(490 ปีก่อนคริสตกาล)
จัดทาโดย
นางสาวทิตฐิตา คาเหลือง เลขที่ 10
นางสาวมิ่งสรรพ์ มิ่งปรีชา เลขที่ 11
นางสาวธวัลรัตน์ กันทร เลขที่ 13
นางสาวกชกร ชัยกันทา เลขที่ 15
นางสาวณัฐชยา ศิริประยงค์ เลขที่ 25
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.12
รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส32102
เสนอ
คุณครูเตือนใจ ไชยศิลป์
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560, โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
- สารบัญ -
 เหตุที่ทาให้เกิดสงครามเปอร์เซีย 1
 สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1 4
 สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 2 5
 สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 3 10
 บรรณานุกรม 15
เหตุที่ทาให้เกิดสงครามเปอร์เซีย
• เกิดขึ้นในสมัยที่เรียกว่า ยุคกรีกคลาสสิค ซึ่งในช่วงนั้น กรีกยังคงมีลักษณะเป็น
นครรัฐอยู่ และเปอร์เซียก็มีแสนยานุภาพและยิ่งใหญ่มาก มีอาณาเขตกว้างขวาง
สามารถปราบปรามและยึดครองอาณาจักรต่างๆไว้ในอานาจ
• ซึ่งในรัชสมัยจักพรรดิไซรัสที่ 2 แห่งราชวงศ์ อาคีเมนิด (Achaemenid) ของ
เปอร์เซีย พระองค์ได้สร้างจักรวรรดิแห่งการพิชิตดินแดน โดยได้เข้าไปปกครอง
เอเชียน้อย เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ และอียิปต์ ทาให้จักรวรรดิเปอร์เซียใน
เวลานั้นยิ่งใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่ชาวตะวันตกได้เคยเห็นมา
1
• และเมื่อเปอร์เซียปกครองเอเชียน้อย เปอร์เซียก็ยินยอมให้บรรดารัฐกรีกตามชายฝั่งทะเลไอโอ
เนีย (Ionian) ยังคงมีการปกครองตนเองตามระบบทรราชต่อไป บรรดาทรราชจงรักภักดี
จนกระทั่งถึงปี 494 ก่อนคริสตกาล เกิดความนิยมในระบอบประชาธิปไตยขึ้น ซึ่ง
แพร่หลายมาจากกรีกไปสู่บรรดานครรัฐกรีกตามชายฝั่งทะเลไอโอเนีย ทาให้บรรดานครรัฐ
เหล่านี้ก่อกบฏขึ้นมา โดยการขับไล่ทรราชออกจากตาแหน่งแล้วสถาปนาระบอบ
ประชาธิปไตยขึ้น
• โดยประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล เมืองมิเลตุสซึ่งเป็นอาณานิคมที่ร่ารวยในกรีกไอโอเนีย
ได้เป็นผู้นาอาณานิคมกรีกเป็นกบฏต่อเปอร์เซีย ฝ่ายเปอร์เซียต้องใช้เวลาปราบปรามอาณา
นิคมเหล่านี้อยู่ถึง 5 ปี จึงสงบเรียบร้อย รวมทั้งได้เผาทาลายเมืองมิเลตุสทิ้งด้วย
• ต่อมาชาวกรีกไอโอเนียก็ได้ขอร้องให้ชาวกรีกแผ่นดินใหญ่มาช่วยกอบกู้เอกราชให้ ซึ่งเอเธนส์
อันเป็นนครรัฐที่สาคัญของกรีกแผ่นดินใหญ่ มีเหตุผลจาเป็นที่ต้องช่วยเหลือ เนื่องจากชาว
เอเธนส์ จาเป็นต้องพึ่งพาข้าวจากทะเลดาอยู่ ทาให้ในเวลานั้นนครรัฐเอเธนส์ เอริเตรีย
(Eretria) และปลาตี(Plataea) ได้ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือชาวกรีกไอโอเนีย
2
• ทางฝ่ายเปอร์เซีย เมื่อปราบอาณานิคมกรีกในเอเชียไมเนอร์ได้เรียบร้อยแล้ว
กษัตริย์ดาริอุสที่ 1 (Darius I) แห่งเปอร์เซียได้สรุปว่า เพื่อเป็นการป้องกัน
อาณานิคมกรีกก่อกบฏหรือท้าทายอานาจของพระองค์อีก จาเป็นต้องพิชิตรัฐ
อิสระของกรีกในทะเลอีเจียน และบนคาบสมุทรกรีกเสียให้สิ้น
• มูลเหตุก่อนหน้านี้ ก็เพื่อเป็นการตอบโต้ที่กรีกช่วยเหลือกบฏ เปอร์เซียได้ตั้งข้อ
เรียกร้องให้เอริเตรีย เอเธนส์ และปลาตี ส่งเครื่องราชบรรณาการเป็นดินและ
น้าตามประเพณีไปถวายจักพรรดิดาริอุสที่ 1 แต่ปรากฏว่าทั้งสามนครได้ปฏิเสธ
ดังนั้นเปอร์เซียจึงถือการปฏิเสธนี้เป็นข้ออ้างในการยกพลขึ้นบก
3
สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1
กษัตริย์ดาริอุสที่ 1 แห่งเปอร์เซีย ให้มาร์โดนิอุส (Mardonius) เป็นแม่ทัพ
ยกกองทัพข้ามช่องเฮเลสปอนต์ผ่านแคว้นเทรซ และเดินทัพทางเรือต่อไปยัง
คาบสมุทรกรีก แต่กองทัพที่ถูกยกไปทางเรือถูกพายุลูกใหญ่เข้าจู่โจม ทาให้เรือส่วน
ใหญ่อับปางบริเวณที่เป็นภูเขาแอทโทส จึงต้องยกเลิก และยกทัพกลับ
ทาให้สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1
ผ่านไปโดยไม่มีการรบ
(492 ปีก่อนคริสตกาล)
Darius I of PersiaMardonius
4
• มีอีกชื่อ คือ “สงครามมาราธอน”
• เกิดจากกษัติร์ดาริอุสที่ 1 แห่งเปอร์เซียร์ มี
ดาริจะการาบรัฐกรีกที่ไม่ยอมศิโรราบอยู่ใต้
อานาจตน
• ความมุ่งหมายของฝ่ายหนึ่ง(เปอร์เซีย)ที่
ต้องการแผ่ขยายอานาจ อีกฝ่าย(กรีก)ต่อสู้เพื่อ
ความอยู่รอด และเมื่อเวลาผ่านไป ผลของการ
รบนี้ยังมีผลถึงความเจริญก้าวหน้าและอารย
ธรรมของมนุษยชาติ
สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 2
(490 ปีก่อนคริสตกาล)
5
 การเตรียมการของเปอร์เซีย
- กษัตริย์สั่งรัฐในอานาจรวบรวมทหารบกได้ 250,000 คน ทหารม้า 1,000 คน และเรือมากกว่า
600 ลา
- กษัตริย์ดาริอุสที่ 1 ให้ดาติสและอาร์ตาเฟอร์เนส ซึ่งเป็นหลาน เป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบกรีกใน
คาบสมุทรกรีกและมีฮิปปีอัส ชาวเอเธนส์ที่ถูกขับไล่ด้วยเหตุผลทางการเมืองร่วมในทัพด้วย
- ฮิปปีอัสแนะนาให้กองทัพขึ้นบกในแคว้นอัตติกาที่อ่าวมาราธอน โดยให้เหตุผลว่าเมื่อ 47 ปีก่อน
ตนติดตามอิซัสเตรตุสผู้เป็นบิดา นาทัพมาขึ้นบกที่นี่และสามารถรบชนะอย่างง่ายดาย
 การเตรียมการของเอเธนส์
คาดกันว่าเมื่อได้รับข่าวศึก น่าจะสามารถรวบรวมทหารและจัดเป็นกองทัพได้ไม่เกิน 10,000
คน
* ความช่วยเหลือจากรัฐอื่น
- สปาร์ตา เคยสัญญาว่าจะช่วยรัฐเอเธนส์ แต่เมื่อกองทัพเปอร์เซียขึ้นฝั่งที่อ่าวมาราธอนเป็นวันขึ้น 6 ค่า ตามความ
เชื่อกรีกสมัยนั้นต้องรอพระจันทร์เต็มดวงจึงจะเดินทัพได้ จึงยังไม่สามารถส่งกองทหารไปช่วยได้
- ปลาตี ส่งกองทหารไปตามสันเขาด้านใต้ของเทือกเขาไซเธรอน ข้ามแคว้นอัตติกา จานวน 1,000 คน แม้ว่าจะมี
จานวนน้อยนิดแต่เต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
6
 ยุทธภูมิทุ่งมาราธอน
อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นอัตติกาเหนืออ่าว
มาราธอน มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม สองข้างขนาบด้วยลาน้า
ภูเขาและหนองน้า
 การวางกาลังก่อนรบ
กรีก กองทัพขนาดเล็ก มีเพียงทหารราบไม่เกิน 11,000
คน ตั้งค่ายบนเนินเขา สามารถมองเห็นข้าศึกได้ทุกระยะ
เปอร์เซียร์ กองทัพรี้พลมหาศาลถึง 250,000 คน หลาก
เชื้อชาติ อยู่รอบอ่าวมาราธอน
7
 แผนการรบ
กรีก ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการตั้งค่ายบนที่สูงกว่าได้เปรียบอยู่แล้ว ควรรอกองทัพจากสปาร์ตามา
เสริมกาลัง แต่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรรีบเข้าโจมตีเสียก่อน
เปอร์เซีย เนื่องจากมีกาลังมากกว่า แทบจะไม่ต้องวางแผนนอกจากรอให้กองทัพกรีกเข้าตี
ก่อนและสลายไปเอง
Miltiades
-แม่ทัพกรีก-
 การรบ
กรีก จัดกองทัพโดยวางน้าหนักให้ปีกทั้งสองข้าง ตรงกลาง
เบาบางและวิ่งเข้าหาข้าศึก
เปอร์เซีย ทางฝ่ายเปอร์เซียประหลาดใจจึงรีบจัดแนวรบ
อย่างเร่งด่วน วางทหารราบไว้ตรงกลาง ทหารม้าและพลธนูไว้
ทางปีกทั้งสอง ซึ่งในการรบครั้งนี้ถูกจู่โจมด้วยการเข้าตีในรูปแบบ
ที่ไม่เคยประสบมาก่อน ทาให้กองทัพอันใหญ่โตถูกจากัดให้อยู่ใน
พื้นที่แคบ
 การสูญเสีย
ตามหลักฐานว่าเปอร์เซียสูญเสียทหาร 6,400 คน ที่เหลือ
ถอยลงเรือกลับได้ สิ่งที่กรีกได้รับไม่ใช่เพียงแต่ชัยชนะ แต่ยังทา
ให้ชาวกรีกมั่นใจและเลิกหวาดกลัวกองทัพเปอร์เซียอีกต่อไป
8
9
• หลังจากการศึกที่ทุ่งมาราธอน กษัตริย์ดาริอุสที่ 1 แห่งเปอร์เซีย
ต้องยุ่งอยู่กับการกบฏในอียิปต์ และทรงสิ้นพระชนม์ปี 486 ก่อน
คริสตกาล เจ้าชายเซอร์เซส พระโอรส จึงได้สืบราชสมบัติเป็น
กษัตริย์เซอร์เซสที่ 1 และได้สืบทอดดาริของพระบิดา เตรียมการ
ศึกกับรัฐกรีกต่อไป โดยได้จัดการรวบรวมกองทัพอยู่ 4 ปีและดาริ
จะเดินทัพไปทางบก ขึ้นเหนือ ทาสะพานข้ามช่องเฮเลสปอนต์ แล้ว
เดินทัพอ้อมมาตามชายฝั่งทะเลเข้าสู่คาบสมุทรกรีก อีกทั้งยังมีกอง
เรือเพื่อป้องกันตามชายฝั่งด้วย
• ในระหว่างนี้เธมิสโตคลีสรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเอเธนส์สามารถโน้ม
น้าวให้ประชาชนในรัฐเห็นชอบในการนาเงินจากเหมืองในลอเรียนมา
ใช้ในการสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นว่าเอเธนส์อยู่ใน
ที่ตั้งที่เหมาะสมกว่ารัฐกรีกอื่นๆทาให้มีเชื่อเสียงในด้านการทหาร
สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 3
(481 ปีก่อนคริสตกาล)
Xerxes I of Persia
เธมิสโตคลีส
10
• ในปี 481 ก่อนคริสตกาล กองทัพเปอร์เซียเริ่มเคลื่อนทัพจากเอเชียไมเนอร์ ในการ
ทัพครั้งแรกกองทัพเปอร์เซียเคลื่อนทัพทางบก ครั้งที่สองใช้ทางทะเลเป็นหลัก ซึ่ง
ให้มีเหตุขัดข้องต้องปราชัยเสียทั้งสองครา ในคราวนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ไม่ให้เกิดขึ้นอีก กษัตริย์เซอร์เซสที่ 1 จึงใช้การเดินทัพทั้งสองทางคือทางบกและ
ทางน้าเพื่อเอาชนะกรีกไว้จนได้
• ฝ่ายรัฐกรีกทั้งหลายเมื่อได้รับข่าวข้าศึกต่างทิ้งความบาดหมางระหว่างกันร่วมมือกัน
จัดตั้งสหพันธรัฐกรีกเพื่อรวมพลังต่อสู้กับกองทัพเปอร์เซีย การรวมกาลังขั้นแรกมี
การเสนอให้รวมกาลังไว้ที่คอคอดคอรินท์แต่แผนนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการละ
ทิ้งคาบสมุทรกรีกตอนกลางและตอนเหนือ ทางเลือกอื่นที่ได้ตกลงกันคือ เคลื่อนที่
ไปข้างหน้าและสกัดกั้นกองทัพเปอร์เซียทางบก ที่ช่องผ่านทางเทือกเขาทางเหนือ
ในขณะที่กาลังทางเรือผสมของกรีกต้องพยายามดึงเปอร์เซียเข้ามาในพื้นที่จากัด
• ลีโอนิดัสผู้นาสปาร์ตานากาลังทหาร 300 คนขึ้นเหนือไปยึดช้องเขาเทอร์โมพิเล
โดยรับต่างๆส่งกาลังมาร่วมด้วยอีก 6000 คน
• ส่วนกองเรือพันธมิตรกรีก เลือกใช้น่านน้าอาร์ทีมิซีอุมเป็นพื้นน้าทาการรบ แผนของ
กรีกได้ผลดีในตอนแรก ฝ่ายเปอร์เซียจึงพยายามใช้กองเรือล้อมเกาะยูบัว เพื่อเป็น
การสกัดกั้นกองเรือของกรีกให้อยู่ในช่องยูบัว แต่โชคร้ายกองเรือเปอรืเซียถูกพายุ
ทาลายอีก
11
 การรบที่ช่องเขาเทอร์โมพิเล
ลีโอนีดัสได้ต่อต้างกองทัพเปอร์เซียอยุได้เป็นหลายวัน เพราะภูมิประเทสเกื้อกูลต่อฝ่ายตั้งรับ
ทางฝ่ายเปอร์เซียส่งคนออกหาเส้นทางบนเขาได้ จึงส่งกองทหารไปตามทางบนเขา สามารถอ้อม
ไปล้อมฝ่ายกรีกได้ ลีโอนีดัสเห็นว่าถูกล้อมจึงให้ทหารที่ยังมาไม่ถึงกลับไป คงเหลือแต่ทหารสปาร์
ตาเท่านั้น
ลีโอนีดัสและทหารสปาร์ตาทั้ง 300 คน สู้รบกับทหารเปอร์เซียอย่างกล้าหาญในที่สุดทั้งหมด
ก็ได้พลีชีพที่ช่องเขาเทอร์โมพิเลนั้น และกองทัพเปอร์เซียก็มุ่งสู่เอเธนส์
 การรบทางเรือที่ซาลามิส
เธมิสโตคลีสต้องการรบทางทะเลจึงบังคับให้ข้าศึกต้องล่าทัพไปทางบกโดยใช้ความสามารถใน
การรบชดเชยด้านจานวนที่น้อยกว่าได้ขณะเดียวกันก็ส่งทาสซึ่งไว้ใจได้ให้แสร้งเข้าข้างเปอร์เซีย
โดยให้ข่าวสารว่ากองเรือกรีกหวาดกลัวและไม่ลงรอยกันเอง กษัตริย์เซอร์เซสก็มั่นใจยิ่งขึ้นในการ
ทาลายกองเรือกรีก จึงเป็นไปตามที่เธมิสโคลีสคาดไว้
กษัตริย์เซอร์เซสให้เรือจากอียิปต์จานวน 200 ลา ไปสกัดตามช่องทางแคบต่างๆกองทัพเรือ
เปอรืเซียซึ่งมีจานวนมากกว่ากองเรือกรีกมากนักแต่อยู่ในพื้นที่แคบจึงรบได้ไม่เต็มที่ในขณะที่กอง
เรือกรีกใช้เรือขาดใหญ่แต่จานวนน้อยกว่า จึงสามารถดาเนินกลยุทธได้มากกว่า
12
• การรบที่ซาลามิสยุติลงถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของกรีก มีผลสรุปที่สาคัญ คือ
ในทางยุทธวิธี เห็นถึงคุณค่าของการจู่โจมและการวางแผน
ในทางยุทธศาสตร์ ไม่เพียงแต่ทาลายอานาจของเปอร์เซียเท่านั้นแต่ยังปลุกกาลังใจ
ให้กับชาวกรีก ส่วนเอเธนส์นั้นมีบทบาทและอานาจทางทหารอย่างโดดเด่น
• เมื่อกองเรือปราชัยเสียแล้วอาราจักรเปอร์เซียอาจเกิดกบฏและแตกสลาย เซอร์เซสรว
บรวมเรือที่เหลืออยู่และปรับกาลังทางบกใหม่และวางแผนอย่างรอบคอบ โดยมอบให้มาโด
นิอุส(บุตรเขย)เป็นแม่ทัพในคาบสมุทรกรีกต่อไป
• มาโดนิอุสเลือกการถอยเข้าไปในแคว้นเทสซาลีและมุ่งลงใต้เตรียมทาศึกกับกรีกต่อไปอีก
• ทางฝ่ายกรีกได้ถกแถลงกันสรุปได้ว่าต้องรุกต่อกองทัพเปอร์เซียเสียบ้างโดยให้บัวซานิอัส
เป็นแม่ทัพสปาร์ตานากองทัพทหารราบกรีกขึ้นเหนือสู่ปลาตี
• ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันได้ 8 วัน กองทัพกรีกต้องการอยู่ในภูมิประเทศที่ได้เปรียบแต่มา
โดนิอุสได้รับรู้การย้ายของฝ่ายกรีกจึงสั่งให้เข้าโจมตี การรบผ่านไปยาวนานจนกระทั่งมา
โดนิอุสถูงสังหารในการรบ กองทัพเปอร์เซียที่เสียผู้บังคับบัญชาจึงพ่ายแพ้ไป
• ซาลามิสเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามปลาตีและปี 480-479 ก่อนคริสตกาลก็เป็นปีแห่งการ
พิพากษาสงครามกรีก-เปอร์เซีย (The final major of the Greco-Persian Wars)
13
สงครามครั้งนี้จึงพิสูจน์ว่าทหารเอเธนส์และสปาร์ตานั้นไม่สามารถ
เอาชนะได้โดยเฉพาะทหารราบกับการจัดขบวนรบแบบฟาเลนซ์
ความยิ่งใหญ่นี้ทาให้ชาวกรีกเชื่อว่ากรีกสูงส่งเหนือกว่าอนารยชน
ทั้งสงครามกับเปอร์เซียนี้ยังได้พิสูจน์ให้ชาวกรีกเชื่ออีกว่าภายใต้ทวยเทพแล้วเสรีชนสามารถจัดตั้ง
รวมกันเป็นนครรัฐโดยไมต้องเกรงกลัวภัยทางทหารจากภายนอก
14
o ชญา ปิยะชาติ. กรีก-โรมัน ประวัติศาสตร์และอารายธรรม ต้นธารภูมิปัญญาและวิทยาการ
แห่งโลกตะวันตก . พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป จากัด, 2556.
o สถาบันกวดวิชาติวเตอร์พอยท์. Social Studies สรุปสังคม มัธยมปลาย. พิมพ์ครั้งที่ 6.
กรุงเทพฯ : บริษัท กรีนไลฟ์ พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จากัด, 2559.
o Samphan. (2551). “สงครามกรีก – เปอร์เซีย.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711018
สืบค้น 5 กันยายน 2560
บรรณานุกรม
15

สงครามเปอร์เซีย

  • 1.
    (490 ปีก่อนคริสตกาล) จัดทาโดย นางสาวทิตฐิตา คาเหลืองเลขที่ 10 นางสาวมิ่งสรรพ์ มิ่งปรีชา เลขที่ 11 นางสาวธวัลรัตน์ กันทร เลขที่ 13 นางสาวกชกร ชัยกันทา เลขที่ 15 นางสาวณัฐชยา ศิริประยงค์ เลขที่ 25 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.12 รายวิชาประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส32102 เสนอ คุณครูเตือนใจ ไชยศิลป์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560, โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย
  • 2.
    - สารบัญ - เหตุที่ทาให้เกิดสงครามเปอร์เซีย 1  สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1 4  สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 2 5  สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 3 10  บรรณานุกรม 15
  • 3.
    เหตุที่ทาให้เกิดสงครามเปอร์เซีย • เกิดขึ้นในสมัยที่เรียกว่า ยุคกรีกคลาสสิคซึ่งในช่วงนั้น กรีกยังคงมีลักษณะเป็น นครรัฐอยู่ และเปอร์เซียก็มีแสนยานุภาพและยิ่งใหญ่มาก มีอาณาเขตกว้างขวาง สามารถปราบปรามและยึดครองอาณาจักรต่างๆไว้ในอานาจ • ซึ่งในรัชสมัยจักพรรดิไซรัสที่ 2 แห่งราชวงศ์ อาคีเมนิด (Achaemenid) ของ เปอร์เซีย พระองค์ได้สร้างจักรวรรดิแห่งการพิชิตดินแดน โดยได้เข้าไปปกครอง เอเชียน้อย เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ และอียิปต์ ทาให้จักรวรรดิเปอร์เซียใน เวลานั้นยิ่งใหญ่และมีพื้นที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่ชาวตะวันตกได้เคยเห็นมา 1
  • 4.
    • และเมื่อเปอร์เซียปกครองเอเชียน้อย เปอร์เซียก็ยินยอมให้บรรดารัฐกรีกตามชายฝั่งทะเลไอโอ เนีย(Ionian) ยังคงมีการปกครองตนเองตามระบบทรราชต่อไป บรรดาทรราชจงรักภักดี จนกระทั่งถึงปี 494 ก่อนคริสตกาล เกิดความนิยมในระบอบประชาธิปไตยขึ้น ซึ่ง แพร่หลายมาจากกรีกไปสู่บรรดานครรัฐกรีกตามชายฝั่งทะเลไอโอเนีย ทาให้บรรดานครรัฐ เหล่านี้ก่อกบฏขึ้นมา โดยการขับไล่ทรราชออกจากตาแหน่งแล้วสถาปนาระบอบ ประชาธิปไตยขึ้น • โดยประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล เมืองมิเลตุสซึ่งเป็นอาณานิคมที่ร่ารวยในกรีกไอโอเนีย ได้เป็นผู้นาอาณานิคมกรีกเป็นกบฏต่อเปอร์เซีย ฝ่ายเปอร์เซียต้องใช้เวลาปราบปรามอาณา นิคมเหล่านี้อยู่ถึง 5 ปี จึงสงบเรียบร้อย รวมทั้งได้เผาทาลายเมืองมิเลตุสทิ้งด้วย • ต่อมาชาวกรีกไอโอเนียก็ได้ขอร้องให้ชาวกรีกแผ่นดินใหญ่มาช่วยกอบกู้เอกราชให้ ซึ่งเอเธนส์ อันเป็นนครรัฐที่สาคัญของกรีกแผ่นดินใหญ่ มีเหตุผลจาเป็นที่ต้องช่วยเหลือ เนื่องจากชาว เอเธนส์ จาเป็นต้องพึ่งพาข้าวจากทะเลดาอยู่ ทาให้ในเวลานั้นนครรัฐเอเธนส์ เอริเตรีย (Eretria) และปลาตี(Plataea) ได้ส่งทหารเข้าไปช่วยเหลือชาวกรีกไอโอเนีย 2
  • 5.
    • ทางฝ่ายเปอร์เซีย เมื่อปราบอาณานิคมกรีกในเอเชียไมเนอร์ได้เรียบร้อยแล้ว กษัตริย์ดาริอุสที่1 (Darius I) แห่งเปอร์เซียได้สรุปว่า เพื่อเป็นการป้องกัน อาณานิคมกรีกก่อกบฏหรือท้าทายอานาจของพระองค์อีก จาเป็นต้องพิชิตรัฐ อิสระของกรีกในทะเลอีเจียน และบนคาบสมุทรกรีกเสียให้สิ้น • มูลเหตุก่อนหน้านี้ ก็เพื่อเป็นการตอบโต้ที่กรีกช่วยเหลือกบฏ เปอร์เซียได้ตั้งข้อ เรียกร้องให้เอริเตรีย เอเธนส์ และปลาตี ส่งเครื่องราชบรรณาการเป็นดินและ น้าตามประเพณีไปถวายจักพรรดิดาริอุสที่ 1 แต่ปรากฏว่าทั้งสามนครได้ปฏิเสธ ดังนั้นเปอร์เซียจึงถือการปฏิเสธนี้เป็นข้ออ้างในการยกพลขึ้นบก 3
  • 6.
    สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1 กษัตริย์ดาริอุสที่1 แห่งเปอร์เซีย ให้มาร์โดนิอุส (Mardonius) เป็นแม่ทัพ ยกกองทัพข้ามช่องเฮเลสปอนต์ผ่านแคว้นเทรซ และเดินทัพทางเรือต่อไปยัง คาบสมุทรกรีก แต่กองทัพที่ถูกยกไปทางเรือถูกพายุลูกใหญ่เข้าจู่โจม ทาให้เรือส่วน ใหญ่อับปางบริเวณที่เป็นภูเขาแอทโทส จึงต้องยกเลิก และยกทัพกลับ ทาให้สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 1 ผ่านไปโดยไม่มีการรบ (492 ปีก่อนคริสตกาล) Darius I of PersiaMardonius 4
  • 7.
    • มีอีกชื่อ คือ“สงครามมาราธอน” • เกิดจากกษัติร์ดาริอุสที่ 1 แห่งเปอร์เซียร์ มี ดาริจะการาบรัฐกรีกที่ไม่ยอมศิโรราบอยู่ใต้ อานาจตน • ความมุ่งหมายของฝ่ายหนึ่ง(เปอร์เซีย)ที่ ต้องการแผ่ขยายอานาจ อีกฝ่าย(กรีก)ต่อสู้เพื่อ ความอยู่รอด และเมื่อเวลาผ่านไป ผลของการ รบนี้ยังมีผลถึงความเจริญก้าวหน้าและอารย ธรรมของมนุษยชาติ สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 2 (490 ปีก่อนคริสตกาล) 5
  • 8.
     การเตรียมการของเปอร์เซีย - กษัตริย์สั่งรัฐในอานาจรวบรวมทหารบกได้250,000 คน ทหารม้า 1,000 คน และเรือมากกว่า 600 ลา - กษัตริย์ดาริอุสที่ 1 ให้ดาติสและอาร์ตาเฟอร์เนส ซึ่งเป็นหลาน เป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบกรีกใน คาบสมุทรกรีกและมีฮิปปีอัส ชาวเอเธนส์ที่ถูกขับไล่ด้วยเหตุผลทางการเมืองร่วมในทัพด้วย - ฮิปปีอัสแนะนาให้กองทัพขึ้นบกในแคว้นอัตติกาที่อ่าวมาราธอน โดยให้เหตุผลว่าเมื่อ 47 ปีก่อน ตนติดตามอิซัสเตรตุสผู้เป็นบิดา นาทัพมาขึ้นบกที่นี่และสามารถรบชนะอย่างง่ายดาย  การเตรียมการของเอเธนส์ คาดกันว่าเมื่อได้รับข่าวศึก น่าจะสามารถรวบรวมทหารและจัดเป็นกองทัพได้ไม่เกิน 10,000 คน * ความช่วยเหลือจากรัฐอื่น - สปาร์ตา เคยสัญญาว่าจะช่วยรัฐเอเธนส์ แต่เมื่อกองทัพเปอร์เซียขึ้นฝั่งที่อ่าวมาราธอนเป็นวันขึ้น 6 ค่า ตามความ เชื่อกรีกสมัยนั้นต้องรอพระจันทร์เต็มดวงจึงจะเดินทัพได้ จึงยังไม่สามารถส่งกองทหารไปช่วยได้ - ปลาตี ส่งกองทหารไปตามสันเขาด้านใต้ของเทือกเขาไซเธรอน ข้ามแคว้นอัตติกา จานวน 1,000 คน แม้ว่าจะมี จานวนน้อยนิดแต่เต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น 6
  • 9.
     ยุทธภูมิทุ่งมาราธอน อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นอัตติกาเหนืออ่าว มาราธอน มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมสองข้างขนาบด้วยลาน้า ภูเขาและหนองน้า  การวางกาลังก่อนรบ กรีก กองทัพขนาดเล็ก มีเพียงทหารราบไม่เกิน 11,000 คน ตั้งค่ายบนเนินเขา สามารถมองเห็นข้าศึกได้ทุกระยะ เปอร์เซียร์ กองทัพรี้พลมหาศาลถึง 250,000 คน หลาก เชื้อชาติ อยู่รอบอ่าวมาราธอน 7  แผนการรบ กรีก ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการตั้งค่ายบนที่สูงกว่าได้เปรียบอยู่แล้ว ควรรอกองทัพจากสปาร์ตามา เสริมกาลัง แต่อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรรีบเข้าโจมตีเสียก่อน เปอร์เซีย เนื่องจากมีกาลังมากกว่า แทบจะไม่ต้องวางแผนนอกจากรอให้กองทัพกรีกเข้าตี ก่อนและสลายไปเอง Miltiades -แม่ทัพกรีก-
  • 10.
     การรบ กรีก จัดกองทัพโดยวางน้าหนักให้ปีกทั้งสองข้างตรงกลาง เบาบางและวิ่งเข้าหาข้าศึก เปอร์เซีย ทางฝ่ายเปอร์เซียประหลาดใจจึงรีบจัดแนวรบ อย่างเร่งด่วน วางทหารราบไว้ตรงกลาง ทหารม้าและพลธนูไว้ ทางปีกทั้งสอง ซึ่งในการรบครั้งนี้ถูกจู่โจมด้วยการเข้าตีในรูปแบบ ที่ไม่เคยประสบมาก่อน ทาให้กองทัพอันใหญ่โตถูกจากัดให้อยู่ใน พื้นที่แคบ  การสูญเสีย ตามหลักฐานว่าเปอร์เซียสูญเสียทหาร 6,400 คน ที่เหลือ ถอยลงเรือกลับได้ สิ่งที่กรีกได้รับไม่ใช่เพียงแต่ชัยชนะ แต่ยังทา ให้ชาวกรีกมั่นใจและเลิกหวาดกลัวกองทัพเปอร์เซียอีกต่อไป 8
  • 11.
  • 12.
    • หลังจากการศึกที่ทุ่งมาราธอน กษัตริย์ดาริอุสที่1 แห่งเปอร์เซีย ต้องยุ่งอยู่กับการกบฏในอียิปต์ และทรงสิ้นพระชนม์ปี 486 ก่อน คริสตกาล เจ้าชายเซอร์เซส พระโอรส จึงได้สืบราชสมบัติเป็น กษัตริย์เซอร์เซสที่ 1 และได้สืบทอดดาริของพระบิดา เตรียมการ ศึกกับรัฐกรีกต่อไป โดยได้จัดการรวบรวมกองทัพอยู่ 4 ปีและดาริ จะเดินทัพไปทางบก ขึ้นเหนือ ทาสะพานข้ามช่องเฮเลสปอนต์ แล้ว เดินทัพอ้อมมาตามชายฝั่งทะเลเข้าสู่คาบสมุทรกรีก อีกทั้งยังมีกอง เรือเพื่อป้องกันตามชายฝั่งด้วย • ในระหว่างนี้เธมิสโตคลีสรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเอเธนส์สามารถโน้ม น้าวให้ประชาชนในรัฐเห็นชอบในการนาเงินจากเหมืองในลอเรียนมา ใช้ในการสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง และแสดงให้เห็นว่าเอเธนส์อยู่ใน ที่ตั้งที่เหมาะสมกว่ารัฐกรีกอื่นๆทาให้มีเชื่อเสียงในด้านการทหาร สงครามกรีก-เปอร์เซีย ครั้งที่ 3 (481 ปีก่อนคริสตกาล) Xerxes I of Persia เธมิสโตคลีส 10
  • 13.
    • ในปี 481ก่อนคริสตกาล กองทัพเปอร์เซียเริ่มเคลื่อนทัพจากเอเชียไมเนอร์ ในการ ทัพครั้งแรกกองทัพเปอร์เซียเคลื่อนทัพทางบก ครั้งที่สองใช้ทางทะเลเป็นหลัก ซึ่ง ให้มีเหตุขัดข้องต้องปราชัยเสียทั้งสองครา ในคราวนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาด ไม่ให้เกิดขึ้นอีก กษัตริย์เซอร์เซสที่ 1 จึงใช้การเดินทัพทั้งสองทางคือทางบกและ ทางน้าเพื่อเอาชนะกรีกไว้จนได้ • ฝ่ายรัฐกรีกทั้งหลายเมื่อได้รับข่าวข้าศึกต่างทิ้งความบาดหมางระหว่างกันร่วมมือกัน จัดตั้งสหพันธรัฐกรีกเพื่อรวมพลังต่อสู้กับกองทัพเปอร์เซีย การรวมกาลังขั้นแรกมี การเสนอให้รวมกาลังไว้ที่คอคอดคอรินท์แต่แผนนี้ไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการละ ทิ้งคาบสมุทรกรีกตอนกลางและตอนเหนือ ทางเลือกอื่นที่ได้ตกลงกันคือ เคลื่อนที่ ไปข้างหน้าและสกัดกั้นกองทัพเปอร์เซียทางบก ที่ช่องผ่านทางเทือกเขาทางเหนือ ในขณะที่กาลังทางเรือผสมของกรีกต้องพยายามดึงเปอร์เซียเข้ามาในพื้นที่จากัด • ลีโอนิดัสผู้นาสปาร์ตานากาลังทหาร 300 คนขึ้นเหนือไปยึดช้องเขาเทอร์โมพิเล โดยรับต่างๆส่งกาลังมาร่วมด้วยอีก 6000 คน • ส่วนกองเรือพันธมิตรกรีก เลือกใช้น่านน้าอาร์ทีมิซีอุมเป็นพื้นน้าทาการรบ แผนของ กรีกได้ผลดีในตอนแรก ฝ่ายเปอร์เซียจึงพยายามใช้กองเรือล้อมเกาะยูบัว เพื่อเป็น การสกัดกั้นกองเรือของกรีกให้อยู่ในช่องยูบัว แต่โชคร้ายกองเรือเปอรืเซียถูกพายุ ทาลายอีก 11
  • 14.
     การรบที่ช่องเขาเทอร์โมพิเล ลีโอนีดัสได้ต่อต้างกองทัพเปอร์เซียอยุได้เป็นหลายวัน เพราะภูมิประเทสเกื้อกูลต่อฝ่ายตั้งรับ ทางฝ่ายเปอร์เซียส่งคนออกหาเส้นทางบนเขาได้จึงส่งกองทหารไปตามทางบนเขา สามารถอ้อม ไปล้อมฝ่ายกรีกได้ ลีโอนีดัสเห็นว่าถูกล้อมจึงให้ทหารที่ยังมาไม่ถึงกลับไป คงเหลือแต่ทหารสปาร์ ตาเท่านั้น ลีโอนีดัสและทหารสปาร์ตาทั้ง 300 คน สู้รบกับทหารเปอร์เซียอย่างกล้าหาญในที่สุดทั้งหมด ก็ได้พลีชีพที่ช่องเขาเทอร์โมพิเลนั้น และกองทัพเปอร์เซียก็มุ่งสู่เอเธนส์  การรบทางเรือที่ซาลามิส เธมิสโตคลีสต้องการรบทางทะเลจึงบังคับให้ข้าศึกต้องล่าทัพไปทางบกโดยใช้ความสามารถใน การรบชดเชยด้านจานวนที่น้อยกว่าได้ขณะเดียวกันก็ส่งทาสซึ่งไว้ใจได้ให้แสร้งเข้าข้างเปอร์เซีย โดยให้ข่าวสารว่ากองเรือกรีกหวาดกลัวและไม่ลงรอยกันเอง กษัตริย์เซอร์เซสก็มั่นใจยิ่งขึ้นในการ ทาลายกองเรือกรีก จึงเป็นไปตามที่เธมิสโคลีสคาดไว้ กษัตริย์เซอร์เซสให้เรือจากอียิปต์จานวน 200 ลา ไปสกัดตามช่องทางแคบต่างๆกองทัพเรือ เปอรืเซียซึ่งมีจานวนมากกว่ากองเรือกรีกมากนักแต่อยู่ในพื้นที่แคบจึงรบได้ไม่เต็มที่ในขณะที่กอง เรือกรีกใช้เรือขาดใหญ่แต่จานวนน้อยกว่า จึงสามารถดาเนินกลยุทธได้มากกว่า 12
  • 15.
    • การรบที่ซาลามิสยุติลงถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของกรีก มีผลสรุปที่สาคัญคือ ในทางยุทธวิธี เห็นถึงคุณค่าของการจู่โจมและการวางแผน ในทางยุทธศาสตร์ ไม่เพียงแต่ทาลายอานาจของเปอร์เซียเท่านั้นแต่ยังปลุกกาลังใจ ให้กับชาวกรีก ส่วนเอเธนส์นั้นมีบทบาทและอานาจทางทหารอย่างโดดเด่น • เมื่อกองเรือปราชัยเสียแล้วอาราจักรเปอร์เซียอาจเกิดกบฏและแตกสลาย เซอร์เซสรว บรวมเรือที่เหลืออยู่และปรับกาลังทางบกใหม่และวางแผนอย่างรอบคอบ โดยมอบให้มาโด นิอุส(บุตรเขย)เป็นแม่ทัพในคาบสมุทรกรีกต่อไป • มาโดนิอุสเลือกการถอยเข้าไปในแคว้นเทสซาลีและมุ่งลงใต้เตรียมทาศึกกับกรีกต่อไปอีก • ทางฝ่ายกรีกได้ถกแถลงกันสรุปได้ว่าต้องรุกต่อกองทัพเปอร์เซียเสียบ้างโดยให้บัวซานิอัส เป็นแม่ทัพสปาร์ตานากองทัพทหารราบกรีกขึ้นเหนือสู่ปลาตี • ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันได้ 8 วัน กองทัพกรีกต้องการอยู่ในภูมิประเทศที่ได้เปรียบแต่มา โดนิอุสได้รับรู้การย้ายของฝ่ายกรีกจึงสั่งให้เข้าโจมตี การรบผ่านไปยาวนานจนกระทั่งมา โดนิอุสถูงสังหารในการรบ กองทัพเปอร์เซียที่เสียผู้บังคับบัญชาจึงพ่ายแพ้ไป • ซาลามิสเป็นจุดเปลี่ยนของสงครามปลาตีและปี 480-479 ก่อนคริสตกาลก็เป็นปีแห่งการ พิพากษาสงครามกรีก-เปอร์เซีย (The final major of the Greco-Persian Wars) 13
  • 16.
    สงครามครั้งนี้จึงพิสูจน์ว่าทหารเอเธนส์และสปาร์ตานั้นไม่สามารถ เอาชนะได้โดยเฉพาะทหารราบกับการจัดขบวนรบแบบฟาเลนซ์ ความยิ่งใหญ่นี้ทาให้ชาวกรีกเชื่อว่ากรีกสูงส่งเหนือกว่าอนารยชน ทั้งสงครามกับเปอร์เซียนี้ยังได้พิสูจน์ให้ชาวกรีกเชื่ออีกว่าภายใต้ทวยเทพแล้วเสรีชนสามารถจัดตั้ง รวมกันเป็นนครรัฐโดยไมต้องเกรงกลัวภัยทางทหารจากภายนอก 14
  • 17.
    o ชญา ปิยะชาติ.กรีก-โรมัน ประวัติศาสตร์และอารายธรรม ต้นธารภูมิปัญญาและวิทยาการ แห่งโลกตะวันตก . พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุ๊ป จากัด, 2556. o สถาบันกวดวิชาติวเตอร์พอยท์. Social Studies สรุปสังคม มัธยมปลาย. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : บริษัท กรีนไลฟ์ พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จากัด, 2559. o Samphan. (2551). “สงครามกรีก – เปอร์เซีย.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711018 สืบค้น 5 กันยายน 2560 บรรณานุกรม 15