More Related Content
Similar to งานนำเสนอ1 (20)
More from Gawewat Dechaapinun
More from Gawewat Dechaapinun (20)
งานนำเสนอ1
- 3. นอกจำกคำว่ำ “เทววิทยำ” แล้ว ในทำงอภิปรัชญำยังมี
คำที่ใช้ในลักษณะเดียวกันอีกคำหนึ่งคือคำว่ำ “เทวนิยม”
(Theism)ซึ่งหมำยถึงลัทธิที่เชื่อว่ำ “มีพระเจ้ำผู้ทรง
อำนำจยิ่งใหญ่พระองค์เดียว พระเจ้ำนั้นทรงอำนำจ
ครอบครองโลก และสำมำรถดลบันดำลควำมเป็นไปในโลก”
ดังนั้นจะเห็นว่ำ เทววิทยำ ในทำงอภิปรัชญำจะเน้นว่ำ พระ
เจ้ำมีอยู่จริง เป็นสิ่งที่มีอยู่อย่ำงเที่ยงแท้ถำวร ไม่ใช่เป็นเพียง
อุดมคติตำมทัศนะของธรรมชำตินิยมบำงพวกเข้ำใจเท่ำนั้น
- 4. เทววิทยำ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. เทววิทยำธรรมชำติ (Natural Theology)
2. เทววิทยำวิวรณ์ (Revealed or Sacred Theology)
เทววิทยำธรรมชำติ หมำยถึง พระเจ้ำเปิดเผยสัจจะไว้ในธรรมชำติโดย
ให้มนุษย์ใช้ควำมสำมำรถของตนค้นคว้ำไปเรื่อย ๆ หมำยควำมว่ำ ควำม
จริงหรือสัจภำวะนั้น มิได้ปรำกฏเพียงแต่ในคัมภีร์ หำกแต่ปรำกฎใน
ธรรมชำติด้วย และกฎธรรมชำตินั้นเป็นกฎที่แน่นอนตำยตัว ไม่ว่ำมนุษย์จะ
เอำไปตีควำมอย่ำงไร กฎก็ยังคงเดิมเป็นนิรันดร์
- 5. เทววิทยำวิวรณ์ หมำยถึง กำรเปิดเผยโดยตรงของพระ
เจ้ำ หรือที่เรียกว่ำ “เทวบันดำล” คือกำรที่พระเจ้ำทรงเปิดเผย
ควำมรู้แก่มนุษย์ผู้ที่ทรงเลือกแล้ว เช่นเปิดเผยบัญญัติ 10
ประกำรให้แก่โมเสส หรือคัมภีร์ไบเบิ้ลแก่พระเยซู หรือ
คัมภีร์อัลกุรอ่ำนแก่ท่ำนนะบีมูฮัมหมัด เป็นต้น
- 6. ลักษณะของวิวรณ์นั้นมี 2 ลักษณะคือ
การที่สิ่งเหนือธรรมชาติเปิดเผยความรู้แก่มนุษย์ สิ่งเหนือธรรมชาติ
ที่ว่านั้นได้แก่ พระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงความรู้ เพราะเป็นผู้รอบรู้ทุก
อย่าง ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นผู้เปิดเผยความรู้ของพระองค์
แก่มนุษย์ ความรู้ที่ได้จากการเปิดเผยของสิ่งเหนือธรรมชาติ เมื่อพระ
เจ้าเปิดเผยความรู้แก่มนุษย์แล้ว จะสังเกตได้ว่ามนุษย์เรามีความรู้ซึ่ง
ได้จากการเปิดเผยของพระเจ้า เพราะหากพระองค์ไม่เปิดเผยความรู้
แก่มนุษย์ มนุษย์ไม่สามารถจะมีความรู้ได้เลย
- 7. พระเจ้าคืออะไร
กับคาถามที่ว่า พระเจ้าคืออะไร ? เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้ เป็น
ปัญหาที่ง่าย แต่ยากที่จะให้คาตอบ และพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ เพราะ
จะระบุลงไปโดยชัดเจนว่า พระเจ้าเป็นสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ เพื่อให้
เข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้า นักปรัชญาจึงพยายามหาคาตอบโดย
กล่าวถึงลักษณะหรือธรรมชาติของพระเจ้าว่าเป็นอย่างไร เกี่ยวกับ
ธรรมชาติของพระเจ้า นักปรัชญาฝ่ ายเทวนิยมได้กล่าวไว้ต่าง ๆ
กัน พอจะสรุปได้ดังนี้
- 13. 6. พระเจ้ำเป็นที่มำของอุดมคติ นั่นคือ พระเจ้ำเป็นที่มำของ
ควำมจริง ควำมดี ควำมงำม และควำมบริสุทธิ์ กล่ำวคือควำม
จริงเป็นอุดมคติของตรรกวิทยำ ควำมดีเป็นอุดมคติของจริย
ศำสตร์ ควำมงำมเป็นอุดมคติของสุนทรียศำสตร์
- 15. ดังนั้น เทวนิยม จึงหมำยถึง พระเจ้ำผู้ยิ่งใหญ่เพียง
พระองค์เดียว ดำรงอยู่ในฐำนะเป็นพระอติเทพหรือเทพผู้สูงสุด
เช่น พระพรหมของฮินดู เป็นต้น ซึ่งเชื่อกันว่ำ พระอติเทพ
เหล่ำนี้ เป็นผู้สร้ำงโลก และสรรพสิ่งต่ำง ๆ มำจำกควำมว่ำง
เปล่ำ แล้วมอบพลังต่ำง ๆ
- 16. 2. สกลเทพนิยม (Pantheism) มีควำมเชื่อว่ำ พระเจ้ำเป็น
เทพที่อยู่ในโลกนี้ และเป็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโลก นั่นคือ
พระเจ้ำคือสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็คือพระเจ้ำ (All is God)
คำว่ำ “Pantheism” มำจำกคำว่ำ “Pan” (ทั้งหมด, ทั้ง
ปวง) และ “theism” (เทวนิยม)
- 17. 3. สรรพเทวนิยม (Theism) มีควำมเชื่อว่ำ พระเจ้ำเป็นเทพทั้งที่อยู่
เหนือโลกและอยู่ในโลก แต่อยู่เหนือวิญญำณมนุษย์โดยประกำรทั้งปวงที่
เชื่อว่ำ พระเจ้ำเป็นเทพทั้งที่อยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก หมำยควำมว่ำ
พระเจ้ำเป็นผู้สร้ำงโลก แต่อยู่พ้นโลกขึ้นไปในฐำนะเป็นอำนำจอันไม่
จำกัด ซึ่งขยำยพ้นขอบเขตของโลกที่จำกัดขึ้นไป
- 18. 4. สำกลเทพนิยม (Panentheism) มีควำมเชื่อว่ำ พระเจ้ำ
เป็นเทพทั้งอยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก ทั้งอยู่เหนือวิญญำณ
มนุษย์และอยู่ในวิญญำณมนุษย์โลก กล่ำวคือ
ที่เชื่อว่ำ พระเจ้ำอยู่เหนือโลก หมำยควำมว่ำ พระเจ้ำเป็น
วิญญำณที่ไม่จำกัด
- 19. พิสูจน์ควำมมีอยู่ของพระเจ้ำ
(Proof for Existence of God)
กับคำถำมที่ว่ำ พระเจ้ำมีอยู่จริงหรือไม่ ? ปัญหำนี้เป็นปัญหำที่นัก
ปรัชญำและนักกำรศำสนำพยำยำมหำข้อพิสูจน์ โดยที่นักกำร
ศำสนำฝ่ำยเทวนิยมพยำยำมพิสูจน์ว่ำ พระเจ้ำมี ในขณะที่นักกำร
ศำสนำฝ่ำยอเทวนิยมพยำยำมพิสูจน์ว่ำ พระเจ้ำไม่มี แม้แต่นัก
ปรัชญำเทวนิยม และนักปรัชญำจิตนิยมก็เช่นกัน
- 20. 1. เหตุผลทำงจักรวำลวิทยำ (Cosmological Argument)
2. เหตุผลทำงเจตจำนง หรือวัตถุประสงค์ (Teleological
Argument)
3. เหตุผลทำงภววิทยำ (Ontological Argument)
4. เหตุผลทำงจริยธรรม (Moral Argument)
- 22. ดังนั้น สิ่งที่อิสระ สิ่งสัมบูรณ์ สิ่งที่ไม่จำกัดและเป็นปฐมเหตุนั้นคือ
พระเจ้ำ เพรำะฉะนั้น พระเจ้ำจึงมีอยู่มำร์ติโนได้อธิบำยลักษณะของ
Deism โดยอำศัยหลักเหตุผลทำงจักรวำลวิทยำเช่นกัน โดยเชื่อว่ำ “มี
พระเจ้ำโดยอำศัยกฎเหตุผล ซึ่งมีเหตุ มีอำนำจ และมีพลัง พระเจ้ำเป็น
ปฐมเหตุของโลก”
- 23. เหตุผลทางเจตจานง หรือวัตถุประสงค์ (Teleological
Argument) ข้อพิสูจน์ควำมมีอยู่ของพระเจ้ำโดยอำศัยเหตุผลทำง
เจตจำนงหรือวัตถุประสงค์นี้ เรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ ข้อพิสูจน์จำกควำม
เป็นระเบียบทำงธรรมชำติ (Argument from Design) ได้
ถือว่ำ โลกนี้มีเอกภำพ มีระเบียบ มีควำมกลมกลืน เช่นมีที่รำบ ภูเขำ
และสมุทร มีพืช สัตว์และมนุษย์
- 25. เหตุผลทางจริยธรรม (Moral Argument) ข้อพิสูจน์ควำมมีอยู่
ของพระเจ้ำโดยอำศัยเหตุผลทำงจริยธรรมนี้ ได้ถือว่ำ พระเจ้ำเป็นผู้
ควบคุมจริยธรรม หำกพระเจ้ำไม่มี คนที่ทำควำมดี ย่อมจะไม่ได้รับกำร
ยกย่องสนับสนุน และคนที่ทำควำมชั่ว ย่อมจะไม่ได้รับกำรลงโทษคนที่
ทำดีแล้วไม่ได้ดี หรือกลับได้รับควำมทุกข์ บำงคนทำคแล้วกลับได้รับ
ควำมสุข แล้วคนเหล่ำนี้ก็ตำยไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รับควำมยุติธรรม
- 26. ทฤษฎีการสร้างโลก (Cosmogony)
ทฤษฎีกำรสร้ำงโลก หรือทฤษฎีกำรกำเนิดจักรวำล เป็นกำรพยำยำมให้
คำตอบเกี่ยวกับกำรกำเนิดของโลกหรือจักรวำลว่ำ โลกหรือจักรวำลเกิด
ขึ้นมำได้อย่ำงไร ?ทฤษฎีนี้ถือว่ำ พระเจ้ำเป็นผู้สร้ำงโลกขึ้นโดยฉับพลัน
พร้อมด้วยบริวำรของโลกและสิ่งที่อำศัยโลกได้แก่ ดำวพระเครำะห์ ดำว
บริวำร พืชและสัตว์สิ่งเหล่ำนี้คงรูปอยู่อย่ำงเดิมเหมือนเมื่อแรกสร้ำง
- 27. 1. กำรสร้ำงโลกแบบสัมบูรณ์
2. กำรสร้ำงโลกแบบมีเงื่อนไข
กำรสร้ำงโลกแบบสัมบูรณ์ หมำยควำมว่ำ พระเจ้ำสร้ำงโลกขึ้นอย่ำง
ฉับพลัน จำกควำมไม่มีอะไรหรือจำกควำมว่ำงเปล่ำ ในลักษณะกำร
เนรมิตว่ำ ขอให้โลกเกิดขึ้น แล้วโลกเกิดขึ้น ซึ่งในขณะนั้นไม่มีอะไรเลย
นอกจำกพระเจ้ำ พระเจ้ำเป็นผู้สมบูรณ์ทุกอย่ำง จะไม่สร้ำงโลกขึ้นเลยก็
ได้ แต่พระองค์สร้ำงโลกขึ้นเพื่อถ่ำยทอดควำมดีงำมทั้งปวงให้แก่สิ่งที่
จำกัด
- 28. จักรวาลวิทยา (Cosmology)
คำว่ำ “จักรวำล” หมำยถึง อวกำศทั้งหมด และสรรพสิ่งที่อยู่ใน
อวกำศ ไม่ว่ำจะอยู่ในลักษณะใดหรือที่ไหนในโลกหรือในอวกำศ
นอกโลก สิ่งเหล่ำนี้ทั้งหมดเรียกว่ำ “จักรวำล”
ศึกษาความหมายและความเป็นมาของวิชาปรัชญา
- 29. เวลำของพระเจ้ำ (God’s time) เซนต์ ออกัสติน (Saint
Augustin) เสนอว่ำ ตำมหลักกำรของศำสนำคริสต์ สรรพสิ่งใน
จักรวำลเกิดจำกกำรสร้ำงของพระเจ้ำ เวลำก็เช่นกัน พระเจ้ำทรงสร้ำงเวลำ
ขึ้นเพื่อให้สรรพสิ่งที่พระองค์สร้ำงดำเนินไปภำยใต้ระบบของเวลำ แต่
พระองค์อยู่นอกระบบเวลำ เมื่อสร้ำงเวลำได้ก็สำมำรถกำหนดให้เวลำ
สิ้นสุดลงในอนำคตได้โดยที่สรรพสิ่งถูกจำกัดด้วยเวลำ ยกเว้นพระเจ้ำ
เพรำะพระองค์อยู่นอกระบบเวลำ จึงไม่ถูกจำกัดด้วยเวลำ
- 30. เวลาสัมบูรณ์ (Absolute time)
นิวตัน (Isaac Newton) ถือว่ำ เวลำเป็นสิ่งที่แท้จริง หรือ
เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชำติ เป็นวัตถุวิสัย (Objective) คือ
เป็นสิ่งที่มีอยู่ด้วยตัวของมันเอง และไม่ใช่กำรเคลื่อนที่ของสสำร
ไม่ใช่ตัวของสสำรที่มีอยู่ภำยใต้ระบบของเวลำ แต่เวลำเป็นสิ่ง
หนึ่งต่ำงหำกจำกสสำรหรือเหตุกำรณ์
- 31. เวลาคือกลไกของมนัส
ค้ำนท์ (Immanuel Kant)เห็นว่ำ สมรรถนะในกำรรับรู้เองเวลำ
อยู่ในกลไกของมนัสกำรรับรู้เรื่องเวลำไม่ได้พัฒนำมำจำก
ประสบกำรณ์ แต่มันมีอยู่ก่อนประสบกำรณ์ เป็นกลไกของมนัส หรือ
จิตของเรำในกำรรับรู้ กล่ำวคือมนัสเป็นกลไกในกำรรับรู้สิ่งต่ำง ๆ
- 33. 1.3 อภิปรัชญาว่าด้วยพระเจ้า หรือสิ่งสัมบูรณ์
นักปรัชญำเป็น 2 พวกคือพวกที่เชื่อไม่เชื่อพระเจ้ำ ซึ่งเรียกสิ่งอัน
เป็นปฐมเหตุของสรรพสิ่งว่ำ กฎเหตุผลสำกลบ้ำง สิ่งสัมบูรณ์บ้ำง
นักปรัชญำกลุ่มนี้ถูกเรียกว่ำ “อเทวนิยม” (Atheism) และอีกพวก
หนึ่งที่เชื่อในเรื่องพระเจ้ำ ซึ่งเรียกสิ่งอันเป็นปฐมเหตุของสรรพสิ่งว่ำ
พระผู้เป็นเจ้ำ นักปรัชญำกลุ่มนี้ถูกเรียกว่ำ “เทวนิยม” (Theism)
- 34. คาว่า “เทวนิยม” (Theism)ในพจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.
2525 ได้นิยำมควำมหมำยไว้ว่ำ “เทวนิยม หมำยถึงลัทธิที่เชื่อว่ำมีพระเจ้ำผู้
ยิ่งใหญ่พระองค์เดียว พระเจ้ำนั้นทำงมีอำนำจครอบครองโลก และสำมำรถดล
บันดำควำมเป็นไปในโลก”
ในพจนำนุกรมศัพท์ปรัชญำ อังกฤษ –ไทย ฉบับรำชบัณฑิตสถำน ได้นิยำม
ควำมหมำยของคำว่ำ “เทวนิยม” (Theism) ไว้ว่ำ “เทวนิยม หมำยถึงทัศนะที่
เชื่อว่ำพระเป็นเจ้ำ (God) มีจริง ทรงเป็นผู้สร้ำงและคุ้มครองโลก และทรงไว้
ซึ่งอัพภันตรภำพ (Immanence)และอุตรภำพ (Transcendence)
ตรงกันข้ำมกับ อเทวนิยม (Atheism)
- 35. แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม
กีรติ บุญเจือ. แก่นปรัชญำกรีก. กรุงเทพ ฯ: ไทยวัฒนำพำนิช, 2528.
-----------------. แก่นปรัชญำยุคกลำง. กรุงเทพ ฯ: ไทยวัฒนำพำนิช, 2527.
จำนงค์ ทองประเสริฐ. ปรัชญำตะวันตกสมัยใหม่. กรุงเทพ ฯ : โรงพิมพ์มหำจุฬำลง
กรณ รำชวิทยำลัย, 2534.
ชัยวัฒน์ อัตพัฒน์. ปรัชญำตะวันตกร่วมสมัย 1. กรุงเทพฯ : มหำวิทยำลัยรำมคำแหง,
2522.
เดือน คำดี. ปัญหำปรัชญำ. กรุงเทพ ฯ: โอเดียนสโตร์, 2530.
----------------. พุทธปรัชญำ. กรุงเทพ ฯ: โอเดียนสโตร์, 2534.
ธีรยุทธ สุนทรำ,ผศ.. ปรัชญำเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหำจุฬำลงกรณรำช
วิทยำลัย, 2539.
- 36. บุญมี แท่นแก้ว, ผศ.. ปรัชญำ, กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2536.
บุณย์นิลเกษ, ดร.. เมตำฟิสิกซ์เบื้องต้น. เชียงใหม่ : คณะมนุษยศำสตร์
มหำวิทยำลัย เชียงใหม่, 2526.
บรรจบ บรรณรุจิ. จิต มโน วิญญำณ. กรุงเทพฯ : ไร่เรือนสมำธิ, 2533.
รำชบัณฑิตยสถำน. พจนำนุกรมศัพท์ปรัชญำ อังกฤษ – ไทย. กรุงเทพ ฯ: รำช
บัณฑิตสถำน, 2532.
วิธำน สุชีวคุปต์ และคณะ, ผศ.. ปรัชญำเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : มหำวิทยำลัย
รำมคำแหง, 2532.
วิธำน สุชีวคุปต์, ผศ.. อภิปรัชญำ. กรุงเทพฯ : มหำวิทยำลัยรำมคำแหง, 2525.
สถิต วงศ์สวรรค์, รศ.. ปรัชญำเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : อักษรพิทยำ, 2540.
สุจิตรำ (อ่อนค้อม) รณรื่น, รศ.. ปรัชญำเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ทิพยวิสุทธิ์,
2540.
แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม
- 37. แหล่งสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม
สนิท สีสำเดง. ควำมรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับปรัชญำและศำสนำ. กรุงเทพ ฯ: นีลนำรำกำร
พิมพ์, 2538.
-------------------. ปรัชญำเถรวำท. กรุงเทพ ฯ: โรงพิมพ์มหำจุฬำลงกรณรำช
วิทยำลัย, 2544.
สุเมธ เมธำวิทยกุล, รศ.. ปรัชญำเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2540.
อดิศักดิ์ ทองบุญ. คู่มืออภิปรัชญำ. กรุงเทพ ฯ: รำชบัณฑิตยสถำน, 2533.
---------------------. ปรัชญำอินเดียร่วมสมัย. กรุงเทพ ฯ: รำชบัณฑิตยสถำน, 2536.
---------------------. ปรัชญำอินเดีย. กรุงเทพ ฯ: รำชบัณฑิตยสถำน, 2532.
อมร โสภณวิเชษฐวงศ์, ผศ.. ปรัชญำเบื้องต้น, กรุงเทพฯ : ประสำนมิตร, 2520