More Related Content
Similar to งานนำเสนอ ปิติกานต์สงแทน
Similar to งานนำเสนอ ปิติกานต์สงแทน (20)
งานนำเสนอ ปิติกานต์สงแทน
- 1. โครงงานวิชา IS2 30201
เรื่อง น้ ากระเจี๊ยบ
จัดทาโดย
นางสาวปิ ติกานต์ สงแทน ม.5/2 เลขที่ 13
นางสาวอริษา คุ่มเคี่ยม ม. 5/2 เลขที่ 12
เสนอ
อาจารย์สุเทพ เรืองคล้าย
รายงานฉบับนี้ เป็ นส่วนหนึ่ งของรายวิชา IS 2
การสื่อสารและการนาเสนอ (communication and Presentation)
ประจาภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2556
โรงเรียนประชาบารุง(อุทิตกิจจาทร)
- 2. กิตติกรรมประกาศ
โครง งานวิทยาศาสตร์เรื่ อง น้ ากระเจี๊ยบ เป็นโครงงานศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ากระเจี๊ยบในส่วนต่างๆ ของกระเจี๊ยบ
ทังหมด สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้จริ ง ในการทาโครงงานครังนี้ ได้รบคาปรึ กษาจากอาจารย์ สุ เทพ เรื องคล้าย
้
้
ั
คณะผู้จดทา
ั
- 3. สารบัญ
- บทคัดย่อ
- บทที่ 1 ที่มาและความสาคัญ
1
1-7
- บทที่ 2 ทฤษฎีและการดาเนิ นงาน
7-8
- บทที่ 3 วิธการดาเนิ นงาน
ี
8-10
- บทที่ 4 ผลการศึกษาและอภิปราย
10-11
- บทที่ 5 สรุ ปการศึกษา
11-12
- อ้างอิง
13
- 5. บทที่ 1
ทีมาและความสาคัญ
่
เรื่อง นากระเจี๊ยบ
้
คาจากัดความ
กระเจียบแดง (กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด)
๋
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L.
ชื่อสามัญ : Jamaican Sorel, Roselle
วงศ์ : Malvaceae ชื่ออืน : กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ ยว ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง
่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พม สู ง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลาต้นสี ม่วงแดง ใบเดี่ยว รู ปฝ่ ามือ 3 หรื อ 5 แฉก กว้างและยาว
ุ่
ใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสี ชมพูหรื อเหลืองบริ เวณกลางดอกสี ม่วงแดง เกสรตัวผูเ้ ชื่อมกันเป็ น
่
หลอด ผลเป็ นผลแห้ง แตกได้ มีกลีบเลี้ยงสี แดงฉ่ า น้ าหุมไว้สรรพคุณ :กลีบเลี้ยงของดอก หรื อกลีบที่เหลืออยูที่ผลเป็ นยาลด
้
ไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ าหนักด้วยลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใดน้ ากระเจี๊ยบทาให้ความเหนียวข้นของ
เลือดลดลงช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดีน้ ากระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขบปัสสาวะ เป็ นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่งช่วยย่อย
ั
อาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลังของกรดในกระเพาะ
่
่ ้
เพิมการหลังน้ าดีจากตับเป็ นเครื่ องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริ คอยูดวย
่
่
- 6. * สรรพคุณ :
ใบ แก้โรคพยาธิตวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาคอ ให้ลงสู ทวารหนัก
ั
่
ดอก แก้โรคนิ่ วในไต แก้โรคนิ่ วในกระเพราะปั สสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลาไส้ให้ลงสู ทวารหนักผล ลดไขมันใน
่
เส้นเลือด แก้กระหายน้า รักษาแผลในกระเพาะ
เมล็ด บารุ งธาตุ บารุ งกาลัง แก้ดพการ ขับปั สสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด
ีิ
นอกจากนี้ได้บงสรรพคุณโดยไม่ได้ระบุวาใช้สวนใด ดังนี้คือ แก้ออนเพลีย บารุ งกาลัง บารุ งธาตุ แก้ดพการ แก้ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายน้า
่
่ ่
่
ีิ
แก้ความดันโลหิตสู ง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลาไส้ ลดไขมันในเลือด บารุ งโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน
นอกจากใช้เดี่ยวๆ แล้ว ยังใช้ผสมในตารับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ใช้ถายพยาธิตวจี๊ด
่
ั
* วิธีและปริมาณทีใ่ ช้ : โดยนาเอากลีบเลี้ยง หรื อกลีบรองดอกสีมวงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครังละ 1 ช้อนชา
่
้
(หนัก 3 กรัม) ชงกับน้าเดือด 1 ถ้วย
(250 มิลลิลิตร) ดื่มเฉพาะน้าสีแดงใส ดื่มวันละ 3 ครัง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาและอาการอื่นๆ จะหายไป
้
สารเคมี ดอก พบ Protocatechuic acid, hibiscetin, hibicin, organic acid, malvin, gossypetin
- 7. คุณค่ าด้ านอาหาร
น้ากระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นามาต้มกับน้า เติมน้าตาล ดื่มแก้รอนใน กระหายน้า และช่วยปองกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ และยังนามาทา
้
้
ขนมเยลลี่ แยม หรื อใช้เป็ นสารแต่งสี ใบอ่อนของกระเจี๊ยบเป็ นผักได้ หรื อใช้แกงส้ม รสเปรี้ยวกาลังดี กระเจี๊ยบเปรี้ยวมีช่ ือเรียกอีก ชื่อว่า "ส้มพอเหมาะ" ในใบ
มี วิตามินเอ ช่วยบารุ งสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีสารแคลเซียม ช่วยบารุ งกระดูกและฟันให้แข็งแรง น้ากระเจี๊ยบแดงที่ได้สแดงเข้ม สาร
ี
Anthocyanin นาไปแต่งสีอาหารตามต้องการ
ความหมาย
หนึ่งในสมุนไพรที่คนทัวไปรู ้จกกันดีคงหนีไม่พน "กระเจี๊ยบแดง" ว่ามีคุณสมบัติชวย ลดความดันโลหิตสู ง แต่สมุนไพรดี ๆ จะมีคุณสมบัติแค่เพียงอย่าง
ั
้
่
่
เดียวล่ะหรื อ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการใช้กระเจี๊ยบแดงได้อกมากมาย
ี
ความสาคัญ
กระเจี๊ยบเขียว เป็ นพืชที่มคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลาไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin) และกัม (Gum)
ี
ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้ไม่ให้ลุกลาม รักษาความดันให้เป็ นปกติ เป็ นยาบารุ งสมอง มีสรรพคุณเป็ นยาระบายและสามารถแก้โรคพยาธิ
ตัวจี๊ดได้ดวย
้
- 8. ที่มา
ปัญหาพิเศษเรื่ องน้ ากระเจี๊ยบเข้มข้นผสมโซดาพร้อมดื่ม
ภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ปี 2543
รวบรวมข้ อมูล
กระเจี๊ยบแดงเป็ นสมุนไพรที่คนไทยคุนเคยกันดี น้ ากระเจี๊ยบสี สวย เปรี้ ยวหวานหอม กินแล้วสดชื่นดีจง กระเจี๊ยบเป็ น
้
ั
ั
พืชเขตร้อน ที่พบได้ในหลายประเทศ กลีบเลี้ยงของดอกกระเจี๊ยบเป็ นสมุนไพรที่ใช้กนอย่างแพร่ หลาย ในทุกประเทศที่มีกระเจี๊ยบ ใบ
อ่อน ยอดอ่อนของกระเจี๊ยบสามารถรับประทานเป็นอาหารได้ โดยใช้ใส่ในแกงแต่งรสเปรี้ยว ใช้แต่งกลิ่น หรื อรับประทานเป็นผักสด ลาต้น
ของกระเจี๊ยบยังสามารถใช้ทาเป็นเชือกปอได้ดระดับหนึ่ ง ดอกกระเจี๊ยบมีสแดงโดยทัวไปใช้แต่งสีในอาหาร ในไวน์ ในน้าหวาน
ี
ี
่
ประเทศต่างๆ ที่ใช้กระเจี๊ยบเป็นยา เช่น ในแอฟริ กาใต้ใช้เมล็ดกระเจี๊ยบต้มกิน เป็นยาขับปัสสาวะ และเป็นยาบารุ ง และใช้น้ามันจากเมล็ด
รักษาแผลให้อูฐ ในแอฟริ กาตะวันออกใช้ใบต้มน้ากินแก้ไอ ลดความดันโลหิตสู ง ขับปัสสาวะ ลดคอเลสเตอรอล ลดความหนื ดของเลือด ขับ
พยาธิ
ในอียปต์ ใช้กลีบเลี้ยงต้มกินกับน้าตาลวันละสามเวลา ใช้รักษาความดันโลหิตสู ง ใช้ทงต้นต้มกินรักษาโรคหัวใจและโรคประสาท
ิ
ั้
กินเป็นยาลดน้าหนักเนื่ องจากช่วยให้ระบาย
และยังใช้เป็นยาช่วยฆ่าเชื้อในลาไส้
ส่วนกัวเตมาลา ใช้น้าตาลต้มกลีบเลี้ยงแห้งเป็นยาขับปัสสาวะ ยาลดการอักเสบของไต ในอินเดียและแม็กซิโกใช้กระเจี๊ยบเป็นยาเหมือนๆ กัน
และยังใช้กระเจี๊ยบในทางคล้ายๆ กัน คือ ใช้ใบต้มน้ากินด้วยเชื่อว่าจะทาให้เลือดบริ สุทธิ์ และใช้ตากแห้งต้มน้ากินแก้ไอ
- 9. ในประเทศไทย ใช้ใบสดและกลีบเลี้ยงทั้งสดและแห้งของกระเจี๊ยบต้มกิน แก้ไอ แก้นิ่ว ลดไข้ ขับน้ าดี โดยใช้ใบสด
30-60 กรัม ต้มหรื อแกงกิน ใช้กลีบเลี้ยงแห้ง 5-10 กรัม ต้มน้าหรื อชงน้าร้อนกิน
การใช้ประโยชน์ทางยาของประเทศต่างๆ ที่กล่าวมา ประเด็นของการลดคอเลสเตอรอล กับลดความดันโลหิตสู งนั้นเป็ นประเด็นที่
น่าสนใจ สาหรับคนยุคนี้ เพราะเป็ นโรคที่ไม่หายขาด
เป็ นโรคเรื้ อรังที่ตองอยูภายใต้การควบคุมของแพทย์ การที่จะต้องแสวงหาทางเลือกให้กบประชาชน เป็ นสิ่งที่จะต้อง
้ ่
ั
ช่วยๆ กันทาโดยเฉพาะการนาไปสู การพึ่งตนเองด้านยา ทังในระดับครัวเรื อน ระดับชุมชน และระดับประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ไม่
่
้
มีปัญญา ผลิตยาแผนปั จจุบนได้เอง และยาสมัยใหม่ท่ รักษาโรคพวกนี้กแพงแสนแพง
ั
ี
็
ถ้าเราไม่คดกระบวนการส่งเสริ มสุ ขภาพปองกัน ไม่ให้เป็ นโรคนี้เสียแต่แรก อีกไม่นานเราต้องเป็ นทาสต่างชาติแน่นอนเพราะต้องซื้อ
ิ
้
ยาแพงๆ พวกนี้กน ซึ่งสักวันหนึ่ งคนไทยอาจต้องจ่ายค่ายามากกว่าค่าข้าว
ิ
การมองหาทางเลือกในการรักษาโรค โดยเฉพาะด้านสมุนไพร สาหรับโรคแห่ง
ความทันสมัยนั้น เป็ นสิ่งจาเป็ น กระเจียบนับว่าเป็ นสมุนไพรที่น่าสนใจตัวเหนึ่ ง เพราะจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า การทดลอง
๊
ในหนู โดยใช้กลีบเลี้ยงแห้ง ในความเข้มข้น 5% ของอาหารที่เลี้ยงหนู นั้น สามารถลดคอเลสเตอรอลได้ ในความเข้มข้นของกลีบเลี้ยง
กระเจียบ ในอาหารที่เท่ากัน คือ 5% นั้นยังสามารถลดไขมัน ลดไตรกลีเซอไรด์ในหนู ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังพบว่า จากการทดลอง
๊
ในแมว สารสกัดด้วยน้าของกลีบเลี้ยง
กระเจียบ เมื่อฉีดเข้าเส้นแล้ว มีฤทธิ์ลดความดัน ส่วนน้าต้มจากการทดลองให้คนกิน สามารถลดความดันโลหิตได้ และมี
๊
ฤทธิ์ขบปั สสาวะ โดยทาการทดลองในหนู เมื่อใช้น้าต้มกลีบเลี้ยงในขนาด 1 กรัมต่อน้าหนักตัวหนึ่ งกิโลกรัม สามารถเป็ นยาขับปั สสาวะ
ั
ที่แรงมาก และในขนาดที่เท่ากันนี้สามารถขับยูริคได้ดใี นหนู เช่นกัน และน้าต้มจากดอกทดลอง ในคนสามารถเป็ นยาขับ
ปั สสาวะ เป็ นยาลดความดันโลหิตสู ง เป็ นยาลดการอักเสบของระบบทางเดินปั สสาวะ ภายหลังการผ่าตัดผูสูงอายุท่ เี ป็ นนิ่ วในไตวาย ได้
้
สารสกัดจากกลีบดอกของกระเจียบนั้น ช่วยระบายทาให้อุจจาระนุ ่มขึ้น ช่วยลดอาการบวม ช่วยยับยังการสร้างอะฟลาท๊อกซิน ช่วย
๊
้
ปกปองไม่ให้ตบถูกทาลาย นอกจากนี้ยงมีคล้ายฤทธิ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง ซึ่งอาจจะเป็ นประโยชน์ตอสตรีวยทอง
้
ั
ั
่
ั
- 10. ส่ วนความเป็ นพิษนั้น พบว่า การที่ทาให้หนูตายครึ่ งหนึ่งนั้น ต้องกินน้ าสกัด
กระเจี๊ยบ 129.1 กรัมต่อน้าหนักหนู หนึ่ งกิโลกรัม คือ ถ้าเปรียบเทียบกับให้คนกินแล้ว คนหนักประมาณ 60 กิโลกรัมจะต้องกินกระเจี๊ยบ
ประมาณ 7.8 กิโลกรัม คิดว่าคนทัวไปคงไม่มปัญญากินอยูแล้วล่ะ เพราะท้องจะแตกตายก่อนที่จะเป็ นพิษจากกระเจี๊ยบ
่
ี
่
ดังนั้น แนวโน้มของกระเจี๊ยบ จึงมีแนวโน้มที่จะลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลได้ ขับยูริคได้ จึงควรมีพฒนาการปลูกกระเจี๊ยบ เพื่อให้ได้กระเจี๊ยบที่ดมี
ั
ี
สาร สาคัญสู ง
- 11. วัตถุประสงค์
-เพื่อต้ องการให้ เป็ นเครื่ องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
-เพื่อให้ ทกคนหันมาดื่มน ้ากระเจี๊ยบแทนน ้าอัดลม
ุ
-เพื่อศึกษาค้ นคว้ า เรื่ องสมุนไพรและรู้จกเลือกสมุนไพรมาใช้ ประโยชน์
ั
- 12. บทที่ 2
ทฤษฎีและดาเนินงาน
คาว่า กระเจียบ
๊
น. ต้นไม้ชนิดล้มลุก เปลือกเป็ นปอเหนียว ผลสี แดง รสเปรี้ ยว ใช้ทาแยม น้ าที่ทาให้สาเร็จจากดอกกระเจี๊ยบ มีสีแดงเรี ยกว่า น้ ากระเจี๊ยบ..
ประวัติความเป็ นมา
กระเจี๊ยบแดง เป็ นพืชสมุนไพรที่เป็ นไม้พุ่มขนาดเล็ก สู งประมาณ 3–6 ศอก ลาต้นและกิ่งก้านมีสมวงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบ
ี ่
เรียบ บางทีกมรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็ นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสเี ข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะ
็ี
เจริ ญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็ นสีมวงแดงเข้มหุ มเมล็ดเอาไว้ภายในการขยายพันธุ โดยการใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุ ดหลุมปลูกหลุมละ
่
้
์
2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่ออนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้า ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กาจัด
่
วัชพืชออกให้หมดกระเจี๊ยบแดงยังมีช่ ือเรียกอื่นอีก ได้แก่ ภาคเหนื อ เรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรี ยก ส้มปู จังหวัดตาก เรียก ส้มตะแลง
เครง ภาคกลาง เรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว
- 13. บทที่ 3
วิธีการดาเนินงาน
ส่ วนผสม
- ดอกกระเจี๊ยบสด/แห้ง 20 กรัม (5 ดอก)
- น้าเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
- น้าเปล่า 200 กรัม (14 ช้อนโต๊ะ)
- เกลือป่ นเสริ มไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนคาว)
วิธีทา
- เอาดอกกระเจี๊ยบสดหรื อแห้งก็ได้ ล้างน้าทาความสะอาด นาใส่หม้อต้ม จนเดือด แล้วลดไฟลงอ่อนๆ เคี่ยวเรื่ อยๆ จนน้าเป็ นสีแดงจนเข้มข้น
- เอาดอกกระเจี๊ยบขึ้นจากหม้อต้ม แล้วเอาน้าเชื่อมและเกลือใส่ลงไป ปล่อยให้น้ากระเจี๊ยบเดือด 1 นาที ยกลงชิมรสตามชอบ
- เอาขวดเปล่ามาล้างทาความสะอาด ต้มในน้าเดือด 20 นาที นาน้ากระเจี๊ยบแดงมากรอกแล้วปิ ดจุ กให้แน่น แช่ตูเ้ ย็นเก็บไว้ได้นาน
- หรื ออีกวิธหนึ่ ง...นาดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง แล้วนามาบดเป็ นผง นาผงกระเจี๊ยบครั้งละ 1 ช้อนชา ชงในน้าเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิกรัม)
ี
*
- 14. รวบรวมข้ อมูล
มีการศึกษาการผลิตน้ าผลไม้พร้อมดื่มขึ้นมา ซึ่งผูบริ โภคให้ความสนใจเครื่ องดื่มประเภทนี้มากขึ้นเนื่องจากเป็ นเครื่ องดื่ม
้
ที่มีประโยชน์ต่อ
ทดลองทาและพัฒนา
ในปัจจุบนเครื่ องดื่มประเภทน้ าผลไม้เป็ นที่นิยมบริ โภคกันมากในกลุ่มผูบริ โภคทั้งเด็กและผูใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิงเครื่ องดื่ม
ั
้
้
่
ประเภทน้ าอัดลม มีผลทาให้มีการแข่งขันทางด้านการค้ามากขึ้น เพื่อเป็ นการเพิ่มทางเลือกของผูบริ โภคและเพิ่มคุณค่าของผลผลิตทาง
้
การเกษตร
- 15. บทที่ 4
ผลการศึกษา สรุปและอภิปราย
จากการทานากระเจียบในรู ปแบบต่ างๆสรุปได้ ดงนี้
้
๊
ั
จากการที่นากระเจี๊ยบรับประทาน แล้ว กินแล้วมีรสชาติหวาน เปรี้ ยว แต่ เราสามารถ เปลี่ยนรู ปแบบจากกระเจี๊ยบแห้งมาทาเป็ นยา หรื อแคปซูลก็ได้ โดย
ถ้าเป็ นยาแคปซูลจะไม่มีรสชาติ แต่ถาเป็ นยาจะออกรสหวาน
้
การสร้ างผลไรทาไมต้ องคานึงถึงเรื่องต่ างๆ ดังนี้
- แบบแก้วพลาสติก ดูน่ารับประทาน
- รับประทานง่าย
- แบบถุงพลาสติก รับประทานยาก เพราะเมื่อเหลือก้นถุงจะเทออกได้ยาก
- ควรมีฉลาก วัน / เดือน / ปี ที่บรรจุ
- 16. การสร้ างผลกาไรจึงต้ องคานึงถึง เรื่องต่ างๆ ดังนี้
1.ลดต้นทุนการผลิต เช่น การเก็บกระเจี๊ยบเอง
2.ทาจานวนพอประมาณในการจาหน่ายแต่ละครัง
้
3.หาวิธการเก็บกระเจี๊ยบ ให้ได้นานไม่มกลิ่นเหม็น หื่น
ี
ี
- 17. บทที5
่
สรุ ปผลการศึกษา
ประโยชน์
-
เพื่อเป็ นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ าหนักด้วย
ลดความดันโลหิตได้
-
เพื่อช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลังของกรดในกระเพาะ
่
เพิ่มการหลังน้าดีจากตับ
่
-
่ ้
เพื่อเป็ นเครื่ องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซี ตริ คอยูดวย
ข้ อเสนอแนะ
- ประโยชน์ของน้ ากระเจี๊ยบมีคุณค่าหลากหลายทุกคนควรหันมาดื่มน้ ากระเจี๊ยบเพื่อสุ ขภาพ ซึ่ งน้ ากระเจี๊ยบมีประโยชน์ทาให้
ร่ างกายสดชื่น มากกว่าน้ าประเภทเครื่ องดื่มในท้องตลาดทัวไปที่มีจาหน่ายกันหลากหลาย อย่างอาทิ เช่น น้ าอัดลม เป็ นต้น
่