More Related Content
Similar to 006 7 cupชนบท (20)
More from สปสช นครสวรรค์ (20)
006 7 cupชนบท
- 1. 6
เอกสารประกอบห้องย่อยวิชาการ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อย
บริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท
การประชุมมหกรรมสุขภาพชุมชน ครั้งที่ 2
จากความรู้สู่ระบบจัดการใหม่ จินตนาการเป็นจริงได้ไม่รู้จบ
วันที่ 19 มกราคม 2555 เวลา 10.30 - 12.30 น. ห้อง Sapphire 6
- 3. คำ�นำ�
เอกสารประกอบการอภิ ป รายห้ อ งย่ อ ย กลยุ ท ธ์ ก ารเชื่ อ มร้ อ ย
บริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย : บทเรียนจาก CUP ชนบท วันพฤหัสบดี
ที่ 19 มกราคม 2555 เวลา 10:30 – 12:30 น. เพื่ อ สะท้ อ นแนวคิ ด
คุ ณ ค่ า ของระบบบริ ก ารสุ ข ภาพปฐมภู มิ ซึ่ ง เป็ น กลไกสำ � คั ญ ในการพั ฒ นา
ระบบสุ ข ภาพชุ ม ชน และสะท้ อ นความเป็ น ตั ว ตนของเครื อ ข่ า ยสุ ข ภาพ
ระดั บ อำ � เภอ (CUP) ในกลยุ ท ธ์ วิ ธี ก ารจั ด การระดั บ เครื อ ข่ า ยปฐมภู มิ
ที่ ดี ใ นการเชื่ อ มร้ อ ยบริ ก ารปฐมภู มิ ใ ห้ เ ป็ น เครื อ ข่ า ย ที่ จ ะนำ � ไปสู่ สุ ข ภาวะ
ประชาชนในพื้นที่
ในงานประชุ ม ประชุ ม วิ ช าการ มหกรรมสุ ข ภาพชุ ม ชน ครั้ ง ที่ 2
“จากความรู้ สู่ ร ะบบจั ด การใหม่ จิ น ตนาการเป็ น จริ ง ได้ ไ ม่ รู้ จ บ” ระหว่ า ง
วันที่ 18 – 21 มกราคม 2555 ณ อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี
สำ�นักงานวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
มกราคม 2555
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 3
- 5. กลยทธการเชอมรอยบรการปฐมภมใหเ้ ปนเครอขาย
ุ ์ ่ื ้ ิ ูิ ็ ื ่
: บทเรียนจาก CUP ชนบท
ส�ำนักงานวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.)
ชมรมแพทย์ชนบท
บทเรียนส�ำคัญในการประสานเชื่อมต่อระหว่างหน่วยบริการปฐมภูมิ สาธารณสุข
อ�ำเภอ และโรงพยาบาลรวมถึงการเชื่อมโยงกับชุมชน ท้องถิ่น การสร้างให้เป็นทีมงาน
เดียวกันอย่างเป็นเอกภาพ ทั้งนี้ได้เลือกเครือข่ายบริการปฐมภูมิในระดับอ�ำเภอแต่ละแบบ
มา 4 พื้ น ที่ ที่ จ ะสะท ้ อ นให ้ เ ห็ น ลั ก ษณะเด ่ น ในการท�ำงานเครื อ ข ่ า ยบริ ก ารปฐมภู มิ
ในรู ป แบบที่ ห ลากหลายในการพั ฒ นาตามบริ บ ทของแต่ ล ะพื้ น ที่ ซึ่ ง สามารถน�ำไป
ประยุ ก ต ์ ใช ้ ใ นการจั ด ระบบบริ ก ารสุ ข ภาพปฐมภู มิ ใ นระดั บ อ�ำเภอให ้ เ กิ ด ประโยชน ์
ต่อประชาชนในพื้นที่ต่อไป....ดังกรณีตัวอย่างบทเรียนของ CUP ชนบทใน 4 รูปแบบ
4 บริบท
บทเรียนจาก CUP โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉนารายณ์
ิ
จังหวัดกาฬสินธุ์
การจัดการระบบบริการสุขภาพเชิงรุกเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพ
และสวัสดิการชุมชนของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย : กรณีอ�ำเภอกุฉินารายณ์
กุฉินารายณ์เป็นหนึ่งในสิบแปดอ�ำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ ห่างจากตัวจังหวัด
กาฬสิ น ธุ ์ ไปทางทิ ศ ตะวั น ออกประมาณ 80 กิ โ ลเมตร รั บ ผิ ด ชอบประชากรทั้ ง หมด
101,410 คน มีหน่วยบริการสุขภาพจ�ำนวน 18 แห่ง เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 90 เตียง
1 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล 17 แห่ง โดยมีส�ำนักงานสาธารณสุขอ�ำเภอ 1 แห่ง
เป็ น กลไกของรั ฐ ในการเชื่ อ มประสานการท�ำงานร่ ว มกั น ระหว่ า งโรงพยาบาลแม่ ข ่ า ย
(รพ.ร. กุฉินารายณ์) กับหน่วยบริการปฐมภูมิ (รพ.สต.) ในพื้นที่
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 5
- 6. จากโครงสร้างและกลไกการจัดระบบบริการสุขภาพที่เป็นอยู่ ที่ไม่สามารถตอบ
สนองต่อความจ�ำเป็นต้องการของคนในพื้นที่และสร้างความเป็นทุกข์ใจให้กับผู้ให้บริการ
จากข้อจ�ำกัดของพื้นที่และเวลาการจัดให้บริการ ผู้มารับบริการมาแออัดรอรับบริการ ณ
รพ.ร.กุฉินารายณ์ การกลับมารับบริการซ�้ำในปัญหาเดิม ๆ สิ่งเหล่านี้ท�ำให้ผู้บริหาร
โรงพยาบาลต้องกลับมาทบทวนกระบวนการจัดระบบบริการสุขภาพของอ�ำเภอเสียใหม่
ด้วยการเชื่อมร้อยระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิในพื้นที่กับการจัดให้บริการสุขภาพ
ทุติยภูมิของโรงพยาบาลแม่ข่าย (รพ.ร.กุฉินารายณ์) ที่มีความลงตัวอย่างพอเหมาะพอสม
กับสภาพบริบทของพื้นที่กุฉินารายณ์
เริ่มจากการสร้างทีมงานที่มีความเข้าใจในลีลาชีวิตของ มนุษย์ ที่มีองค์ประกอบ
ดวยกาย จตใจ ความรสกชวดี (จตวญญาณ) ปรบมโนทรรศนจากการรกษาโรคมาเปนรกษาคน
้ ิ ู้ ึ ั่ ิ ิ ั ์ ั ็ ั
ท�ำให้ทีมงานมีความรู้และทักษะการดูแลประชาชนในพื้นที่ในสามส่วนได้แก่ ความรู้เรื่อง
การรักษาโรค ความรู้เรื่องวิถีชีวิตของคนป่วย และความรู้เรื่องแหล่งทุน/ทรัพยากรชุมชน
ที่น�ำใช้ในการระดมเพื่อดูแลคนในพื้นที่ เติมพลังแรงใจ (หัวใจมนุษย์) และพลังปัญญา
(หลักวิชาการ) ให้กับทีมงาน สร้างสัมพันธภาพความไว้วางใจ การให้คุณค่าของทีมงาน
(ทุกวิชาชีพมีคุณค่าเสมอกัน) จากนั้นเริ่มด�ำเนินการตามความเชื่อและแนวคิดสามด้าน คือ
หลกการบรการสขภาพปฐมภมิ หลกเวชศาสตรครอบครวและหลกการท�ำงานแบบบรณาการ
ั ิ ุ ู ั ์ ั ั ู
ของสหวิชาชีพ ในพืนทีเ่ ขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลกุฉนารายณ์ โดยเน้นในกลุมเป้าหมาย
้ ิ ่
ผู้พิการและกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นความส�ำเร็จในการสร้างสุขภาพด้วย
กลไกการจั ด ระบบบริ ก ารสุ ข ภาพระดั บ อ�ำเภอที่ เ หมาะสมโดยเน้ น บริ ก ารสุ ข ภาพ
ปฐมภูมิ (บริการที่เน้นการผสมผสานบริการทั้งมิติการส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค
การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสุขภาพรวมถึงการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพที่มีดุลยภาพ)
ภายใต้ทีมงานที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นของโรงพยาบาลกุฉินารายณ์ร่วมกับเครือข่ายใน
พื้นที่ส่วนหนึ่ง (รพ.สต. 2-3 แห่งที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว) โดยมีแผนปฏิบัติการการ
ดูแลผู้ป่วยของทีมงานที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวของทีมงาน
ไม้เลือย (ทีมสหวิชาชีพ) ตัวผูบริหาร (ผอ.รพ.ร.กุฉนารายณ์) จะท�ำหน้าทีในการน�ำและอ�ำนวยการ
้ ้ ิ ่
ให้ทีมงานได้ท�ำหน้าที่ของพวกเขาอย่างเต็มก�ำลัง เมื่อเวลาผ่านเลยไปตั้งแต่ปี 2549 ที่
ต้นกล้าพันธุ์ “หมอเวชศาสตร์ครอบครัว” ได้เกิดขึ้นในพื้นที่กุฉินารายณ์และแตกหน่อ
ก่อเชื้อแพร่ขยายสู่วิชาชีพอื่น ๆ รวมถึงเครือข่ายในชุมชน (เช่น อสม. ผู้น�ำชุมชน ผู้น�ำท้องถิ่น
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
6 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 7. เป็นต้น) เป็นทีมงาน“ไม้เลื้อย” ท�ำให้ผู้เจ็บป่วย(ด้วยมิติทางกาย มิติทางใจ มิติทางสังคม)
ได้รับการเยียวยาที่มีคุณภาพ มาตรฐานแห่งวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง สร้างความพึงพอใจให้กับ
ทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ จากคนที่ด้อยโอกาสไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมในหลักร้อย
ขยายสหลกพนและหลาย ๆ พนในเวลาตอมา ซงทมงานและผบรหารไดมการจดเวทแลกเปลยน
ู่ ั ั ั ่ ึ่ ี ู้ ิ ้ี ั ี ี่
เรียนรู้จากวงเสวนาของทีมงานเอง และขยายสู่กลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ เป็นบทเรียนที่สร้าง
ความสนใจให้กับภาคี องค์กรต่าง ๆ คุณค่าของการท�ำงานที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและ
ไม่ละเลยตัวชี้วัดของส่วนกลางที่สั่งการ (แม้จะเป็นอุปสรรคการท�ำงานของพื้นที่) ด้วยกลไก
การเชื่อมร้อยของบริการปฐมภูมิในระดับพื้นที่ (รพ.สต.) ในฐานะองค์กรสุขภาพที่มีความ
เชี่ยวชาญ (รู้และเข้าใจชุมชน) กับโรงพยาบาลแม่ข่ายในพื้นที่ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการ
แพทย์และสาธารณสุข (รู้และเข้าใจธรรมชาติการเกิดโรครวมถึงการรักษาโรค) และภาคี
เครือข่ายสุขภาพชุมชน (อสม.แกนน�ำชุมชน อปท.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ตัวจริง น�ำมาสู่การ
เรียนรูและการพัฒนาระบบการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมทมความต่อเนืองเป็นพลวัตร จนเป็น
้ ิ ี่ ี ่
กุฉินารายณ์ Model ซึ่งเป็นรูปแบบการบริหารจัดการสุขภาพแนวใหม่ ที่ควรค่าต่อการ
ติดตาม ศึกษาและน�ำไปประยุกต์เพื่อเกิดประโยชน์ให้กับชาวบ้านในเขตรับผิดชอบต่อไป
ปัจจัยที่ส่งผลให้กลไกการจัดการระบบสุขภาพในรูปแบบของ “กุฉินารายณ์
Model” ประสบผลส�ำเร็จนั้นมาจาก...
1. ผู้น�ำองค์กร (ผอ.รพ.ร.กุฉินารายณ์ : นายแพทย์นพดล เสรีรัตน์) ที่มีวิสัยทัศน์
กว้างไกลและมีความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาหรือการยกระดับสุขภาพให้ส�ำเร็จนั้นต้อง
ยึดบุคคลเป็นศูนย์กลาง (Personal Approach / Person Center) ด้วยฐานความคิด
“Primary care” , “Family medicine” , “Multidisciplinary team”
2. ผู ้ น�ำทีม ที่มีความเข้ม แข็งและเชื่อมั่น ในคุ ณ ค่ า ของบริ ก ารสุ ข ภาพปฐมภู มิ
อย่างคุณหมอสิริชัย นามทัศนีย์ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ประจ�ำศูนย์สุขภาพชุมชน
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ ที่เป็นแบบอย่างในการประยุกต์ใช้หลักวิชาการ
เชิงทฤษฎีของระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิสู่การปฏิบัติที่เกิดเห็นผลเชิงรูปธรรม จับต้องได้
ท�ำให้ทีมงานและภาคีเครือข่ายเกิดความศรัทธา มั่นใจและมุ่งมั่นต่อภารกิจในบทบาท
หน้าที่
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 7
- 8. 3. ทีมงานสหวิชาชีพที่ปฏิบัติการในพื้นที่ ที่มีความอดทน มุ่งมั่น ศรัทธาต่อ
แนวคิดและคุณค่าของบริการสุขภาพปฐมภูมิและมีหัวใจความเป็นมนุษย์
4. กระบวนการพัฒนา การให้โอกาสและการสนับสนุนการท�ำงานของทีมงาน
ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นกัลยาณมิตร ให้เกียรติและมองเห็นคุณค่าตนเองและ
คนอื่น ๆ ในทีมงาน การเยี่ยมบ้านเชิงลึกเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงมากที่สุดเพื่อใช้ประกอบ
การวางแผนดูแลเยียวยาตลอดจนการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆเพื่อการดูแลประชาชน ท�ำให้
เกิดการพัฒนาต่อยอดอย่างไม่หยุดนิ่ง จนทีมงานแต่ละคน มีทักษะที่เรียกว่า “Mixed Skill”
ท�ำให้เกิดนวตกรรมการท�ำงานที่สร้างคุณค่าและเป็นแบบอย่างที่ดีในพื้นที่ตลอดเวลา
ภายใต้ค่านิยม บ่ดีเฮ็ดใหม่ ...ให้เริ่มต้นท�ำในสิ่งที่ชอบก่อน... ให้ท�ำในสิ่งที่ง่าย ๆ ก่อนแล้ว
ขยายผลเมื่องานส�ำเร็จ
5. ความพอเหมาะพอดีของการจัดทีมงานสหวิชาชีพที่มีจุดเด่นคือ มีหมอหนึ่งคน
ดูแลพื้นที่รับผิดชอบประชากรประมาณหมื่นคน (พื้นที่รับผิดชอบ รพ.ร.และ รพ.สต.
2-3 แห่ง)
6. กลไกและกลวิธีการท�ำงานที่เน้นการท�ำงานเชิงสร้างสรรค์ มองมุมบวก สร้าง
สัมพันธภาพแนวราบ ลดการจัดการเชิงสั่งการ (อ�ำนาจนิยม) แต่จะป็นการท�ำงานแบบ
กัลยาณมิตร ประสานความร่วมมือเพื่อผลส�ำเร็จของงานเป็นส�ำคัญรวมถึงการเลือกกลุ่ม
เป้าหมายเพื่อการดูแลในระยะเริ่มต้นจะเน้นไปในกลุ่มที่มีความเป็นไปได้ในการส�ำเร็จผล
และเป็นที่สนใจของชุมชนโดยรวมเป็นกรณีตัวอย่างในการดูจัดการดูแลก่อน ได้แก่ ผู้พิการ
ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งจะสร้างผลผลิตที่สื่อให้เห็นคุณค่าของบริการปฐมภูมิ
ที่มีศักดิ์ศรีเชิงวิชาการได้มากกว่า
บทเรียนจาก CUP โรงพยาบาลสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
การจัดการก�ำลังคนภาคบริการสุขภาพระดับอ�ำเภอเพื่อการจัดบริการสุขภาพ
ปฐมภู มิ ที่ ท รงประสิ ท ธิ ภ าพ : กรณี อ�ำเภอสนามชั ย เขต จั ง หวั ด ฉะเชิ ง เทราอ�ำเภอ
สนามชัยเขตเป็นอ�ำเภอชายขอบของจังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ติดกับจังหวัดสระแก้ว
และปราจีนบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 55 กิโลเมตร จัดว่าเป็นโรงพยาบาล
ทุติยภูมิระดับกลาง ด�ำเนินงานภายใต้ปรัชญา “มุ่งมั่นช่วยชีวิต คือกิจที่ส�ำคัญ บริการ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
8 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 9. เท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชั้นชาติตระกูล” โดยวางวิสัยทัศน์ “เป็นโรงพยาบาลคุณภาพของ
ชุมชนที่มีความเป็นเลิศด้านการดูแลสุขภาพ ที่ผู้ใช้บริการอบอุ่นใจและมีความสุข”อ�ำเภอ
สนามชัยเขตประกอบด้วยเทศบาลต�ำบลสนามชัยเขต และอีก 4 ต�ำบล คือ ต�ำบลคู้ยายหมี
ต�ำบลท่ากระดาน ต�ำบลทุ่งพระยา และต�ำบลลาดกระทิง มีประชากรรวมทั้งสิ้น 70,345 คน
เป็นชาย 35,520 คน หญิง 34,825 คน แต่มีจ�ำนวนหมู่บ้านมากถึง 70 หมู่บ้าน มีพื้นที่
ประมาณหนึ่งล้านไร่ หรือพื้นที่ราว 1,600 ตารางกิโลเมตร ท�ำให้สนามชัยเขตนับว่าเป็น
อ�ำเภอที่มีขนาดใหญ่เป็นที่สองของประเทศ รองจากอ�ำเภออุ้มผาง และยังมีเนื้อที่ใหญ่กว่า
จังหวัดสมุทรปราการทั้งจังหวัด ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตรสภาพพื้นที่
โดยรวมเป็ น ป่ า เสื่ อ มโทรม ประชากรส่ ว นใหญ่ ย ้ า ยมาจากภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ
ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างท�ำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และรับจ้าง
ทางการเกษตร มีแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนไว้ประมาณ 1,400 คน ปัญหาที่หนักหน่วง
ที่สุดของหน่วยบริการปฐมภูมิที่ห่างไกลความเจริญ นั่นคือการขาดแคลนบุคลากร ท�ำให้
การจัดบริการสุขภาพในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิไม่มีความต่อเนื่อง ผู้บริหารต้องวิ่ง
ตามแก้ปัญหาเดิม ๆ ปีแล้วปีเล่า
แนวคิดและยุทธศาสตร์การสร้างทีมงานสุขภาพที่เข้มแข็งโดย “การปั้นดินให้เป็น
ดาว” ด้วยการสร้างโอกาสให้กับคนในพื้นที่ได้รับการพัฒนาเป็นบุคลากรด้านสุขภาพที่เป็น
มืออาชีพกลับมาดูแลญาติพี่น้องในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนก�ำลังคนและการไหล
ออกของก�ำลังคนในระบบบริการสุขภาพของอ�ำเภอสนามชัยเขตโดยเฉพาะในหน่วยบริการ
ปฐมภูมิ...จากแนวคิด น�ำไปสู่กลยุทธ์และกระบวนการจัดการเพื่อให้เกิดต้นกล้าก�ำลังคน
สุขภาพสายเลือดใหม่ (สายเลือดพันธุ์พื้นเมืองที่มีความแข็งแกร่ง มีจิตใจเป็นพยาบาล
มืออาชีพ มีหัวใจความเป็นมนุษย์ ส�ำนึก กตัญญูต่อแผ่นดินเกิด) ด้วยการค้นหาเด็กที่มีแวว
ในพื้ น ที่ ใ ห ้ ไ ด ้ รั บ โอกาสในการพั ฒ นาตนเองสู ่ วิ ช าชี พ พยาบาลของชุ ม ชน เพื่ อ ชุ ม ชน
(โดยคนสาธารณะที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ อย่างคุณหมอสมคิดปีแล้วปีเล่าที่หมอสมคิด
วิระเทพสุภรณ์ ในฐานะผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลสนามชัยเขต ผู้น�ำในระบบบริการสุขภาพ
ระดับอ�ำเภอ) จากนั้นน�ำเด็กที่สนใจจะไปในทางเดินนี้มาฝึกงานในโรงพยาบาลและสถานี
อนามัย เพื่อให้พวกเขาเห็นสภาพจริงก่อนไปเรียน แล้วตัดสินใจเองว่า จะสมัครไปสอบ
ขอทุนเรียนหรือไม่ เมื่อเด็กและผู้ปกครองตกลงใจแล้ว ก็ยังต้องวิ่งเต้นและจัดการเพื่อให้
เด็กในพื้นที่ได้ทุน ได้มีที่นั่งเรียน ทั้งมองหาแหล่งทุนการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นทุนของจังหวัด
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 9
- 10. ทุน อบต. มีบางกรณีพ่อแม่ยินดีจ่ายค่าเรียนเอง แต่ก็ยังต้องช่วยมองหาสถานศึกษาที่จะรับ
เด็กเข้าเรียน โดยติดต่อพูดคุยเจรจากับแต่ละแห่ง เช่น วิทยาลัยพยาบาลชลบุรี ฯลฯ เพื่อที่
ท้ายที่สุดแล้ว เด็กในพื้นที่สักหนึ่งคน จะสามารถแทรกตัวเข้าไปนั่งเรียนจนจบได้ส�ำเร็จ
โรงพยาบาลสนามชัยเขต ส�ำนักงานสาธารณสุขอ�ำเภอ และองค์กรปกครอง
สวนทองถน ไดรวมมอกนอยางใกลชดในการสรางก�ำลงคนสาธารณสข ตงแตกอนการคดเลอก
่ ้ ิ่ ้ ่ ื ั ่ ้ิ ้ ั ุ ั้ ่ ่ ั ื
นักเรียนทุน โดยท�ำการประชาสัมพันธ์ในโรงเรียนมัธยม แจ้งเรื่องการรับสมัครเรียนด้านการ
พยาบาลและสาธารณสุข รวมทั้งให้นักเรียนลองฝึกงานที่โรงพยาบาล หรือที่โรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล 10 วัน และเข้าค่ายวิชาการ 10 วัน เพื่อดูว่าสนใจท�ำงานวิชาชีพนี้
หรือไม่ เพื่อท�ำให้นักศึกษาเกิดความคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลและที่สถานีอนามัย
และยังให้ยืมเงินสวัสดิการของโรงพยาบาลไปเรียนได้
ในระหว่างทีก�ำลังเรียน หากเด็กมีวนหยุดหรือปิดเทอม ก็จะสนับสนุนให้พสอนน้อง
่ ั ี่
น้องช่วยพี่ โดยให้นักศึกษาพยาบาลได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล ปีละ
5 วัน สร้างความรู้จักกันตั้งแต่ยังเรียนอยู่ เมื่อจบกลับมาท�ำงานด้วยกันก็สามารถช่วยเหลือ
กันในพื้นที่ได้อย่างทันที ครั้นเมื่อน้องจบมาใหม่ ๆ ก็มีการจัดเวทีให้ได้แนะน�ำตัวต่อผู้น�ำ
ชุมชน และหน่วยราชการต่าง ๆ เป็นการสร้างความภาคภูมิใจ สร้างความผูกพันต่อชุมชน
และท�ำให้ก�ำลังคนเหล่านี้ รวมทั้งครอบครัว รู้สึกว่ามีภาระใจในการตอบแทนคุณแผ่นดิน
และอยากรับใช้พี่น้องในภูมิล�ำเนาของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้ คือ แรงจูงใจที่ไม่ใช่เงิน แต่มีคุณค่าและมีอิทธิพลสูงยิ่งต่อการสร้าง
และรักษาก�ำลังคนสาธารณสุขไว้ในระบบบริการปฐมภูมิ โดยมิได้เน้นแต่จะสร้างพยาบาล
มาอยู่ในโรงพยาบาล แต่ท�ำทุกทางให้ได้คนไปอยู่ในสถานีอนามัย และสร้างความเป็น
เครือข่ายบริการร่วมกันด้วย การปั้นดินให้เป็นดาวดวงแล้วดวงเล่า (ซึ่งมีมากกว่า 70 ชีวิต
ในปัจจุบัน) ที่อยู่ในระบบบริการสุขภาพของอ�ำเภอสนามชัยเขต เมื่อ 20 ปีก่อนได้ท�ำให้เกิด
ทีมสหวิชาชีพที่มีความผูกพัน รู้จักคุ้นเคยชนิดมองตาก็รู้ใจ จากนั้นจึงหันมาสร้างกลไกการ
ท�ำงานที่เชื่อมประสานกันของส่วนต่าง ๆ ท�ำให้เกิดกลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน
ในโรงพยาบาล มีการจัดระบบการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยการแบ่งความรับผิดชอบของ
แพทย์ในโรงพยาบาลเป็นโซนเพื่อให้แพทย์กับผู้รับบริการในพื้นที่โซนมีความรู้จักคุ้นเคย
กันมากขึ้น เกิดระบบการเคลื่อนทีมจากโรงพยาบาลไปช่วยให้บริการที่ รพ.สต. หรือศูนย์
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
10 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 11. สุขภาพชุมชน (PCU) เป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้หน่วยบริการปฐมภูมิในสังกัดและ
สร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพบริการที่จัดให้ น�ำบริการแพทย์ทางเลือกมาประยุกต์ใช้ใน
โรงพยาบาล ประสานองค์กร ชุมชน ท้องถิ่นเพื่อระดมทรัพยากรมาใช้เพื่อจัดบริการสุขภาพ
แก่ประชาชนในเขตรับผิดชอบ ท�ำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างทีมงานสุขภาพของอ�ำเภอ
กับผูรบบริการลดลง ต้นทุนการให้บริการลดลงแต่เพิมคุณภาพการจัดให้บริการทีเ่ พิมมากขึน
้ั ่ ่ ้
เป็นภาพแห่งความส�ำเร็จของการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิด้วย
กลไกระบบบริหารจัดการสุขภาพแนวใหม่ที่เป็นแบบอย่างในอีกรูปแบบหนึ่ง
ภายใต้รูปแบบ “สนามชัยเขต Model”
ปัจจัยของความส�ำเร็จของรูปแบบการจัดการ “สนามชัยเขต Model”
ที่ส�ำคัญอยู่ที่
1. มุมมองและวิสัยทัศน์ตลอดจนกลยุทธ์ของผู้น�ำที่แหลมคมไม่ติดอยู่ในวังวนของ
ระบบเดิม ๆ เห็นปัญหาที่เผชิญอยู่หากแก้ได้ด้วยระบบที่เป็นอยู่จริงๆ ความขาดแคลนก�ำลัง
คนด้านสุขภาพคงไม่ด�ำเนินมาจนถึงปานนี้ การมองเห็นคุณค่าของคนในพื้นที่และความ
สามารถในการจัดการท�ำให้เกิดทีมงานสหวิชาชีพที่มีเอกภาพและประสิทธิภาพพูดภาษา
เดียวกันและปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน
2. การเป็นแบบอย่างของนักปฏิบัติที่ดี คิดและท�ำให้เห็นเป็นแบบอย่างของผู้น�ำ
ที่มุ่งเพื่อสุขภาวะของคนในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบเป็นส�ำคัญ ท�ำให้ทีมงานและภาคีเครือข่าย
มีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อผู้น�ำท�ำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเบื้องหน้า
ได้ง่ายขึ้น
3. การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่มีเป้าหมายในแต่ละเรื่องที่ชัดเจนเป็นล�ำดับเป็นมูล
เหตุส�ำคัญประการหนึ่งที่ท�ำให้ระบบบริการสุขภาพของสนามชัยเขตเกิดผลเป็นที่ยอมรับ
ของคนในพื้นที่และเป็นที่ชื่นชมในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมา โดยการเริ่มต้นที่การสร้างและ
พัฒนาทีมงานเป็นพื้นฐานตั้งแต่การสรรหา การพัฒนา บ�ำรุงรักษาต่อเนื่อง จนเกิดความ
ลงตัวของทีมงานอย่างเต็มที่แล้วจึงมาขยับเรื่องการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิที่มีความ
เชื่อมโยงร้อยรัดถักทอเป็นเนื้อเดียวทั้งบริการในระดับโรงพยาบาลสนามชัยเขต (แม่ข่าย)
กบเครือข่ายบริการปฐมภูมิในระดับ (รพ.สต.) และการจัดบริการสุขภาพในภาคของชุมชน
ั
โดยการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 11
- 12. 4. การจัดระบบบริการเพื่อเอื้อให้ประชาชนหรือที่เรียกว่าการให้ความส�ำคัญกับ
ผู้รับบริการ หรือ การยึดคนเป็นศูนย์กลางในการจัดให้บริการ สุดแท้แต่จะเรียกขานด้วย
บริสุทธิ์ใจ เห็นผลลัพธ์ที่เป็นแบบอย่างที่เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ ท�ำให้เป็นพลังในการดึง
ภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันเป็นเจ้าภาพ เจ้ามือ เจ้าของ ในการจัดระบบบริการ
สุขภาพที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างมั่นคงยั่งยืนสืบไป
บทเรียนจาก...CUP โรงพยาบาลล�ำสนธิ จังหวัดลพบุรี
การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพระดับอ�ำเภอล�ำสนธิ
อ�ำเภอล�ำสนธิ ตั้งอยู่ในจังหวัดลพบุรี อยู่ทางตะวันออกสุดของจังหวัด แบ่งเขต
การปกครองย่อยออกเป็น 6 ต�ำบล 49 หมู่บ้าน ประชากรในเขตรับผิดชอบประมาณ
30,000 คน มีโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง 1 แห่ง 5 สถานีอนามัย 2 โรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล มีระยะทางที่ห่างจากจังหวัดลพบุรีประมาณ 120 กิโลเมตร
อ�ำเภอล�ำสนธิเป็นอ�ำเภอหนึ่งในจังหวัดลพบุรีที่มีการท�ำงานด้านสาธารณสุข
ที่โดดเด่น โดยความร่วมมือร่วมใจกันอย่างเป็นเอกภาพทั้งโรงพยาบาล ส�ำนักงาน
สาธารณสุ ข อ�ำเภอ สถานี อ นามั ย ในสั ง กั ด และองค์ ก ารปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น ในพื้ น ที่
มีการก�ำหนดนโยบายและเป้าหมายในการท�ำงานด้วยกัน การจัดท�ำโครงการในการดูแล
ประชาชนในชุมชน ค�ำนึงถึงประชาชนเป็นหลักเน้นการดูแลแบบรอบด้านในทุกมิติของชีวิต
ครอบคลุมต่อเนื่องและยั่งยืน
มีการจัดตั้งคณะกรรมการในการท�ำงานด้านสาธารณสุขจากทุกภาคส่วน อาทิ
การดูแลและสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการในชุมชนแบบบูรณาการ, ความสุขใน
ความมืดของผู้พิการด้านสายตา, ผู้พิการด้านสติปัญญา, คลินิกสุขภาพจิต, การสร้าง
เครือข่ายจิตอาสาชุมชน, การดูแลหญิงตังครรภ์, การดูแลกลุมวัยรุน ฯลฯ การบริการปฐมภูมิ
้ ่ ่
ของล�ำสนธิ คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้น ดูแลรอบด้านและต่อเนื่อง
โดยแบ่งกลุ่มการดูแลดังนี้
- กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้พิการ
- กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และพัฒนาการเด็กเล็ก
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
12 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 13. - กลุ่มวัยรุ่น
- กลุ่มโรคเรื้อรัง
- กลุ่มจิตเวช
- กลุ่มการคัดกรองสุขภาพ
โครงการเด่นที่ภาคภูมิใจ คือ โครงการต้นกล้าอาชีพจากแนวนโยบายของ
รัฐบาลแต่อ�ำเภอล�ำสนธิ ได้น�ำประเด็นปัญหาด้านสาธารณสุข มาเป็นแนวทางการให้การ
แก้ปัญหา โดยการจัดอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนและเด็กให้แก่ต้นกล้าอาชีพ
มีการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติโดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่หน่วยบริการปฐมภูมิ
เป็นพี่เลี้ยง เมื่อผ่านการฝึกอบรมได้ด�ำเนินการจ้างงานให้เป็นต้นกล้า เป็นดูแลผู้ป่วยจาก
องค์การบริหารส่วนต�ำบลเดือนละ 4,000 บาทต่อคน ท�ำให้คนกลุ่มดังกล่าวมีรายได้เลี้ยงชีพ
ความคาดหวังเบื้องต้นเพียงแค่ให้คนว่างงานมีรายได้เท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่านั้นคือ
การแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้ง ความรักความผูกพัน ระหว่างคนดูแล
ผู้ป่วย และตัวผู้ป่วย ประดุจญาติพี่น้องกัน เหล่านี้ การเพิ่มคุณค่าทางจิตใจของบุคคล
อย่างสูงส่ง
หัวใจส�ำคัญของการพัฒนาและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในส�ำสนธิ
คือ การท�ำให้หน่วยงานอื่นๆ เห็นคุณค่าการทุ่มเทของทีมงานและความจ�ำเป็นที่ต้องร่วมกัน
ดูแลประชาชนอย่างรอบด้านและต่อเนื่อง การประเมินคุณภาพต่าง ๆ ที่ผ่านมาของ
อ�ำเภอล�ำสนธิเป็นเพียงบันได แต่ความส�ำคัญจริง ๆ คือคุณค่ามากกว่าความเป็นตัวเลข
หรือตัวชี้วัด
การใช้ แ นวคิ ด เชิ ง บวก พลิ ก ทุ ก สถานการณ์ ใ ห้ เ ป็ น โอกาสเพื่ อ หากลยุ ท ธ์
ในการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิในพื้นที่ หรือ “การเป็นนักหยิบฉวยและหยิบยื่น
โอกาส” นั้นเอง จุดเริ่มต้นคือ การมีนักคิดและสร้างนักคิด นักพัฒนา เสริมพลัง
เจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลให้เข้มแข็ง จนเกิดความเป็น “ทีมของพวกเรา” และ
แผ่กระจายร้อยเรียงเข้ากับสถานีอนามัย เพื่อพร้อมรับทุกสถานการณ์ในการให้บริการ
กับประชาชน
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 13
- 14. บทเรียนจาก….CUP วังจันทร์ จังหวัดระยอง
การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพระดับอ�ำเภอวังจันทร์
อ�ำเภอวังจันทร์ เป็นอ�ำเภอหนึ่งในแปดอ�ำเภอของจังหวัดระยอง มีอาณาเขต
ติดต่อกับอ�ำเภอบ่อทองและอ�ำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี โดยมีถนนสายบ้านบึง-แกลง
ตัดผ่านพื้นที่ของอ�ำเภอ อ�ำเภอวังจันทร์ รับผิดชอบ 4 ต�ำบล 29 หมู่บ้าน 5 ชุมชน
อบต. 4 แห่ง เทศบาล 1 แห่ง ประชาชน 24,902 คน ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพหลัก
ได้แก่ เกษตรกรรม ท�ำสวนยางพารา สวนผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ อาชีพเสริม ได้แก่
รับจ้างในโรงงานอุตสาหกรรม รับจ้าง และค้าขาย
หน่วยบริการสาธารณสุข 8 แห่ง คือ 1) รพ.สต.บ้านคลองเขต 2) รพ.สต.
บ้านสันติสุข 3) รพ.สต.บ้านเขาสิงห์โต 4) รพ.สต.บ้านหนองม่วง 5) รพ.สต.บ้านวังจันทร์
6) รพ.สต.บ้านพลงตาเอี่ยม 7) รพ.สต.บ้านเขาตาอิ๋น 8) โรงพยาบาลวังจันทร์
การจัดเครือข่ายบริการ CUP วังจันทร์ ได้มีการจัดรูปแบบของเครือข่ายหน่วย
บริการปฐมภูมิ 2 รูปแบบ คือ
1) การจัดเครือข่ายบริการตามเกณฑ์ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิและ
ตามเกณฑ์การประเมิน On Top Payment ของส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
การจัดรูปแบบเครือข่ายในรูปแบบนี้เป็นการจัดเพื่อเน้นการช่วยเหลือกันและกันภายใน
เครือข่ายบริการในเรื่องของการจัดบริการด้านสุขภาพ การใช้งบประมาณและบุคลากร
ร่วมกัน โดยแบ่งเครือข่าย ได้ดังนี้
1.1 เครือข่ายบริการแม่ข่ายวังจันทร์ ประกอบไปด้วย หน่วยบริการปฐมภูมิ
แม่ขาย คือ รพ.สต. วังจันทร์ ประกอบไปด้วยหน่วยบริการปฐมภูมลกข่าย คือ สอ.พลงตาเอียม
่ ิู ่
และ สอ.เขาตาอิ่น
1.2 เครอขายบรการแมขายคลองเขต ประกอบไปดวย หนวยบรการปฐมภมิ
ื ่ ิ ่่ ้ ่ ิ ู
แม่ข่าย รพ.สต คลองเขต ประกอบไปด้วยหน่วยบริการปฐมภูมิลูกข่าย คือ สอ.สันติสุข
สอ.เขาสิงโตและ สอ.หนองม่วง
2) การจั ด เครื อ ข่ า ยบริ ก ารโรงพยาบาลส่ ง เสริ ม สุ ข ภาพต�ำบล ซึ่ ง การ
จั ด รู ป แบบเครื อ ข ่ า ยในรู ป แบบนี้ เ ป ็ น การจั ด เพื่ อ เน ้ น ความสะดวกในการบริ ห ารงาน
ด้านสาธารณสุขในระดับต�ำบล เช่น ในการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
14 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 15. การด�ำเนินงานในกองทุนหลักประกันสุขภาพต�ำบลและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร
รพ.สต. เป็นต้น มีการแบ่งเครือข่ายเป็น 4 เครือข่าย โดยแยกเป็นรายต�ำบล ดังนี้
2.1 เครือข่ายบริการ รพ.สต.วังจันทร์ (เป้าหมาย ปี 2552) มีสถาน
บริการหลักคือ รพ.สต.วังจันทร์ รับผิดชอบในการดูแลสุขภาพประชาชนในต�ำบลวังจันทร์
เป็นสถานบริการในรูปแบบ รพ.สต.เดี่ยว
2.2 เครือข่ายบริการ รพ.สต.พลงตาเอี่ยม (เป้าหมาย ปี 2554) มีสถาน
บริการหลักคือ รพ.สต.พลงตาเอี่ยม รับผิดชอบในการดูแลสุขภาพประชาชนในต�ำบล
พลงตาเอี่ยม เป็นสถานบริการในรูปแบบ รพ.สต.เดี่ยว
2.3 เครือข่ายบริการ รพ.สต.คลองเขต (เป้าหมาย ปี 2553) มีสถานบริการ
หลักคือ รพ.สต.คลองเขต และลูกข่าย คือ สอ.เขาสิงโต รับผิดชอบในการดูแลสุขภาพ
ประชาชนในต�ำบลป่ายุบใน เป็นสถานบริการในรูปแบบ รพ.สต.เครือข่าย
2.4 เครือข่ายบริการ รพ.สต.สันติสุข(เป้าหมาย ปี 2554) มีสถานบริการ
หลักคือ สอ.สันติสุข และลูกข่าย คือ สอ.เขาตาอิ๋นและ สอ. หนองม่วง รับผิดชอบใน
การดูแลสุขภาพประชาชนในต�ำบลชุมแสง เป็นสถานบริการในรูปแบบ รพ.สต.เครือข่าย
ลักษณะเด่นในการท�ำงานเครือข่ายบริการปฐมภูมิ
CUP วังจันทร์ มีรูปแบบในการท�ำงาน ที่แตกต่างจาก CUP อื่นๆ ในจังหวัด
ระยองหรือ CUP อื่นๆ ในประเทศ กล่าวคือ
1. การบริหารงานด้านสาธารณสุขของอ�ำเภอวังจันทร์ จะใช้คณะกรรมการ
ชุดหลักที่เป็น CUP Board คือ คณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขอ�ำเภอวังจันทร์
(คปสอ.วังจันทร์) โดยในคณะกรรมการ คปสอ.วังจันทร์ จะมีคณะกรรมการอ�ำนวยการ
จ�ำนวน 15 ทาน ซงประกอบไปดวย ผบรหารของหนวยงานสาธารณสขในพนที่ นายกองคการ
่ ึ่ ้ ู้ ิ ่ ุ ื้ ์
ปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนภาคการศึกษาและ อสม. และมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
(Core Team) ขึ้นมา 10 คณะ เพื่อเป็นคณะท�ำงานและประเมินผล ได้แก่ 1) คณะท�ำงาน
และประเมินผลงานด้านคุมครองผู้บริโภค 2) คณะท�ำงานและประเมินผลงานด้านการ
ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ 3) คณะท�ำงานและประเมินผลงานด้านข้อมูลและเทคโนโลยี
4) คณะท�ำงานและประเมิ น ผลงานด้ า นการแพทย์ ฉุ ก เฉิ น และระบบการส่ ง ต่ อ
5) คณะท�ำงานและประเมินผลงานด้านส่งเสริมสุขภาพและอบายมุข 6) คณะท�ำงานและ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 15
- 16. ประเมินผลงานด้านพัฒนาคุณภาพมาตรฐานบริการ 7) คณะท�ำงานและติดตามผลงาน
ด้านการจัดบริการ การรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสมรรถภาพ 8) คณะท�ำงานและประเมิน
ผลงานด้านพัฒนาศักยภาพของอาสาสมัครสาธารณสุข 9) คณะท�ำงานและประเมินผล
งานด้านโรคไม่ติดต่อและโรคเรื้อรัง 10) คณะท�ำงานและประเมินผลงานด้านการพัฒนา
ศักยภาพ รพ.สต. และกองทุนฯต�ำบล คณะท�ำงานฯ ดังกล่าว ในแต่ละคณะ จะมีกรรมการ
ที่เป็นทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้ง 3 ส่วน คือ ในส่วนของ รพ.วังจันทร์ สสอ.วังจันทร์
และจาก รพ.สต. ทีมคณะท�ำงานฯ มีบทบาททั้งในด้านวิเคราะห์ข้อมูล จัดท�ำแผนงาน/
โครงการ ติดตามและเร่งรัดผลงาน ประเมินผลการด�ำเนินการ
ข้อดีของการแต่งตั้งคณะกรรมการในรูปแบบนี้คือ ท�ำให้การท�ำงานในแต่ละด้าน
มีความรวดเร็ว มีการวางแผนงานแบบบูรณาการ (ปฐมภูมิและทุตติยภูมิ) ส่วนใหญ่ของ
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนางานสาธารณสุข
2. การมอบหมายการด�ำเนินงานสาธารณสุขของ CUP วังจันทร์ ได้มีการ
มอบหมายงานและพื้นที่ด�ำเนินงานให้เหมาะสมกับลักษณะงาน กล่าวคือ งานส่งเสริมและ
ป้องกันโรค มอบหมายให้ สสอ.วังจันทร์ เป็นเจ้าภาพด�ำเนินงาน รับผิดชอบงาน ทุกพื้นที่
ของอ�ำเภอวังจันทร์ (ในเขตรับผิดชอบของ รพ.วังจันทร์และเขตรับผิดชอบของ รพ.สต.)
งานรักษาพยาบาล งานฟื้นฟูสมรรถภาพ และงานพัฒนาคุณภาพบริการ มอบหมายให้
รพ.วังจันทร์ เป็นเจ้าภาพ รับผิดชอบงานทุกหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ มีการจัดสรร
งบประมาณ ตามเจ้าภาพผู้รับผิดชอบ
3. การด�ำเนินงานของ CUP วังจันทร์ จะใช้กลยุทธหลัก คือ การท�ำงานแบบ
เป็นทีม ในลักษณะการลงแขก เช่น งานตรวจคัดกรองโรค (รูปแบบคาราวานส่งเสริม
สุขภาพและป้องกันโรค) การตรวจ Pap Smear การตรวจสถานประกอบการด้านคุ้มครอง
ผู้บริโภค หรือ การรณรงค์ควบคุมการระบาดของโรคระบาด
4. การส่งเสริมตัวแทนภาคชุมชนและประชาชน ให้มีบทบาทผ่านการท�ำงาน
ด้านสาธารณสุข ในเวทีของคณะกรรมการบริหาร รพ.สต. และคณะกรรมการกองทุน
สุขภาพต�ำบล
สิ่งที่ภาคภูมิใจหรือท�ำได้ดี
ตัวอย่างของสิ่งที่ท�ำได้ดี ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ในระดับ CUP วังจันทร์ ได้แก่
1. รพ.สต. ทุกแห่งในอ�ำเภอวังจันทร์ได้รับการพัฒนาศักยภาพ ตอบสนองความ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
16 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 17. ต้องการของประชาชน มีการจัดตั้งคลินิก DM/HT/Asthma/COPD มีการตั้งคลินิกทันต
กรรม ใน รพ.สต. ทุกแห่ง
2. มีระบบการสนับสนุนบริการในหลายๆด้าน ให้ รพ.สต. เช่น ระบบการ
ก�ำจัดขยะติดเชื้อ ระบบ Set หัตการ ระบบ Speculum Center ระบบการส่งต่อ/Green
Channel ระบบเวชภัณฑ์ที่รองรับการจัดบริการในคลินิกต่างๆของ รพ.สต. ระบบซ่อม
บ�ำรุง ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลความครอบคลุมของผลงาน การสนับสนุนทีมสหวิชาชีพ
ในการให้บริการมนคลินิก/Home Ward/HHC
3. มี ก ารพัฒนานวัต กรรมที่ผ่านการด�ำเนิ น งานของ คณะกรรมการบริ ห าร
รพ.สต.และกองทุนต�ำบล เช่น การใช้ม าตรการทางสังคมในการสร้ างความตระหนัก
ของประชาชนในการก�ำจัดลูกน�้ำยุงลาย การพัฒนารูปแบบเชิงรุก เชิงรับในการตรวจ
Pap Smear เป็นต้น
4. ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการรับบริการในภาพรวมของ CUP มากกว่า ร้อยละ
86.75 โดยส่วนใหญ่พึงพอใจต่อระบบบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ ของ รพ.สต. และ
รพ.วังจันทร์
บทเรียน/ปัจจัยของความส�ำเร็จ
1. ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลวังจันทร์ บริหารโดยเป็นผู้อ�ำนวยการของ CUP
วังจันทร์ กล่าวคือ มองงานเต็มพื้นที่ พัฒนางานใน รพ.สต. ทุกแห่ง ไม่ได้พัฒนาเฉพาะ
โรงพยาบาลวังจันทร์
2. การท�ำงานเป็นทีมของเจ้าหน้าที่ในภาพ CUP วังจันทร์
3. การให้ความส�ำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวิเคราะห์ปัญหา
การพัฒนาแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ การสร้างแผนงาน/โครงการโดยประชาชน เป็นต้น
การมีเป้าหมายเป็นแผนยุทธศาสตร์เป็นหนึ่งเดียวร่วมกันทั้งอำ�เภอ คือ แผนที่ทางเดินสู่ความ
สำ�เร็จของการให้บริการปฐมภูมิของที่น้ี การเชื่อมและร้อยเรียงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน
สร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นด้วยเป้าหมายหนึ่งเดียว เป็นแนวคิดสำ�คัญของการดำ�เนินงาน
บทเรียนนี้คือบทเรียนของการพัฒนาเชิงระบบ ขับเคลื่อนกลไกการให้บริการปฐมภูมิไปพร้อมกัน
ผานตวประสานทเ่ี ขมแขง นนคอ คณะกรรมการประสานงานสาธารณสขระดบอ�เภอ (คปสอ.)
่ ั ้ ็ ้ั ื ุ ั ำ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 17
- 18. บทเรียนจาก...CUP หนองจิก จังหวัดปัตานี
การพัฒนาเครือข่ายสุขภาพระดับอ�ำเภออ�ำเภอหนองจิก
อ�ำเภอหนองจิก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดปัตตานี แบ่งเขตการปกครอง
ย่อยออกเป็น 12 ต�ำบล 76 หมู่บ้าน เทศบาลต�ำบล 2 แห่ง องค์การบริหารส่วนต�ำบล
11 แห่ง มีโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง 1 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล
15 แห่ง ประชากรในเขตรับผิดชอบประมาณ 73,000 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
ร้อยละ 87 มีอสม. 702 คน เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุสถานการณ์ความไม่สงบ
มาตั้งแต่ปี 2547
ระบบงานสาธารณสุขอ�ำเภอหนองจิก ด�ำเนินงานโดยคณะกรรมการประสานงาน
สาธารณสุ ข ระดั บ อ�ำเภอ (คปสอ.) ซึ่ ง เป็ น ความร่ ว มมื อ ของโรงพยาบาลชุ ม ชน
ส�ำนักงานสาธารณสุขอ�ำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล และองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น โดยมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพ.สต) ทุกแห่งเป็นผู้ประสานงาน
ส่งต่อข้อมูล และด�ำเนินงานร่วมกับชุมชน นอกจากนัน ยังมีการขยายเครือข่ายการด�ำเนินงาน
้
สู่องค์กรอื่นๆ เช่น เครือข่ายภาคประชาชน (อสม.) เครือข่ายผู้น�ำศาสนา เครือข่ายโรงเรียน
เครือข่ายผู้พิการและผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น
มีการก�ำหนดนโยบายและเป้าหมายในการท�ำงานด้วยกัน จัดท�ำโครงการ
พัฒนาระบบการดูแลประชาชนในชุมชน โดยค�ำนึงถึงประชาชนเป็นหลักเน้นการดูแล
แบบรอบด้านในทุกมิติของชีวิตครอบคลุมต่อเนื่องและยั่งยืนมุ่งให้เกิดระบบสุขภาพเชิง
รุกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดี ควบคู่กับการมีหลักประกันสุขภาพ และเข้าถึงบริการเมื่อยาม
เจ็บป่วยหรือจ�ำเป็น โดยสังคมทุกส่วนและทุกระดับมีศักยภาพ และมีส่วนร่วมในการสร้าง
และจัดระบบบริการสุขภาพ โดยการเรียนรูและใช้ประโยชน์จากภูมปญญาสากลและภูมปญญา
้ ิ ั ิ ั
ในท้องถิ่น
จากการด�ำเนิ น งานอย่ า งมุ ่ ง มั่ น ตั้ ง ใจของเจ้ า หน้ า ที่ ใ นพื้ น ที่ ข องโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล การหนุนเสริมทั้งด้านวิชาการและงบประมาณของโรงพยาบาล
ชุมชน ส�ำนักงานสาธารณสุขอ�ำเภอ เครือข่ายในและนอกระบบ ภาครัฐต่างๆ ส่งผล
ให้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจ
และไว้วางใจในเจ้าหน้าที่เข้ามีส่วนร่วมในการจัดบริการ ให้ข้อเสนอแนะและสนับสนุนงบ
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
18 บทเรียนจาก CUP ชนบท
- 19. ประมาณ เช่น ที่ รพ.สต.ยาบี มีการเปลี่ยนวันการให้บริการวัคซีนจากวันพุธเป็นศุกร์ที่
ประชาชนหยุดงานสามารถดูแลบุตรที่เป็นไข้หลังรับวัคซีนได้เต็มที่ จากเวทีประชาคม
ประชาชนเข้าไม่ถึงบริการทันตกรรมมีการเสนอโดยประชาชนให้ท้องถิ่นจัดซื้อ Unit ฟันไว้
ให้บริการที่ รพ.สต.ยาบี และประสานให้โรงพยาบาลหนองจิกจัดทีมทันตแพทย์และทันตภิบาล
ลงไปให้บริการ และเป็นต้นแบบให้ท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ต�ำบลลิปะสะโงและต�ำบลปุโละปูโย
ด�ำเนินตาม หรือจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อ�ำเภอหนองจิก ประชาชนไม่กล้า
เดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาลส่งผลให้ผู้ป่วยเรื้อรัง โรคความดันเบาหวาน ขาดยา มีการ
เสนอให้มีการให้บริการคลินิกเรื้อรังที่ รพ.สต (สอ.ในขณะนั้น) ทางโรงพยาบาลได้ส่งทีม
สหวิชาชีพมาให้บริการคลินิกเรื้อรังในทุก รพ.สต. ต่อมามีการพัฒนาพยาบาลให้เป็น
พยาบาลเวชปฏิบัติ ให้บริการได้ในทุก รพ.สต และอีกหลายๆ เรื่อง ที่ส่งผลให้การพัฒนา
ระบบบริการมีคุณภาพ เหมาะสม ตรงกับความต้องการของชุมชนที่แท้จริง เจ้าหน้าที่ได้รับ
การดูแลจากชุมชนเป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน
หัวใจส�ำคัญของการพัฒนาและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในอ�ำเภอ
หนองจิก คือ การท�ำให้หน่วยงานอื่นๆ เห็นคุณค่าการทุ่มเทของทีมงานและความจ�ำเป็น
ที่ต้องร่วมกันดูแลประชาชนอย่างรอบด้านและต่อเนื่อง ช่วยสร้างให้ถึงชุมชนและสังคม
ของเราเข ้ ม แข็ ง และมี ค วามสุ ข ส ่ ง ผลประชาชนในพื้ น ที่ มี คุ ณ ภาพชี วิ ต ที่ ดี แ ละยั่ ง ยื น
อย ่ า งแท ้ จ ริ ง แม ้ พื้ น ที่ ข องเราจะมี ค วามต ่ า งกั น ในหลายด ้ า นแต ่ พื้ น ที่ ชุ ม ชนของเรา
จะไม่แตกแยกกัน
กลยุทธ์การเชื่อมร้อยบริการปฐมภูมิให้เป็นเครือข่าย
บทเรียนจาก CUP ชนบท 19