More Related Content
Similar to โครงงานคอม1 (20)
More from Noon Pattira (20)
โครงงานคอม1
- 1. แบบฟอร์ มโครงร่ างโครงงาน
โครงงาน แกงฮังเล อาหารทีถูกลืม
่
สาขา เพือการศึกษา
่
ทีมาและความสาคัญของโครงงาน
่
แกงฮังเลเป็ นอาหารพื้นเมืองที่ข้ ึนชื่อของชาวล้านนา ซึ่งนอกจากจะเป็ นอาหารที่มีรสชาติหวานอม
เปรี้ ยวอันเป็ นเอกลักษณ์ของอาหารทางภาคเหนือแล้ว แกงฮังเลยังมีบทบาทสาคัญสอดแทรกอยูกบ ่ ั
วัฒนธรรมและวิถีชีวตของชาวล้านนาอย่างแยกไม่ออก แกงฮังเลสามารถใช้เป็ นอาหารสาหรับถวาย
ิ
พระสงฆ์ในวันสาคัญทางศาสนาต่างๆ ใช้เลี้ยงแขกที่มาร่ วมในงานฌาปนกิจศพ และยังเป็ นที่นิยมในการ
นามาจัดขันโตกสาหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาตั้งแต่อดีต นอกจากนี้ในงานสาคัญต่างๆของชาวล้าน
นาน เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน หรื องานบวช ก็มกมีแกงฮังเลเป็ นอาหารจานหลักที่นาไปบริ การ
ั
ั ั
ให้กบแขกผูมาร่ วมงาน รวมทั้งแจกจ่ายให้กบเพื่อนบ้านอีกด้วย แต่ในปัจจุบนดูเหมือนจะมีเพียงคนในวัย
้ ั
ผูใหญ่ข้ ึนไปเท่านั้นที่เห็นความสาคัญของแกงฮังเล และศึกษาวิธีการทา จนสามารถนาไปใช้ใน
้
ชีวตประจาวันได้ ซึ่ งความสามารถในการทาแกงฮังเลนี้ ไม่ได้ถูกถ่ายทอดให้กบเด็กรุ่ นใหม่เท่าที่ควร
ิ ั
ั ่ ั
เนื่องจากเด็กในยุคปั จจุบนยึดติดอยูกบความรวดเร็ วในการทาสิ่ งต่างๆในชีวต ทาให้การทาอาหาร
ิ
รับประทานที่ใช้เวลานานเช่นแกงฮังเลไม่เป็ นที่สนใจ จึงเป็ นที่น่ากังวลว่าสักวันแกงฮังเลจะเหลือแต่ชื่อให้
จดจา
โครงงานฉบับนี้จึงได้จดทาขึ้นเพื่อศึกษาเอกลักษณ์และวิถีชีวตของคนล้านนา โดยมุ่งเน้นศึกษา
ั ิ
วิธีการทาแกงฮังเล เพื่อสื บสานวิถีชีวตและเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษไปสู่ เด็กรุ่ นใหม่ที่ไม่มีความรู ้ในเรื่ อง
ิ
ของแกงฮังเล ให้มีความรู ้เพิมขึ้นโดยสามารถนาไปใช้ในชีวตประจาวัน และยังสามารถบอกสอนวิธีการทา
่ ิ
แกงฮังเลแก่ลูกหลานเพื่อให้ชนรุ่ นหลังได้อนุ รักษ์สืบต่อไปได้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็ นการรณรงค์ให้เด็กสมัยใหม่หนมาให้ความสาคัญกับแกงฮังเลรวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นด้าน
ั
อื่นๆ
2. เพื่อเป็ นสื่ อการสอนวิธีการทาแกงฮังเล
3. เพื่อปลุกจิตสานึกให้เห็นคุณค่าของแกงฮังเล
4. เพื่อความสัมพันธ์อนแน่นแฟ้ นของคนในครอบครัว
ั
5. เพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านไม่ให้สูญหาย
- 2. หลักการและทฤษฎี
่
แกงฮังเล เป็ นอาหารพื้นเมืองของชาวล้านนาบางแห่งเรี ยกว่า แกงฮินเล หรื อแกงฮันเล อยูมี ๒ ชนิด
คือ แกงฮังเลม่าน และแกงฮังเลเชียงแสน เชื่อกันว่าแกงฮังเลเป็ นอาหารที่ชาวล้านนาได้รับอิทธิ พลมาจาก
พม่าในครั้งอดีต เนื่องจากอาณาจักรล้านนาซึ่ งมีเมืองเชียงใหม่เป็ นราชธานีมีภาษา มีหนังสื อ มีวฒนธรรม
ั
และประเพณี เป็ นของตนเอง เคยถูกปกครองในฐานะรัฐบรรณาการของราชอาณาจักรตองอู ราชอาณาจักร
อยุธยาและราชอาณาจักรอังวะมาก่อน
วิธีทาแกงฮังเล
- วัตถุดิบ
1. หมูเนื้ อแดง 500 กรัม 2. สามชั้นแบบไม่ติดมันมาก 500 กรัม
3. พริ กแกง 2 ช้อนโต๊ะ 4. ผงฮังเล 1 ซอง
5.กระเทียม 10 กลีบ 6.หอมแดง 5 หัว
7.ถัวลิสงคัว 50 กรัม
่ ่ 8.ขิงซอย 50 กรัม
9. น้ ามะขามเปี ยก 1 ช้อนโต๊ะ 10.น้ าตาลปี๊ บ 1 ช้อนโต๊ะ
11.ซี อิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ 12.ซี อิ้วดา 1 ช้อนชา
- เครื่องปรุ ง:
1.พริ กแกง
2.ผงฮังเล
3.กระเทียม
4.หอมแดง
5.ถัวลิสงคัว
่ ่
6.ขิงซอย
7.น้ ามะขามเปี ยก
8.น้ าตาลปิ๊ บ
9.ซี อิวขาว
้
10.ซี อิ้วดา
ขั้นตอนการปรุ ง
1. นาหมูมาหันเป็ นชิ้นสี่ เหลี่ยมหนาประมาณ 2 นิ้ว
่
- 3. 2. นาผงฮังเลแบ่งครึ่ งซอง พริ กแกง ซี อิ้วดา ซี อิ้วขาว น้ าตาลปี๊ บใส่ ลงไปในหมูที่หนแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ั่
หมักทิงไว้ประมาณ 30 นาที
้
3. ปอกกระเทียม หอมแดงปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่ ง ขิงซอยเป็ นเส้นเล็กๆ
4. นาหมูที่หมักเครื่ องแกงฮังเลแล้ว ใส่ หม้อ ผัดให้หอมแล้วเติมน้ าลงไปให้ท่วมเนื้อหมู ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวจน
หมูสุกและเปื่ อยและน้ าแห้งลงพอขลุกขลิก
5. พอหมูสุก ก็นา กระเทียม หอมแดง ขิงซอย ถัวลิสง ใส่ ลงไป ปรุ งรสด้วยน้ ามะขามเปี ยก น้ าตาล ซี อิวขาว
่ ้
ให้มีรสชาติเปรี ยวหวานนิดหน่อย ตั้งไฟอีกสักพัก ก็ยกลงพร้อมเสิ ร์ฟ
หมายเหตุ
-ในขั้ นตอนสุ ดท้ายให้ใส่ ไข่ตมลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้แกงฮังเล
้
สรรพคุณทางยา
1. ขิง รสหวานเผ็ดร้อน แก้ลมจุกเสี ยด แก้เสมหะ บารุ งธาตุ แก้คลื่นเหียนอาเจียน
2. สับปะรด รสหวานเปรี้ ยวเล็กน้อย ช่วยขับปั สสาวะ
3. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลาไส้ แก้ไอขับเสมหะช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง น้ ามัน กระเทียมมี
ฤทธิ์ ยบยั้งการเจริ ญของเชื้ อรา แบคทีเรี ย และไวรัส ลดน้ าตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
ั
4. มะขามเปี ยก รสเปรี้ ยว ขับเสมหะ แก้ทองผูก แก้ไอ ลดความร้อนในร่ างกาย
้
5. พริ ก รสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร
6. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปั สสาวะ บารุ งธาตุ ช่วยเจริ ญอาหาร และขับเหงื่อ
7. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บารุ งธาตุ แก้ไข้หวัด
คุณค่ าทางโภชนาการ
แกงฮังเล 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่ างกาย 3740 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย
- น้ า 1268.5 กรัม
- โปรตีน 266.9 กรัม
- ไขมัน 261.6 กรัม
- คาร์ โบไฮเดรต 80.1 กรัม
- กาก 3.7 กรัม
- ใยอาหาร 3.6 กรัม
- แคลเซียม 1462.8 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 810.3 มิลลิกรัม
- 4. - เหล็ก 35.2 มิลลิกรัม
- เบต้า-แคโรทีน 3 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 3584.1 IU
- วิตามินบีหนึ่ง 92.95 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 76.25 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 60.15 มิลลิกรัม
คายามศัพท์เฉพาะ
แกงฮังเล หรื อ แกงฮินเล เป็ นอาหารไทยประเภทแกงรสชาติเค็ม - เปรี้ ยว แกงฮังเลมีตนกาเนิดจาก
้
ประเทศพม่า โดยคาว่า "ฮิน" ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ "เล" ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเล
ได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิ บสองปันนาประเทศจีน
ขั้นตอนการดาเนินงาน
1. ประชุมระดมความคิดหาหัวข้อโครงงาน
2.ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแกงฮังเล
3.ทาเป็ นรู ปเล่มฉบับโครงร่ างส่ งครู ที่ปรึ กษา
4.ปรับปรุ งแก้ไข
5.ลงมือปฏิบติกิจกรรมที่วางไว้ในโครงงาน
ั
6.รวบรวมเป็ นรู ปเล่มสมบรู ณ์ส่งครู ที่ปรึ กษา
แผนการปฏิบัติงาน
D/M/Y รายการปฏิบติงาน
ั กิจกรรมที่ทา หมายเหตุ
เลือกรู ปแบบและ ช่วยกันเสนอความคิด
3 ต.ค 55 หัวข้อโครงงาน เห็นเกี่ยวกับโครงงาน
ว่าจะเอาหัวข้อใด
-ช่วยกันคิดหลักการ
และเหตุผลที่เลือก
หัวข้อนี้
10 ต.ค. 55 เริ่ มปฏิบติโครงงาน
ั -แบ่งกันหาข้อมูล
ต่างๆ
- 5. -ปรึ กษาหารื อและนัด
เวลาปฏิบติจริ ง
ั
17 พ.ค. 55 ส่ งให้ครู พจารณา
ิ เขียนข้อมูลและการ
ความคืบหน้า ปฏิบติให้ครู ดูอย่าง
ั
คร่ าวๆ
23 พ.ค. 55 ปฏิบติโครงงาน
ั นาข้อที่ครู ช้ ีแนะมา
(เพิ่มเติม) แก้ไขให้เรี ยบร้อย
19 ธ.ค. 55 ส่ งให้ครู ตรวจสอบ นางานที่แก้ไขแล้วมา
ความเรี ยบร้อย ให้ครู ตรวจสอบอีก
ครั้ง
-ทารายงานไปเข้าเล่ม ให้ทาเป็ นเอกสาร
ทาโครงงานเป็ นรู ปล่ม -ไลท์ขอมูลลงแผ่น
้ ขนาด A5 (พิมพ์จาก
5 ม.ค. 55 และบันทึกข้อมูลลง A4 ไม่เกิน 2 แผ่น แบ่ง
แผ่น CD ซ้ายขวา แย็บสันกลาง
ปกหลังในติดซองซีดี
ที่เป็ นพลาสติก)
28 ม.ค. 55 ส่ งงาน (ทั้งรู ปเล่มและ นาเสนอผลงานและส่ ง นามาส่ งด้วยตนเอง
ซีดี + เสนอผลงาน) งานทั้งหมด (สมาชิกครบทุกคนมา
ด้วย)
ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
โครงงานนี้คาดหวังจะให้คนรุ่ นหลังอนุรักษ์อาหารที่เป็ นอาหารพื้นเมืองของเรา ซึ่ งแกงฮังเลนั้นเป็ น
่ ่
อาหารที่มกจะอยูในชีวตประจาวันของเราเสมอโดยเฉพาะเมื่อมีงานต่างๆไม่วาจะเป็ นงานกุศลหรื ออกุศลจึง
ั ิ
อยากจะให้คนรุ่ นหลังนั้นสามารถอนุ รักษ์และทาอาหารชนิดนี้เป็ น อีกทั้งยังทาให้เห็นความสาคัญของ
อาหารพื้นเมืองอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-http://fernfang.blogspot.com/2009/09/blog-post_7309.html
-http://kimleng.net/%E0%B8%AA%E0%B8%
-http://th.openrice.com/recipe/detail.htm?recipeid=1656