More Related Content
Similar to ภาวะมีบุตรยากA
Similar to ภาวะมีบุตรยากA (20)
ภาวะมีบุตรยากA
- 2. อยากมีลูก ต้องทาอย่างไร ?
• การที่คู่สมรสจะมีลูกยากหรือง่ายนั้น มักจะเกี่ยวกับอายุของฝ่ายหญิงและ
ความถี่ในการร่วมเพศ เมื่อมีอายุมากขึ้นและร่วมเพศน้อยลง โอกาส
ตั้งครรภ์ก็จะน้อยลงตามไปด้วย ยิ่งถ้าร่วมเพศไม่ตรงกับช่วงตกไข่ด้วยแล้วก็
จะไม่ทาให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะไข่ที่ตกแล้วจะอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น
นอกจากนี้ถ้าฝ่ายหญิงมีโรคหรือความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก ท่อนาไข่ และ
รังไข่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก ฯลฯ ก็จะยิ่งทาให้
โอกาสมีลูกเองตามธรรมชาติลดลง
- 4. ภาวะการมีบุตรยากจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
• ภาวะมีบุตรยากชนิดปฐมภูมิ (Primary infertility) หมายถึง
คู่สมรสยังไม่เคยมีบุตรมาก่อน
• ภาวะมีบุตรยากชนิดทุติยภูมิ (Secondary infertility)
หมายถึง คู่สมรสเคยมีบุตรหรือเคยตั้งครรภ์มาก่อน แต่ไม่สามารถ
ตั้งครรภ์ได้อีก
- 5. สาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
• สาเหตุจากฝ่ายหญิง : คู่สมรสบางคู่นั้นพบว่าฝ่ายหญิงมีความผิดปกติ
ในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น รังไข่ทางานไม่ได้ตามปกติและสามารถตกไข่ได้,
มีความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกายที่ส่งผลต่อการตกไข่, ท่อรังไข่อุด
ตัน, มีเนื้องอกของมดลูกขนาดใหญ่หรืออยู่ในโพรงมดลูก, มีซีสต์หรือ
เนื้องอกของรังไข่, มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีพังผืดที่
เกิดขึ้นในช่องเชิงกรานหรือที่ปีกมดลูก เป็นต้น ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่มีผล
ทาให้มีลูกได้ยาก คือ มีอายุมากเกินไป สูบบุหรี่เป็นประจา
- 6. • สาเหตุจากฝ่ายชาย : ในบางคู่สาเหตุการมีบุตรยากอาจเกิดขึ้นกับฝ่ายได้
เช่นกัน เช่น ฝ่ายชายมีอวัยวะสืบพันธุ์ผิดปกติมาแต่กาหนดจนไม่สามารถมี
เพศสัมพันธ์ได้, ฝ่ายชายมีพันธุกรรมที่ผิดปกติเกี่ยวกับโครโมโซมหรือยีนที่ทา
ให้ไม่สามารถสร้างเชื้ออสุจิได้หรือสร้างได้น้อยกว่าปกติ เช่น เชื้ออสุจิมีปริมาณ
น้อย เชื้ออสุจิอ่อนแอ เชื้ออสุจิมีรูปร่างผิดปกติ หรือแม้แต่เป็นหมัน (ตรวจไม่
พบเชื้ออสุจิในน้าอสุจิ), ฝ่ายชายได้รับสารเคมีบางชนิดเป็นประจา เช่น ยาฆ่า
แมลง สารตะกั่ว สารประกอบเบนซีน รวมถึงการใช้ยาบางชนิด, มีโรค
ประจาตัว เป็นผู้สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจา
- 7. • ไม่ทราบสาเหตุ : พบว่ามีคู่สมรสที่จัดเป็นกลุ่มที่มีบุตรยากโดยไม่
ทราบสาเหตุอีกจานวนหนึ่ง คือ ประมาณ 15-20% ที่แม้จะตรวจวินิจฉัย
ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ ซึ่งเป็นปัญหา
จากความสามารถในการเจริญพันธุ์ต่าเองและมักจาเป็นต้องให้การ
รักษาเพื่อช่วยให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
- 10. ประวัติและการตรวจร่างกาย
• อาจช่วยบอกความผิดปกติที่เป็นสาเหตุได้เช่น ประวัติการติดเชื้อหรือ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, เนื้องอกในอัณฑะ, ประวัตการผ่าตัด, กิจกรรม
ทางเพศ, การใช้ยา, การใช้หรือการสัมผัสสารบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์บุหรี่
รังสี สารสเตียรอยด์การทาเคมีบาบัด และสารเคมีที่เป็นพิษ เป็นต้น ซึ่ง
เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัย รวมถึงการดูดูลักษณะการเจริญเติบโต
ของร่างกายและการกระจายของขนตามร่างกายบริเวณนมและต้องเน้นตรวจ
ที่อวัยวะเพศองคชาติ และผนังหุ้มปลายปกติหรือไม่ อัณฑะทั้ง2 ข้างลงมาอยู่
ในถุงและมีขนาดปกติหรือไม่ คลาดูEtididymis และท่อน้าเชื้อทั้ง 2 ข้าง
ดูว่ามีเส้นเลือดขอดและน้าในถุงอัณฑะหรือไม่ อาจต้องตรวจทางทวารหนัก
คลาดูต่อมลูกหมากว่าปกติหรือเปล่า
- 15. การตรวจอื่น ๆ
• ถ้าแพทย์สงสัยว่ามีการอุดตันในส่วนของท่อส่ง
อสุจิ ก็อาจจะมีการตรวจอัลตราซาวด์ผ่าน
ช่องทวารหนัก ซึ่งการอุดตันนี้อาจเป็นมาตั้งแต่
กาเนิดหรือเกิดขึ้นจากการอักเสบติดเชื้อใน
ภายหลังก็ได้ หรือในกรณีที่มีอสุจิต่ากว่าเกณฑ์
หรือไม่มีเลย แพทย์อาจแนะนาให้ตรวจชิ้นเนื้อ
อัณฑะเพื่อวิเคราะห์น้าอสุจิ (ทาในห้องผ่าตัด
โดยใช้ยาดมสลบ) และอาจนาเซลล์อสุจิไปแช่
แข็งเพื่อใช้ในการทาเด็กหลอดแก้วต่อไป
- 16. การรักษาในเพศชาย
1.การรักษาด้วยยา Medical treatment
1.1.Specific treatment ใช้ในกลุ่มที่รู้สาเหตุชัด โดยการ
ฉีด hCG เข้ากล้ามเนื้อ
1.2.Semi-Specific treatment จะทาในกลุ่มที่พบความ
ผิดปกติ เช่น infection ให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่มีการอักเสบติดเชื้อแต่
ความเกี่ยวพันของภาวะเหล่านี้กับภาวการณ์มีบุตรยาก ก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจ
แน่ชัด ผลของการรักษาจึงพิสูจน์ได้ยาก
- 17. 1.3.Non-Specific treatment ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีจานวนตัวอสุจิน้อย และการ
เคลื่อนไหวของตัวอสุจิไม่ดี ยาที่ใช้ได้แก่
- Clomiphene citrate
- Mesterolone
- Tamoxifen
- Cortisone Acetate
-Vitamin E
- Vitamin C
2.การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด Surgical treatment
การผ่าตัดจะทาได้ในบางกรณีเพื่อช่วยให้การสร้างอสุจิดีขึ้นหรือเพื่อแก้ไขการ
อุดตันของท่อนาเชื้อ
3.การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
Sterm Treparation เป็นวิธีคัดแยกเอาอสุจิที่แข็งแรงเพื่อฉีดเข้าโพรง
มดลูกของฝ่ายภรรยาและวิธีการนี้ก็เป็นการเตรียมอสุจิที่ใช้เทคนิคช่วยการเจริญพันธุ์
ด้วย
- 20. การตรวจร่างกายและการตรวจภายใน
ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น อ้วน ผอม การเติบโตสมกับอายุหรือไม่
โดยเฉพาะการพัฒนาทางเพศของร่างกาย
ตรวจภายในดูลักษณะการกระจายของขนบริเวณหัวเหน่า
ลักษณะและขนาดของ clitoris มีการอักเสบในช่องคลอดหรือไม่ ความ
ผิดปกติที่ปากมดลูก มูกที่ปากมดลูกขุ่นหรือใส ควรทา TATANI
COLAOU SMEAR และอาจขูดเซลล์ที่ผนังด้านข้างของช่องคลอดไป
ตรวจเพื่อดูการทางานของฮอร์โมน ดูขนาดของมดลูกและดูว่าเคลื่อนไหวดี
หรือไม่ ปีกมดลูกมีการอักเสบหรือมีก้อนไหม
- 21. • จะบอกได้ว่าระดับฮอร์โมนต่าง ๆ อย่างฮอร์โมน FSH (Follicle-
stimulating hormone), ฮอร์โมน TSH เพื่อดูการทางานของ
ต่อมไทรอยด์ และฮอร์โมนโปรแลกติน (Prolactin) เพื่อให้แน่ใจว่า
ไม่มีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง
ตรวจเลือด
- 24. การฉีดสีเพื่อดูท่อนาไข่และ
มดลูก (Hysterosalpingogram – HSG)
• เป็นการใช้สายยางขนาดเล็กสอดผ่านปากมดลูกเข้าไปยังโพรงมดลูก
และฉีดน้าที่สามารถมองเห็นได้จากการเอกซเรย์เข้าไปในโพรงมดลูก
และท่อนาไข่ เพื่อให้เห็นโครงสร้างของโพรงมดลูกและท่อนาไข่ ถ้า
มดลูกที่มีรูปร่างผิดปกติหรือมีการตันของท่อนาไข่จะสามารถตรวจพบ
ได้ด้วยวิธีนี้จากการเอกซเรย์ สามารถทาได้โดยไม่ต้องวางยาสลบ ส่วน
ใหญ่จะมีอาการปวดท้องน้อยในระดับปานกลางถึงมาก (ในขณะฉีดน้า
เข้าไปในโพรงมดลูก) แต่อาการจะดีขึ้นภายใน 10 นาที
- 29. • เช่น การผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติปกติของท่อนาไข่ การผ่าตัดแก้หมันที่
เคยทาไว้ การผ่าตัดรักษาโรคถุงน้ารังไข่ (PCOS) หรือโรคเยื่อบุโพรง
มดลูกเจริญผิดที่ อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยวิธีกล่าว พบว่าคู่สมรส
จานวนไม่น้อย ไม่อาจมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้อีกในภายหลังการรักษา
เนื่องจากการตั้งครรภ์นั้นยังมีความจาเป็นต้องอาศัยปัจจัยทาง
ธรรมชาติอื่น ๆ อีกมาก รวมทั้งความผิดปกติบางอย่างก็ไม่สามารถ
แก้ไขได้ เช่น ภาวะเชื้ออสุจิผิดปกติในฝ่ายชาย
การรักษาเบื้องต้นเมื่อพบแพทย์
- 31. • การผสมเทียม หรือ การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง (Intra-
Uterine Insemination – IUI)
• การทากิ๊ฟท์ (Gamete Intrafallopian Transfer – GIFT)
• การทาเด็กหลอดแก้ว หรือ การปฏิสนธินอกร่างกาย (In Vitro
Fertilization: IVF)
• การทาซิฟท์ (Zygote Intrafallopian Transfer – ZIFT)
• การทาอิ๊กซี่ (Intracytoplasmic Sperm Injection –
ICSI)
- 32. การรักษาในเพศหญิง
• 1.ความบกพร่องระยะหลังตกไข่ (Luteal phase defect)
• การรักษาในรายที่พบสาเหตุชัดเจน เช่น prolactin ในเลือดสูงหรือ
ต่อมธัยรอยด์ทางานผิดปกติ ก็รักษาความผิดปกตินั้นๆ จะทาให้ระยะหลังตก
ไข่กลับมาปกติ นอกจากนั้นอาจใช้ยาฮอร์โมนรักษาดังนี้
• 1.Progerterone
• 2.Clomiphene Citrate ทาให้ FSH หลั่งเพิ่มขึ้นกระตุ้นให้
Follicle เจริญดีขึ้นหลังตกไข่ Corpusluteum จะทางานได้ปกติ
• 3.hCG กระตุ้นการทาหน้าที่ของ Corpusluteum ให้ผลิต
Progerterone ได้ดีขึ้น
- 33. 2. ปัจจัยเกี่ยวกับเยื่อผังผืดในอุ้งเชิงกราน Peritoneal factor
การรักษาในรายที่มีเยื่อผังผืดมากจาเป็นต้องผ่าตัดเลาะผังผิด
ออก รวมทั้งแก้ไขท่อนาไข่ที่ตีบตันด้วยและต้องพยายามป้องกันไม่ให้เกิด
ผังผืดขึ้นอีก
3.เนื้องอก Myoma Uteri
การรักษาจะพิจารณาทา Myomectomy คือ การตัดเอา
เฉพาะก้อนเนื้องอกออกเป็นวิธีที่นิยมในผู้ที่ต้องการมีบุตรในอนาคต การ
ผ่าตัดนี้จะเอาเฉพาะก้อนเนื้องอกออกแต่ยังเหลือมดลูกไว้ การผ่าตัดนี้อาจ
ไม่ประสบความสาเร็จในทุกคนบางรายหากมีการเสียเลือดมากอาจต้องตัด
มดลูกทิ้ง
- 34. ปัจจัยที่ทำให้กำรรักษำภำวะมีบุตรยำกล้มเหลว
• อายุของฝ่ายหญิงซึ่งถือเป็นปัจจัยสาคัญอย่างมาก เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การสร้าง
ฟองไข่และการเจริญของฟองไข่ผิดปกติไป
• ปริมาณความเข้มข้นของเชื้ออสุจิของฝ่ายชาย
• การผ่าตัดแก้หมัน เนื่องจากพบว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ภายหลังการแก้หมันมีประมาณ 70%
และยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้โอกาสการตั้งครรภ์ลดลงจากเดิมด้วย เช่น วิธีที่ใช้
ในการทาหมันครั้งก่อน, ความยาวของท่อนาไข่ที่เหลือหลังจากการทาหมัน, การติดเชื้อ
ภายในอุ้งเชิงกรานหลังการผ่าตัด เป็นต้น
• ในกรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ปัจจัยที่มีผลต่อความล้มเหลว คือ
พังผืด, ขนาดของถุงน้ารังไข่ และความผิดปกติของท่อนาไข่ที่พบร่วมกันด้วย โดยพบว่าโรค
เยื่อบุโพรงมดลูกที่พยาธิสภาพของโรคที่รุยแรง ส่วนใหญ่จะมีโอกาสเกิดซ้าได้อีกประมาณ
50-80% ในกรณีนี้แพทย์จึงมักจะแนะนาให้ทาการรักษาเรื่องการมีบุตรยาก ภายหลังจาก
การฟื้นตัวจากการผ่าตัด และเพื่อลดโอกาสเกิดการเป็นซ้า ก็อาจแนะนาให้ทาการผสมเทียม
หรือทาเด็กหลอดแก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความผิดปกติที่ตรวจพบ
- 35. หากล้มเหลวจากการรักษาวิธีหนึ่ง จะใช้วิธีอื่นแก้ไข
ภาวะมีบุตรได้หรือไม่
• ภายหลังการแก้ไขสาเหตุการมีบุตรแล้ว หากคู่สมรสยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยวิธี
ธรรมชาติ การรักษาในขั้นตอนต่อไปจะขึ้นอยู่อายุของฝ่ายหญิง พยาธิสภาพต่าง ๆ ที่ตรวจ
พบทั้งจากฝ่ายชายและฝ่ายหญิง รวมถึงความสมบูรณ์ของเชื้ออสุจิ ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์
ภายหลังจากการผ่าตัดแก้หมันนานกว่า 6 เดือน แพทย์มักจะแนะนาให้ทาเด็กหลอดแก้ว
มากกว่าผ่าตัดแก้หมันซ้า เนื่องจากท่อนาไข่มักจะสั้นมากอยู่แล้วและมักมีความผิดปกติใน
ผิวท่อนาไข่ อีกทั้งอัตราความสาเร็จจากการผ่าตัดแก้ไขก็มีต่ามากด้วย ส่วนในรายที่มีสาเหตุ
มาจากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มักจะรักษาภาวะมีบุตรยากไปตามพยาธิสภาพที่พบ
ในรายที่มีไม่ร้ายแรงหรือมีพยาธิสภาพของโรคเพียงเล็กน้อย อาจจะเริ่มจากการให้ตั้งครรภ์
เองตามธรรมชาติหรือทาการผสมเทียม แต่หากไม่ประสบความสาเร็จ แพทย์มักจะแนะนา
ให้ทาเด็กหลอดแก้วเป็นวิธีที่สุดท้าย และในกรณีที่คู่สมรสตรวจไม่พบสาเหตุของภาวะมีบุตร
ยาก แพทย์จะแนะนาให้รักษาด้วยการทานยากระตุ้นการตกไข่ร่วมกับการนับวันตกไข่เพื่อมี
เพศสัมพันธ์, การผสมเทียม และทาเด็กหลอดแก้ว ไปตามลาดับ
- 36. ผลข้างเคียงจากการแก้ไขภาวะมีบุตรยาก
• ไม่ตั้งครรภ์จากการรักษา เนื่องจากคุณภาพตัวอ่อนไม่ดีพอหรือมีความ
ผิดปกติ
• ภาวะแทรกซ้อนทีเกิดจากการใช้ยากระตุ้นไข่ ทาให้ร่างกายผลิตไข่ได้
มากกว่าปกติและเกิดภาวะบวมน้าทั่วร่างกาย (Ovarian
hyperstimulation syndrome) หากได้รับการกระแทกแรง ๆ
บริเวณท้องน้อยก็อาจเสี่ยงต่อรังไข่แตกได้นอกจากนี้การฉีดยากระตุ้นไข่ตก
ยังอาจทาให้เกิดรอยแดงคันบริเวณที่ฉีด มีเลือดออกใต้ผิวหนัง และทาให้
ผิวหนังเขียวช้าได้ และในช่วงที่ฉีดยากระตุ้น ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้
อาเจียน ท้องอืด ท้องมีขนาดโตขึ้น ปวดหน่วงท้องน้อย มีตกขาวมากกว่า
ปกติ
- 37. • ภาวะตั้งครรภ์แฝด โดยเฉพาะการตั้งครรภ์แฝดที่มากกว่า 2 คน
ภาวะแทรกซ้อนนี้จะทาให้โอกาสในการคลอดบุตรก่อนกาหนดมีสูงขึ้น
และเสี่ยงต่อการแท้งบุตร เพื่อลดการแทรกซ้อนดังกล่าว แพทย์จึงมักทา
การใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกน้อยลงเพียง 1-2 ตัวอ่อน (ไม่
เกิน 3 ตัวอ่อน) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์แฝด
- 43. สมาชิกในกลุ่ม
• นางสาว อนุตรา ไชยมี 571001096
• นาย อภินพ ค้าเจริญ 571001097
• นางสาว อรปภา วรรณสุทธิ์ 571001098
• นางสาว อังคณา โส๊ะหวัง 571001099
• นางสาว อัจฉราภรณ์ ช้างอ่า 571001100
• นางสาว อัญชสา ศรีสายธนู 571001101
• นางสาว. อันเชิญมา อุทัยรัตน์ 571001102
• นางสาว อาทิตยา เพียราด 571001103
• นางสาว อาภัสรา แก้วเสน 571001104
• นางสาว ฮุซนา สะแหละ 571001105