โบราณวัตถุและโบราณสถาน
- 1. โบราณวัตถุในเมืองเชียงแสน
ชิ้นส่วนลายปูนปัน ลายเครือเถาและดอกไม้
้ เครื่องมือหินกะเทาะ
ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 18 สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ทำาจากปูนปั้น เลขทะเบียน 14/2501 พบบริเวณเมืองเชียงแสน
ได้จากวัดป่าสัก อำาเภอเชียงแสน และพื้นทีใกล้เคียง
่
จังหวัดเชียงราย
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา ศิลาจารึกวัดบ้านยางหมากม่วง ศิลปะล้านนา พ.ศ.
พุทธศตวรรษที่ 19 - 20 ทำาจากสำาริด 2022 ทำาจากหินทราย เลขทะเบียน 4/2504
เลขทะเบียน 4/2504 วัดพระเจ้าล้านทอง พระพุทธิวงศ์ววฒน์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย มอบให้
ิ ั
อำาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
- 2. วิถีชวิตชาวบ้าน
ี
ผ้าซิ่นไทยลื้อ อายุประมาณ 30 - 50
ปีมาแล้ว เครืองเขินล้านนา
่
จากบ้านหาดป้าย อำาเภอเชียงของ
จังหวัดเชียงราย
เหล็กสัก พื้นบ้านล้านนา เลขทะเบียน
90/2528 บอกเฝ่า สำาหรับบรรจุดินปืน
วัดป่าซาง อำาเภอแม่จัน
จังหวัดเชียงราย มอบให้
- 3. โบราณวัตถุได้จากการขุดค้น ขุดแต่ง
พระพิมพ์ ศิลปะล้านนา ผอบ ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 -
พุทธศตวรรษที่ 22-23 22 หินควอร์ท เลขทะเบียน 20/2511
พบในบริเวณเมืองเชียงแสน พบทีบานสบคำา จังหวัดเชียงราย
่ ้
จังหวัดเชียงราย
ผอบ ศิลปะล้านนา เลขทะเบียน
7/2511 ทำาจากเงินและทองคำา แผ่นอิฐดินเผา ศิลปะล้านนา เลขทะเบียน
ได้จากวัดงำาเมือง อำาเภอเมือง 219/2520 ไม่ทราบทีมา
่
จังหวัดเชียงราย
- 4. เครื่องถ้วยในจังหวัดเชียงราย
ซุ้มพระพุทธเคลือบใส ศิลปะล้านนา แม่พิมพ์กล้องยาสูบ ศิลปะล้านนา
พุทธศตวรรษที่ 21-22 พุทธศตวรรษที่ 22 - 23 เลขทะเบียน
เครื่องปั้นดินเผาเคลือบ เลขทะเบียน 91/2530 47/2538
เตาเวียงกาหลง อำาเภอเวียงป่าเป้า เครื่องปั้นดินเผาเตาเมืองเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย พบบริเวณวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงราย
เครื่องถ้วยทีพบในจังหวัดเชียงราย
่ เครื่องถ้วยทีพบในจังหวัดเชีย
่
งราย
- 5. ป้อมนีเดิมชื่อ quot;ป้อมวิไชยเยนทร์ quot; หรือ quot;ป้อมบางกอกquot;
้
สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช
โดยเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ กราบบังคมทูลแนะนำาให้สร้างขึ้น
พร้อม ป้อมทางฝังตะวันออกของแม่นำ้าเจ้าพระยา
่
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนา
กรุงธนบุรีเป็นราชธานีได้ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณป้อมแห่ง
นีพร้อมกับปรับปรุงป้อม และพระราชทานนามใหม่ว่า
้
quot;ป้อมวิไชยประสิทธิ์quot; ปัจจุบันป้อมวิไชยประสิทธิ์ใช้เป็นที่
ยิงสลุตในพิธสำาคัญต่างๆ และติดตั้งเสาธงเพื่อประดับธงราชนาวี
ี
- 6. อาคารท้องพระโรงสร้างขึนในราวปี
้
พ.ศ. 2311
พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรี
เป็นราชธานี
อาคารนี้มีรูปทรงแบบไทยประกอบ
ด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกัน
ได้แก่ พระที่นั่งองค์ทิศเหนือ
เรียกว่าท้องพระโรง หรือ วินิจฉัย
อยู่ทางทิศเหนือใช้เป็นที่เสด็จ
ออกขุนนาง
และประกอบพระราชพิธีที่สำาคัญมา
แต่ครั้งกรุงธนบุรี
และพระที่นั่งองค์ทิศใต้
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งองค์แ
รก เรียกกันว่า พระที่นั่งขวาง
เป็นส่วนพระราชมณเฑียร
อันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพ
ระมหากษัตริย์ ในปัจจุบัน
กองทัพเรือได้ใช้โถงท้องพระโรงภ
ายในพระที่นั่งองค์ทิศเหนือ
เป็นสถานที่ที่จัดงาน
- 7. อาคารหลังนีรูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน
้
แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุง โดย เฉพาะประตูหน้าต่าง
เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาท
สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพร
ะปิ่นเกล้าฯ ดำารงพระ อิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ ให้ซ่อมแซมและดัดแปลงในช่วง
พ.ศ. 2367 - 2394 พร้อมกับให้สร้างพระตำาหนักเก๋งคู่หลังใหญ่
- 8. อาคารหลังนี้มีรูปแบบสถาปัต
ยกรรม
ทีผสมผสานระหว่างไทยและ
่
จีน สันนิษฐานว่าสร้าง
ขึ้นระหว่างรัชสมัยพระบาทส
มเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลั
ย
และพระบาทสมเด็จพระนังเก ่
ล้า เจ้าอยู่หัว
โดยสร้างขนานกับอาคารเก๋ง
คู่หลังเล็กที่อยู่ทางทิศเหนือ
ส่วนหลังคาของอาคาร
มีการเขียนสีตกแต่งเป็นลวด
ลายแบบจีน
แต่กรอบหน้าต่างมีการจำาหลั
- 10. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ศาลเจ้าตาก)
หลังปัจจุบันนี้ สร้างขึ้น เมื่อครั้งสมเด็จ
พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี
กรมพระจักรพรรดิพงศ์ เสด็จมาประทับที่พระราชวัง
เดิมในระหว่างปี พ.ศ. 2424 - 2443
ตังอยู่ทางทิศเหนือ ของอาคารเก๋งคู่ ตั้งประชิดกำาแพง
้
ด้านทิศตะวันออกของพระราชวัง
ภายในศาลหลังนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของสมเ
ด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช
- 11. ในระหว่างการขุดสำารวจครั้งล่าสุดได้
พบฐานอาคารทรงสี่เหลียมผืนผ้า
่
บริเวณพื้นที่ที่
อยู่ระหว่างศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราชและตำาหนักเก๋งคูหลังเล็ก
่
ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก
หลักฐานทางเอกสารประกอบแล้ว
สันนิษฐานว่าเป็นซากของอาคารศาล
ศีรษะปลาวาฬเดิม
ทีสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้
่
น
ก่อนรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัวและได้พงลงในคืนวันที่ 11
ั
เมษายน พ.ศ. 2443
ซึ่งเป็นคืนทีสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธ
่
อ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี
กรมพระจักรพรรดิพงศ์ สินพระชนม์
้
รูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคาร
หลังเดิมตามทีปรากฏหลักฐานทางป
่
ระวัตศาสตร์เป็นอาคารโถงแบบจีน
ิ
ส่วนศาลศีรษะปลา วาฬ