2. The effects of reading method on the
comprehension performance of Saudi EFL students
Yousif Alshumaimeri
King Saud University, Saudi Arabia
Abstract
The relative effects of different reading method
(oral, silent and subvocalizing) on comprehension performance
of Saudi EFL 10th
grade male students. Oral reading had the
greatest effect on comprehension performance and it helps in
memorizing words and texts, concentration, and practicing
words for real world encounters.

3. ผลที่มีต่อวิธีการอ่าน
ในการแสดงออกถึงความเข้าใจของ
นักเรียนซาอุดิ EFL
Yousif Alshumaimeri
King Saud University, Saudi Arabia
บทคัดย่อ
ผลด้านความสัมพันธ์ของวิธีการอ่านที่แตกต่างกัน
(การอ่านแบบออกเสียง, การอ่านแบบ
เงียบและ การอ่านแบบออกเสียงด้วยการขยับกล้ามเนื้อปาก
และลำาคอโดยที่เราไม่รู้ตัว) ที่แสดงถึงความเข้าใจของนักเรียน
ชายซาอุดิ EFL เกรด 10 ชี้ให้เห็นว่าการอ่านแบบออกเสียง
เป็นวิธีที่ทำาให้เกิดความเข้าใจมากที่สุดและยังช่วยในการ

4. Introduction
Oral reading is often viewed as a dated
methodology and discouraged by EFL/ESL
teachers. The potential benefits can be gained
from various oral reading techniques that allow
for oral proof reading, pronunciation practice,
and conversational fluency.
Oral reading is often viewed as a dated
methodology and discouraged by EFL/ESL
teachers. The potential benefits can be gained
from various oral reading techniques that allow
for oral proof reading, pronunciation practice,
and conversational fluency.

5. บทนำา
ครูที่สอนนักเรียน EFL / ESL มักจะมองว่าการ
อ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการล่าสุดที่ขัดขวาง
การทำาความเข้าใจในการอ่าน แต่แท้จริงแล้ว
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเทคนิคการอ่านแบบ
ออกเสียงจะช่วยให้นักเรียนได้ฝึกการออก
เสียงและเกิดความคล่องแคล่วในการสนทนา
ครูที่สอนนักเรียน EFL / ESL มักจะมองว่าการ
อ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการล่าสุดที่ขัดขวาง
การทำาความเข้าใจในการอ่าน แต่แท้จริงแล้ว
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเทคนิคการอ่านแบบ
ออกเสียงจะช่วยให้นักเรียนได้ฝึกการออก
เสียงและเกิดความคล่องแคล่วในการสนทนา

6. Introduction
Second language learning situations oral
reading is the best way to teach pronunciation and
word recognition during the early stages of
second/foreign language acquisition, but reading
comprehension is better strengthened by reading
silently which is the way to train pupils to read on
their own. The relationship between reading methods
and reading comprehension is needed in order to
enhance EFL teaching methodologies and improve
learning outcomes.
Second language learning situations oral
reading is the best way to teach pronunciation and
word recognition during the early stages of
second/foreign language acquisition, but reading
comprehension is better strengthened by reading
silently which is the way to train pupils to read on
their own. The relationship between reading methods
and reading comprehension is needed in order to
enhance EFL teaching methodologies and improve
learning outcomes.

7. บทนำา
การอ่านแบบออกเสียงในสถานการณ์การ
เรียนรู้ภาษาที่สองเป็นวิธี ที่ดีที่สุด
ที่จะสอนการออกเสียงและการรับรู้คำาในระหว่างขั้น
เริ่มต้นของการเรียนรู้ภาษาที่สอง / ภาษาต่าง
ประเทศของนักเรียน แต่การอ่านแบบเงียบ
ก็จะทำาให้เกิดความ
เข้าใจในการอ่านที่ดีขึ้น โดยเป็นวิธีในการฝึก
นักเรียน ให้อ่าน
ด้วยตัวเอง ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างวิธีการอ่านและ
ความเข้าใจ ในการอ่านก็เป็นสิ่ง
การอ่านแบบออกเสียงในสถานการณ์การ
เรียนรู้ภาษาที่สองเป็นวิธี ที่ดีที่สุด
ที่จะสอนการออกเสียงและการรับรู้คำาในระหว่างขั้น
เริ่มต้นของการเรียนรู้ภาษาที่สอง / ภาษาต่าง
ประเทศของนักเรียน แต่การอ่านแบบเงียบ
ก็จะทำาให้เกิดความ
เข้าใจในการอ่านที่ดีขึ้น โดยเป็นวิธีในการฝึก
นักเรียน ให้อ่าน
ด้วยตัวเอง ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างวิธีการอ่านและ
ความเข้าใจ ในการอ่านก็เป็นสิ่ง

8. Oral vs. Silent Reading Methods
Silent reading is usually with the idea of
reading for comprehension. Teachers and learners
were using oral reading in a variety of ways, the
primary reasons for using the method were for
practicing pronunciation and intonation. Both oral
and silent reading activities were necessary for
effective reading instruction.
Silent reading is usually with the idea of
reading for comprehension. Teachers and learners
were using oral reading in a variety of ways, the
primary reasons for using the method were for
practicing pronunciation and intonation. Both oral
and silent reading activities were necessary for
effective reading instruction.

9. Oral vs. Silent Reading Methods
การอ่านแบบเงียบมักจะเป็นแนวคิดของ
การอ่านเพื่อความเข้าใจ แต่ครูผู้สอนและ
นักเรียนจะใช้วิธีการอ่านแบบออกเสียงที่หลาก
หลาย เพื่อฝึกการออกเสียงและเน้นนำ้าเสียงหนัก
เบา โดยกิจกรรมการอ่าน ทั้งสองวิธีทั้ง
กิจกรรมการอ่านแบบเงียบและกิจกรรมการอ่าน
แบบ ออกเสียงมีความจำาเป็นเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการสอนอ่าน
การอ่านแบบเงียบมักจะเป็นแนวคิดของ
การอ่านเพื่อความเข้าใจ แต่ครูผู้สอนและ
นักเรียนจะใช้วิธีการอ่านแบบออกเสียงที่หลาก
หลาย เพื่อฝึกการออกเสียงและเน้นนำ้าเสียงหนัก
เบา โดยกิจกรรมการอ่าน ทั้งสองวิธีทั้ง
กิจกรรมการอ่านแบบเงียบและกิจกรรมการอ่าน
แบบ ออกเสียงมีความจำาเป็นเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการสอนอ่าน

10. Oral Reading and Comprehension
Reading comprehension is about knowledge
from long-term memory and use schema knowledge
and interpret new information. Oral reading by
teachers help readers discover units of meaning and
arise from multi-word phrases rather than meaning
from individual words. Poor readers are better at
comprehension when reading orally as compared to
reading silently. Oral reading fluency were found to
have better reading comprehension.
Reading comprehension is about knowledge
from long-term memory and use schema knowledge
and interpret new information. Oral reading by
teachers help readers discover units of meaning and
arise from multi-word phrases rather than meaning
from individual words. Poor readers are better at
comprehension when reading orally as compared to
reading silently. Oral reading fluency were found to
have better reading comprehension.

11. Oral Reading and Comprehension
การอ่านเพื่อความเข้าใจเป็นความ
รู้จากหน่วยความจำาระยะยาวและใช้ความรู้
เดิมเพื่อตีความข้อมูลใหม่ การอ่านแบบ
ออกเสียงโดยมีครูช่วยจะทำาให้ผู้อ่านค้น
พบหน่วยความหมายและเพิ่มพูนวลีที่หลาก
หลายมากกว่าการเรียนรู้จากคำาศัพท์
เดี่ยวๆ ผู้อ่านที่เรียนรู้ได้ช้าจะเกิดความ
เข้าใจได้ดีกว่าเมื่ออ่านแบบออกเสียงเมื่อ
เทียบกับการอ่านแบบเงียบๆ การอ่านแบบ
การอ่านเพื่อความเข้าใจเป็นความ
รู้จากหน่วยความจำาระยะยาวและใช้ความรู้
เดิมเพื่อตีความข้อมูลใหม่ การอ่านแบบ
ออกเสียงโดยมีครูช่วยจะทำาให้ผู้อ่านค้น
พบหน่วยความหมายและเพิ่มพูนวลีที่หลาก
หลายมากกว่าการเรียนรู้จากคำาศัพท์
เดี่ยวๆ ผู้อ่านที่เรียนรู้ได้ช้าจะเกิดความ
เข้าใจได้ดีกว่าเมื่ออ่านแบบออกเสียงเมื่อ
เทียบกับการอ่านแบบเงียบๆ การอ่านแบบ

12. Oral reading, Culture and Environment
Oral reading has limited benefit to learners in
different social and cultural backgrounds of students.
Readers read silently comprehend because they both
read and think. However, students are incapable of
thinking while reading orally and the student’s
attenuation to the social environment when they are
reading they would have a greater bearing on her
ability to concentrate than their inability to do both at
once.
Oral reading has limited benefit to learners in
different social and cultural backgrounds of students.
Readers read silently comprehend because they both
read and think. However, students are incapable of
thinking while reading orally and the student’s
attenuation to the social environment when they are
reading they would have a greater bearing on her
ability to concentrate than their inability to do both at
once.

13. Oral reading, Culture and Environment
ประโยชน์ในการอ่านแบบออก
เสียงมีข้อจำากัดทางด้านภูมิหลังทางสังคม
และวัฒนธรรมของนักเรียนที่แตกต่างกัน ผู้
อ่านที่อ่านเข้าใจอย่างเงียบๆ เพราะพวก
เขาทั้งอ่านและคิดไปด้วย อย่างไรก็ตาม
นักเรียนจะไม่สามารถคิดได้ในขณะที่อ่าน
แบบออกเสียง เมื่อพวกเขากำาลังอ่านจะมี
ความอดทนสูงสามารถมีสมาธิจดจ่อ
ประโยชน์ในการอ่านแบบออก
เสียงมีข้อจำากัดทางด้านภูมิหลังทางสังคม
และวัฒนธรรมของนักเรียนที่แตกต่างกัน ผู้
อ่านที่อ่านเข้าใจอย่างเงียบๆ เพราะพวก
เขาทั้งอ่านและคิดไปด้วย อย่างไรก็ตาม
นักเรียนจะไม่สามารถคิดได้ในขณะที่อ่าน
แบบออกเสียง เมื่อพวกเขากำาลังอ่านจะมี
ความอดทนสูงสามารถมีสมาธิจดจ่อ

14. Method Research Design
Comprehension performance was determined
from the students’ comprehension scores on
multiple-choice test. Three different passages
were selected from McCall-Crabbs Standard Test
Lessons in Reading, Book D (1979).
Comprehension performance was determined
from the students’ comprehension scores on
multiple-choice test. Three different passages
were selected from McCall-Crabbs Standard Test
Lessons in Reading, Book D (1979).

15. Method Research Design
การแสดงออกว่านักเรียนเข้าใจบทอ่านเพียง
ใดนั้นวัดได้จากคะแนนความเข้าใจของ
นักเรียนในการทดสอบแบบปรนัย โดยการคัด
เลือกบทอ่านที่แตกต่างกันสามชนิดจาก
McCall-Crabbs Standard Test Lessons in
Reading, Book D (1979).
การแสดงออกว่านักเรียนเข้าใจบทอ่านเพียง
ใดนั้นวัดได้จากคะแนนความเข้าใจของ
นักเรียนในการทดสอบแบบปรนัย โดยการคัด
เลือกบทอ่านที่แตกต่างกันสามชนิดจาก
McCall-Crabbs Standard Test Lessons in
Reading, Book D (1979).

16. Method Research Design
Each group read each passage using one of
the three reading methods (oral, subvocalization,
and silent) and the study participants
always read passage 1 first, and then passage 2
and 3. After reading each passage and taking the
reading test for that passage the students were
asked to fill out a feedback slip asking about their
preferred reading method and the reason behind
their preference.
Each group read each passage using one of
the three reading methods (oral, subvocalization,
and silent) and the study participants
always read passage 1 first, and then passage 2
and 3. After reading each passage and taking the
reading test for that passage the students were
asked to fill out a feedback slip asking about their
preferred reading method and the reason behind
their preference.

17. Method Research Design
โดยแต่ละกลุ่มจะอ่านบทอ่านที่แตกต่างกัน
สามชนิด (การอ่านแบบออกเสียง, การอ่านแบบออก
เสียงด้วยการขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอ โดยที่
เราไม่รู้ตัว และการอ่านแบบเงียบ) และแต่ละกลุ่มจะ
อ่านตามลำาดับเสมอคือ อ่านบทอ่านที่ 1 บทอ่านที่ 2
และบทอ่านที่ 3 หลังจากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มอ่าน
ในแต่ละเนื้อเรื่องจบแล้วก็จะได้ทำาแบบทดสอบ
การอ่าน และลำาดับสุดท้ายนักเรียนจะได้กรอก
feedback slip ที่ถามเกี่ยวกับวิธีการอ่านที่นักเรียน
โดยแต่ละกลุ่มจะอ่านบทอ่านที่แตกต่างกัน
สามชนิด (การอ่านแบบออกเสียง, การอ่านแบบออก
เสียงด้วยการขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอ โดยที่
เราไม่รู้ตัว และการอ่านแบบเงียบ) และแต่ละกลุ่มจะ
อ่านตามลำาดับเสมอคือ อ่านบทอ่านที่ 1 บทอ่านที่ 2
และบทอ่านที่ 3 หลังจากนั้นนักเรียนแต่ละกลุ่มอ่าน
ในแต่ละเนื้อเรื่องจบแล้วก็จะได้ทำาแบบทดสอบ
การอ่าน และลำาดับสุดท้ายนักเรียนจะได้กรอก
feedback slip ที่ถามเกี่ยวกับวิธีการอ่านที่นักเรียน

18. Participants
Participants were 145 Saudi male students with
an average age of 16 years in the first year of 10th
grad
in a secondary school in Riyadh, Saudi Arabia. Students
were expected to be fairly representative of the target
population of Saudi learners in items of ability, interest
and age.
Participants were 145 Saudi male students with
an average age of 16 years in the first year of 10th
grad
in a secondary school in Riyadh, Saudi Arabia. Students
were expected to be fairly representative of the target
population of Saudi learners in items of ability, interest
and age.

19. Participants
ผู้เข้าร่วมคือ นักเรียนชายซาอุดิ
จำานวน 145 คน อายุ
เฉลี่ย 16 ปี เทอมที่ 1 เกรด 10 ของโรงเรียน
มัธยมริยาดประเทศซาอุดิอาระเบีย นักเรียน
ที่คาดว่าจะได้เป็นตัวแทน ของ
ประชากรกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนในซาอุดิ
จะวัดจากความสามารถ ความสนใจ และ
ผู้เข้าร่วมคือ นักเรียนชายซาอุดิ
จำานวน 145 คน อายุ
เฉลี่ย 16 ปี เทอมที่ 1 เกรด 10 ของโรงเรียน
มัธยมริยาดประเทศซาอุดิอาระเบีย นักเรียน
ที่คาดว่าจะได้เป็นตัวแทน ของ
ประชากรกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนในซาอุดิ
จะวัดจากความสามารถ ความสนใจ และ

20. Passages
Three passages were selected from McCall-Crabbs
Standard Test Lesson in Reading, Book D (1979).
Multiple choice questions are the most commonly used
format in standardized reading comprehension tests. A
reliability analysis was computed for each test using
test/retest method.
Three passages were selected from McCall-Crabbs
Standard Test Lesson in Reading, Book D (1979).
Multiple choice questions are the most commonly used
format in standardized reading comprehension tests. A
reliability analysis was computed for each test using
test/retest method.

21. Passages
บทอ่านที่แตกต่างกันสามชนิดคัดเลือก
มาจาก McCall-Crabbs Standard Test
Lesson in Reading, Book D (1979) ใช้คำาถาม
แบบเลือกตอบ ในการทดสอบ ความ
เข้าใจในการอ่านที่ได้มาตรฐาน การ
วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือโดยใช้วิธีทำาแบบ
ทดสอบ หรือทำาแบบทดสอบอีกครั้ง
บทอ่านที่แตกต่างกันสามชนิดคัดเลือก
มาจาก McCall-Crabbs Standard Test
Lesson in Reading, Book D (1979) ใช้คำาถาม
แบบเลือกตอบ ในการทดสอบ ความ
เข้าใจในการอ่านที่ได้มาตรฐาน การ
วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือโดยใช้วิธีทำาแบบ
ทดสอบ หรือทำาแบบทดสอบอีกครั้ง

22. Feedback
The feedback slip was a small piece of paper that was
given to each student after completing each reading test
(three feedback slips were collected per participant). The
purpose of the feedback slips was to help in understanding
the effects of the different reading methods and to know
which reading methods students prefer in everyday life.
The feedback slip was a small piece of paper that was
given to each student after completing each reading test
(three feedback slips were collected per participant). The
purpose of the feedback slips was to help in understanding
the effects of the different reading methods and to know
which reading methods students prefer in everyday life.

23. Feedback
นักเรียนแต่ละคนจะได้กรอก feedback
slip หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบบทอ่านที่แตก
ต่างกันสามชนิด (นักเรียนหนึ่งคนต้องกรอกทั้ง
สามใบ) วัตถุประสงค์ของทำา feedback slip เพื่อ
ช่วย ให้นักเรียนเข้าใจผลกระทบที่มีต่อวิธีการ
อ่านที่แตกต่างกันทั้งสามชนิด และเพื่อให้ทราบ
ว่านักเรียนชื่นชอบวิธีการอ่านแบบไหนในชีวิต
นักเรียนแต่ละคนจะได้กรอก feedback
slip หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบบทอ่านที่แตก
ต่างกันสามชนิด (นักเรียนหนึ่งคนต้องกรอกทั้ง
สามใบ) วัตถุประสงค์ของทำา feedback slip เพื่อ
ช่วย ให้นักเรียนเข้าใจผลกระทบที่มีต่อวิธีการ
อ่านที่แตกต่างกันทั้งสามชนิด และเพื่อให้ทราบ
ว่านักเรียนชื่นชอบวิธีการอ่านแบบไหนในชีวิต

24. Procedure
The research was taught on a regular school
day during the extra-curricular activity time (the
last two periods of one day per week). The time
for testing was 110 minutes and each reading test
was about 20 minutes followed by 5-7 minutes for
filling out the feedback slips.
The research was taught on a regular school
day during the extra-curricular activity time (the
last two periods of one day per week). The time
for testing was 110 minutes and each reading test
was about 20 minutes followed by 5-7 minutes for
filling out the feedback slips.

25. Procedure
การทำาวิจัยครั้งนี้เป็นการสอนใน
ช่วงเวลาเรียนตามปกติในช่วงเวลา
กิจกรรมนอกหลักสูตร (สองชั่วโมง
สุดท้ายของหนึ่งวันต่อสัปดาห์) เวลา
สำาหรับการทดสอบ จำานวน 110 นาที
และการทดสอบบทอ่านแต่ละบทอ่าน
ประมาณ 20 นาที และใช้เวลาอีก 5-7
การทำาวิจัยครั้งนี้เป็นการสอนใน
ช่วงเวลาเรียนตามปกติในช่วงเวลา
กิจกรรมนอกหลักสูตร (สองชั่วโมง
สุดท้ายของหนึ่งวันต่อสัปดาห์) เวลา
สำาหรับการทดสอบ จำานวน 110 นาที
และการทดสอบบทอ่านแต่ละบทอ่าน
ประมาณ 20 นาที และใช้เวลาอีก 5-7
นาทีสำาหรับการกรอก feedback slips

26. Procedure
Each group read passage using each of the
three different reading methods. There were 3
teachers, one for each group to help and explain
the procedure clearly. Analysis of variance (ANOVA)
was used to test the differences between the
reading methods and measured the scores from
the multiple-choice questions.
Each group read passage using each of the
three different reading methods. There were 3
teachers, one for each group to help and explain
the procedure clearly. Analysis of variance (ANOVA)
was used to test the differences between the
reading methods and measured the scores from
the multiple-choice questions.

27. Procedure
แต่ละกลุ่มจะอ่านเนื้อเรื่องที่ได้รับ
โดยใช้วิธีการอ่าน ที่แตกต่างกันสามวิธี
ซึ่งจะมีครู 3 คนคอยดูแล ครูหนึ่งคนเพื่อ
คอยช่วยเหลือและอธิบายขั้นตอนอย่าง
ชัดเจนให้แต่ละกลุ่ม การวิเคราะห์ตัวแปร
จะใช้ ANOVA ในการทดสอบความแตก
ต่างระหว่างวิธีการอ่านและการวัดคะแนน
จากคำาถามแบบปรนัยเลือกตอบ
แต่ละกลุ่มจะอ่านเนื้อเรื่องที่ได้รับ
โดยใช้วิธีการอ่าน ที่แตกต่างกันสามวิธี
ซึ่งจะมีครู 3 คนคอยดูแล ครูหนึ่งคนเพื่อ
คอยช่วยเหลือและอธิบายขั้นตอนอย่าง
ชัดเจนให้แต่ละกลุ่ม การวิเคราะห์ตัวแปร
จะใช้ ANOVA ในการทดสอบความแตก
ต่างระหว่างวิธีการอ่านและการวัดคะแนน
จากคำาถามแบบปรนัยเลือกตอบ

28. Result
The feedback slip showed the students’ responses
to the question (Does reading method assist you in
understanding the passage?) The result showed the oral
reading 57% of the students thought that oral reading
helped them better comprehend the passage, whereas
26% and 17.9%, silent reading and subvocalization. The
greatest positive effect on comprehension was oral
reading with a mean value 9.65. These results indicate that
oral reading helped students better understand passages.
The feedback slip showed the students’ responses
to the question (Does reading method assist you in
understanding the passage?) The result showed the oral
reading 57% of the students thought that oral reading
helped them better comprehend the passage, whereas
26% and 17.9%, silent reading and subvocalization. The
greatest positive effect on comprehension was oral
reading with a mean value 9.65. These results indicate that
oral reading helped students better understand passages.

29. Result
feedback slip จะแสดงให้เห็นการตอบ
คำาถามของนักเรียน (ว่าการอ่านวิธีไหนจาก
สามวิธีข้างต้นช่วยให้นักเรียนเข้าใจบทอ่านได้
ดีที่สุด) ผลปรากฏว่าการอ่านแบบออกเสียง
57% การอ่านแบบเงียบ 26% และอ่านแบบออก
เสียงด้วยการขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอ
โดยที่เราไม่รู้ตัว 17.9 % การอ่านแบบออกเสียง
มีค่าเฉลี่ยที่ 9.65 ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็น
ว่าการอ่านแบบออกเสียงช่วย ให้นักเรียน
feedback slip จะแสดงให้เห็นการตอบ
คำาถามของนักเรียน (ว่าการอ่านวิธีไหนจาก
สามวิธีข้างต้นช่วยให้นักเรียนเข้าใจบทอ่านได้
ดีที่สุด) ผลปรากฏว่าการอ่านแบบออกเสียง
57% การอ่านแบบเงียบ 26% และอ่านแบบออก
เสียงด้วยการขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอ
โดยที่เราไม่รู้ตัว 17.9 % การอ่านแบบออกเสียง
มีค่าเฉลี่ยที่ 9.65 ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็น
ว่าการอ่านแบบออกเสียงช่วย ให้นักเรียน

30. Result
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Oral Reading help in memorizing and remembering
new words.
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Silent Reading they can read silently for leisure not
for study.
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Subvocalization make students concentrate more and
understand the text.
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Oral Reading help in memorizing and remembering
new words.
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Silent Reading they can read silently for leisure not
for study.
- The Students’ Responses for Reasons for Preferring
Subvocalization make students concentrate more and
understand the text.

31. Result
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบออกเสียงเพราะ
ช่วยให้ระลึกและจดจำาคำาศัพท์ใหม่ได้ดีขึ้น
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบเงียบเพราะอ่าน
ด้วยตัวเองในเวลาว่าง ได้ไม่จำาเป็นต้องเพื่อการ
เรียนอย่างเดียว
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบออกเสียงด้วยการ
ขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอโดยที่เราไม่รู้ตัว
เพราะช่วยให้มีสมาธิและเข้าใจเนื้อเรื่อง ได้ดี
ขึ้น
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบออกเสียงเพราะ
ช่วยให้ระลึกและจดจำาคำาศัพท์ใหม่ได้ดีขึ้น
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบเงียบเพราะอ่าน
ด้วยตัวเองในเวลาว่าง ได้ไม่จำาเป็นต้องเพื่อการ
เรียนอย่างเดียว
- นักเรียนที่ชอบการอ่านแบบออกเสียงด้วยการ
ขยับกล้ามเนื้อปากและลำาคอโดยที่เราไม่รู้ตัว
เพราะช่วยให้มีสมาธิและเข้าใจเนื้อเรื่อง ได้ดี
ขึ้น

32. Discussion
There is a significant difference between the Saudi
students in comprehension performance according to
reading method. Oral reading can be a beneficial reading
method when used in the L2 classroom.
There is a significant difference between the Saudi
students in comprehension performance according to
reading method. Oral reading can be a beneficial reading
method when used in the L2 classroom.

33. Discussion
มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำาคัญระหว่าง
นักเรียนซาอุดิที่เข้าใจในบทอ่านตามวิธีการ
สอนอ่านที่แตกต่างกัน วิธีการสอนอ่านโดยใช้
การอ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการอ่านที่เป็น
ประโยชน์เมื่อใช้ในห้องเรียน L2
มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำาคัญระหว่าง
นักเรียนซาอุดิที่เข้าใจในบทอ่านตามวิธีการ
สอนอ่านที่แตกต่างกัน วิธีการสอนอ่านโดยใช้
การอ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการอ่านที่เป็น
ประโยชน์เมื่อใช้ในห้องเรียน L2

34. Conclusion
The relative effects of different reading methods on
the comprehension performance of Saudi EFL 10th
grade
students, the result showed the oral reading had the
greatest positive effects on the comprehension
performance of the study sample
The relative effects of different reading methods on
the comprehension performance of Saudi EFL 10th
grade
students, the result showed the oral reading had the
greatest positive effects on the comprehension
performance of the study sample

35. Conclusion
ผลของความสัมพันธ์ของวิธีการอ่านที่
แตกต่างกันในการอ่านเพื่อความเข้าใจของ
นักเรียน EFL ซาอุดิ เกรด 10 แสดงให้เห็น
ว่าการอ่านแบบออกเสียงมีประสิทธิภาพสูงสุด
ของกลุ่มตัวอย่าง
ผลของความสัมพันธ์ของวิธีการอ่านที่
แตกต่างกันในการอ่านเพื่อความเข้าใจของ
นักเรียน EFL ซาอุดิ เกรด 10 แสดงให้เห็น
ว่าการอ่านแบบออกเสียงมีประสิทธิภาพสูงสุด
ของกลุ่มตัวอย่าง

36. Conclusion
Oral reading was the most preferred reading method
and was perceived by students to aid in memorization
and concentration. Oral reading was beneficial in the L2
classroom.
Oral reading was the most preferred reading method
and was perceived by students to aid in memorization
and concentration. Oral reading was beneficial in the L2
classroom.

37. Conclusion
การอ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการสอน
อ่านที่นักเรียนชื่นชอบมากที่สุดเป็นประโยชน์
ในห้องเรียน L2
การอ่านแบบออกเสียงเป็นวิธีการสอน
อ่านที่นักเรียนชื่นชอบมากที่สุดเป็นประโยชน์
ในห้องเรียน L2

38. References
Albar, M. A. (1996). Human Development. Saudi
publishing & distributing house, Jeddah, Saudi Arabia. Al-
Qurashi, K., Watson, M., Hafseth, J., Hickman, D,. & Pond,
R. (1995). ‘English For Saudi Arabia: first year
secondary, Teacher’s book’ .Ministry Of Education Press,
Riyad, Saudi Arabia.
Alshumaimeri, Y. (2005). Is reading aloud a faulty habit.
Paper presented at the second international conference:
Language, culture and literature, Minia University, Egypt.
Albar, M. A. (1996). Human Development. Saudi
publishing & distributing house, Jeddah, Saudi Arabia. Al-
Qurashi, K., Watson, M., Hafseth, J., Hickman, D,. & Pond,
R. (1995). ‘English For Saudi Arabia: first year
secondary, Teacher’s book’ .Ministry Of Education Press,
Riyad, Saudi Arabia.
Alshumaimeri, Y. (2005). Is reading aloud a faulty habit.
Paper presented at the second international conference:
Language, culture and literature, Minia University, Egypt.

39. References
Carrell, P. L. (1991). Second language reading: Reading
ability or language proficiency? Applied
Linguistics, 12(2), 159-79.
Anderson, R.C. & Pearson, P.D. (1984). A schema-
theoretic view of basic processes in reading
comprehension. In P.D. Pearson (Ed.), Handbook of
Reading Research (pp. 255-292). New York: Longman.
Grabe, W. & Stoller, F. L. (2002). Teaching and researching
reading. London: Longman.
Carrell, P. L. (1991). Second language reading: Reading
ability or language proficiency? Applied
Linguistics, 12(2), 159-79.
Anderson, R.C. & Pearson, P.D. (1984). A schema-
theoretic view of basic processes in reading
comprehension. In P.D. Pearson (Ed.), Handbook of
Reading Research (pp. 255-292). New York: Longman.
Grabe, W. & Stoller, F. L. (2002). Teaching and researching
reading. London: Longman.

40. Thank you for your kind attention.