More Related Content
Similar to 1 2การแบ่งเซลล์
Similar to 1 2การแบ่งเซลล์ (20)
1 2การแบ่งเซลล์
- 1. วิชา ชีววิทยา( ว 30103 )
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5
ครู นิชนันท์ ไกรทองสุ ข (ครูนิช)
- 4. การแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส ( MITOSIS )
- เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ร่ำงกำย เพื่อกำรเจริ ญเติบโตของ
พืช สัตว์หลำยเซลล์ และมนุษย์
- ในกำรแบ่งเซลล์ เซลล์จะมีกำรถ่ำยทอดโครงสร้ำงต่ำง
ๆ รวมถึงสำรพันธุ กรรมภำยในเซลล์ไปสู่ เซลล์ใหม่ จึงได้
เซลล์ใหม่ที่มีลกษณะทำงพันธุ กรรมเหมือนกับเซลล์เดิม
ั
- ไม่มีกำรลดจำนวนชุดโครโมโซม 2n 2n , n n
- เมื่อสิ้ นสุ ดกำรแบ่งเซลล์จะได้ 2 เซลล์ใหม่
- 8. 2. ระยะโพรเฟส เป็ นระยะที่โครมำทิดม้วนขดตัว
จนสำมำรถมองเห็นแท่งโครโมโซมอยูเ่ ป็ นคู่ยดติดกัน
ึ
่
อยูที่เ ซนโทรเมียร์ เยือหุ ้มนิวเคลียสและนิ วคลีโอลัส
่
หำยไป
- 11. 5. ระยะเทโลเฟส เป็ นระยะที่โครโมโซมในแต่ละ
ขั้ ว ของเซลล์ม ีก ำรคลำยต ว เป็ น เส้น ยำว เยื อ หุ ้ม
ั
่
นิวเคลียสและเยื่อหุ ้มนิ วคลีโอลัสเริ่ มปรำกฏให้เห็น
- 13. การแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส ( MEIOSIS )
- ไมโอซิ สเป็ นกำรแบ่งนิ วเคลียสของเซลล์ที่เจริ ญเป็ นเซลล์
สื บพันธุ์ ทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
- หลังจำกแบ่งเซลล์เสร็ จแล้วได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ แต่ละเซลล์
มีโครโมโซมเพียงครึ่ งหนึ่ งของเซลล์แม่
- โครโมโซมของเซลล์ใ หม่แต่ล ะเซลล์จึงเป็ นแฮพลอยด์
(haploid) หรื อ n โครโมโซม คือมีโครโมโซมเพียงชุดเดียว
เท่ำนั้น เป็ นกำรแบ่งเซลล์เพื่อสร้ำงเซลล์สืบพันธุ์
- 14. 1. การแบ่ งไมโอซิ สครั้ งแรก (MEIOSIS I)
มีระยะต่ างๆ ดังนี้
ระยะอินเตอร์ เฟส I ( interphase I )
- กำรเปลี ่ย นแปลงที ่เ กิด ขึ้ น ในระยะนี้ มีก ำรเตรี ย มสำรต่ำ งๆ เช่น
โปรตีน เอนไซม์เ พื ่อ ใช้ใ นระยะต่อ ไปจึง มีเ มแทบอลิซึ ม สู ง มี
นิ วเคลียสใหญ่มีกำรจำลองโครโมโซมใหม่แนบชิดกับโครโมโซม
เดิมและเหมือนเดิมทุก ประกำรโครโมโซมเป็ นเส้นบำงยำวๆ พัน
กันเป็ นกลุ่มร่ ำงแห
- 15. ระยะโพรเฟส I (prophase I)
- ใช้เวลำนำนและซับซ้อนมำกที่สุด มีเหตุกำรณ์ที่สำคัญ
คือ
- โครโมโซมหดสั้นเป็ นแท่งหนำขึ้น
- โครโมโซมคู่เหมือน (homologous chromosome) มำจับคู่
กันเป็ นคู่ๆ แนบชิ ดกันเรี ยก ไซแนพซิ ส (synapsis) คู่ของ
โครโมโซมแต่ละคู่เรี ยก ไบวำเลนท์ (bivalant) แต่ล ะ
ั
โครโมโซมที่เข้ำคู่กน มี 2 โครมำทิด มีเซนโทรเมียร์ ยึดไว้
ดังนั้น 1 ไบวำเลนท์มี 4 โครมำทิด
- 16. - เซนทริ โอแยกไปยังขั้วเซลล์ท้ ง 2 ข้ำง
ั
- มีเส้นใยสปิ นเดิล ยึดเซนโทรเมียร์ ของแต่ละโครโมโซมกับ
ขั้วเซลล์
- โครโมโซมหดตัวสั้นและหนำมำกขึ้น เยื่อหุ ้มนิ วเคลียส
และนิ วคลีโอลัสค่อยๆ สลำยไป
- 17. ระยะเมทาเฟส I (mataphase I)
่
- แต่ละไบวำเลนท์ของโครโมโซม มำเรี ยงอยูกลำงเซลล์
เยื่อหุ ้มนิ วเคลียสและนิ วคลีโอลัสสลำยไปหมดแล้ว
- 18. ระยะแอนาเฟส I (anaphase I)
- โครโมโซมคู่เหมือนที่จบคู่กน ถูกแรงดึงจำกเส้นใยสปิ นเดิลให้
ั ั
แยกตัวออกจำกกันไปยังขั้วเซลล์ที่อยู่ตรงข้ำม
- กำรแยกโครโมโซมนี้ มีผลทำให้กำรสลับชิ้นส่ วนของโครมำทิด
ตรงบริ เวณที่มีกำรไขว้เปลี่ยนช่วยทำให้เกิดกำรแปรผัน (variation)
ของลักษณะต่ำงๆ ของสิ่ งมีชีวิต
จำกกำรแยกกัน ของโครโมโซมไปยัง ขั้ว เซลล์แ ต่ล ะข้ำ งมี
โครโมโซมเหลือเพียงครึ่ งหนึ่ งของเซลล์เดิม
- 19. ระยะเทโลเฟส I (telophase I)
- ในระยะนี้ จะมีโครโมโซม 2 กลุ่มแต่ละกลุ่มจะมีจำนวน
โครโมโซมเพีย งครึ่ งหนึ่ ง ของเซลล์เ ดิม แต่ล ะเซลล์มี
โครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์
- 20. 2. ไมโอซีส ครั้ งที่ 2 (meiosis II ) เกิดต่อเนื่ องไปเลยไม่มีพกและ
ั
ผ่ำนระยะอินเทอร์ เฟสไป ไม่มีกำรจำลองโครโมโซมใหม่อีก เริ่ ม
มีกำรเปลี่ยนแปลงดังนี้
ระยะโพรเฟส II (prophase II)
- แต่ละโครโมโซมในนิ วเคลียส แยกเป็ น 2 โครมำทิด มี เซนโทร
เมีย ร์ ย ึด ไว้ เซนทริ โ อลแยกออกไปขั้ว เซลล์ท้ัง 2 ข้ำ ง มีเ ส้น
ั
ใยสปิ นเดิลยึด เซนโทรเมียร์ กบขั้วเซลล์ เยื่อหุ ้มนิ วเคลียสและนิ
วคลีโอลัสสลำยไป
- 22. ระยะแอนาเฟส II (anaphase II)
- เส้นใยสปิ นเดิลหดตัวสั้นเข้ำและดึงให้โครมำทิดของ
แต่ล ะโครโมโซมแยกออกจำกกัน ไปขั้ว เซลล์ต รงกัน
ข้ำม
- 23. ระยะเทโลเฟส II (terophase II)
- เกิดนิ วคลีโอลัส เยื่อหุ ้มนิ วเคลียสล้อมรอบ โครมำทิด
กลุ่มใหญ่ แต่ละโครมำทิดก็คือ โครโมโซม นั้นเอง เมื่อ
จบกำรแบ่งเซลล์ในระยะเทโลเฟส 2 แล้วได้เซลล์ใหม่ 4
เซลล์ แต่ละเซลล์มีโครโมโซมเป็ นแฮพลอยด์