต่หลอดเปล่า ๆ
  • 8. "หมอ หมอ โว้ย" "ยานี่นะหรือที่แกฉีดให้ อ้ายแห้ว" ่ "ออไร๋" "ยาอะไรวะ" เสี่ยหงวน ถามยิ้ม ๆ "ก็อาแทบรินน่ะซี อ่านไม่ออกหรือ" เสี่ยหงวน หัวเราะก้าก เดินเข้ามาหา พล กับ นิกร แล้วชูหลอดยาให้ดู นิกร เย็นวาบไปหมดทั้งตัวร้องตะโกนลั่น "อ้ายหมอ นีมันนีโอโว้ยไม่ใช่อาแทบริน" ่ นายแพทย์หนุ่ม เย็นวาบไปหมดทั้งตัว วิงเข้ามาหา สามสหาย แล้วแย่ง ่ หลอดยาฉีดไปพิจารณาดู เขาทำาท่าเหมือนจะเป็นลม "มายก๊อด....ฝรั่งหยิบ ยาผิดว่ะ กล่องมันอยู่ติด ๆ กัน ตายแน่" เจ้าแห้ว พูดเสริมขึ้นทันที "รับประทานไม่ตายหรอกครับ หายแล้ว แล้วก็รับ ประทานอย่างน้อยคุณหมอก็คงได้รู้ความจริงว่ายานีโอแก้โรคอ้ายพันอย่างว่า ฉีดแก้ไข้จับสั่นได้เด็ดขาดดีเหมือนกัน" ดร. ดิเรก ยกมือเกาศีรษะ "เอ-ถ้าอย่างนันยูไม่ได้เป็นมาเลเลียเสียแล้วล่ะ อ้าย ้ แห้วสงสัยว่าเชื้อซิฟิลิสขึ้นสมองมากกว่า" พูดจบเขาก็หันมาทางพ่อตาของ เขา "หมู่นี้ผมทำางานมากไปหน่อย กะปำ้ากะเป๋ออย่างไรชอบกล เมื่อสอง สามวันนี้ไปสอนพิเศษนักเรียนแพทย์ที่ศิริราชผ่าตัดไส้ติ่งคนไข้ชายรายหนึ่ง ผมลืมคีมกับตะไกรไว้ในท้องคนไข้ถึงสองเล่ม ต้องผ่าอีกครั้งขายหน้าลูก ศิษย์เหลือเกิน" ท่านเจ้าคุณ หัวเราะหึ ๆ "แกเป็นหมอที่เก่งมาก แต่พ่อได้ตั้งปณิธานไว้แล้ว ว่า ถ้าพ่อล้มเจ็บลงด้วยโรคอะไรก็ตาม พ่อจะไม่ยอมให้แกรักษาพ่อเป็นอัน ขาด โดยเฉพาะเรื่องผ่าตัดไม่ยอมแน่นอน กลัวว่าแกจะลืมเครื่องมือผ่าตัด ทั้งชุดไว้ในท้องพ่อ" กิมหงวน ยิ้มให้ นายแพทย์หนุ่ม "ถ้าแกรู้ว่าแกเป็นคนขี้ลืม ทีหลังเวลาผ่าตัด คนไข้ละก้อทำาซิปรูดซีวะ ลืมอะไรก็ดึงซิปออกหรือคนไข้จำาเป็นจะต้องผ่าตัด อีกก็ไม่ต้องผ่าตัดให้เสียเวลา จะดูตับไตไส้พุงในท้องดึงซิปแคว่กเดียวใช้ได้" ดร. ดิเรก หัวเราะหึ ๆ "กันจำาได้ว่าที่ประเทศอินเดียคนไข้คนหนึ่งเป็นนักเลง อันธพาล ถูกนักเลงด้วยกันตีศีรษะแตกบ่อย ๆ แล้วมาให้กันเย็บแผลให้ ตอนหลังกันขี้เกียจเย็บเลยติดกระดุมให้ ตั้งแต่นั้นมาหมอนั่นไม่เคยถูกใครตี หัวแตกอีกเลย" เจ้าแห้ว หัวเราะงอหาย "รับประทานเรื่องจริงหรือครับ คุณหมอ" นายแพทย์หนุ่ม หันไปทำาตาเขียว "เดี๋ยวถีบตกเตียงเลย" สี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่างพากันเดินเข้ามาหา เจ้าแห้ว ทุกคนต่างดีใจ เมื่อแลเห็น เจ้าแห้ว พ้นอันตรายแล้ว เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวถามดิเรก อย่าง เป็นงานเป็นการว่า "ถามจริง ๆ เถอะวะ ดิเรก แกฉีดนีโอให้ อ้ายแห้ว จริง ๆ หรือ" ดร. ดิเรก อมยิ้ม "หมออย่างผมไม่เผลอเรอถึงอย่างนั้นหรอกครับ นีโอน่ะผม ฉีดให้คนไข้เพื่อนบ้านของเราคนหนึ่งที่มาหาเมื่อตอนบ่าย ส่วนอ้ายแห้ว ผม ฉีดอาแทบรินให้มัน"
  • 9. เจ้าแห้ว ถอนหายใจโล่งอก "รับประทานสิ้นเคราะห์ไปที ผมเองรับประทาน ไม่เคยซุกซนเลย" เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างครื้นเครง พลกระดิกนิ้วมือขวาเป็นความหมายให้ เจ้า แห้ว ลุกขึ้นนั่ง แล้วเขาก็กล่าวถาม เจ้าแห้ว อย่างเป็นงานเป็นการ "เล่าเรื่องพระพุทธรูปทองคำาที่แกได้มาให้พวกเราฟังหน่อยเถอะวะ แกได้มา จากกรุไหน" "รับประทานกรุใต้พระที่นั่งสิงหนาถครับ" สี่สหาย พากันมองดูหน้า เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ท่านเจ้าคุณ ยิ้มเล็กน้อยแล้ว กล่าวว่า "ไม่เคยได้ยินชื่อพระที่นั่งนี้เลย" "รับประทานถูกแล้วครับ น้อยคนนักที่จะรู้จักพระที่นั่งนี้ คนโดยมากเข้าใจว่า เป็นวัดร้างวัดหนึ่งในบริเวณพระราชวังโบราณ พระปรางค์ใหญ่ที่เอียงกระเท่เร่ จะพังอยู่แล้วไม่มีความหมายแก่ใคร นอกจากเป็นของเก่าสำาหรับผู้สนใจใน โบราณคดี รับประทานความจริงใต้พระปรางค์นั้นมีช่องทางตรงไปยังพระที่นั่ง สิงหนาถ ซึ่งพระที่นั่งสิงหนาถถูกพม่ารับประทานเผาเสียหมดเหลือแต่เสาไม่ กี่ต้นเลย ไม่มีใครรู้ว่าที่นั้นคือพระที่นั่งอันอันเป็นที่เสด็จออกขุนนางของ พระที่นั่งสุริยามรินทร์" อาเสี่ยกิมหงวน ยิ้มให้ เจ้าแห้ว "แกรู้เรื่องดีนี่หว่า" "รับประทานผมรู้จาก พี่จอน หรอกครับ รับประทาน พี่จอน แกปั่นสามล้ออยู่ที่ นั่นเมื่อก่อนนี้รับประทานแกเคยเป็นผู้กว้างขวางอยู่ในกรุงเทพ ฯ รับประทาน เคยสูบกัญชาร่วมก๊วนเดียวกับผมครับ พี่จอนเป็นคนจริงคนหนึ่งแต่เป็นคน เรียบร้อย ท่าทางแหย ๆ เหมือนกับไม่สู้คน รับประทานยุคอันธพาลถูก กวาดล้างทำาให้ พี่จอนต้องเผ่นไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่อยุธยาครับ ผมไปพบ พี่จอน โดยบังเอิญ รับประทาน พี่จอนแกชวนผมไปสืบหาพระปรางค์เก่าองค์ นั้นซึ่งแกฝันว่ามีผีไปบอกแกครับ บังเอิญเราหาพบ ผมกับ พี่จอน ก็ลงไป ใต้ดินจนไปถึงใต้พื้นพระที่นั่งสิงหนาถ บรื๊อว์....พูดแล้วขนลุกซู่เลยครับ รับ ประทานดูแขนผมซีครับ ขนลุกตั้งชันหมด" นิกร ยกมือเขกกบาล เจ้าแห้ว เบา ๆ "เรื่องขนลุกมันนอกประเด็นโว้ย เล่าต่อไปเถอะ" เจ้าแห้ว ทำาท่าขนลุกขนพองสยองเกล้า "รับประทานผมกับ พี่จอน มีไฟฟ้าเดินทางไปคนละดวงครับ เราได้พบทรัพย์ สมบัติอันมากมายซ่อนอยู่ในกรุใต้ดินนั้น โอย-รับประทานพูดแล้วเหมือนโกหก ครับ หีบใบหนึ่งมีเพชรเต็มหีบเลยครับ เพชรลูกทั้งนั้น ทำาเป็นสร้อยคอส ร้อยข้อมือจี้เพชร ทับทิมยังงี้ มรกตยังงี้เป็นเข่ง ๆ เอ๊ย เป็นหีบ ๆ เลยครับ ทองคำาเป็นแท่ง ๆ เฉพาะที่เป็นสร้อยคอมากกว่าที่ร้านโต๊ะกังเสียอีก รับ ประทานผมกับ พี่จอนเห็นแล้วแทบเป็นบ้า รับประทานกำาลังตกตะลึงในสมบัติ อันมหาศาลเราก็ถูกผีหลอกครับ รับประทานผมกับพี่จอน โกยแน่บอย่างไม่
  • 10. คิดชีวิต รับประทานผมคว้าพระพุทธรูปทองคำามาได้องค์หนึ่ง พี่จอนขยุ้ม สายสร้อยมาได้ขยุ้มหนึ่ง" "เฮ้-" ดิเรก ขัดขึ้น "ผีที่แกว่าน่ะมันเป็นยังไง" เจ้าแห้ว ยื่นแขนขวาให้ นายแพทย์หนุ่ม ดู "ฮื่ย-รับประทานขนลุกอีกแล้ว ดูซีครับ ซู่เลย" ดร. ดิเรก หัวเราะหึ ๆ "เดี๋ยวไอก็ยันเปรี้ยงเข้าเท่านั้นเอง ถามเรื่องผีโว้ยไม่ได้ถามว่าขนลุกหรือ เปล่า" เจ้าแห้ว ยิ้มแห้ง ๆ "รับประทานผีหรือครับ อุ๊ย-ยังติดหูติดตาไม่หาย รับประทานมันมีแต่ศีรษะ ครับ ศีรษะโตเท่าตุ่มนำ้าเห็นจะได้ มันลอยออกมาจากที่มืด แลบลิ้นยาว เฟื้อยและกลอกนัยน์ตาไปมา โอ๊ย-รับประทานอีกตัวหนึ่งคอยาวตั้งวามันร้อง คำารามว่ามันจะฆ่าผมกับ พี่จอน เดชะบุญคุณพระยังคุ้มครองอยู่นะครับเท่าที่ ผมกับ พี่จอนหนีออกมาได้ พอกลับไปถึงโรงแรมผมก็เป็นไข้และจดจำาอะไร ไม่ได้ ส่วนพระพุทธรูปทองคำาผมห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ซ่อนไว้ในกระเป๋า เสื้อผ้าของผม ไม่ได้ปริปากบอกให้ อ้ายชุ่ม รู้เรื่องนี้เลย" พล ว่า "แต่ นายชุ่ม เขาก็ได้เห็นพระทองคำาองค์นี้แล้ว ขณะที่พวกเราช่วย กันหามแกลงจากรถแท็กซี่เข้ามาในห้องนี" ้ "หรือครับ โอ-รับประทานเห็นจะต้องเอาเงินปิดปากมันสักพันบาท ถ้ามันพูด มากปากโป้งรับประทานตำารวจก็จะมาลากคอผมไปในฐานขโมยโบราณวัตถุ รับประทานขี้เกียจติดตะรางครับ" สี่สหาย มองดูหน้ากันและยิ้มให้กัน ดร. ดิเรก กล่าวขึ้นอย่างขบขัน "กันเชื่อว่ากรุมหาสมบัติที่ เจ้าแห้ว เล่าให้ฟงนี้มีจริง แต่เรื่องที่มันถูกผีหลอก ั กันไม่เชื่อเพราะผีไม่ใช่สสาร ไม่มีตัวตน" "โธ่...." เจ้าแห้ว คราง "รับประทานผีจริง ๆ ครับ คุณหมอ" "อิมพอสสิเบิ้ล" นายแพทย์หนุ่ม พูดยิ้ม ๆ พลางสั่นศีรษะ "นักวิทยาศาสตร์ ย่อมเห็นว่าผีเป็นเรื่องไร้สาระ แกกับเพื่อนของแกอาจจะตาฝาดไปหรือมิ ฉะนันก็คงมีนักเลงดีลงไปซ่อนอยู่ในกรุนั้นก่อนแกเลยแกล้งทำาเป็นผีหลอกแก ้ กับเพื่อนแก" เจ้าแห้ว ลืมตาโพลง "รับประทานไม่เป็นไปได้อย่างนันหรอกครับ คุณหมอ รับประทานผมกับ พี่ ้ จอน ช่วยกันขุดพระปรางค์เข้าไปนะครับ รับประทานถ้ามีคนเข้าไปซ่อนอยู่ และแกล้งทำาเป็นผีหลอก รับประทานมันจะเข้าไปทางไหน" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ว่า "ก็ถ้าเพื่อมันมีทางเข้าทางอื่นล่ะหว่า"
  • 11. "พี่จอน แกเพียรหาทางเข้ามาหลายเดือนแล้วครับ รับประทานแกรับรองว่า ไม่มีทางเข้าทางอื่นเลย รับประทานผีแน่ ๆ ครับ ถ้าคนทำาเป็นผีมันจะทำา ลวดลายคอยืดคอยาวถึงอย่างนั้นไม่ได้ บรื๊อว์ รับประทานขนลุกอีกแล้ว ผม คิดว่าผีพวกขุนนางนายทหารสมัยโบราณแน่ ๆ เชียวครับ อุ๊ย....ไม่ถึงกับจับไข้ หัวโกร๋นก็เป็นบุญนักหนา" ท่านเจ้าคุณ ยกมือขวาเขกกบาล เจ้าแห้ว เต็มเหนี่ยว "นีแน่ะหัวโกร๋น" ่ สี่สหาย หัวเราะครืน เจ้าแห้วสูดปากลั่น ศีรษะปูดโปนขึนมาขนาดผลมะนาว ้ ดร. ดิเรก ยืนยันกับเพื่อนเกลอของเขาว่าผีไม่มีแน่นอน นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อ เสียงทั่วโลกได้พิสูจน์แล้วว่าผีเป็นเรื่องเหลวไหลหลอกให้เชื่อถือได้ก็เฉพาะ เด็กหรือคนโง่ เรื่องกรุมหาสมบัตินี้หรือสมบัติปีศาจรายนี้ อาเสี่ยกิมหงวนของเรามีความ สนใจมากกว่าเพื่อน เขายิ้มให้กับ เจ้าแห้ว แล้วกล่าวว่า "ตอนที่แกหนีออกมาจากพระปรางค์นั้น แกกับ นายจอน ได้ช่วยกันปิดทางลง ไปหรือเปล่า" "รับประทานไม่ได้ปิดหรอกครับ แต่รับรองว่าไม่มีใครเห็นแน่นอน เพราะต้อง มุดเข้าไปในช่องเล็ก ๆ ใต้พระปรางค์จึงจะถึงช่องทางเข้าไปสู่กรุมหาสมบัติ รับประทานรอบ ๆ พระปรางค์นั้นมีต้นหญ้าคาขึ้นสูงท่วมหัว" "ดีแล้ว อ้ายแห้ว ถ้าอย่างนั้นอีกสองสามวันพอให้แกแข็งแรงดีแล้วเตรียมตัว ไปอยุธยากับพวกเรา เราจะให้แกเป็นคนนำาทางซึ่งเราจะไปสมทบกับ นาย จอนเพื่อนของแกอีกคนหนึ่ง สมบัติอันมหาศาลในกรุนั้นเราจะเอามาแบ่งกัน ให้เท่า ๆ กันโดยยุติธรรม" เจ้าแห้ว นัยน์ตาเหลือก "โอ๊ย รับประทานจะให้ผมไปที่กรุนั้นอีก....ไม่ไหวล่ะครับ ขืนไปอีกครั้งคง ดีฝ่อตายแน่หรือไม่ก็จับไข้ผมร่วงหมดศีรษะ" พล ยกมือชี้หน้า เจ้าแห้ว แล้วกล่าวขึ้นอย่างขู่บังคับ "แกต้องไป อ้ายแห้ว พวกเราไปด้วยแกจะต้องกลัวอะไร กันอยากจะรู้ความ จริงในเรื่องสมบัติของกษัตริย์ขุนหลวงขี้เรื้อนและผีในกรุนั้น ถ้าไปแล้วไม่พบ กรุที่กล่าวนี้พวกเราก็จะช่วยกันกระทืบแกคนละทีสองทีในฐานโกหก ถ้าได้พบ กรุนี้แกก็จะได้เป็นเศรษฐีจากทรัพย์สมบัติเพชรนิลจินดาที่เราแบ่งให้แก พวก เราสี่คน คุณอาคนหนึ่งเป็นห้า แกอีกคนเป็นหกและ นายจอนเป็นเจ็ดคน ด้วยกัน ได้สมบัติมาเท่าไรเอา ๗ หาร การแบ่งอย่างนี้แกก็เห็นแล้วว่าเป็น ไปด้วยความยุติธรรม" อาเสี่ย ว่า "ถ้าไม่ไปเราก็ต้องใช้อำานาจบังคับให้แกไปกับเราให้ได้"
  • 12. เจ้าแห้ว หัวเราะ "รับประทานไม่ต้องบังคับหรอกครับ ลงแบ่งคนละส่วนเท่า ๆ กัน รับประทาน ผมไปแหง แต่ว่ารับประทานถ้าถูกตำารวจจับได้จะว่ายังไงครับ" นิกร พูดเสริมขึ้นอย่างหน้าตาย "เราก็ติดตะรางเท่า ๆ กัน อย่างมากก็คนละสามปีเท่านั้น คนมีเงินอย่างพวก เราถึงติดคุกก็คงไม่ลำาบากหรอกวะ" "รับประทานถูกแล้วครับ เจ้านายน่ะมีเงินแต่ผมไม่ม" ี ดร. ดิเรก หัวเราะชอบใจ "กันรับรองว่าถึงอย่างไรก็ไม่ติดตะราง กันเป็นอภิสิทธิ์ชนโว้ยเป็นนัก วิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ กันมีหนังสือสำาคัญของรัฐบาลออก ให้ อนุญาติให้กันและผู้ติดตามล่วงลำ้าเข้าไปในเขตหวงห้ามได้ทุกแห่ง นอกจากนี้ในหนังสือยังระบุว่าให้ข้าราชการทุกคนช่วยเหลือกันตามที่กันขอร้อง เท่าที่จะช่วยได้" เจ้าแห้ว ยิ้มออกมาได้ "รับประทานยังงี้ก๊อหวานน่ะซีครับ แต่ถาตำารวจรับประทานแลเห็นเรากำาลังขน ้ สมบัติโบราณขึ้นรถหรือกำาลังลำาเลียงเอามากรุงเทพ ฯ ล่ะครับ" นายแพทย์หนุ่ม ยักไหล่แล้วแบมือ "ไม่สำาคัญ กันก็จะบอกเขาว่ากันกำาลังจะนำาไปให้กรมศิลปากร เชื่อเถอะน่า ไม่มีใครกล้าจับ ด๊อกเตอร์ดิเรกหรอกวะ กองทัพไทยและประเทศไทยเป็นหนี้ บุญคุณกันไม่น้อย" เจ้าแห้ว ถามว่า "รับประทานเราจะไปกันเมื่อไรล่ะครับ" เสี่ยหงวน ตอบทันที "มะรืนนี้ เราจะออกเดินทางโดยรถยนตร์ของเราในเวลา ๕ โมงเย็น กะไปถึง อยุธยาพลบคำ่าและไปกินข้าวเย็นกันที่นั่นและระหว่างที่เรากินข้าวกัน ก็ให้แก เอารถไปรับ นายจอน มาพบกับเรา นายจอนเขาคงยินดีร่วมงานกับพวกเรา ไม่ใช่หรือ" เจ้าแห้ว นิงคิดสักครู่ ่
  • 13. "รับประทานถ้าได้ส่วนแบ่งคนละส่วน พี่จอน แกคงไม่ขัดข้องหรอกครับ เรื่อง คุกตะราง พี่จอน แกก็ไม่กลัว แกติดมาหลายหนแล้วครับ รับประทานติดเสีย จนผู้คุมเขาบอกว่าให้พยายามอยู่นอกคุกเสียบ้าง" เสี่ยหงวน หัวเราะชอบใจ "พรุ่งนี้และมะรืนนี้ แกนอนพักผ่อนเอาแรงเสียสองวัน จำาไว้ว่าถ้าเราได้พบกรุ มหาสมบัตินี้เราจะรำ่ารวยไปตามกัน" เจ้าแห้ว ว่า "ทุกวันนี้รับประทาน อาเสี่ยก็มีเงินอยู่มากมายแล้วจะกอบโกยเอา เงินทองมาทำาไมอีกครับ" อาเสี่ย ชักฉิว "แกล่ะมันเป็นเสียอย่างนี้ แกช่างไม่รู้เสียบ้างเลยว่าคนเราน่ะยิ่งรวยก็ยิ่งโลภ คนที่ถือสันโดษหรือพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่แล้วก็คือคนจนหรือผู้ที่มีฐานะปาน กลาง ผู้ที่เป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐีอย่างข้าร้อยทั้งร้อยแหละวะ อ้ายแห้ว ล้วนแต่โลภโมโทสันมีแต่ความหิวเงินตลอดเวลา ทั้งที่มีอยู่แล้วใช้ไปจนชั่ว ลูกหลานเหลนก็ไม่หมดมันก็อดโลภไม่ได้" เจ้าแห้ว หัวเราะ "นั่นน่ะซีครับ รับประทานเงินมันถึงหายไปหมด คนไม่กี่คนเอาเงินไปเก็บไว้ หมด" "จริงว่ะ" เสี่ยหงวน เห็นพ้องด้วย "ข้าเองเพียงแต่เก็บไว้ที่บ้านนี้ก็ตั้ง ๓๐ กว่า ล้านแล้ว ถ้าเอาเงินมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมหรือค้าขายเงินมันก็หมุนเวียน และช่วยให้คนไทยได้งานทำาอีกมาก แต่นั่นแหละโว้ย ไม่มีเศรษฐีคนไหน หรอกวะที่อยากเสี่ยง เก็บเงินไว้เฉย ๆ ดีกว่า อ้า-เรื่องไปอยุธยาเหลวไม่ได้ นะอ้ายแห้ว มะรืนนี้ออกเดินทางโดยรถยนตร์ของเราบ่าย ๕ โมง" "ครับ รับประทานไม่เหลวหรอกครับ" พล ยิ้มให้ นายแพทย์หนุ่ม แล้วกล่าวว่า "แกเตรียมเครื่องมืองัดแงะที่ทันสมัยเอาไปบ้างนะหมอ" "ออไร๋ มีถมเถไป เครื่องมือของกันแต่ละชิ้นถึงตำารวจจับได้ก็ดูไม่รู้ว่าอะไร เป็นอะไร เรื่องตำารวจไม่ต้องวิตก มีทางแก้ตัวได้" นิกรว่า "แต่เรื่องที่น่าวิตกก็คือเรื่องผีในกรุใต้พระที่นั่งนั้นว่ะ กันบอกตามตรง ว่า ผีกับกันน่ะไม่ใคร่ถูกโรคกันเลย"
  • 14. เจ้าแห้ว เห็นพ้องด้วย "รับประทานเหมือนกับผมแหละครับ ในโลกนี้รับประทานผมกลัวอยู่สองอย่าง เท่านั้น คือ คุณหญิง กับผี" เสียงหัวเราะดังลั่นห้องทดลองวิทยาศาสตร์ พลเงื้อมือขึ้นทำาท่าเหมือนกับจะ ตบหน้า เจ้าแห้ว แล้วเขาก็พูดพลางหัวเราะพลาง "แกเอาคุณแม่ของข้าเข้าอันดับกับผีเชียวหรือ" เจ้าแห้ว ยกมือไหว้ปะหลก ๆ "รับประทานไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมพูดให้ฟังอย่างจริงใจ ในโลกนี้รับประทาน ผมกลัวท่านกับผีเท่านั้น" "แล้วแกไม่กลัวฉันหรือ" "รับประทานกลัวน่ะกลัวครับ แต่ไม่ถึงขีดสุด" พล เขกกบาล เจ้าแห้ว เบา ๆ คณะพรรคสี่สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ ต่าง โล่งใจแล้วที่ เจ้าแห้ว หายป่วยอย่างรวดเร็ว ดร. ดิเรก ชีแจงให้ฟังว่า เจ้าแห้ว ้ คงจะรับเชื้อมาเลเลียมาจากนครสวรรค์หรือชัยนาท เขารับรองว่ามะรืนนี้เจ้า แห้ว จะแข็งแรงพอที่จะนำาทาง คณะพรรคสี่สหาย ไปขุดสมบัติของพระที่นั่งสุริ ยามรินทร์ได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างตกลงกันว่าจะปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ยอม เปิดเผยให้ใครรู้ แม้กระทั่ง เจ้าคุณประสิทธิ์ ฯ คุณหญิงวาด และ สี่นาง ตอนใกล้พลบคำ่าวันนั้นเอง คาดิลแล็คเก๋งคันงามของ อาเสี่ยกิมหงวน ก็พา สี่ สหาย กับ เจ้าคุณปัจจนึก ฯ และ เจ้าแห้วมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอัน เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง อาเสี่ยกิมหงวน ทำาหน้าที่ขับรถคันนี้ โดยมี เจ้าคุณปัจจนึก ฯ และ เจ้าแห้วนั่ง รวมอยู่ด้วย พล, นิกร และ ดร. ดิเรก นังอยู่ท้ายรถ ขณะที่รถแล่นข้ามสะพาน ่ ข้ามแม่นำ้า นายแพทย์หนุ่ม ได้ยกศอกขึ้นกระทุ้งหน้าอกนิกร แล้วกล่าวว่า "เฮ้ย ถึงกรุงเก่าแล้วโว้ย ตืนเสียที" ่ นิกร ลืมตาขึ้นมองดูความมืดขมุกขมัวของโลก พอทำาท่าจะหลับต่อไป พลก็ ยกฝ่ามือผลักหน้าเต็มแรง "นอนมาตั้งแต่ดอนเมืองแล้ว พอที" นายจอมทะเล้น อ้าปากหาวเสียงดังลั่นรถ
  • 15. "ว้า-ถึงเร็วจังว่ะ สัปปหงกไปหน่อยเดียวถึงแล้ว อ้ายเสี่ยนี่ขับรถยังกะไอพ่น" เสี่ยหงวน หันมายิ้มให้ นิกร "ย่องมาโว้ย ชัวโมงละ ๔๐ ไมล์ เท่านั้น รถเมล์กี่คัน ๆ ขึ้นหน้าไปหมด" ่ ขณะที่คาดิลแล็คเก๋งเข้าเขตหมู่บ้านอันหนาแน่นในย่านชุมนุมชน เจ้าแห้วก็ กล่าวกับ เสี่ยหงวน ว่า "รับประทานอีกครึ่งกิโลเมตรรถเราจะผ่านบ้าน พี่จอนครับ บ้านแกอยู่ริมถนน ผมคิดว่าเรารับแกไปเสียเลยไม่ดีหรือครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนกลับมารับ เพราะเราจะผ่านตลาดหัวรอไปเข้าพระราชวังโบราณด้านโน่นเลย" เสี่ยหงวน เห็นพ้องด้วย "เออ ดีเหมือนกัน นายจอน เขาอยู่กับใครล่ะ" "อยู่กับเพื่อนของเขาครับ เป็นญาติห่าง ๆ กันด้วย" อีกสักครู่ เจ้าแห้วก็บอกให้กิมหงวนหยุดรถหน้าบ้านหนึ่งซึ่งเป็นเรือนชั้นเดียว แบบโบราณหลังเล็ก ๆ และมีไม้รวกกั้นเป็นบริเวณ "เอ็งลงไปเจรจากับเขาซี" เจ้าคุณปัจจนึก ฯ กล่าวกับ เจ้าแห้ว "อย่าพูดให้ ใครได้ยินน่ะ ถ้าจะให้ดีเรียกเขาออกมาพูดกันที่รถนี่ดีกว่า เรื่องนี้มันเป็น ความลับเฉพาะเราจะให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นไม่ได้" "ครับ รับประทานถ้ายังงันผมเรียก พีจอน ออกมาดีกว่านะครับ ได้เห็นรถเก๋ง ้ ่ คันใหญ่ ๆ และเห็นเจ้านายเข้า พี่จอน แกจะได้เลื่อมใส" เจ้าคุณ ช่วยเปิดประตูรถให้ เจ้าแห้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วลงไปจาก รถ คณะพรรคสี่สหาย ต่างจุดบุหรี่สูบและสนทนากันเงียบ ๆ นิกร ปรารภว่า ถึงเวลาอาหารคำ่าแล้ว จะขุดพระปรางค์หรือจะทำาอะไรก็ควรจะรับประทาน อาหารเสียให้เรียบร้อยก่อน เจ้าแห้ว หายเข้าไปในบ้านนั้นไม่ถง ๕ นาที ก็กลับออกมาอย่างร้อนรน เดิน ึ ตรงมาที่รถคาดิลแล็คเก๋งตามลำาพัง "ไม่อยู่เรอะ" พล ถามอย่างเป็นงานเป็นการ เจ้าแห้ว กลืนนำ้าลายเอื๊อก "รับประทาน พี่จอน ตายเสียแล้วครับ"
  • 16. "ฮ้า" ทุกคนอุทานขึ้นพร้อม ๆ กันราวกับนัดกันไว้ แล้ว เสี่ยหงวนก็กล่าวถาม เจ้าแห้ว ทันที "ทำาไมถึงตายง่ายตายดายนัก เป็นโรคปัจจุบันตายหรือ" เจ้าแห้ว ก้าวขึนมานั่งบนรถระหว่าง ท่านเจ้าคุณ กับ อาเสี่ยท่าทางของ เจ้า ้ แห้ว เต็มไปด้วยความประหวันพรั่นใจ ่ "รับประทานผมคิดว่าเพื่อความปลอดภัยพวกเรากลับกรุงเทพ ฯ กันดีกว่าครับ ขืนไปเป็นเจอดีแน่" "ทำาไมวะ" เจ้าคุณ ถาม "รับประทาน พี่จอน ถูกผีเฝ้าสมบัติตามมาหักคอครับ" เจ้าแห้วพูดเสียงสั่น เครือแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ "รับประทาน พี่วิง เล่าให้ฟังว่า ในวันที่ผมกลับ กรุงเทพ ฯ รับประทานตอน ๔ ทุ่ม คืนวันนัน พี่จอน นอนดินตึงตังอยู่ในห้อง" ้ ้ นิกร เผ่นพรวดขึ้นไปนั่งบนตัก พล แล้วกล่าวกับ เสี่ยหงวน "ขะ-ขับ-ระ-รถไปเถอะ อ้ายหงวน ยะ-หย่า-จะ-จอดตรงนี้เลย น่าเกลียด" อาเสี่ยเห็นพ้องด้วยจึงเอื้อมมือเปิดสวิทซ์ไฟเครื่องยนตร์คาดิลแล็คเก๋งเคลื่อน ออกจากที่ทันที แสงไฟหน้ารถส่องสว่างจ้าไปไกล พล ผลัก นิกร ลงจากตักแล้วกล่าวกับ เจ้าแห้ว "แล้วยังไง อ้ายแห้ว เล่าต่อไปซิ" "รับประทาน พี่วิง แกคิดว่า พี่จอน เป็นลมตกจากเตียง แกก็วิ่งไปที่ห้องพี่จอน ครับ รับประทานเคาะประตูเรียกสักครู่แล้วก็รับประทานพังประตูเข้าไป แสง ไฟฟ้าในห้องนอน พี่จอน ยังเปิดสว่าง รับประทาน พี่วิงแกแลเห็น พี่จอนนอน ตายอยู่หน้าเตียงครับ รับประทานเจ้าหน้าที่เขาลงความเห็นว่า พี่จอนเป็นลม ตายครับ ทั้ง ๆ ที่คอของ พี่จอน หมุนรอบได้และมีรอยเขียวชำ้ารอบคอ อืย.. ..บรื๊อว์....รับประทานผมขนลุกอีกแล้ว" นิกร กอด ดร. ดิเรก แน่น "กลับกรุงเทพ ฯ เถอะโว้ยเรา เจ้าของเขาหวงเราก็อย่าไปล่วงละเมิดใน ทรัพย์สินของเขาเลย ถึงอย่างไรก็ขอให้มชีวิตอยู่เห็นสงครามโลกครั้งที่ ๓ ี เสียก่อน อีกไม่ช้ามันก็จะรบกันแล้ว" ดร. ดิเรก จุย์ปากดุ นิกร ๊ "ยูขี้ขลาดไม่เข้าเรื่อง นายจอนตายเพราะหัวใจวายหรือม่ายก็เกิดจากเส้น โลหิตในสมองแตก ที่ เจ้าแห้วยืนยันว่าที่คอ นายจอน มีรอยเขียวชำ้าก็เพราะ
  • 17. เลือดมันคั่ง กันเคยพบเห็นศพคนตายในลักษณะนี้มากต่อมากแล้ว เมื่อ เดือนก่อนกรมตำารวจก็เชิญกันไปพิสูจน์ศพผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตำารวจสงสัยว่า จะถูกบีบคอตาย แต่กันได้พิสูจน์ให้ตำารวจรู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นตายเพราะเส้น โลหิตในสมองแตก เรื่องผีปีศาจเป็นไปไม่ได้ อิมพอสสิเบิ้ล" เจ้าแห้ว หันมาทางหลังรถแล้วยื่นแขนขวาให้ นายแพทย์หนุ่ม "ดูซิครับ รับประทานขนผมลุกอีกแล้ว" นายแพทย์หนุ่ม จับมือ เจ้าแห้ว บิดทันที "นี่แน่ แก่ขนลุกนัก อ้ายเปรต" การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงชั่วขณะ นิกร กับ เจ้าแห้วเต็มไปด้วยความกลัวผี ปีศาจ ส่วน อาเสี่ยหงวน ก็ชักจะรู้สึกอย่างนี้ เพราะตามปกติ อาเสี่ย ก็สังกัด บริษัทตาแหกเหมือนกัน แต่บางขณะถ้าเกิดกล้าขึ้นมาแล้วต่อให้ผียกพวกมา สัก ๑๐ ป่าช้า เขาก็ไม่กลัวสุดแล้วแต่เลือดลมของเขา คณะพรรคสี่สหาย จอดรถแวะรับประทานอาหารแห่งหนึงหน้าตลาดหัวรอ ่ การรับประทานเป็นไปอย่างเงียบเหงา อาเสี่ยกิมหงวนพยายามดื่มเหล้าเกือบ ค่อนขวดและยังซื้อวิสกี้ขวดกลางติดตัวไปหนึ่งขวด ระหว่างที่นงรับประทานกันอยู่นั้น ชายชราชาวพืนเมืองคนหนึ่งได้นั่งมองดู ั่ ้ คณะสี่สหาย อย่างชื่นชม แกไม่เคยเห็นใครสั่งเหล้าและอาหารมากมายอย่าง นี้ นิกร สบตากับชายชราและยิ้มให้ชายชราบ่อย ๆ ในที่สุด นายจอมทะเล้น ก็ ลุกขึ้นเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับชายชรา "ลุงจ๋า" นิกร กระซิบพูด"ลุงแก่แล้วเคยผ่านชีวิตมามากแล้ว ฉันอยากจะ ถามอะไรลุงสักหน่อยนะลุงนะ" ชายชรา ยิ้มเจื่อน ๆ "เรื่องอะไรครับคุณ" นิกร มองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบถาม "ผีน่ะมันมีจริงหรือเปล่าลุง พวกเรากำาลังถกเถียงกัน บางคนก็ว่ามี บางคนก็ ว่าไม่ม"ี "อ๋อ ผีหรือครับ คุณว่ามันมีหรือเปล่าล่ะครับ" "ฉันว่ามีแน่"
  • 18. "ก็ถูกของคุณ ผีไม่มี คนเราตายไปแล้วจะเป็นอะไร" นิกร หน้าซีดเผือด "นั่นน่ะซีลุง" เขาพูดเสียงละห้อยน่าสงสาร "ผีต้องมีนะลุงนะ" "ครับ ผีก็คือคนที่ตายไปแล้ว แต่ร่างกายเน่าเปื่อยถูกฝังถูกเผาอันตรธานไป คงเหลือแต่วิญญาณของเขาวนเวียนอยู่ บางทีก็มาสำาแดงร่างให้เราเห็น คน เคราะห์ร้ายก็ถูกมันหลอกหลอนเอา แต่ถาเรามีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวมันถึงมัน ้ หลอกมันก็ทำาไมเราไม่ได้หรอกครับ อย่างผมยังงี้เกิดวันพฤหัส ฯ ซึ่งเป็นวันครู ผีมันไม่ใคร่กล้าหลอกผม" "อ้อ แล้วตามปกติผีมันชอบหลอกคนวันอะไรละลุง" "วันจันทร์ซีครับ วันจันทร์เป็นวันที่อ่อนมาก" นิกร สะดุ้งเฮือกเหมือนถูกเข็มแทง "ตายห่า....ลุงจ๋า....ฉันเกิดวันจันทร์ซะด้วย" ชายชรา หัวเราะหึ ๆ ในลำาคอ "ก็แย่หน่อยครับ" นายจอมทะเล้น หมดความสุขแล้ว เขานึกในใจว่าคืนนี้เขาอาจถูกผีหักคอตาย ใต้พื้นพระที่นั่งสิงหนาถก็ได้ "ลุงจ๋า" "ว่าไงครับ" นิกร ยกมือไหว้เสียก่อนจึงกล่าวว่า "ฉันคิดว่าลุงคงมีคาถากันผีไว้ป้องกันตัวเป็นแน่ เพราะลุงแก่แล้ว อย่างไรก็ ต้องมีวิชาอาคมบ้าง ถ้าลุงมีก็ช่วยบอกฉันเอาบุญหน่อยเถอะลุง" ชายชรา มองดูนิกร อย่างขบขัน นึกไม่ถึงว่า นิกร จะกลัวผีขนาดหนักถึงเช่นนี้ "ก็พอมีครับคุณ ผมจะบอกให้คุณก็ได้" "โอ-ดีทีเดียวลุงจ๋าฉันจะไม่ลืมพระคุณของลุงเลย ลุงทานเหล้าเสียหน่อย นะ ดื่มโอเลี้ยงมันไม่เหมือนเหล้าหรอก ฉันจะสั่งเหล้ามาเลี้ยงลุง"