SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
Download to read offline
เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553
สถาบันปั้นน้อง 1
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
1. ตอบข้อ 3
มาดูข้อ 1.กันก่อนครับ A-B คือตัวที่อยู่ใน A แต่ไม่อยู่ใน B นั่นคือ A-B = {1,2,3,4,5} ซึ่งมีสมาชิก 5 ตัว ดังนั้นข้อ 1 จึงถูกต้อง
ต่อมาเรามาดูข้อ 2 กัน B-A คือตัวที่อยู่ใน B แต่ไม่อยู่ใน A นั่นคือเราต้องตัด 6,7,8,…. ออกจาก B ทั้งหมด ทาให้ B-A =
{{1,2},{3,4,5}} ซึ่งมีสมาชิก 2 ตัว ดังนั้นสมาชิกของเพาเวอร์เซตของ B-A เท่ากับ 22
= 4 สรุปว่าข้อ 2 ก็ยังถูกต้อง
มาดูข้อ 3. (A-B) (B-A) = {1,2,3,4,5,{1,2},{3,4,5}} มีสมาชิกทั้งหมด 7 ตัว ซึ่งไม่ใช่จานวนคู่ ดังนั้นข้อ 3 ผิด ฮั่นแน่ เราเจอละ
ตอบข้อนี้ได้เลย ถ้าขยันหน่อยก็ดูข้อ 4 ต่อกันเลยครับ A B = {6,7,8,…} เป็นจานวนนับที่มากกว่า 5 ดังนั้นข้อ 4 ถูก
2. ตอบข้อ 3
เรามาพิจารณาสิ่งที่โจทย์ให้มาคือ 1 เหตุ และ 1 ผล
เหตุ : เห็ดเป็นพืชมีดอก ผล : เห็ดเป็นพืชชั้นสูง เราจะสังเกตได้ว่ามีอยู่ 3 คาได้แก่ เห็ด พืชมีดอก และพืชชั้นสูง แต่ที่แน่ๆ
ตอนนี้เรารู้ว่า เห็ดเป็นพืชมีดอก ถ้าเราอยากจะให้เห็ดเป็นพืชชั้นสูงด้วย เราต้องกาหนดว่าพืชมีดอกทุกชนิดจะต้องเป็นพืชชั้นสูง
ดังนั้นเราตอบข้อ 3
3. ตอบข้อ 1
ทศนิยมไม่รู้จบมี 2 ประเภทคือ
หนึ่ง --- ทศนิยมไม่รู้จบแบบซ้า (หรือแบบมีรูปแบบ) เช่น 0.33333…. , 0.535353… ซึ่งเป็นจานวนตรรกยะ
สอง --- ทศนิยมไม่รู้จบแบบไม่ซ้าหรือไม่มีรูปแบบ เช่น ค่า = 3.14159… ซึ่งจะมีทศนิยมไม่ซ้ากันเลย เราเรียกจานวนนี้ว่า
จานวนอตรรกยะ
ดังนั้นข้อ ก. ที่ว่าทศนิยมไม่รู้จบบางจานวนเป็นจานวนอตรรกยะจึงเป็นจริง เพราะใช้คาว่า บางจานวน ส่วนข้อ ข. นั้นคือ ทศนิยมไม่
รู้จบบางจานวนเป็นจานวนตรรกยะ ข้อ ข. ก็จริงเช่นกันเพราะใช้คาว่าบางจานวน ดังนั้นตอบข้อ 1 คือถูกทั้งข้อ ก.และ ข.
4. ตอบข้อ 3
กาหนด ให้ s < t และ u < v เราเอา -1 คูณตลอด จะได้ว่า –t < -s และ –v < -u ดังนั้นลองเอา s < t มาบวกกับ –v < -u จะได้ s-v
< t-u ทาให้ข้อ ข. เป็นจริง ส่วนข้อ ก. นั้นไม่จาเป็นจะต้องเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น ถ้า s=10, t=20 และ u=9, v=100 เราจะได้ว่า s-u
= 10-9 = 1 และ t-v = 20-100 = -80 ซึ่งจะเห็นได้ว่า s-u > t-v
5. ตอบข้อ 4
จาก |a| = a หรือ –a ดังนั้นเราจะสามารถหาคาตอบของสมการได้สองคาตอบ คือ
และ ดังนั้น x= 4.5 และ 5.5 ตามลาดับ ซึ่งอยู่ในช่วง (-3,6) ตามข้อ 4
6. ตอบข้อ 1
วิธีที่1 เนื่องจาก เป็นผลเฉลยของสมการ ดังนั้น จะต้องเป็นหนึ่งในตัวประกอบของ
ดังนั้น โดยผลเฉลยอีกตัวหนึ่งคือ
จากนั้นเปรียบเทียบสัมประสิทธิ์หน้า x แต่ละดีกรี จะได้ว่า
พจน์แรก ทาให้ และพจน์ที่ 3 ได้ ทาให้ และพจน์ที่ 2 จะได้
ดังนั้นผลเฉลยอีกตัวหนึ่งคือ
วิธีที่ 2 พิจารณาสมการ ซึ่งมีผลเฉลยคือ a และ b และเมื่อคูณกระจายออกมา เราจะได้
ดังนั้นเราจึงสรุปว่าได้ว่า สัมประสิทธิ์หน้า x จะมีค่าเท่ากับค่าติดลบของผลบวกของผลเฉลย และพจน์สุดท้ายคือ ผลคูณของผลเฉลย
เมื่อเราย้อนกลับมาพิจารณา และถ้าเราเอา 4 หารตลอดเพื่อจะทาให้สัมประสิทธิ์หน้า เป็น 1 เราจะได้
ดังนั้นเราจะได้ผลคูณของผลเฉลยเท่ากับ ดังนั้นถ้าผลเฉลยตัวหนึ่งคือ อีกผลเฉลยหนึ่งจะเท่ากับ
ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์
2 สถาบันปั้นน้อง
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
7. ตอบข้อ 2
ดังนั้นตอบข้อ 2
8. ตอบข้อ 1
พิจารณา , และ ดังนั้น
ทาให้
9. ตอบข้อ 1
เนื่องจากว่าโจทย์กาหนดให้ a เป็นจานวนจริงบวก (a>0) และ n เป็นจานวนคู่บวก ทาให้ หรือในทานอง
เดียวกัน ดังนั้นถูกทั้งข้อ ก.และ ข.
***เพิ่มเติม : ถ้าโจทย์ไม่ได้กาหนดว่า a เป็นจานวนจริงบวกและไม่ได้กาหนดว่า n เป็นจานวนคู่บวก แต่กาหนดแค่ว่า a เป็นจานวน
จริง และ n เป็นจานวนเต็มบวก จะทาให้ a สามารถติดลบได้ เราสามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้
>> ถ้า n เป็นจานวนคู่บวก จะทาให้ ไม่เป็นจานวนจริง ส่งผลให้ข้อ ก. ผิดทันที เพราะ |a| เป็นจานวนจริง ส่วน ยังคง
เป็นจานวนจริง และมีค่าเป็นบวกด้วย ดังนั้น นั้นถูกต้อง
>> ถ้า n เป็นจานวนคี่บวก จะทาให้ ยังคงเป็นจานวนจริงแต่จะติดลบ ซึ่งคือ a ซึ่งไม่เท่ากับ |a| ทาให้ข้อ ก. ผิด ส่วนข้อ ข.
ก็เท่ากับ a เช่นกันซึ่งไม่เท่ากับ |a| ดังนั้น ข. ก็ผิด
10. ตอบข้อ 1
เป็นพาราโบลา (parabola) ซึ่งสามารถจัดรูปโดยใช้หลักการทางกาลังสองสัมบูรณ์ดังนี้
ทาให้ได้ว่าพาราโบลานี้เป็นแบบคว่า โดยมีจุดสูงสุดคือ (หรือจุดวกกลับนั่นเอง) ดังนั้นเราสรุปได้ว่าข้อ 2 ,3 และ 4 ผิดหมด
ต่อไปเรามาเช็คว่า 1 ถูกจริงหรือไม่ ดังนี้
ต่อมาเรามาเขียนเส้นจานวน
ได้ว่า เมื่อ ดังนั้น 1 ถูกต้อง
-1 2
- + -
เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553
สถาบันปั้นน้อง 3
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
11. ตอบข้อ 4 วิธีดูว่าอันไหนเป็นฟังก์ชั่น ใช้หลักง่ายๆก็คือ ถ้าหน้า(x) ตัวหนึ่งจะต้องมีคู่ของมัน (y) ได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น ดังนั้น ข้อ 1
เราเจอ (2,3) และ (2,4) ดังนั้น ไม่ใช่ฟังก์ชั่น ต่อมาดูข้อ 2 เราเจอ (3,1) และ (3,3) ดังนั้นไม่ใช่ฟังก์ชั่น ข้อ 3 เราพบว่า 1 มีคู่ตั้ง 4
ตัว ดังนั้นก็ไม่ใช่ฟังก์ชั่นอีก ดังนั้นตอบข้อ 4 เพราะถูกต้องตามนิยามฟังก์ชั่น
12.ตอบข้อ 4
โดเมน(Df)ของ หาได้โดยพิจารณาว่าภายในรากที่สองจะต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 0 ดังนั้น หรือ
หรือเขียนได้ในรูป
เรนจ์(Rg)ของ หาได้โดยพิจารณาว่า เสมอ ดังนั้นเรนจ์คือ
หรือ
ดังนั้น Df U Rg =
13.ตอบข้อ 4
วิธีง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการดูจากกราฟเลยครับ (เราสามารถหาสมการของกราฟของ
ฟังก์ชัน f ได้แต่จะเสียเวลามากกว่าดูจากกราฟ)
เราได้ f(-11) = 7, f(-3) = -1 และ f(3) =3 นาไปแทนค่าได้ดังนี้
14.ตอบข้อ 1
พื้นที่สามเหลี่ยมมุมฉากในรูป มีพื้นที่ 600 ตร.ม. ซึ่งมีค่าเท่ากับ ฐาน สูง
ดังนั้น ม. และความยาวด้านประกอบมุมฉากอีกด้านหนึ่งคือ
ม. และความยาวด้านตรงข้ามมุมฉากเท่ากับ 50 ม. เราจะได้เส้นรอบรูปยาวเท่ากับ 30+40+50 = 120 ม.
15.ตอบข้อ 3
โจทย์ให้ขบวนพาเหรดนี้มีอยู่ x แถวและแต่ละแถว ขอสมมติว่าแต่ละ
แถวมีจานวนคนเท่ากับ y คน จากที่โจทย์บอกเราว่าจานวนคนรอบนอก
มีทั้งหมด 50 คน (จุดทึบทั้งหมด) เราจะได้ว่า
(ตัดหัวและตัดท้ายy) และเมื่อทาการลด
รูปเราจะได้ หรือ แต่โจทย์ให้ว่ามี
จานวนคนในพาเหรดทั้งหมดเท่ากับ N คน ซึ่งเท่ากับ xy ดังนั้นเราจะ
ได้ หรือ
-2 3
x
0.75x
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
...
...
...
...
...
...
...
...
x á¶Ç
X แถวตามแนวพาเหรด
ทิศของพาเหรด แต่ละแถวมี y คน
ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์
4 สถาบันปั้นน้อง
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
16.ตอบข้อ 4
จากรูป เราลากเส้นเชื่อม AB และต่อเส้น DC
จากทฤษฎีบทปีธาโกรัส เราจะได้ว่า และ ต่อมาก็
พิจารณา เราจะได้ และ
ความยาวด้านสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ ใช้ทฤษฎีบทปีธาโกรัสอีก
รอบเราจะได้ว่า
ดังนั้น มีความยาวเป็น เท่าของด้านกว้าง
17.ตอบข้อ 2
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า …
ดังนั้นมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกับด้านที่มีความยาวเท่ากับ 7 จะเป็นมุมที่เล็กที่สุด ในที่นี้เราให้เท่ากับ
ลองค่า ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับ 0.961 จากในตาราง ดังนั้น จึงมีค่า
ใกล้เคียงกับ (จาก ) ดังนั้นเราจะได้ว่า มุมที่เล็กที่สุด
จะมีค่าใกล้เคียงกับ
18.ตอบข้อ 3
สมมติให้ด้านที่ยาวอันดับสองยาวเท่ากับ (เพราะว่ามุม มีขนาดเป็นอันดับสอง ดังนั้นมุมตรงข้ามก็จะมี
ความยาวเป็นอันดับสองเช่น) จากรูปเราจะได้ว่าด้านตรงข้ามมุมฉากยาว และด้านที่สั้นที่สุด
ยาว จากที่โจทย์ให้มาคือเส้นรอบรูปสามเหลี่ยมเท่ากับ
ดังนั้น
19. ตอบข้อ 2
ได้ระยะตามแนวนอน ดังรูป ดังนั้น ระยะบนพื้นที่กล้องสามารถมองเห็นได้คือ
ดังนั้นตอบข้อ ข 1.46
A
B
x2x
x
C D
7
24
25
มุมที่เล็กที่สุดคือมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกับด้านที่สั้นที่สุด
เมตร
เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553
สถาบันปั้นน้อง 5
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
20. ตอบข้อ 3
ลาดับเลขคณิตสามารถเขียนได้อยู่ในรูป โดยมี และ ดังนั้น สูตรของลาดับเลขคณิตคือ
โดย ดังนั้น
21. ตอบข้อ 2
พจน์ที่ 40 หรือ
พจน์ที่จะมีค่าเท่ากับ พจน์ที่ 40 จะต้องเป็นพจน์ลาดับเลขคู่ เพราะจะต้องทาให้ เหมือนพจน์ที่ 40 ดังนั้นคาตอบคือ
จานวนคู่ตั้งแต่ 2 จนถึง 40 นั่นเอง ดังนั้นคาตอบคือ ตัว
22. ตอบข้อ 3
ลาดับเรขาคณิตเขียนได้ในรูป โดย
และ ดังนั้น จะได้ว่า และ
จากผลบวกของลาดับเรขาคณิต คือ
ดังนั้น ผลบวก 10 พจน์แรก คือ
23. ตอบข้อ 2
แซมเปิ้ลสเปซ n(S) = โอกาสที่เกิดจากการโยนเหรียญที่ 1 โอกาสที่เกิดจาก
การโยนเหรียญที่ 2 โอกาสที่เกิดจากการโยนเหรียญที่ 3 = 2 x 2 x 2 = 8
ต่อมาเรามาคานวณหาจานวนโอกาสที่เหรียญทั้ง 3 จะออกหน้าแตกต่างกัน มี
เพียง 2 กรณีคือ ขาวแดงฟ้า และ แดงฟ้าขาว ความน่าจะเป็นที่ต้องการคือ
24. ตอบข้อ 2
 ก่อนอื่นเรามาหาแซมเปิ้ลสเปซก่อนเลย
หยิบสลากครั้งที่ 1 จะมีทางเลือกหรือโอกาสได้ทั้งหมด 10 แบบ เมื่อหยิบมาแล้วไม่ใส่คืน จะทาให้เหลือสลากทั้งหมด 9 ใบซึ่งก็คือ
โอกาสในการหยิบครั้งที่ 2 นั่นเอง ดังนั้นจานวนแบบที่จะหยิบสลาก 2 ใบ โดยหยิบทีละใบไม่ใส่คือคือ 10 x 9 = 90 แบบ = n(S)
 จานวนฉลากที่น้อยกว่า 5 มีทั้งหมด 4 สลาก ได้แก่ 1,2,3 และ 4 และจานวนสลากที่มีค่าตั้งแต่ 5 ขึ้นไปมีทั้งหมด 6 สลาก ได้แก่
5,6,7,8,9 และ 10
 กรณีที่ 1 – หยิบครั้งแรก ได้สลากที่น้อยกว่า 5 และหยิบครั้งที่สองที่ได้สลากตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 4 x 6 = 24
เหรียญที่ 1 ขาว แดง
เหรียญที่ 2 แดง ฟ้า
เหรียญที่ 3 ฟ้า ขาว
ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์
6 สถาบันปั้นน้อง
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
 กรณีที่ 2 – หยิบครั้งแรก ได้สลากตั้งแต่ 5 ขึ้นไป และหยิบครั้งที่สองที่ได้สลากที่น้อยกว่า 5 ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 6 x 4 = 24
 ดังนั้นจานวนแบบทั้งหมดคือ 24+24 = 48 แบบ ซึ่งมีความน่าจะเป็นเท่ากับ 48/90 = 8/15
25. ตอบข้อ 2
เนื่องจากข้อมูลเป็นข้อมูลทางด้านส่วนสูงของนักเรียน ทาให้มีแต่ S เท่านั้นที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นส่วนสูง ส่วน T เป็นเพียงจานวนธรรมดา
ดังนั้น S เท่านั้นถึงจะเป็น แซมเปิลสเปซ
26. ตอบข้อ 4
 หาแซมเปิลสเปซก่อนเลยนะครับ มีคนทั้งหมด 10 คน ต้องการเลือกมา 3 คนสาหรับ 3 ตาแหน่ง (เหมือนกับการเลือกลูกบอล 10
ลูก และเลือกหยิบออกมาทีละลูก ไม่คืน) ดังนั้น
ตาแหน่งแรก เลือกได้ 10 แบบ ตาแหน่งที่สอง เลือกได้ 9 แบบ และตาแหน่งที่สามเลือกได้ 8 แบบ ดังนั้นแซมเปิลสเปซ
เท่ากับ 10x9x8 = 720 แบบ
 โจทย์ต้องการหาความน่าจะเป็นในการที่จะได้ประธานและรองประธานเป็นหญิง เราแจกแจงกรณีได้ดังนี้
ตาแหน่งประธาน – จานวนแบบที่จะเลือกได้คือ 6 แบบ (จานวนผู้หญิง)
ตาแหน่งรองประธาน – จานวนแบบที่จะเลือกได้คือ 5 แบบ (เลือกไปแล้วหนึ่งคน จึงเหลืออีก 5 คน)
ตาแหน่งเลขานุการ – จานวนแบบที่เลือกได้คือ 4+4 = 8 แบบ (หญิงที่เหลือ 4 คนและผู้ชาย 4 คน)
ดังนั้นจานวนแบบที่จะได้ประธานเป็นหญิงและรองประธานเป็นหญิงคือ 6x5x8 = 240 แบบ ซึ่งก็คือความน่าจะเป็น
เท่ากับ 240/720 = 1/3
27. ตอบข้อ 3
เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ครูสอนวิทยาศาสตร์เป็นคนเก็บเอง และข้อมูลเป็นแบบคุณภาพ ดังนั้นเป็นข้อมูลปฐมภูมิ เชิงคุณภาพ
28. ตอบข้อ 1
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของน้าหนักของพนักงานบริษัท =
น้าหนักรวมชาย น้าหนักรวมหญิง
จานวนพนักงานทั้งหมด
น้าหนักรวมชาย
ดังนั้นน้าหนักรวมชาย =
29. ตอบข้อ 4
เมื่อนาข้อมูลทั้งหมดมาเรียงกันจะได้ 57, 58, 67, 68,69, 70, 74, 74, 77,81
ฐานนิยมคือ 74 ดังนั้น 1 ถูก
ค่าเฉลี่ยเลขคณิต = 695/10 = 69.5 และมัธยฐานคือ (69+70)/2 = 69.5 ดังนั้นข้อ 2 ก็ยังถูก
เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553
สถาบันปั้นน้อง 7
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
น้าหนักไข่ไก่ที่น้อยกว่า 70 มีทั้งหมด 5 ฟอง ดังนั้นข้อ 3 ก็ถูก
ไข่ไก่ที่มีน้าหนักสูงกว่าฐานนิยม (74) มีทั้งหมด 2 ฟอง และไข่ไก่ที่มีน้าหนักเท่ากับฐานนิยมก็มีเท่ากับ 2 ฟองเช่นกัน ดังนั้นข้อ 4 เท็จ
30. ตอบข้อ 4
ฐานนิยมนั้นจะต้องมาจากข้อมูลที่มีจานวนซ้ามากที่สุด ดังนั้นยังไงก็ตามฐานนิยมก็ต้องมีค่าเท่ากับข้อมูลตัวใดตัวหนึ่งแน่นอน
31. ตอบข้อ 1
41, 88, 46, 42, 43, 49, 44, 45, 43, 95, 47, 48
จากข้อมูล สังเกตได้ว่ามี 88, 95 ซึ่งมีค่าแตกต่างจากค่าตัวอื่นอย่างมาก ทาให้มีผลต่อค่าเฉลี่ยเลขคณิตและค่าเฉลี่ยของค่าสูงสุดต่าสุด
และเนื่องจากไม่มีตัวใดซ้ากันเลยทาให้ฐานนิยมก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ดังนั้น มัธยฐานจะเหมาะสมที่สุด
32. ตอบข้อ 2
จากแผนภูมิกล่องจะได้ว่า
ค่าต่าสุด = 10 ค่าสูงสุด = 24 ควอไทล์ที่ 1 = 12 ควอไทล์ที่ 2 = 16 ควอไทล์ที่ 3 = 18
แต่ละช่วงควอไทล์จะมีอยู่ 25 คน ดังนั้นข้อ 2 ไม่ถูกต้อง เพราะว่า 12-18 คลอบคลุมถึงสองช่วงควอไทล์ ส่วน 18-24 คลุมแค่หนึ่งควอไทล์
33. ตอบข้อ 4
ควอไทล์ที่ 3 หมายความว่ามีจานวนคนที่ได้คะแนนสอบน้อยกว่านาย ก อยู่ ทั้งหมด 75% ของ 400 หรือเท่ากับ 300 คนนั้นเอง ส่วน
เปอร์เซ็นไทล์ที่ 60 มีความหมายว่ามีจานวนคนที่ได้คะแนนน้อยกว่านาย ข อยู่ทั้งหมด 60% ของ 400 หรือเท่ากับ 240 คน ดังนั้นส่วนต่าง
ของ ควอไทล์ที่ 3 และเปอร์เซ็นไทล์ที่ 60 คือ 300-240 = 60 คน
34. ตอบข้อ 1
เราสามารถเติมเต็มตารางแจกแจงความถี่ ได้โดยใช้
ความถี่สะสม = ความถี่ของอันตรภาคชั้นที่น้อยกว่า 1 ชั้น +ความถี่สะสมของอันตรภาคชั้นที่น้อยกว่า 1 ชั้น
ความถี่สัมพัทธ์ = ความถี่ของอันตรภาคชั้นนั้นๆ หารด้วย จานวนความถี่รวมทั้งหมด (ข้อมูลทั้งหมด)
อันตรภาคชั้น ความถี่ ความถี่สะสม ความถี่สัมพัทธ์
2-6 7 7 7/20=0.35
7-11 0.2x20 = 4 11 0.2
12-16 3 14 3/20=0.15
17-21 6 14+6 = 20 0.3
ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์
8 สถาบันปั้นน้อง
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
จากอันตรภาคชั้น 17-21 จะได้ว่า จานวนข้อมูลทั้งหมดเท่ากับ ความถี่อันตรภาคชั้น
ความถี่สัมพัทธ์
ทาให้ได้ว่าความถี่ของอันตรภาคชั้น 7-11 จะมีค่าเท่ากับ 0.2x20 = 4 จากนั้นก็ค่อยๆเติมตารางจนเต็ม
ดังนั้นสรุปได้ว่า อันตรภาคชั้น 2-6 มีความถี่สูงที่สุด คือ 7
35. ตอบข้อ 3
พิจารณา ก. จานวนผู้ว่างงานในภาคใต้ในเดือน กย. ปี 2550 ไม่จาเป็นต้องเท่ากับ ผู้ว่างงานในเดือน กย. ปี 2551 เนื่องจากแม้ว่าอัตรา
การว่างงานจะเท่ากันแต่จานวนกาลังแรงงานของปี 2550 กับ 2551 ไม่จาเป็นต้องเท่ากัน
พิจารณา ข. จานวนผู้อยู่ในกาลังแรงงานทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2551 = คน ดังนั้น ข. ถูกต้อง
36. ตอบข้อ 4
ก่อนที่จะเก็บข้อมูล เราก็ควรจะรู้ก่อนว่าจะเอาข้อมูลอะไรบ้าง ดังนั้น ข้อ 4 จึงเป็นคาตอบที่ถูกต้อง
37. ตอบ 101 คน
ให้ M เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์
S เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาสังคมศึกษา
T เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาภาษาไทย
โดยแผนภาพเวนน์ออยเลอร์
ดังนั้นมีนักเรียนที่สอบผ่านอย่างน้อย 1 วิชาคือ 19+28+30+10+5+2+7 = 101 คน
38. ตอบ 390 ต้น
ลาดับเลขคณิตสาหรับจานวนต้นไม้แต่ละแถวคือ
12, 14, 16,… ซึ่งแทนได้ด้วย โดยที่ และ ดังนั้นลาดับเลขคณิตแทนด้วย
M
S
T
5
2
10
7
36-10-5-
2 =19
44-2-5-7
=30
50-10-
5-7 =28
เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553
สถาบันปั้นน้อง 9
390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com
เมื่อใส่เครื่องหมาย เข้าไปทั้งสองข้าง จะได้ว่า
ถ้า n=15 จะได้ว่าจานวนต้นไม้ทั้งหมด(ทั้งสิบห้าแถว) เท่ากับ
(ใช้สูตร )
39. ตอบ 280 จานวน
จานวนที่มีบางหลักซ้ากัน = จานวนที่เป็นไปได้ทั้งหมด – จานวนที่แต่ละหลักไม่ซ้ากันเลย
จานวนที่เป็นไปได้ทั้งหมด หาได้โดย
10 x 10 x 10 = 900 จานวน
จานวนที่แต่ละหลักไม่ซ้ากันเลย
10 x 9 x 8 = 720 จานวน
ดังนั้นจานวนที่มีบางหลักซ้ากันมีทั้งหมดเท่ากับ 900-720 = 280 จานวน
40. ตอบ 240 วิธี
1. เลือกว่าสามีภรรยาที่นั่งติดกันอยู่อยู่ตรงไหนก่อน เลือกได้ทั้งหมด 5 แบบดังรูป
2. แต่ละแบบด้านบนจะมีที่ว่าง 4 ที่ซึ่งสามารถนั่งสลับกันยังไงก็ได้ ดังนั้นจะได้ทั้งหมด 4x3x2x1 = 24 แบบ
3. พิจารณาแต่ละคู่สามีภรรยาที่นั่งติด ก็สามารถนั่งสลับกันได้ ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 2 แบบ
สรุปก็คือจานวนแบบการนั่งโดยที่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งติดกันคือ 5x24x2 = 240 แบบ
หลักร้อย หลักสิบ หลักหน่วย
หลักร้อย
หลักสิบ
(ใช้ไป 1 ตัวแล้ว)
หลักหน่วย
(ใช้ไป2 ตัวแล้ว)

More Related Content

What's hot

การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนามการแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนามAon Narinchoti
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2jutarattubtim
 
เฉลย O net 53
เฉลย O net 53เฉลย O net 53
เฉลย O net 53GiveAGift
 
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1kanjana2536
 
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทChokchai Taveecharoenpun
 
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชันความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชันJiraprapa Suwannajak
 

What's hot (12)

คณิต
คณิตคณิต
คณิต
 
การแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนามการแยกตัวประกอบพหุนาม
การแยกตัวประกอบพหุนาม
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
 
เฉลย O net 53
เฉลย O net 53เฉลย O net 53
เฉลย O net 53
 
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1
[สรุปสูตร] สรุปสูตรคณิตศาสตร์พื้นฐาน ม456 1
 
Basic m3-1-chapter2
Basic m3-1-chapter2Basic m3-1-chapter2
Basic m3-1-chapter2
 
30 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่1_ความสัมพันธ์
30 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่1_ความสัมพันธ์30 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่1_ความสัมพันธ์
30 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่1_ความสัมพันธ์
 
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบทเจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
เจาะลึกการออกข้อสอบ Pat1 คณิตศาสตร์พร้อมสรุปสูตรและทฤษฎีครบทุกบท
 
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
31 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ตอนที่2_โดเมนและเรนจ์
 
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชันความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
 
Relations
RelationsRelations
Relations
 
Set
SetSet
Set
 

Viewers also liked (20)

Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
Onet m6 52 eng
Onet m6 52  engOnet m6 52  eng
Onet m6 52 eng
 
Onet m6 52 thai
Onet m6 52  thaiOnet m6 52  thai
Onet m6 52 thai
 
Onet m6 52 math
Onet m6 52  mathOnet m6 52  math
Onet m6 52 math
 
Onet m6 52 art
Onet m6 52  artOnet m6 52  art
Onet m6 52 art
 
Onet m6 52 soc
Onet m6 52  socOnet m6 52  soc
Onet m6 52 soc
 
ตย.โครงงาน
ตย.โครงงานตย.โครงงาน
ตย.โครงงาน
 
ใบงานที่ 9 16
ใบงานที่  9 16ใบงานที่  9 16
ใบงานที่ 9 16
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
50
5050
50
 
1234
12341234
1234
 
51
5151
51
 
대신리포트_모닝미팅_160224
대신리포트_모닝미팅_160224대신리포트_모닝미팅_160224
대신리포트_모닝미팅_160224
 
대신리포트_모닝미팅_160212
대신리포트_모닝미팅_160212대신리포트_모닝미팅_160212
대신리포트_모닝미팅_160212
 
ใบงาน 2 8
ใบงาน 2 8ใบงาน 2 8
ใบงาน 2 8
 
Onet m6 52 math
Onet m6 52  mathOnet m6 52  math
Onet m6 52 math
 
대신리포트_모닝미팅_160219
대신리포트_모닝미팅_160219대신리포트_모닝미팅_160219
대신리포트_모닝미팅_160219
 
Thai 53
Thai 53Thai 53
Thai 53
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
เฉลย54
เฉลย54เฉลย54
เฉลย54
 

Similar to Key o net53math (20)

Key o net53math
Key o net53mathKey o net53math
Key o net53math
 
Key o net53math
Key o net53mathKey o net53math
Key o net53math
 
Prob[1]
Prob[1]Prob[1]
Prob[1]
 
Prob[1]
Prob[1]Prob[1]
Prob[1]
 
Prob[3]
Prob[3]Prob[3]
Prob[3]
 
Prob[1]
Prob[1]Prob[1]
Prob[1]
 
Prob[1]
Prob[1]Prob[1]
Prob[1]
 
666
666666
666
 
77100967 1 20140702-135514
77100967 1 20140702-13551477100967 1 20140702-135514
77100967 1 20140702-135514
 
Prob Theory1
Prob Theory1Prob Theory1
Prob Theory1
 
เอกนาม
เอกนามเอกนาม
เอกนาม
 
Pat1 53
Pat1 53Pat1 53
Pat1 53
 
ข้อสอบ PAT 1 ปี 53
ข้อสอบ PAT 1 ปี 53ข้อสอบ PAT 1 ปี 53
ข้อสอบ PAT 1 ปี 53
 
ลำดับ
ลำดับลำดับ
ลำดับ
 
O-net 01 เรื่องเซต ของ MATH HOUSE
O-net 01 เรื่องเซต ของ MATH HOUSEO-net 01 เรื่องเซต ของ MATH HOUSE
O-net 01 เรื่องเซต ของ MATH HOUSE
 
สรุปสูตร คณิตศาสตร์ ม.1
สรุปสูตร คณิตศาสตร์ ม.1สรุปสูตร คณิตศาสตร์ ม.1
สรุปสูตร คณิตศาสตร์ ม.1
 
ประเภทของเซต
ประเภทของเซตประเภทของเซต
ประเภทของเซต
 
กสพท. คณิตศาสตร์ 1 2563
กสพท. คณิตศาสตร์ 1 2563กสพท. คณิตศาสตร์ 1 2563
กสพท. คณิตศาสตร์ 1 2563
 
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
เอกสารลำดับอนันต์กำหนดการเชิงเส้น57
 
Pre 7-วิชา 3
Pre  7-วิชา 3Pre  7-วิชา 3
Pre 7-วิชา 3
 

Key o net53math

  • 1. เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553 สถาบันปั้นน้อง 1 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com 1. ตอบข้อ 3 มาดูข้อ 1.กันก่อนครับ A-B คือตัวที่อยู่ใน A แต่ไม่อยู่ใน B นั่นคือ A-B = {1,2,3,4,5} ซึ่งมีสมาชิก 5 ตัว ดังนั้นข้อ 1 จึงถูกต้อง ต่อมาเรามาดูข้อ 2 กัน B-A คือตัวที่อยู่ใน B แต่ไม่อยู่ใน A นั่นคือเราต้องตัด 6,7,8,…. ออกจาก B ทั้งหมด ทาให้ B-A = {{1,2},{3,4,5}} ซึ่งมีสมาชิก 2 ตัว ดังนั้นสมาชิกของเพาเวอร์เซตของ B-A เท่ากับ 22 = 4 สรุปว่าข้อ 2 ก็ยังถูกต้อง มาดูข้อ 3. (A-B) (B-A) = {1,2,3,4,5,{1,2},{3,4,5}} มีสมาชิกทั้งหมด 7 ตัว ซึ่งไม่ใช่จานวนคู่ ดังนั้นข้อ 3 ผิด ฮั่นแน่ เราเจอละ ตอบข้อนี้ได้เลย ถ้าขยันหน่อยก็ดูข้อ 4 ต่อกันเลยครับ A B = {6,7,8,…} เป็นจานวนนับที่มากกว่า 5 ดังนั้นข้อ 4 ถูก 2. ตอบข้อ 3 เรามาพิจารณาสิ่งที่โจทย์ให้มาคือ 1 เหตุ และ 1 ผล เหตุ : เห็ดเป็นพืชมีดอก ผล : เห็ดเป็นพืชชั้นสูง เราจะสังเกตได้ว่ามีอยู่ 3 คาได้แก่ เห็ด พืชมีดอก และพืชชั้นสูง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เรารู้ว่า เห็ดเป็นพืชมีดอก ถ้าเราอยากจะให้เห็ดเป็นพืชชั้นสูงด้วย เราต้องกาหนดว่าพืชมีดอกทุกชนิดจะต้องเป็นพืชชั้นสูง ดังนั้นเราตอบข้อ 3 3. ตอบข้อ 1 ทศนิยมไม่รู้จบมี 2 ประเภทคือ หนึ่ง --- ทศนิยมไม่รู้จบแบบซ้า (หรือแบบมีรูปแบบ) เช่น 0.33333…. , 0.535353… ซึ่งเป็นจานวนตรรกยะ สอง --- ทศนิยมไม่รู้จบแบบไม่ซ้าหรือไม่มีรูปแบบ เช่น ค่า = 3.14159… ซึ่งจะมีทศนิยมไม่ซ้ากันเลย เราเรียกจานวนนี้ว่า จานวนอตรรกยะ ดังนั้นข้อ ก. ที่ว่าทศนิยมไม่รู้จบบางจานวนเป็นจานวนอตรรกยะจึงเป็นจริง เพราะใช้คาว่า บางจานวน ส่วนข้อ ข. นั้นคือ ทศนิยมไม่ รู้จบบางจานวนเป็นจานวนตรรกยะ ข้อ ข. ก็จริงเช่นกันเพราะใช้คาว่าบางจานวน ดังนั้นตอบข้อ 1 คือถูกทั้งข้อ ก.และ ข. 4. ตอบข้อ 3 กาหนด ให้ s < t และ u < v เราเอา -1 คูณตลอด จะได้ว่า –t < -s และ –v < -u ดังนั้นลองเอา s < t มาบวกกับ –v < -u จะได้ s-v < t-u ทาให้ข้อ ข. เป็นจริง ส่วนข้อ ก. นั้นไม่จาเป็นจะต้องเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น ถ้า s=10, t=20 และ u=9, v=100 เราจะได้ว่า s-u = 10-9 = 1 และ t-v = 20-100 = -80 ซึ่งจะเห็นได้ว่า s-u > t-v 5. ตอบข้อ 4 จาก |a| = a หรือ –a ดังนั้นเราจะสามารถหาคาตอบของสมการได้สองคาตอบ คือ และ ดังนั้น x= 4.5 และ 5.5 ตามลาดับ ซึ่งอยู่ในช่วง (-3,6) ตามข้อ 4 6. ตอบข้อ 1 วิธีที่1 เนื่องจาก เป็นผลเฉลยของสมการ ดังนั้น จะต้องเป็นหนึ่งในตัวประกอบของ ดังนั้น โดยผลเฉลยอีกตัวหนึ่งคือ จากนั้นเปรียบเทียบสัมประสิทธิ์หน้า x แต่ละดีกรี จะได้ว่า พจน์แรก ทาให้ และพจน์ที่ 3 ได้ ทาให้ และพจน์ที่ 2 จะได้ ดังนั้นผลเฉลยอีกตัวหนึ่งคือ วิธีที่ 2 พิจารณาสมการ ซึ่งมีผลเฉลยคือ a และ b และเมื่อคูณกระจายออกมา เราจะได้ ดังนั้นเราจึงสรุปว่าได้ว่า สัมประสิทธิ์หน้า x จะมีค่าเท่ากับค่าติดลบของผลบวกของผลเฉลย และพจน์สุดท้ายคือ ผลคูณของผลเฉลย เมื่อเราย้อนกลับมาพิจารณา และถ้าเราเอา 4 หารตลอดเพื่อจะทาให้สัมประสิทธิ์หน้า เป็น 1 เราจะได้ ดังนั้นเราจะได้ผลคูณของผลเฉลยเท่ากับ ดังนั้นถ้าผลเฉลยตัวหนึ่งคือ อีกผลเฉลยหนึ่งจะเท่ากับ
  • 2. ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ 2 สถาบันปั้นน้อง 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com 7. ตอบข้อ 2 ดังนั้นตอบข้อ 2 8. ตอบข้อ 1 พิจารณา , และ ดังนั้น ทาให้ 9. ตอบข้อ 1 เนื่องจากว่าโจทย์กาหนดให้ a เป็นจานวนจริงบวก (a>0) และ n เป็นจานวนคู่บวก ทาให้ หรือในทานอง เดียวกัน ดังนั้นถูกทั้งข้อ ก.และ ข. ***เพิ่มเติม : ถ้าโจทย์ไม่ได้กาหนดว่า a เป็นจานวนจริงบวกและไม่ได้กาหนดว่า n เป็นจานวนคู่บวก แต่กาหนดแค่ว่า a เป็นจานวน จริง และ n เป็นจานวนเต็มบวก จะทาให้ a สามารถติดลบได้ เราสามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้ >> ถ้า n เป็นจานวนคู่บวก จะทาให้ ไม่เป็นจานวนจริง ส่งผลให้ข้อ ก. ผิดทันที เพราะ |a| เป็นจานวนจริง ส่วน ยังคง เป็นจานวนจริง และมีค่าเป็นบวกด้วย ดังนั้น นั้นถูกต้อง >> ถ้า n เป็นจานวนคี่บวก จะทาให้ ยังคงเป็นจานวนจริงแต่จะติดลบ ซึ่งคือ a ซึ่งไม่เท่ากับ |a| ทาให้ข้อ ก. ผิด ส่วนข้อ ข. ก็เท่ากับ a เช่นกันซึ่งไม่เท่ากับ |a| ดังนั้น ข. ก็ผิด 10. ตอบข้อ 1 เป็นพาราโบลา (parabola) ซึ่งสามารถจัดรูปโดยใช้หลักการทางกาลังสองสัมบูรณ์ดังนี้ ทาให้ได้ว่าพาราโบลานี้เป็นแบบคว่า โดยมีจุดสูงสุดคือ (หรือจุดวกกลับนั่นเอง) ดังนั้นเราสรุปได้ว่าข้อ 2 ,3 และ 4 ผิดหมด ต่อไปเรามาเช็คว่า 1 ถูกจริงหรือไม่ ดังนี้ ต่อมาเรามาเขียนเส้นจานวน ได้ว่า เมื่อ ดังนั้น 1 ถูกต้อง -1 2 - + -
  • 3. เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553 สถาบันปั้นน้อง 3 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com 11. ตอบข้อ 4 วิธีดูว่าอันไหนเป็นฟังก์ชั่น ใช้หลักง่ายๆก็คือ ถ้าหน้า(x) ตัวหนึ่งจะต้องมีคู่ของมัน (y) ได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น ดังนั้น ข้อ 1 เราเจอ (2,3) และ (2,4) ดังนั้น ไม่ใช่ฟังก์ชั่น ต่อมาดูข้อ 2 เราเจอ (3,1) และ (3,3) ดังนั้นไม่ใช่ฟังก์ชั่น ข้อ 3 เราพบว่า 1 มีคู่ตั้ง 4 ตัว ดังนั้นก็ไม่ใช่ฟังก์ชั่นอีก ดังนั้นตอบข้อ 4 เพราะถูกต้องตามนิยามฟังก์ชั่น 12.ตอบข้อ 4 โดเมน(Df)ของ หาได้โดยพิจารณาว่าภายในรากที่สองจะต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 0 ดังนั้น หรือ หรือเขียนได้ในรูป เรนจ์(Rg)ของ หาได้โดยพิจารณาว่า เสมอ ดังนั้นเรนจ์คือ หรือ ดังนั้น Df U Rg = 13.ตอบข้อ 4 วิธีง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการดูจากกราฟเลยครับ (เราสามารถหาสมการของกราฟของ ฟังก์ชัน f ได้แต่จะเสียเวลามากกว่าดูจากกราฟ) เราได้ f(-11) = 7, f(-3) = -1 และ f(3) =3 นาไปแทนค่าได้ดังนี้ 14.ตอบข้อ 1 พื้นที่สามเหลี่ยมมุมฉากในรูป มีพื้นที่ 600 ตร.ม. ซึ่งมีค่าเท่ากับ ฐาน สูง ดังนั้น ม. และความยาวด้านประกอบมุมฉากอีกด้านหนึ่งคือ ม. และความยาวด้านตรงข้ามมุมฉากเท่ากับ 50 ม. เราจะได้เส้นรอบรูปยาวเท่ากับ 30+40+50 = 120 ม. 15.ตอบข้อ 3 โจทย์ให้ขบวนพาเหรดนี้มีอยู่ x แถวและแต่ละแถว ขอสมมติว่าแต่ละ แถวมีจานวนคนเท่ากับ y คน จากที่โจทย์บอกเราว่าจานวนคนรอบนอก มีทั้งหมด 50 คน (จุดทึบทั้งหมด) เราจะได้ว่า (ตัดหัวและตัดท้ายy) และเมื่อทาการลด รูปเราจะได้ หรือ แต่โจทย์ให้ว่ามี จานวนคนในพาเหรดทั้งหมดเท่ากับ N คน ซึ่งเท่ากับ xy ดังนั้นเราจะ ได้ หรือ -2 3 x 0.75x . . . . . . . . . . . . . . . ... ... ... ... ... ... ... ... x á¶Ç X แถวตามแนวพาเหรด ทิศของพาเหรด แต่ละแถวมี y คน
  • 4. ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ 4 สถาบันปั้นน้อง 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com 16.ตอบข้อ 4 จากรูป เราลากเส้นเชื่อม AB และต่อเส้น DC จากทฤษฎีบทปีธาโกรัส เราจะได้ว่า และ ต่อมาก็ พิจารณา เราจะได้ และ ความยาวด้านสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ ใช้ทฤษฎีบทปีธาโกรัสอีก รอบเราจะได้ว่า ดังนั้น มีความยาวเป็น เท่าของด้านกว้าง 17.ตอบข้อ 2 ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า … ดังนั้นมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกับด้านที่มีความยาวเท่ากับ 7 จะเป็นมุมที่เล็กที่สุด ในที่นี้เราให้เท่ากับ ลองค่า ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับ 0.961 จากในตาราง ดังนั้น จึงมีค่า ใกล้เคียงกับ (จาก ) ดังนั้นเราจะได้ว่า มุมที่เล็กที่สุด จะมีค่าใกล้เคียงกับ 18.ตอบข้อ 3 สมมติให้ด้านที่ยาวอันดับสองยาวเท่ากับ (เพราะว่ามุม มีขนาดเป็นอันดับสอง ดังนั้นมุมตรงข้ามก็จะมี ความยาวเป็นอันดับสองเช่น) จากรูปเราจะได้ว่าด้านตรงข้ามมุมฉากยาว และด้านที่สั้นที่สุด ยาว จากที่โจทย์ให้มาคือเส้นรอบรูปสามเหลี่ยมเท่ากับ ดังนั้น 19. ตอบข้อ 2 ได้ระยะตามแนวนอน ดังรูป ดังนั้น ระยะบนพื้นที่กล้องสามารถมองเห็นได้คือ ดังนั้นตอบข้อ ข 1.46 A B x2x x C D 7 24 25 มุมที่เล็กที่สุดคือมุมที่อยู่ตรงกันข้ามกับด้านที่สั้นที่สุด เมตร
  • 5. เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553 สถาบันปั้นน้อง 5 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com 20. ตอบข้อ 3 ลาดับเลขคณิตสามารถเขียนได้อยู่ในรูป โดยมี และ ดังนั้น สูตรของลาดับเลขคณิตคือ โดย ดังนั้น 21. ตอบข้อ 2 พจน์ที่ 40 หรือ พจน์ที่จะมีค่าเท่ากับ พจน์ที่ 40 จะต้องเป็นพจน์ลาดับเลขคู่ เพราะจะต้องทาให้ เหมือนพจน์ที่ 40 ดังนั้นคาตอบคือ จานวนคู่ตั้งแต่ 2 จนถึง 40 นั่นเอง ดังนั้นคาตอบคือ ตัว 22. ตอบข้อ 3 ลาดับเรขาคณิตเขียนได้ในรูป โดย และ ดังนั้น จะได้ว่า และ จากผลบวกของลาดับเรขาคณิต คือ ดังนั้น ผลบวก 10 พจน์แรก คือ 23. ตอบข้อ 2 แซมเปิ้ลสเปซ n(S) = โอกาสที่เกิดจากการโยนเหรียญที่ 1 โอกาสที่เกิดจาก การโยนเหรียญที่ 2 โอกาสที่เกิดจากการโยนเหรียญที่ 3 = 2 x 2 x 2 = 8 ต่อมาเรามาคานวณหาจานวนโอกาสที่เหรียญทั้ง 3 จะออกหน้าแตกต่างกัน มี เพียง 2 กรณีคือ ขาวแดงฟ้า และ แดงฟ้าขาว ความน่าจะเป็นที่ต้องการคือ 24. ตอบข้อ 2  ก่อนอื่นเรามาหาแซมเปิ้ลสเปซก่อนเลย หยิบสลากครั้งที่ 1 จะมีทางเลือกหรือโอกาสได้ทั้งหมด 10 แบบ เมื่อหยิบมาแล้วไม่ใส่คืน จะทาให้เหลือสลากทั้งหมด 9 ใบซึ่งก็คือ โอกาสในการหยิบครั้งที่ 2 นั่นเอง ดังนั้นจานวนแบบที่จะหยิบสลาก 2 ใบ โดยหยิบทีละใบไม่ใส่คือคือ 10 x 9 = 90 แบบ = n(S)  จานวนฉลากที่น้อยกว่า 5 มีทั้งหมด 4 สลาก ได้แก่ 1,2,3 และ 4 และจานวนสลากที่มีค่าตั้งแต่ 5 ขึ้นไปมีทั้งหมด 6 สลาก ได้แก่ 5,6,7,8,9 และ 10  กรณีที่ 1 – หยิบครั้งแรก ได้สลากที่น้อยกว่า 5 และหยิบครั้งที่สองที่ได้สลากตั้งแต่ 5 ขึ้นไป ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 4 x 6 = 24 เหรียญที่ 1 ขาว แดง เหรียญที่ 2 แดง ฟ้า เหรียญที่ 3 ฟ้า ขาว
  • 6. ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ 6 สถาบันปั้นน้อง 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com  กรณีที่ 2 – หยิบครั้งแรก ได้สลากตั้งแต่ 5 ขึ้นไป และหยิบครั้งที่สองที่ได้สลากที่น้อยกว่า 5 ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 6 x 4 = 24  ดังนั้นจานวนแบบทั้งหมดคือ 24+24 = 48 แบบ ซึ่งมีความน่าจะเป็นเท่ากับ 48/90 = 8/15 25. ตอบข้อ 2 เนื่องจากข้อมูลเป็นข้อมูลทางด้านส่วนสูงของนักเรียน ทาให้มีแต่ S เท่านั้นที่เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นส่วนสูง ส่วน T เป็นเพียงจานวนธรรมดา ดังนั้น S เท่านั้นถึงจะเป็น แซมเปิลสเปซ 26. ตอบข้อ 4  หาแซมเปิลสเปซก่อนเลยนะครับ มีคนทั้งหมด 10 คน ต้องการเลือกมา 3 คนสาหรับ 3 ตาแหน่ง (เหมือนกับการเลือกลูกบอล 10 ลูก และเลือกหยิบออกมาทีละลูก ไม่คืน) ดังนั้น ตาแหน่งแรก เลือกได้ 10 แบบ ตาแหน่งที่สอง เลือกได้ 9 แบบ และตาแหน่งที่สามเลือกได้ 8 แบบ ดังนั้นแซมเปิลสเปซ เท่ากับ 10x9x8 = 720 แบบ  โจทย์ต้องการหาความน่าจะเป็นในการที่จะได้ประธานและรองประธานเป็นหญิง เราแจกแจงกรณีได้ดังนี้ ตาแหน่งประธาน – จานวนแบบที่จะเลือกได้คือ 6 แบบ (จานวนผู้หญิง) ตาแหน่งรองประธาน – จานวนแบบที่จะเลือกได้คือ 5 แบบ (เลือกไปแล้วหนึ่งคน จึงเหลืออีก 5 คน) ตาแหน่งเลขานุการ – จานวนแบบที่เลือกได้คือ 4+4 = 8 แบบ (หญิงที่เหลือ 4 คนและผู้ชาย 4 คน) ดังนั้นจานวนแบบที่จะได้ประธานเป็นหญิงและรองประธานเป็นหญิงคือ 6x5x8 = 240 แบบ ซึ่งก็คือความน่าจะเป็น เท่ากับ 240/720 = 1/3 27. ตอบข้อ 3 เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ครูสอนวิทยาศาสตร์เป็นคนเก็บเอง และข้อมูลเป็นแบบคุณภาพ ดังนั้นเป็นข้อมูลปฐมภูมิ เชิงคุณภาพ 28. ตอบข้อ 1 ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของน้าหนักของพนักงานบริษัท = น้าหนักรวมชาย น้าหนักรวมหญิง จานวนพนักงานทั้งหมด น้าหนักรวมชาย ดังนั้นน้าหนักรวมชาย = 29. ตอบข้อ 4 เมื่อนาข้อมูลทั้งหมดมาเรียงกันจะได้ 57, 58, 67, 68,69, 70, 74, 74, 77,81 ฐานนิยมคือ 74 ดังนั้น 1 ถูก ค่าเฉลี่ยเลขคณิต = 695/10 = 69.5 และมัธยฐานคือ (69+70)/2 = 69.5 ดังนั้นข้อ 2 ก็ยังถูก
  • 7. เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553 สถาบันปั้นน้อง 7 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com น้าหนักไข่ไก่ที่น้อยกว่า 70 มีทั้งหมด 5 ฟอง ดังนั้นข้อ 3 ก็ถูก ไข่ไก่ที่มีน้าหนักสูงกว่าฐานนิยม (74) มีทั้งหมด 2 ฟอง และไข่ไก่ที่มีน้าหนักเท่ากับฐานนิยมก็มีเท่ากับ 2 ฟองเช่นกัน ดังนั้นข้อ 4 เท็จ 30. ตอบข้อ 4 ฐานนิยมนั้นจะต้องมาจากข้อมูลที่มีจานวนซ้ามากที่สุด ดังนั้นยังไงก็ตามฐานนิยมก็ต้องมีค่าเท่ากับข้อมูลตัวใดตัวหนึ่งแน่นอน 31. ตอบข้อ 1 41, 88, 46, 42, 43, 49, 44, 45, 43, 95, 47, 48 จากข้อมูล สังเกตได้ว่ามี 88, 95 ซึ่งมีค่าแตกต่างจากค่าตัวอื่นอย่างมาก ทาให้มีผลต่อค่าเฉลี่ยเลขคณิตและค่าเฉลี่ยของค่าสูงสุดต่าสุด และเนื่องจากไม่มีตัวใดซ้ากันเลยทาให้ฐานนิยมก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ดังนั้น มัธยฐานจะเหมาะสมที่สุด 32. ตอบข้อ 2 จากแผนภูมิกล่องจะได้ว่า ค่าต่าสุด = 10 ค่าสูงสุด = 24 ควอไทล์ที่ 1 = 12 ควอไทล์ที่ 2 = 16 ควอไทล์ที่ 3 = 18 แต่ละช่วงควอไทล์จะมีอยู่ 25 คน ดังนั้นข้อ 2 ไม่ถูกต้อง เพราะว่า 12-18 คลอบคลุมถึงสองช่วงควอไทล์ ส่วน 18-24 คลุมแค่หนึ่งควอไทล์ 33. ตอบข้อ 4 ควอไทล์ที่ 3 หมายความว่ามีจานวนคนที่ได้คะแนนสอบน้อยกว่านาย ก อยู่ ทั้งหมด 75% ของ 400 หรือเท่ากับ 300 คนนั้นเอง ส่วน เปอร์เซ็นไทล์ที่ 60 มีความหมายว่ามีจานวนคนที่ได้คะแนนน้อยกว่านาย ข อยู่ทั้งหมด 60% ของ 400 หรือเท่ากับ 240 คน ดังนั้นส่วนต่าง ของ ควอไทล์ที่ 3 และเปอร์เซ็นไทล์ที่ 60 คือ 300-240 = 60 คน 34. ตอบข้อ 1 เราสามารถเติมเต็มตารางแจกแจงความถี่ ได้โดยใช้ ความถี่สะสม = ความถี่ของอันตรภาคชั้นที่น้อยกว่า 1 ชั้น +ความถี่สะสมของอันตรภาคชั้นที่น้อยกว่า 1 ชั้น ความถี่สัมพัทธ์ = ความถี่ของอันตรภาคชั้นนั้นๆ หารด้วย จานวนความถี่รวมทั้งหมด (ข้อมูลทั้งหมด) อันตรภาคชั้น ความถี่ ความถี่สะสม ความถี่สัมพัทธ์ 2-6 7 7 7/20=0.35 7-11 0.2x20 = 4 11 0.2 12-16 3 14 3/20=0.15 17-21 6 14+6 = 20 0.3
  • 8. ครั้งที่ 1 ปี 2553 เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ 8 สถาบันปั้นน้อง 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com จากอันตรภาคชั้น 17-21 จะได้ว่า จานวนข้อมูลทั้งหมดเท่ากับ ความถี่อันตรภาคชั้น ความถี่สัมพัทธ์ ทาให้ได้ว่าความถี่ของอันตรภาคชั้น 7-11 จะมีค่าเท่ากับ 0.2x20 = 4 จากนั้นก็ค่อยๆเติมตารางจนเต็ม ดังนั้นสรุปได้ว่า อันตรภาคชั้น 2-6 มีความถี่สูงที่สุด คือ 7 35. ตอบข้อ 3 พิจารณา ก. จานวนผู้ว่างงานในภาคใต้ในเดือน กย. ปี 2550 ไม่จาเป็นต้องเท่ากับ ผู้ว่างงานในเดือน กย. ปี 2551 เนื่องจากแม้ว่าอัตรา การว่างงานจะเท่ากันแต่จานวนกาลังแรงงานของปี 2550 กับ 2551 ไม่จาเป็นต้องเท่ากัน พิจารณา ข. จานวนผู้อยู่ในกาลังแรงงานทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2551 = คน ดังนั้น ข. ถูกต้อง 36. ตอบข้อ 4 ก่อนที่จะเก็บข้อมูล เราก็ควรจะรู้ก่อนว่าจะเอาข้อมูลอะไรบ้าง ดังนั้น ข้อ 4 จึงเป็นคาตอบที่ถูกต้อง 37. ตอบ 101 คน ให้ M เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาคณิตศาสตร์ S เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาสังคมศึกษา T เป็นเซตของนักเรียนที่สอบผ่านวิชาภาษาไทย โดยแผนภาพเวนน์ออยเลอร์ ดังนั้นมีนักเรียนที่สอบผ่านอย่างน้อย 1 วิชาคือ 19+28+30+10+5+2+7 = 101 คน 38. ตอบ 390 ต้น ลาดับเลขคณิตสาหรับจานวนต้นไม้แต่ละแถวคือ 12, 14, 16,… ซึ่งแทนได้ด้วย โดยที่ และ ดังนั้นลาดับเลขคณิตแทนด้วย M S T 5 2 10 7 36-10-5- 2 =19 44-2-5-7 =30 50-10- 5-7 =28
  • 9. เฉลยข้อสอบ O-NET คณิตศาสตร์ ครั้งที่ 1 ปี 2553 สถาบันปั้นน้อง 9 390 ถ.ตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กทม. 10200 Tel. 08-4725-8840, 0-2224-2141 Email: punnong.school@gmail.com เมื่อใส่เครื่องหมาย เข้าไปทั้งสองข้าง จะได้ว่า ถ้า n=15 จะได้ว่าจานวนต้นไม้ทั้งหมด(ทั้งสิบห้าแถว) เท่ากับ (ใช้สูตร ) 39. ตอบ 280 จานวน จานวนที่มีบางหลักซ้ากัน = จานวนที่เป็นไปได้ทั้งหมด – จานวนที่แต่ละหลักไม่ซ้ากันเลย จานวนที่เป็นไปได้ทั้งหมด หาได้โดย 10 x 10 x 10 = 900 จานวน จานวนที่แต่ละหลักไม่ซ้ากันเลย 10 x 9 x 8 = 720 จานวน ดังนั้นจานวนที่มีบางหลักซ้ากันมีทั้งหมดเท่ากับ 900-720 = 280 จานวน 40. ตอบ 240 วิธี 1. เลือกว่าสามีภรรยาที่นั่งติดกันอยู่อยู่ตรงไหนก่อน เลือกได้ทั้งหมด 5 แบบดังรูป 2. แต่ละแบบด้านบนจะมีที่ว่าง 4 ที่ซึ่งสามารถนั่งสลับกันยังไงก็ได้ ดังนั้นจะได้ทั้งหมด 4x3x2x1 = 24 แบบ 3. พิจารณาแต่ละคู่สามีภรรยาที่นั่งติด ก็สามารถนั่งสลับกันได้ ดังนั้นมีได้ทั้งหมด 2 แบบ สรุปก็คือจานวนแบบการนั่งโดยที่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งติดกันคือ 5x24x2 = 240 แบบ หลักร้อย หลักสิบ หลักหน่วย หลักร้อย หลักสิบ (ใช้ไป 1 ตัวแล้ว) หลักหน่วย (ใช้ไป2 ตัวแล้ว)