More Related Content
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
นัทธพงศ์ ดอนศรี.
- 3. ประวัติ จอร์แดน
อร์แดนเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรและได้รับเอกราชเมื่อวันที่
25 พฤษภาคม 2489 หลังจากนั้นในปี 2496
สมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซนเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระประมุขของจอร์แดน จนถึง
ต้นปี 2542 และสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 บิน อัล ฮุสเซ็น เสด็จขึ้น
ครองราชย์สืบต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน พระราชบิดาซึ่งเสด็จสวรรคต
โดยทรงกระทาสัตย์สาบานต่อรัฐสภาจอร์แดน
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2542
จอร์แดนเป็นประเทศเล็กและไม่มีทางออกทะเล ยกเว้นที่เมืองท่าอะกาบาออกทะ
เอแดงจึงทาให้ต้องพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน
โดยเฉพาะอิรักในการขนส่งสินค้าผ่านทางทะเล ในอดีตกษัตริย์ฮุสเซ็นทรงมี
บทบาทอย่างสูงต่อเสถียรภาพในภูมิภาค โดยทรงเป็นผู้ที่มีบทบาทสาคัญ
ในการไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศอาหรับ นอกจากนั้น การ
ที่จอร์แดนได้ลงนามความตกลงสันติภาพกับอิสราเอลในปี 2537
ทาให้กษัตริย์ฮุสเซ็นทรงมีความสาคัญต่อกระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพใน
ตะวันออกกลางในสายตาของสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้น
- 4. ลักษระประเทศ จากแผนที่
ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน (อังกฤษ: Hashemite
Kingdom of Jordan; อาหรับ: األردنية المملكة
الهاشمية
)หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า จอร์แดน (อังกฤษ:
Jordan; อาหรับ: األردن
Al-Urdunn อัลอุรดุน)
เป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีพรมแดนติดกับประเทศ
ซีเรียทางทิศเหนือ ติดต่อกับอิรักทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับซาอุดีอาระเบียทางทิศ
ตะวันออกและทิศใต้ รวมทั้งติดต่อกับอิสราเอลและ
ดินแดนที่อิสราเอลครอบครองทางทิศตะวันตก
จอร์แดนเป็นประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเล มีชายฝั่ง
ทะเลเดดซีร่วมกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอล
ครอบครอง มีชายฝั่งอ่าวอะกาบาร่วมกับอิสราเอล
ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์
- 5. ความเป็นมา ต่างๆ
การก่อตั้งประเทศ หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และการ
สิ้นสุดของจักรวรรดิออตโตมาน (อุษมานียะฮ์)
สหราชอาณาจักรซึ่งได้อาณัติในการปกครองพื้นที่ส่วน
ใหญ่ของภูมิภาคตะวันออกกลาง แบ่งเขตกึ่งปกครอง
ตนเอง
Transjordan ออกจากปาเลสไตน์ต่อมา สหราช
อาณาจักรร้องขอต่อสันนิบาตชาติเพื่อให้เอกราช
Transjordan
เมื่อปี 2489 และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นราชอาณาจักร
“จอร์แดน” ตั้งแต่ปี 2493 โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดี
อับดุลลอฮ์ที่ 1 เป็นผู้ปกครองพระองค์แรก อนึ่ง ความพ่าย
แพ้ในสงคราม 6 วันกับอิสราเอลเมื่อปี 2510 ส่งผล
ให้จอร์แดนต้องสูญเสียดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้า
จอร์แดน (เขตเวสต์แบงก์) ให้อิสราเอล ก่อนที่จะตัดสินใจ
ประกาศสละการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนดังกล่าวเป็น
การถาวรตั้งแต่ปี 2531
- 6. ระวตัิความเป็นมา
จอร์แดนเคยอยูู่ภายใตการปกครองของอ ู้ งกฤษและได ูั ร้ับ
เอกราชเมื่อวนทั ูีู่ 25 พฤษภาคม
ค.ศ. 1946 หลงจากน ูั ู้นั ในปีค.ศ. 1953 กษตรั ูิยฮ์ูุสเซ็น
เสด็จข้ึนครองราชยเป์ ู็นพระประมุขของจอร์แดน
จนถึงตนป้ ูีค.ศ. 1999 และพระราชโอรสองคโตข ู์ ูู้ึนครอง
ราชยส์ืบแทนเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีอบดั ูุล
ลาห์บิน อลฮั ูุสเซน แห่งจอร์แดน จอร์แดนเป็นประเทศเลก็ มี
เมืองท่าอะกาบาออกทะเลแดงแห่งเดียว
ทางตอนใตของประเทศ ในอดีตกษตรั ูิยฮ์ูุสเซ็นทรงมีบทบาทอ
ยางส ู่ ููงต่อการธารงเสถ ู ูียรภาพในภูมิภาค โดยทรง
เป็นผทู้ี่
มีบทบาทสาค ญในการไกลเกลี่ยปัญหาความขดแย ูั งระหว ู้
ู่างกลุ่มประเทศอาหรับ นอกจากน้นั การที่
จอร์แดนไดลงนามความตกลงส นติภาพกบอั ูิสราเอลในปีค.ศ.
1994 ทาให กษตรัยฮ์ สเซ็นทรงมี
ความสาคญต อกระบวนการเจรจาเพ่ือสันติภาพในตะวนออก
กลางในสายตาของสหร ฯ และโลก
ตะวนตกเพมมากข้ึนจนถึงปัจจุบน
- 7. ความเป็นมาของธงชาติ
ธงชาติจอร์แดน (อาหรับ: األردن علم
)เป็นธงที่ดัดแปลงลักษณะมาจากธง
ขบวนการปฏิวัติอาหรับ ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านจักรวรรดิออตโตมัน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2
ส่วน พื้นเป็นแถบสีดา สีเขียว และสีขาว แบ่งตามแนวนอนของธง ความกว้าง
เท่ากันทุกแถบ ที่ด้านคันธงนั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วสีแดง ภายในรูปนั้นมี
ดาวเจ็ดแฉกสีขาว 1 ดวง สีของธงนี้ทั้งหมดเป็นสีพันธมิตรอาหรับ
ในธงนี้แถบสีดาหมายถึงแคว้นกาหลิบอับบาซิด (Abbasid Caliphate)
แถบสีเขียวหมายถึงแคว้นกาหลิบอูมายยัด (Umayyad Caliphate)
แถบสีขาว หมายถึง แคว้นกาหลิบฟาติมิด (Fatimid Caliphate) รูป
สามเหลี่ยมสีแดงหมายถึงอาณาจักรฮัชไมต์ (Hashemite) และการปฏิวัติ
อาหรับ ดาวเจ็ดแฉกสีขาว ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทาให้แยกความแตกต่างของธงนี้จาก
ธงชาติปาเลสไตน์ได้มีความหมายอยู่ 2 นัย นัยหนึ่งหมายถึงบทสวดในซูเราะฮ์
7 บทแรกในพระคัมภีร์อัลกุรอาน อีกนัยหนึ่งหมายถึงความสามัคคีของชนชาว
อาหรับ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งยังเชื่อกันว่าดาวนี้หมายถึงเนินเขา 7 ลูกซึ่งอยู่ในที่ตั้งของ
กรุงอัมมาน เมืองหลวงของประเทศ
ธงนี้เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2460 เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอาหรับ
ต่อมาจึงได้เพิ่มรูปดาวลงในธงเมื่อปี พ.ศ. 2471 เมื่อสหราชอาณาจักรได้มอบ
เอกราชบางส่วนแก่ประเทศจอร์แดน
- 8. ดอกไม้ประจาชาติ จอร์แดน
อัมมาน(Amman) เป็นเมืองหลวงของชาวจอร์แดน(Jordan) ผู้มา
เยี่ยมชมจะถูกต้อนรับด้วยดอกไม้กว่าร้อยสีสันที่จัดขึ้น ดอกไม้ที่มีความ
โดดเด่นและสะดุดตา และดูสง่าที่สุดคือ ดอกไอริสสีม่วง (Black Iris)
ดอกไม้ประจาชาติ ดอกไอริสสีม่วง ถูกแกะสลักบนฝาผนัง เป็นสัญลักษณ์
บนงานครบรอบประเทศจอร์แดน ฤดูใบไม้ผลิของจอร์แดน จะเห็นดอกไม้
และพืชพรรณผลิบานกว่า 2000 ชนิด ทาให้เมืองทะเลทรายกลายเป็น
แหล่งน้า ดอกไม้ที่สามารถพบเห็นได้บ่อย ดอกอัลมอนด์(Almond
Flowers),ดอกคาล่า ลิลลี่ (Calla lilies),กุหลาบ,กล้วยไม้,ดอก
คอนเฟตติ(Confetti Flowers)เจริญเติบโตได้ดีในเมืองนี้ ชาว
จอร์แดนชอบตกแต่งบ้านด้วยดอกไม้ บ่อยครั้งที่จัดดอกกล้วยไม้และลิลลี่
กุหลาบก็เป็นที่นิยม
ดอกไอริสแซมในแจกัน หนึ่งในดอกไม้สัญลักษณ์ของจอร์แดน คือต้นหาง
นกยูงฝรั่งในหุบเขาริฟ (Rift Valley) ต้นไม้ขนาดใหญ่สีแดงเหมือน
เปรียบเหมือนร่ม ให้ร่มเงา ความอบอุ่น ในหน้าร้อนของเดือนมิถุนายน
ตลอดทั้งหุบเขา ผู้เข้าชมจะได้พบกับความสวยงามของต้นไม้และพรรณ
ไม้ ตามทางของหุบเขา และร่องรอยภูเขาไฟ และสามารถพบเห็นดอกไม้
เบ่งบานที่สี่แยกอาราเดีย(Aradia Intersection)พืชพรรณท้องถิ่น
อื่นๆรวมทั้งดอกป๊อปปี้สีแดง(Red Poppies)และดอกอนีมูน
(Anemone)
ดอกไอริสสีดา
- 10. อาหารประจาชาติ จอร์แดน
Mansaf
อาหารประจาชาติของจอร์แดนคือ Mansaf ซึ่งเป็นอาหารเบ
ดูอิน เนื้อแกะกับสมุนไพรหอมปรุงในโยเกิร์ตแห้ง (มีชื่อ) เสิร์ฟ
พร้อมข้าวและประดับด้วยต้นสนหรือถั่วอื่น ๆ มันมักจะเป็น
สัญลักษณ์ของโอกาสเช่นงานแต่งงานและเช่นเดียวกับ
อาหารเบดูอินส่วนใหญ่มันกินแบบดั้งเดิมด้วยมือขวา
อาหารยอดนิยมอีกอย่างคือ Maglouba ทาจากเนื้อแกะ
หรือไก่และมะเขือยาวบางครั้งดอกกะหล่าทอด Maglouba
แปลว่า "Upside Down" ทาให้หม้อตุ๋นนี้กลับด้าน
หลังจากเตรียมการ ประสบการณ์พิเศษคือ Zarb จานเบดูอิน
เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่เป็นเนื้อแกะปรุงด้วยวิธีการย่างแบบใต้ดินที่
ไม่เหมือนใครในเตาอบโคลนเสิร์ฟพร้อมข้าวและผัก ที่คล้ายกัน
มากคือ Mandi ซึ่งมักจะทาจากเนื้อแกะที่ปรุงในเตาดิน
เหนียวชนิดพิเศษ ไม้แห้งวางอยู่ในเตาอบเผาถ่านจากนั้น
เนื้อสัตว์จะถูกวางไว้ข้างในและปิดเตาอบทั้งหมดเพื่อให้ไม่มี
ควันหนี
- 11. สถานที่ท่องเที่ยวใน จอร์แดน
มรดกโลก เมืองเพตรา
เมืองเพตรา เป็นเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปี มี
เอกลักษณ์คือ วิหารสีชมพู (The Siq) ที่เกิดจากการ
แกะสลักลงไปบนหินผาอย่างมหัศจรรย์ ถูกค้นพบและได้รับ
การประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ.
1985 และวิหารนี้ยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
มีจุดให้เดินชมหลายจุด เราจะได้ชมวิวเมืองเพตราในมุมที่
แตกต่างกันออกไป
- 12. อารยธรรมโรมัน ที่เจราช
เจราช หรือ เมืองพันเสา หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า ปอมเปอี
แห่งตะวันออก คือหนึ่งในเมืองโบราณที่มีสถาปัตยกรรม
โรมันที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดบนถนน
อาณานิคม (Collonaded Street) ยังมี
สถาปัตยกรรมโรมันให้เราได้ชมอย่าง ห้องอาบน้า โรง
ละคร พลาซ่า และซุ้มประตู ซึ่งยังอยู่ในสภาพสวยงาม
สมบูรณ์ ภายในกาแพงเมืองที่เหลืออยู่ นักโบราณคดีได้
พบซากปรักหักพังของการตั้งถิ่นฐานของอารยธรรมมนุษย์
ย้อนหลังไปถึงยุคหินใหม่เป็นเวลานานกว่า 6,500 ปีเลย
ทีเดียว
ทะเลทรายวาดิรัม
หากคุณมาเที่ยว จอร์แดน อย่าพลาดการมาตะลุยทะเลทรายสีแดงที่
เมืองวาดิรัม ซึ่งมีฉายาว่า “หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley
of the Moon) วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามี
มนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล วาดิรัมเป็นหนึ่ง
สถานที่ท่องเที่ยวที่สาคัญและดึงดูดนักท่องเที่ยวจานวนมากใน
จอร์แดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินและปีน
เขา นอกจากนั้นยังมีการขี่อูฐ และเที่ยวซาฟารีด้วยม้า แนะนาว่าให้
จัดชุดมาแน่นๆ พร็อบเต็มๆ เพราะได้ถ่ายรูปสวยท่ามกลาง
ทะเลทรายแน่นอน
- 13. ล่องเรือในทะเลแดง
ที่เมืองอัคคาบาของจอร์แดน เป็นเมืองเดียวที่อยู่ติดทะเล
แดง ซึ่งบริเวณอ่าวอัคคาบานั้น น้าทะเลจะเป็นสีฟ้าเทอค
วอยซ์สวยงามและไม่มีคลื่น เหมาะแก่การนั่งเรือชมอ่าว
ซึ่งจะมีเรือท้องกระจกไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว
ทะเลสาบเดดซี
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดในการมา เที่ยวจอร์แดน นั่นก็คือ การได้ลอยตัว
บนทะเลสาบเดดซี ในเมืองอัมมัน ซึ่งความเค็มของทะเลสาบเดดซีนั้นสูงถึง
30% (เทียบกับทะเลบ้านเราแค่ประมาณ 3%) ทาให้ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ ใน
ทะเลสาบแห่งนี้เลย และด้วยความเข้มข้นของเกลือนี่เองที่ทาให้เราสามารถ
ลอยตัวได้แต่ระวังอย่าให้น้าทะเลเข้าตาหรือปากเด็ดขาด! แนะนาว่าถ้ามา
เที่ยวเดดซี ควรจองที่พักที่มี Private Beach ไปเลยจะคุ้มกว่าการจ่าย
ค่าเข้าหาดบริเวณชายหาดสาธารณะ
สรุปคือการไป เที่ยวจอร์แดน นั้นปลอดภัยและน่าเที่ยวมากๆ แต่ถ้าคุณไม่
กล้าไปเที่ยวด้วยตัวเอง แนะนาว่าซื้อ เที่ยวจอร์แดน ไปเที่ยวจะสะดวกกว่า
จะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างสนุกสนานเต็มที่ ใครสนใจคลิกชม
โปรแกรมเที่ยวได้เลยจ้า
- 14. เทศกาลของ จอร์แดน
เทศกาลฮักกายา
กว่า 3 ทศวรรษแล้วที่ทุกสัปดาห์ที่ 1 และ 2 ของเดือน
พฤษภาคมจะมีการจัดงานศิลปวัฒนธรรมระดับชาติที่มี
ศูนย์กลางในกรุงอัมมาน และอีกหลายในขนาดต่างกันไปใน
หลายพื้นที่ทั่วประเทศ กิจกรรมสาคัญคือการเล่าเรื่อง หนึ่งใน
วิธีเก่าแก่ที่ชนเผ่าทะเลทรายใช้เป็นแหล่งข่าวสาร สร้าง
ความสัมพันธ์ขณะนั่งรอบกองไฟยามค่าคืน ปัจจุบันเป็น
เทศกาลนานาชาติมีผู้เข้าร่วมนอกเหนือจากชาวทะเลทราย
หรือชาติอาหรับ อย่างผู้เจ้าร่วมจากเดนมาร์ก และอีกหลาย
ชาติในยุโรป
เทศกาลรอมฎอน
ถือเป็นสิทธิพิเศษ ถ้าคุณเลือกที่จะไปถือศีลอดเดือนรอมฎอนที่จอร์แดน ซึ่งทุกค่า
คืนในเดือนแห่งการถือศีลอันศักดิ์สิทธิ์มาตลอดวัน เทศกาลดนตรีที่จัดเตรียม
คอนเสิร์ตหลากหลายรูปแบบไว้ให้ความบันเทิงหลังพระอาทิตย์ตกดินที่บริเวณ
ป้อมอัมมานปราการโบราณสถานกลางเมืองหลวงยุคใหม่
เทศกาลราบี อาวัล
หมายถึงเดือนแห่งการฉลองทางศาสนา วันสาคัญคือ 31 มีนาคมหรือวันเมาลิด
(อาจเลื่อนเป็นวันอื่นขึ้นกับปฏิทินจันทรคติ) อันเป็นวันประสูติของศาสดามูฮัม
หมัด จะมีการเฉลิมฉลองทั่วประเทศ อาคารร้านรวงจะตกแต่งประดับดวงไฟสว่าง
โดยเฉพาะตามตลาดอาหารเพราะนี่คือช่วงเวลาที่ฉลองด้วยรสชาติอิ่มหนาของ
อาหารพื้นบ้าน
- 15. ตราแผ่นดิน จอร์แดน ตราแผ่นดินของจอร์แดน (อาหรับ: الهاشمية األردنية المملكة شعار
()ตรา
แผ่นดินออกแบบตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่
1) ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2464 ต่อมาได้มีการ
แก้ไขแบบตราแผ่นดิน ตามคาแนะนาของสภามุขมนตรี ในมาตราที่ 6 ว่าด้วยตรา
แผ่นดิน เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2525.
ใช้ตรา สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2
เริ่มใช้ พ.ศ. 2464
เครื่องยอด เหยี่ยวยืนอยู่โลก ปีกของเหยี่ยวจับธงชาติจอร์แดน ศีรษะเหยี่ยวหันไป
ทางขวา
แพรประดับ ลูกโลกสีน้าเงิน
โล่ สาริดตกแต่งเป็นรูปดอกเบญมาศ
ประคองข้าง ธงชาติจอร์แดน (ธงขบวนการปฏิวัติอาหรับ)ลูกโลก ข้าวสาลีลีทอง และ
ใบปาล์มสีเขียว
ฐานรองข้าง ข้าวสาลีลีทอง ใบปาล์มสีเขียว และริ้บบิ้นสีเหลือง
คาขวัญ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 บิน อัลฮุสเซน บิน อาอูน
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน ผู้ทรงได้รับการเกื้อหนุนและชี้นา
จากอัลลอหฺ (อาหรับ: الحسين بن الثاني هللا عبد
"
،
"
الهاشمية األردنية المملكة ملك
"
،
"
والعون التوفيق هللا من الراجي
)
อิสริยาภรณ์ เหยี่ยว
ส่วนประกอบอื่น มงกุฏพระมหากษัตริย์จอร์แดน ดอกบัว 5 ดอก