SlideShare a Scribd company logo
1 of 18
ตอนที่ ٣

24 เกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารทำาการใหญ่
      ฝ่ายคนซึ่งร่วมแซ่ต่างแซ่ บรรดาหนีซุ่มซ่อนอยู่ในป่าแขวงเมืองนำ่าเอี๋
ยง แจ้งข่าวว่าเล่าเหลียงกับกองบู๊ แต่งโต๊ะเลี้ยงเกลี้ยกล่อมทแกล้วทหาร
ทำาการใหญ่ ต่างคนดีใจเข้ามานั่งกินโต๊ะไม่พักมีผู้เชื้อเชิญ แต่ผู้ซึ่งร่วมแซ่
เล่าเหลียงตักสุราส่งให้นั่งกินโต๊ะพร้อมกันแล้ว เล่าเหลียงจึงว่าครั้งเมื่อพระ
เจ้าเปงเต้มีพระชนม์อยู่นั้น บรรดาเชื้อพระวงศ์เรามีความสุขหาผู้ดูหมิ่นถิ่น
แคลนได้ไม่ ตั้งแต่อองมังคิดทรยศขบถฆ่าพระเจ้าเปงเต้ชิงเอาสมบัติ ญาติ
วงศ์เรากระจัดพลัดพรายล้มตายเป็นอันมาก บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกหลานเรา เงี
ยมจูเหลงเห็นว่าจะเป็นผู้มีบุญ จึงขนานนามใหม่ให้ชื่อกองบู๊ คิดการใหญ่
ซ่องซุ่มทแกล้วทหารจะยกกองทัพเข้าเมืองหลวงทำาการกำาจัดอองมัง แก้
แค้นแทนพระเจ้าเปงเต้ ท่านทั้งปวงซึ่งร่วมแซ่และต่างแซ่แต่บรรดามานี่จง
พร้อมใจกันช่วยกองบู๊ ทำาการศึกใหญ่ปราบเสี้ยนศัตรู ถ้ากองบู๊ได้เป็น
กษัตริย์ครองเมืองหลวงแล้ว ท่านทั้งปวงก็จะได้เป็นขุนนางมียศศักดิ์โดย
ความชอบ จะมีชื่อลือปรากฎไปทั่วฟ้าและดินสิ้นกัลปาวสาน ฝ่ายผู้ร่วมแซ่
และทหารทั้งปวงได้ยินดังนัน ต่างคนรับคำาว่า ซึ่งท่านจะคิดการกำาจัดออ
                              ้
งมังครั้งนี้ ข้าพเจ้ายินดีด้วย จะช่วยท่านทำาการศึกใหญ่กว่าจะสำาเร็จ
    ฝ่ายเล่าเหลียงเลี้ยงโต๊ะแล้ว จัดแจงให้ญาติวงศ์และทหารเข้าอยู่ในค่าย
จ่ายข้าวปลาอาหารให้กินทุกตัวคนมิได้ขัดสนดออยาก เล่าเหลียงตั้งค่าย
เกลี้ยกล่อมประมาณสิบสี่สิบห้าวัน ทหารมีฝีมือมาเข้าด้วยสองพันเศษ ฝ่าย
หลีทองครั้นกองบู๊กลับไปบ้านแปะจุยฉิงแล้ว จึงให้คนใช้ไปหาอองหลิ
บนายช่างเหลาเกาทัณฑ์เข้ามา สั่งว่าท่านเร่งทำาเกาทัณฑ์ขึ้นสามร้อยคัน
โดยเร็ว เราจะจัดซื้อให้ทหารไปจับชาวบ้านแปะจุยฉิง ซึ่งสมคบเล่าสิ้วบุน
ซกไว้จะเอาตัวส่งไปให้อองมัง แล้วหลีทองสั่งนายประตูว่าผู้มีม้า เร่งเอาตัว
เข้ามาจะจัดซื้อตามราคา อองหลิบกับนายประตูรับคำาอำาลาไป หลีทองจึง
จัดทหารได้ร้อยเศษ กับทหารชำานาญเพลงเอวุธได้ห้าร้อยคน ให้ปรนปรือ
ไว้ ณ ตึกใหญ่เตรียมคอยท่ากองบู๊ ความทั้งนี้รู้กันแต่หลีเทียดน้องหลีทองผู้
เดียว ขุนนางชาวนำ่าเอี๋ยงรู้ความ แต่ว่าหลีทองเตรียมการจะไปจับเล่าสิ้วบุน
ซก บ้านแปะจุยฉิงแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง
     ฝ่ายเกียนถำา ครั้นเห็นทหารมาเข้าเกลี้ยกล่อมมากขึ้นทุกวัน จึงเข้าไป
ปรึกษาเล่าเหลียงว่าทหารทั้งปวงเข้าด้วยเป็นอันมาก เครื่องสาตราวุธไม่มี
จะแจกจ่าย จะได้สิ่งใดไปทำาศึกเล่า ข้าพเจ้าได้ข่าวว่าเครื่องมืออองมังให้
จัดทำาขึ้นไว้สำาหรับเมืองนำ่าเอี๋ยง อองมังมอบให้หลีทองรักษาไว้เป็นอันมาก
ข้าพเจ้าก็เห็นว่าหลีทองมีใจยินดีเข้าด้วยจะช่วยคิดการใหญ่ ขอให้กองบู๊ไป
ยืมเครื่องสำาหรับการสงครามมาจ่ายทหาร หลีทองจะช่วยแก้ไขให้ได้เครื่อง
มือมาโดยง่าย เล่าเหลียงได้ฟังเห็นชอบด้วย จึงสั่งกองบู๊ให้ไปยืมเครื่องมือ
หลีทอง กองบู๊คำานับลาเล่าเหลียงแล้ว แต่งตัวเป็นคนค้าขายหมายมิให้ผู้ใด
รู้จัก ขึ้นม้าไปเมืองนำ่าเอี๋ยง พอถึงประตูจึงเข้าไปในเมือง นายประตูมิได้รู้จัก
ออกชิงม้ากองบู๊ไว้ แล้วบอกว่าเจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยงสั่งให้จัดซื้อม้า เราจะพาเอา
ม้ากับตัวท่านไปส่งให้แก่เจ้าเมือง กองบู๊จึงตอบว่าม้าตัวนี้ก็เป็นม้าของเจ้า
เมืองให้เราไปขี่ นายประตูไม่เชื่อจึงพาม้ากองบู๊เข้าไปคำานับหลีทองเจ้า
เมืองนำ่าเอี๋ยง
         ฝ่ายหลีทองเห็นกองบู๊ จึงออกมาเชิญเข้าไป ณ สวนดอกไม้หลังตึก
เป็นที่สงัด นายประตูเห็นดังนั้นพากันออกไปกองบู๊จึงบอกหลีทองว่า
ทแกล้วทหารมาเข้าเกลี้ยกล่อมข้าพเจ้าทุกวัน เครื่องสำาหรับนายทหารยี่สิบ
หีบซึ่งท่านให้ไปแต่ก่อนนั้นได้แจกจ่ายทหารหาพอไม่ ข้าพเจ้ามาทั้งนี้จะ
ขอยืมเครื่องมือท่านไปจ่ายทหารจะได้ทำาการศึก หลีทองจึงว่าเครื่องมือออ
งมังให้ทำาไว้สำาหรับเมืองมีอยู่ ข้าพเจ้าจะแก้ไขให้ท่านอย่าวิตกเลย หลีทอง
จึงพากองบู๊ไปถึงตึกใหญ่ไขกุญแจประตูคลังออก กองบู๊เห็นเครื่องอาวุธ
และหมวกเกราะสำาหรับทหารเต็มศึกใหญ่ มีใจยินดีด้วยได้สมความคิด หลี
ทองจึงปิดประตูลั่นกุญแจคลังไว้ดังเก่า แล้วพากองบู๊ไปดูทหารร้อยเศษ ซึ่ง
เลือกสรรไว้รูปร่างสูงใหญ่มีกำาลังมาก หลีทองจึงบอกทหารทั้งปวงว่า ท่าน
ผู้นี้คือผู้มีบุญจะปราบศัตรูแผ่นดินให้ราบคาบ ท่านจงพร้อมใจกันไปช่วย
ทำาการศึกกำาจัดศัตรูราชสมบัติ กองบู๊เจ้าของท่านเป็นกษัตริย์สำาเร็จราชการ
ในเมืองหลวงแล้ว ท่านทั้งปวงก็จะได้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ ฝ่ายทหารร้อย
เศษได้ฟังดังนั้น ต่างคนดีใจคำานับรับคำา หลีทองจึงมอบทหารและเครื่อง
อาวุธในตึกใหญ่ให้กองบู๊ กองบู๊จึงว่า ซึ่งกรุณาข้าพเจ้าขอบคุณยิ่งนัก แต่
ซึ่งทหารเหล่านี้ล้วนมีกำาลัง ชอบให้ถือเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ เกาทัณฑ์มีใน
ตึกแต่อย่างน้อยคันอ่อนหาสมกำาลังทหารร้อยเศษนี้ไม่ ท่านจงช่วยกา
เกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ แจกสำาหรับมือจะได้ใช้ในการศึก หลีทองจึงว่า
เกาทัณฑ์ใหญ่หายาก มีอยู่แต่ที่ซินโตเกียน อองมังให้มากำากับทหารอยู่ใน
เมืองนี้ ข้าพเจ้าจะอุบายถามซื้อ เห็นซินโตเกียนจะขายให้เป็นมั่นคง หลี
ทองจึงพากองบู๊ไปบ้านซินโตเกียน พอซินโตเกียนนั่งกำากับลิมก้วงนายช่าง
เหลาเกาทัณฑ์อยู่กลางบ้าน หลีทองจึงเข้าไปนั่งพูดกับซินโตเกียนแล้ว
บอกว่า เราจะขอซื้อเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ตามราคาที่เคยซื้อ ซินโตเกียนจึง
หยิบเกาทัณฑ์คันหนึ่งหนักห้าร้อยชั่งมาให้ดู กองบู๊เห็นเกาทัณฑ์ชอบใจจึง
รับไว้ หลีทองจึงว่าแก่ซินโตเกียนจะซื้อเกาทัณฑ์ขนาดกลาง ซินโตเกียน
จึงให้คนไปหยิบเกาทัณฑ์มาให้หลีทองคันหนึ่ง กองบู๊จึงว่าจะขอซื้อ
เกาทัณฑ์ขนาดนี้สักอีกคันหนึ่ง ซินโตเกียนเห็นหลีทองซื้อเกาทัณฑ์หลาย
อันก็คิดสงสัย แลดูกองบู๊มีไฝแก้มซ้ายเป็นสำาคัญ จึงว่าหนุ่มน้อยคนนี้คือเล่า
สิ้วบุนซกมาซื้อเกาทัณฑ์ จะทำาการศึกเป็นมั่นคง หลีทองได้ฟังตกใจนักจึง
อุบายตอบว่าหนุ่มน้อยร่วมแซ่เรามิใช่เล่าสิ้วบุนซก ท่านอย่าพูดดังนั้นไม่ควร
        ฝ่ายกิมก้วงนายช่างทำาเกาทัณฑ์นั่งอยู่ แลเห็นกองบู๊ก็รู้ว่าเป็นผู้มีบุญ
คือเล่าสิ้วบุนซก นานไปจะได้เป็นกษัตริย์บำารุงแผ่นดิน ครั้นได้ยินซินโต
เกียนว่ากล่าวเป็นข้อสงสัย จึงคิดว่าการใหญ่ซึ่งเล่าสิ้วบุนซกทำาครั้งนี้ จะรู้
ฟุ้งเฟื่องเพราะซินโตเกียนเป็นมั่นคง จำาจะพูดปกปิดความเสียมิให้ซินโต
เกียนสงสัยสืบไป ลิมก้วงจึงบอกซินโตเกียนว่าหนุ่มน้อยคนนี้ เป็นแซ่เดียว
กับเจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยง มิใช่เล่าสิ้วบุนซกซึ่งมาซื้อเกาทัณฑ์ครั้งนี้จะไปตามรบ
กับเล่าสิ้วบุนซกซึ่งมีวิชาการแปลงตัวได้ ไปตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่บ้านแปะจุยฉิง
ผู้นี้มิใช่ตัวเล่าสิ้วบุนซก ท่านอย่าได้สงสัยเลย หลีทองก็รับสมคำาลิมก้วง ซิน
โตเกียนได้ยินก็สิ้นความสงสัย จึงว่าข้าพเจ้าทำาเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ไว้สาม
ร้อยเศษยังหาสำาเร็จไม่ หลีทองจึงพากองบู๊ไปถึงอองหลิบผู้ทำาคัน
เกาทัณฑ์ จึงถามว่าเกาทัณฑ์ให้เร่งทำาจะใช้ เหตุใดจึงมิทำาให้แล้วเล่า หลี
ทองจะเอาโทษว่าช้า อองหลิบจึงขอโทษตัวว่าเกาทัณฑ์ขนาดนี้ทำายาก ขอ
ผลัดอีกสามวันจะทำาเกาทัณฑ์ให้เสร็จ หลีทองได้ฟงดังนั้นจึงพากองบู๊กลับ
                                                       ั
มาบ้าน
     ฝ่ายซินโตเกียนจึงไปถามอองหลิบ เกาทัณฑ์หลวงจ่ายมาให้นั้นทำา
สำาเร็จแล้วหรือ อองหลิบจึงบอกว่าเกาทัณฑ์หลีทองจัดซื้อนั้นจะทำาให้แล้ว
ก่อน จึงค่อยทำาเกาทัณฑ์หลวงต่อไป ซินโตเกียนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่า
หลีทองซื้อเกาทัณฑ์เป็นอันมากเห็นว่าประหลาดอยู่ ชะรอยชายหนุ่มน้อยจะ
เป็นเล่าสิ้วบุนซก คบคิดกับหลีทองมาซื้อเกาทัณฑ์ไปทำาการขบถเป็นมั่นคง
ซินโตเกียนนิ่งความไว้มได้ จึงขึ้นม้ารีบไปบอกพังเหมงผู้เป็นฮูเจี้ยงนาย
                          ิ
ทหารรองให้รู้ความ แล้วซินโตเกียนจึงให้คนใช้ไปหาซุยเต๋งซึ่งมีความชอบ
ต่ออองมังให้เป็นขุนนางผู้ช่วยราชการนั้นมาบอกว่า หลีทองจัดซื้อเกาทัณฑ์
เป็นอันมาก เห็นจะร่วมคิดเข้ากับเล่าสิ้วบุนซกบ้านแปะจุยฉิงเป็นมั่นคง พัง
เหมงกับขุนนางได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงบอกพวกนายทหารมาพร้อมกันสั่งให้
ปิดประตูเมืองนำ่าเอี๋ยงทั้งสี่ด้าน จะเข้าค้นจับตัวเล่าสิ้วบุนซก

25 ปิดประตูเมืองนำ่าเอี๋ยงจับเล่าสิ้วบุนซก
       ฝ่ายหลีทองเห็นว่าความลุกลามฟุ้งเฟื่องขึ้นแล้ว จึงให้กองบู๊แต่งตัวใส่
หมวกโปร่งฟ้าสรวมเกาะใน ใส่เสื้อสีชมพูถือง้าวชื่องอฮั่น ม้าซึ่งขี่นั้นชื่อ
มังกรขาว มีฝีเท่ารวดเร็ว ให้ทหารห้าร้อยใส่เกราะถือเกาทัณฑ์คนละสามคัน
หลีทองก็แต่งตัวขึ้นม้านำามหารจะออกจากเมือง พอพบพังเหมงมาคอยอยู่
ฝ่ายพังเหมงเห็นดังนั้นพาทหารมารบกับหลีทองจะชิงเอากองบู๊ หลีทองรอ
รบป้องกันกองบู๊ไป เห็นประตูเมืองปิดเข้ามิได้ จึงขับม้าเลี้ยววงไปทางประตู
อื่น ทหารพังเหมงไล่ตามติดรบ ทหารหลีทองต่อสู้เป็นหมู่เหล่าเรี่ยรายกัน
ไป กองบู๊ตกใจนักจึงขับม้ามาตามถนน ทหารชาวเมืองติดตามเอาไม้ค้อน
ก้อนอิฐไล่ทิ้งขว้าง กองบู๊รำาง้าวบนหลังม้าป้องปัดด้วยกำาลังว่องไวหลบ
หลีกมิให้ต้องตัว ไปถึงประตูทิศตะวันออก พอเห็นชายผู้หนึ่งถือกระบี่ลง
จากเชิงเทินมาเปิดประตูให้กองบู๊ แล้ววิ่งตามออกจากเมือง กองบู๊เหลียว
หลังมาเห็นจึงถามว่าท่านชื่อไรมีคุณแก่เราครั้งนี้ยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงบอกว่า
ข้าพเจ้าชื่อเก๊กเซียวยิมก๋ง สืบรู้ความว่าอันตรายจะถึงแก่ท่านจึงมาคอยช่วย
แก้ไข เปิดประตูให้ท่านหนีพ้นรอดจากความตาย กองบู๊ขี่ม้าเดินพูดกันมา
กับเก๊กเซียวยิมก๋ง พอเห็นทหารติดตามมาเป็นอันมาก กองบู๊หนีพลางร้อง
ถามนายทหารว่า เรากับอองมังเป็นคู่พยาบาทกันตัวท่านไม่มีข้อขัดเคืองกับ
เรา ท่านชื่อใดจึงโกรธแค้นติดตามมาจะจับเราด้วยเหตุประการใด
      ฝ่ายซุยเต๋งพาทหารตามมาใกล้ ได้ยินจึงร้องบอกว่า ตัวเราชื่อซุยเต๋ง
เดิมเป็นคนใช้เล่าถัง เมื่อท่านหนีไปซ่อนอยู่ ณ ตึกเล่าถังครั้งก่อนเราเอา
ความไปบอกอองมัง เรามีความชอบได้เป็นขุนนางผู้ช่วยราชการฝ่ายทหาร
ซึ่งท่านมีความรู้แปลงเป็นมังกรหนีพ้นมือองป้า ปังอี้ มาพึ่งพบกันวันนี้จึง
ตามมา ถ้าจับท่านได้อองมังจะให้เราเป็นขุนนางผู้ใหญ่ กองบู๊ได้ยินดังนั้น
จึงร้องตวาดว่า มึงเป็นคนอกตัญญูต่อเล่าถังผู้นาย ทำาลายคุณเสียแล้วกลับ
ตามมาจะจับกูอีกเล่า กองบู๊โกรธนักชักม้ากลับเข้ามาจะฆ่าซุยเต๋งแก้แค้น
แทนเล่าถังผู้อา ซุยเต๋งเห็นกองบู๊มาด้วยกำาลังโทโส จึงชักม้าพาทหารถอย
ออกไป กองบู๊ก็ขับม้าหนีไปตามทาง
ฝ่ายพังเหมงพาพวกทหารขับม้าไล่กระชั้นชิดติดตามไปใกล้จะทัน กอง
บู๊เหลียวหลังมาเห็นจึงร้องว่า แซ่เล่าก็สิ้นเชื้อเหลือแต่เราผู้เดียวแล้ว ท่าน
ไม่มีความกรุณาจะฆ่าเราเสียเล่า พังเหมงไม่ฟังขับม้าเข้ามาใกล้กองบู๊หนีมิ
พ้น จึงชักม้ากลับรำาง้าวเข้ารบกับพังเหมงได้ยี่สิบเพลง พอซินโตเกียนขับ
ม้าพาทหารตามมาทัน กองบู๊ผู้เดียวเกรงทหารจะล้อมวกหลัง จึงชักม้ากลับ
ขับหนี ทหารซินโตเกียนยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกม้าล้มลง กองบู๊ได้แต่ง้าว
สำาหรับมือ วิ่งหนีเข้าแอบแฝงตัวอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ริมทาง ซินโตเกียนกับพัง
เหมง ซุยเต๋ง ต่างคนดีใจจะเข้าจับเอาเป็น แต่เกรงด้วยกองบู๊มีง้าวถือ
สำาหรับมืออยู่ จึงขับทหารเข้าล้อมไว้เป็นสามารถ
     ฝ่ายกองบู๊สุดคิดสิ้นกำาลัง นั่งดูทหารล้อมเข้ามาใกล้จวนตัวจะหนีมิได้ก็
ตกใจนัก จึงแหงนหน้าขึ้นบนอากาศ ตั้งสัตยาธิษฐานว่าตัวข้าพเจ้านี้เซียง
เต้ และเทพยดทั้งปวงประชุมเชิญลงมาเถิดสำาหรับปราบศัตรูแผ่นดินให้
ราบคาบ บัดนี้ทหารซินโตเกียนล้อมไว้จะจับไปให้อองมังผู้เป็นศัตรูราช
สมบัติ ครั้งนี้ถึงที่อับจนจะหาผู้ใดเป็นที่พึ่งมิได้ ขอเทพยดาทั้งปวงจงช่วย
ข้าพเจ้าให้พ้นจากมือทหาร จะได้คิดการปราบศัตรูแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม
จะบำารุงราษฎรสืบแซ่เชื้อพระวงศ์ฮั่นโกโจ ผู้เป็นพระเจ้าปู่ให้แผ่นดินอยู่เย็น
เป็นสุขไปภายหน้า ขณะนั้นพอเกิดพายุใหญ่พัดผงคลีมืดคลุ้มเป็นหมอกมัว
ไปทั่วทั้งสี่ทิศ มีกระบือแดงตัวหนึ่งพ่วงพีสูงใหญ่มีเขาเดียวกลางศรีษะ มา
ยืนอยู่ตรงหน้ากองบู๊ กองบู๊กระโดดขึ้นบนหลังแกว่งง้าว กระบือวิ่งฝ่าทหาร
พากองบู๊ออกจากที่ล้อม

ตายแล้วพี่จงหนีเอาตัวรอดเถิดอย่าอาลัยเป็นหว่งด้วยข้าพเจ้าเลย เล่าต๋งจึง
ว่าตัวพี่วาสนาน้อยจะขอเอาชีวิตตายแทนเจ้า ผู้มีบุญจะได้อยู่ปราบศัตรูแผ่น
ดินบำารุงราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบแซ่กษัตริย์ไปภายหน้า ว่าแล้วอุ้มกองบู๊
ขึ้นม้า เล่าต๋งเอาแซ่ตีม้าควบพากองบู๊ออกไปได้ เล่าตงฟันทหารตายไปสิบ
คน ทหารทั้งปวงก็ระดมยิงเกาทัณฑ์ถูกเล่าต๋งล้มลงขาดใจตาย

26 กองบู๊พบเตงอูอีกครั้ง
     ฝ่ายทหารทั้งปวงตกใจต่างคนแตกหนีไป กองบู๊ขับกระบือไล่ติดตาม
เอาง้าวฟันถูกพังเหมงคอขาดตกม้าตาย กองบู๊ฉวยคว้าบังเหียนม้าพังเหมง
ได้ จูงตามกระบือไปเข้าทางพอเวลาพลบคำ่าลง กระบือยืนนิ่งอยู่กองบู๊ขับ
ไม่เดิน พอมีผู้เฒ่าคนหนึ่งผมและหนวดขาวงามยืนตรงหน้ากองบู๊ ผู้เฒ่าจึง
ว่ากระบือตัวนี้จงคืนให้แก่เราเถิด กองบู๊ได้ฟังดังนันจึงลงจากหลังกระบือ
                                                   ้
คำานับแล้วตอบว่า กระบือตัวนี้ช่วยชีวิตข้าพเจ้าพ้นจากความตายจงขายให้
ข้าพเจ้าเสียเถิด จะเป็นราคาแพงมากน้อยเท่าใดจะคิดเงินให้ ผู้เฒ่าว่า
กระบือเราไม่ขาย แล้วแกล้งลวงกองบู๊ว่าผู้ใดมายืนอยู่เบื้องหลังเล่า เจ้าจง
เหลียวไปดูก่อน กองบู๊มิได้เห็นผู้ใดจึงเหลียวกลับมาเห็นผู้เฒ่าขี่กระบือ
เหาะขึ้นอากาศหายสูญไป กองบู๊ตกใจคิดว่าปีศาจ ได้กระดาษตกอยู่แผ่น
หนึ่งจึงหยิบขึ้นมาดูเห็นอักษรจารึกไว้ ใจความในหนังสือว่า ผู้ซึ่งมีบุญญาธิ
การแต่ก่อนเทพยดาให้ลงมาเกิดนั้น ต่อเมื่อได้วาสนาถึงที่จะมีบุญแล้ว
เทพยดาก็จะช่วยทะนุบำารุงให้ได้เป็นกษัตริย์โดยง่าย ตัวท่านสู้ยากลำาบาก
เดินกลางวันกลางคืนจนมาตกอยู่ที่ล้อมทหารครั้งนี้ เทพยดาผู้ใหญ่เห็นว่า
ท่านจะมีอันตราย จึงให้เรามาแก้ไขได้พ้นจากความตายแล้ว จงไปอยู่บ้าน
แปะจุยฉิงเถิด อย่าทำาใจเร็วด่วนนักมักมัความลำาบากถึงตัว เบื้องหน้าท่าน
จะได้เป็นกษัตริย์ สืบแซ่เชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นโกโจไปได้ถึงสองร้อยปีเศษ
กองบู๊รู้แจ้งว่าเป็นเทพยดาลงมามีความยินดีนัก จึงพับหนังสือสอดใส่ในเสื้อ
จับง้าวสำาหรับมือ ขึ้นม้าออกหาทางจะไปบ้านแปะจุยฉิง ถึงตำาบลหนึ่งเป็น
หว่างเชิงเขาตก เห็นเรือนมุงใบไม้เอาหญ้าทำาเป็นฝารอบ ได้ยินเสียงคน
ร้องเพลงอยู่ในเรือนว่า เวลาเที่ยงคืนพระจันทร์รัศมีสว่างฟ้า ดีดแต่กระจับปี่
เปล่า ไม่มีผู้จะเป็นคู่ร้องเพลงรับขับประสานเสียง เวลากลางวันร้องเพลงสั้น
หาผู้ดีดกระจับปี่ต่อกังวานเสียงมิได้ ที่สองประการนี้ไม่มีคู่ประกอบกับ
สำาเนียงมิได้เพราะแก่หูผู้ฟัง ตั้งแต่พลัดพรากจากเจ้าแซ่เล่าเชื้อฮั่นมาช้า
นาน ไม่มีความสุข ทุกข์ทนลำาบากเที่ยวเดินป่าสืบหาทุกหนแห่งมิได้เห็น
เวลานี้กลับเป็นฤกษ์ดีแล้ว เมื่อใดผู้มีบุญจะมาพบให้คลายทุกข์บังเกิดสุข
สบาย เปรียบเหมือนดีดกระจับปี่ มีผู้เป็นคู่ร้องรับขับเพลงนั้น ถ้าได้พบเห็นผู้
มีบุญจะคิดให้กำาจัดศัตรูแผ่นดินเสียโดยเร็ว กองบู๊หยุดฟังอยู่ได้ยินดังนั้น
ลงจากม้าเดินเข้ามาถึงเคาะประตูว่า ผู้ใดอยู่ในเรือนนี้จงกรุณาช่วยเปิดประตู
รับ ข้าพเจ้าหนีมาแต่เมืองนำ่าเอี๋ยงผู้เดียว จะขออาศัยอยู่ด้วย
       ฝ่ายเตงอูมิได้รู้ว่าผู้ใด จึงออกไปเปิดประตูเห็นกองบู๊ยินดียิ่งนัก พาเข้า
มานั่งในเรือนต่างคนคำานับกันแล้วเตงอูจึงว่า เมื่อครั้งอองมังให้จับท่านนั้น
ข้าพเจ้าผู้เดียวไม่รู้ที่จะแก้ไขประการใด แต่เห็นว่าท่านมีบุญญาธิการมาก
ถึงมาตรว่าอองมังจะจับได้ก็ไม่เป็นอันตราย ข้าพเจ้าหนีมาสืบรู้ว่าอองมัง
ปล่อยเสียแล้ว ท่านมาตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่บ้านแปะจุยฉิง ข้าพเจ้าจะไปหา
ท่าน ท่านมาพบข้าพเจ้าวันนี้เหตุไรไม่มีทแกล้วทหาร เห็นแต่ผู้เดียวมาฉะนี้
เล่า กองบู๊จึงแจ้งความแต่หลังให้เตงอูฟังแล้วว่า ข้าพเจ้าไปยืมเครื่องมือ
เจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยง ซินโตเกียนพาทหารไล่ล้อมจับเข้าที่อับจนแล้ว พอกระบือ
แดงเขาเดียวพาข้าพเจ้าฝ่าทหารออกมาได้ มีผู้เฒ่าพากระบือหายไปได้แต่
หนังสือฉบับหนึ่ง จึงส่งหนังสือให้เตงอูดู เตงอูแจ้งความดังนั้นจึงท่านเป็นผู้
มีบุญญาธิการยิ่งนัก ถึงที่อับจนแล้วเทพยดาจึงมาช่วยแก้ไขบำารุงรักษามิให้
มีอันตราย กองบู๊จึงปรึกษาว่า ซึ่งเราจะคิดการกำาจัดอองมังครั้งนี้ ทหารที่มี
ฝีมือกล้าแข็งนั้นยังหาเห็นผู้ใดไม่ ข้าพเจ้าวิตกนัก เตงอูจึงว่าเมื่อข้าพเจ้า
เที่ยวสืบหาท่านนั้น พบชายผู้หนึ่งชื่อเอียวกี๋อยู่บ้านป่าริมเชิงเขาข้างซ้ายมือ
บอกข้าพเจ้าว่าได้พบท่านครั้งหนึ่ง เอียวกี๋มีกำาลังและฝีมือกล้าแข็ง ถ้าได้ไว้
เป็นนายทหารเอกทำาการศึกไปภายหน้าพอจะวางใจได้ เตงอูว่าแล้วพากอง
บู๊ขึ้นม้าไปถึงบ้านป่า

27 กองบู๊ได้เอี๋ยวกี๋ไว้เป็นทหารเอก
    ฝ่ายเอียวกี๋ออกมายืนอยู่ที่ประตูเรือน เห็นกองบู๊กับเตงอูมาถึงจึงไป
คำานับ เชิญขึ้นนั่งบนเรือนแล้วถามกองบู๊ว่า ท่านไปอยู่บ้านแปะจุยฉิงแล้วก
ลับมาหาข้าพเจ้าด้วยธุระสิ่งใด กองบู๊ได้ยินดังนันจึงเล่าความแต่หนหนลัง
                                                 ้
ให้เอียวกี๋ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ข้าพเจ้าตั้งซ่องสุมคนได้เป็นอันมาก
คิดจะยกไปตีเมืองหลวง แต่หาผู้ซึ่งคุมทหารทำาการศึกมิได้ ข้าพเจ้ามา
หมายจะเชิญท่านไปช่วยกำาจัดอองมังศัตรูราชสมบัติ ท่านเห็นประการใด
เอียวกี๋จึงว่าข้าพเจ้าก็คิดอยู่ จะใคร่ไปช่วยในการใหญ่ แต่อาลัยด้วยมารดา
ชรานักหาผู้จะอยู่ปรนนิบัติมิได้
     ฝ่ายมารดาเอียวกี๋นั่งฟังอยู่ในเรือน ได้ยินบุตรว่าดังนั้นจึงออกมาว่าแก่
เอียวกี๋ เจ้าจงไปช่วยผู้มีบุญญาธิการกำาจักศัตรูแผ่นดินเถิด ถ้าสำาเร็จราชการ
แล้วความชอบซึ่งเจ้าได้ทำานั้น จะมีผู้ออกชื่อลือชาปรากฎไปได้หมื่นปี ถึง
บิดาเจ้าเล่าก็มีกตัญญู สู้เสียชีวิตตายตามพระเจ้าเปงเต้อันเป็นเจ้าของตัวไป
เจ้าก็เป็นชายเชื้อขุนนางผู้มีบุญญมาเชิญถึงเรือน จะให้ช่วยกำาจัดศัตรูแผ่น
ดินเป็นการใหญ่ เจ้าจะบิดพริ้วเสียนั้นไม่ชอบ มารดาเอียวกี๋ว่ากล่าวเป็น
หลายครั้ง เอียวกี๋นิ่งอยู่มิได้รับคำาว่าจะไป ก็เข้าใจว่าเอียวกี๋มีความกตัญญู
เป็นหว่งมารดายิ่งนัก จึงคิดว่าตัวเราก็ชราชีวิตนับวันแต่จะตาย ซึ่งเอียวกี๋ไม่
ไปช่วยผู้มีบุญเพราะเป็นห่วงอาลัยอยู่ มารดาเอียวกี๋จึงบอกแก่บุตรหวังจะมิ
ให้สงสัย เจ้าจงนั่งพูดอยู่กับกองบู๊มารดาจะเข้าไปหุงอาหารจัดโต๊ะมาเลี้ยง
ว่าแล้วก็เข้าไปในครัวเรือนจึงเอาเชือกผูกคอตาย หมายจะตัดห่วงเอียวกี๋ผู้
บุตรจะให้ไปช่วยผู้มีบุญ
     ฝ่ายเอียวกี๋นั่งสนทนากันกับกองบู๊ เตงอู เป็นช้านาน มิได้เห็นมารดา
ออกมาจึงตามเข้าไปในครัวเรือน เห็นมารดาผูกคอตายห้อยตัวอยู่ตกใจนัก
โดดขึ้นด้วยกำาลังตัดเชือกขาดลงมาเข้าแก้ไขเห็นว่ามารดาสิ้นใจแล้ว เอีย
วกี๋ร้องไห้กอดศพมารดาสลบแน่นิ่งไป
       ฝ่ายกองบู๊รู้ว่ามารดาเอียวกี๋ผูกคอตายมีความอาลัย จึงว่ากับเตงอูว่า
เราทั้งสองมานี้เหมือนจะแกล้งให้มารดาเอียวกี๋ตาย กองบู๊กับเตงอูวิ่งเข้าไป
ร้องไห้รักมารดาเอียวกี๋ เตงอูจึงเข้าแก้ไขเอียวกี๋ซึ่งสลบอยู่นั้น ครั้นฟื้น
สมประดีขึ้นมา เอียวกี๋ร้องไห้รักมารดามิได้หยุด กองบู๊จึงว่ากล่าวเอาใจเอีย
วกี๋ว่ามารดาท่านตายแล้ว ถึงจะร้องไห้ไปมารดาท่านก็มิได้คืนเป็นมา จง
ระงับดับความโศกช่วยกันคิดการฝังศพจึงจะชอบ เอียวกี๋ค่อยได้สติคืนมาจึง
จัดแจงเครื่องฝังศพ ทั้งสามคนช่วยกันยกศพมารดาเอียวกี๋ไปฝังนอกบ้าน
เอียวกี๋มีนำ้าตามิได้ขาดหน้า ฝังศพมารดาแล้วจึงบอกกองบู๊ว่า เชิญท่านกลับ
ไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะขอนุ่งขาวเฝ้าหลุมศพมารดาสามปี แล้วจึงจะไปช่วย
ท่านทำาการศึก กองบู๊ได้ฟังดังนัน จึงว่าเมื่อครั้งข้าพเจ้าหนีโซเหี้ยนมาอาศัย
                                   ้
ศาลเจ้าอูอ๋อง ท่านไปรับจากเรือนมารดาท่าน ท่านมีความกรุณาได้ปฎิบัติ
รักษา ซึ่งมารดาท่านตายเพราะด้วยข้าพเจ้ามาเชิญ ท่านกลัวท่านจะเป็น
ห่วงไม่ไปกลับข้าพเจ้า มารดาท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้ายิ่งนักยังมิได้สนองคุณ
ซึ่งท่านนุ่งขาวไว้ทุกข์ตามธรรเนียมนั้น ข้าพเจ้าจะขอกระทำาแทนคุณมารดา
ท่านอย่าวิตกเลย กองบู๊จึงนุ่งขาวคำานับศพมารดาแทนเอียวกี๋
      ฝ่ายเอียวกี๋เห็นดังนั้นมีความยินดีคิดว่า มารดามีวาสนาได้มีผู้มีบุญเป็น
บุตรเลี้ยง เอียวกี๋เห็นว่ากองบู๊รักโดยสุจริต จึงว่าซึ่งท่านกรุณาข้าพเจ้าครั้งนี้
ขอบคุณนัก จะขอไปช่วยทำาการศึกสนองคุณท่าน ว่าแล้วก็จัดแจงเกาทัณฑ์
สำาหรับมือ ขึ้นม้าตามกองบู๊กับเตงอูออกจากบ้านเดินตามทางไป

28 ตีเมืองฮูเอี๋ยงเป็นที่มั่น
     ฝ่ายซินโตเกียน ขณะเมื่อกองบู๊หนีไปจากที่ล้อม จึงให้อองหลิบพาท
หารเที่ยวสืบหากองบู๊ ฝ่ายหลีทองครั้นทหารซินโตเกียนไล่จับกองบู๊ ต่าง
คนพลัดกันกระจัดกระจายไป มิได้รู้ว่ากองบู๊ไปแห่งใดมีความวิตกนัก จึง
รวบรวมทหารห้าร้อยมาพร้อมกันแล้ว หลีทองกับหลีเทียดผู้น้องพาทหาร
เที่ยวตามหากองบู๊ทุกตำาบล
     ฝ่ายอองหลิบพาทหารเที่ยวไป พอพบกองบู๊เดินสวนทางมาจึงขับม้า
พาทหารเข้าล้อมจับ เอียวกี๋จึงขับม้าขึ้นหน้ากองบู๊เข้ากับอองหลิบ ออง
หลิบต้านทานมิได้ชักม้าหนี เอียวกี๋ขับม้าไล่ฆ่าฟันทหารอองหลิบแตก
กระจายไป แต่อองหลิบหนีเข้าแอบแฝงต้นไม้ใหญ่อยู่ พอหลีทองกับหลี
เทียดขี่ม้ามาก็เข้าจับอองหลิบได้ เอียวกี๋ขับม้าเข้าไปจะชิงเอาตัวอองหลิบ
กองบู๊จึงร้องห้ามว่าหลีทองเป็นพวกเราท่านอย่าชิงกันเลย หลีทองจึงเอาตัว
อองหลิบมาคำานับกองบู๊ แล้วว่าแต่ข้าพเจ้าเที่ยวหาท่านในเมืองนำ่าเอี๋ยงทุก
ตำาบล วิตกกลัวท่านจะมีอันตราย ซึ่งมาพบท่านวันนี้ข้าพเจ้าดีใจนัก กองบู๊
จึงว่าครั้งซินโตเกียนไล่จับข้าพเจ้าหนีมาเข้าที่ล้อม ชีวิตตกอยู่ในเงื้อมมือ
ทหารซินโตเกียนแล้ว เดชะด้วยวาสนายังไม่ถึงที่ตาย พอกระบือแดงเขา
เดียวพาข้าพเจ้าวิ่งไล่ฝ่าทหารออกมา กองบู๊ก็เล่าความแต่หลังให้หลีทอง
ฟังทุกประการ หลีทองได้ฟังดังนั้นก็ดีใจนัก จึงว่าท่านมีบุญญาธิการมาก
ถึงที่อับจนเทวดาจึงมาช่วยได้เป็นอัศจรรย์ฉะนี้ ถ้าจะทำาการศึกใหญ่ไปภาย
หน้า ก็จะมีชัยแก่อองมังโดยง่าย ครั้นสนทนากันแล้วกองบู๊ขึ้นม้าพาหลีทอง
กับเตงอู เอียวกี๋ หลีเทียด อองหลิบ ไปตามทางถึงบ้านแปะจุยฉิง กองบู๊
เข้าไปคำานับเล่าเหลียงเล่าความให้เล่าเหลียงฟังทุกประการ เล่าเหลียงครั้น
กองบู๊ผู้หลานได้ทหารมามีความยินดีนักจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยง
    ฝ่ายเตงอูนั่งกินโต๊ะเสพสุราปรึกษากองบู๊ว่า บัดนี้ทหารเอกทหารเลว
และเสบียงอาหารก็พอจะทำาศึกใหญ่ได้แล้ว แต่ยังหาเมื่องซึ่งเป็นที่มั่นยัง
ไม่ได้ อันเมืองฮูเอี๋ยงนั้นมีกำาแพงสูง ถึงข้าศึกจะปีนปล้นก็ยาก ทั้งประตูหอ
รบก็มั่นคงมีที่ทางช่องแคบ แอบอาศัยซุ่มทัพรับข้าศึก และทางหนีทีไล่ก็
สะดวก เห็นจะเอาเป็นที่มั่นได้ ขอท่านจงจัดกองทัพไปตีเมืองฮูเอี๋ยงขน
เสบียงอาหาร ที่จะเลี้ยงทแกล้วทหารขึ้นฉางน้อยใหญ่ไว้ให้มากแล้ว จะได้
ไปตีเมืองฮูเอี๋ยงและเมืองขึ้นสามสิบหกเมืองไว้เป็นกำาลัง จึงจะคิดการยก
ไปตีเมืองหลวงสืบไป กองบู๊กับเล่าเหลียงได้ฟังก็เห็นชอบ จึงจัดทหารอันมี
ฝีมือดีได้พันห้าร้อย ทหารนอกเกณฑ์เล่าเหลียงเอาไว้ให้อยู่รักษาค่ายบ้าน
แปะจุยฉิง ครั้นถึงวันฤกษ์ดีเล่าเหลียงจึงตั้งเอียวกี๋เป็นแม่ทัพหน้าคุมทหาร
ห้าร้อย ตั้งกองบู๊เป็นแม่ทัพหลวงคุมทหารพันหนึ่งยกออกไปจากค่ายฮูเอี๋ยง
กองบู๊ให้ตั้งค่ายลงตรงหน้าเมือง
     ฝ่ายฮั่นเตาเจ้าเมืองฮูเอี๋ยงรู้ว่ากองทัพเล่าสิ้วบุนซกยกมา จึงสั่งมหารให้
ปิดประตูเมือง แล้วให้ขับชาวเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ ฮั่นเตาขึ้นไป
บนหอรบ แลเห็นทหารเล่าสิ้วบุนซกล้วนมีฝีมือกล้าแข็งทุกตัวคน ออกมาส
อบเพลงอาวุธกันอยู่ที่หน้าค่าย ฮั่นเตาคิดว่าจะแต่งกองทัพออกสู้ต้านทาน
เห็นกำาลังทหารฝ่ายเราจะสู้ฝีมือทหารเล่าสิ้วบุนซกมิได้ จำาจะคิดอุบายให้
เล่าสิ้วบุนซกกอยทัพ ฮั่นเตาเห็นเล่าสิ้วบุนซกขี่ม้ามายืนอยู่หน้าค่าย จึงร้อง
บอกออกไปว่าข้าพเจ้าจะยอมเข้าด้วยแต่ขอทุเลาสามวันพอจัดแจงสิ่งขิง
บรรณาการแล้วจึงจะเปิดประตูเมืองออกไปคำานับ ขอท่านจงถอยทัพเสีย
เถิด กองบู๊ได้ยินดังนันสำาคัญว่าฮั่นเตาจะยอมเข้าด้วยโดยดี จึงสั่งทหารให้
                       ้
ถอยทัพออกไปตั้งค่ายอยู่ห่างจากเมืองตามสัญญา

29 ฮั่นเตาจับเล่าเปาอาเล่าสิ้วบุนซก
     ฝ่ายฮั่นเตาเห็นเล่าสิ้วบุนซุกถอยทัพก็ดีใจ จึงลงจากหอรบสั่งให้ทหาร
เที่ยวสืบจับผู้ซึ่งรวมแซ่เล่าสิ้วบุนซก ทหารจับตัวเล่าเปามาได้ ฮั่นเตาให้ซัก
ถามแจ้งความว่าเป็นอาเล่าสิ้วบุนซก ฮั่นเตาให้ทหารคุมตัวเล่าเปาไว้ ฝ่าย
กองบู๊ครั้นครบกำาหนดสามวัน มิได้เห็นฮั่นเตาเปิดหระตูเมืองตามสัญญา จึง
ให้ทหารร้องบอกเข้าไปว่า ให้เร่งเปิดประตูเมืองรับกองทัพโดยดี ถ้าจะคิด
แข็งเมืองจะให้ทหารปีนกำาแพงเข้าไปฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง
     ฝ่ายทหารซึ่งรักษาหน้าที่เชิงเทิน ได้ยินดังนันจึงเข้าไปแจ้งความแก่เจ้า
                                                  ้
เมืองฮูเอี๋ยง เจ้าเมืองฮูเอี๋ยงจึงมัดเล่าเปาให้ทหารคุมตามฮั่นเตาขึ้นบนเชิง
เทิน แล้วร้องบอกออกไปว่าให้เล่าสิ้วบุนซกออกมาเจรจากับเรานอกค่าย
ทหารจึงไปแจ้งแก่กองบู๊ตามคำาฮั่นเตา กองบู๊จึงแต่งตัวขึ้นม้าถือง้าว พาเต
งอูกับนายทหารทั้งปวงออกมายืนอยู่หน้าค่าย ฝ่ายฮั่นเตาจึงว่าแก่เล่าเปา
บัดนี้หลานตัวคิดกับพวกโจรยกมาตีเมืองเรา ตัวจงบอกให้เลิกทัพกลับไป
ถ้าหลานตัวมิฟังจะยกเข้ามาเราจะตัดศรีษะท่านเสีย ฮั่นเตาจึงให้ท่านตีเร่ง
เล่าเปาให้ร้องห้ามกองทัพ เล่าเปากลัวความตายแลไปเห็นกองทัพกองบู๊
ยืนมิอยู่กลางทหาร เล่าเปาจึงร้องบอกไปว่า เจ้าจงกรุณาอาเถิดเร่งถอยทัพ
กลับไปอาจึงจะรอดชีวิต ถ้ามิฟังจะยกเข้าสู้เจ้าเมืองฮูเอี๋ยงก็จะฆ่าอาเสีย
เวลาวันนี้
     ฝ่ายกองบู๊ได้ยินดังนั้น แลขึ้นไปเห็นเล่าเปาทหารฮั่นเตามัดยืนอยู่บน
เชิงเทิน กองบู๊มีความสงสารเสียใจสิ้นสติตกลงจากม้า ทหารข้างเคียงเข้า
ประคองไว้ ฮั่นเตาแลเห็นจึงร้องออกไปว่า ท่านไม่รักอาจะขืนเข้ามารบเรา
จะฆ่าท่านเสีย กองบู๊ครั้นได้สติขึ้นมา ได้ยนดังนั้นมีความอาลัยนัก กลัวฮั่น
                                           ิ
เตาจะฆ่าเล่าเปาเสีย จึงร้องบอกว่าท่านจงกรุณา อย่าเพ่อฆ่าอาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะถอยทัพกลับไปจัดแจงสิ่งของสามวันจะกลับมาเข้าด้วย จะแลก
ชีวิตอาไว้ให้พ้นความตาย
     ฝ่ายกองบู๊เลิกทัพกลับมายังบ้านแปะจุยฉิง จึงลงจากม้าเข้าไปร้องไห้
บอกความแก่เล่าเหลียงทุกประการ แล้วปรึกษาทหารทั้งปวงว่า อาข้าพเจ้า
ฮั่นเตาจับไว้จะฆ่าเสีย ถ้าท่านไม่คิดกลอุบายแก้ไขอาข้าพเจ้าให้รอดจาก
ความตายครั้งนี้ ข้าพเจ้าก็จะมัดตัวเข้าไปหาฮั่นเตา จะแลกเอาชีวิตอาไว้ให้
รอดจากความตาย
     ฝ่ายนายทหารทั้งปวงมิได้เห็นอุบายที่จะแก้ไขประการใดพากันนิ่งอยู่
เอียวกี๋จึงว่าซึ่งท่านไปรับข้าพเจ้ามาจนมารดาข้าพเจ้าตาย ข้าพเจ้าก็หมาย
จะช่วยท่านทำาการปราบปรามศัตรูแผ่นดิน ฮั่นเตาจับเอาอาท่านไว้ ท่าน
อาลัยด้วยเสียดายชีวิตเล่าเปาเป็นการใหญ่กว่าแผ่นดิน จะเข้าด้วยฮั่นเตา
แลกชีวิตนั้น ถ้ามารดาข้าพเจ้าที่ตายคืนเป็นมาเมื่อใด ข้าพเจ้าจึงจะยอมเข้า
ด้วยฮั่นเตาตามคำาท่าน ซึ่งท่านจะทำาใจอ่อนเหมือนสตรีไม่มีมานะจะเลิกการ
ใหญ่เสียไม่ควร ทหารทั้งปวงก็ว่ากล่าวห้ามปราม มิให้กองบู๊ไปยอมเข้ากับ
ฮั่นเตา ด้วยหาผู้ใดที่จะช่วยคิดอุบายแก้ไข เอาชีวิตเล่าเปาให้รอดพ้นมือฮั่น
เตามิได้

30 ตันจุนอาสาช่วยเล่าเปา
        ้
    ฝ่ายตันจุ้นเดินทางมาถึงบ้านแปะจุยฉิง จึงหยุดอยู่ที่ประตูค่าย ให้นาย
ประตูค่ายเข้าไปบอกกองบู๊ กองบู๊จึงว่าการใหญ่จะเลิกเสียแล้ว ถึงผู้ใดจะ
เข้ามาก็หาต้องการไม่ ตันจุ้นนั่งอยู่ประตูค่ายได้ยินดังนั้น จึงเดินเข้าไป
คำานับกองบู๊ในที่ประชุมขุนนาง ตันจุนจึงว่าข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นผู้มีบุญ จึง
                                     ้
เข้ามาสามิภักดิ์จะช่วยทำาการใหญ่ เหตุใดท่านจึงไม่ต้องการข้าพเจ้าเล่า
กองบู๊เล่าความให้ฟังว่าเรายกทัพไปตีเมืองฮูเอี๋ยง ฮั่นเตาจับอาเรามาไว้
ครั้นจะเข้าหักเอาเมืองเล่าฮั่นเตาจะฆ่าอาเสีย จะมีผู้นนทาว่ารักสมบัติ
                                                      ิ
มากกว่าชีวิตอา หาผู้ใดจะช่วยคิดแก้ไขให้อาเรารอดพ้นจากความตายมิได้
จึงให้ถอยทัพกลับไปยอมเข้าด้วยฮั่นเตา แลกชีวิตอาไว้ไม่คิดซ่องสุมผู้คน
ต่อไป เราจึงว่าไม่ต้องการ ตันจุ้นจึงว่าการแต่เพียงนี้ ทหารทั้งปวงจะช่วย
คิดแก้ไขไม่ได้แล้วที่ไหนจะเป็นแม่ทัพนายกอง คุมทหารทำาการศึกใหญ่
สืบไปได้เล่า กองบู๊ได้ยินตันจุ้นว่ากล่าวเป็นคนมีสติปัญญา จึงเลื่อนลงมานั่ง
ใกล้ถามว่า ท่านเห็นอุบายประการใดจงกรุณาช่วยคิดแก้ไขให้อาข้าพเจ้า
รอดจากความตายครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะได้ตีฮูเอี๋ยง จะสนองคุณท่านให้ถึงขนาด
ตันจุ้นจึงว่าข้าพเจ้าจะปลอมเป็นคนหาบฟืนเข้าไปในเมือง ท่านจงยก
กองทัพเข้าไปประชิดให้ถึงเชิงกำาแพง ฮั่นเตารู้ว่ากองทัพไปถึงก็จะขับไล่
ไพราพลเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทิน ข้าพเจ้าจะปลอมเป็นทหารชาวเมือง
เข้าไปใกล้ฮั่นเตาถ้าชอบทีจะฟันฮั่นเตาเสียให้ตาย จะเปิดประตูเมืองรับ
กองทัพท่าน อุบายอันนี้มีประโยชน์ถึงสองประการ เข้าเมืองได้โดยง่ายไม่
ต้องลำาบากทหาร ทั้งอาท่านก็จะรอดชีวิต ข้าพเจ้าคิดฉะนี้ท่านเห็นประการ
ใด กองบู๊กับเตงอูทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วยกัน กองบู๊มีความ
ยินดีนัก จึงสรรเสริญว่าท่านมีสติปัญญาควรที่จะเป็นนายทหาร ท่านจงเร่ง
เข้าไปทำาอุบายให้สำาเร็จโดยความคิดท่านเถิด ข้าพเจ้าจะยกทัพเข้าประชิด
ตามคำาท่าน ตันจุนคำานับลาออกจากค่ายเอาดาบสั้นซ่อนในเสื้อแต่งตัว
                   ้
เหมือนคนขายฟืน จึงหาบฟืนปลอมเป็นชาวเมืองเข้าไปทางประตูน้อย เดิน
ตามถนนเที่ยวร้องขายฟืนในเมือง ชาวเมืองถามซื้อ ตันจุ้นบอกราคาแพงนัก
ไม่มีผู้ซื้อ
        ฝ่ายกองบู๊รู้ว่าตันจุ้นเข้าเมืองได้แล้ว จึงยกกองทัพเข้าประชิดกำาแพง
เมืองฮูเอี๋ยง เสียงม้าล่อและกลองรบทหารโห่ร้องอื้ออึง เหมือนหนึ่งจะขึ้น
ปล้นปีนกำาแพงหักเอาเมืองโดยฝีมือทหาร ฝ่ายคนซึ่งประจำารักษาเชิงเทิน
ต่างคนตกใจวิ่งไปบอกฮั่นเตาว่า กองทัพยกมาอีกเป็นจำานวนมาก ฮั่นเตาสั่ง
ทหารให้ขับชาวเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทิน แล้วฮั่นเตาขึ้นตรวจตราทหาร
ให้ประจำาหน้าที่อยู่บนเชิงเทิน

31 เล่าสิ้วบุนซกได้เมืองฮูเอี๋ยง
      ฝ่ายตันจุ้นเห็นดังนันจึงทิ้งหาบฟืนลงไว้มีแต่มือเปล่า ขึนไปช่วยโห่ร้อง
                           ้                                  ้
วิ่งไปมา ครั้นเห็นฮั่นเตาประมาทไม่ระวังตัวได้ท่วงทีจึงวิ่งเข้ามาใกล้ ชัก
ดาบออกจากเสื้อแทงถูกฮั่นเตาตกเชิงเทินตาย ตันจุ้นไล่ฆ่าฟันทหารซึ่ง
รักษาเชิงเทินแตกตื่นหนี ตันจุ้นวิ่งลงไปเปิดประตูเมือง กองบู๊ขับทหารเข้า
เมืองได้จึงให้ทหารแก้มัดเล่าเปาผู้เป็นอาพาเข้าไปนั่งที่ประชุมขุนนาง แล้ว
กำาชับมิให้ทหารข่มเหงเก็บริบทรัพย์สิ่งของชาวเมือง กองบู๊เอาใจโอบอ้อม
อารีแก่ราษฎรมิให้สะดุ้งตกใจ แล้วจึงหาตัวตันจุ้นเข้ามาว่า ท่านอุบายแก้ไข
ได้เมืองแล้ว ชีวิตอาข้าพเจ้ารอดจากความตาย ได้สำาเร็จความคิดถึงสอง
ประการฉะนี้ ท่านมีความชอบเป็นอันมาก กองบู๊จึงตั้งตันจุ้นเป็นนายทหาร
จัดแจงทรัพย์สิ่งของให้แก่ตันจุ้นเป็นบำาเหน็จโดยสมควรแล้วใช้ทหารไป
แจงความแก่เล่าเหลียงทุกประการ
       ฝ่ายเล่าเหลียงรู้ว่ากองบู๊ได้เมืองแล้ว จึงยกครอบครัวขนข้าวปลา
อาหารเข้ามาขึ้นฉางน้อยใหญ่ไว้ในเมืองฮูเอี๋ยง แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทหาร
ทั้งปวงพร้อมกันกินสุราเป็นที่สนุกสบาย ฝ่ายคนใช้โซหัวผู้ตาย ครั้นรู้ว่า
เกียนถำากลับเข้าด้วยเล่าสิ้วบุนซกแล้ว จึงพากันเข้าเมืองหลวงแจ้งความทั้ง
ปวงแต่หลังให้โซเหี้ยนฟังทุกประการ โซเหี้ยนรู้ว่าโซหัวตายจึงเข้าไปบอก
แก่อองมังว่า เล่าสิ้วบุนซกหนีไปอยู่บ้านแปะจุยฉิง ข้าพเจ้าให้โซหัวผู้บุตร
ตามไปจับเล่าสิ้วบุนซกจะเอามาให้ท่าน ชาวบ้านแปะจุยฉิงออกชิงเอาเล่า
สิ้วบุนซกไว้ฆ่าโซหัวตาย บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกเกลี้ยกล่อมชาวบ้าน ยกเข้าตี
เมืองฮูเอี๋ยงได้ ทั้งตัวเกียนถำาก็ไปเข้าเกลี้ยกล่อมด้วย เห็นว่าเล่าสิ้วบุนซก
จะมีใจกำาเริบยกทัพเข้ามาตีเมืองหลวงเป็นมั่นคง อองมังได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ
จึงสั่งให้โซงวนโซยเป็นแม่ทัพยกออกไปตั้งเกี้ยกล่อมทหารอยู่ ณ เมืองอี
จุ๋ย คอยตีกองทัพพวกบ้านแปะจุยฉิงจับตัวเล่าสิ้วบุนซกฆ่าเสียให้จงได้
โซงวนโซยคำานับลาออกมาจัดทัพยกไปตั้งค่ายอยู่เมืองอีจุ๋ยตามอองมังสั่ง
      ฝ่ายเตงอูอยู่ในเมืองฮูเอี๋ยง เห็นกองบู๊กินแต่สุราไม่คิดการศึก จึงเข้าไป
ปรึกษาว่าท่านได้แต่เมืองฮูเอี๋ยงเป็นเมืองน้อย ไม่คิดที่จะตีเอาหัวเมืองทั้ง
ปวง กระทำาเขตแดนให้กว้างขวางไว้นั้น ถ้าอองมังยกทัพใหญ่มา เห็นว่า
ทหารเราจะต่อสู้ต้านทานฝีมือทหารชาวเมืองหลวงมิได้ ซึ่งท่านยกศึกแรก
เป็นฤกษ์ดีมีชัยได้เมืองฮูเอี๋ยงครั้งนี้ ขอให้หลีทองกับเกียนถำาคุมทหารห้า
ร้อยยกไปตีเมืองนำ่าเอี๋ยงทางหนึ่ง ให้เล่าอิ๋นกับหลีเทียดคุมทหารห้าร้อยยก
ไปตีเมืองเก๊กเอี๋ยงทางหนึ่ง ท่านกับเอียวกี๋คุมทหารห้าร้อยยกไปตีเมืองซิน
เอี๋ยทางหนึ่ง เล่าเหลียงกับข้าพเจ้าจะระงับอยู่รักษาเมืองฮูเอี๋ยงมิให้เป็น
อันตราย ถ้าตีเมืองทั้งสามได้เครื่องศัสตราวุธและทแกล้วทหารมาสบทบก
องทัพเรามากขึ้นแล้ว ถึงมาตรว่าอองมังจะยกทัพใหญ่มา ก็เห็นพอจะสู้รบ
เอาชัยชนะได้ กองบู๊กับนายทหานทั้งปวงเห็นชอบด้วยต่างคนจัดแจงทหาร
ยกออกจากเมืองฮูเอี๋ยงแยกกันไปสามทางตามคำาเตงอู

32 ตีเอาหัวเมืองขยายเขตแดน
      ฝ่ายกองบู๊กับเอียวกี๋ยกไปถึงเมืองซินเอี๋ย จึงให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ใกล้เชิง
กำาแพงประมาณทางสามสิบเส้น จึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า ไต้
ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกผู้เป็นพระเจ้าหลานพระเจ้าเปงเต้ มาถึงเมืองซินเอี๋ย ด้วยออ
งมังคิดกฎบประทุษร้ายต่อแผ่นดิน ยกจูเอ๋งขึ้นเป็นฮ่องเต้ จูเอ๋งหาความผิด
มิได้อองมังถอดจูเอ๋งเสียจากที่ฮ่องเต้แล้ว อองมังชิงสมบัติตั้งตัวเป็นใหญ่
ในเมืองหลวง เอาจูเอ๋งไปคุมขังไว้ ณ ตำาหนักหลังวังให้จูเอ๋งอดอาหารตาย
แปลงกฎหมายพิกัดค่านา และส่วยสาอากรให้เกินอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน
ราษฎรได้ความเดือดร้อน จึงประชุมพร้อมใจกันให้เราเป็นแม่ทัพใหญ่ ยกจะ
ไปกำาจัดอองมังศัตรูแผ่นดินเสีย แล้วจะหาผู้มีบุญญาธิการขึ้นครองราช
สมบัติในเมืองหลวง บำารุงหัวเมืองทั้งปวงให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบไปเหมือนดัง
ก่อน ถ้าเจ้าเมืองซินเอี๋ยจะเข้าด้วยช่วยบำารุงแผ่นดินก็ให้ออกมากาเราโดยดี
ถ้าจะเข้าด้วยอองมังผู้กระทำาผิด ก็ให้เร่งยกกองทัพออกมารบกับเราให้ถึง
แพ้ชนะ ครั้นแต่งหนังสือแล้วเข้าผนึกตีตราประทับส่ง ให้ทหารเข้าไปสื่อ
เมืองซินเอี๋ย ทหารรับหนังสือคำานับลาขึ้นม้าไปถึงประตูเมืองจึงแจ้งความให้
นายประตูฟัง แล้วให้นายประตูพาเข้าไปคำานับส่งหนังสือให้แก่เจ้าเมืองซิน
เอี๋ย
      ฝ่ายเก๋งต้านรับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความว่าเล่าสิ้วบุนซกผู้มีบุญ
ยกมา จึงปรึกษาคับเอี๋ยนซึ่งเป็นฮูเจี๋ยงว่าเล่าสิ้วบุนซกคนนี้มีบุญญาธิการ
นานไปจะได้เป็นกษัตริย์บำารุงแผ่นดิน ซึ่งมีหนังสือมาทั้งนี้เป็นทางปรึกษา
ถ้าเราคิดต่อสู้ฝีมือชาวเมืองหรือจะต้านทานทหารผู้มีบุญได้ เราคิดจะไปเข้า
ด้วยเล่าสิ้วบุนซกราษฎรชาวเมืองจึงจะไม่เดือดร้อนท่านเห็นประการใด คับ
เอี่ยนเห็นชอบ ทั้งสองนายจึงพาขุนนางและทหารเปิดประตูเมืองออกไป
รับคำานับเชิญกองบู๊เข้ามาในเมืองแล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยง กองบู๊จึงสั่งทหารมิ
ให้กระทำายำ่ายีแก่ราษฎรชาวเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข
     ฝ่ายเล่าอิ๋น กับหลีมองยกกองทัพไปถึงเมืองเก๊กเอี๋ยง ตั้งค่ายมั่นลงไว้
ใกล้เมืองทางหกสิบสองเส้นสิบวา เล่าอิ๋นจึงให้ทหารไปสืบรู้ว่ากองบู๊ได้
เมืองซินเอี๋ยแล้ว เล่าอิ๋นจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งใจความว่า หนุงสือเล่าอิ๋
นมาถึงเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยง ด้วยไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกเป็นผู้มีบุญญาธิการ ตั้ง
กองเกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารอยู่ ณ บ้านแปะจุยฉิงหลายปี บัดนี้พร้อมทหาร
ยกกองทัพใหญ่หัวเมืองรายทางพากันเข้าด้วยเป็นอันมาก ยกมาถึงเมืองฮู
เอี๋ยงเจ้าเมืองออกต่อสู้ฝีมือทห่รต้านทานมิได้ ไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกยกเข้าตี
เมืองได้โดยง่ายดุจดังเด็ดผัก บัดนี้ยกเข้าพักทหารอยู่ ณ เมืองซินเอี๋ย ไต้
ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกมีบุญญาธิการเทพยดารักษา ทั้งผู้มีสติปัญญาก็มาสามิภักดิ์
เข้าช่วยคิดการศึก ไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกมีใจโอบอ้อมอารีราษฎร ต่างคนยินดี
เข้าด้วยเอาใจช่วยผู้มีบุญให้กำาจัดศัตรูแผ่นดิน จึงแต่งให้เราผู้ชื่อว่าเล่าอิ๋น
ยกกองทัพมาปราบเมืองเก๊กเอี๋ยง ถ้าเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยงจะยอมเข้าด้วยช่วยผู้
มีบุญกำาจัดอองมัง สำาเร็จราชการแล้วจะให้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ ถ้ามิยอม
เข้าด้วยเราจะยกกองทัพเข้าไปฆ่าเสียให้สิ้น ครั้นแต่งหนังสือแล้วส่งให้
ทหารถือเข้าไปในเมือง ทหารรับหนังสือคำานับลาเข้ามาบอกแก่นายประตูให้
พาเข้าไปส่งหนังสือให้งมเหงเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยง เจ้าเมืองฉีกผนึกออกอ่าน
                          ิ
แจ้งความดังนันก็โกรธ ฉีกหนังสือทิ้งเสียแล้วด่าว่า พวกอ้ายโจรป่าบังอาจ
                ้
ใจยกเข้ามาเหยียบชานเมืองกู กูจะจับฆ่าเสียให้สิ้น จึงสั่งทหารให้ตีผู้ถือ
หนังสือยี่สิบทีโดยสาหัส จึงให้ไสออกไปเสียจากเมือง แล้วงิมเหงจัดทหาร
มีฝีมือห้าร้อย งิมเหงแต่งตัวใส่เสื้อแดงสวมเกราะทองคำาใส่หมวกทองมีจุก
เป็นรูปหงส์ ผูกสอดเครื่องสาตราสั้นสำาหรับทหารถือง้าวใหญ่เข้าไปคำานับ
มารดา แล้วเล่าความทั้งปวงให้ฟังทุกประการ มารดางิมเหงว่าเล่าสิ้วบุนซก
เป็นเชื้อวงศ์กษัตริย์ คนทั้งปวงนิยมยินดีเข้าด้วยทั้งแผ่นดิน ตัวเจ้าผู้เดียวจะ
ไปต่อสู้กับทหารผู้มีบุญครั้งนี้มารดาเห็นว่าจะมีอันตรายเป็นมั่นคง จงออกไป
สามิภักดิ์เข้าด้วยเล่าสิ้วบุนซก บ้านเมืองเราจึงจะมีความสุขสืบไป งิมเหงฟัง
มารดาห้ามก็โกรธ มิได้คำานับลุกออกมาขึ้นม้าสีแสดพาทหารเปิดประตูเมือง
ออกไปถึงหน้าค่ายเล่าอิ๋น งิมเหงจึงร้องเข้าไปว่าผู้ใดมีฝีมือ องอาจยกมาจะ
รบกับเราให้เร่งออกมาต่อสู้กัน ดูฝีมือกัยใหถึงแพ้ชนะ หลีเทียดซึ่งเป็น
แม่ทัพหน้าได้ยินดังนั้นจึงขึ้นม้าถือทวนพาทหารออกมายืนหน้าค่าย จึงร้อง
พูดจาเกลี้ยกล่อมงิมเหงโดยดีว่า ท่านจงยอมเข้าทำาราชการด้วยท่านผู้มี
บุญช่วยกำาจัดอองมัง ท่านจะได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ งิมเหงได้ฟังก็โกรธ จึง
ด่าว่าอ้ายพวกโจรป่ามึงอย่ามาเกลี้ย กล่อมกูเลย กูจะฆ่าเสียบัดนี้ ว่าแล้วขับ
ม้ารำาง้าวเข้ารบด้วยหลีเทียดได้ยี่สิบเพลง งิมเหงทำาชักม้าเป็นทีจะหนี หลี
เทียดได้ทีขับม้าไล่ติดตาม งิมเหงเหลียวหลังมาน้าวเกาทัณฑ์ยิงถูกเกราะ
หลีเทียดตกม้าลง มหารเท้าม้าอุ้มประคองป้องกันรอรับกลับมาค่าย เล่าอิ๋น
เห็นดังนั้นขับม้าเข้ารบกับงิมเหงได้ยี่สิบเพลง งิมเหงทำาเสียที เล่าอิ๋นแทง
ด้วยทวน งิมเหงหลบหลีกไม่ถูก ม้าเล่าอิ๋นถลำาเข้าไปงิมเหงชักอาวุธสั้น
ออกจากเสื้อ ตีถูกไหล่เล่าอิ๋นเจ็บสาหัส เล่าอิ๋นชักม้ากลับ งิมเหงขับทหาร
ไล่ตามเข้าไปถึงค่าย เล่าอิ๋นกับหลีเทียดทิ่งค่ายเสียขับม้าพาทหารหนีไป
งิมเหงได้ชัยชนะแล้วพาทหารกลับเข้าเมือง
     ฝ่ายเล่าอิ๋นกับหลีเทียดหนีงิมเหงมาถึงเมืองฮูเอี๋ยง จึงเข้าไปกคำานับ
เล่าเหลียงแจ้งความตามซึ่งได้รบกับงิมเหงทุกประการ เล่าเหลียงได้ฟังดัง
นั้นตกใจนัก ขณะนั้นหลีทองกับเกียนถำาไปตีเมืองนำ่าเอี๋ยงได้แล้ว กลับมาบ
อกแก่เล่าเหลียงทุกประการ

33 งิมเหงรบกับเอี๋ยวกี๋
     ฝ่ายกองบู๊ครั้นจัดแจงเมืองซินเอี๋ยแล้ว จึงพาเก๋งต้านกับคับเอี๋ยนเข้ามา
คำานับเล่าความทั้งปวงให้เล่าเหลียงกับเตงอูฟัง เล่าเหลียงจึงบอกแก่กองบู๊
ว่า เล่าอิ๋นกับหลีเทียดถูกอาวุธป่วยแตกหนีมา กองบู๊ได้ยินออกชื่องิมเหงก็
ตกใจ จึงว่างิมเหงคนนี้ฝีมือดีรบกับม้าบู๊ในที่สนามหัดถึงสองร้อยเพลงจึงได้
เป็นที่จ้อหงวน อองมังแต่งตั้งออกมารักษาเมืองเก๊ฏเอี๋ยงเมื่อใด ข้าพเจ้าพึ่ง
แจ้งความครั้งนี้ อันฝีมือทหารในกองทัพเรา ข้าพเจ้าหาเห็นผู้ใดที่จะต่อสู้งิม
เหงเอาชัยชนะได้ไม่ เอียวกี๋จึงว่าซึ่งท่านสรรเสริญงิมเหงว่ามีฝีมือเข้มแข็ง
นั้น ข้าพเจ้าจะขอไปจับตัวมาให้ท่านจงได้ เตงอูได้ฟังจึงว่าแก่เอียวกี๋ว่า
ท่านอย่าเพ่อประมาทดูหมิ่น งิมเหงคนนี้ใจองอาจฝีมือกล้าแข็งมกำาลังมาก
จำาจะยกทัพใหญ่ไปตีเมืองเก๊กเอี๋ยงให้แตกแล้วคิดเกลี้ยกล่อม เอาตัวงิม
เหงไว้เป็นนายทหารทำาการศึกสืบไป เตงอูจึงให้เล่าเปาไปรักษาเมืองซิน
เอี๋ย ให้เล่าต๋งไปรักษาเมืองนำ่าเอี๋ยง เล่าเหลียงนั้นอยู่รักษาเมืองฮูเอี๋ยง เล่า
เปากับเล่าต๋งรับคำาอำาลาไปรักษาเมืองอยู่ตามเตงอูสั่ง เตงอูจึงจัดแจง
เตรียมทหารมีฝีมือสองร้อยทหารเลวพันเศษ ตั้งกองบู๊เป็นแม่ทัพหลวง ให้
เอียวกี๋เป็นทัพหน้า เตงอูเป็นยกกระบัตรผู้จัดแจง ครั้งรุ่งเช้าเตงอูยกกองทัพ
ออกจากเมืองฮูเอี๋ยง ไปตั้งค่ายอยู่ไกลเมืองทางประมาณสามสิบเส้น ให้
ทหารเข้าไปบอกให้งิมเหงออกมารบ
      ฝ่ายงิมเหงแจ้งความว่ากองบู๊ยกมาถึงจึงจัดทัพสามพันเศษ งิมเหงแต่ง
ตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือง้าวใหญ่ ยกกองทัพออกจากเมืองไปถึงค่าย ฝ่ายกองบู๊
ขึ้นม้าพาทหารออกมารบกับงิมเหง งิมเหงจึงร้องถามว่าตัวท่านหรือชื่อว่า
เล่าสิ้วบุนซกหนีอองมังมาจากเมืองหลวง กองบู๊จึงว่าตัวเราชื่อว่าเล่าสิ้วบุน
ซก ครั้งเมืองอองมังก่อการกบถชิงเอาสมบัติพระเจ้าเปงเต้ แล้วให้โซหี้ยน
จับญาติวงศาบรรดาร่วมแซ่เอาไปฆ่าเสียประมาณพันเศษแล้ว ให้สืบเอาตัว
เราจะเอาไปฆ่าเสียให้สิ้นเชื้อ ด้วยเรามีใจเจ็บแค้นจึงพาทหารซึ่งมีใจสัตย์
ซื่อต่อแผ่นดินยกมาจะไปกำาจัดอองมัง ตัวท่านก็มีสติปัญญาอยู่จะหลงเข้า
ด้วยอองมังคนอกตัญญูนั้นไม่ชอบ จงช่วยเราปราบเสี้ยนศัตรูแผ่นดิน สำาเร็จ
แล้วจะตั้งให้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ตามสมควร งิมเหงได้ฟังก็โกรธ จึงตอบว่า
ตัวเป็นพวกชาวบ้านแปะจุยฉิง อวดอ้างเป็นผู้มีบุญให้คนนิยมเข้าด้วยแล้ว
กำาเริบใจคิดการใหญ่กับพวกชาวบ้านป่า ว่ากล่าวหมินประมาทอองมังเจ้า
                                                      ่
นายเรา แล้วชักชวนให้เราเข้าร่วมด้วย ถึงอองมังจะชั่วดีประการใดก้ได้ชุบ
เลี้ยงตั้งแต่งเราเป็นเจ้าเมืองมียศศักดิ์ ถ้าท่านมิฟังจะประมาทหยาบช้าต่อ
อองมังสืบไป เราจะจับตัวฆ่าเสียให้สิ้นกองทัพ เอียวกี๋ได้ยินดังนั้นจึงชักม้า
ขึ้นมาหน้าม้ากองบู๊ แล้วโต้ตอบกับงิมเหงว่า กองบู๊เจ้าของเรากรุณาว่าท่าน
เป็นเด็กหนุ่มเบาความ จึงเตือนสติให้รู้ว่าตัวผิด ท่างจงยอมเข้าด้วยโดยดี
ซึ่งจะถือว่าตัวมีฝีมือจะต่อสู้กับเราผู้เป็นทหารผู้ใหญ่ เห็นว่าอันตรายจะ
ถึงแก่ชีวิตท่านเป็นมั่นคง งิมเหงได้ฟังก็โกรธชักม้ารำาง้าวเข้ารบกับเอียวกี๋
ได้สิบเพลง กองบู๊เห็นทหารทั้งสองรบกัยต่างคนชำานาญว่องไวในเพลง
อาวุธเกรงงิมเหงจะเสียทีเอี๋ยวกี๋จะฆ่าเสีย จึงร้องห้ามงิมเหงว่าท่านอย่ารบ
กับเอี๋ยวกี๋ต่อไปเลย จงเข้ามารบกับเราเถิด งิมเหงไม่ฟังชักม้าเข้ารบกับเอีย
วกี๋ได้ห้าสิบเพลงมิได้แพ้ชนะแก่กัน กองบู๊แลไปบนศรีษะงิมเหงเห็นดังรูป
เสือ คิดขึ้นได้ว่าชะรอยจะเป็นเทพยดารักษาประจำาตัวงิมเหง กองบู๊น้าว
เกาทัณฑ์ยิงถูกรูปเสือก็สูญหายไป
      ฝ่ายงิมเหงรบกับเอียวกี๋ให้เมื่อยมึนแขนซ้ายยกง้าวไม่ถนัด ทั้งกำาลังก็
อิดโรยลงเห็นจะต่อสู้ฝีมือเอียวกี๋ไม่ได้ จึงชักม้าพาทหารกลับเข้าเมือง กอง
บู๊เห็นดังนั้นมิให้ทหารติดตาม จึงสรรเสริญเอียวกี๋ว่าฝีมือกล้าแข็ง ชนะงิม
เหงควรที่เป็นนายทหารเอก ว่าแล้วพาทหารกลับเข้าค่าย จึงสั่งคนใช้ให้เข้า
ไปนัดงิมเหง ว่าเวลาพรุ่งนี้ให้เร่งออกมารบกันใหม่ คนใช้คำานับลาเข้าไปใน
เมืองตามสั่ง
      ฝ่ายงิมเหงครั้นถึงเมือง ขุนนางทั้งปวงมาเยี่ยมเยือนถามว่า ท่านออก
ไปจับเล่าสิ้วบุนซกเป็นประการใด งิมเหงจึงบอกว่าเราออกไปรบกับนาย
ทหาร จะจับตัวเล่าสิ้วบุนซก ได้รบกับเอียวกี๋ยังมิทันแพ้ชนะบังเกิดอิดโรย
กำาลัง แขนเบื้องซ้ายเมื่อยมึนจึงกลับเข้ามา เวลาอื่นจะยกออกไปจับเล่าสิ้ว
บุนซกให้จงได้ พอทหารกองบู๊ถือหนังสือเข้ามานัดรบ งิมเหงจึงรับคำาว่า
พรุ่งนี้เราจึงจะออกไปรบตามสัญญา ทหารกองบู๊ก็คำานับลากลับไปแจ้ง
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3
ตั้งฮั่น ตอนที่ 3

More Related Content

What's hot

What's hot (9)

สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
 
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
ตั้งฮั่น ตอนที่ 2
 
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ22
 
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
ใบความรู้  หนังตะลุง ม52ใบความรู้  หนังตะลุง ม52
ใบความรู้ หนังตะลุง ม52
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
แผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณีแผ่นพับพระอภัยมณี
แผ่นพับพระอภัยมณี
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
อินโดนีเซีย
อินโดนีเซียอินโดนีเซีย
อินโดนีเซีย
 

More from tommy

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมtommy
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-tommy
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นtommy
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑tommy
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์tommy
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทยtommy
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิtommy
 
Rongse
RongseRongse
Rongsetommy
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์tommy
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกtommy
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยtommy
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีtommy
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีtommy
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบtommy
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาtommy
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตtommy
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผีtommy
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยtommy
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลtommy
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรtommy
 

More from tommy (20)

แก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจมแก้อาการสะบักจม
แก้อาการสะบักจม
 
ความรู้เรื่อง เพชร-
ความรู้เรื่อง  เพชร-ความรู้เรื่อง  เพชร-
ความรู้เรื่อง เพชร-
 
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็นอันตรายจากอาหารมื้อเย็น
อันตรายจากอาหารมื้อเย็น
 
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
สมุนไพรไทย ตอนที่ ๑
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
 
ศักดินาไทย
ศักดินาไทยศักดินาไทย
ศักดินาไทย
 
แบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิแบบทดสอบสมาธิ
แบบทดสอบสมาธิ
 
Rongse
RongseRongse
Rongse
 
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
พจนานุกรมฉบับคึกฤทธิ์
 
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึกเศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
เศรษศาสตร์กลางทะเลลึก
 
โลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารยโลกพระศรีอารย
โลกพระศรีอารย
 
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดีพระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
พระปกเกล้าทรงโต้แย้งปรีดี
 
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดีแนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
แนวความคิดทางเศรษฐศาสตร์ ปรีดี
 
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบการเมืองของประชาชน กุหลาบ
การเมืองของประชาชน กุหลาบ
 
ประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดาประชุมพงศาวดา
ประชุมพงศาวดา
 
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคตสามเกลอ ตอนสู่อนาคต
สามเกลอ ตอนสู่อนาคต
 
นางแมวผี
นางแมวผีนางแมวผี
นางแมวผี
 
ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย
 
ล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเลล่าพรายทะเล
ล่าพรายทะเล
 
ไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมรไทยเตะเขมร
ไทยเตะเขมร
 

ตั้งฮั่น ตอนที่ 3

  • 1. ตอนที่ ٣ 24 เกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารทำาการใหญ่ ฝ่ายคนซึ่งร่วมแซ่ต่างแซ่ บรรดาหนีซุ่มซ่อนอยู่ในป่าแขวงเมืองนำ่าเอี๋ ยง แจ้งข่าวว่าเล่าเหลียงกับกองบู๊ แต่งโต๊ะเลี้ยงเกลี้ยกล่อมทแกล้วทหาร ทำาการใหญ่ ต่างคนดีใจเข้ามานั่งกินโต๊ะไม่พักมีผู้เชื้อเชิญ แต่ผู้ซึ่งร่วมแซ่ เล่าเหลียงตักสุราส่งให้นั่งกินโต๊ะพร้อมกันแล้ว เล่าเหลียงจึงว่าครั้งเมื่อพระ เจ้าเปงเต้มีพระชนม์อยู่นั้น บรรดาเชื้อพระวงศ์เรามีความสุขหาผู้ดูหมิ่นถิ่น แคลนได้ไม่ ตั้งแต่อองมังคิดทรยศขบถฆ่าพระเจ้าเปงเต้ชิงเอาสมบัติ ญาติ วงศ์เรากระจัดพลัดพรายล้มตายเป็นอันมาก บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกหลานเรา เงี ยมจูเหลงเห็นว่าจะเป็นผู้มีบุญ จึงขนานนามใหม่ให้ชื่อกองบู๊ คิดการใหญ่ ซ่องซุ่มทแกล้วทหารจะยกกองทัพเข้าเมืองหลวงทำาการกำาจัดอองมัง แก้ แค้นแทนพระเจ้าเปงเต้ ท่านทั้งปวงซึ่งร่วมแซ่และต่างแซ่แต่บรรดามานี่จง พร้อมใจกันช่วยกองบู๊ ทำาการศึกใหญ่ปราบเสี้ยนศัตรู ถ้ากองบู๊ได้เป็น กษัตริย์ครองเมืองหลวงแล้ว ท่านทั้งปวงก็จะได้เป็นขุนนางมียศศักดิ์โดย ความชอบ จะมีชื่อลือปรากฎไปทั่วฟ้าและดินสิ้นกัลปาวสาน ฝ่ายผู้ร่วมแซ่ และทหารทั้งปวงได้ยินดังนัน ต่างคนรับคำาว่า ซึ่งท่านจะคิดการกำาจัดออ ้ งมังครั้งนี้ ข้าพเจ้ายินดีด้วย จะช่วยท่านทำาการศึกใหญ่กว่าจะสำาเร็จ ฝ่ายเล่าเหลียงเลี้ยงโต๊ะแล้ว จัดแจงให้ญาติวงศ์และทหารเข้าอยู่ในค่าย จ่ายข้าวปลาอาหารให้กินทุกตัวคนมิได้ขัดสนดออยาก เล่าเหลียงตั้งค่าย เกลี้ยกล่อมประมาณสิบสี่สิบห้าวัน ทหารมีฝีมือมาเข้าด้วยสองพันเศษ ฝ่าย หลีทองครั้นกองบู๊กลับไปบ้านแปะจุยฉิงแล้ว จึงให้คนใช้ไปหาอองหลิ บนายช่างเหลาเกาทัณฑ์เข้ามา สั่งว่าท่านเร่งทำาเกาทัณฑ์ขึ้นสามร้อยคัน โดยเร็ว เราจะจัดซื้อให้ทหารไปจับชาวบ้านแปะจุยฉิง ซึ่งสมคบเล่าสิ้วบุน ซกไว้จะเอาตัวส่งไปให้อองมัง แล้วหลีทองสั่งนายประตูว่าผู้มีม้า เร่งเอาตัว เข้ามาจะจัดซื้อตามราคา อองหลิบกับนายประตูรับคำาอำาลาไป หลีทองจึง จัดทหารได้ร้อยเศษ กับทหารชำานาญเพลงเอวุธได้ห้าร้อยคน ให้ปรนปรือ ไว้ ณ ตึกใหญ่เตรียมคอยท่ากองบู๊ ความทั้งนี้รู้กันแต่หลีเทียดน้องหลีทองผู้ เดียว ขุนนางชาวนำ่าเอี๋ยงรู้ความ แต่ว่าหลีทองเตรียมการจะไปจับเล่าสิ้วบุน ซก บ้านแปะจุยฉิงแขวงเมืองนำ่าเอี๋ยง ฝ่ายเกียนถำา ครั้นเห็นทหารมาเข้าเกลี้ยกล่อมมากขึ้นทุกวัน จึงเข้าไป ปรึกษาเล่าเหลียงว่าทหารทั้งปวงเข้าด้วยเป็นอันมาก เครื่องสาตราวุธไม่มี จะแจกจ่าย จะได้สิ่งใดไปทำาศึกเล่า ข้าพเจ้าได้ข่าวว่าเครื่องมืออองมังให้ จัดทำาขึ้นไว้สำาหรับเมืองนำ่าเอี๋ยง อองมังมอบให้หลีทองรักษาไว้เป็นอันมาก ข้าพเจ้าก็เห็นว่าหลีทองมีใจยินดีเข้าด้วยจะช่วยคิดการใหญ่ ขอให้กองบู๊ไป ยืมเครื่องสำาหรับการสงครามมาจ่ายทหาร หลีทองจะช่วยแก้ไขให้ได้เครื่อง มือมาโดยง่าย เล่าเหลียงได้ฟังเห็นชอบด้วย จึงสั่งกองบู๊ให้ไปยืมเครื่องมือ
  • 2. หลีทอง กองบู๊คำานับลาเล่าเหลียงแล้ว แต่งตัวเป็นคนค้าขายหมายมิให้ผู้ใด รู้จัก ขึ้นม้าไปเมืองนำ่าเอี๋ยง พอถึงประตูจึงเข้าไปในเมือง นายประตูมิได้รู้จัก ออกชิงม้ากองบู๊ไว้ แล้วบอกว่าเจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยงสั่งให้จัดซื้อม้า เราจะพาเอา ม้ากับตัวท่านไปส่งให้แก่เจ้าเมือง กองบู๊จึงตอบว่าม้าตัวนี้ก็เป็นม้าของเจ้า เมืองให้เราไปขี่ นายประตูไม่เชื่อจึงพาม้ากองบู๊เข้าไปคำานับหลีทองเจ้า เมืองนำ่าเอี๋ยง ฝ่ายหลีทองเห็นกองบู๊ จึงออกมาเชิญเข้าไป ณ สวนดอกไม้หลังตึก เป็นที่สงัด นายประตูเห็นดังนั้นพากันออกไปกองบู๊จึงบอกหลีทองว่า ทแกล้วทหารมาเข้าเกลี้ยกล่อมข้าพเจ้าทุกวัน เครื่องสำาหรับนายทหารยี่สิบ หีบซึ่งท่านให้ไปแต่ก่อนนั้นได้แจกจ่ายทหารหาพอไม่ ข้าพเจ้ามาทั้งนี้จะ ขอยืมเครื่องมือท่านไปจ่ายทหารจะได้ทำาการศึก หลีทองจึงว่าเครื่องมือออ งมังให้ทำาไว้สำาหรับเมืองมีอยู่ ข้าพเจ้าจะแก้ไขให้ท่านอย่าวิตกเลย หลีทอง จึงพากองบู๊ไปถึงตึกใหญ่ไขกุญแจประตูคลังออก กองบู๊เห็นเครื่องอาวุธ และหมวกเกราะสำาหรับทหารเต็มศึกใหญ่ มีใจยินดีด้วยได้สมความคิด หลี ทองจึงปิดประตูลั่นกุญแจคลังไว้ดังเก่า แล้วพากองบู๊ไปดูทหารร้อยเศษ ซึ่ง เลือกสรรไว้รูปร่างสูงใหญ่มีกำาลังมาก หลีทองจึงบอกทหารทั้งปวงว่า ท่าน ผู้นี้คือผู้มีบุญจะปราบศัตรูแผ่นดินให้ราบคาบ ท่านจงพร้อมใจกันไปช่วย ทำาการศึกกำาจัดศัตรูราชสมบัติ กองบู๊เจ้าของท่านเป็นกษัตริย์สำาเร็จราชการ ในเมืองหลวงแล้ว ท่านทั้งปวงก็จะได้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ ฝ่ายทหารร้อย เศษได้ฟังดังนั้น ต่างคนดีใจคำานับรับคำา หลีทองจึงมอบทหารและเครื่อง อาวุธในตึกใหญ่ให้กองบู๊ กองบู๊จึงว่า ซึ่งกรุณาข้าพเจ้าขอบคุณยิ่งนัก แต่ ซึ่งทหารเหล่านี้ล้วนมีกำาลัง ชอบให้ถือเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ เกาทัณฑ์มีใน ตึกแต่อย่างน้อยคันอ่อนหาสมกำาลังทหารร้อยเศษนี้ไม่ ท่านจงช่วยกา เกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ แจกสำาหรับมือจะได้ใช้ในการศึก หลีทองจึงว่า เกาทัณฑ์ใหญ่หายาก มีอยู่แต่ที่ซินโตเกียน อองมังให้มากำากับทหารอยู่ใน เมืองนี้ ข้าพเจ้าจะอุบายถามซื้อ เห็นซินโตเกียนจะขายให้เป็นมั่นคง หลี ทองจึงพากองบู๊ไปบ้านซินโตเกียน พอซินโตเกียนนั่งกำากับลิมก้วงนายช่าง เหลาเกาทัณฑ์อยู่กลางบ้าน หลีทองจึงเข้าไปนั่งพูดกับซินโตเกียนแล้ว บอกว่า เราจะขอซื้อเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ตามราคาที่เคยซื้อ ซินโตเกียนจึง หยิบเกาทัณฑ์คันหนึ่งหนักห้าร้อยชั่งมาให้ดู กองบู๊เห็นเกาทัณฑ์ชอบใจจึง รับไว้ หลีทองจึงว่าแก่ซินโตเกียนจะซื้อเกาทัณฑ์ขนาดกลาง ซินโตเกียน จึงให้คนไปหยิบเกาทัณฑ์มาให้หลีทองคันหนึ่ง กองบู๊จึงว่าจะขอซื้อ เกาทัณฑ์ขนาดนี้สักอีกคันหนึ่ง ซินโตเกียนเห็นหลีทองซื้อเกาทัณฑ์หลาย อันก็คิดสงสัย แลดูกองบู๊มีไฝแก้มซ้ายเป็นสำาคัญ จึงว่าหนุ่มน้อยคนนี้คือเล่า สิ้วบุนซกมาซื้อเกาทัณฑ์ จะทำาการศึกเป็นมั่นคง หลีทองได้ฟังตกใจนักจึง อุบายตอบว่าหนุ่มน้อยร่วมแซ่เรามิใช่เล่าสิ้วบุนซก ท่านอย่าพูดดังนั้นไม่ควร ฝ่ายกิมก้วงนายช่างทำาเกาทัณฑ์นั่งอยู่ แลเห็นกองบู๊ก็รู้ว่าเป็นผู้มีบุญ คือเล่าสิ้วบุนซก นานไปจะได้เป็นกษัตริย์บำารุงแผ่นดิน ครั้นได้ยินซินโต เกียนว่ากล่าวเป็นข้อสงสัย จึงคิดว่าการใหญ่ซึ่งเล่าสิ้วบุนซกทำาครั้งนี้ จะรู้ ฟุ้งเฟื่องเพราะซินโตเกียนเป็นมั่นคง จำาจะพูดปกปิดความเสียมิให้ซินโต เกียนสงสัยสืบไป ลิมก้วงจึงบอกซินโตเกียนว่าหนุ่มน้อยคนนี้ เป็นแซ่เดียว กับเจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยง มิใช่เล่าสิ้วบุนซกซึ่งมาซื้อเกาทัณฑ์ครั้งนี้จะไปตามรบ กับเล่าสิ้วบุนซกซึ่งมีวิชาการแปลงตัวได้ ไปตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่บ้านแปะจุยฉิง ผู้นี้มิใช่ตัวเล่าสิ้วบุนซก ท่านอย่าได้สงสัยเลย หลีทองก็รับสมคำาลิมก้วง ซิน โตเกียนได้ยินก็สิ้นความสงสัย จึงว่าข้าพเจ้าทำาเกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ไว้สาม
  • 3. ร้อยเศษยังหาสำาเร็จไม่ หลีทองจึงพากองบู๊ไปถึงอองหลิบผู้ทำาคัน เกาทัณฑ์ จึงถามว่าเกาทัณฑ์ให้เร่งทำาจะใช้ เหตุใดจึงมิทำาให้แล้วเล่า หลี ทองจะเอาโทษว่าช้า อองหลิบจึงขอโทษตัวว่าเกาทัณฑ์ขนาดนี้ทำายาก ขอ ผลัดอีกสามวันจะทำาเกาทัณฑ์ให้เสร็จ หลีทองได้ฟงดังนั้นจึงพากองบู๊กลับ ั มาบ้าน ฝ่ายซินโตเกียนจึงไปถามอองหลิบ เกาทัณฑ์หลวงจ่ายมาให้นั้นทำา สำาเร็จแล้วหรือ อองหลิบจึงบอกว่าเกาทัณฑ์หลีทองจัดซื้อนั้นจะทำาให้แล้ว ก่อน จึงค่อยทำาเกาทัณฑ์หลวงต่อไป ซินโตเกียนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่า หลีทองซื้อเกาทัณฑ์เป็นอันมากเห็นว่าประหลาดอยู่ ชะรอยชายหนุ่มน้อยจะ เป็นเล่าสิ้วบุนซก คบคิดกับหลีทองมาซื้อเกาทัณฑ์ไปทำาการขบถเป็นมั่นคง ซินโตเกียนนิ่งความไว้มได้ จึงขึ้นม้ารีบไปบอกพังเหมงผู้เป็นฮูเจี้ยงนาย ิ ทหารรองให้รู้ความ แล้วซินโตเกียนจึงให้คนใช้ไปหาซุยเต๋งซึ่งมีความชอบ ต่ออองมังให้เป็นขุนนางผู้ช่วยราชการนั้นมาบอกว่า หลีทองจัดซื้อเกาทัณฑ์ เป็นอันมาก เห็นจะร่วมคิดเข้ากับเล่าสิ้วบุนซกบ้านแปะจุยฉิงเป็นมั่นคง พัง เหมงกับขุนนางได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงบอกพวกนายทหารมาพร้อมกันสั่งให้ ปิดประตูเมืองนำ่าเอี๋ยงทั้งสี่ด้าน จะเข้าค้นจับตัวเล่าสิ้วบุนซก 25 ปิดประตูเมืองนำ่าเอี๋ยงจับเล่าสิ้วบุนซก ฝ่ายหลีทองเห็นว่าความลุกลามฟุ้งเฟื่องขึ้นแล้ว จึงให้กองบู๊แต่งตัวใส่ หมวกโปร่งฟ้าสรวมเกาะใน ใส่เสื้อสีชมพูถือง้าวชื่องอฮั่น ม้าซึ่งขี่นั้นชื่อ มังกรขาว มีฝีเท่ารวดเร็ว ให้ทหารห้าร้อยใส่เกราะถือเกาทัณฑ์คนละสามคัน หลีทองก็แต่งตัวขึ้นม้านำามหารจะออกจากเมือง พอพบพังเหมงมาคอยอยู่ ฝ่ายพังเหมงเห็นดังนั้นพาทหารมารบกับหลีทองจะชิงเอากองบู๊ หลีทองรอ รบป้องกันกองบู๊ไป เห็นประตูเมืองปิดเข้ามิได้ จึงขับม้าเลี้ยววงไปทางประตู อื่น ทหารพังเหมงไล่ตามติดรบ ทหารหลีทองต่อสู้เป็นหมู่เหล่าเรี่ยรายกัน ไป กองบู๊ตกใจนักจึงขับม้ามาตามถนน ทหารชาวเมืองติดตามเอาไม้ค้อน ก้อนอิฐไล่ทิ้งขว้าง กองบู๊รำาง้าวบนหลังม้าป้องปัดด้วยกำาลังว่องไวหลบ หลีกมิให้ต้องตัว ไปถึงประตูทิศตะวันออก พอเห็นชายผู้หนึ่งถือกระบี่ลง จากเชิงเทินมาเปิดประตูให้กองบู๊ แล้ววิ่งตามออกจากเมือง กองบู๊เหลียว หลังมาเห็นจึงถามว่าท่านชื่อไรมีคุณแก่เราครั้งนี้ยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อเก๊กเซียวยิมก๋ง สืบรู้ความว่าอันตรายจะถึงแก่ท่านจึงมาคอยช่วย แก้ไข เปิดประตูให้ท่านหนีพ้นรอดจากความตาย กองบู๊ขี่ม้าเดินพูดกันมา กับเก๊กเซียวยิมก๋ง พอเห็นทหารติดตามมาเป็นอันมาก กองบู๊หนีพลางร้อง ถามนายทหารว่า เรากับอองมังเป็นคู่พยาบาทกันตัวท่านไม่มีข้อขัดเคืองกับ เรา ท่านชื่อใดจึงโกรธแค้นติดตามมาจะจับเราด้วยเหตุประการใด ฝ่ายซุยเต๋งพาทหารตามมาใกล้ ได้ยินจึงร้องบอกว่า ตัวเราชื่อซุยเต๋ง เดิมเป็นคนใช้เล่าถัง เมื่อท่านหนีไปซ่อนอยู่ ณ ตึกเล่าถังครั้งก่อนเราเอา ความไปบอกอองมัง เรามีความชอบได้เป็นขุนนางผู้ช่วยราชการฝ่ายทหาร ซึ่งท่านมีความรู้แปลงเป็นมังกรหนีพ้นมือองป้า ปังอี้ มาพึ่งพบกันวันนี้จึง ตามมา ถ้าจับท่านได้อองมังจะให้เราเป็นขุนนางผู้ใหญ่ กองบู๊ได้ยินดังนั้น จึงร้องตวาดว่า มึงเป็นคนอกตัญญูต่อเล่าถังผู้นาย ทำาลายคุณเสียแล้วกลับ ตามมาจะจับกูอีกเล่า กองบู๊โกรธนักชักม้ากลับเข้ามาจะฆ่าซุยเต๋งแก้แค้น แทนเล่าถังผู้อา ซุยเต๋งเห็นกองบู๊มาด้วยกำาลังโทโส จึงชักม้าพาทหารถอย ออกไป กองบู๊ก็ขับม้าหนีไปตามทาง
  • 4. ฝ่ายพังเหมงพาพวกทหารขับม้าไล่กระชั้นชิดติดตามไปใกล้จะทัน กอง บู๊เหลียวหลังมาเห็นจึงร้องว่า แซ่เล่าก็สิ้นเชื้อเหลือแต่เราผู้เดียวแล้ว ท่าน ไม่มีความกรุณาจะฆ่าเราเสียเล่า พังเหมงไม่ฟังขับม้าเข้ามาใกล้กองบู๊หนีมิ พ้น จึงชักม้ากลับรำาง้าวเข้ารบกับพังเหมงได้ยี่สิบเพลง พอซินโตเกียนขับ ม้าพาทหารตามมาทัน กองบู๊ผู้เดียวเกรงทหารจะล้อมวกหลัง จึงชักม้ากลับ ขับหนี ทหารซินโตเกียนยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกม้าล้มลง กองบู๊ได้แต่ง้าว สำาหรับมือ วิ่งหนีเข้าแอบแฝงตัวอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ริมทาง ซินโตเกียนกับพัง เหมง ซุยเต๋ง ต่างคนดีใจจะเข้าจับเอาเป็น แต่เกรงด้วยกองบู๊มีง้าวถือ สำาหรับมืออยู่ จึงขับทหารเข้าล้อมไว้เป็นสามารถ ฝ่ายกองบู๊สุดคิดสิ้นกำาลัง นั่งดูทหารล้อมเข้ามาใกล้จวนตัวจะหนีมิได้ก็ ตกใจนัก จึงแหงนหน้าขึ้นบนอากาศ ตั้งสัตยาธิษฐานว่าตัวข้าพเจ้านี้เซียง เต้ และเทพยดทั้งปวงประชุมเชิญลงมาเถิดสำาหรับปราบศัตรูแผ่นดินให้ ราบคาบ บัดนี้ทหารซินโตเกียนล้อมไว้จะจับไปให้อองมังผู้เป็นศัตรูราช สมบัติ ครั้งนี้ถึงที่อับจนจะหาผู้ใดเป็นที่พึ่งมิได้ ขอเทพยดาทั้งปวงจงช่วย ข้าพเจ้าให้พ้นจากมือทหาร จะได้คิดการปราบศัตรูแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม จะบำารุงราษฎรสืบแซ่เชื้อพระวงศ์ฮั่นโกโจ ผู้เป็นพระเจ้าปู่ให้แผ่นดินอยู่เย็น เป็นสุขไปภายหน้า ขณะนั้นพอเกิดพายุใหญ่พัดผงคลีมืดคลุ้มเป็นหมอกมัว ไปทั่วทั้งสี่ทิศ มีกระบือแดงตัวหนึ่งพ่วงพีสูงใหญ่มีเขาเดียวกลางศรีษะ มา ยืนอยู่ตรงหน้ากองบู๊ กองบู๊กระโดดขึ้นบนหลังแกว่งง้าว กระบือวิ่งฝ่าทหาร พากองบู๊ออกจากที่ล้อม ตายแล้วพี่จงหนีเอาตัวรอดเถิดอย่าอาลัยเป็นหว่งด้วยข้าพเจ้าเลย เล่าต๋งจึง ว่าตัวพี่วาสนาน้อยจะขอเอาชีวิตตายแทนเจ้า ผู้มีบุญจะได้อยู่ปราบศัตรูแผ่น ดินบำารุงราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบแซ่กษัตริย์ไปภายหน้า ว่าแล้วอุ้มกองบู๊ ขึ้นม้า เล่าต๋งเอาแซ่ตีม้าควบพากองบู๊ออกไปได้ เล่าตงฟันทหารตายไปสิบ คน ทหารทั้งปวงก็ระดมยิงเกาทัณฑ์ถูกเล่าต๋งล้มลงขาดใจตาย 26 กองบู๊พบเตงอูอีกครั้ง ฝ่ายทหารทั้งปวงตกใจต่างคนแตกหนีไป กองบู๊ขับกระบือไล่ติดตาม เอาง้าวฟันถูกพังเหมงคอขาดตกม้าตาย กองบู๊ฉวยคว้าบังเหียนม้าพังเหมง ได้ จูงตามกระบือไปเข้าทางพอเวลาพลบคำ่าลง กระบือยืนนิ่งอยู่กองบู๊ขับ ไม่เดิน พอมีผู้เฒ่าคนหนึ่งผมและหนวดขาวงามยืนตรงหน้ากองบู๊ ผู้เฒ่าจึง ว่ากระบือตัวนี้จงคืนให้แก่เราเถิด กองบู๊ได้ฟังดังนันจึงลงจากหลังกระบือ ้ คำานับแล้วตอบว่า กระบือตัวนี้ช่วยชีวิตข้าพเจ้าพ้นจากความตายจงขายให้ ข้าพเจ้าเสียเถิด จะเป็นราคาแพงมากน้อยเท่าใดจะคิดเงินให้ ผู้เฒ่าว่า กระบือเราไม่ขาย แล้วแกล้งลวงกองบู๊ว่าผู้ใดมายืนอยู่เบื้องหลังเล่า เจ้าจง เหลียวไปดูก่อน กองบู๊มิได้เห็นผู้ใดจึงเหลียวกลับมาเห็นผู้เฒ่าขี่กระบือ เหาะขึ้นอากาศหายสูญไป กองบู๊ตกใจคิดว่าปีศาจ ได้กระดาษตกอยู่แผ่น หนึ่งจึงหยิบขึ้นมาดูเห็นอักษรจารึกไว้ ใจความในหนังสือว่า ผู้ซึ่งมีบุญญาธิ การแต่ก่อนเทพยดาให้ลงมาเกิดนั้น ต่อเมื่อได้วาสนาถึงที่จะมีบุญแล้ว เทพยดาก็จะช่วยทะนุบำารุงให้ได้เป็นกษัตริย์โดยง่าย ตัวท่านสู้ยากลำาบาก เดินกลางวันกลางคืนจนมาตกอยู่ที่ล้อมทหารครั้งนี้ เทพยดาผู้ใหญ่เห็นว่า ท่านจะมีอันตราย จึงให้เรามาแก้ไขได้พ้นจากความตายแล้ว จงไปอยู่บ้าน แปะจุยฉิงเถิด อย่าทำาใจเร็วด่วนนักมักมัความลำาบากถึงตัว เบื้องหน้าท่าน จะได้เป็นกษัตริย์ สืบแซ่เชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นโกโจไปได้ถึงสองร้อยปีเศษ
  • 5. กองบู๊รู้แจ้งว่าเป็นเทพยดาลงมามีความยินดีนัก จึงพับหนังสือสอดใส่ในเสื้อ จับง้าวสำาหรับมือ ขึ้นม้าออกหาทางจะไปบ้านแปะจุยฉิง ถึงตำาบลหนึ่งเป็น หว่างเชิงเขาตก เห็นเรือนมุงใบไม้เอาหญ้าทำาเป็นฝารอบ ได้ยินเสียงคน ร้องเพลงอยู่ในเรือนว่า เวลาเที่ยงคืนพระจันทร์รัศมีสว่างฟ้า ดีดแต่กระจับปี่ เปล่า ไม่มีผู้จะเป็นคู่ร้องเพลงรับขับประสานเสียง เวลากลางวันร้องเพลงสั้น หาผู้ดีดกระจับปี่ต่อกังวานเสียงมิได้ ที่สองประการนี้ไม่มีคู่ประกอบกับ สำาเนียงมิได้เพราะแก่หูผู้ฟัง ตั้งแต่พลัดพรากจากเจ้าแซ่เล่าเชื้อฮั่นมาช้า นาน ไม่มีความสุข ทุกข์ทนลำาบากเที่ยวเดินป่าสืบหาทุกหนแห่งมิได้เห็น เวลานี้กลับเป็นฤกษ์ดีแล้ว เมื่อใดผู้มีบุญจะมาพบให้คลายทุกข์บังเกิดสุข สบาย เปรียบเหมือนดีดกระจับปี่ มีผู้เป็นคู่ร้องรับขับเพลงนั้น ถ้าได้พบเห็นผู้ มีบุญจะคิดให้กำาจัดศัตรูแผ่นดินเสียโดยเร็ว กองบู๊หยุดฟังอยู่ได้ยินดังนั้น ลงจากม้าเดินเข้ามาถึงเคาะประตูว่า ผู้ใดอยู่ในเรือนนี้จงกรุณาช่วยเปิดประตู รับ ข้าพเจ้าหนีมาแต่เมืองนำ่าเอี๋ยงผู้เดียว จะขออาศัยอยู่ด้วย ฝ่ายเตงอูมิได้รู้ว่าผู้ใด จึงออกไปเปิดประตูเห็นกองบู๊ยินดียิ่งนัก พาเข้า มานั่งในเรือนต่างคนคำานับกันแล้วเตงอูจึงว่า เมื่อครั้งอองมังให้จับท่านนั้น ข้าพเจ้าผู้เดียวไม่รู้ที่จะแก้ไขประการใด แต่เห็นว่าท่านมีบุญญาธิการมาก ถึงมาตรว่าอองมังจะจับได้ก็ไม่เป็นอันตราย ข้าพเจ้าหนีมาสืบรู้ว่าอองมัง ปล่อยเสียแล้ว ท่านมาตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่บ้านแปะจุยฉิง ข้าพเจ้าจะไปหา ท่าน ท่านมาพบข้าพเจ้าวันนี้เหตุไรไม่มีทแกล้วทหาร เห็นแต่ผู้เดียวมาฉะนี้ เล่า กองบู๊จึงแจ้งความแต่หลังให้เตงอูฟังแล้วว่า ข้าพเจ้าไปยืมเครื่องมือ เจ้าเมืองนำ่าเอี๋ยง ซินโตเกียนพาทหารไล่ล้อมจับเข้าที่อับจนแล้ว พอกระบือ แดงเขาเดียวพาข้าพเจ้าฝ่าทหารออกมาได้ มีผู้เฒ่าพากระบือหายไปได้แต่ หนังสือฉบับหนึ่ง จึงส่งหนังสือให้เตงอูดู เตงอูแจ้งความดังนั้นจึงท่านเป็นผู้ มีบุญญาธิการยิ่งนัก ถึงที่อับจนแล้วเทพยดาจึงมาช่วยแก้ไขบำารุงรักษามิให้ มีอันตราย กองบู๊จึงปรึกษาว่า ซึ่งเราจะคิดการกำาจัดอองมังครั้งนี้ ทหารที่มี ฝีมือกล้าแข็งนั้นยังหาเห็นผู้ใดไม่ ข้าพเจ้าวิตกนัก เตงอูจึงว่าเมื่อข้าพเจ้า เที่ยวสืบหาท่านนั้น พบชายผู้หนึ่งชื่อเอียวกี๋อยู่บ้านป่าริมเชิงเขาข้างซ้ายมือ บอกข้าพเจ้าว่าได้พบท่านครั้งหนึ่ง เอียวกี๋มีกำาลังและฝีมือกล้าแข็ง ถ้าได้ไว้ เป็นนายทหารเอกทำาการศึกไปภายหน้าพอจะวางใจได้ เตงอูว่าแล้วพากอง บู๊ขึ้นม้าไปถึงบ้านป่า 27 กองบู๊ได้เอี๋ยวกี๋ไว้เป็นทหารเอก ฝ่ายเอียวกี๋ออกมายืนอยู่ที่ประตูเรือน เห็นกองบู๊กับเตงอูมาถึงจึงไป คำานับ เชิญขึ้นนั่งบนเรือนแล้วถามกองบู๊ว่า ท่านไปอยู่บ้านแปะจุยฉิงแล้วก ลับมาหาข้าพเจ้าด้วยธุระสิ่งใด กองบู๊ได้ยินดังนันจึงเล่าความแต่หนหนลัง ้ ให้เอียวกี๋ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ข้าพเจ้าตั้งซ่องสุมคนได้เป็นอันมาก คิดจะยกไปตีเมืองหลวง แต่หาผู้ซึ่งคุมทหารทำาการศึกมิได้ ข้าพเจ้ามา หมายจะเชิญท่านไปช่วยกำาจัดอองมังศัตรูราชสมบัติ ท่านเห็นประการใด เอียวกี๋จึงว่าข้าพเจ้าก็คิดอยู่ จะใคร่ไปช่วยในการใหญ่ แต่อาลัยด้วยมารดา ชรานักหาผู้จะอยู่ปรนนิบัติมิได้ ฝ่ายมารดาเอียวกี๋นั่งฟังอยู่ในเรือน ได้ยินบุตรว่าดังนั้นจึงออกมาว่าแก่ เอียวกี๋ เจ้าจงไปช่วยผู้มีบุญญาธิการกำาจักศัตรูแผ่นดินเถิด ถ้าสำาเร็จราชการ แล้วความชอบซึ่งเจ้าได้ทำานั้น จะมีผู้ออกชื่อลือชาปรากฎไปได้หมื่นปี ถึง บิดาเจ้าเล่าก็มีกตัญญู สู้เสียชีวิตตายตามพระเจ้าเปงเต้อันเป็นเจ้าของตัวไป เจ้าก็เป็นชายเชื้อขุนนางผู้มีบุญญมาเชิญถึงเรือน จะให้ช่วยกำาจัดศัตรูแผ่น
  • 6. ดินเป็นการใหญ่ เจ้าจะบิดพริ้วเสียนั้นไม่ชอบ มารดาเอียวกี๋ว่ากล่าวเป็น หลายครั้ง เอียวกี๋นิ่งอยู่มิได้รับคำาว่าจะไป ก็เข้าใจว่าเอียวกี๋มีความกตัญญู เป็นหว่งมารดายิ่งนัก จึงคิดว่าตัวเราก็ชราชีวิตนับวันแต่จะตาย ซึ่งเอียวกี๋ไม่ ไปช่วยผู้มีบุญเพราะเป็นห่วงอาลัยอยู่ มารดาเอียวกี๋จึงบอกแก่บุตรหวังจะมิ ให้สงสัย เจ้าจงนั่งพูดอยู่กับกองบู๊มารดาจะเข้าไปหุงอาหารจัดโต๊ะมาเลี้ยง ว่าแล้วก็เข้าไปในครัวเรือนจึงเอาเชือกผูกคอตาย หมายจะตัดห่วงเอียวกี๋ผู้ บุตรจะให้ไปช่วยผู้มีบุญ ฝ่ายเอียวกี๋นั่งสนทนากันกับกองบู๊ เตงอู เป็นช้านาน มิได้เห็นมารดา ออกมาจึงตามเข้าไปในครัวเรือน เห็นมารดาผูกคอตายห้อยตัวอยู่ตกใจนัก โดดขึ้นด้วยกำาลังตัดเชือกขาดลงมาเข้าแก้ไขเห็นว่ามารดาสิ้นใจแล้ว เอีย วกี๋ร้องไห้กอดศพมารดาสลบแน่นิ่งไป ฝ่ายกองบู๊รู้ว่ามารดาเอียวกี๋ผูกคอตายมีความอาลัย จึงว่ากับเตงอูว่า เราทั้งสองมานี้เหมือนจะแกล้งให้มารดาเอียวกี๋ตาย กองบู๊กับเตงอูวิ่งเข้าไป ร้องไห้รักมารดาเอียวกี๋ เตงอูจึงเข้าแก้ไขเอียวกี๋ซึ่งสลบอยู่นั้น ครั้นฟื้น สมประดีขึ้นมา เอียวกี๋ร้องไห้รักมารดามิได้หยุด กองบู๊จึงว่ากล่าวเอาใจเอีย วกี๋ว่ามารดาท่านตายแล้ว ถึงจะร้องไห้ไปมารดาท่านก็มิได้คืนเป็นมา จง ระงับดับความโศกช่วยกันคิดการฝังศพจึงจะชอบ เอียวกี๋ค่อยได้สติคืนมาจึง จัดแจงเครื่องฝังศพ ทั้งสามคนช่วยกันยกศพมารดาเอียวกี๋ไปฝังนอกบ้าน เอียวกี๋มีนำ้าตามิได้ขาดหน้า ฝังศพมารดาแล้วจึงบอกกองบู๊ว่า เชิญท่านกลับ ไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะขอนุ่งขาวเฝ้าหลุมศพมารดาสามปี แล้วจึงจะไปช่วย ท่านทำาการศึก กองบู๊ได้ฟังดังนัน จึงว่าเมื่อครั้งข้าพเจ้าหนีโซเหี้ยนมาอาศัย ้ ศาลเจ้าอูอ๋อง ท่านไปรับจากเรือนมารดาท่าน ท่านมีความกรุณาได้ปฎิบัติ รักษา ซึ่งมารดาท่านตายเพราะด้วยข้าพเจ้ามาเชิญ ท่านกลัวท่านจะเป็น ห่วงไม่ไปกลับข้าพเจ้า มารดาท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้ายิ่งนักยังมิได้สนองคุณ ซึ่งท่านนุ่งขาวไว้ทุกข์ตามธรรเนียมนั้น ข้าพเจ้าจะขอกระทำาแทนคุณมารดา ท่านอย่าวิตกเลย กองบู๊จึงนุ่งขาวคำานับศพมารดาแทนเอียวกี๋ ฝ่ายเอียวกี๋เห็นดังนั้นมีความยินดีคิดว่า มารดามีวาสนาได้มีผู้มีบุญเป็น บุตรเลี้ยง เอียวกี๋เห็นว่ากองบู๊รักโดยสุจริต จึงว่าซึ่งท่านกรุณาข้าพเจ้าครั้งนี้ ขอบคุณนัก จะขอไปช่วยทำาการศึกสนองคุณท่าน ว่าแล้วก็จัดแจงเกาทัณฑ์ สำาหรับมือ ขึ้นม้าตามกองบู๊กับเตงอูออกจากบ้านเดินตามทางไป 28 ตีเมืองฮูเอี๋ยงเป็นที่มั่น ฝ่ายซินโตเกียน ขณะเมื่อกองบู๊หนีไปจากที่ล้อม จึงให้อองหลิบพาท หารเที่ยวสืบหากองบู๊ ฝ่ายหลีทองครั้นทหารซินโตเกียนไล่จับกองบู๊ ต่าง คนพลัดกันกระจัดกระจายไป มิได้รู้ว่ากองบู๊ไปแห่งใดมีความวิตกนัก จึง รวบรวมทหารห้าร้อยมาพร้อมกันแล้ว หลีทองกับหลีเทียดผู้น้องพาทหาร เที่ยวตามหากองบู๊ทุกตำาบล ฝ่ายอองหลิบพาทหารเที่ยวไป พอพบกองบู๊เดินสวนทางมาจึงขับม้า พาทหารเข้าล้อมจับ เอียวกี๋จึงขับม้าขึ้นหน้ากองบู๊เข้ากับอองหลิบ ออง หลิบต้านทานมิได้ชักม้าหนี เอียวกี๋ขับม้าไล่ฆ่าฟันทหารอองหลิบแตก กระจายไป แต่อองหลิบหนีเข้าแอบแฝงต้นไม้ใหญ่อยู่ พอหลีทองกับหลี เทียดขี่ม้ามาก็เข้าจับอองหลิบได้ เอียวกี๋ขับม้าเข้าไปจะชิงเอาตัวอองหลิบ กองบู๊จึงร้องห้ามว่าหลีทองเป็นพวกเราท่านอย่าชิงกันเลย หลีทองจึงเอาตัว อองหลิบมาคำานับกองบู๊ แล้วว่าแต่ข้าพเจ้าเที่ยวหาท่านในเมืองนำ่าเอี๋ยงทุก ตำาบล วิตกกลัวท่านจะมีอันตราย ซึ่งมาพบท่านวันนี้ข้าพเจ้าดีใจนัก กองบู๊
  • 7. จึงว่าครั้งซินโตเกียนไล่จับข้าพเจ้าหนีมาเข้าที่ล้อม ชีวิตตกอยู่ในเงื้อมมือ ทหารซินโตเกียนแล้ว เดชะด้วยวาสนายังไม่ถึงที่ตาย พอกระบือแดงเขา เดียวพาข้าพเจ้าวิ่งไล่ฝ่าทหารออกมา กองบู๊ก็เล่าความแต่หลังให้หลีทอง ฟังทุกประการ หลีทองได้ฟังดังนั้นก็ดีใจนัก จึงว่าท่านมีบุญญาธิการมาก ถึงที่อับจนเทวดาจึงมาช่วยได้เป็นอัศจรรย์ฉะนี้ ถ้าจะทำาการศึกใหญ่ไปภาย หน้า ก็จะมีชัยแก่อองมังโดยง่าย ครั้นสนทนากันแล้วกองบู๊ขึ้นม้าพาหลีทอง กับเตงอู เอียวกี๋ หลีเทียด อองหลิบ ไปตามทางถึงบ้านแปะจุยฉิง กองบู๊ เข้าไปคำานับเล่าเหลียงเล่าความให้เล่าเหลียงฟังทุกประการ เล่าเหลียงครั้น กองบู๊ผู้หลานได้ทหารมามีความยินดีนักจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยง ฝ่ายเตงอูนั่งกินโต๊ะเสพสุราปรึกษากองบู๊ว่า บัดนี้ทหารเอกทหารเลว และเสบียงอาหารก็พอจะทำาศึกใหญ่ได้แล้ว แต่ยังหาเมื่องซึ่งเป็นที่มั่นยัง ไม่ได้ อันเมืองฮูเอี๋ยงนั้นมีกำาแพงสูง ถึงข้าศึกจะปีนปล้นก็ยาก ทั้งประตูหอ รบก็มั่นคงมีที่ทางช่องแคบ แอบอาศัยซุ่มทัพรับข้าศึก และทางหนีทีไล่ก็ สะดวก เห็นจะเอาเป็นที่มั่นได้ ขอท่านจงจัดกองทัพไปตีเมืองฮูเอี๋ยงขน เสบียงอาหาร ที่จะเลี้ยงทแกล้วทหารขึ้นฉางน้อยใหญ่ไว้ให้มากแล้ว จะได้ ไปตีเมืองฮูเอี๋ยงและเมืองขึ้นสามสิบหกเมืองไว้เป็นกำาลัง จึงจะคิดการยก ไปตีเมืองหลวงสืบไป กองบู๊กับเล่าเหลียงได้ฟังก็เห็นชอบ จึงจัดทหารอันมี ฝีมือดีได้พันห้าร้อย ทหารนอกเกณฑ์เล่าเหลียงเอาไว้ให้อยู่รักษาค่ายบ้าน แปะจุยฉิง ครั้นถึงวันฤกษ์ดีเล่าเหลียงจึงตั้งเอียวกี๋เป็นแม่ทัพหน้าคุมทหาร ห้าร้อย ตั้งกองบู๊เป็นแม่ทัพหลวงคุมทหารพันหนึ่งยกออกไปจากค่ายฮูเอี๋ยง กองบู๊ให้ตั้งค่ายลงตรงหน้าเมือง ฝ่ายฮั่นเตาเจ้าเมืองฮูเอี๋ยงรู้ว่ากองทัพเล่าสิ้วบุนซกยกมา จึงสั่งมหารให้ ปิดประตูเมือง แล้วให้ขับชาวเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ ฮั่นเตาขึ้นไป บนหอรบ แลเห็นทหารเล่าสิ้วบุนซกล้วนมีฝีมือกล้าแข็งทุกตัวคน ออกมาส อบเพลงอาวุธกันอยู่ที่หน้าค่าย ฮั่นเตาคิดว่าจะแต่งกองทัพออกสู้ต้านทาน เห็นกำาลังทหารฝ่ายเราจะสู้ฝีมือทหารเล่าสิ้วบุนซกมิได้ จำาจะคิดอุบายให้ เล่าสิ้วบุนซกกอยทัพ ฮั่นเตาเห็นเล่าสิ้วบุนซกขี่ม้ามายืนอยู่หน้าค่าย จึงร้อง บอกออกไปว่าข้าพเจ้าจะยอมเข้าด้วยแต่ขอทุเลาสามวันพอจัดแจงสิ่งขิง บรรณาการแล้วจึงจะเปิดประตูเมืองออกไปคำานับ ขอท่านจงถอยทัพเสีย เถิด กองบู๊ได้ยินดังนันสำาคัญว่าฮั่นเตาจะยอมเข้าด้วยโดยดี จึงสั่งทหารให้ ้ ถอยทัพออกไปตั้งค่ายอยู่ห่างจากเมืองตามสัญญา 29 ฮั่นเตาจับเล่าเปาอาเล่าสิ้วบุนซก ฝ่ายฮั่นเตาเห็นเล่าสิ้วบุนซุกถอยทัพก็ดีใจ จึงลงจากหอรบสั่งให้ทหาร เที่ยวสืบจับผู้ซึ่งรวมแซ่เล่าสิ้วบุนซก ทหารจับตัวเล่าเปามาได้ ฮั่นเตาให้ซัก ถามแจ้งความว่าเป็นอาเล่าสิ้วบุนซก ฮั่นเตาให้ทหารคุมตัวเล่าเปาไว้ ฝ่าย กองบู๊ครั้นครบกำาหนดสามวัน มิได้เห็นฮั่นเตาเปิดหระตูเมืองตามสัญญา จึง ให้ทหารร้องบอกเข้าไปว่า ให้เร่งเปิดประตูเมืองรับกองทัพโดยดี ถ้าจะคิด แข็งเมืองจะให้ทหารปีนกำาแพงเข้าไปฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง ฝ่ายทหารซึ่งรักษาหน้าที่เชิงเทิน ได้ยินดังนันจึงเข้าไปแจ้งความแก่เจ้า ้ เมืองฮูเอี๋ยง เจ้าเมืองฮูเอี๋ยงจึงมัดเล่าเปาให้ทหารคุมตามฮั่นเตาขึ้นบนเชิง เทิน แล้วร้องบอกออกไปว่าให้เล่าสิ้วบุนซกออกมาเจรจากับเรานอกค่าย ทหารจึงไปแจ้งแก่กองบู๊ตามคำาฮั่นเตา กองบู๊จึงแต่งตัวขึ้นม้าถือง้าว พาเต งอูกับนายทหารทั้งปวงออกมายืนอยู่หน้าค่าย ฝ่ายฮั่นเตาจึงว่าแก่เล่าเปา บัดนี้หลานตัวคิดกับพวกโจรยกมาตีเมืองเรา ตัวจงบอกให้เลิกทัพกลับไป
  • 8. ถ้าหลานตัวมิฟังจะยกเข้ามาเราจะตัดศรีษะท่านเสีย ฮั่นเตาจึงให้ท่านตีเร่ง เล่าเปาให้ร้องห้ามกองทัพ เล่าเปากลัวความตายแลไปเห็นกองทัพกองบู๊ ยืนมิอยู่กลางทหาร เล่าเปาจึงร้องบอกไปว่า เจ้าจงกรุณาอาเถิดเร่งถอยทัพ กลับไปอาจึงจะรอดชีวิต ถ้ามิฟังจะยกเข้าสู้เจ้าเมืองฮูเอี๋ยงก็จะฆ่าอาเสีย เวลาวันนี้ ฝ่ายกองบู๊ได้ยินดังนั้น แลขึ้นไปเห็นเล่าเปาทหารฮั่นเตามัดยืนอยู่บน เชิงเทิน กองบู๊มีความสงสารเสียใจสิ้นสติตกลงจากม้า ทหารข้างเคียงเข้า ประคองไว้ ฮั่นเตาแลเห็นจึงร้องออกไปว่า ท่านไม่รักอาจะขืนเข้ามารบเรา จะฆ่าท่านเสีย กองบู๊ครั้นได้สติขึ้นมา ได้ยนดังนั้นมีความอาลัยนัก กลัวฮั่น ิ เตาจะฆ่าเล่าเปาเสีย จึงร้องบอกว่าท่านจงกรุณา อย่าเพ่อฆ่าอาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถอยทัพกลับไปจัดแจงสิ่งของสามวันจะกลับมาเข้าด้วย จะแลก ชีวิตอาไว้ให้พ้นความตาย ฝ่ายกองบู๊เลิกทัพกลับมายังบ้านแปะจุยฉิง จึงลงจากม้าเข้าไปร้องไห้ บอกความแก่เล่าเหลียงทุกประการ แล้วปรึกษาทหารทั้งปวงว่า อาข้าพเจ้า ฮั่นเตาจับไว้จะฆ่าเสีย ถ้าท่านไม่คิดกลอุบายแก้ไขอาข้าพเจ้าให้รอดจาก ความตายครั้งนี้ ข้าพเจ้าก็จะมัดตัวเข้าไปหาฮั่นเตา จะแลกเอาชีวิตอาไว้ให้ รอดจากความตาย ฝ่ายนายทหารทั้งปวงมิได้เห็นอุบายที่จะแก้ไขประการใดพากันนิ่งอยู่ เอียวกี๋จึงว่าซึ่งท่านไปรับข้าพเจ้ามาจนมารดาข้าพเจ้าตาย ข้าพเจ้าก็หมาย จะช่วยท่านทำาการปราบปรามศัตรูแผ่นดิน ฮั่นเตาจับเอาอาท่านไว้ ท่าน อาลัยด้วยเสียดายชีวิตเล่าเปาเป็นการใหญ่กว่าแผ่นดิน จะเข้าด้วยฮั่นเตา แลกชีวิตนั้น ถ้ามารดาข้าพเจ้าที่ตายคืนเป็นมาเมื่อใด ข้าพเจ้าจึงจะยอมเข้า ด้วยฮั่นเตาตามคำาท่าน ซึ่งท่านจะทำาใจอ่อนเหมือนสตรีไม่มีมานะจะเลิกการ ใหญ่เสียไม่ควร ทหารทั้งปวงก็ว่ากล่าวห้ามปราม มิให้กองบู๊ไปยอมเข้ากับ ฮั่นเตา ด้วยหาผู้ใดที่จะช่วยคิดอุบายแก้ไข เอาชีวิตเล่าเปาให้รอดพ้นมือฮั่น เตามิได้ 30 ตันจุนอาสาช่วยเล่าเปา ้ ฝ่ายตันจุ้นเดินทางมาถึงบ้านแปะจุยฉิง จึงหยุดอยู่ที่ประตูค่าย ให้นาย ประตูค่ายเข้าไปบอกกองบู๊ กองบู๊จึงว่าการใหญ่จะเลิกเสียแล้ว ถึงผู้ใดจะ เข้ามาก็หาต้องการไม่ ตันจุ้นนั่งอยู่ประตูค่ายได้ยินดังนั้น จึงเดินเข้าไป คำานับกองบู๊ในที่ประชุมขุนนาง ตันจุนจึงว่าข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นผู้มีบุญ จึง ้ เข้ามาสามิภักดิ์จะช่วยทำาการใหญ่ เหตุใดท่านจึงไม่ต้องการข้าพเจ้าเล่า กองบู๊เล่าความให้ฟังว่าเรายกทัพไปตีเมืองฮูเอี๋ยง ฮั่นเตาจับอาเรามาไว้ ครั้นจะเข้าหักเอาเมืองเล่าฮั่นเตาจะฆ่าอาเสีย จะมีผู้นนทาว่ารักสมบัติ ิ มากกว่าชีวิตอา หาผู้ใดจะช่วยคิดแก้ไขให้อาเรารอดพ้นจากความตายมิได้ จึงให้ถอยทัพกลับไปยอมเข้าด้วยฮั่นเตา แลกชีวิตอาไว้ไม่คิดซ่องสุมผู้คน ต่อไป เราจึงว่าไม่ต้องการ ตันจุ้นจึงว่าการแต่เพียงนี้ ทหารทั้งปวงจะช่วย คิดแก้ไขไม่ได้แล้วที่ไหนจะเป็นแม่ทัพนายกอง คุมทหารทำาการศึกใหญ่ สืบไปได้เล่า กองบู๊ได้ยินตันจุ้นว่ากล่าวเป็นคนมีสติปัญญา จึงเลื่อนลงมานั่ง ใกล้ถามว่า ท่านเห็นอุบายประการใดจงกรุณาช่วยคิดแก้ไขให้อาข้าพเจ้า รอดจากความตายครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะได้ตีฮูเอี๋ยง จะสนองคุณท่านให้ถึงขนาด ตันจุ้นจึงว่าข้าพเจ้าจะปลอมเป็นคนหาบฟืนเข้าไปในเมือง ท่านจงยก กองทัพเข้าไปประชิดให้ถึงเชิงกำาแพง ฮั่นเตารู้ว่ากองทัพไปถึงก็จะขับไล่ ไพราพลเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทิน ข้าพเจ้าจะปลอมเป็นทหารชาวเมือง
  • 9. เข้าไปใกล้ฮั่นเตาถ้าชอบทีจะฟันฮั่นเตาเสียให้ตาย จะเปิดประตูเมืองรับ กองทัพท่าน อุบายอันนี้มีประโยชน์ถึงสองประการ เข้าเมืองได้โดยง่ายไม่ ต้องลำาบากทหาร ทั้งอาท่านก็จะรอดชีวิต ข้าพเจ้าคิดฉะนี้ท่านเห็นประการ ใด กองบู๊กับเตงอูทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วยกัน กองบู๊มีความ ยินดีนัก จึงสรรเสริญว่าท่านมีสติปัญญาควรที่จะเป็นนายทหาร ท่านจงเร่ง เข้าไปทำาอุบายให้สำาเร็จโดยความคิดท่านเถิด ข้าพเจ้าจะยกทัพเข้าประชิด ตามคำาท่าน ตันจุนคำานับลาออกจากค่ายเอาดาบสั้นซ่อนในเสื้อแต่งตัว ้ เหมือนคนขายฟืน จึงหาบฟืนปลอมเป็นชาวเมืองเข้าไปทางประตูน้อย เดิน ตามถนนเที่ยวร้องขายฟืนในเมือง ชาวเมืองถามซื้อ ตันจุ้นบอกราคาแพงนัก ไม่มีผู้ซื้อ ฝ่ายกองบู๊รู้ว่าตันจุ้นเข้าเมืองได้แล้ว จึงยกกองทัพเข้าประชิดกำาแพง เมืองฮูเอี๋ยง เสียงม้าล่อและกลองรบทหารโห่ร้องอื้ออึง เหมือนหนึ่งจะขึ้น ปล้นปีนกำาแพงหักเอาเมืองโดยฝีมือทหาร ฝ่ายคนซึ่งประจำารักษาเชิงเทิน ต่างคนตกใจวิ่งไปบอกฮั่นเตาว่า กองทัพยกมาอีกเป็นจำานวนมาก ฮั่นเตาสั่ง ทหารให้ขับชาวเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทิน แล้วฮั่นเตาขึ้นตรวจตราทหาร ให้ประจำาหน้าที่อยู่บนเชิงเทิน 31 เล่าสิ้วบุนซกได้เมืองฮูเอี๋ยง ฝ่ายตันจุ้นเห็นดังนันจึงทิ้งหาบฟืนลงไว้มีแต่มือเปล่า ขึนไปช่วยโห่ร้อง ้ ้ วิ่งไปมา ครั้นเห็นฮั่นเตาประมาทไม่ระวังตัวได้ท่วงทีจึงวิ่งเข้ามาใกล้ ชัก ดาบออกจากเสื้อแทงถูกฮั่นเตาตกเชิงเทินตาย ตันจุ้นไล่ฆ่าฟันทหารซึ่ง รักษาเชิงเทินแตกตื่นหนี ตันจุ้นวิ่งลงไปเปิดประตูเมือง กองบู๊ขับทหารเข้า เมืองได้จึงให้ทหารแก้มัดเล่าเปาผู้เป็นอาพาเข้าไปนั่งที่ประชุมขุนนาง แล้ว กำาชับมิให้ทหารข่มเหงเก็บริบทรัพย์สิ่งของชาวเมือง กองบู๊เอาใจโอบอ้อม อารีแก่ราษฎรมิให้สะดุ้งตกใจ แล้วจึงหาตัวตันจุ้นเข้ามาว่า ท่านอุบายแก้ไข ได้เมืองแล้ว ชีวิตอาข้าพเจ้ารอดจากความตาย ได้สำาเร็จความคิดถึงสอง ประการฉะนี้ ท่านมีความชอบเป็นอันมาก กองบู๊จึงตั้งตันจุ้นเป็นนายทหาร จัดแจงทรัพย์สิ่งของให้แก่ตันจุ้นเป็นบำาเหน็จโดยสมควรแล้วใช้ทหารไป แจงความแก่เล่าเหลียงทุกประการ ฝ่ายเล่าเหลียงรู้ว่ากองบู๊ได้เมืองแล้ว จึงยกครอบครัวขนข้าวปลา อาหารเข้ามาขึ้นฉางน้อยใหญ่ไว้ในเมืองฮูเอี๋ยง แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทหาร ทั้งปวงพร้อมกันกินสุราเป็นที่สนุกสบาย ฝ่ายคนใช้โซหัวผู้ตาย ครั้นรู้ว่า เกียนถำากลับเข้าด้วยเล่าสิ้วบุนซกแล้ว จึงพากันเข้าเมืองหลวงแจ้งความทั้ง ปวงแต่หลังให้โซเหี้ยนฟังทุกประการ โซเหี้ยนรู้ว่าโซหัวตายจึงเข้าไปบอก แก่อองมังว่า เล่าสิ้วบุนซกหนีไปอยู่บ้านแปะจุยฉิง ข้าพเจ้าให้โซหัวผู้บุตร ตามไปจับเล่าสิ้วบุนซกจะเอามาให้ท่าน ชาวบ้านแปะจุยฉิงออกชิงเอาเล่า สิ้วบุนซกไว้ฆ่าโซหัวตาย บัดนี้เล่าสิ้วบุนซกเกลี้ยกล่อมชาวบ้าน ยกเข้าตี เมืองฮูเอี๋ยงได้ ทั้งตัวเกียนถำาก็ไปเข้าเกลี้ยกล่อมด้วย เห็นว่าเล่าสิ้วบุนซก จะมีใจกำาเริบยกทัพเข้ามาตีเมืองหลวงเป็นมั่นคง อองมังได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงสั่งให้โซงวนโซยเป็นแม่ทัพยกออกไปตั้งเกี้ยกล่อมทหารอยู่ ณ เมืองอี จุ๋ย คอยตีกองทัพพวกบ้านแปะจุยฉิงจับตัวเล่าสิ้วบุนซกฆ่าเสียให้จงได้ โซงวนโซยคำานับลาออกมาจัดทัพยกไปตั้งค่ายอยู่เมืองอีจุ๋ยตามอองมังสั่ง ฝ่ายเตงอูอยู่ในเมืองฮูเอี๋ยง เห็นกองบู๊กินแต่สุราไม่คิดการศึก จึงเข้าไป ปรึกษาว่าท่านได้แต่เมืองฮูเอี๋ยงเป็นเมืองน้อย ไม่คิดที่จะตีเอาหัวเมืองทั้ง ปวง กระทำาเขตแดนให้กว้างขวางไว้นั้น ถ้าอองมังยกทัพใหญ่มา เห็นว่า
  • 10. ทหารเราจะต่อสู้ต้านทานฝีมือทหารชาวเมืองหลวงมิได้ ซึ่งท่านยกศึกแรก เป็นฤกษ์ดีมีชัยได้เมืองฮูเอี๋ยงครั้งนี้ ขอให้หลีทองกับเกียนถำาคุมทหารห้า ร้อยยกไปตีเมืองนำ่าเอี๋ยงทางหนึ่ง ให้เล่าอิ๋นกับหลีเทียดคุมทหารห้าร้อยยก ไปตีเมืองเก๊กเอี๋ยงทางหนึ่ง ท่านกับเอียวกี๋คุมทหารห้าร้อยยกไปตีเมืองซิน เอี๋ยทางหนึ่ง เล่าเหลียงกับข้าพเจ้าจะระงับอยู่รักษาเมืองฮูเอี๋ยงมิให้เป็น อันตราย ถ้าตีเมืองทั้งสามได้เครื่องศัสตราวุธและทแกล้วทหารมาสบทบก องทัพเรามากขึ้นแล้ว ถึงมาตรว่าอองมังจะยกทัพใหญ่มา ก็เห็นพอจะสู้รบ เอาชัยชนะได้ กองบู๊กับนายทหานทั้งปวงเห็นชอบด้วยต่างคนจัดแจงทหาร ยกออกจากเมืองฮูเอี๋ยงแยกกันไปสามทางตามคำาเตงอู 32 ตีเอาหัวเมืองขยายเขตแดน ฝ่ายกองบู๊กับเอียวกี๋ยกไปถึงเมืองซินเอี๋ย จึงให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ใกล้เชิง กำาแพงประมาณทางสามสิบเส้น จึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า ไต้ ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกผู้เป็นพระเจ้าหลานพระเจ้าเปงเต้ มาถึงเมืองซินเอี๋ย ด้วยออ งมังคิดกฎบประทุษร้ายต่อแผ่นดิน ยกจูเอ๋งขึ้นเป็นฮ่องเต้ จูเอ๋งหาความผิด มิได้อองมังถอดจูเอ๋งเสียจากที่ฮ่องเต้แล้ว อองมังชิงสมบัติตั้งตัวเป็นใหญ่ ในเมืองหลวง เอาจูเอ๋งไปคุมขังไว้ ณ ตำาหนักหลังวังให้จูเอ๋งอดอาหารตาย แปลงกฎหมายพิกัดค่านา และส่วยสาอากรให้เกินอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ราษฎรได้ความเดือดร้อน จึงประชุมพร้อมใจกันให้เราเป็นแม่ทัพใหญ่ ยกจะ ไปกำาจัดอองมังศัตรูแผ่นดินเสีย แล้วจะหาผู้มีบุญญาธิการขึ้นครองราช สมบัติในเมืองหลวง บำารุงหัวเมืองทั้งปวงให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบไปเหมือนดัง ก่อน ถ้าเจ้าเมืองซินเอี๋ยจะเข้าด้วยช่วยบำารุงแผ่นดินก็ให้ออกมากาเราโดยดี ถ้าจะเข้าด้วยอองมังผู้กระทำาผิด ก็ให้เร่งยกกองทัพออกมารบกับเราให้ถึง แพ้ชนะ ครั้นแต่งหนังสือแล้วเข้าผนึกตีตราประทับส่ง ให้ทหารเข้าไปสื่อ เมืองซินเอี๋ย ทหารรับหนังสือคำานับลาขึ้นม้าไปถึงประตูเมืองจึงแจ้งความให้ นายประตูฟัง แล้วให้นายประตูพาเข้าไปคำานับส่งหนังสือให้แก่เจ้าเมืองซิน เอี๋ย ฝ่ายเก๋งต้านรับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความว่าเล่าสิ้วบุนซกผู้มีบุญ ยกมา จึงปรึกษาคับเอี๋ยนซึ่งเป็นฮูเจี๋ยงว่าเล่าสิ้วบุนซกคนนี้มีบุญญาธิการ นานไปจะได้เป็นกษัตริย์บำารุงแผ่นดิน ซึ่งมีหนังสือมาทั้งนี้เป็นทางปรึกษา ถ้าเราคิดต่อสู้ฝีมือชาวเมืองหรือจะต้านทานทหารผู้มีบุญได้ เราคิดจะไปเข้า ด้วยเล่าสิ้วบุนซกราษฎรชาวเมืองจึงจะไม่เดือดร้อนท่านเห็นประการใด คับ เอี่ยนเห็นชอบ ทั้งสองนายจึงพาขุนนางและทหารเปิดประตูเมืองออกไป รับคำานับเชิญกองบู๊เข้ามาในเมืองแล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยง กองบู๊จึงสั่งทหารมิ ให้กระทำายำ่ายีแก่ราษฎรชาวเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ฝ่ายเล่าอิ๋น กับหลีมองยกกองทัพไปถึงเมืองเก๊กเอี๋ยง ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ใกล้เมืองทางหกสิบสองเส้นสิบวา เล่าอิ๋นจึงให้ทหารไปสืบรู้ว่ากองบู๊ได้ เมืองซินเอี๋ยแล้ว เล่าอิ๋นจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งใจความว่า หนุงสือเล่าอิ๋ นมาถึงเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยง ด้วยไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกเป็นผู้มีบุญญาธิการ ตั้ง กองเกลี้ยกล่อมทแกล้วทหารอยู่ ณ บ้านแปะจุยฉิงหลายปี บัดนี้พร้อมทหาร ยกกองทัพใหญ่หัวเมืองรายทางพากันเข้าด้วยเป็นอันมาก ยกมาถึงเมืองฮู เอี๋ยงเจ้าเมืองออกต่อสู้ฝีมือทห่รต้านทานมิได้ ไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกยกเข้าตี เมืองได้โดยง่ายดุจดังเด็ดผัก บัดนี้ยกเข้าพักทหารอยู่ ณ เมืองซินเอี๋ย ไต้ ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกมีบุญญาธิการเทพยดารักษา ทั้งผู้มีสติปัญญาก็มาสามิภักดิ์ เข้าช่วยคิดการศึก ไต้ฮั่นเล่าสิ้วบุนซกมีใจโอบอ้อมอารีราษฎร ต่างคนยินดี
  • 11. เข้าด้วยเอาใจช่วยผู้มีบุญให้กำาจัดศัตรูแผ่นดิน จึงแต่งให้เราผู้ชื่อว่าเล่าอิ๋น ยกกองทัพมาปราบเมืองเก๊กเอี๋ยง ถ้าเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยงจะยอมเข้าด้วยช่วยผู้ มีบุญกำาจัดอองมัง สำาเร็จราชการแล้วจะให้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ ถ้ามิยอม เข้าด้วยเราจะยกกองทัพเข้าไปฆ่าเสียให้สิ้น ครั้นแต่งหนังสือแล้วส่งให้ ทหารถือเข้าไปในเมือง ทหารรับหนังสือคำานับลาเข้ามาบอกแก่นายประตูให้ พาเข้าไปส่งหนังสือให้งมเหงเจ้าเมืองเก๊กเอี๋ยง เจ้าเมืองฉีกผนึกออกอ่าน ิ แจ้งความดังนันก็โกรธ ฉีกหนังสือทิ้งเสียแล้วด่าว่า พวกอ้ายโจรป่าบังอาจ ้ ใจยกเข้ามาเหยียบชานเมืองกู กูจะจับฆ่าเสียให้สิ้น จึงสั่งทหารให้ตีผู้ถือ หนังสือยี่สิบทีโดยสาหัส จึงให้ไสออกไปเสียจากเมือง แล้วงิมเหงจัดทหาร มีฝีมือห้าร้อย งิมเหงแต่งตัวใส่เสื้อแดงสวมเกราะทองคำาใส่หมวกทองมีจุก เป็นรูปหงส์ ผูกสอดเครื่องสาตราสั้นสำาหรับทหารถือง้าวใหญ่เข้าไปคำานับ มารดา แล้วเล่าความทั้งปวงให้ฟังทุกประการ มารดางิมเหงว่าเล่าสิ้วบุนซก เป็นเชื้อวงศ์กษัตริย์ คนทั้งปวงนิยมยินดีเข้าด้วยทั้งแผ่นดิน ตัวเจ้าผู้เดียวจะ ไปต่อสู้กับทหารผู้มีบุญครั้งนี้มารดาเห็นว่าจะมีอันตรายเป็นมั่นคง จงออกไป สามิภักดิ์เข้าด้วยเล่าสิ้วบุนซก บ้านเมืองเราจึงจะมีความสุขสืบไป งิมเหงฟัง มารดาห้ามก็โกรธ มิได้คำานับลุกออกมาขึ้นม้าสีแสดพาทหารเปิดประตูเมือง ออกไปถึงหน้าค่ายเล่าอิ๋น งิมเหงจึงร้องเข้าไปว่าผู้ใดมีฝีมือ องอาจยกมาจะ รบกับเราให้เร่งออกมาต่อสู้กัน ดูฝีมือกัยใหถึงแพ้ชนะ หลีเทียดซึ่งเป็น แม่ทัพหน้าได้ยินดังนั้นจึงขึ้นม้าถือทวนพาทหารออกมายืนหน้าค่าย จึงร้อง พูดจาเกลี้ยกล่อมงิมเหงโดยดีว่า ท่านจงยอมเข้าทำาราชการด้วยท่านผู้มี บุญช่วยกำาจัดอองมัง ท่านจะได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ งิมเหงได้ฟังก็โกรธ จึง ด่าว่าอ้ายพวกโจรป่ามึงอย่ามาเกลี้ย กล่อมกูเลย กูจะฆ่าเสียบัดนี้ ว่าแล้วขับ ม้ารำาง้าวเข้ารบด้วยหลีเทียดได้ยี่สิบเพลง งิมเหงทำาชักม้าเป็นทีจะหนี หลี เทียดได้ทีขับม้าไล่ติดตาม งิมเหงเหลียวหลังมาน้าวเกาทัณฑ์ยิงถูกเกราะ หลีเทียดตกม้าลง มหารเท้าม้าอุ้มประคองป้องกันรอรับกลับมาค่าย เล่าอิ๋น เห็นดังนั้นขับม้าเข้ารบกับงิมเหงได้ยี่สิบเพลง งิมเหงทำาเสียที เล่าอิ๋นแทง ด้วยทวน งิมเหงหลบหลีกไม่ถูก ม้าเล่าอิ๋นถลำาเข้าไปงิมเหงชักอาวุธสั้น ออกจากเสื้อ ตีถูกไหล่เล่าอิ๋นเจ็บสาหัส เล่าอิ๋นชักม้ากลับ งิมเหงขับทหาร ไล่ตามเข้าไปถึงค่าย เล่าอิ๋นกับหลีเทียดทิ่งค่ายเสียขับม้าพาทหารหนีไป งิมเหงได้ชัยชนะแล้วพาทหารกลับเข้าเมือง ฝ่ายเล่าอิ๋นกับหลีเทียดหนีงิมเหงมาถึงเมืองฮูเอี๋ยง จึงเข้าไปกคำานับ เล่าเหลียงแจ้งความตามซึ่งได้รบกับงิมเหงทุกประการ เล่าเหลียงได้ฟังดัง นั้นตกใจนัก ขณะนั้นหลีทองกับเกียนถำาไปตีเมืองนำ่าเอี๋ยงได้แล้ว กลับมาบ อกแก่เล่าเหลียงทุกประการ 33 งิมเหงรบกับเอี๋ยวกี๋ ฝ่ายกองบู๊ครั้นจัดแจงเมืองซินเอี๋ยแล้ว จึงพาเก๋งต้านกับคับเอี๋ยนเข้ามา คำานับเล่าความทั้งปวงให้เล่าเหลียงกับเตงอูฟัง เล่าเหลียงจึงบอกแก่กองบู๊ ว่า เล่าอิ๋นกับหลีเทียดถูกอาวุธป่วยแตกหนีมา กองบู๊ได้ยินออกชื่องิมเหงก็ ตกใจ จึงว่างิมเหงคนนี้ฝีมือดีรบกับม้าบู๊ในที่สนามหัดถึงสองร้อยเพลงจึงได้ เป็นที่จ้อหงวน อองมังแต่งตั้งออกมารักษาเมืองเก๊ฏเอี๋ยงเมื่อใด ข้าพเจ้าพึ่ง แจ้งความครั้งนี้ อันฝีมือทหารในกองทัพเรา ข้าพเจ้าหาเห็นผู้ใดที่จะต่อสู้งิม เหงเอาชัยชนะได้ไม่ เอียวกี๋จึงว่าซึ่งท่านสรรเสริญงิมเหงว่ามีฝีมือเข้มแข็ง นั้น ข้าพเจ้าจะขอไปจับตัวมาให้ท่านจงได้ เตงอูได้ฟังจึงว่าแก่เอียวกี๋ว่า ท่านอย่าเพ่อประมาทดูหมิ่น งิมเหงคนนี้ใจองอาจฝีมือกล้าแข็งมกำาลังมาก
  • 12. จำาจะยกทัพใหญ่ไปตีเมืองเก๊กเอี๋ยงให้แตกแล้วคิดเกลี้ยกล่อม เอาตัวงิม เหงไว้เป็นนายทหารทำาการศึกสืบไป เตงอูจึงให้เล่าเปาไปรักษาเมืองซิน เอี๋ย ให้เล่าต๋งไปรักษาเมืองนำ่าเอี๋ยง เล่าเหลียงนั้นอยู่รักษาเมืองฮูเอี๋ยง เล่า เปากับเล่าต๋งรับคำาอำาลาไปรักษาเมืองอยู่ตามเตงอูสั่ง เตงอูจึงจัดแจง เตรียมทหารมีฝีมือสองร้อยทหารเลวพันเศษ ตั้งกองบู๊เป็นแม่ทัพหลวง ให้ เอียวกี๋เป็นทัพหน้า เตงอูเป็นยกกระบัตรผู้จัดแจง ครั้งรุ่งเช้าเตงอูยกกองทัพ ออกจากเมืองฮูเอี๋ยง ไปตั้งค่ายอยู่ไกลเมืองทางประมาณสามสิบเส้น ให้ ทหารเข้าไปบอกให้งิมเหงออกมารบ ฝ่ายงิมเหงแจ้งความว่ากองบู๊ยกมาถึงจึงจัดทัพสามพันเศษ งิมเหงแต่ง ตัวใส่เกราะขึ้นม้าถือง้าวใหญ่ ยกกองทัพออกจากเมืองไปถึงค่าย ฝ่ายกองบู๊ ขึ้นม้าพาทหารออกมารบกับงิมเหง งิมเหงจึงร้องถามว่าตัวท่านหรือชื่อว่า เล่าสิ้วบุนซกหนีอองมังมาจากเมืองหลวง กองบู๊จึงว่าตัวเราชื่อว่าเล่าสิ้วบุน ซก ครั้งเมืองอองมังก่อการกบถชิงเอาสมบัติพระเจ้าเปงเต้ แล้วให้โซหี้ยน จับญาติวงศาบรรดาร่วมแซ่เอาไปฆ่าเสียประมาณพันเศษแล้ว ให้สืบเอาตัว เราจะเอาไปฆ่าเสียให้สิ้นเชื้อ ด้วยเรามีใจเจ็บแค้นจึงพาทหารซึ่งมีใจสัตย์ ซื่อต่อแผ่นดินยกมาจะไปกำาจัดอองมัง ตัวท่านก็มีสติปัญญาอยู่จะหลงเข้า ด้วยอองมังคนอกตัญญูนั้นไม่ชอบ จงช่วยเราปราบเสี้ยนศัตรูแผ่นดิน สำาเร็จ แล้วจะตั้งให้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ตามสมควร งิมเหงได้ฟังก็โกรธ จึงตอบว่า ตัวเป็นพวกชาวบ้านแปะจุยฉิง อวดอ้างเป็นผู้มีบุญให้คนนิยมเข้าด้วยแล้ว กำาเริบใจคิดการใหญ่กับพวกชาวบ้านป่า ว่ากล่าวหมินประมาทอองมังเจ้า ่ นายเรา แล้วชักชวนให้เราเข้าร่วมด้วย ถึงอองมังจะชั่วดีประการใดก้ได้ชุบ เลี้ยงตั้งแต่งเราเป็นเจ้าเมืองมียศศักดิ์ ถ้าท่านมิฟังจะประมาทหยาบช้าต่อ อองมังสืบไป เราจะจับตัวฆ่าเสียให้สิ้นกองทัพ เอียวกี๋ได้ยินดังนั้นจึงชักม้า ขึ้นมาหน้าม้ากองบู๊ แล้วโต้ตอบกับงิมเหงว่า กองบู๊เจ้าของเรากรุณาว่าท่าน เป็นเด็กหนุ่มเบาความ จึงเตือนสติให้รู้ว่าตัวผิด ท่างจงยอมเข้าด้วยโดยดี ซึ่งจะถือว่าตัวมีฝีมือจะต่อสู้กับเราผู้เป็นทหารผู้ใหญ่ เห็นว่าอันตรายจะ ถึงแก่ชีวิตท่านเป็นมั่นคง งิมเหงได้ฟังก็โกรธชักม้ารำาง้าวเข้ารบกับเอียวกี๋ ได้สิบเพลง กองบู๊เห็นทหารทั้งสองรบกัยต่างคนชำานาญว่องไวในเพลง อาวุธเกรงงิมเหงจะเสียทีเอี๋ยวกี๋จะฆ่าเสีย จึงร้องห้ามงิมเหงว่าท่านอย่ารบ กับเอี๋ยวกี๋ต่อไปเลย จงเข้ามารบกับเราเถิด งิมเหงไม่ฟังชักม้าเข้ารบกับเอีย วกี๋ได้ห้าสิบเพลงมิได้แพ้ชนะแก่กัน กองบู๊แลไปบนศรีษะงิมเหงเห็นดังรูป เสือ คิดขึ้นได้ว่าชะรอยจะเป็นเทพยดารักษาประจำาตัวงิมเหง กองบู๊น้าว เกาทัณฑ์ยิงถูกรูปเสือก็สูญหายไป ฝ่ายงิมเหงรบกับเอียวกี๋ให้เมื่อยมึนแขนซ้ายยกง้าวไม่ถนัด ทั้งกำาลังก็ อิดโรยลงเห็นจะต่อสู้ฝีมือเอียวกี๋ไม่ได้ จึงชักม้าพาทหารกลับเข้าเมือง กอง บู๊เห็นดังนั้นมิให้ทหารติดตาม จึงสรรเสริญเอียวกี๋ว่าฝีมือกล้าแข็ง ชนะงิม เหงควรที่เป็นนายทหารเอก ว่าแล้วพาทหารกลับเข้าค่าย จึงสั่งคนใช้ให้เข้า ไปนัดงิมเหง ว่าเวลาพรุ่งนี้ให้เร่งออกมารบกันใหม่ คนใช้คำานับลาเข้าไปใน เมืองตามสั่ง ฝ่ายงิมเหงครั้นถึงเมือง ขุนนางทั้งปวงมาเยี่ยมเยือนถามว่า ท่านออก ไปจับเล่าสิ้วบุนซกเป็นประการใด งิมเหงจึงบอกว่าเราออกไปรบกับนาย ทหาร จะจับตัวเล่าสิ้วบุนซก ได้รบกับเอียวกี๋ยังมิทันแพ้ชนะบังเกิดอิดโรย กำาลัง แขนเบื้องซ้ายเมื่อยมึนจึงกลับเข้ามา เวลาอื่นจะยกออกไปจับเล่าสิ้ว บุนซกให้จงได้ พอทหารกองบู๊ถือหนังสือเข้ามานัดรบ งิมเหงจึงรับคำาว่า พรุ่งนี้เราจึงจะออกไปรบตามสัญญา ทหารกองบู๊ก็คำานับลากลับไปแจ้ง