More Related Content
Similar to โครงร่างโครงงาน (20)
More from Nicharee Kornkaew (13)
โครงร่างโครงงาน
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน ขนมไทยไร้เทียมทาน
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นายธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ เลขที่ 19 ชั้น ม.6 ห้อง 3
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นายธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ เลขที่ 19 ชั้น ม.6 ห้อง 3
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ขนมไทยไร้เทียมทาน
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Thai desserts
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ขนมไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจาชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ
วิธีการทา ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีที่ประณีต
บรรจง ในสมัยโบราณคนไทยจะทาขนมเฉพาะวาระสาคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทาบุญ งานแต่ง เทศกาลสาคัญ หรือ
ต้อนรับแขกสาคัญ เพราะขนมบางชนิดจาเป็นต้องใช้กาลังคนอาศัยเวลาในการทาพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น
ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วใน
วังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม ขนมไทยที่นิยมทากันทุกๆ ภาคของ
ประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง
เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้
เจริญ รับประทานขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการพิมพ์ตาราอาหารออกเผยแพร่
รวมถึงตาราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตาราอาหารไทย
เล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ ในสมัยต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนม
ไทยเป็นที่นิยม
ซึ่งในปัจจุบันคนยุคใหม่ไม่ค่อยให้ความสาคัญกับขนมไทย มักไปสนใจอาหารชาติตะวันตกมากขึ้น จึงทาให้
ขนมไทยหาทานได้ยากมากขึ้น กระผมจึงสนใจที่จะศึกษาและรักษาวัฒนธรรมไทยไว้
- 3. 3
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อให้คนยุคใหม่หันมาสนใจและรับประทานขนมไทยมากขึ้น
2.เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องขนมไทยให้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น
3.เพื่อให้ขนมไทยอนุรักษ์ไว้ จนไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1.จัดทาโครงงานเรื่องขนมไทยไร้เทียมทาน เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษาทุกเพศ ทุกวัย
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
ขนมไทย หัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่
ก่อกาเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้สืบสานต่อทั้งวิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรม ที่สามารถนาวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่น
มาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบ จัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัย
อย่างไร เพราะขนมแต่ละชนิดล้วน มีเสน่ห์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน ประณีต วิจิตรบรรจงในรูปลักษณ์
ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ วิธีการทาที่กลมกลืน ความพิถีพิถัน สีที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอม รสชาติของขนมที่ละเมียดละไม
ชวนให้รับประทาน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ
วิถีชีวิตของคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตรที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมาย เช่น กล้วย อ้อย มะม่วง รวมไปถึง
ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ ที่สามารถปรุงเป็น ขนม ได้มากมายหลายชนิด เช่น อยากได้ กะทิ ก็เก็บมะพร้าวมาขูดคั้น
น้ากะทิ อยากได้ แป้งก็นาข้าวมาโม่เป็นแป้งทาขนมอร่อยๆ เช่น บัวลอย กินกันเองในครอบครัว
ขนมไทยถูกนาไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทาขนม
ชื่อมีมงคล ได้แก่ ขนมตระกูลทองทั้งหลาย เพราะคนไทยถือว่า “ทอง” เป็น ของดีมีมงคลทาแล้วได้มีบุญกุศล มีเงินมี
ทอง มีลาภยศ สรรเสริญ สมชื่อขนม
คาว่า “ขนม” เข้าใจว่ามาจากคาสองคาที่มาผสมกันคือ “ข้าวหนม” และ “ข้าวนม” เข้าใจว่าเป็นข้าวผสม
น้าอ้อย น้าตาล โดยอนุโลมคาว่าหนม แปลว่า หวาน ข้าวหนม ก็แปลว่า ข้าวหวาน เรียกสั้นๆ เร็วๆ ก็กลายเป็น ขนม
ไป
ส่วนที่ว่ามาจากข้าวนม (ข้าวเคล้านม) นั้นดูจะเป็นตานานแขกโบราณ อย่างข้าวมธุปายาส (ที่นางสุชาดาทาถวาย
พระพุทธเจ้าเมื่อตอนตรัสรู้ก็ว่าเป็นข้าวหุงกับนม)
คาว่า ขนม มีใช้มาหลายร้อยปียากจะสันนิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกับไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า “ขนมไทย” เกิด
ขึ้นมาตั้งแต่สมัยใดเป็นครั้งแรก แต่ตามประวัติศาสตร์ไทยมีหลักฐานตอนหนึ่งว่า มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก
เป็นการจารึกแบบลายแทงสมัยโบราณ ขนมที่ปรากฏคือ “ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตื้อ” ถามผู้ใหญ่ดูถึงได้รู้ว่า ไข่
กบ หมายถึง เม็ดแมงลัก นกปล่อย หมายถึง ลอดช่อง บัวลอย หมายถึง ข้าวตอก อ้ายตื้อ หมายถึง ข้าวเหนียว ขนม
ทั้งสี่ใช้น้ากระสายอย่างเดียวกันคือ “น้ากะทิ” โดยใช้ถ้วยใส่ขนม ซึ่งเราเรียกการเลี้ยงขนม 4 อย่างนี้ว่า “ประเพณี 4
ถ้วย”
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. กาหนดหัวข้อโครงงานที่สนใจ
- 4. 4
2. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและนาข้อมูลที่ได้มาตั้งคาถามและสมมติฐาน
3. รวบรวมข้อมูลเรื่องขนมไทย จากห้องสมุดและอินเทอร์เน็ต
4. ลงมือปฎิบัติตามแบบแผนโครงร่าง
5. ตรวจสอบความถูกต้องของโครงงาน
6. เสนอโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์ โปรแกรมMicrosoft
2. อินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการหาข้อมูล
3. บราวเซอร์ที่ใช้ในการศึกษา
งบประมาณ
100บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
1. ผู้คนให้ความสาคัญกับขนมไทยเพิ่มมากขึ้น
2. ผู้ที่ศึกษาได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น
3. เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้
4. นาความรู้ไปเผยแพร่กับผู้อื่นได้
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เชียงใหม่
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
1. https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%
97%E0%B8%A2