More Related Content
More from Sarinee Achavanuntakul (20)
Revolutionary Wealth and Implications on Tourism
- 1. คาดการณแนวโนมโลก ผาน “ความมังคังปฏิวัติ” และนัย
่่
ตอการทองเที่ยวไทย
สฤณี อาชวานันทกุล
Fringer | คนชายขอบ
http://www.fringer.org/
นําเสนอในงานเสวนา “เปดมุมมอง ทองเที่ยวไทย” ครั้งที่ 4/2552
วันที่ 7 เมษายน 2552 ณ การทองเที่ยวแหงประเทศไทย
งานนี้เผยแพรภายใตลิขสิทธิ์ Creative Commons แบบ Attribution Non-commercial Share Alike (by-
nc-sa) โดยผูสรางอนุญาตใหทาซ้ํา แจกจาย แสดง และสรางงานดัดแปลงจากสวนใดสวนหนึ่งของงานนี้
ํ
ไดโดยเสรี แตเฉพาะในกรณีที่ใหเครดิตผูสราง ไมนาไปใชในทางการคา และเผยแพรงานดัดแปลงภายใต
ํ
ลิขสิทธิ์เดียวกันนี้เทานั้น
- 2. หัวขอนําเสนอ
ความมังคั่งปฏิวัติ
่
นัยของความมังคั่งปฏิวัตตอการทองเที่ยวไทย
่ ิ
ตัวอยางการทองเที่ยวอยางยังยืน: ระบบจายตรงใน
่
กัมพูชา
2
- 4. สรุปบางประเด็นจาก “ความมังคั่งปฏิวัต”
่ ิ
1. “ระบอบความมั่งคั่ง” ประกอบดวยระบบเงินตรา
และระบบนอกเงินตรา (นอกตลาด) ที่ผานมา นัก
เศรษฐศาสตรมองเห็นแตระบบแรกเทานั้น
2. คลื่นลูกที่สาม (เศรษฐกิจขอมูล) มอบอํานาจ
มหาศาลใหกับผูผลิต-บริโภค (prosumers) ทําให
ระบบนอกตลาดทวีความสําคัญขึ้นเรื่อยๆ
3. เราตองหาวิธีตอบแทนผูผลิต-บริโภค สรางกลไก
เชื่อมโยงระหวางระบบตลาดและนอกตลาด
4. เราจะตองมองเห็น “ปจจัยพื้นฐานลึกซึ้ง” ที่
ขับเคลือนความมั่งคั่ง เพื่อรับมือกับอนาคต และ
่
จัดการกับ “การปะทะระหวางคลื่น” 4
- 5. บทนํา
สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ กําลังเปลี่ยนผานไปสู “เศรษฐกิจ
ขอมูล” ที่ขับเคลื่อนดวยพลังสมอง
บทบาทของความรูในการสรางความมั่งคั่งทวีความสําคัญขึ้นเรื่อยๆ
กอนที่ความมั่งคั่งจะปฏิวัติอยางแทจริง มันจะตองเปลี่ยนรูปไปกอน
ทั้งแงปริมาณและวิธีที่ถูกสราง รวมทั้งระดับความมั่งคั่งที่เปน
นามธรรมหรือรูปธรรมก็ตองเปลียนดวย
่
แมวาเราทุกคนจะใชชีวิตอยูในเศรษฐกิจเงินตรา แตความมั่งคั่งไมใช
เรื่องเงินเพียงอยางเดียว แตยังมีเศรษฐกิจคูขนานที่เราไดสิ่งที่
ตองการโดยไดตองใชเงินดวย
ระบบเงินตราและนอกเงินตรารวมกันเรียกวา “ระบบความมั่งคั่ง”
- 6. อนาคตของความมังคั่ง
่
“ความมั่งคั่ง” หมายถึงอะไรก็ตามที่ตอบสนองความปรารถนา
หนังสือ “ความมั่งคั่งปฏิวัติ” พยายามมองอนาคตของความมั่งคั่ง ทั้ง
ที่มองเห็นและมองไมเห็น เกี่ยวกับความมั่งคั่งรูปแบบใหมที่ปฏิวัติรูป
แบบเดิมๆ ซึ่งจะออกแบบชีวิต บริษัท และโลกใหม
ความมั่งคั่งปฏิวัติเปดประตูสูโอกาส แตในขณะเดียวกันก็เปดสูความ
เสี่ยงที่มากขึ้นและอันตรายกวาเดิมดวย
นักเศรษฐศาสตรมักอธิบายเรื่อง “พื้นฐานทางธุรกิจ” แตไมคอยพูด
เรื่อง “พื้นฐานลึกซึง” อันไดแก พื้นที่ เวลา และความรู
้
การมองใหเห็น “พื้นฐานลึกซึ้ง” จะทําใหมองเห็นความตองการใหมๆ
และภาคธุรกิจใหมๆ ที่จะเกิดขึ้น เชน อุตสาหกรรมความเหงา
- 7. อนาคตของความมังคั่ง (ตอ)
่
การพยากรณความมั่งคั่ง นอกจากจะตองดูมูลคาของงานที่ทําเพื่อ
เงินแลว ตองมองถึงงานที่ทําในฐานะ “ผูผลิต-บริโภค” และ “งานที่
สาม” ดวย มิเชนนันจะไมสามารถเขาใจความเปนไปในชีวิตสวนตัว
้
ของคน ทั้งในปจจุบันและอนาคตไดอยางลึกซึ้ง
ระบบความมั่งคั่งใหม มาพรอมกับวิถีชีวิต, อารยธรรม, ศิลปะ ฯลฯ
แบบใหมๆ โดยมีสหรัฐอเมริกาเปนผูนาการเปลี่ยนแปลง
ํ
ประเทศอื่นๆ ตางหวาดระแวงอเมริกา เพราะระบบที่อเมริกาพัฒนา
อยูนั้น กําลังคุกคามเครือขายผลประโยชนทางการเงินและการเมืองที่
ฝงรากลึกอยูทั่วโลก
- 8. อนาคตของความมังคั่ง (ตอ)
่
สวนผสมระหวางความมั่งคั่งปฏิวัติและความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
และวัฒนธรรม อาจมาจากลัทธิไมชอบอเมริกัน
แตความมั่งคั่งปฏิวัติไมไดเปนระบบที่อเมริกาสามารถ “ผูกขาด” ไว
เพียงเจาเดียวอีกตอไป
การเปลี่ยนแปลงองคประกอบของแรงงานเปน “จุดเปลี่ยน” จาก
ระบอบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่ใชแรงงานเปนหลัก ไปสูเศรษฐกิจที่
ใชความรูหรือมันสมองเปนหลัก สวนวัฒนธรรม การเมือง และ
บทบาทตางๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปเชนกัน
ความมั่งคั่งปฏิวัติกําลังทําลายพรมแดนระหวางชีวิตที่บานกับที่
ทํางาน พรมแดนทางเพศ รวมทั้งพรมแดนทางวิชาการอีกดวย
- 9. การปลูกฝงความรูและเครื่องมือทุนเพื่อความรู
สิ่งที่กําลังเกิดขึ้นควบคูไปกับการเปลี่ยนแปลงบทบาทและพรมแดน
ตางๆ ในสังคม คือการเปลี่ยนแปลงที่เร็วยิ่งกวาของสาธารณูปโภค
พื้นฐานของความรู
การปฏิวัติทางวิทยาศาสตรก็กําลังเกิดขึ้นอยางรุนแรง ทําใหปจจุบัน
เราเห็นเครื่องมือทุนที่สรางเครื่องมือทุนเองดวย
เชน ในอนาคตเครื่องจักรนาโนจะ “ผลิตซ้ํา” ตัวเองได
ยิ่งมีนวัตกรรมใหมๆ ที่หลากหลายมากเพียงใด ศักยภาพที่จะผนวก
ความกาวหนาเหลานี้เขาดวยกัน ใหเกิดผลลัพธมหาศาลก็ย่ิงสูงขึ้น
ดวย เราจะเห็นการโนมเขาหากันลักษณะนีมากขึ้นเรื่อยๆ
้
- 10. คลื่นความมังคั่งสามลูก
่
คลื่นลูกแรกของความมั่งคังคืออารยธรรมเกษตร ซึ่งนําไปสูการแบงงานกันทํา
่
การคา การแลกเปลียน ่
คลื่นลูกที่สองคือเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรม ที่ทําใหเกิดความแตกตางระหวาง
“ประเทศพัฒนาแลว” และ “ประเทศดอยพัฒนา”
คลื่นลูกที่สาม มาเปลี่ยนปจจัยการผลิตแบบอุตสาหกรรม – ที่ดิน แรงงาน และ
ทุน ไปเปนความรูที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงและลึกซึ้ง และทําลาย “ความเปน
แมส” ของกระบวนการผลิต ตลาด และสังคม ที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมทําไว
รวมทั้งเปลี่ยนแปลงโครงสรางองคกรใหกลายเปนแนวราบ
การเปลี่ยนแปลงเหลานี้เกิดขึ้นควบคูกบความเสื่อมโทรม นวัตกรรม และการ
ั
ทดลอง สวนสังคมและวัฒนธรรมก็ถูกสั่นคลอนเมื่อมีการปะทะกันของระบบ
ความมั่งคังสองระบบขึนไป
่ ้
- 11. ปจจัยพื้นฐานลึกซึง
้
“ปจจัยพื้นฐานลึกซึง” ที่ผานมาถูกละเลย ทําใหมองไมเห็นการ
้
เปลี่ยนแปลงที่ดําเนินไปและปญหาการ “ผิดจังหวะ”
ปจจัยพื้นฐานลึกซึงไดแก เวลา พื้นที่ ความรู
้
เวลาเรงเร็วกวาเดิม และ “เปนสวนตัว” กวาเดิม
เศรษฐกิจขอมูลสราง “พื้นที่มูลคาเพิ่มสูง”, อินเทอรเน็ตสราง “พื้นที่
เสมือน” , การแปลงเปนดิจิตัลขยาย “เอื้อมทางกายภาพ”
ความรูเปน “น้ํามัน” ของอนาคต แตตองจัดการและกรองอยางถูกตอง
ภาคสวนตางๆ เดินดวยจังหวะเร็วชาไมเทากัน ทําใหเกิดปญหาการ
“ผิดจังหวะ” โดยเฉพาะในภาคที่สถาบันยังทํางานดวยกระบวนทัศน
ของยุคอุตสาหกรรม (ผลิตทุกอยางเปนแมส) เชน การศึกษา
- 12. ระบบนอกเงินตรา : ภาคเศรษฐกิจผลิต-บริโภค
เราทุกคนลวนเปนผูผลิต-บริโภค เพราะความตองการและความอยาก
ไดที่เปนเรื่องสวนตัวมากๆ หลายอยางเปนสิ่งที่ตลาดยังไมมีหรือ
ตอบสนองไมได เชน การเลี้ยงดูบุตร
ภาคผลิต-บริโภคมีขนาดใหญ แตไมมีใครติดตาม ไมมีใครจาย
คาตอบแทน
เศรษฐกิจเงินตราจะอยูไมได ถาขาดระบบเศรษฐกิจผลิต-บริโภค
นักเขียน-นักกิจกรรม ฮาเซล เฮนเดอรสัน เรียกวา “กาวสังคม”
แกรี่ เบ็กเกอร ชี้วา “เวลาที่คนไมไดใชทํางาน อาจสําคัญตอสวัสดิการ
ทางเศรษฐกิจมากกวาเวลาที่ใชในที่ทํางาน แตนักเศรษฐศาสตรกลับ
ใหความสําคัญกับประเด็นหลังนอยกวาประเด็นแรกมาก”
- 13. ระบบนอกเงินตรา : ภาคเศรษฐกิจผลิต-บริโภค (ตอ)
นักเศรษฐศาสตรมักนิยาม “มูลคาทางเศรษฐกิจ” แบบดั้งเดิมเทานั้น
สาเหตุหลักเปนเพราะเงินเปนสิ่งที่นับงาย และการผลิต-บริโภคอยู
นอกเหนือขอบเขตที่พวกเขาศึกษา
ดังนั้น เครื่องมืออยางผลิตภัณฑมวลรวมประชาชาติ (GDP) นาจะ
ถูกเรียกวา “ผลิตผลที่เบี่ยงเบนมหาศาล” มากกวา เพราะไมนับ
กิจกรรมในระบบนอกเงินตรา
บทบาทของผูบริโภคกําลังเปลียนไป และบทบาทของผูผลิต-บริโภค
่
จะขยายใหญขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ระบบเศรษฐกิจขอมูลทวีความสําคัญ
ตัวอยาง: “ผูผลิต-บริโภคสุขภาพ” สามารถเขาถึงขอมูลดานสุขภาพ
ไดมากขึ้น และซือเครื่องมือตรวจวัดโรคหลายอยางไดดวยตัวเอง
้
- 14. “งานที่สาม” ของผูผลิต-บริโภค
นอกจากงานที่ทําแลวไดเงิน งานบานที่ไมไดเงิน ปจจุบนคนเรายัง
ั
ทํางานที่สาม (ที่ไมไดเงิน) เชน การติดตามพัสดุผานอินเทอรเน็ต
หรือฝากเงินผานเอทีเอ็ม งานเหลานี้ทําใหบริษัทตางๆ จางแรงงาน
ลดลงมาก
อาสาสมัครเพื่อสังคม และมือสมัครเลน เปนผูผลิต-บริโภครายสําคัญ
การผลิต-บริโภคที่เพิ่มขึ้นเพิ่มแรงผลักดันไปสูการ “ผลักตนทุน” จาก
บริษัทไปยังผูบริโภค
คนจะพึ่งพาตัวเองมากขึ้น (Do-It-Yourself หรือ DIY)
ผูผลิต-บริโภคไมเพียงแตสามารถแปลงงานอดิเรกใหเปนธุรกิจ
เทานั้น แตยังสามารถริเริ่มอุตสาหกรรมใหมๆ ทั้งอุตสาหกรรม
- 15. ความเชื่อมโยงระหวางระบบตลาด กับระบบนอกตลาด
ตัวอยาง - แนปสเตอร (Napster) เปนซอฟตแวรที่ทําใหคนได
แลกเปลี่ยนเพลงระหวางกัน แตมันถูกบริษัทเพลงฟองใหปดกิจการไป
แลวกลับมาใหมในฐานะบริการที่เก็บเงิน คือเขาสูเศรษฐกิจเงินตรา
เวลาที่เร็วขึ้น พื้นที่ขยายกวางขึ้น และความรูทางเทคนิค ทําใหเกิด
การพัฒนา “อาวุธอานุภาพทําลายลางตลาดสูง”
ทําใหเห็นความเปนไปไดวา กลุมคนเล็กๆ อาจสามารถยายกิจกรรม
ปริมาณมหาศาลออกจากเศรษฐกิจเงินตราไปสูเศรษฐกิจไมใชเงินได
เรากําลังพัฒนาปฏิสัมพันธที่หนาแนนขึ้นเรื่อยๆ ระหวางเศรษฐกิจ
เงินตราและเศรษฐกิจไมใชเงิน
มูลคาของการผลิต-บริโภคอาจถูก “แปลง” เปนมูลคาที่เปนตัวเงิน
- 16. คุณปการของผูผลิต-บริโภค
ู
ผูผลิต-บริโภคทํางานที่ไมไดรับคาตอบแทนดวยการทํา “งานที่สาม”
และกิจกรรมที่ทําใหกับตัวเอง
ผูผลิต-บริโภคซื้อสินคาทุนจากเศรษฐกิจเงินตรา
ผูผลิต-บริโภคใหผูใชในระบอบเศรษฐกิจเงินตรายืมเครื่องมือและทุน
ไปใช นับเปน “ขาวเที่ยงฟรี” อีกหนึ่งจาน
ผูผลิต-บริโภคปรับปรุงที่อยูอาศัย สงผลกระทบตอตัวแปรตางๆ ใน
เศรษฐกิจเงินตรา
ผูผลิต-บริโภค “สรางตลาด” ใหกับสินคา บริการ และทักษะตางๆ
ผูผลิต-บริโภค “ทลายตลาด” สินคาหรือบริการดวยเชนกัน
ผูผลิต-บริโภคสรางมูลคาในฐานะอาสาสมัคร
- 17. คุณปการของผูผลิต-บริโภค (ตอ)
ู
ผูผลิต-บริโภคนําสงขอมูลที่มีมูลคาฟรีๆ ใหกับบริษัทที่แสวงหากําไร
เชน เวลาตองทําแบบทดสอบการตลาด
ผูผลิต-บริโภคเพิ่มพลังของผูบริโภคในระบอบเศรษฐกิจเงินตรา โดย
การแบงปนขอมูลกัน
ผูผลิต-บริโภคเรงนวัตกรรม โดยทําหนาที่เปนกูรูที่ไมมีใครจาง ซึ่ง
เปนการเรงอัตราการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเพิ่มพูนผลิต
ภาพ กลาวคือ ไมใชแคเพิ่มผลิตภาพเพียงอยางเดียว แตเพิ่ม “ผลิ
ภาพ” (producivity) ดวย
ผูผลิต-บริโภคสรางความรู กระจายความรู และเก็บความรูนั้นในไซ
เบอรสเปซอยางรวดเร็วเพื่อใชในเศรษฐกิจที่ตั้งอยูบนความรู
- 18. หลังยุคเสื่อมโทรม
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระบบความมั่งคั่ง เราก็มองเห็นการฟนฟู
คุณคา ในฐานะแกนที่เราใหความสําคัญ
“การระเบิดเขาขางใน” ของสถาบันตางๆ และ “ระบบคุณคาของ
วันวาน” ลาสมัยไปแลว
การยายคุณคาเปนผลพวงของความตองการแรงงานที่ลดนอยลง
และความสําคัญของคุณคาที่เปนนามธรรม (values)
การเติบโตของกิจการเพื่อสังคม เชน ธนาคารกรามีน (Grameen
Bank) – ธนาคารเพื่อคนจนแหงแรกในโลก
การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดลอม ควบคูกับการ
เปลี่ยนแปลงทางสังคม มีความหลากหลายสูงขึ้น นําไปสูอารยธรรม
ใหมที่ตั้งอยูบนความมั่งคั่งปฏิวัติ
- 19. อนาคตของทุนนิยม
ระบบทีเปลี่ยนแปลงทรัพยสินเปนทุนได ประกอบดวยฐานความรูขนาดมหึมาที่
่
เปลี่ยนแปลงอยางไมหยุดยัง ชวยเพิมมูลคาของทรัพยสิน
้ ่
ในระบอบเศรษฐกิจกาวหนา (คลื่นลูกที่สาม) ความเปน “นามธรรม” เชน
ความรู ในฐานทรัพยสนของสังคมกําลังยกระดับขึ้นเรื่อยๆ และผูผลิตรายใหญ
ิ
ก็ตองพึงพาปจจัยการผลิตทีเปนนามธรรมมากขึ้นเรือยๆ
่ ่ ่
“นามธรรมสองชั้น” คือนามธรรมที่ตดกับทรัพยสินทีเปนนามธรรมตั้งแตแรก
ิ ่
ดังนั้น ทรัพยสนจึงมีสองรูปแบบหลักๆ คือทรัพยสินที่มีมิตทางนามธรรม
ิ ิ
แวดลอมแกนทีเปนรูปธรรม และทรัพยสิน “นามธรรมสองชัน” ที่แกนของมัน
่ ้
เปนนามธรรมเหมือนกัน (เชน สินคาความรูที่ตอยอดทรัพยสินทางปญญา)
ถาเอามารวมกัน ก็จะไดความเขาใจใหมๆ ใน “กระบวนการแปลงเปน
นามธรรม” ที่มาพรอมกับความกาวหนาสูระบบความมั่งคังที่ตงอยูบนความรู
่ ั้
- 20. อนาคตของทุนนิยม (ตอ)
อัตราเรงที่พบไดในความสัมพันธระหวางเรากับปจจัยเวลา ทําให
ตลาดมีลักษณะชั่วคราวมากขึ้น ทําใหบริษัทตองคิดคนนวัตกรรม
และตองขยับการผลิตไปสูระดับที่สรางมูลคาเพิ่มขึ้นอยางเปนระบบ
นามธรรมทั้งสองประเภทจะเปนสัดสวนของฐานทรัพยสินที่ใหญขึ้น
เรื่อยๆ ในสังคม
อุตสาหกรรมจํานวนมากตองเผชิญหนากับความตาย เมื่อเทคโนโลยี
ใหมๆ ทําใหวิธีคุมครองทรัพยสินทางปญญาแบบเดิมๆ ใชไมไดผล
การยายไปสูนามธรรมปฏิวัติเปนเพียงกาวแรกในการปรับเปลี่ยนทุน
นิยมอยางสุดขั้วที่กําลังดําเนินอยู
ทุนนิยมที่เรารูจักจะเปลี่ยนโฉมหนาไป
- 21. กําเนิดของ “ตลาดที่เปนไปไมได”
ในอดีต บรรพบุรุษลวนเปนผูผลิต-บริโภค ตลาดที่ดินมีนอย ยิ่งตลาด
การเงินไมตองพูดถึง
การปฏิวัติอุตสาหกรรม เปนตัวนําคลื่นความมั่งคั่งปฏิวัติลูกที่สอง
คือเปลียนความสัมพันธระหวางตลาด นักการตลาด และคนธรรมดา
่
เปลี่ยนผูผลิต-บริโภคนอกเศรษฐกิจเงินตรา ใหกลายเปนผูผลิตและ
ผูบริโภคในเศรษฐกิจเงินตรา ทําใหตองพึ่งพิงระบบตลาด
พัฒนาการของตลาดแมสถูกผลักดันดวย การแปลงเปนเมือง,
สื่อมวลชนแบบแมส นวัตกรรมในเทคโนโลยีการผลิตและการตลาด
คลื่นการเปลี่ยนแปลงที่เรียกวาปฏิวัติอุตสาหกรรม ไดขยายบทบาท
ของตลาดในชีวิตประจําวัน
- 22. กําเนิดของ “ตลาดที่เปนไปไมได” (ตอ)
เมื่อความเร็วเรงอัตราขึ้น อายุขัยของสินคาก็จะสั้นลง การเขาจังหวะ
ตางๆ เปนเรื่องจําเปนเรงดวน และการยายพื้นที่ไปสูตลาดโลกก็เพิ่ม
คูแขงตางชาตินอกเหนือจากคูแขงชาติเดียวกัน แขงขันกันคิดคน
สินคาในตลาดใหมๆ ที่มีอายุสั้นจนนาจะเรียกวา “ตลาดวูบวาบ”
(flash markets)
ผูบริโภคเองก็มีขอมูลมากขึ้น และเรียกรองสิทธิตางๆ มากขึ้น
ผลพวงจากการผลิตแบบตอบสนองความตองการสวนตัว
(customization) คือ กระบวนการตั้งราคาในตลาดแบบสวนตัว
เนื่องจากมีตนทุนการผลิตหรือเสนอขายแตกตางกัน
กระบวนการสรางตลาดและสลายตลาดดําเนินไปควบคูกัน
- 23. การจัดการเงินแหงอนาคต
เงินตราไมตางจากองคประกอบหลักอื่นๆ ของทุนนิยม ตรงที่มันเขา
สูการปฏิวัติเร็วที่สุดและลึกซึ้งที่สุดในรอบหลายศตวรรษ การจะสราง
เงินตรารูปแบบใหมๆ วิธีการจายและรับแบบใหม และโอกาสทาง
ธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ไมใชเงินเลย
การบริหารจัดการเงินหรือระบบเงินตรานั้น เพิ่มตนทุนมหาศาล
ใหกับสังคมและกระเปาเงินของแตละคน ตนทุนเหลานี้จะถูกสงตอให
ลูกคา เหมือนเปน “ภาษีซอนเรน” ที่ตองจายเปนคาตอบแทนความ
สะดวกสบายในการใชเงิน
การเริ่มใชบัตรเครดิต เปนจุดแรกของการกาวกระโดดไปสู “เงิน
คูขนาน” และเทคโนโลยีใหมๆ ก็กําลังหลั่งไหลเขามา
- 24. การจัดการเงินแหงอนาคต (ตอ)
“เงินคูขนาน” อาทิ บัตรเครดิต สามารถทําใหจายเงินเร็วขึ้นหรือชาลงได
ระบบความมั่งคั่งใหมที่กําลังอุบตขึ้นเปดทางสูการเปลี่ยนแปลงสุดขั้วในวิธการ
ัิ ี
และกําหนดเวลาที่เราไดรับคาตอบแทนจากการทํางาน
นวัตกรรมที่เรงเร็วเหลานี้นําไปสูคําพยากรณถง “ความตายของเงิน”
ึ
การเติบโตของเงินคูขนาน, การเติบโตของการแลกเปลี่ยนสินคา, การเติบโต
ของระดับการทดแทนได, การแพรกระจายของเครือขายการเงินโลกที่ซับซอน
ขึ้นเรื่อยๆ, เทคโนโลยีกาวหนาสุดขัวที่กําลังจะนํามาใช แลวมองมันในบริบท
้
ของเศรษฐกิจโลกที่ใชเงินคนอืนตอยอดสูงมากและถูกสั่นคลอนดวยการเก็ง
่
กําไรที่ไรการกํากับดูแล ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงอยางสุดขัวในโครงสราง
้
ภูมิศาสตรการเมืองโลกทีจะกินเวลานานหลายทศวรรษ – ทั้งหมดนี้บงชีวาเงิน
่ ้
ยุคอุตสาหกรรมอาจกลายเปนของหายากในอนาคต
- 27. การทองเที่ยวเปนแหลงรายไดสําคัญของไทย
รายไดจากการทองเที่ยวของคนตางชาติมีมูลคาเพิ่มสูงขึ้นทุกป และ
เปนแหลงรายไดหลักของบางจังหวัด
คิดเปนประมาณรอยละ 5-6 ของ GDP ประเทศไทย
ประเทศไทยมีศักยภาพและความพรอมในการพัฒนาอุตสาหกรรม
ทองเที่ยวสูง
ทรัพยากรทองเทียวทังดานวัฒนธรรม สิ่งแวดลอม และความนาดึงดูดใจดาน
่้
อื่นมีสูง
คนไทยมีจตสํานึกในการใหบริการสูง และมีทศนคติที่ดตอนักทองเทียว
ิ ั ี ่
ในความคิดของชาวตางชาติ ประเทศไทยเปนแหลงทองเทียวชั้นนําระดับ
่
โลกอยูแลว
เปนอุตสาหกรรมหนึ่งที่ประเทศไทยสามารถแขงขันไดในระดับนานาชาติ
- 28. การทองเที่ยวในประเทศไทยกําลังขยับลงสูตลาดลาง
การใชจายตอนักทองเที่ยวแทบจะ
สถิติการใชจายของนักทองเที่ยวตางชาติตอทริป (2543-2547)
ไมมีการเติบโตเลย โดยมีอัตรา
พันบาท พันบาท
เฉลี่ยเติบโตตอปเพียงรอยละ 2.40
(กราฟแทง) (เสน)
เทานั้น
35 5
30
แมวารายไดจากการทองเที่ยวจะ
4
25
เพิ่มคอนขางสูงในชวงเวลา
3
20
เดียวกัน (รอยละ 7.74 ตอป)
15
หมายความวาประเทศไทยรับ
2
10
นักทองเที่ยวเพิ่มขึ้น แต
1
5
นักทองเที่ยวแตละคนใชเงินลดลง
0 0
แปลวาการทองเที่ยวของไทย
2000 2001 2002 2003 2004
กําลังขยับลงสูตลาดลาง
LHS: กราฟแทง รายไดตอนักทองเที่ยวตอทริป
RHS: กราฟเสน รายไดตอนักทองเที่ยวตอวัน
ที่มา: การทองเที่ยวแหงประเทศไทย,
- 29. ปญหาของการทองเที่ยวไทยในมุมมองของไมเคิล พอรเตอร
ประเทศไทยมีองคประกอบหลายสวนที่จําเปนตอการสราง “คลัส
เตอรการทองเที่ยว” ที่ดี
แตรัฐบาลยังไมมีแผนแมบทสําหรับคลัสเตอรนี้ แมวาจะมีองคกร
หรือสมาคมที่เกี่ยวของกับการทองเที่ยวมากมาย มีแผนกลยุทธการ
ทองเที่ยวจํานวนมากและหลากหลาย
การขาดแผนแมบทที่จะกําหนดกลยุทธอยางชัดเจน เปนปจจัยสําคัญ
ที่ทําใหคลัสเตอรนี้ไมสามารถเพิ่มมูลคาจากนักทองเที่ยวได
ผูสําเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาไมไดรบการอบรมใน
ั
กิจกรรมที่จําเปนตอธุรกิจการทองเที่ยว เชน วิชาที่เกี่ยวของกับ
การทองเที่ยวกวารอยละ 40 เตรียมนักศึกษาสําหรับตําแหนง
ผูบริหาร ทั้งๆ ที่ตําแหนงผูบริหารเพียงรอยละ 3 เทานั้น
- 31. “นักทองเที่ยวคุณภาพ” ยุคคลื่นลูกที่สาม
1. รับรูขอมูลขาวสารเกี่ยวกับคนตางเชื้อชาติตางวัฒนธรรมไดอยาง
มหาศาลอยูแลวจากอินเทอรเน็ตและสื่อตางๆ ดังนั้นจึงนาจะตองการ
ความ “จริง” ของประสบการณ (authenticity) และ “ปฏิสัมพันธ”
(interaction) มากกวาเดิมเวลาไปเที่ยว – ไมอยาก “ดู” เฉยๆ
2. ยินดีจายเพิ่มแลกกับการไมตองเจอคนพลุกพลานและบริการแบบแมส
3. ยินดีจายเงินแลกกับ “คุณคา” ที่หาไมไดในถิ่นตัวเอง เชน การปฏิบัติ
ธรรม ประสบการณการทํานา การทําอาหารพื้นบาน
4. ความแปลกแยกและเปลียวเหงาที่ทวีความรุนแรง นาจะทําให
่
“อุตสาหกรรมความเหงา” ดึงดูดนักทองเที่ยวได – ประเทศไทยมีฐานที่
ดีอยูแลวในธุรกิจ longstay และ homestay 31
- 32. “ภาพใหญ” ของการทองเที่ยวไทยที่สราง “พื้นที่มลคาสูง” ได
ู
อสังหาริมทรัพย สุขภาพ & สันทนาการ การทองเที่ยว & สื่อ
อพารตเมนทใหเชา โรงพยาบาล เภสัช ทองเทียวเชิงนิเวศ
่
ทองเทียวเชิง
่
รีสอรต สปา กีฬา
บานพัก longstay
วัฒนธรรม
สถานปฏิบัติธรรม
โฮมสเตย สื่อ & โฆษณา
แพทยแผนทางเลือก
เกษตรกรรม
ผลิตภัณฑสขภาพ
ุ การศึกษา ทุนวัฒนธรรม / สังคม
• สถาบันศาสนา
แพทย / โรงแรม
อาหารเพื่อสุขภาพ
• ภูมิปญญาพื้นบาน
(เกษตรอินทรีย) สิ่งแวดลอม • วัฒนธรรมทองถิ่น
• องคกรภาคประชาชน
สังคมศาสตร
ตลาดตางประเทศ
- 33. ตลาดหลักใน “ภาพใหญ” เติบโตสูงมาก
ตลาดหลัก ขนาดตลาด สวนแบง อัตราการเติบโต
ปจจุบัน การตลาดของ ของตลาดโลก
(ลานบาท) ไทย (รอยละ) (รอยละตอป)
ทองเทียวเชิงสุขภาพ
่ เอเชีย อเมริกา 1,800,000 1.3 20-30
เกษตรอินทรีย อเมริกา ยุโรป 800,000 ต่ํากวา 0.01 20
ญี่ปุน
สปา อเมริกา 1,600,000 0.2 30
สมุนไพร / ยาแผน อเมริกา ยุโรป 2,600,000 ต่ํากวา 0.01 10-20
ทางเลือก
Longstay อเมริกา ญี่ปุน N/A N/A 10-20
สแกนดิเนเวีย
- 34. รัฐ / ททท. ควรสงเสริมการทองเที่ยวแบบบูรณาการ
เพื่อสรางทั้งมูลคาเพิ่มใหกับการทองเที่ยวไทย และสราง “พื้นที่
มูลคาเพิ่มสูง” ใหมๆ
เนนการทองเที่ยวแบบยั่งยืน (sustainable tourism) เชน
การทองเทียวเชิงนิเวศ
่
การทองเทียวเชิงวัฒนธรรม
่
การทองเทียวเชิงสุขภาพ
่
พัฒนาโครงสรางพื้นฐานดานการทองเที่ยว อาทิ การศึกษา
ประวัติศาสตรทองถิ่น และกลไกการดูแลรักษาสิ่งแวดลอม
เพิ่มการกระจายรายไดสูทองถิ่นและสงเสริมโครงสรางที่ยั่งยืน ดวย
การ “แปลง” กิจกรรมที่มีมูลคาในภาคการผลิต-บริโภค (อาทิ การดูแล
รักษาปาชุมชน การดูแลผูชรา) ใหเปนเงินตรา
- 35. รัฐมีนโยบายสงเสริมการทองเที่ยวเชิงนิเวศตั้งแตป 2544
รัฐบาลชุดทีแลวมีนโยบายสงเสริมการทองเทียวเชิงนิเวศแลวตังแตป 2544 แตไม
่ ่ ้
เคยผลักดันอยางจริงจัง
กรอบนโยบายรัฐบาลในดานนี้:
จุดประสงค
เพื่อพัฒนาการทองเที่ยวแบบยั่งยืน และรักษาไวซึ่งทรัพยากรอันสําคัญของประเทศ
ประเด็นนโยบายที่สาคัญ
ํ
การจัดการกับทรัพยากรและสิ่งแวดลอมทางการทองเที่ยว
การใหการศึกษาและความรูกับประชาชนในเรื่องของการทองเที่ยวเชิงนิเวศ
การไดรับความรวมมือจากประชาชนในทองถิ่น
การจัดการดานการตลาดและการนําเที่ยว
การจัดทําโครงสรางการบริการพื้นฐานเพื่อใหสามารถมีการใหบริการได
การสงเสริมการลงทุนและการสงเสริมดานอื่นๆ ทีจัดทําโดยภาครัฐ
่
- 36. แผนแมบทการทองเที่ยวเชิงนิเวศยังไมเกิดผลเปนรูปธรรม
รัฐบาลพรรคไทยรักไทยไดอนุมัติแผนแมบทการทองเที่ยวเชิงนิเวศ (2545-2549) เพื่อ
สงเสริมอุตสาหกรรมนี้ โดยมีลักษณะทีสอดคลองกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ
่
ฉบับที่ 9 แบงออกเปน 14 แผนยอยใน 37 โครงการ
หนวยงานที่มีหนาที่รับผิดชอบโดยตรงตอแผนนี้มีทั้งสิ้น 3 หนวยงาน
กระทรวงการทองเที่ยวและกีฬา
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช
องคกรบริหารสวนตําบล ในฐานะผูมอานาจดูแลทรัพยากรทองถิ่น
ีํ
อยางไรก็ดี สภาพความเปนจริงที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลยังไมใหความสําคัญดานการทองเที่ยวเชิง
นิเวศอยางจริงจัง
ประเทศไทยยังมีชื่อเสียงระดับโลกเรือง full-moon party ซึ่งไมใชการทองเที่ยวเชิงนิเวศ และจะ
่
กอใหเกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในระยะยาวอยางแนนอน
การบุกรุกล้ําที่ในเขตสงวนยังเปนไปอยางอุกอาจ ไรการจับกุมหรือการปองกันใดๆ
การตัดไมทําลายปาโดยผูมีอิทธิพลในทองถิ่นยังคงดําเนินตอไปอยางไมหยุดยั้ง
- 37. Longstay เปนธุรกิจที่ยังมีขนาดเล็กแตมีศักยภาพสูง
แนวโนมการทองเทียวแบบพํานักระยะยาว (longstay) เปนที่นิยมมากขึ้น
่
จํานวนประชากรผูสูงอายุของโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคนเหลานีนยมยายถิ่นฐานในฤดูหนาวเพื่อหลบอากาศเย็น
้ิ
นักทองเที่ยวระยะยาวรอยละประมาณ 60 จะใชเวลาพักอยูในประเทศไทยประมาณ 1-2 เดือน สวนใหญเปนชาว
อังกฤษ ญี่ปุน เยอรมันและสหรัฐอเมริกา
เมืองไทยมีอากาศอบอุน และคนไทยมีความถนัดดานงานบริการ
เหมาะแกชาวตางชาติที่ตองการใชชีวิตบั้นปลายในการทองเที่ยว มารักษาสุขภาพและพักฟน
หรือตองการหลบสภาพอากาศที่รุนแรงในประเทศของตน
ปจจุบันมีสถานที่และบริการทองเที่ยวแบบระยะยาวโดยเฉพาะอยูประมาณ 100 แหง มีทั้ง
แบบโรงแรม อพารตเมนต หรือโฮมสเตย
สิ่งที่นาจับตามองคือรอยละ 70 ของคนที่มา longstay เปนผูชาย และบอยครั้งจะมี
ภรรยาหรือเมียเชาเปนคนไทย รัฐบาลควรมีความระมัดระวังในเรืองนี้่
ปจจุบนประเทศไทยยังไมมีบริการ longstay แบบครบวงจร โดยทั่วไปจะใหบริการ
ั
ดานที่พกเทานัน ยังไมมีบริการดานสุขภาพ ทัวรวฒนธรรม สปา ฯลฯ
ั ้ ั
ที่มา: การทองเที่ยวแหงประเทศไทย
- 38. ตลาดการทองเที่ยวเพื่อสุขภาพขยายตัวเร็วและมีมูลคาสูง
ปจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลมากกวา 30 แหงที่สามารถรองรับและใหบริการชาว
ตางประเทศได จากโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมดกวา 470 แหง
การทองเที่ยวทางการแพทย มีมูลคาเพิ่มสูงมาก โดยปกตินักทองเที่ยวจะใชเงินเฉลี่ยประมาณ 362 USD
ตอวัน ในขณะที่ถามาเที่ยวตามปกติจะใชเงินเฉลี่ยวันละ 100 USD
ประเทศไทยเปนผูนําในการบริการทางการแพทยในบางดานอยูแลว เชน โรคเมืองรอน หรือ
การผาตัดแปลงเพศ
ตลาดการทองเที่ยวทางการแพทยเติบโตอยางรวดเร็วในเมืองไทย
ในป 2547 มีนกทองเที่ยวมากกวา 600,000 คนใชปริการทางการแพทย ทํารายไดใหประเทศกวา 20,000
ั
ลานบาท
ในป 2549 กระทรวงสาธารณสุขคาดวา จะมีนกทองเที่ยวทางการแพทยกวา 1 ลานคน และสรางรายได
ั
ใหแกประเทศกวา 27,000 ลานบาท
ตลาดทองเที่ยวทางการแพทยในเอเชียยังคงเติบโตตอเนื่องในอัตรารอยละ 20-30 ตอป
ภายในป 2555 คาดวาจะมีการใชจายสําหรับการทองเที่ยวทางการแพทยในเอเชีย (ไทย มาเลเซีย
สิงคโปร และ อินเดีย) ปละ 4.4 พันลาน USD หรือกวา 176,000 ลานบาท
ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, Abacus International
- 39. …แตประเทศไทยยังมีอปสรรคหลายประการ
ุ
ประเทศไทยมีจุดดอยดานภาษาของบุคลากรเมื่อเทียบกับประเทศ
คูแขง เชน สิงคโปร หรืออินเดีย
ประเทศไทยยังไมมีศูนยการประสานงานดานการประกันสุขภาพ
ในขณะที่ประเทศคูแขงมีหนวยงานนี้แลว
ปญหาดานวีซาของนักทองเที่ยวที่อยูนานกวา 90 วันไมได ทําให
ผูปวยโรคเรื้อรังเลือกที่จะรับการรักษาในประเทศอื่น
โรงพยาบาลในประเทศไทยยังไมเปนที่รูจักหรือไวเนื้อเชือใจเทากับ
่
คูแขงในประเทศอื่นที่มีการทําการตลาดมานาน
ที่มา: กรมสงเสริมการสงออก
- 40. ลักษณะของธุรกิจการทองเที่ยวที่ “ยั่งยืน”
1. อนุรักษ ดูแล และฟนฟูสิ่งแวดลอมอยางตอเนื่อง
2. อนุรักษภูมิปญญาทองถิ่น สรางรายไดใหชุมชนในทางที่สงเสริมความ
ภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ไมใชการทองเที่ยวแบบฉาบฉวย (“แตงชุด
ประจําเผาใหนักทองเที่ยวถายรูป”)
3. มี “สมดุล” ระหวางระบบเงินตรา และระบบนอกเงินตราที่เกี่ยวของกับ
การทองเที่ยว (เชน ปาชุมชน โครงการอาสาสมัครเก็บขยะ) โดยไม
เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ผูใหบริการไมผลักภาระใหรัฐหรือ
ชุมชนรับผิดชอบถายเดียว
4. สราง “มูลคาเพิ่ม” ใหกับทุกฝาย
40
- 42. ระบบการจายตรง
ระบบการจายตรง (Direct Payment) เปนการสรางแรงจูงใจทาง
เศรษฐกิจใหชุมชนทองถิ่นหันมาอนุรักษธรรมชาติแทนการทําลาย มี
หลายรูปแบบและกอใหเกิดผลโดยตรงกับการอนุรักษแตกตางกัน
ออกไป
การจายคาตอบแทนใหคนในชุมชนเพื่อสงเสริมการอนุรักษ เชน จางพราน
ใหมาเปนเจาหนาที่อนุรักษ
การสนับสนุนงบประมาณใหหนวยงานที่ดแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
ู
การสรางรายไดใหชุมชนผานชองทาง “การทองเทียวเชิงอนุรักษ”
่
การครอบครองกรรมสิทธิ์ในการบริหารจัดการพื้นที่นั้น ๆ เชน การระดม
ทุนซื้อพื้นที่ธรรมชาติเพื่อนํามาจัดตังเปนเขตอนุรักษเอกชนหรือศูนยศึกษา
้
ธรรมชาติ 42
- 43. โครงการอนุรกษนกน้ําหายากในกัมพูชา
ั
Northern Plains เปนทุงหญาธรรมชาติผสม
ปาเต็งรังและพื้นที่ชุมน้ําอันอุดมสมบูรณ
ขนาดใหญอยูในประเทศกัมพูชา และยังเปน
แหลงอาศัยและวางไขของนกหายากใกล
สูญพันธุหลายชนิด โดยเฉพาะนกชอนหอยดํา
(White-Shouldered Ibis) และนกชอนหอยใหญ (Giant Ibis) ที่ใกลสูญพันธและ
มีอยูที่นท่เดียวเทานั้นในโลก
ี่ ี
ตังแตปลาย 1990 เริ่มมีการกอตัวอยางเงียบ ๆ ของโครงการ Ecotourism
้
หลายโครงการ หนึ่งในนั้นคือโครงการทองเทียวเชิงอนุรักษนกหายาก
่
(Tmatboey Ibis Tourism Site) โดยจัดตังคณะกรรมการหมูบานอันประกอบไป
้
ดวยตัวแทนที่มาจากการเลือกตัง 9 คน มีหนาที่หลักคือจัดการ “กองทุนพัฒนา
้
หมูบาน” ในนามของชุมชน 43
- 44. โครงการอนุรกษนกน้ําหายากในกัมพูชา (ตอ)
ั
ดําเนินโครงการหลัก 2 โครงการ
โครงการทองเทียวเชิงอนุรักษ โดยจัดใหพ้นที่
่ ื
บริเวณนั้นเปนแหลงทองเที่ยว สําหรับนักดูนก
โดยไกดทองถิ่นไดผลตอบแทนจากการพา
นักทองเที่ยวไปดูนก และเก็บคาบริการจาก
ที่พัก (Home stay), อาหารและเครื่องดื่ม
โครงการปกปองรังนก (Bird Nest Production
Program) เนื่องจากการเก็บไขนกมาขายเปนภัย
คุกคามทีสําคัญทีสุดตอความอยูรอดของนก
่ ่
ในโครงการนี้รัฐจึงใหเงินตอบแทนแกชาวบานที่
พบรังนกและดูแลรักษารังนกไปจนกวาลูกนกจะ
ออกจากรัง รวมทั้งมีเจาหนาที่ 2 คนคอยดูแลตรวจสอบและติดตามผลงานเต็มเวลา 44
- 45. โครงการอนุรกษนกน้ําหายากในกัมพูชา (ตอ)
ั
เมื่อถึงป 2004 รัฐจึงออกกฎใหพ้นที่แหงนี้เปน
ื
พื้นที่อนุรักษ หามลาสัตว
ถาสมาชิกคนใดไมเคารพกฎการรักษารังนกหรือฝา
ฝนลานก แผนการทองเที่ยวทั้งหมดจะถูกยกเลิก
ทันที หรือไมผูฝาฝนจะตองถูกตัดสิทธิจากการ
ไดรับผลประโยชนตาง ๆ
หลังจากดําเนินการมาระยะหนึ่ง โครงการนี้เริ่มเปน
ที่รูจักมากขึ้นในกลุมนักดูนก นักทองเที่ยวเพิ่มขึ้น
และมีแนวโนมวาจะใชเวลาทองเทียวนานขึนทุกป
่ ้
ทําใหเกิดรายไดหมุนเวียนในชุมชนมากขึ้น
เฉพาะป 2006 – 2007 การทองเที่ยวสรางรายได
ใหกับชุมชนกวา $7,000 ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได
50 เซนตตอวันของชาวกัมพูชาแลว นี่ถือเปนความ
แตกตางอยางมีนยสําคัญ
ั 45
- 46. ผลของโครงการอนุรกษนกน้ําหายากในกัมพูชา
ั
ประชากรนกมีจํานวนเพิ่มขึ้น ปญหาการลานกลด
ลงอยางมีนัยสําคัญ รวมทั้งยังสรางทัศนคติใน
เรื่องการอยูรวมกับนกของชาวบานใหดขึ้น
ี
เพราะสมาชิกชุมชนรูวานกและสัตวปาอื่นๆ เปน
แมเหล็กดึงดูดนักทองเที่ยว
รายไดจากโครงการนี้กวา 80 เปอรเซ็นตตกอยู
กับชาวบานโดยตรง เปนการสงเสริมการสราง
รายไดอยางถูกกฎหมายใหชาวบาน แทนที่
จะตองเสี่ยงหารายไดจากการลาหรือขโมยลูกนก
ซึ่งผิดกฎหมาย
46
- 47. ผลของโครงการอนุรกษนกน้ําหายากในกัมพูชา (ตอ)
ั
สรางความเขาใจเกี่ยวกับการจัดสรร
พื้นที่เพื่อการอนุรักษใหกับชาวบาน
ถือเปนวิธีแกปญหาที่เสียตนทุนนอยและ
มีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ
ปจจุบันคณะกรรมการหมูบานสามารถรับผิดชอบ
ดูแล และจัดการการทองเที่ยวไดดวยตัวเองเกือบทั้งหมดแลว
จุดแข็งของทั้งสองโครงการอยูที่การเชื่อมโยงเปาหมายการอนุรักษ
เขากับแนวทางการดําเนินงานโดยตรง และมีระบบการสํารวจ
ติดตามประชากรนกที่ชัดเจน
ใช “เงิน” สรางแรงจูงใจในทางที่เอื้อตอการอนุรักษอยางยั่งยืน 47