More Related Content
Similar to Landscape maintenance and management2
Similar to Landscape maintenance and management2 (20)
Landscape maintenance and management2
- 2. 1. โรค แมลง ศัตรู สนามหญ้ า ทีมีอยู่ในพืนที่
่ ้
1.1 เพลียไฟ (rice thrips)
้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Stenchaetohrips biformis (Bagnall)
วงศ์ Thripidae
อันดับ Thysanoptera
ลักษณะทัวไป : เพลี้ยไฟเป็ นแมลงจาพวกปากดูด ขนาดเล็กลาตัวยาว
่
ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร มีท้งชนิดมีปีกและไม่มีปีก ตัวเต็มวัยมีสีดา
ั
ตัวอ่อนสี เหลืองอ่อน ตัวเต็มวัยวางไข่ในเนื้อเยือของใบข้าว
่
ตัวอ่อน มี 2 ระยะ ระยะเวลาตั้งแต่ตวอ่อนถึงตัวเต็มวัยนาน
ั
ประมาณ 15 วัน
- 3. ลักษณะการทาลายและการระบาด
เพลี้ยไฟทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะทาลายข้าวโดยการดูดกินน้ าเลี้ยง จากใบข้าวที่ยงอ่อน
ั
่
โดยอาศัยอยูตามซอกใบ ระบาดในระยะกล้า เมื่อใบข้าวโตขึ้นใบที่ถูกทาลายปลายใบจะเหี่ ยว
่
ขอบใบจะม้วนเข้าหากลางใบและ อาศัยอยูในใบที่มวนนั้น พบทาลายข้าวในระยะกล้าหรื อหลัง
้
ปักดา 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะในอากาศร้อนแห้งแล้งหรื อฝนทิ้งช่วงนานติดต่อกันหรื อสภาพนา
ข้าวที่ ขาดน้ า ถ้าระบาดมากๆทาให้ตนข้าวแห้งตายได้ท้ งแปลง
้ ั
ลักษณะการทาลายของเพลี้ยไฟ ใบข้าวที่แสดงอาการปลายใบม้วน สภาพนาข้าวที่เพลี้ยไฟระบาดรุ นแรง
- 4. 2.วิธีการปองกันกาจัด
้
2.1 ดูแลแปลงข้าวระยะกล้าหรื อหลังหว่าน 7 วัน อย่าให้ขาดน้ า
2.2 ไขน้ าท่วมยอดข้าวทิ้งไว้ 1-2 วัน เมื่อตรวจพบเพลี้ยไฟตัวเต็มวัย 1-3 ตัวต่อต้นในข้าวอายุ 6-7
วันหลังหว่าน ใช้ปุ๋ยยูเรี ยอัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านเมื่อข้าวอายุ 10 วัน หลังหว่าน เพื่อเร่ งการ
เจริ ญเติบโตของต้นข้าว
2.3 ใช้สารฆ่าแมลง มาลาไทออน (มาลาไทออน 83% EC) อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ า 20 ลิตร หรื อ
คาร์บาริ ล (เซวิน 85% ดับบลิวพี) อัตรา 20 กรัมต่อน้ า 20 ลิตร พ่นเมื่อพบใบข้าวม้วนมากกว่า 50
เปอร์เซ็นต์ ในระยะข้าวอายุ 10-15 วันหลังหว่าน
- 5. สารเคมีทใช้ ควบคุม
ี่
- มาลาไทออน 30 ซีซี/น้ า 20 ลิตร
- คาร์บาริ ล 30 กรัม/น้ า 20 ลิตร
- พอสซ์ในอัตรา 30 ซีซี. /น้ า 20 ลิตร
- ไวเดทแอล อัตรา 30 ซีซี. /น้ า 20 ลิตร
- ซีเอฟ 35 แอสที 10–15 ซีซี. /น้ า 20 ลิตร
หมายเหตุ : เลือกเวลาการฉี ดในช่วงเย็นๆ
- 6. วัชพืช (Weed)
่
วัชพืชจัดเป็ นศัตรู ที่สาคัญของพืชปลูกทัวไป ซึ่งในทุกสภาพการเพาะปลูกพืช ไม่วาจะ
่
ปลูกพืชชนิดใด หรื อฤดูกาลปลูกใด สิ่ งที่ตองปรากฏเสมอก็คือการขึ้นแก่งแย่งแข่งขันของวัชพืช
้
ในแปลงพืชปลูก ซึ่งหากมีวชพืชขึ้นแก่งแย่งแข่งขันแล้วจะทาให้พืชปลูกได้รับความเสี ยหายทั้ง
ั
ทางตรงและทางอ้อมมากมาย เนื่องจากวัชพืชเป็ นตัวแก่งแย่งแข่งขันปัจจัยที่จาเป็ นสาหรับการ
ปลูกพืช อันได้แก่ แร่ ธาตุอาหาร (ปุ๋ ย) น้ า และแสงแดด วัชพืชยังทาให้การปฏิบติการต่าง ๆ ใน
ั
แปลงปลูกพืชนั้นมีอุปสรรค เช่น การขัดขวางการทดน้ า ระบายน้ า การจัดการปุ๋ ย การพรวนดิน
ตลอดจนการเก็บเกี่ยว วัชพืชอาจเป็ นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของโรค แมลง และสัตว์ศตรู พช ั ื
โดยทัวไปวัชพืชที่ข้ ึนแก่งแย่งแข่งขันในพืชปลูกที่สาคัญในประเทศไทยมีหลายชนิด บางชนิดถูก
่
จัดเป็ นวัชพืชที่ร้ายแรง เพราะมีคุณสมบัติการแก่งแย่งแข่งขันสูง มีการขยายพันธุ์แพร่ พนธุ์
ั
็ ั
รวดเร็วจานวนมากมายทนทานสภาพแวดล้อม และกาจัดควบคุมยาก แต่กมีวชพืชบางชนิดที่เป็ น
วัชพืชธรรมดา อย่างไรก็ตามเกษตรกรมีความจาเป็ นต้องจัดการเพื่อคุมครองการผลิตพืชปลูก
้
เหล่านั้น
- 7. สาหรับในประเทศไทยนัน วัชพืชที่พบว่ามีการแพร่ ระบาดในพืชปลูกต่าง ๆ มีจานวน
่
มากมายหลายร้อยชนิด ซึ่งชื่อเรี ยกในแต่ละท้องถิ่นนั้นสามารถก่อให้เกิดความสับสนอยู่
พอสมควร และเพือให้เกิดความถูกต้องในการจาแนกวัชพืช จึงได้มีการจัดจาแนกวัชพืชออกเป็ น
่
หลายประเภทคือ วัชพืชประเภทใบแคบตระกูลหญ้า วัชพืชประเภทใบกว้าง วัชพืชตระกูลกก
และวัชพืชประเภทเฟิ ร์น
วัชพืชในพืนที่
้
ไมยราพเลือย
้ ผักแว่ นบก
- 8. วิธีการปองกันกาจัดวัชพืช
้
หลักการพิจารณาการป้ องกันกาจัดวัชพืช มีท้ งการป้ องกันไม่ให้วชพืชจากที่อื่นแพร่ ระบาดเข้ามา
ั ั
ในพื้นที่ ทั้งเมล็ด ราก เหง้า ลาต้น การควบคุม โดยลดการเสี ยหายจากการระบาดของวัชพืชที่ข้ ึนรบกวน
และทาลายชิ้นส่ วนของวัชพืชให้หมดไปจากพื้นที่ เพื่อป้ องกันการแพร่ กระจายไปที่อื่น ไม่ให้มีการเพิ่ม
ขยายพันธุ์ในพื้นที่เดิม วิธีการป้ องกันกาจัดโดยวิธีต่างๆต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ดังนี้
1. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีกล เป็ นการใช้แรงงานคน แรงงานสัตว์ การใช้เครื่ องทุ่นแรง
ใช้ไฟเผา ใช้วสดุคลุมดิน
ั
- 9. 2. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีเขตกรรม เป็ นการจัดการเพื่อลดปัญหาการแข่งขันจากวัชพืช ได้แก่ การ
ขังน้ าในนา การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน การใช้อตราเมล็ดพันธุ์พืชที่ปลูกสูงกว่า
ั
ปกติ และการจัดการปุ๋ ยที่ถูกต้องและเหมาะสม
3. การป้ องกันกาจัดโดยชีวะวิธี เป็ นการใช้ส่ิ งมีชีวตมาควบคุมวัชพืช ได้แก่ แมลง โรคพืช และสัตว์
ิ
4. การป้ องกันกาจัดโดยการใช้ สารป้ องกันกาจัดวัชพืช เป็ นวิธีที่เกษตรกรใช้กนมากเพราะสะดวก
ั
รวดเร็ว แต่ตองรู ้วธีใช้อย่างถูกต้อง ไม่เป็ นอันตรายต่อผูใช้ และไม่ทาลายสิ่ งแวดล้อม
้ ิ ้
5. การป้ องกันกาจัดโดยวิธีผสมผสาน พบว่าการใช้วธีการป้ องกันกาจัดศัตรู พชเพียงวิธีใดวิธีหนึ่งไม่
ิ ื
สามารถ แก้ไขปัญหาได้สมบูรณ์ เพราะแต่ละวิธีมีขอดีและข้อจากัดต่างกันไป การปรับใช้ยทธวิธี
้ ุ
หลายๆวิธีเข้าด้วยกันตามสภาพปัญหาที่เกิดจะสามารถลดปัญหา ที่เกิดได้
- 14. Reference
- http://natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/510-
111web/Technology%20Changes_Rice/12.chemical%20safty%20uses.htm
- http://www.brrd.in.th/rkb/data_005/rice_xx2-05_bug01.html
- http://kasetinfo.arda.or.th/rice/ricecultivate_enemy_insect1rice%20thrips
.html