Agile to develop

1. การจัดการ การศึกษาแนวอไจล์
ของโรงเรียนมัธยมศึกษาเอกชน

2. คาถามการวิจัย
1. สามารถนาแนวคิดการจัดการ การศึกษาแนวอไจล์มาใช้ในโรงเรียน
มัธยมเอกชนได้อย่างไร
2. ขนาดของโรงเรียน เพศ และและประสบการณ์การทางานของทีมครู
และผู้บริหารมีผลต่อการจัดการ การศึกษาแนวอไจล์ในโรงเรียนได้
อย่างไร

3. วัตถุประสงค์การวิจัย
• การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการนาแนวคิดการจัดการแนวอไจล์ มา
ประยุกต์ใช้กับโรงเรียนมัธยมเอกชนในกรุงเทพมหานคร โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะของการจัดการแนว
• อไจล์ มาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาเอกชน โดยจาแนก
ตามขนาดของโรงเรียน ประสบการณ์ พื้นฐานความรู้ด้านคุณภาพ
ฐานะตาแหน่ง เพศ และระดับการศึกษา

4. กรอบแนวคิดการวิจัย

5. สมมุติฐานการวิจัย
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยได้กาหนดสมมุติฐานการวิจัยไว้ 2ประเด็นคือ
1.4.1 ขนาดของโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับความพร้อมต่อการ
จัดการ การศึกษาแนวอไจล์
1.4.2 พื้นฐานความรู้และประสบการณ์การทางาน ของบุคคลากร
ในโรงเรียนที่แตกต่างกันมีผลต่อความพร้อมของการจัดการแนวอไจล์ใน
โรงเรียนแตกต่างกัน

6. ขอบเขตการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการนาแนวคิดการจัดการแนวอไจล์ มา
ประยุกต์ใช้กับโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพมหานครดาเนินการในขอบเขต
ดังนี้
1.3.1 ศึกษาวัฒนธรรมการทางานแนวอไจล์ของโรงเรียนในขนาดที่
ต่างกัน
1.3.2 ศึกษาเฉพาะกับโรงเรียนมัธยมศึกษาเอกชน กาหนดแบ่งโดย
สานักงานกรรมการการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ
1.3. แบ่งเป็นสองระยะคือ ระยะที่หนึ่ง ศึกษาวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งปี เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทดสอบสมมุติฐานสามเดือน

7. เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลในการศึกษาวิจัยครั้งนี้คือแบบ
สัมภาษณ์และแบบสอบถาม โดยมีรายละเอียดดังนี้
• แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถาม เกี่ยวกับการจัดการศึกษาของ
โรงเรียนมัธยมเอกชนในด้านวัฒนธรรมการทางานโดยทาการสัมภาษณ์
เชิงลึก จากผู้บริหารของโรงเรียน และทีมครูผู้สอนเพื่อศึกษาถึงลักษณะ
การจัดการในโรงเรียนและข้อมูลพื้นฐานของผู้ให้สัมภาษณ์โดย
แบบสอบถาม

8. สถิติที่ใช้ในการวิจัย
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยเลือกใช้รูปแบบวิจัยเชิงคุณภาพ Qualitative
การวิจัยเอกสาร (Documentary Research) โดยทาการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร
2 ประเภท ได้แก่
1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ เป็นต้น
2 ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) ได้แก่ เอกสาร ผลงานการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
วิทยานิพนธ์ หนังสือ บทความ บทสัมภาษณ์ รวมถึง รายงานการจัดการศึกษา ผลการประเมิน
คุณภาพภายนอกสถานศึกษา และข้อมูลสถิติของโรงเรียนมัธยมเอกชน เป็นต้น
- การสัมภาษณ์ แบบเจาะลึก (In - Depth Interview) โดยเลือกสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการศึกษา ทั้งผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน คาถามในการสัมภาษณ์ เป็นคาถามปลายเปิดและปลายปิดโดยมี
ประเด็นสาคัญที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการทางานของโรงเรียน ความคาดหวังของทีมครูและผู้บริหาร ทั้งนี้เป็นการ
สัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้าง ซึ่งมีเค้าโครงคาถามและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์
- การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม (Non-Participant Observation) ซึ่งเป็นการสังเกตที่ผู้วิจัย
ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม ทั้งการสังเกตแบบให้รู้ตัวและไม่ให้ผู้ถูกสังเกตรู้ตัวเช่น การสังเกตทากิจกรรมนอก
ห้องเรียน การรับประทานอาหาร และการเล่นอิสระในระหว่างเวลาพักกลางวันและหลังเลิกเรียน

9. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้เรียนรู้แนวคิดการจัดการ การศึกษาแนวอไจล์ในการ
บริหารจัดการโรงเรียนมัธยม
2. ประยุกต์ใช้หลักการจัดการของอไจล์ มาใช้ในโรงเรียนได้