More Related Content Similar to ระบบบริการปฐมภูมิหมออนามัย Similar to ระบบบริการปฐมภูมิหมออนามัย (20) More from Chuchai Sornchumni More from Chuchai Sornchumni (20) ระบบบริการปฐมภูมิหมออนามัย1. 1
ระบบบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ
…กลไกหลักในการพัฒนาสุขภาพชุมชนยั่งยืน
นายแพทย์ ชูชัย ศรชานิ
สานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ร ะ บ บ บ ริ ก า ร สุ ข ภ า พ ป ฐ ม ภู มิ เ ป็ น ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์
และกลไกสาคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ
ระบบบริการปฐมภูมิช่วยทาให้ระบบบริการสาธารณสุขมีประสิทธิภาพและมีผล
ลั พ ธ์ สุ ข ภ า พ ที่ ดี ด้ ว ย ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ไ ม่ สู ง เ กิ น ไ ป
สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จาเป็นของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเชิงประจักษ์ของนานาประเทศบ่งชี้ว่า ระบบบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ
เ อื้ อ ต่ อ ก า ร เ ข้ า ถึ ง บ ริ ก า ร สุ ข ภ า พ ที่ จ า เ ป็ น
แ ล ะ ส ร้ างค ว าม เป็ น ธร ร ม ด้ าน สุ ข ภ าพ แ ก่ ป ร ะ ช าช น แ ล ะ ยั ง พ บ ว่ า
ค ว า ม เ ข้ ม แ ข็ ง ข อ ง ร ะ บ บ บ ริ ก า ร ส า ธ า ร ณ สุ ข ป ฐ ม ภู มิ
มี ค ว าม สั ม พั นธ์ เชิ ง บ ว ก กั บ ภ าว ะสุ ขภ าพข อ ง ป ร ะช าช นใ น ป ร ะ เท ศ
แ ล ะ ยั ง มี บ ท บ า ท ส า คั ญ ใ น ก า ร ท า ใ ห้
ระบบสุขภาพของชุมชนและการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนดีขึ้น
โ ด ย เ ฉ พ า ะ ส า ห รั บ ก ลุ่ ม ผู้ สู ง อ า ยุ เ ด็ ก ผู้ พิ ก า ร
ผู้ประสบภาวะยากลาบากและด้อยโอกาสในสังคม ทั้งในเขตเมือง และพื้นที่ชนบท1
ส า ห รั บ ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี ง า น วิ จั ย ห ล า ย ชิ้ น
ระบุว่าหน่วยบริการปฐมภูมิมีบทบาทหลักในการสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริ
ก า ร สุ ข ภ า พ ที่ จ า เ ป็ น ข อ ง ป ร ะ ช า ช น
1 Starfield B, Leiyu Shi, Macinko J. Contribution of Primary Care to Health Systems and Health. 2005;83:457-502.
2. 2
แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ที่ เ ข้ า ถึ ง บ ริ ก า ร ข อ ง ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ
(โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล) มากขึ้นตามลาดับ2
ขอบฟ้าใหม่ในศตวรรษที่ 21 ของระบบบริการสาธารณสุข
ด้ ว ย พั ฒ น า ก า ร ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ
ที่ มี การพั ฒ นาโค ร งส ร้ างพื้ นฐาน ทั้ งการ ขนส่ ง การเดิ นทางที่ ร วดเร็ ว
การสื่อสารโทรคม เครือข่ายทางสังคม การมีคนชั้นกลางรุ่นใหม่เกิดขึ้นในชนบท
แ บ บ แ ผ น ก า ร ใ ช้ ชี วิ ต ข อ ง ผู้ ค น ( Lifestyle)
ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคมนี้ก่อการเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงต่อปัจจัยบ่งชี้
สุ ข ภ า พ ป ร ะ ช า ช น (Social determinants of health) ข ณ ะ เ ดี ย ว กั น
ประเทศไทยก็กาลังจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. 2558
อันจะมีการไหลเวียนอย่างเสรีได้ ของเศรษฐกิจ ภาคบริการสาธารณสุข –
ธุ ร กิ จ บ ริ ก า ร สุ ข ภ า พ แ ล ะ วิ ช า ชี พ ท า ง ด้ า น สุ ข ภ า พ
อั น จ ะ ก่ อ ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น โ ร ค แ ล ะ ภ า ร ะ โ ร ค
การจัดการสุขภาพในพื้นที่ต่างๆของประเทศไทยทั้งในเขตเมือง ชานเมือง
เขตเศรษฐกิจพิเศษ ต่างๆมีแรงกดดันด้านอุปสงค์ การที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากขึ้น
ผู้ ค น มี อ า ยุ ยื น ย า ว ม า ก ขึ้ น
ส่ ง ผ ล ต่ อ ภ าร ะ ค ว าม เจ็ บ ป่ ว ย แ ล ะ ค ว าม เ สื่ อ ม จ า ก อ ายุ ที่ มี ม าก ขึ้ น
ในขณะที่คนมีชีวิตแบบความเป็นเมืองมากขึ้น ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้เป็นโรคเรื้อรัง ผู้พิการ
ผู้ด้อยโอกาส คนชั้นกลางในเมือง หรือคนที่อยู่ในชนบทแต่ใช้ชีวิตแบบเมือง
ก ล า ง วั น เ ข้ า ม า ใ น เ มื อ ง ท า ง า น ใ น ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร
กลางคืนกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านที่อยู่ขอบชายเมือง มีผลต่อการให้ความหมายของ
“ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ด้ า น สุ ข ภ า พ (Health needs)”
ที่ ไม่ ใ ช่ เพี ยงการ รั กษ าโร ค ใ ห้ หายป่ ว ยอ ย่างค ร อ บ ค ลุ ม ทั่ วถึ งเท่ านั้ น
แ ต่ จ ะ มี ค ว าม หม ายถึ ง การ จั ด การ สุ ข ภ าพใ น ระ ดั บ ชุ ม ช นค ร อ บ ค รั ว
2 สุรศักดิ์บูรณตรีเวทย์, วิวัฒน์ พุทธวรรณไชย, วิศรี วายุรกุล,จรรยาภัทรอาชาชัย.รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการ
ปฏิบัติงานวิชาการการวิจัยเอกสารวิชาการทบทวนองค์ความรู้ เรื่องระบบบริการปฐมภูมิเขตเมือง.คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มกราคม 2555
3. 3
ใ น ด้ า น ก า ร ป้ อ ง กั น ค ว า ม เ สื่ อ ม ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม สุ ข ภ า พ
และสร้างความหลากหลายของทางเลือกที่จะให้บริการ
ภาพที่ 1 ความคาดหวัง และภาพฟ้าใหม่แห่งบริการสุขภาพ
การสร้างสรรค์สู่อนาคตของระบบบริการปฐมภูมิที่ดี จึงต้องมองถึง
ขอบฟ้าใหม่แห่งบริการปฐมภูมิ (New horizon of primary health care)
แนวคิดการพัฒ นาระบบบริการสาธารณสุขในยุค Information age นี้
ต้อ งเป ลี่ยน จ าก การใ ห้ บ ริการเพื่ อ สาหรั บ โรค หรื ออ าการ เฉี ยบ พลั น
ใ ช้ ค ว าม เชี่ ย ว ช าญ ที่ แ ยก ส่ ว น ใ น ก าร ใ ช้ เท ค โ น โ ล ยี โ ร ง พ ย าบ าล
ไม่ต้องบูรณ าการกับภาคประชาชนหรือภาคบริการสาธารณ ะอื่นมากนั ก
เปลี่ยนมาเป็นบริการที่ออกแบบและสามารถวางแผนไว้ล่วงหน้าได้ (Planned care)
เ ชื่ อ ม โ ย ง ข้ อ มู ล ก า ร บ ริ ก า ร ใ น โ ร ง พ ย า บ า ล กั บ
4. 4
บริการปฐมภูมิที่วางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว โดยเฉพาะสาหรับการดูแลโรคเรื้อรัง
ผู้มีปัญหาด้านสุขภาพจิต การใช้ชีวิต และความอยู่ดีมีสุขของผู้สูงอายุ ผู้พิการ
ร ะ บ บ บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย เพื่ อ ก้ า ว สู่ อ น า ค ต
ต้องให้ความสาคัญกับสุขภาพในมิติที่กว้างกว่าบริการทางการแพทย์พื้นฐาน (Not
just only primary medical care)
จะต้องให้ความสาคัญกับการเข้าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาวะที่จาเป็นของประชาชนอ
ย่างถ้วนหน้า และมองการปฏิบัติการในพื้นที่บริการ (District health system
integration) ในการนาไปสู่ความเป็นธรรมด้านสุขภาพ ทั้งที่หน่วยบริการ (คือ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล) และในชุมชน (ชุมชนตามขอบเขตภูมิศาสตร์
และชุมชนเครือข่ายสังคม) ทั้งประเภทบริการ
ที่จัดให้แบบต่อหน้า (Face to face health service) และ
ผ่านทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Delivery of services, information and
technology, eHealth) แก่ชุมชนเป้าหมาย
อนาคตของระบบบริการปฐมภูมิ
บริการทางด้านสาธารณสุข เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสาคัญมากขึ้น เช่น
การ จั ดการ สิ่ ง แ วดล้ อ ม การ จั ดการท รั พยากรส าธาร ณ ะเพื่ อ สุ ข ภ าพ
เพื่อความอยู่ดีมีสุข (Health and wellbeing) สวัสดิการสังคม (Social health
welfare) ก า ร ช่ ว ย เ ห ลื อ ท า ง สั ง ค ม ( Social support)
การแพทย์เสริมกันและการแพทย์ทางเลือก (Complementary and alternative
medicine)
และบริการทางการแพทย์สาหรับโรคอันเนื่องมากจากเงื่อนไขของอาหารการเป็นอยู่
ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ( Chronic non communicable diseases)
โดยมี การ ป รับ สอ ดค ล้ อ ง กั บ ค ว าม จ าเป็ นด้ าน สุข ภ าพ ขอ งป ร ะช าช น
( Responsiveness to medical and non medical health needs)
5. 5
ก ร ะ จ า ย อ า น า จ ก า ร บ ริ ห า ร ภ า ร กิ จ
แ ล ะ ผู้ ป ฏิ บั ติ งาน แ ก่ ท้ อ ง ถิ่ น แ ล ะชุ ม ช นใ ห้ มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ นก าร จั ดก าร
รวมถึงมีการทางานเป็นทีมของบุคลากรด้านวิชาชีพ ที่มีทักษะความสามารถ (Skilled
workforce)
เชื่อมประสานกับองค์กรต่างๆและชุมชนที่มีนาในลักษณ ะผู้จัดการสุขภาพ
( Community health manager)
ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและสังคมซึ่งจะเอื้อต่อการมีสุขภาพดีของประชาชน
(Financing and system performance)3
จากการทบทวนเอกสาร และรายงานองค์การอนามัยโลก4 แสดงให้เห็นว่า
ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ เ ดี่ ย ว ๆ จ ะ เ ติ บ โ ต เ ข้ ม แ ข็ ง ไ ด้ ย า ก
จึงเสนอให้พัฒนาเป็นลักษณะแบบเครือข่ายอาเภอเข้มแข็ง (District Health
System) เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด เ ค รื อ ข่ า ย บ ริ ก า ร
ใ น ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร เ พื่ อ ส นั บ ส นั บ ส นุ น ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ
ให้โรงพยาบาลอาเภอเป็นแม่ข่ายของโรงพยาบาลคู่สัญญาในระบบหลักประกันสุขภา
พ ( Contracting Unit for Primary Care: CUP)
โดยให้มีคณะกรรมการบริหารเครือข่าย ที่มีตัวแทนจากทั้งฝ่ายโรงพยาบาลแม่ข่าย
และตัวแทนของสถานีอนามัยลูกข่าย
ระบบบริการปฐมภูมิของประเทศไทย การพัฒนาที่ผ่านมาและการก้าวสู่อนาคต
แม้ว่ารายงานการเข้าใช้บริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิของประชาชนมีแนวโน้ม
จ า น ว น เ พิ่ ม ขึ้ น แ ต่ ก็ ยั ง มี ที่ ป ร า ก ฏ เ ป็ น ข่ า ว อ ยู่ เ ส ม อ
เกี่ ย ว กั บ ผู้ ด้ อ ย โ อ ก า ส ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ เ ข้ า ถึ ง บ ริ ก า ร ที่ ค ร บ ถ้ ว น
หรือระบบบริการก็ไม่สามารถให้บริการแก่คนที่อยู่นอกเขตรับผิดชอบ ผู้คนที่เดินทาง
นั ก ศึ ก ษ า ค น ต่ า ง ด้ า ว พิ สู จ น์ สิ ท ธิ์
3 Rohde J, Cousens S, Chopra M, et al.30 years after Alma-Ata: has primary health careworked in countries?
Lancet 2008;372: 950–61.
4 World Health Organization.Everybody business :strengthening health systems to improve health outcomes :
WHO’s framework for action.Geneva, Switzerland: WHO Document Production Services;2006.
6. 6
ประช าช นในพื้ นที่ รับ ผิ ดช อ บหนึ่ งซึ่ งอาจจ ะเข้ าถึงบ ริการสุ ขภ าพได้ ดี
ก็ จ ะ มี พ ฤติ กร ร ม ไ ป ใ ช้ บ ริ การ ใ นห ล ายที่ หล ายแ ห่ ง (Shopping care)
ท า ใ ห้ เ กิ ด ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ย า ห ล า ก ห ล า ย ที่ บ้ า น ( Poly pharmacy)
จนต้องทาการรณรงค์โครงการไข่แลกยา
ภ า ย ใ ต้ ร ะ บ บ ห ลั ก ป ร ะ กั น สุ ข ภ า พ แ ห่ ง ช า ติ
การจัดบริการสาธารณ สุขส่วนใหญ่ของระบบบริการปฐมภูมิอยู่ในภาครัฐ
โดยหน่วยบริการปฐมภูมิส่วนใหญ่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข (ร้อยละ 94.75)
ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ร ะ จ า ภ า ค รั ฐ
จะมีการบริหารจัดการเป็นลักษณะเครือข่ายบริการปฐมภูมิโดยมีหน่วยบริหารจัดการ
ก ล า ง ขึ้ น กั บ โ ร ง พ ย า บ า ล เ ป็ น ส่ ว น ใ ห ญ่
ซึ่งปัจจุบันมีพัฒนาการการบริหารเครือข่ายบริการปฐมภูมิในรูปแบบระบบบริการสุข
ภาพระดับอาเภอ (District Health System: DHS) เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
จากนโยบายการสนับสนุนของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่
สปสช. สสส. และ สพช. โดยในปี 2556 กระทรวงสาธารณสุขมีการประกาศนโยบาย
DHS เป็นนโยบายสาคัญของการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิอย่างเป็นเครือข่าย
ต า ร า ง ที่ 1 จ า น ว น ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ร ะ จ า
แ ล ะ ห น่ ว ยบ ริ การ ป ฐม ภู มิ ภ าค รั ฐแ ล ะ ภ าค เอ กช น ปี 2 5 4 7 – 2 5 5 6
ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
7. 7
ที่มา : สานักบริหารงานทะเบียน สปสช.
กลไกการบ ริหารจัดการเครือข่ ายปฐมภู มิ คือ หน่วยบริการประจ า
ซึ่งทาหน้าที่เป็นหน่วยคู่สัญญาของบริการปฐมภูมิ (Contracting Unit for Primary
Care : CUP) โดยส่วนใหญ่ใช้การบริหารจัดการที่ใช้โรงพยาบาลเป็นศูนย์กลาง
ในปัจจุบันแม้จะมีการทางานในรูปแบบ DHS มากขึ้น โดยมีสาธารณสุขอาเภอ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน
เ ข้ า ม า ร่ ว ม เ ป็ น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร เ ค รื อ ข่ า ย
แต่ในความเป็นจริงแต่ละพื้นที่ยังมีความแตกต่างในเชิงการจัดการร่วมกันค่อนข้างมา
ก กล่าวคือในบางพื้นที่ที่กลไก DHS อ่อนแอ ก็ทาให้มีปัญหาการบริหารจัดการ
จากการตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนหน่วยบริการในระบบบริการปฐมภูมิ ปี
2552-2556 พบ ว่าหน่ วยบ ริการป ระจามีแ นวโน้ มการผ่ านเกณ ฑ์ ม ากขึ้ น
กล่ าว คื อ ใ นปี 2552 มี ห น่ ว ยบ ริ การ ป ระ จ า ผ่ าน เก ณ ฑ์ ร้ อ ยล ะ 28.17
ผ่านแบบมีเงื่อนไขร้อยละ 68.01 และไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 2.82 และในปี 2556
พ บ ว่ า ห น่ ว ย บ ริ ก าร ป ร ะ จ า ผ่ าน เก ณ ฑ์ เพิ่ ม ขึ้ น เ ป็ น ร้ อ ย ล ะ 55.70
ผ่ าน แ บ บ มี เงื่ อ น ไ ข ร้ อ ย ล ะ 44.12 แ ล ะ ไ ม่ ผ่ าน เ ก ณ ฑ์ ร้ อ ย ล ะ 0.18
โดยเกณฑ์ที่ผ่านส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์ด้านบุคลากร
สาหรั บ หน่ วยบ ริการ ป ฐม ภู มิ จากปี 2552 มี หน่ ว ยบ ริการป ฐม ภู มิ
ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 4.49 ผ่านแบบมีเงื่อนไขร้อยละ 54.58 และไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ
40.67 และในปี 2556 พบว่าหน่วยบริการปฐมภูมิผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ
16.01 ผ่านแ บบ มี เงื่อ นไ ขร้อยละ 78.91 แล ะไม่ ผ่านเกณ ฑ์ ร้ อยละ 5.07
โดยเกณฑ์ที่ผ่านส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์ด้านบุคลากร
ภ า พ ร ว ม ข อ ง จ า น ว น บุ ค ล า ก ร
แ ล ะ ก า ร ก ร ะ จ า ย ข อ ง บุ ค ล า ก ร ไ ป ใ น ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ร ะ จ า
ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ จ ะ มี แ น ว โ น้ ม ที่ ดี ขึ้ น
8. 8
แ ต่ ก็ ยั ง ข า ด ก า ร บู ร ณ า ก า ร แ น ว คิ ด ก า ร ดู แ ล ต่ อ เ นื่ อ ง
มีขีดขั้นของความเป็นวิชาชีพแต่ละวิชาชีพ
ตารางที่ 2 จานวนกาลังคนด้านสุขภาพของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล ปี
2554
ที่มา : การสารวจของสานักประสานการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล
(สป. รพ.สต.) ปี 2554
บุคลากรที่ให้บริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิส่วนใหญ่ คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข
นักวิชาการสาธารณ สุข และพยาบาล ส่วนกลุ่มแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร
นั้นเป็นบุคลากรสนับสนุนจากหน่วยบริการประจา ส่วนใหญ่จะทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษา
กากับคุณภาพการบริการ และให้บริการเป็นบางเวลาที่หน่วยบริการปฐมภูมิ
ที่ปฏิบัติประจาทุกวันส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตเมือง
และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล
ในปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ
ส ป ส ช .
ได้ลงนามความร่วมมือพัฒนางานเวชศาสตร์ครอบครัวเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบ
บริการปฐมภูมิ โดยขณะนั้นตั้งเป้าหมายเพิ่มการผลิตแพทย์ FM (In-service training
3 ปี / วุ ฒิ บั ต ร FM) ปี ล ะ 200 ค น จ า น ว น 5 รุ่ น โ ด ย
9. 9
สปสช.สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมกิจกรรมของแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการ ปีที่ 1
ไม่เกิน 120,000 บาท ปีที่ 2 ไม่เกิน 240,000 บาท และปีที่ 3 ไม่เกิน 360,000 บาท
(โดยมีสัญญารับทุน หลังจบหลักสูตรการศึกษาต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องอีก 3 ปี
) รวมทั้งสนับสนุนงบแก่สถานที่ปฏิบัติงานและสถาบันหลัก แห่งละ 50,000
บาท/คน/ปี (ถัวเฉลี่ยงบที่ใช้ 1 ล้านบาท/แพทย์ที่เข้ าร่วมโครงการ 1 คน)
ผลการดาเนินงานครบ 5 รุ่นแล้วพบว่ามีแพทย์ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการน้อย
โดยมีแพทย์เข้ารับการฝึกอบรมรวม 5 รุ่น จานวน 93 คน ซึ่งในจานวนนี้มี 20 คน
ที่ ไ ด้ รั บ ทุ น ส นั บ ส นุ น เ พิ่ ม เ ติ ม จ า ก ทุ น ส ม เ ด็ จ ย่ า แ ล ะ ทุ น ก ว .
โดยเมื่อจบแล้วต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดาร
ในปี 2555 กระทรวงสาธารณสุขราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และ
สปสช. ได้พัฒนาโครงการใหม่ รับแพทย์จบใหม่เข้าร่วมโครงการ เข้าฝึกอบรมแบบ
In-service training โ ด ย ร ะ ห ว่ า ง เ พิ่ ม พู น ทั ก ษ ะ ใ น
รพศ./รพท.นับเป็นระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปี และปฏิบัติงาน/ฝึกอบรมใน รพช. 2 ปี
จบแล้วมีสิทธิสอบวุฒิ บัตร สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว โครงการนี้ สปสช.
ส นั บ ส นุ น ง บ ป ร ะ ม าณ บ า ง ส่ ว น ใ ห้ แ ก่ ส ถ าบั น พ ร ะ บ ร ม ร า ช ช น ก
ใ น การ บ ริ ห าร จั ด ก าร โ ค ร ง การ ส าห รั บ แ พ ท ย์ ที่ เข้ าร่ ว ม โ ค ร ง ก าร
สถาบั นหลั ก/สถาบันป ฏิบัติ งาน ไม่ได้รับ งบ สนับส นุน ผล การดาเนิ นงาน
มีแพทย์สมัครเข้าร่วมโครงการ ปี 2555 จานวน 92 คน และปี 2556 จานวน 58 คน
ตารางที่ 3 การกระจายตัวของกาลังคนด้านสุขภาพ ในปี 2553
10. 10
ที่มา : สานักงานวิจัยและพัฒนากาลังคนด้านสุขภาพสานักนโยบายและยุทธศาสตร์
กระทรวงสาธารณสุข : 2553.
พ ร ะ ร าช บั ญ ญั ติ วิ ช าชี พ ก าร ส าธาร ณ สุ ข ชุ ม ช น พ .ศ . 2 5 5 65
ไ ด้ ก่ อ ใ ห้ เกิ ดวิ ช าชี พ ใ ห ม่ ที่ ป ฏิ บั ติ ง าน ใ น ร ะ บ บ บ ริ การ ป ฐม ภู มิ คื อ
“วิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน” ซึ่งในกฎหมายบัญญัติไว้เกี่ยวกับวิชาชีพนี้ว่า เป็น
วิชาชีพที่กระทาต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในชุมชนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค การควบคุมโรค การตรวจประเมินและการบาบัดโรคเบื้องต้น
ก า ร ดู แ ล ใ ห้ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ ผู้ ป่ ว ย ก า ร ฟื้ น ฟู ส ภ า พ
ก า ร อ า ชี ว อ น า มั ย แ ล ะ อ น า มั ย สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ทั้ ง นี้
เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยในชุมชนโดยนาหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้
แต่ไม่รวมถึงการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ
หรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยก
ารนั้น
ซึ่ งเข้ าใจ ไ ด้ว่ าวิ ช าชี พ ใหม่ นี้ จ ะต้ อ งทาง านอ ย่างใกล้ ชิ ดกั บ ที ม
ส ห ส า ข า วิ ช า ชี พ ใ น ห น่ ว ย บ ริ ก า ร ป ฐ ม ภู มิ
และจะใช้ความเป็นวิชาชีพแห่งตนในการเชื่อมร้อยกับงานบริการสาธารณสุข
ใ น ชุ ม ช น ร่ ว ม กั บ พ ย า บ า ล เ ว ช ป ฏิ บั ติ พ ย า บ า ล วิ ช า ชี พ
ที่มีการกระจายตัวไปปฏิบัติงานที่หน่วยบริการปฐมภูมิ
5 ราชกิจจานุเบกษาเล่ม๑๓๐ตอนที่ ๑๑๘ก หน้า ๑๙ ๑๖ธันวาคม ๒๕๕๖
12. 12
สมรรถนะหลักของวิชาชีพนี้6 ซึ่งมี 8 ด้าน ด้านละ 3 ระดับ ตามความความรับผิดชอบ
ดังภาพ
ภาพที่ 3 สมรรถนะหลักของวิชาชีพการสาธารณสุข
6 Core Competencies for Public Health Professionals.Revised and Adopted by the Council on Linkages Between
Academia and Public Health Practice:June 26, 2014
19. 19
ที่มา : Core Competenciesfor Public Health Professionals.Revisedand
Adopted by the Council on Linkages BetweenAcademiaand Public Health
Practice:June 26, 2014.
บทสรุป
การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้มีความเข้มแข็ง
จาเป็นต้องมีการวางระบบรากฐานทั้งเรื่องกาลังคน7 ระบบบริการ ระบบสนับสนุน
7 Preparingthe 21stcentury global healthcareworkforce. BMJ 2005;330
20. 20
อย่างต่อเนื่อง และต้องอาศัยผู้นาที่มีวิสัยทัศน์ในการวางระบบเตรียมคน
เพื่อให้ระบบมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จาเป็นต้องมีการวางแผนร่วมกันของเครือข่าย
กาหนดเป้าหมาย ทิศทางในการขับเคลื่อนงานการสนับสนุนด้านทรัพยากรอื่นๆ ได้
แก่ ระบบสนับสนุนในภาพรวม เช่น ยา เวชภัณฑ์ ระบบชันสูตร
ที่เครือข่ายปฐมภูมิไม่จาเป็นต้องลงทุนหรือจัดหาเอง แต่สามารถ Poolรวมกัน
และบริหารจัดการเพื่อ ใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่า
เรื่องที่สาคัญจึงต้องมีการปฏิรูประบบครั้งใหญ่
คิดใหม่เกี่ยวกับระบบบริการสาธารณสุขปฐมภูมิให้เข้มแข็ง
เพื่อให้ประชาชนมีระดับของสุขภาวะสูงขึ้นมีความเป็นธรรมมากขึ้น
ตอบสนองต่อความต้องการและอุปสงค์ทางด้านสุขภาพต่อประชาชนได้ดี
ปกป้องประชาชนทั้งทางด้านค่าใช้จ่ายทางการเงินและการปกป้องทางสังคม
และบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้นองค์การอนามัยโลกแนะนาไว้ดังนี้
1. การพัฒนาศักยภาพ ความรู้และทักษะ เกี่ยวกับการดูแลโรค
การจัดการวัตกรรมใหม่ในสนับสนุนการจัดการสุขภาพด้วยตนเอง (Self
managementsupports) ของบุคลากร และ
หน่วยบริการในการรองรับสภาพปัญหาสุขภาพที่เปลี่ยนไป
หรือแนวโน้มกลยุทธ์การดูแลสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไป
ก็ยังเป็นสิ่งท้าทายในการพัฒนาระบบต่อไป
สมรรถนะที่จาเป็นตามคาแนะนาขององค์การอนามัยโลกได้แก่
ก. ทักษะและความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพโดยผู้ป่วยและผู้ดูแลเ
ป็นศูนย์กลาง ที่รับรู้ตอบสนองต่อความคาดหวัง ค่านิยม
วัฒนธรรมท้องถิ่นของประชาชน
ประสานการติดต่อเพื่อให้เข้าถึงง่ายเพื่อลดความป่วยความปวด
ความกังวล
ความสามารถในการสื่อสารและการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและผู้ดูแล
ฝึกให้มีทัศนคติในการร่วมตัดสินใจไม่ใช่ตัดสินใจจากฝ่ายวิชาชีพฝ่ายเ
ดียว การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพก่อนเกิดความเจ็บป่วยความพิการ
ส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม
21. 21
ข. การสร้างความผูกพันในการพัฒนาสุขภาพกับประชาชน (People
engagement) การเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรภายนอก8
ค. กระบวนการพัฒนาคุณภาพและการใช้เครื่องมือเกี่ยวกับคุณภาพการดูแ
ลสุขภาพประชาชน
ง. เทคโนโลยีสารสนเทศเทคโนโลยีการสื่อสารเทคโนโลยีเพื่อการจัดการสุ
ขภาพได้ด้วยตนเองที่บ้านหรือในชุมชน
จ. การสาธารณสุขชุมชน
2. การพัฒนารูปแบบการจัดและส่งมอบบริการ (Delivery Designs)
ทางเลือกแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นMobile care หรือ Convenience care
การพัฒนา อสม. ให้เป็น Professionalcare givers การจัดบริการแบบ
Ambulatory care ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลหรือ MedicalHome
Ward เต็มรูปแบบ โดย สปสช.
เปิดโอกาสให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการร่วมให้บริการคุณภาพแบบใหม่
3. การพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ได้มีการพัฒนามาแล้
วในระบบต่างๆ เช่น JHCIS, HospXP,HCIS
ให้มีการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางเพื่อสุขภาพประชาชนโดยเทคโนโลยี
Cloud computing ที่พัฒนาร่วมกับ กสทช.
ในการใช้ประโยชน์ของระบบสื่อสารไร้สาย3.9 G ที่กาลังพัฒนาอยู่
4. การจัดการทางด้านยา วัคซีนและเทคโนโลยี ที่จาเป็นสาหรับการตรวจวินิจฉัย
คัดกรองโรคที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ กลุ่มโรคเมตาโบลิค โรคอุบัติใหม่
หรือความเจ็บป่วยอันเกิดจากพิษสิ่งแวดล้อม ให้มีระบบการขนส่ง การสั่ง
บัญชีการใช้ที่ทันสมัย
และการมียาไทยที่พร้อมใช้เพื่อเป็นทางเลือกแก่ประชาชน
8 Alford J: Engaging public sector clients:from service-delivery to co-production. London: PalgraveMacMillan;
2009.Ch.2 Clients in the Public Sector pp.30-49