More Related Content
Similar to Ppt. metabolic syndrome
Similar to Ppt. metabolic syndrome (20)
More from Prachaya Sriswang
More from Prachaya Sriswang (20)
Ppt. metabolic syndrome
- 5. ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทาให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง
• อายุ : อายุมาก มีโอกาสเป็นเพิ่มขึ้น
• เชื้อชาติ : โดยคนผิวดาจะมีโอกาสเกิดภาวะอ้วนลงพุงมากกว่า
ปกติ
• คนอ้วน : มีความเสี่ยงมากกว่าคนผอม
• ผู้ที่มีประวัติครอบครัว : เป็นโรคเบาหวาน จะมีโอกาสเป็นโรค
สูงกว่า
• ผู้ที่มีโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง
21-Jul-14 5
- 9. เกณฑ์การวินิจฉัยอ้วนลงพุง
• ปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วนลงพุง คือ ผู้มีรอบพุงเกินเกณฑ์ร่วมกับความ
ผิดปกติปัจจัยเสี่ยงอีก 2 ใน 4 อย่าง ต่อไปนี้
1. ความดันโลหิตสูง 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
2. น้าตาลในเลือดขณะอดอาหารสูง 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
3. ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
4. ระดับไขมัน HDL น้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรสาหรับ
ผู้ชายหรือ น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรสาหรับผู้หญิง
21-Jul-14 9
- 10. วิธีการวัดเส้นรอบพุง
• อยู่ในท่ายืน เท้า 2 ข้างห่างกันประมาณ 10 เซนติเมตร
• ใช้สายวัด วัดรอบพุงโดยวัดผ่านสะดือ
• วัดในช่วงหายใจออก (ท้องแฟบ) โดยให้สายวัดแนบกับลาตัวไม่
รัดแน่น
• ให้ระดับของสายวัดที่วัดรอบเอววางอยู่ในแนวขนานกับพื้น
21-Jul-14 10
- 15. การรักษา
• การรับประทานอาหารที่ดี ลดอาหารประเภทไขมันลง ไม่รับประทานอาหารพวก
แป้งเกินร้อยละ 50 ของอาหารที่รับประทาน แต่ให้รับประทานอาหารที่มีใยอาหาร
สูง
• ลดอาหารเค็ม เพื่อช่วยลดความดันโลหิต
• ลดน้าหนัก จะชะลอหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
และไขมันในเลือดสูง
• แนะนาให้ออกกาลังกายวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน จะช่วยลดการเกิดโรคความ
ดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน
• หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังไม่สามารถควบคุมระดับน้าตาล ไขมันหรือ
ความดันโลหิตได้ตามเป้ าหมาย ก็จาเป็นต้องใช้ยาในการควบคุม โดยแพทย์จะ
พิจารณาเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับโรคที่เป็น
21-Jul-14 15
- 17. กิจกรรมทางกาย
• สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับเบา คือ ระดับที่มีการเคลื่อนไหวน้อยมาก เช่น การยืน การนั่ง
ระดับปานกลาง คือ การเคลื่อนไหวออกแรงที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
ซึ่งมีความหนักและเหนื่อยในระดับเดียวกับการเดินเร็ว การขี่
จักรยาน การเต้นรา การทางานบ้าน
ระดับหนัก คือ การเคลื่อนไหวร่างกายที่มีการทาซ้าและต่อเนื่อง โดย
มีการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ และมีระดับชีพจรมากกว่า ร้อยละ 70 ของ
การเต้นชีพจรสูงสุด
21-Jul-14 17
- 21. ก้าวเดินอย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์
• ก้าวเร็วอย่างน้อย ครั้งละ 10 นาที สะสมให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที
อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
• ถ้าต้องการลดน้าหนัก ควรเดินเร็ว 45-60 นาที
• การเดินเร็วเทียบเท่ากับการเดินรอบสนามฟุตบอล(400เมตร) ใน
ระยะเวลา 4-5 นาที หรือเดิน 3-4 ช่วงเสาไฟฟ้ า ภายในระยะเวลา 1 นาที
• หรือเดินให้ได้ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ในระยะเวลา 30 นาที
• หรือขณะที่เดินเร็วคุณหายใจเร็วขึ้นแต่ไม่หอบ
21-Jul-14 21
- 23. แกว่งแขนบาบัดโรค
• ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะเท่ากับหัวไหล่
• ปล่อยมือสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ให้นิ้วมือชิดกันหันอุ้งมือไป
ข้างหลัง
• หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลาคอศีรษะ
และปากผ่อนคลายตามธรรมชาติ
• จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงบนพื้นให้แน่น ให้
แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขา และท้องตึง ๆ เป็นใช้ได้
21-Jul-14 23
- 31. อันตรายต่อร่างกายอย่างไร
ระบบ ผลเสีย
ผลเสียต่อเลือด • ทาให้เลือดมีความหนืดมากขึ้น
• ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและ
ตกตะกอนตามผนังหลอดเลือด
ผลเสียต่อหัวใจ • เสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือ
หัวใจวาย
ผลเสียต่อสมอง • ทาให้หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันและ
มักจะกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
ผลเสียต่อถุงน้าดี • โคเลสเตอรอลมีผลต่อการสร้างน้าดี แต่
ปริมาณโคเลสเตอรอลที่มากเกินไปจะทาให้
เกิดนิ่วในถุงน้าดี
21-Jul-14 31
- 33. สาเหตุ
• เพศชาย มีโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือด มากกว่าเพศหญิง3-5 เท่า
• อายุ ในเพศชาย มักจะเริ่มตั้งแต่ อายุ35 ปีขึ้นไป ในเพศหญิงจะเกิดช้า
กว่า คือ มักจะเกิดในวัยหมดประจาเดือน อายุประมาณ50-55 ปี
• สูบบุหรี่
• ไขมันในเลือดสูง
21-Jul-14 33
- 44. อันตรายของความดันโลหิตสูง
หัวใจ : ทาให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย และเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
สมอง : ทาให้เส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพาตครึ่งซีก
ไต : ทาให้เกิดภาวะไตวาย
ตา : ทาให้เส้นเลือดที่ตาตีบหรือแตก เกิดเลือดออกในตา มีอาการ
ตามัว ถึงตาบอด
21-Jul-14 44
Editor's Notes
- ขาดกิจกรรมทางกาย เรียกว่า ขาดความสมดุลระหว่าง พลังงานที่รับเข้าไปสะสมในร่างกาย และการเผาผลาญหรือการใช้พลังงานออกไปนั่นเอง