More Related Content
Similar to แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
Similar to แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ (20)
More from Wan Ngamwongwan
More from Wan Ngamwongwan (20)
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
- 2. ในอดีต ทางซีกโลกตะวันตกมีความเชือว่าโลกและสิงมีชีวตทัง
่ ่ ิ ้
มวลนั้นเกิดขึนด้วยอานุภาพของสิ่งเหนือธรรมชาติ จนกระทังใน
้ ่
ศตวรรษที่ 18 เมือวิทยาศาสตร์มความก้าวหน้ามากขึน มีการสร้าง
่ ี ้
เครืองมือวิทยาศาสตร์ การศึกษาในห้องปฏิบตการประกอบกับการ
่ ัิ
เดินทางออกสารวจแผ่นดินใหม่ของชนชาติต่างๆ ทาให้เกิดข้อสงสัย
ในความเชือเดิมเรืองกาเนิดของสิ่งมีชีวตและเริมมีการเสนอแนวคิด
่ ่ ิ ่
ใหม่เกียวกับเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทีเปลียนไปจากอดีต
่ ่ ่
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 3. ต่อมาในต้นศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการบุกเบิกเรือง ่
การศึกษาซากดึกดาบรรพ์ของสิงมีชีวิตจากตัวอย่างที่เก็บ
่
จากทัวโลก จึงทาให้นกวิทยาศาสตร์ได้ขอมูลสนับสนุนกับ
่ ั ้
หลักฐานด้านอืนๆเพิ่มมากขึ้นจนทาให้เกิดแนวคิดปฏิวัติ
่
เกี่ยวกับวิวัฒนาการที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวตน่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ิ
ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย
และยอมรับว่าสิงมีชีวตมีวิวัฒนาการจริง
่ ิ
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 4. แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามาร์ก
• ชอง ลามาร์ก (Jean Lamarck, พ.ศ.
2287-2372) นักธรรมชาติวิทยาชาว
ฝรังเศส เป็นคนแรกๆทีได้นาเสนอแนวคิด
่ ่
ปฏิวติเรืองวิวฒนาการจากการศึกษา
ั ่ ั
เปรียบเทียบลักษณะของสิงมีชีวิตในยุคนั้น
่
กับหลักฐานซากดึกดาบรรพ์ในพิพิธภัณฑ์
ลามาร์กได้นาเสนอแนวคิดเกียวกับ
่
วิวฒนาการทีสาคัญในสองประเด็นอันเป็น
ั ่
ที่ถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 5. แนวคิดของลามาร์ก ประเด็นที่ 1
แนวคิดของลามาร์กประเด็นแรกกล่าวว่า สิงมีชวตมีแนวโน้มที่
่ ีิ
จะพัฒนาไปมีความซับซ้อนมากขึนและสิ่งมีชวตมีความพยายามที่
้ ีิ
จะอยูรอดในธรรมชาติซึ่งจะส่งผลต่อการเปลียนแปลงด้านสรีระไป
่ ่
ในทิศทางนัน “หากอวัยวะใดที่มีการใช้งานมากในการดารงชีวต
้ ิ
จะมีขนาดใหญ่ ส่วนอวัยวะใดที่ไม่ใช้จะค่อยๆลดขนาดและอ่อนแอ
ลง และเสือมไปในที่สด” แนวคิดดังกล่าวนี้ เรียกว่า กฎการใช้
่ ุ
และไม่ใช้ (Law of use and disuse)
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 6. แนวคิดของลามาร์ก ประเด็นที่ 2
ประเด็นทีสองมีความเกี่ยวเนื่องต่อจากประเด็นแรกทีว่า
่ ่
“การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวตที่เกิดขึนจากการใช้และไม่ใช้
ิ ้
นั้นจะคงอยูได้ และสิ่งมีชวิตสามารถถ่ายทอดลักษณะที่เกิด
่ ี
ใหม่นี้ไปสู่รุ่นลูกได้” แนวคิดดังกล่าว เรียกว่า กฎแห่งการ
ถ่ายทอดลักษณะที่ได้มาขณะมีชีวิตอยู่ (Law of
inheritance of acquired characteristic)
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 12. จากแนวคิดของลามาร์ก ท่านเห็นด้วยหรือไม่ เพราะ
อะไร และจะมีวิธีการอย่างไรในการทดลองเพื่อพิสูจน์
แนวคิดของลามาร์ก
คาถามเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจาก
ลามาร์กได้นาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตออกมา
นักวิทยาศาสตร์สมัยนั้นดูจะไม่ค่อย
ยอมรับแนวคิดของลามาร์กเพราะไม่
สามารถพิสูจน์ได้ในทุกกรณี
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 13. เช่นในการทดลองของออกัส ไวส์มาน (August Weisman,
พ.ศ. 2377-2457) ได้ทดลองตัดหางหนู 20 รุ่นให้สั้นลง
แต่ปรากฏว่าหนูรุ่นที่ 21 ก็ยังคงมีหาง ไวส์มาน จึงได้เสนอ
แนวคิดค้านลามาร์กว่า ลักษณะที่ถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลานได้
นั้นต้องเกิดจากเซลล์สืบพันธุ์ไม่ใช่เซลล์ร่างกาย หรือหาก
ทฤษฎีของลามาร์กถูกต้อง ทาไมจึงยังมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่
ไม่ซับซ้อนเจริญอยู่ในสิ่งแวดล้อม
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 16. แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วน
ิ
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการที่ดูจะเป็นที่ยอมรับอย่าง
แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบันนั้นเป็นของชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles
Darwin, พ.ศ. 2352-2428) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ปีที่
ดาร์วินเกิดอยูในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 และในอีก 50 ปีต่อมา
่
ดาร์วินได้ตีพิมพ์หนังสือเรื่อง กาเนิดความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
โดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (The Origin of Species by
Means of Natural Selection) ที่เขย่าวงการวิทยาศาสตร์และ
กระทบความเชื่อชาวตะวันตก จนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่าง
แพร่หลาย
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 17. ชาร์ลส์ ดาร์วิน
ชาร์ลส์ ดาร์วิน หนังสือกาเนิดความหลากหลายของสิงมีชีวิต
่
โดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 18. ดาร์วินเกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2352 ที่เมือง
ชรูเบอรี่ (Shrewsbury) ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่มี
ฐานะมั่งคั่ง บิดาของดาร์วินอยากให้เขาเรียนแพทย์แต่
เนื่องจากนั่นไม่ได้มาจากความชอบส่วนตัว เขาจึงไม่สนใจ
เรียนเพราะฝักใฝ่สนใจกับการศึกษาธรรมชาติรอบตัว และ
มักชอบเดินทางเป็นระยะทางไกลเพื่อเก็บสะสมแมลงต่างๆ
ดาร์วินเรียนแพทย์ได้เพียงสองปีเท่านั้นก็ลาออกมา
บิดาจึงส่งให้ดาร์วินไปเรียนต่อวิชาเกี่ยวกับศาสนาที่
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จนจบการศึกษา
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 19. ในปีพ.ศ. 2374 ดาร์วนซึ่งมีอายุเพียง 22 ปี ได้รับการฝากฝัง
ิ
โดยศาสตราจารย์จอห์น เฮนสโลว์ (John Henslow) ให้เดินทาง
ไปกับเรือหลวงบีเกิ้ล (H.M.S.Beagle) ในฐานะนักธรรมชาติวิทยา
ประจาเรือ การเดินทางครั้งนี้เป็นโครงการของราชนาวีอังกฤษ ซึ่งมี
เป้าหมายในการเดินทางเพื่อสารวจภูมิประเทศบริเวณชายฝั่งทะเล
ของทวีปอเมริกาใต้และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟกซึ่งยังไม่มีใคร
ิ
เคยไปสารวจมาก่อน
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 24. ในปี พ.ศ.2378 เรือหลวงบีเกิ้ลเดินทางมาถึงหมู่เกาะกาลา
ปากอส ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากแผ่นดินทวีปอเมริกาใต้
ไปทางตะวันตกประมาณ 960 กิโลเมตร ที่หมู่เกาะนี้ดาร์วิน
ได้พบสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์หลากชนิดที่ไม่เคยพบจากที่ใด
มาก่อน เขาได้สังเกตนกฟินช์ (finch) ที่พบแพร่กระจายอยู่
ตามหมู่เกาะต่างๆ ถึง 14 ชนิด ในขณะที่บนแผ่นดินใหญ่เขา
พบเพียง 1 ชนิด
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 25. ดาร์วนพบว่านกฟินช์แต่ละชนิดมีขนาดและรูปร่างของ
ิ
จงอยปาก ที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมแก่การที่จะใช้กิน
อาหารแต่ละประเภท ตามสภาพแวดล้อมของเกาะนั้นๆ
ดาร์วินเชื่อว่าบรรพบุรุษของนกฟินช์บนเกาะกาลาปากอส
น่าจะสืบเชื้อสายมาจากนกฟินช์บนแผ่นดินใหญ่ และเมื่อมีการ
เปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาจนทาให้หมู่เกาะแยกออกจาก
แผ่นดินใหญ่ ทาให้เกิดการแปรผันทางพันธุกรรมของ
บรรพบุรุษนกฟินช์ เมื่อเวลายิ่งผ่านยาวนานขึ้นทาให้เกิด
วิวัฒนาการกลายเป็นนกฟินช์สปีชีส์ใหม่ขึ้น
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 28. ภายหลังจากการเดินทางกับเรือหลวงบีเกิ้ลยาวนานถึง 5 ปี เมื่อเดินทาง
กลับมาถึงประเทศอังกฤษ ดาร์วนจึงได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่เขาได้
ิ
บันทึกและเก็บรวบรวบข้อมูลมายาวนานตลอดการเดินทาง รวมถึงการอ่าน
บทความของโทมัส มัลทัส (Thomas Malthus, พ.ศ. 2309-2377) ที่
กล่าวถึงอัตราการเพิ่มของประชากรว่ามีอัตราที่เร็วกว่าการเพิ่มของอาหาร
หลายเท่า โดยที่อัตราการเกิดของประชากรเพิ่มในอันดับเรขาคณิต ส่วน
อัตราการเพิ่มของอาหารเพิ่มตามอันดับเลขคณิต จากบทความนี้ทาให้
ดาร์วินคิดว่าการที่สิ่งมีชวิตนันมีจานวนเกือบคงที่แทนที่จะมีจานวนลูกหลาน
ี ้
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนันน่าจะต้องมีปจจัยบางอย่างมาจากัดจานวนประชากรของ
้ ั
สิ่งมีชวิต
ี
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 30. จากข้อมูลข้างต้นนี้เองทาให้ดาร์วินเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับกลไกการ
เกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เขาคิดว่าสิ่งมีชีวิตมีความหลากหลาย
ตามธรรมชาติ และปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น ปริมาณอาหารและน้า
ที่จากัด ทาให้สิ่งมีชีวิตตัวที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด
(survival of the fittest) และถ่ายทอดลักษณะที่เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมนั้นไปสู่ลูกหลาน แนวคิดของดาร์วนดังกล่าว เรียกว่า
ิ
ทฤษฏีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (theory of natural
selection)
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 31. ในเวลาต่อมามีนกธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษอีกคนหนึ่งคือ อัลเฟรด รัสเซล
ั
วอลเลซ (Alfred Russel Wallace, พ.ศ. 2366 - 2456) ผู้ศึกษาความ
หลากหลายของสิ่งมีชีวิตแถบหมู่เกาะอินโดนีเซีย เขาได้เขียนจดหมายเล่าให้
ดาร์วินฟังถึงแนวคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาเองซึ่งตรงกับแนวคิด
ของดาร์วนในเรื่องของกลไกของวิวัฒนาการที่เกิดจากการคัดเลือกโดย
ิ
ธรรมชาติ ในปี พ.ศ.2401 ทั้งสองจึงได้นาเสนอผลงานดังกล่าวนี้ในที่ประชุม
วิทยาศาสตร์ และในปี พ.ศ.2402 ดาร์วินก็ได้ตีพิมพ์หนังสือ เรื่อง กาเนิด
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (The Origin
of Species by Means of Natural Selection)
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 34. แอร์นสต์ ไมเออร์ (Ernst Mayr, พ.ศ. 2447-2548) นักชีววิทยาวิวัฒนาการชาว
เยอรมัน ได้วิเคราะห์และสรุปทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติของดาร์วินที่ปรากฏอยู่ใน
หนังสือ The Origin of Species by Means of Natural Selection โดย
สามารถสร้างข้อสรุปทฤษฏีของดาร์วินในประเด็นหลักๆ ดังนี้
1. สิ่งมีชีวิตย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในสปีชีส์เดียวกัน เรียกความ
แตกต่างนี้ว่า การแปรผัน (variation)
2. สิ่งมีชีวิตมีจานวนประชากรแต่ละสปีชีส์ในแต่ละรุ่นจานวนเกือบคงที่ เพราะมี
สิ่งมีชีวิตจานวนหนึ่งตายไป
3. สิ่งมีชีวิตต้องมีการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หากลักษณะที่แปรผันของสิ่งมีชีวิตนั้น
เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตนั้นจะสามารถดารงชีวิตอยู่และถ่ายทอดลักษณะดังกล่าว
ไปยังลูกหลาน
4. สิ่งมีชีวิตตัวที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่สุดจะอยู่รอด และสามารถดารง
เผ่าพันธุ์ไว้ ทาให้เกิดความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนในที่สุดเกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์
ใหม่
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 36. ช่วงเวลาหลังจากที่ดาร์วินได้ออกหนังสือ The Origin of
Species มีผู้ยอมรับและเชื่อใน Darwinism อย่างมาก ผู้ที่
สนับสนุนแนวคิดของดาร์วินที่สาคัญได้แก่ ที เอช ฮักซ์เลย์ (T.H.
Huxley) เฮอร์เบิร์ท สเปนเซอร์ (Herbert Spencer) จอร์จ
โรแมนส์ (George Romans) แอร์นสต์ เฮคเคล (Ernst
Haeckel) และ ออกัส ไวส์มาน (August Weisman) ซึ่งยุคที่
ความเชื่อใน Darwinism รุ่งเรืองนั้นเรียกว่ายุคโรแมนติค อยู่
ระหว่าง พ.ศ. 2403-2446
ฉวีวรรณ นาคบุตร
- 37. ไม่นานหลังจากการเสนอทฤษฎีของดาร์วิน ก็มีผู้คนพบซากดึกดาบรรพ์ของ
้
สัตว์เลื้อยคลานที่มีขนและปีกเหมือนนก สัตว์ชนิดนี้ได้ชื่อว่าอาร์คออปเทอริก
ี
(Archaeopteryx – เป็นภาษากรีกแปลว่าปีกโบราณ) ซึ่งมีลักษณะอยู่
กึ่งกลางระหว่างไดโนเสาร์และนกปัจจุบัน ข้อเท็จจริงนี้พสูจน์ให้เห็นอย่าง
ิ
ชัดเจนว่าสัตว์เลื้อยคลานน่าจะเป็นบรรพบุรุษของนก และ ทฤษฎีของ
ดาร์วนถูกต้อง ที่ว่าสิ่งมีชีวิตมีกาเนิดจากบรรพบุรุษดึกดาบรรพ์ ไม่ได้เกิด
ิ
ขึ้นมามีหน้าตาเหมือนในปัจจุบันโดยทันที
ฉวีวรรณ นาคบุตร