More Related Content
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
ศรีษเกษ
- 2. กว่า 2,000 ปีมาแล้ว ชุมชนโบราณยุคโลหะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้ทิ้งร่องรอยคูน้ำกำแพงเมือง ภาชนะดินเผา โครงกระดูก และโบราณวัตถุอื่นๆ ไว้ในบริเวณ อ . เมืองสุรินทร์ และ อ . ราศีไศล จ . ศรีสะเกษ สอดคล้องกับจดหมายเหตุของจีน ซึ่งได้ระบุไว้ว่า บริเวณแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมีอาณาจักรขนาดใหญ่ชื่อว่าฟูนัน โดยมีชาวลพว้าปกครอง ต่อมาในราวปี พ . ศ . 1100 ละว้าเริ่มเสื่อมอำนาจลง ในขณะเดียวกันขอมกำลังเรืองอำนาจแผ่อิทธิพลเข้าในภูมิภาคนี้ โดยในสมัยพระเจ้ามเหนทรวรมันตั้งอาณาจักรเจนละขึ้น โดยมีเมืองสุรินทร์เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญก่อนถึงเมืองพิมายซึ่งเป็นศูนย์กลาง การปกครองในครั้งนั้น ประวัติจังหวัดศรีสะเกษ
- 3. ก่อนปี พ . ศ . 1200 อาณาจักรเจนละได้ย้ายเมืองหลวงจากบริเวณวัดภู จำปาสัก มาที่บริเวณที่ตั้งเมืองสุรินทร์ต่อเนืองเมืองพิมายในโคราช ดังปรากฏหลักฐานว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ในราว พ . ศ . 1623-1650 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองพิมายขึ้นใหม่ทับซากอาคารโบราณ ซึ่งสันนิฐานว่าเป็นเมืองเดิมของอาราจักรเจนละ
- 4. ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาสนสถานในรูปแบบของปราสาทหินทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก กระจายอยู่ไปในดินแดนอีสานใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างนครวัด กับเมืองพิมาย ( ในโคราช ) โดยผ่านช้องปราสาทตาเมือน ชายแดนสุรินทร์ – กัมพูชาที่มีโบราณสถานกลุ่มปราสาทตาเหมือน หลงเหลิอร่องรอยความยิ่งใหญ่ในอดีต
- 5. หลังรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ความรุ่งเรืองของอาณาจักร ของขอมเริ่มเสื่อมสลายลง เหลืองเพียงชนเผ่าพื้นเมืองที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ จวบจนกระทั่งช่วงปลายอยุธยาจึงมีบันทึกเรื่องราวดินแดน สุรินทร์ - ศรีสะเกษ ขึ้นอีกครั้ง โดยในปี พ . ศ . 2260 ในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย มีกลุ่มคนชาวกูยหรือส่วยได้ย้ายถิ่นฐานจากเมืองอัตปือแสนแป แคว้นจำปาสักในลาวเข้ามาอยู่แถบเมืองสุรินทร์และศรีสะเกษ กระจายกันอยู่เป็นกลุ่มๆ ได้แก่ กลุ่มนายเชียงปุม กลุ่มนายเซียงสี กลุ่มนายเซียงสี กลุ่มนายเซียงมะ กลุ่มนายเซียงไชย กลุ่มนายเวียงขัน หรือตากะจะ กลุ่มชาวกูยทั้งหมดนี้มี ความสามารถในการจับช้างและเลี้ยงช้างสืบทอดมาจนปัจจุบัน
- 6. ต่อมาในราวปี พ . ศ . 2302 ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เกิดเหตุช้างเผือกหนีจากกรุงศรีอยุธยามุ่งไปทางฝั่งแม่น้ำมูลด้านใต้ กลุ่มชาวกุยดังกล่าวซึ่งมีความสามารถในการจับช้าง จึงอาสาจับช้างเผือกได้สำเร็จ พระเจ้าเอกทัศน์จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์แต่งตั้งหัวหน้า กลุ่มชายกูยทั้งหกคน ในจำนวนนี้มีชาวกูยที่เป็นผู้ก่อสร้างเมืองสุรินทร์ - ศรีสะเกษ ในเวลาต่อมาคือเชียงปุม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหลวงสุรินทร์ภักดี เจ้าเมืองประทายสมันต์ ( บ้านคูปะทาย ) นายตากะจะหรือเชียงขัน ให้เป็นพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนเป็นเจ้าเมืองขุขันธ์ ( เป็นที่ตั้งของ อ . เมืองศรีสะเกษ ) สุรินทร์ - ศรีสะเกษจึงมีประวัติการตั้งเมืองในเหตุการณ์เดียวกัน
- 7. ส่วนเมืองขุนชันธ์เกิดกันดารน้ำในปี พ . ศ . 2321 พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนจึงย้ายเมืองไปตั้งเมืองใหม่ที่บ้านเตระ ต . ห้วยเหนือ อ . ขุขันธ์ ในขณะนั้นได้ตั้งเมืองใต้การปกครองชื่อบ้านโดนสามขา สระกำแพงใหญ่ มีพระภักดีภูสงครามเป็นเจ้าเมือง จนกระทั่งในปี พ . ศ . 2447 ตรงกับรัชกาลที่ 5 เมืองขุขันธ์ได้ย้ายมาที่ อ . เมืองศีะสะเกษในปัจุบัน ถึงปี พ . ศ . 2476 จึงมีฐานะเป็นจังหวัดขุขันธ์ มาเปลี่ยนชื่อเป็น จ . ศรีสะเกษในปี พ . ศ . 2481 โดยเกี่ยวโยงกับตำนานที่ว่า เมื่อพันปีมาแล้ว มีนางพญาขอมองค์หนึ่ง เดินทางมาแวะพักค้างแรมที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ได้ลงสะผมในสระกำแพงใหญ่ ชาวบ้านที่ได้พบเห็นชื่นชมความงาม ของนางพญาขอมจึงเรียกบริเวณนี้ว่าเมืองสระเกษ
- 8. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ จังหวัดศรีสะเกษ เริ่มขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อ พ . ศ . 2302 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ โปรดให้ยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวนขึ้นเป็นเมืองนครลำดวน ต่อมาเมืองนครลำดวนเกิดภาวะขาดแคลนน้ำจึงโปรดเกล้าฯ ให้เทครัวไปจัดตั้งเมืองใหม่ที่ริมหนองแตระห่างจากเมืองเดิมไปทางใต้ เมืองใหม่เรียก " เมืองขุขันธ์ " หรือ " เมืองคูขัณฑ์ " ซึ่งได้แก่อำเภอขุขันธ์ในปัจจุบัน
- 9. ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้แยกบ้านโนนสามขาสระกำแพงออกจากเมืองขุขันธ์ แล้วตั้งเป็นเ มืองใหม่เรียก เมืองศรีสะเกศครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ . ศ . 2455 จึงโปรดให้รวมบ้านเมืองขุขันธ์ เมืองศรีสะเกศ และเมืองเดชอุดม เข้าเป็นเมืองเดียวกันเรียก " เมืองขุขันธ์ " ซึ่งต่อมาใน พ . ศ . 2459 มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเรียกว่าจังหวัด ลงวันที่ 19 พฤษภาคม ปีนั้นเอง เมืองขุขันธ์จึงเรียกใหม่เป็น " จังหวัดขุขันธ์ " ตามนั้น
- 10. ครั้น รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ . ศ . 2481 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ตราพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัด และอำเภอบางแห่ง พุทธศักราช 2481 มาตรา 3 ให้เปลี่ยนชื่อ " จังหวัดขุขันธ์ " เป็น จังหวัดศรีสะเกษ ( เดิมในพระราชกฤษฎีกาสะกดว่า " ศีร์ษะเกษ ") นับแต่นั้น ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ . ศ . 2481
- 11. ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดยโสธร ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดร้อยเอ็ด อาณาเขตติดต่อ
- 12. ตราประจำจังหวัด : รูปปรางค์กู่มีดอกลำดวน 6 กลีบอยู่เบื้องล่าง ( เดิมใช้ภาพปราสาทหินเขาพระวิหารเป็นตราประจำจังหวัด มาเปลี่ยนเป็นตราปัจจุบันเมื่อ พ . ศ . 2512 ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกลำดวน ( Melodorum fruticosum ) ต้นไม้ประจำจังหวัด : ลำดวน ( Melodorum fruticosum ) คำขวัญประจำจังหวัด : หลวงพ่อโตคู่บ้าน ถิ่นฐานปราสาทขอม ข้าว หอมกระเทียมเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม เลิศล้ำสามัคคี
- 14. จังหวัดศรีสะเกษ แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 9 คน โดยแต่ละเขตแบ่งออกดังนี้ เขต 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอยางชุมน้อย อำเภอกันทรารมย์ อำเภอโนนคูณ อำเภอพยุห์ อำเภอราษีไศล อำเภอศิลาลาด อำเภอบึงบูรพ์ และอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ เขต 2 ประกอบด้วย อำเภอเมืองจันทร์ อำเภออุทุมพรพิสัย อำเภอห้วยทับทัน อำเภอวังหิน อำเภอปรางค์กู่ อำเภอขุขันธ์ และอำเภอภูสิงห์ เขต 3 ประกอบด้วย อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอไพรบึง อำเภอศรีรัตน อำเภอเบญจลักษ์ และอำเภอน้ำเกลี้ยง การเลือกตั้ง
- 15. จังหวัดศรีสะเกษนั้น ตอนใต้มีทิวเขาพนมดงรัก ซึ่งทอดตัวในแนวตัวตกและตะวันออกเป็น เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ยอดเขาสูงสุดในจังหวัดชื่อ " พนมโนนอาว " สูงหกร้อยเจ็ดสิบเอ็ดเมตรจากระดับทะเลปานกลาง โดยตั้งอยู่ในเขตอำเภอกันทรลักษ์จากเขาพนมโนนอาวนี้ พื้นที่ค่อย ๆ ลาดต่ำขึ้นไปทางเหนือลงสู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลอนลาด มีระดับความสูงระหว่าง หนึ่งร้อยห้าสิบเมตรถึงสองร้อยเมตรจากระดับทะเลปานกลาง มีลำน้ำหลายสายไหลผ่านที่ราบลอนลาดนี้ลงไปยังแม่น้ำมูลซึ่ง ได้แก่ ห้วยทับทัน ห้วยสำราญ และห้วยขะยุง ภูมิประเทศ
- 16. ตัวเมืองตั้งอยู่ฝั่งห้วยสำราญ ห่างจากแม่น้ำมูล ไปทางทิศใต้ประมาณสิบกิโลเมตร และอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง หนี่งร้อยยี่สิบหกเมตรทางตอนเหนือของจังหวัดมีแม่น้ำมูลไหลผ่านเขต อำเภอราษีไศลอำเภอยางชุมน้อยและอำเภอกันทรารมย์ เป็นระยะทางยาวประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลมเตร บริเวณนี้ถือเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัด เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่อันอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ประมาณ 115-130 เมตร
- 17. ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นที่ราบขนาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ อยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดร้อยเอ็ด การที่ได้ชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าชนเผ่ากุลาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่าได้เดินทางมาค้าขายผ่านทุ่งแห่งนี้ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินเป็นทราย เดินทางยากลำบาก เหมือนอยู่กลางทะเลทราย ทำให้คนพวกนี้ถึงกับร้องไห้ ในอดีตทุ่งกุลาร้องไห้ในฤดูแล้ง พื้นที่ส่วนใหญ่จะแห้งแล้งมาก ส่วนในฤดูฝนน้ำจะท่วมทุกปี ใต้พื้นดินลงไปเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถทำการเกษตรได้ หลังจากที่ได้มีการพัฒนาที่ดินแล้ว ทุ่งกุลาร้องไห้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ และกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มีชื่อเสียงของไทย
- 21. จากกรุงเทพมหานครสามารถเดินทางไปยังจังหวัดศรีสะเกษได้ดังนี้ โดยรถไฟ สายตะวันออกเฉียงเหนือ มาลงที่สถานีศรีสะเกษ ระยะทาง 515.09 กิโลเมตร โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ( ถนนพหลโยธิน ) ถึงทางแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ( ถนนมิตรภาพ ) ที่กิโลเมตรที่ 107 แล้วไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ถึงจังหวัดนครราชสีมา แยกทางขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์จึงถึงจังหวัดศรีสะเกษ รวมระยะทาง 571 กิโลเมตร โดยรถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ สายตะวันออกเฉียงเหนือ มาลงที่สถานีรขนส่งผู้โดยสาร จังหวัดศรีสะเกษได้โดยตรง โดยเครื่องบิน สามารถเดินทาง โดยสายการบินภายในประเทศมายังท่าอากาศยานอุบลราชธานี และเดินทางต่อมายังจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยระยะทางอีกประมาณ 60 กิโลเมตร
- 22. การศึกษา โรงเรียน ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดศรีสะเกษ ระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ศูนย์วัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาศรีสะเกษ วิทยาลัยเฉลิมกาญจนา
- 23. แหล่งประวัติศาสตร์ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ บริเวณที่ตั้งของจังหวัดนี้เคยเป็นอู่วัฒนธรรมสมัยทวารวดีและอาณาจักรเขมร โบราณเช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากหลักฐานทาง โบราณค ด ีที่บ้านหลุบโมก ตำบลเมืองคง อำเภอราศีไศล พบร่องรอยเมืองโบราณ มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบสองชั้น ภายในเมืองมีซากโบราณสถานและใบเสมาอัน แสดงถึงร่องรอยการนับถือพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังพบปราสาท และปรางคู่อีกหลายแห่ง โดยเป็นศิลปะเขมรราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 แหล่งทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย , ปราสาทตาเล็ง อำเภอขุขัน์ , ปราสาทโดนตวล อำเภอกันทรลักษ์ และปราสาทปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่
- 31. กีฬา ในจังหวัดศรีสะเกษ มีการจัดการแข่งขันกีฬาในระดับประเทศหลายครั้ง ได้แก่ การแข่งขันกีฬายกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย พ . ศ . 2552 การแข่งขันกีฬาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย พ . ศ . 2552 กีฬาอาชีพในศรีสะเกษนั้น มีสโมสรฟุตบอลอาชีพ คือ สโมสรฟุตบอลจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลทีมแรก ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้ผ่านเข้าแข่งขันในการ แข่งขันฟุตบอลอาชีพสูงสุดของประเทศไทย คือ ไทยพรีเมียร์ลีก
- 32. คำขวัญ : " ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม กระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม "
- 34. บรรณานุกรม สารานุกรมเสรี . “ จังหวัดศรีสะเกษ .” 6 ธันวาคม 2553. < http://th.wikipedia.org/wiki. > 8 ธันวาคม 2553. จังหวัดศรีสะเกษ . “ จังหวัดศรีสะเกษ .” 8 ธันวาคม 2553. < www.toursisaket.com/.> 8 ธันวาคม 2553.
- 35. จบการนำเสนอ จัดทำโดย นายธีรวุฒิ ดวงบุรมย์ ชั้น ม . 5 / 3