More Related Content
Similar to งานอุปสมบท(หน้าที่พลเมือง) (9)
งานอุปสมบท(หน้าที่พลเมือง)
- 2. อุปสมบท หมายถึง การเข้าถึง คือการบวช เป็นศัพท์เฉพาะในศาสนา
พุทธ ใช้หมายถึงการบวชเป็ นภิกษุและภิกษุณี เรียกเต็มว่า อุปสมบทกรรม
อุปสมบทเป็นสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรง
วางหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติไว้รัดกุมและละเอียดมาก ทั้งนี้เพื่อให้
ได้ศาสนทายาทที่ดีไว้สืบสานพระพุทธศาสนา ในประเทศไทยจะถือเป็ น
ประเพณีเลยว่า ลูกชายของครอบครัวเป็นพุทธต้องบวชสักครั้งในชีวิตเพื่อให้
แม่เกาะชายผ้าเหลือง ชดใช้ค่าน้านม อันเป็นสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาโดย
เปลี่ยนจากผู้นับถือพระรัตนตรัยขึ้นไปเป็ นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย
ความหมายของการอุปสมบท
- 4. มีการอุปสมบทที่พิเศษแตกต่างไปจากนี้ เช่น การประทานโอวาท ๓
ประการแก่พระมหากัสสปะ การให้อุปสมบทด้วยการประทานครุธรรม๘
ประการ แก่พระนางกีสาโคตมี และทรงเปลี่ยนให้การบวชแบบติสรณคมนูป
สัมปทา ให้เป็นรูปแบบการบวชของสามเณร สามเณรี สิกขมานา แทน
ส่วนคาว่า บรรพชา ซึ่งหมายถึงการบวชเป็ นสามเณรสามเณรี สิกขมานา
แม่ชี และพราหมณ์ (ผู้ถืออุโบสถศีล) ส่วนอาชีวัฏฐมกศีลแม้บางคนอาจถือ
แล้วนุ่งขาวปฏิบัติธรรม แต่จะไม่ใช่การบรรพชาแต่เป็นเพียงการรับศีลที่สูง
กว่าปัญจศีลเท่านั้น
ประเภทของการอุปสมบท (ต่อ)
- 6. ก่อนที่เราจะไปศึกษาในเรื่องของขั้นตอนการบวชพระ จะขอกล่าวถึงพิธี
การบวชพระที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบอุกาสะ และ
แบบเอสาหัง โดยคาว่า "อุกาสะ" แปลว่า ขอโอกาส ส่วนคาว่า "เอสาหัง"
แปลว่า ข้าพเจ้านั้น ในประเทศไทยการบวชพระแบบอุ กาสะนั้น จะใช้ กันใน
คณะสงฆ์ฝ่ ายมหานิกาย ซึ่งเป็นแบบเดิมที่ใช้กันมาแต่โบราณกาล ส่วนการ
บวชพระแบบเอสาหัง จะใช้ในคณะสงฆ์ธรรมยุตินิกาย โดยการประยุกต์มา
จากแบบอุกาสะเพื่อย่อขั้นตอนให้สั้นขึ้น มีใช้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระ
บาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยยึดรูปแบบมาจากพระสงฆ์ประเทศ
พม่า
ขั้นตอนการบวชพระทาอย่างไร
- 10. ท่านละ 1 ครั้ง (ไม่แบมือ) แล้วรับ
มอบผ้าไตรจากมารดาบิดาญาติ
ผู้ใหญ่
3.กราบมารดา-บิดา
- 12. จัดเป็ นขบวนแห่อย่างเอิกเกริก ให้
เจ้านาคขี่ม้ามีกลดกั้น ให้มารดาเป็ นผู้
อุ้มไตรจีวร บิดาอุ้มบาตรและถือ
ตาลปัตร ญาติพี่น้องต่างก็ถือเครื่อง
อัฐบริขารและสิ่งของอื่น ตลอดจนเครื่อง
ไทยธรรม ผู้ที่ไปร่วมงานก็ช่วยกันถือ
สิ่งของด้วย จัดเป็ นแถวแนวตามลาดับ
ขบวนเดินตามเจ้านาคไป ขณะออกจาก
บ้านจะมีการโห่ร้อง ๓ ลา เมื่อเคลื่อน
ขบวน บางรายก็มีกลองเถิดเทิง หรือแตร
วง พวกรากระบี่กระบองและแสดงละคร
จาอวด แต่งแฟนซี แห่นาหน้าเจ้านาคไป
จึงเรียกกันว่า “แห่นาค”
5.การแห่นาค
- 13. ก่อนเข้าโบสถ์ เจ้านาคจุดธูป
เทียนบูชาเสมาหน้าโบสถ์ ซึ่งถือว่า
เสมานั้นเป็ นเครื่องหมายสาคัญทาง
พระพุทธศาสนา เพราะโบสถ์ทุกแห่ง
ต้องมีเสมาตั้งไว้โดยรอบทั้ง ๘ ทิศ
เพื่อแสดงเขตของพระพุทธ ซึ่งเรียก
กันว่า “พัทธสีมา” แปลว่า เขตที่
ผูกพันแล้ว ผู้ที่ย่างเข้าไปในเขตพัทธ
สีมาต้องสารวมกาย วาจา ให้
เรียบร้อย รองเท้าที่ใส่ก็ควรถอดออก
ถือไป ฉะนั้น การบูชาเสมาก็คือการ
แสดงความเคารพและราลึกถึง
พระพุทธเจ้าโดยตรง
6.การบูชาเสมา
- 14. เมื่อบูชาเสมาเสร็จแล้วนาคก็เข้าโบสถ์ บิดามารดาจูงมือนาคเข้าโบสถ์ โดย
มารดาอยู่เบื้องขวา บิดาอยู่เบื้องซ้ายเสมอไป เป็นการจูงนาคไปถวายพระสงฆ์
มิใช่นาคจูงบิดามารดาไปสวรรค์ ตามที่คนบางคนเข้าใจ ครั้นนาคเข้าไปในพระ
อุโบสถแล้ว ก็จุดธูปเทียนบูชาพระ บิดามารดาตลอดจนญาติและมิตรสหายทั้ง
ปวงก็เข้าไปนั่งในพระอุโบสถด้วย จวนได้เวลาเจ้านาคก็มากราบบิดามารดา รับ
ผ้าไตรจีวร อุ้มเข้าไปขอบรรพชาต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ รับโอวาทแล้วออกมา
ครองผ้าและเข้าไปรับศีลจากพระอาจารย์(องค์คู่สวด) ท้ายอาสน์สงฆ์ นาคจะ
ได้ภาวะเป็นสามเณรในระยะนี้ เสร็จการรับศีลแล้ว ก็อุ้มบาตรเข้าไปหา
อุปัชฌาย์อีก ประเคนบาตรแล้วขอนิสสัย คู่สวดก็เอาบาตรคล้องให้เจ้านาค
แล้วบอกชื่อบาตร จีวร เป็นต้น เป็นภาษาบาลี ต่อจากนี้พระผู้เป็นคู่สวดจะบอก
ให้นาคออกไปยืน ณ ที่แห่งหนึ่งโดยระยะประมาณห่างจากสงฆ์ ๑๒ ศอก ใน
ระหว่างที่เดินไปนั้น นาคจะต้องเดินประนมมือออกไป
7.นาคเข้าโบสถ์ตอนบวช
- 16. เสร็จแล้วอุปัชฌาย์ ก็จะบอกอนุศาสน์ ๘ อย่าง
ที่เรียกว่าอนุศาสน์คือคาสอนพระบวชใหม่ให้รู้จักกรณียะ(สิ่งที่ควรกระทา)
เบื้องต้น ๔ อย่าง
1.เที่ยวบิณฑบาต 2.นุ่งห่มผ้าบังสุกุล
3.อยู่โคนไม้ 4.ฉันยาดองด้วยน้ามูตรเน่า
และให้รู้อกรณีย์(สิ่งที่ไม่ควรทา)อีก ๔ อย่าง
1.เสพเมถุน 2.ลักของเขา
3.ฆ่าสัตว์(ฆ่ามนุษย์) 4.โอ้อวดคุณวิเศษซึ่งไม่มีในตน
7.นาคเข้าโบสถ์ตอนบวช
- 17. นอกจากนี้ก็บอก ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา เมื่อพระ
อุปัชฌาย์บอกไตรสิกขาจบแล้ว พระภิกษุใหม่ก็ออกมานั่งรับเครื่องไทยธรรม
เสร็จแล้วกลับไปนั่ง ณ ที่เดิม เจ้าภาพจัดการถวายเครื่องไทยธรรมแก่พระ
อุปัชฌาย์ พระคู่สวด และพระอันดับทั้งปวง
เสร็จแล้วพระอุปัชฌาย์ท่านเริ่มอนุโมทนา เมื่อท่านว่า”ยะถา” พระภิกษุ
ใหม่กรวดน้าอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ตลอดจนถึงสรรพสัตว์ทั้ง
ปวง พอพระท่านสวด”สัพพีติโย” ก็นั่งประนมมือรับพรต่อไปจนจบ แล้ว
กราบพระ นับว่าเสร็จสิ้นพิธีอุปสมบทเท่านี้
7.นาคเข้าโบสถ์ตอนบวช