AT1AT1
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน ปัญหาอุทกภัย
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวณิชา เขียวหงษ์ เลขที่ 12 ชั้น ม.6 ห้อง 6
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
- 2. สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
น.ส.ณิชา เขียวหงษ์ เลขที่ 12 ม.6/6
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ปัญหาอุทกภัย
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
The disease from flood problem
ประเภทโครงงาน
เพื่อพัฒนาและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากอุทกภัยรวมไปถึง
วิธีการป้องกันโรคต่างๆที่อันเนื่องมาจากอุทกภัย โดยสามารถนาไปปรับ
ใช้เพื่อเป็นการป้องกันในชีวิตประจาวันได้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวณิชา เขียวหงษ์
ชื่อที่ปรึกษา
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1
- 3. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และ
เหตุผล ของการทาโครงงาน)
ปัญหาอุทกภัยเป็นปัญหาทางธรรมชาติโดยมีหลายสาเหตุหลายปัจจัยที่
ทาให้เกิดปัญหาน้าท่วมไม่ว่าจะเป็นฝนตกหนักเป็นเวลานานหลายวัน
น้าท่วมขัง แหล่งกักเก็บน้าล้น ท่อระบายน้าระบายน้าไม่ทันฯ โดยปัญหา
อุทกภัยจึงก่อให้เกิดโรคต่างๆที่ถูกแพร่เข้ามาผ่านทางระบบต่างๆใน
ร่างกายและก่อให้เกิดโรคต่างๆซึ่งหากไม่รีบหาทางหรือวิธีป้องกันก็อาจ
นาไปสู่อันตรายต่อชีวิตได้
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาหาวิธีการป้องกันปัญหาอุทกภัย
2.เพื่อศึกษาหาทางป้องกันการเกิดโรคจากปัญหาอุทกภัย
3.เพื่อนาข้อมูลที่ได้ค้นคว้าไปจัดทาเป็นแผ่นพับต่างๆและเผยแพร่แก่คน
อื่นๆโดยมีจุดประสงค์ว่าเผยแพร่ข้อมูลให้ได้มากที่สุดและให้คนอื่นๆ
เข้าถึงข้อมูลที่ได้จัดทาได้อย่างง่ายและสะดวกมากที่สุด
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของ
การทาโครงงาน)
-สาเหตุของปัญหาอุทกภัย
-ผลกระทบของปัญหาน้าท่วม
-แนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัย
- การป้องกันการเกิดโรคจากปัญหาอุทกภัย
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทา
โครงงาน)
- 4. ปัญหาอุทกภัย
อุทกภัย คือ ภัยและอันตรายทีเกิดจากสภาวะน้าท่วมหรือน้าท่วมฉับพลัน
หรืออันตรายเกิดจากสภาวะน้าไหลเอ่อล้นฝังแม่น้า ลาธาร หรือทางน้า
เนื่องจากมีน้าเป็นสาเหตุอาจเป็นน้าท่วม น้าป่าไหลหลากหรืออื่นๆ โดย
ปกติอุทกภัยเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานทาให้ เกิดการ
สะสมน้าบนพื้นที่ซึ่งระบายออกไม่ทันทาให้ พื้นที่นั้นมีน้าท่วม ภัยร้ายที่
เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยเกิดจากฝน
ตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทาให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมี
สาเหตุจากพายุหมุนเขตร้อนลมมรสุมมีกาลังแรง มีกาลังแรง ร่องความ
กดอากาศต่ามีกาลังแรง อากาศแปรปรวน น้าทะเลหนุนแผ่นดินไหว
เขื่อนพัง ทาให้เกิดอุทกภัยได้เสมอ ปัญหาอุทกภัยก่อให้เกิดโรคต่างๆใน
ร่างกายของเราไม่ว่าจะเป็น
โรคน้ากัดเท้า : เกิดจากความเปียกและอับชื้นบริเวณเท้าและง่าม
นิ้วเท้า ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผิวหนังบริเวณนั้นหลุดลอกออก ทาให้เชื้อ
โรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อราสามารถเข้าไปฝังตัวบริเวณนั้น ทา
ให้เกิดแผลผุพอง ผื่นคัน และสามารถอักเสบเป็นหนองได้ ทาให้
เกิดความเจ็บปวดทรมาน เดินได้ไม่สะดวก
โรคฉี่หนู : โรคติดต่อประเภทหนึ่งโดยมีหนูเป็นพาหะ สามารถ
ติดต่อจากหนูสู่คนได้ผ่านทางปัสสาวะของหนู ไม่ว่าหนูนั้นจะฉี่ลง
น้าที่ท่วมขังหรือฉี่ลงไปในอาหารที่เรารับประทาน ภายหลังจาก
หนูฉี่ลงน้า เชื้อโรคนี้จะแพร่กระจายอยู่ในน้า และจะเข้าสู่ร่างกาย
เราผ่านทางแผลที่ผิวหนังที่สัมผัสน้านั้น
โรคไข้เลือดออก : มีสาเหตุมาจากยุงลาย ซึ่งมักจะออกหากินเวลา
กลางวัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
คลื่นไส้อาเจียน อาการที่สังเกตได้ง่ายอย่างหนึ่งคือจะมีจุดเล็กๆ
ตามลาตัวและแขน ขา เมื่อมีอาการดังกล่าวอย่าซื้อยามา
รับประทานเอง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- 5. โรคปอดอักเสบ : เกิดขึ้นกับผู้ที่สาลักเอาน้าที่ไม่สะอาดเข้าไปใน
ระบบทางเดินหายใจ ทาให้เกิดอาการปอดอักเสบ ปอดติดเชื้อ
ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ไอมาก หายใจหอบและเร็ว ผู้มีอาการนี้
ควรรีบไปพบแพทย์
โรคตาแดง : เกิดจากการสัมผัสกับเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่ง
มักจะเกิดจากการใช้มือหรือผ้าเช็คหน้าที่มีเชื้อเหล่านี้ไปสัมผัส
ดวงตา ผู้ป่วยจะมีอาการคันและเคืองตา บางรายอาจจะมีอาการ
ปวดดวงตา บวมแดง มีขี้ตามาก ร่วมด้วย
โรคอหิวาตกโรค : เกิดจากเชื้อแบคทีเรียประเภท Vibrio
Cholerae มักเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด ซึ่งมี
แมลงวันเป็นพาหะ ทาให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง มี
ลักษณะอุจจาระเหลวมาก ถ่ายบ่อยทั้งวัน อาการอาจจะหายไปเอง
ได้ แต่ถ้ามีอาการมากต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ไข้ไทฟอยด์ : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Enterica
Serovar ซึ่งจะอยู่ในน้าดื่มและอาหารที่ไม่สะอาด มีเชื้อโรคปนอยู่
โดยจะเข้าไปฝังตัวในลาไส้และระบบขับถ่าย ผู้ป่วยจะมีไข้สูง
เหงื่อออกมาก กระเพาะและลาไส้อักเสบ มีอาการท้องเสียแบบไม่มี
เลือดปน ผู้ป่วยบางรายอาจจะหายได้เองใน 2-4 สัปดาห์ แต่ใน
รายที่มีอาการแทรกซ้อน เช่น เลือดออกทางเดินอาหาร ลาไส้ทะลุ
ไตวาย ช่องท้องอักเสบ อาจจะทาให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นเมื่อมีอาการ
ไข้ไทฟอยด์ การไปพบแพทย์จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
โรคเครียดวิตกกังวล : ผู้ประสบเหตุน้าท่วมย่อมมีอาการเครียดและ
วิตกกังวล อันเนื่องมาจากความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดขึ้น การ
ทามาหากินลาบาก ไปทางานหรือโรงเรียนไม่ได้ หาซื้อข้าวปลา
อาหารลาบาก ดังนั้นอาการเครียดและซึมเศร้าจึงมักจะเกิดขึ้นกับ
ผู้ประสบภัยทุกคน ความเครียดสามารถทาให้เกิดอาการข้างเคียง
- 6. ได้เช่น โรคกระเพาะอาหาร การทางานของหัวใจผิดปกติ ปวด
ศีรษะตลอดเวลา เบื่ออาหาร ดังนั้นเมื่อน้าท่วม ต้องบริหารจิตของ
ตนเองไม่ให้เครียดมากจนเกินไป หมั่นพูดคุยปรึกษาญาติพี่น้อง
มากขึ้น
โรคฉี่หนู เป็นโรคควรต้องระวังให้มากที่สุดหากมีปัญหาด้าน
อุทกภัยเนื่องจากโรคฉี่หนูหรือเรียกอีกอย่างว่าโรคเล็ปโตสไปโร
ซิส เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับคนและ
สัตว์ การติดเชื้อในคนมีสาเหตุมาจากการสัมผัสดิน น้า อาหารที่
ปนเปื้อนปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของของสัตว์ที่ติดเชื้อชนิดนี้
เช่น สุนัข วัว ควาย หนู สุกร ม้า สัตว์ป่า เป็นต้นโดยผู้ติดเชื้อจาก
โรคฉี่หนูจะสามารถแสดงอาการได้ตั้งแต่ 2-30 วันหลังได้รับเชื้อ
แต่ส่วนใหญ่มักแสดงอาการในช่วงประมาณ 7-14 วัน ซึ่งอาการ
ของโรคนี้อาจปรากฏตั้งแต่ไม่มีอาการเลย มีอาการขั้นอ่อนไป
จนถึงขั้นรุนแรงถึงชีวิต อาการของโรคฉี่หนูหากเป็นในระยะแรก
สามารถหายไปได้เองใน 5-7 วัน แต่มีผู้ป่วยราว 5-10 เปอร์เซ็นต์
ที่อาการเหมือนจะดีขึ้นและหายดี หลังจากนั้นประมาณ 1-3 วัน
กลับทรุดลง เนื่องจากมีการพัฒนาของโรคไปสู่โรคฉี่หนูแบบ
รุนแรง และยังสามารถส่งผลกระทบถึงอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง
หัวใจ ตับ ไต หรือปอดได้เลยทีเดียว อาการของโรคชนิดรุนแรงที่
อาจเกิดขึ้นได้
การวินิจฉัยโรคฉี่หนู
การติดเชื้อโรคฉี่หนูที่ไม่รุนแรงอาจยากต่อการวินิจฉัย เนื่องจากมี
อาการคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ เช่น โรคหวัด ในขณะที่โรคฉี่หนู
ชนิดรุนแรงจะวินิจฉัยได้ง่ายกว่า เนื่องจากแสดงอาการรุนแรง
มากกว่าเริ่มแรกแพทย์จะตรวจร่างกายเบื้องต้นและซักถามประวัติ
ผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง เช่น เพิ่งกลับมาจากการเดินทาง เล่น
กีฬาทางน้า มีการสัมผัสกับแหล่งน้าจืด มีอาชีพที่ต้องทางานกับ
สัตว์ หรือเคยพักหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคฉี่หนู
ควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้ให้แพทย์ทราบ
- 7. หากแพทย์พิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการติดเชื้อ
จากโรคฉี่หนู จึงอาจมีการส่งตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะอย่างใด
อย่างหนึ่งหรือตรวจทั้งคู่ ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการของโรคชนิด
รุนแรง อาจต้องใช้การวินิจฉัยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การเอกซเรย์
ทรวงอก การตรวจเลือดเพื่อดูการทางานของตับและไตเพิ่มเติม
เป็นต้น
การรักษาโรคฉี่หนู
โดยมากโรคฉี่หนูมักไม่มีอาการรุนแรงและหายดีได้เอง หรืออาจ
รักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างยาเพนิซิลลิน(Penicillin) หรือดอกซี
ไซคลิน(Doxycycline) เป็นระยะเวลา 5-7 วัน ซึ่งควรต้อง
รับประทานตามกาหนดให้ครบถ้วนแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อแบคทีเรียถูกกาจัดจนหมด และป้องกันการ
กลับไปติดเชื้ออีกครั้งนอกเหนือจากยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยอาจ
รับประทานยาแก้ปวดอย่างไอบูโพรเฟน(Ibuprofen) หรือพาราเซ
ตามอล (Paracetamol) เพื่อลดอาการปวดศีรษะ มีไข้ และปวด
กล้ามเนื้อได้เช่นกันในขณะที่ผู้ป่วยโรคฉี่หนูแบบรุนแรงจะต้อง
นอกพักที่โรงพยาบาล และรักษาอาการติดเชื้อด้วยการฉีดยา
ปฏิชีวนะเข้าไปในกระแสเลือดโดยตรง และหากมีอวัยวะใด ๆ ที่
เสียหายจากการติดเชื้อ ทาให้ไม่สามารถใช้หรือทาหน้าที่
ตามปกติได้ก็อาจจาเป็นต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ เข้าช่วย เช่น
ผู้ป่วยอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือหากติดเชื้อที่ไตทาให้ไต
เสียหายจนทางานไม่ได้ก็ต้องใช้การล้างไตเข้าช่วย เป็นต้น
ผู้ป่วยบางรายอาจออกจากโรงพยาบาลได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่
บางรายอาจต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะของผู้ป่วย รวมถึง
ความเสียหายต่ออวัยวะที่ติดเชื้อส่วนหญิงตั้งครรภ์ยิ่งต้องระวังเป็น
พิเศษ เนื่องจากเชื้ออาจแพร่ไปสู่ทารกในครรภ์และส่งผลให้
เสียชีวิตได้ ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการของโรคฉี่หนูจึงอาจต้อง
เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
- 8. การป้องกันโรคฉี่หนู
ให้ความรู้เกี่ยวกับการติดต่อของโรคแก่ประชาชน โดยแนะนาให้
หลีกเลี่ยงการว่ายน้าหรือการเดินลุยในน้าที่อาจปนเปื้อนเชื้อ
ปัสสาวะจากสัตว์นาโรค หรือควรสวมใส่รองเท้าบู๊ตป้องกันทุกครั้ง
หากมีความจาเป็น
หมั่นตรวจตราแหล่งน้าและดินทรายที่อาจมีเชื้อปนเปื้อน ควร
ระบายน้าตามท่อระบายออกแล้วล้างเพื่อกาจัดน้าที่ปนเปื้อน
ส่งเสริมการป้องกันโรคแก่ผู้ที่ทาอาชีพที่มีความเสี่ยงทั้งหลาย โดย
ให้สวมถุงมือยางหรือรองเท้าบู๊ต
ควบคุมและกาจัดหนูตามบริเวณที่อยู่อาศัย สถานที่ทางาน รวมถึง
สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
แยกสัตว์ที่ติดเชื้อออกจากสัตว์ชนิดอื่น ๆ และบริเวณที่อยู่อาศัย
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนู โดย
เลือกฉีดวัคซีนซีโรวาร์ (Serovars) สาหรับป้องกันเชื้อฉี่หนูชนิดที่
พบได้บ่อยตามท้องถิ่นนั้น ๆ ทั้งนี้การฉีดวัคซีนแม้จะสามารถ
ป้องกันโรคฉี่หนู แต่ไม่อาจป้องกันการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อทาง
ปัสสาวะได้
ปัจจุบันในบางประเทศมีวัคซีนโรคฉี่หนูสาหรับคน โดยใช้ฉีด
ป้องกันให้คนงานหรือผู้มีอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ ได้แก่ประเทศฝรั่งเศส
เสปน อิตาลี จีน ญี่ปุ่น และอิสราเอล ส่วนในประเทศไทยยังไม่มี
วัคซีนสาหรับคน
- 9. ทฤษฎีการแก้ไขปัญหาน้าท่วม
ทฤษฏีการแก้ไขปัญหาน้าท่วมอันเนื่องมาจากพระราชดาริตามแนว
ทางการบริหารจัดการด้านน้าท่วมล้น วิธีการต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดาริในการแก้ไขปัญหาน้าท่วมคือ
1. การก่อสร้างคันกั้นน้า เพื่อป้องกันน้าท่วมซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมแต่ครั้ง
โบราณโดยการก่อสร้างคันดินกั้นน้าขนาดที่เหมาะสมขนานไปตามลา
น้าห่างจากขอบตลิ่งพอสมควร เพื่อป้องกันมิให้น้าล้นตลิ่งไปท่วมใน
พื้นที่ต่างๆ ด้านใน
2. การก่อสร้างทางผันน้า เพื่อผันน้าทั้งหมดหรือบางส่วนที่ล้นตลิ่งท่วม
ท้นให้ออกไป โดยการก่อสร้างทางผันน้าหรือขุดคลองสายใหม่เชื่อมต่อ
กับลาน้าที่มีปัญหาน้า ท่วมโดยให้น้าไหลไปตามทางผันน้าที่ขุดขึ้นใหม่
ไปลงลาน้าสายอื่น หรือระบายออกสู่ทะเลตามความเหมาะสม
3. การปรับปรุงและตกแต่งสภาพลาน้า เพื่อให้น้าที่ท่วมทะลักสามารถ
ไหลไปตามลาน้าได้สะดวกหรือช่วยให้กระแสน้าไหล เร็วยิ่งขึ้น อันเป็น
การบรรเทาความเสียหายจากน้าท่วมขังได้ โดยใช้วิธีการดังนี้
– ขุดลอกลาน้าตื้นเขินให้น้าไหลสะดวกขึ้น
– ตกแต่งดินตามลาดตลิ่งให้เรียบมิให้เป็นอุปสรรคต่อทางเดินของน้า
– กาจัดวัชพืช ผักตบชวา และรื้อทาลายสิ่งกีดขวางทางน้าไหลให้
ออกไปจนหมดสิ้น
– หากลาน้าคดโค้งมาก ให้หาแนวทางขุดคลองใหม่เป็นลาน้าสายตรง
ให้น้าไหลสะดวก
4. การก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้าเป็นมาตรการป้องกันน้าท่วมที่สาคัญ
ประการหนึ่งในการกักเก็บน้าที่ไหลท่วมล้นในฤดูน้าหลาก โดยเก็บไว้
ทางด้านเหนือเขื่อนในลักษณะอ่างเก็บน้า
- 11. ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลา
ดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิด
ชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้า
ข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทา
เอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทา
โครงงาน)
ผู้จัดทาจะได้เล็งเห็นปัญหานี้ ได้มีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลต่างๆมากขึ้น
ทาให้สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้และสามารถนาไปเผยแพร่
วิธีการป้องกันให้กับผู้อื่นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อๆไปได้
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
สาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
- 12. แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทา
โครงงาน)
https://krupenka.wordpress.com/2013/01/24/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%
8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%
B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2/
https://guru.sanook.com/8507/
https://www.pobpad.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%89%
E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B9