More Related Content Similar to จักราวุธ ใบประกอบวิชาชีพครู จรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพครู ได้รับความอนุเคราะห์จาก รก.เลขาธิ Similar to จักราวุธ ใบประกอบวิชาชีพครู จรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพครู ได้รับความอนุเคราะห์จาก รก.เลขาธิ (20) More from นายจักราวุธ คำทวี More from นายจักราวุธ คำทวี (20) จักราวุธ ใบประกอบวิชาชีพครู จรรยาบรรณ มาตรฐานวิชาชีพครู ได้รับความอนุเคราะห์จาก รก.เลขาธิ3. ความเป็ นมาของคุรุสภา
ปี พุทธศักราช ๒๔๘๘
นายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ในขณะนั้น ได้เล็งเห็นถึงปั ญหาวิกฤตในวิชาชีพครู กล่าวคือ
คนดี คนเก่ง ไม่อยากเรียนครู และ
ครูเก่ง ครูดี ได้ละทิ้งอาชีพครูไปประกอบอาชีพอื่น
จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช ๒๔๘๘
4. สาระสาคัญของพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช ๒๔๘๘
ให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า “คุรุสภา” มีฐานะเป็ นนิติบุคคล
มีอานาจหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษาและวิชาการทั่วไป
แก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยา มรรยาท และวินัยของครู
รักษาผลประโยชน์และส่งเสริมสวัสดิการ พัฒนาความรู้ ความสามารถ
คุณภาพและประสิทธิภาพของครู
กล่าวโดยสรุปภารกิจของคุรุสภาตามพระราชบัญญัติครู ฯ
๑. การส่งเสริมและพัฒนาครูและวิชาชีพครู
๒. การรักษาผลประโยชน์และส่งเสริมสวัสดิการครู
5. ความเป็ นมาของคุรุสภา (ต่อ)
ปี พุทธศักราช ๒๕๔๒ : พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๕๓ กาหนดให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็ นองค์กรอิสระ ภายใต้การบริหาร
ของสภาวิชาชีพ ในกากับกระทรวง มีอานาจหน้าที่กาหนดมาตรฐาน
วิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาต กากับดูแลการปฏิบัติตาม
มาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพ
มาตรา ๗๓ ให้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติครู
พุทธศักราช ๒๔๘๘
6. ความเป็ นมาของคุรุสภา (ต่อ)
ปี พุทธศักราช ๒๕๔๖ : พระราชบัญญัติสภาครูและ
บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖
พัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากร
ทางการศึกษา ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเหมาะสมกับการเป็ นวิชาชีพชั้นสูง
ปรับสภาในกระทรวงศึกษาธิการเป็ นองค์กรวิชาชีพครู
สืบทอดประวัติศาสตร์และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งคุรุสภา
ให้เป็ นสภาวิชาชีพครูต่อไป
7. สาระสาคัญของพระราชบัญญัติ : กาหนดให้มีองค์กร ๒ องค์กร
สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า คุรุสภา มีฐานะเป็ นนิติบุคคล
อยู่ในกากับของกระทรวงศึกษาธิการ มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการกาหนด
มาตรฐานวิชาชีพ ควบคุม และรักษามาตรฐานวิชาชีพ
สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และ
บุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) มีฐานะเป็ นนิติบุคคล อยู่ในกากับของ
กระทรวงศึกษาธิการ มีอานาจหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสวัสดิการ
สวัสดิภาพ และสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา
8. คุรุสภา : สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๖
มาตรา ๗ : ให้มีสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เรียกว่า “คุรุสภา”
มีวัตถุประสงค์และอานาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้
ในพระราชบัญญัตินี้ มีฐานะเป็ นนิติบุคคล ในกากับของ
กระทรวงศึกษาธิการ
11. อานาจหน้าที่ของคุรุสภา (มาตรา ๙) (ต่อ)
รับรองปริญญา ประกาศนียบัตร หรือวุฒิบัตรของสถาบันต่าง ๆ
ตามมาตรฐานวิชาชีพ
รับรองความรู้และประสบการณ์ทางวิชาชีพ รวมทั้งความชานาญ
ในการประกอบวิชาชีพ
ส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ
เป็ นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาของประเทศไทย
ออกข้อบังคับคุรุสภาเกี่ยวกับการดาเนินงานตามภารกิจที่กาหนดในกฎหมาย
12. อานาจหน้าที่ของคุรุสภา (มาตรา ๙) (ต่อ)
ให้คาปรึกษาหรือเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายหรือ
ปั ญหาการพัฒนาวิชาชีพ
ให้คาแนะนาหรือเสนอความคิดเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับการประกอบ
วิชาชีพ หรือการออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศ
ดาเนินการให้เป็ นไปตามวัตถุประสงค์ของคุรุสภา
กาหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อกระทาการใด ๆ อันอยู่ในอานาจหน้าที่
ของคุรุสภา
14. 1. ประธานกรรมการคุรุสภา - การสรรหา
องค์ประกอบและวิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการคุรุสภา
2. กรรมการโดยตาแหน่ง 8 คน ตามมาตรา 12 (2)
3. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน - การสรรหา
4. กรรมการจากคณบดี ฯ 4 คน- การเลือกกันเอง
5. กรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพ 19 คน - การเลือกตั้ง
6. เลขาธิการคุรุสภา - เลขานุการ
15. 1. ประธานกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ - รัฐมนตรีแต่งตั้ง
องค์ประกอบและวิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ
2. กรรมการโดยตาแหน่ง 3 คน ตามมาตรา 21 (2)
3. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน - การสรรหา
4. กรรมการจากคณาจารย์ ฯ 2 คน- การเลือกกันเอง
5. กรรมการจากผู้ประกอบวิชาชีพ 6 คน - การเลือกตั้ง
6. เลขาธิการคุรุสภา - กรรมการและเลขานุการ
21. บทบัญญัติตาม พ.ร.บ. สภาครู ฯ
มาตรา ๔๙ ให้มีข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ ประกอบด้วย
มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
มาตรฐานการปฏิบัติงาน
มาตรฐานการปฏิบัติตน
22. มาตรา ๕๐ มาตรฐานการปฏิบัติตน ให้กาหนดเป็ นข้อบังคับ
ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ
ประกอบด้วย
จรรยาบรรณต่อตนเอง
จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
จรรยาบรรณต่อสังคม
44. พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
ประพฤติตนเหมาะสมกับสถานภาพและเป็ นแบบอย่างที่ดี
ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สาเร็จอย่างมีคุณภาพ
ตามเป้ าหมายที่กาหนด
ศึกษา หาความรู้ วางแผนพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และ
สะสมผลงานอย่างสม่าเสมอ
ค้นคว้า แสวงหา และนาเทคนิคด้านวิชาชีพที่พัฒนาและก้าวหน้า
เป็ นที่ยอมรับมาใช้แก่ศิษย์และผู้รับบริการให้เกิดผลสัมฤทธิ์
ที่พึงประสงค์
47. พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของวิชาชีพ
รักษาชื่อเสียงและปกป้ องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ
ยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้สาธารณชนรับรู้
.
อุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพ
เข้าร่วมกิจกรรมของวิชาชีพหรือองค์กรวิชาชีพอย่างสร้างสรรค์
50. พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
ให้คาปรึกษาหรือช่วยเหลือศิษย์และผู้รับบริการด้วยความเมตตา
กรุณา
อย่างเต็มกาลังความสามารถและเสมอภาค
สนับสนุนการดาเนินงานเพื่อปกป้ องสิทธิเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาส
ตั้งใจ เสียสละ และอุทิศตน เพื่อให้ศิษย์และผู้รับบริการได้รับการพัฒนา
ตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจของแต่ละบุคคล
ส่งเสริมให้ศิษย์และผู้รับบริการสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
ให้ศิษย์และผู้รับบริการมีส่วนร่วมวางแผนการเรียนรู้และเลือกวิธีปฏิบัติ
เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ศิษย์และผู้รับบริการด้วยการรับฟั ง
ความคิดเห็น ยกย่อง ชมเชย และให้กาลังใจอย่างกัลยาณมิตร
51. พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
ลงโทษศิษย์อย่างไม่เหมาะสม
ไม่ใส่ใจหรือไม่รับรู้ปั ญหาของศิษย์หรือผู้รับบริการจนเกิด
ผลเสียหายต่อศิษย์หรือผู้รับบริการ
ดูหมิ่นเหยียดหยามศิษย์หรือผู้รับบริการ
เปิ ดเผยความลับของศิษย์หรือผู้รับบริการ เป็ นผลให้ได้รับ
ความอับอาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง
จูงใจ โน้มน้าว ยุยงส่งเสริมให้ศิษย์หรือผู้รับบริการปฏิบัติขัด
ต่อ
ศีลธรรมหรือกฎระเบียบ
54. พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
ปิ ดบังข้อมูลข่าวสารในการปฏิบัติงานจนทาให้เกิดความเสียหาย
ต่องานหรือผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยตาหนิ ให้ร้ายผู้อื่น
ในความบกพร่องที่เกิดขึ้น
สร้างกลุ่มอิทธิพลภายในองค์การหรือกลั่นแกล้งผู้ร่วม
ประกอบ
วิชาชีพให้เกิดความเสียหาย
เจตนาให้ข้อมูลเท็จทาให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดความเสียหาย
ต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
56. พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ตัวอย่างเช่น
ยึดมั่น สนับสนุน และส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็ นประมุข
นาภูมิปั ญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมมาเป็ นปั จจัยในการจัด
การศึกษาให้เป็ นประโยชน์ต่อส่วนรวม
เป็ นผู้นาในการวางแผนและดาเนินการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
พัฒนาเศรษฐกิจ ภูมิปั ญญาท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม
จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ศิษย์เกิดการเรียนรู้และสามารถดาเนิน
ชีวิต
ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
63. มาตรา ๔๖
ห้ามมิให้ผู้ใดแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตน
มีสิทธิหรือพร้อมจะประกอบวิชาชีพ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต
จากคุรุสภา และห้ามมิให้สถานศึกษารับผู้ไม่ได้รับใบอนุญาต
เข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคุรุสภา
73. ๖. มีวุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาตรี และมีประสบการณ์ในการสอน
มาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี
๗. มีวุฒิต่ากว่าปริญญาตรี และมีประสบการณ์ในการสอน
มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี หรืออยู่ในระหว่างศึกษาให้มี
วุฒิไม่ต่ากว่าปริญญาตรีทางการศึกษาที่คุรุสภารับรอง
สาหรับผู้ที่ไม่มีวุฒิการศึกษา หรือคุณวุฒิและประสบการณ์
วิชาชีพตามที่กาหนดดังกล่าว ให้เสนอคณะกรรมการคุรุสภา
พิจารณาอนุมัติเป็ นรายกรณี
76. ๕. การเป็ นวิทยากรในเรื่องที่เป็ นประโยชน์ต่อ
การจัดการเรียนรู้หรือการจัดการศึกษา
๖. การเขียนตารา หรือบทความ หรือผลงานทางวิชาการ
ในเรื่องที่เป็ นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้
หรือการจัดการศึกษา
๗. การสร้างนวัตกรรมที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้
หรือที่เป็ นประโยชน์ต่อการศึกษา
๘. การทาวิจัยในเรื่องที่เป็ นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้
และการจัดการศึกษา
80. มาตรา ๗๘ ผู้ใดฝ่ าฝืนมาตรา ๔๓ คือ
ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตจากคุรุสภา
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือ
ปรับไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท หรือ
หรือทั้งจาทั้งปรับ
บทกาหนดโทษผู้ประกอบวิชาชีพ
โดยไม่มีใบอนุญาต
81. มาตรา ๗๙ ผู้ใดฝ่ าฝืน
“มาตรา ๔๖ คือ แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือ
พร้อมที่จะประกอบวิชาชีพ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา
และสถานศึกษารับผู้ไม่ได้รับใบอนุญาตเข้าประกอบวิชาชีพ
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา” หรือ
มาตรา ๕๖ คือ ประกอบวิชาชีพควบคุม หรือแสดงให้ผู้อื่น
เข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมจะประกอบวิชาชีพควบคุม
ระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน ๓ ปี หรือ
ปรับไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรือ
หรือทั้งจาทั้งปรับ
91. มาตรา ๓๐
ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากร
ทางการศึกษา สาหรับการเป็ นผู้ประกอบวิชาชีพครู
และบุคลากรทางการศึกษา ผู้ซึ่งจะเข้ารับราชการ
เป็ นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้
ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป
ดังต่อไปนี้
... (๖) ไม่เป็ นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ
ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัตินี้
หรือตามกฎหมายอื่น หรือถูกสั่งพักหรือเพิกถอน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด
ในกฎหมายองค์กรวิชาชีพนั้น ๆ
95. มาตรา ๑๐๙
เมื่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดถูกสั่ง
เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่มีกรณีเป็ นผู้ถูกสั่ง
ให้ออกราชการตามมาตราอื่น และผู้บังคับบัญชาพิจารณาเห็นว่า
ผู้นั้นมีความเหมาะสมที่จะบรรจุและแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งดังกล่าว
และไม่เป็ นผู้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๓๐ และ มาตรา ๔๒
ให้ส่งเรื่องเสนอเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ไปดารงตาแหน่งอื่น
ที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ภายใน ๓๐ วัน
ภายในระยะเวลา ๓๐ วัน ถ้าหน่วยงานการศึกษาใดไม่มี
ตาแหน่งว่างหรือตาแหน่งที่สามารถย้ายไปแต่งตั้งให้ดารง
ตาแหน่งได้ ผู้นั้นจะต้องถูกสั่งให้ออกจากราชการโดยพลัน
106. รอบรู้
รู้กฎหมาย
รู้หลักสูตร/เนื้อหาวิชาที่สอน
รู้เทคนิคการสอน
รู้จิตวิทยา
รู้หลักการวัดและประเมินผล
รู้เรื่องวิชาชีพ/องค์กรวิชาชีพ
รู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัว
รู้เรื่องการวิจัยและสารสนเทศ
สอนดี
จัดกระบวนการเรียนรู้
โดยยึดผู้เรียนเป็ นสาคัญ
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนคิดปฏิบัติ/
เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นทุกเวลา
จัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้พัฒนา
ตนเอง
สอนความเป็ นคนดี
ลักษณะของครูมืออาชีพ
113. ข้อคิดในการเตรียมตัวเป็ นครูที่ดี
ของ คุณหญิงเบญจา แสงมะลิ
๑. นักรัก รักเด็ก ในเวลาเดียวกันต้องรู้จักทาตัวให้เด็กรัก
๒. นักเล่น
ร้องเพลงเด็กง่าย ๆ ได้ มีอารมณ์ร่วมขณะร้องเพลงกับเด็ก
เป็ นคนยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ร่วมตื่นเต้น ร่วมเล่นกับ
ทาท่าประกอบจังหวะเพลง รู้จักดัดแปลงท่าราให้เหมาะสม
กับวัยและความสามารถของเด็ก
๓. นักร้อง
๔. นักรา
๕. นักเล่า เล่านิทานให้เด็กฟั งได้ เพราะนิทานเป็ นสิ่งที่เด็กชอบ
114. ๖. นักคิด คิดหาวิธีเร้าความสนใจ คิดกิจกรรมที่ส่งเสริมเด็ก
ให้เกิดการเรียนรู้
๗. นักทา
จัดสภาพแวดล้อม หาสื่อที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดความฝั น
จินตนาการ ให้เด็กได้เล่นสมมติ
ทาสื่อการเรียนการสอน ทาของเล่นสาหรับเด็ก
รู้จักตกแต่งสถานที่ สิ่งของเครื่องใช้ ให้ทุกอย่างสวยงาม
น่าดู น่าใช้ น่าสนใจ น่าฟั ง และน่าสัมผัส ให้เหมาะสมกับ
สภาพและความสนใจของเด็ก
๘. นักฝั น
๙. นักแต่ง
จะต้องเป็ นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เป็ นนักแต่งเพลง แต่งนิทาน ด้วย
115. ทัศนะเกี่ยวกับครูที่ดีของพุทธทาสภิกขุ
๑. ครูดี คือ ผู้นาทางวัตถุ
- การเป็ นผู้นาใน ๔ ประการ
เป็ นผู้นาในการแสวงหาอย่างถูกต้อง
เป็ นผู้นาในการเสวยผลอย่างถูกต้อง
เป็ นผู้นาในการเป็ นอยู่อย่างถูกต้อง
เป็ นผู้นาในการใช้ชีวิตให้เป็ นประโยชน์
ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
116. ทัศนะเกี่ยวกับครูที่ดีของพุทธทาสภิกขุ
๒. เป็ นผู้นาทางวิญญาณ –
ความเป็ นผู้นาในเรื่องจิตใจ ๔ ประการ
มีความเข้าใจในกฎอิทิปปัจจัยตา –มองเห็นตาม
ความเป็ นจริงว่า ทุกสิ่งเป็ นไปตามเหตุ-ปัจจัย
มีความเข้าใจกฎตถตา - ทุกสิ่งเป็ นไปตาม
ธรรมชาติ
มีความเป็ นอยู่อย่างไม่มีอุปสรรค
มีความเป็ นอยู่อย่างไม่มีทุกข์
120. แนะ การบอกให้รู้ในเรื่องที่จาเป็ นต้องรู้
นา
ห้ามในสิ่งที่เป็ นอันตราย และให้มีวินัยกากับ
ครูต้องทาดีให้ผู้เรียนเห็นเป็ นแบบอย่าง
สั่ง
สอน ทาให้ศิษย์เข้าใจเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง
ฝึก
ฝน
อบ
รม
ฝึกศิษย์ให้สามารถนาความรู้มาปฏิบัติจนสามารถทาได้ ทาเป็ น
ฝึกศิษย์ให้มีความสามารถจนมีความเชี่ยวชาญ เป็ นศิลป์
ฝึกศิษย์ให้ประพฤติแต่สิ่งที่ดีงาม เพื่อเป็ นผู้ที่หอมด้วยศีลธรรม
ฝึกศิษย์ให้ขยันทาดี ขยันเรียน จนเป็ นนิสัย
126. ลักษณะของครู
ครูมาสาย คติประจาใจ คือ
- สอนน้อยหน่อย สายมากหน่อย อร่อยกาลังเหมาะ
ครูค้าขาย คติประจาใจ คือ
- ครูที่มีความเพียร ต้องทาโรงเรียนให้เป็ นตลาด
ครูที่มีความสามารถ ต้องทาตลาดให้เป็ นโรงเรียน
ครูคุณนาย คติประจาใจ คือ- อยู่อย่างคุณนาย
สบายทุกอย่าง หนทางสะดวก พรรคมากมี
127. ลักษณะของครู
ครูสุราบาล คติประจาใจ คือ
- ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์เกียจคร้าน
อังคารหยุด พุธลา พฤหัสมาก้มหน้าไม่สู้คน
ครูเกียจคร้าน คติประจาใจ คือ
- สอนมั่ง ไม่สอนมั่ง สตางค์เท่าเดิม
ครูหัวโบราณ คติประจาใจ คือ
- คิดเป็ นก็คิดไป แก้ปัญหาเป็ นก็แก้ปัญหาไป
แต่ฉันจะสอนอย่างไร ใครอย่ามายุ่งกับฉัน
128. ลักษณะของครู
ครูปากม้า คติประจาใจ คือ
- นินทาวันละมาก ๆ ปากผ่องใส
ครูหน้าใหญ่ คติประจาใจ คือ
- ใหญ่ที่โรงเรียน ไปเป็ นเสมียนที่อาเภอ
เห่อเจ้านายได้สองขั้น
ครูไร้อบาย คติประจาใจ คือ
- ทางานไม่เกี่ยงงอน สอนเต็มหลักสูตรอย่างเคร่งครัด
133. ลักษณะครูที่นักเรียนชอบ
๖. อธิบายได้ชัดเจน เข้าใจ ใช้ภาษาที่ง่าย เสียงดังฟังชัด
๗. มีวิธีการพูดที่น่าสนใจ สนุก ไม่พูดเร็วหรือช้า
หรือ Monotone
๘. กระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสอน
ถาม/ตอบ ให้คิด/ไม่ใช่ให้จา
๙. สนใจสังเกตผู้เรียนว่าเข้าใจหรือไม่ มิใช่เอาแต่สอน
135. ลักษณะครูที่นักเรียนไม่ชอบ
๖. พูดเร็วมาก ๆ ไม่สนใจนักเรียนจะทันหรือไม่ทัน
เข้าหรือไม่เข้าใจ ไม่สื่อสารกับนักเรียน
๗. น้าเสียง Monotone ตลอดเวลา สอนไปเรื่อย ๆ
ไม่เน้นว่าจุดใดต้องรู้ ควรรู้ น่ารู้ จุดใดสาคัญ
๘. พูดวกวนไปมา ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
137. ๔ รู้ ๕ ว. สาหรับครูมืออาชีพ
๔ รู้ ๕ ว.
รู้จักรัก วินัย
รู้จักให้ วิชา
รู้จักอภัย วิธี
รู้จักเสียสละ วิจารณญาณ
เวลา
139. คาปฏิญาณตน (วันครู ๑๖ มกราคม)
ข้อ ๑ ข้าจะบาเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็ นครู
ข้อ ๒
ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครู
และบาเพ็ญตนให้เป็ นประโยชน์แก่สังคม
ข้าจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็ นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ ๓