More Related Content
Similar to แนวเชื่อมต่อ (20)
More from Auraphin Phetraksa (11)
แนวเชื่อมต่อ
- 2. แนวเชื่อมต่อ (Corridor) หมายถึง ทางเชื่อมต่อพื้นที่
ขนาดเล็กโดยมากมักมีรูปร่างเป็นแถบยาวช่วยทาหน้าที่
ตอบสนองความต้องการของ ชนิดเฉพาะนั้นๆ ที่ต้องการ
เคลื่อนที่ระหว่างหย่อมป่าที่แตกต่างกันได้ โดยแนวเชื่อมต่อมัก
มีพืชพรรณใกล้เคียงกับถิ่นที่อาศัยหลักที่อยู่ใกล้เคียง”
- 5. หัวข้อ ชนิดป่า / พื้นที่ศึกษา
1.เต็งรัง
ใน อช.
2.เต็งรัง
ใน พทต.อช.
3.ผสมผลัดใบ
ใน อช.
4.ผสมผลัดใบ
ใน พทต.อช.
5.เต็งรัง
ใน ขสป.
6.เต็งรัง
ใน พทต.ขสป.
7.ผสมผลัดใบ
ใน ขสป.
8.ผสมผลัดใบ
ใน พทต.ขสป.
Species 23 30 39 23 23 23 32 32
no. of tree /
ha
140 /
778
229 /
1,272
142 /
789
75/
417
137/
761
164/
911
107/
594
91/
506
Index sp. /
IVI
รัง
106.39
รัง
145.80
ตะแบกเปลือกบาง
32.44
ขะเจ๊าะ
44.68
รัง
44.13
เต็ง
94.48
สัก
66.27
ขะเจ๊าะ
27.58
shannon –
weiner index
2.721/
1.516/
2.855
1.926 /
2.095 /
2.412
3.133/
0.444/
1.074
2.794/
0.794/
1.914
2.714/
2.223/
2.217
2.583/
2.098/
2.189
2.919/
1.462/
2.704
3.214/
1.834/
2.512
simpson
index
0.913/
0.695/
0.909
0.644 /
0.939 /
0.817
0.942/
0.221/
0.642
0.932/
0.423/
0.836
0.919/
0.901/
0.835
0.894/
0.935/
0.821
0.914/
0.714/
0.885
0.960/
0.911/
0.888
BA /ha 24.597 25.856 24.685 10.922 19.880 14.634 23.338 19.197
vol. /ha 184.016 179.896 190.069 79.934 142.954 97.201 178.760 144.826
AGB. / ha 164.888 153.599 170.645 64.171 114.947 71.825 162.655 127.979
AGC./ha 77.497 72.191 80.203 30.161 54.025 33.758 76.448 60.150
- 16. งานที่ปฏิบัติ : ภาคสนาม
• ความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณ
–แปลงตัวอย่างชั่วคราว 30 x 60 จานวน 3 แปลง
–ความหลากหลายของพืช (checklist)
• ความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ป่า
–สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ (ใช้เส้นสารวจ)
–สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก (ตามลาห้วย)
–ผีเสื้อกลางวันและแมลงอื่นๆ (ตามระดับความสูง)
–สัตว์เลื้อยคลาน (ตามระดับความสูง)
- 17. งานที่ปฏิบัติ : ภาคสานักงาน
• ความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณ
–วิเคราะห์ข้อมูลทางนิเวศวิทยา
–ตรวจสอบความสาคัญของพืชแต่ละชนิด
• ความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์ป่า
–การกระจายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ (GIS)
–ผีเสื้อกลางวันและแมลงอื่นๆ (ตรวจสอบความสาคัญ)
–สัตว์เลื้อยคลาน (ตรวจสอบความสาคัญ)
–ความชุกชุม ความหนาแน่น ความคล้ายคลึง
- 21. สัตว์ป่าที่พบ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 31 ชนิด
• สัตว์ป่าสงวน 1 ชนิด (เลียงผาเหนือ)
• สัตว์ป่าคุ้มครอง 21 ชนิด
• Cites บัญชี I 9 ชนิด เช่น เสือดาว ค่างแว่นถิ่นเหนือ เสือลายเมฆ
ช้างป่า กระทิง
• Cites บัญชี II 3 ชนิด เช่น แมวดาว
- 22. บัญชี IUCN
• ใกล้สูญพันธุ์ 1 ชนิด (ช้างป่า)
• ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง 1 ชนิด (วัวแดง)
• มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ 9 ชนิด เช่น เสือลายเมฆ
กระทิง ค่างแว่นถิ่นเหนือ
- 23. สัตว์ป่าที่พบ
นก 77 ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 76 ชนิด
Cites บัญชี II 2 ชนิด
สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก 6 ชนิด
สัตว์เลื้อยคลาน 9 ชนิด ที่สาคัญคือ ตะกองและเต่าจักร
- 38. 1) เพื่อศึกษาลักษณะทางเศรษฐกิจ สังคม และความรู้ความเข้าใจบริเวณ
แนวเชื่อมต่อระบบนิเวศระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่-เขตรักษา
พันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่
2) เพื่อประเมินการยอมรับของชุมชน และความเป็นไปได้ในการจัดทา
แนวเชื่อมต่อระบบนิเวศระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่-เขตรักษา
พันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่
3) เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า
วัตถุประสงค์
- 39. 5. นาเสนอผลการศึกษาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
4. วิเคราะห์ผล จัดทารูปเล่ม
3. เก็บข้อมูลภาคสนาม โดยวิธีการสัมภาษณ์ชาวบ้านในชุมชนที่อยู่ในแนวเชื่อมต่อฯ
2. ประชุมชี้แจงผลการศึกษาแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ต่อ
เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และชุมชนที่อยู่บริเวณแนวเชื่อมต่อฯ
1. รวบรวมข้อมูลแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และข้อมูลทุติย
ภูมิด้านเศรษฐกิจสังคมจากหน่วยงานในพื้นที่
ขั้นตอนการดาเนินงาน
- 43. ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ทั้งหมด 220 ชุด สรุปข้อมูลได้ดังนี้
ภูมิลาเนา
ราษฎรย้ายเข้ามา คิดเป็นร้อยละ
75
ภูมิลาเนาเดิม คิดเป็นร้อยละ 25
สาเหตุหลักการย้ายถิ่น
เข้ามาจับจองที่ดินทากิน คิดเป็นร้อยละ 48
ย้ายตามครอบครัวหรือย้ายเพราะการแต่งงาน
คิดเป็นร้อยละ 23
25%
75%
จับจองที่ทากิน
48%
ย้ายตามเพื่อน
บ้าน
19%
เปลี่ยนอาชีพ
6%
ย้ายตาม
ครอบครัว/
แต่งงานที่นี้
23%
อื่นๆ
4%
- 44. ข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์ทั้งหมด 220 ชุด สรุปข้อมูลได้ดังนี้
การย้ายถิ่นฐานในอนาคต
ราษฎรส่วนใหญ่ไม่มีแนวโน้มที่จะย้ายออกจากพื้นที่ ร้อยละ 93
ราษฎรที่มีแนวโน้นที่จะย้ายออกจากพื้นที่มีเพียงร้อยละ 7
ไม่ต้องการย้าย
ออก
93%
ต้องการย้าย
ออก
7%
หมายเหตุ : ข้อมูลด้านเศรษฐกิจสังคมและทัศนคติ อยู่ระหว่างการ
วิเคราะห์ข้อมูล
- 46. ประเด็น
ร้อยละของความคิดเห็นและการยอมรับ
เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
เห็นด้วย เฉยๆ ไม่เห็น
ด้วย
ไม่เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
ไม่ตอบ
6. ท่านเห็นด้วยกับการจัดทาแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศ 14.09 46.82 22.27 10.91 0 5.91
7. ท่านเห็นด้วยกับการจัดทาแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศแม้น
ว่าท่านต้องเสียประโยชน์บ้าง
15.91 38.64 20.91 19.55 0 5.00
8. การจัดทาแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศจาเป็นต้องผ่านการ
ยอมรับของชุมชนในพื้นที่
31.36 49.09 13.18 1.82 0 4.55
9. การจัดทาแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศระหว่างเขตรักษา
พันธุ์สัตว์ดงใหญ่ทั้งสองฝั่ง สามารถเกิดขึ้นได้หาก
เจ้าหน้าที่ทาการตรวจสอบ และมีการหมายแนวเขตที่
ชัดเจน
21.82 50.00 15.45 8.18 0 4.55
10. ท่านยอมรับได้หากมีการจัดทาแนวเขตเชื่อมต่อระบบ
นิเวศระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ดงใหญ่
ทั้งสองฝั่ง
22.27 53.64 14.55 4.09 0 5.45
- 56. ไม้หนุ่มพบทั้งหมด 159 ต้น ชนิดไม้ที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่
ปาหนันนิยมธรรม (Goniothalamus niyomdhamii R.M.K. Saunders &
Chalermglin) 9 ต้น กริมช่อ (Rinorea lanceolata Kuntze) 7 ต้น
ลังค้าวใบเล็ก (Drypetes longifolia(small leaves)) 6 ต้น
ลูกไม้พบทั้งหมด 118 ต้น ชนิดไม้ที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่
พิกุลนก (Payena lanceolata Ridl.) 79 ต้น ขี้ชันโจร (Kokoona
filiformis C.E.C.Fisch.) 6 ต้น และกริมช่อ (Rinorea lanceolata
Kuntze) 4 ต้น
- 57. การวิเคราะห์เชิงปริมาณไม้ใหญ่
–พันธุ์ไม้ที่มีค่าดัชนีความสาคัญสูงสุด 10 ลาดับแรก ได้แก่ เปล้าเถื่อน
ยางยูง ขี้หนู คอแลนเขา ขี้ชันโจร นากบุด พิกุลนก กอกเขา แดงเขา
และลังค้าวใบเล็ก
–ค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของไม้ใหญ่ คานวณตามวิธีของ
Shannon-Weiner (Magurran, 1988) มีค่าเท่ากับ 3.715 ตามวิธี
ของ Simpson (Simpson, 1949) มีค่า 0.966 และตามวิธีของ
Fisher (Fisher et al., 1943) มีค่า 39.837 ส่วนค่าดัชนีความ
สม่าเสมอ (Pielou, 1975) มีค่าเท่ากับ 0.887
- 58. การกระจายทางด้านตั้ง
• แบ่งเป็น 3 ชั้นเรือน ได้แก่ เรือนยอดชั้นบน ประกอบด้วยไม้ที่มีความสูง
ตั้งแต่ 30 เมตรขึ้นไป (46-48 เมตร) ได้แก่ ยางยูง ขี้ชันโจร ไข่เขียว และ
ยางปาย
• เรือนยอดชั้นกลาง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่มีความสูงอยู่ในช่วง 18-29 เมตร
ได้แก่ เปล้าเถื่อน คอแลนเขา กอกเขา ขี้หนู และหมักหยักดา
• ส่วนเรือนยอดชั้นล่าง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่มีความสูงน้อยกว่า 18 เมตร
ได้แก่ เปล้าเถื่อน ขี้หนู ลังค้าวใบเล็ก คอแลนเขา ดาตะโก และยางยูง
- 59. แปลงตัวอย่างชั่วคราว อุทยานแห่งชาติน้าตกหงาว พบไม้ใหญ่ทั้งหมด
192 ต้น ชนิดไม้ที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ กระเบาค่าง
(Hydnocarpus castaneus Hook.f. & Thomson) 17 ต้น กาแร้งหิน
(Koilodepas longifolium Hook.f.) 13 ต้น นากบุด (Mesua ferrea L.) 11
ต้น เสียดใบเล็ก (Pentace curtisii King) 11 ต้น ยางยูง (Dipterocarpus
grandiflorus (Blanco) Blanco) 7 ต้น
แปลงตัวอย่าง อช.น้าตกหงาว
- 60. การวิเคราะห์เชิงปริมาณไม้ใหญ่
–พันธุ์ไม้ที่มีค่าดัชนีความสาคัญสูงสุด 10 ลาดับแรก ได้แก่ เสียดใบเล็ก
กระเบาค่าง กาแร้งหิน นากบุด ยางยูง กะอาม ขี้หนู หมักใบเบี้ยว ไม้
นกค่อ และลังค้าวใบเล็ก
–ค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของไม้ใหญ่ คานวณตามวิธีของ
Shannon-Weiner มีค่าเท่ากับ 3.957 ตามวิธีของ Simpson มีค่า
0.975 และตามวิธีของ Fisher มีค่า 53.862 ส่วนค่าดัชนีความ
สม่าเสมอของ Pielou มีค่าเท่ากับ 0.898
- 61. การกระจายทางด้านตั้ง
• แบ่งได้เป็น 3 ชั้นเรือน ได้แก่ เรือนยอดชั้นบน ประกอบด้วยไม้ที่มีความสูง
ตั้งแต่ 27 เมตรขึ้นไป (44 เมตร) ได้แก่ เสียดใบเล็ก นากบุด และยางยูง
• เรือนยอดชั้นกลาง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่มีความสูงอยู่ในช่วง 16-26 เมตร
ได้แก่ กระเบาค่าง กาแร้งหิน และขี้หนู
• เรือนยอดชั้นล่าง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่มีความสูงน้อยกว่า 16 เมตร
ได้แก่ กระเบาค่าง กาแร้งหิน นากบุด ลังค้าวใบเล็ก และไม้นกค่อ
- 63. สรุปทรัพยากรป่าไม้
• 1. มีชนิดพันธุ์ประมาณครึ่งหนึ่งของแปลงหนึ่งแปลงใด สามารถพบได้ในอีก
แปลงที่เหลือ
• 2. พันธุ์ไม้วงศ์ DIPTEROCARPACEAE มีความหลากชนิดมากสุด และพบ
เป็นวงศ์พันธุ์ไม้เด่นในเรือนยอดชั้นบนสุดของสังคม เหมือนกันทั้งสองแปลง
• 3. แปลงทุ่งระยะ-นาสัก มีความหนาแน่นต่อพื้นที่ของพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยกว่า
แต่จะมีค่าเฉลี่ยของช่วงชั้นเส้นผ่าศูนย์กลางที่สม่าเสมอกว่า คือมีสัดส่วนของ
ไม้ขนาดกลาง (10-60 ซ.ม.) มากหรือสูงกว่าแปลงน้าตกหงาว ที่มีช่วงชั้น
เส้นผ่าศูนย์กลาง >4.5-10 ซ.ม. สูงหรือมีความหนาแน่นของไม้ในช่วงชั้นนี้
มากกว่าทุกช่วงชั้นที่เหลือรวมกัน แสดงให้เห็นถึงของพัฒนาการของหมู่ไม้
ในแปลงทุ่งระยะ-นาสักที่มีสูงกว่า
- 66. Mammal
แนวสารวจฝั่งน้าตกหงาว พบสัตว์ป่า 23 ชนิด
ความชุกชุมมาก 5 ชนิด ได้แก่ หมูป่า กระรอก
ท้องแดง เม่นหางพวง ค่างแว่นถิ่นใต้ และลิงเสน
ชุกชุมปานกลาง 2 ชนิด ได้แก่ พญากระรอกดา
และลิ่นพันธุ์ใต้
ชุกชุมน้อย 16 ชนิด ได้แก่ บ่าง หมีหมา ชะมด
แผงหางปล้อง นากเล็กเล็บสั้น เม่นใหญ่ ชะมด
เช็ด ชะมดแปลงลายแถบ เลียงผา อ้นเล็ก ค่างดา
ชะนีธรรมดา ลิงกัง เสือดาว หนูเหม็น อ้นใหญ่
และอีเห็นธรรมดา
- 68. ผลรวมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในพื้นที่
ศึกษาแนวเชื่อมต่อฯ จานวน 27 ชนิด พบสัตว์
ป่าที่มีความชุกชุมมาก 3 ชนิด ชุกชุมปานกลาง 5
ชนิด และชุกชุมน้อย 19 ชนิด
จากร่องรอยสัตว์ป่าที่สารวจพบและนา
ผลมาประเมินค่าร้อยละความชุกชุมนั้น จะพบว่า
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบ เป็นสัตว์ขนาดเล็กถึง
กลางเกือบทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช
หรือกินสัตว์ขนาดเล็กเท่านั้น สัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่
ที่อยู่ส่วนบนสุดของห่วงโซ่อาหาร ขาดหายไป
- 69. 100
21
13
4
0
20
40
60
80
100
120
หมูป่า หมีหมา เลียงผา เสือดาว
ฤดูร้อน
ฤดูฝน
รวม
พบว่ามีหมูป่าเพียงนิดเดียวที่มีความ ซึ่งชุกชุมสูงมากถึง 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือพบ
ในทุกเส้นสารวจและทุกฤดูกาล ส่วนอีก 3 ชนิด ซึ่งได้แก่ หมีหมา เลียงผา และเสือดาว พบ
มีความชุกชุมน้อย โดยเฉพาะเสือดาวนั้นพบรอยเท้าเพียงครั้งเดียว ในการสารวจรอบฤดู
ร้อนของแนวสารวจที่ 2 ฝั่งแนวสารวจอุทยานแห่งชาติน้าตกหงาว
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสาคัญในระบบนิเวศป่าไม้
- 71. Reptile
สัตว์เลื้อยคลาน จานวน 23 ชนิด ได้แก่ เต่าหกดา เต่าเหลือง
เต่าใบไม้ ตะกวด เห่าช้าง ตุ๊กแกป่า ตุ๊กแกบิน งูกะปะ งูเหลือม งูจงอาง
งูเขียวปากแหนบ งูเขียวหัวจิ้งจก งูเขียวหางไหม้ งูกินทากเกล็ดสั้น งู
สามเหลี่ยมหัวแดง งูปล้องทอง งูสิง กิ้งก่าแก้ว กิ้งก่าเขียว กิ้งก่าเขาหนาม
ยาว กิ้งก่าบิน กิ้งก่าคอแดง จิ้งเหลนบ้าน
- 80. วิธีการดาเนินการ
การสารวจแบบ MantaTow technique
เป็นวิธีการที่ใช้ในการประเมินสภาพแนวปะการังและการปกคลุมพื้นที่
ด้วยสายตา การสารวจด้วยวิธีนี้ใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบสถานภาพของ
แนวปะการังอย่างกว้างๆ ในการสารวจสารวจแต่ละครั้งจะใช้ประเมินสภาพแนว
ปะการังในพื้นที่ประมาณ 120x5 เมตร หรือ 120x10 เมตรขึ้นกับรัศมีสายตาที่
สามารถมองเห็นได้ตามความกว้าง ทาการบันทึกจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดด้วย
เครื่องกาหนดพิกัด (GPS) ผู้สารวจสังเกตและบันทึกข้อมูลโดยการประมาณค่า
ร้อยละ การปกคลุมของปะการังมีชีวิต ปะการังตาย พื้นทราย พื้นหิน กลุ่มชนิด
ปะการังหลักๆ และข้อมูลอื่นๆ เช่นร่องรอยความเสียหายจากการฟอกขาว พายุ
หรือจานวนของดาวมงกุฎหนาม
- 81. การสารวจแบบ Line Intercept Transect
โดยการวาง line เพื่อศึกษาระบบนิเวศแนวปะการัง ด้านชนิดพันธุ์ การ
กระจาย รวมถึงความหลากหลายและโครงสร้างของสังคมปะการังนั้น ๆ
การสารวจแบบ Photo Belt Transect
ทาการสารวจโดยการวางเส้นสารวจยาวประมาณ 20 หรือ 30 เมตร
ขนานไปกับแนวชายฝั่ง จานวน 5 transect ในแต่ละสถานี ก่อนเริ่มถ่ายภาพ
จะต้องทาการทาเครื่องหมายจุดเริ่มต้น พร้อมถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นภาพแรก
ก่อนการสารวจ จากนั้นเริ่มบันทึกด้วยกล้องบันทึกภาพใต้น้าทุก transect line
โดยบันทึกภาพให้มีระยะห่างระหว่างกล้องกับพื้นประมาณ 30 เซนติเมตร โดยใช้
มุมมองภาพกว้างที่สุดเพื่อครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ถ่ายภาพด้านข้างสายวัดใน
แนวตั้งฉากโดยไม่ให้สายวัดปรากฏในภาพ และทาการบันทึกภาพทุกๆ 50
เซนติเมตร จนครบทั้งเส้นสารวจ
- 89. ด้านการสารวจทรัพยากรหญ้าทะเลจากการสารวจพบหญ้า
ทะเลทั้งหมด 5 ชนิด คือ หญ้า
กุยช่ายเข็ม หญ้ากุยช่ายทะเล หญ้า
ชะเงาเต่า หญ้าใบมะกรูด และหญ้า
คาทะเล พบหญ้ากุยช่ายทะเล มี
การมีความสาคัญมากที่สุด
รองลงมา คือ หญ้าคาทะเล หญ้า
ชะเงาเต่า และหญ้ากุยช่ายเข็ม มี
ค่า 86.92, 67.10, 53.34 และ
21.39 และอยู่ในระหว่างวิเคราะห์
ข้อมูลการปกคลุมพื้นที่
- 90. ชนิด ชื่อวิทยาศาสตร์ D F Do RD RF RDO IVI
สาหร่ายหูหนู Padina 0.01 10.91 0.000066116 0.66 3.87 0.66 5.20
กุ่ยช่ายเข็ม Halodule pinifolia 0.11 27.27 0.000777521 7.79 9.68 7.79 25.25
กุ่ยช่ายทะเล
Halodule
uninervis 0.45 56.36 0.003284628 32.90 20.00 32.90 85.80
ชะเงาเต่า
Thalassia
hemprichii 0.27 47.27 0.001951736 19.55 16.77 19.55 55.87
ใบมะกรูด Halophila ovalis 0.23 34.55 0.001644959 16.48 12.26 16.48 45.21
หญ้าคาทะเล Enhalus acorides 0.22 67.27 0.001597355 16.00 23.87 16.00 55.87
สาหร่ายพัด 0.06 18.18 0.000465455 4.66 6.45 4.66 15.78
ปลา 0.00 1.82 5.28926E-06 0.05 0.65 0.05 0.75
ฝอย 0.03 16.36 0.000185124 1.85 5.81 1.85 9.52
หอย 0.00 1.82 0.000005289 0.05 0.65 0.05 0.7511
1.37 281.82 0.009983471 100 100 100 300
ตารางที่ 1 ค่าดัชนีความสาคัญ (IVI)
- 99. แนวปะการัง
การประเมิน วิธี Line intercept transect โดยการวางเส้นเทปยาว
30 เมตร จานวน 3 ซ้า (replicate) บันทึกขนาดและจานวนของสิ่งมีชีวิต
ภายใต้เส้นเทป
การวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าเปอร์เซ็นต์ครอบคุลมพื้นที่ของสิ่งมีชีวิต
และแปลค่าบอกถึงสภาพของแนวปะการัง และหาค่าดัชนีความ
หลากหลายด้วยดัชนี Shannon-Wiener Index
ทาโดยผู้เชี่ยวชาญ
- 100. แนวปะการัง
การประเมิน วิธี Photo Transect โดยการวางเส้นเทปยาว 30
เมตร จานวน 3 ซ้า (replicate) วาง Quadrat ขนาด 50x50 เซนติเมตร
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 60ภาพ สถานีละ 180 ภาพ คู่ขนานกับเส้นเทป
การวิเคราะห์ข้อมูล นาเข้าโปรแกรม CPCeโดยหาค่าเปอร์เซ็นต์
ครอบคลุมพื้นที่ของสิ่งมีชีวิต และแปลค่าบอกถึงสภาพของแนวปะการัง
และหาค่าดัชนีความหลากหลายด้วยดัชนี Shannon-Wiener Index
- 101. • Belt transect
• Estimated timed swim
• Estimated distance swim
• ใช้วิธี Fish visual census โดยการนับจานวนปลาที่อยู่ในแนว Belt
transect
• จาแนกกลุ่มของปลาตาม Trophic level ดังนี้
1. กลุ่มปลากินเนื้อ 4. กลุ่มปลาที่พบได้ทั่วไป
2. กลุ่มปลากินพืช 5. กลุ่มปลาหายาก
3. กลุ่มปลาที่กินแพลงก์ตอน 6. กลุ่มปลาสวยงาม
วิธีการเก็บข้อมูลสถานภาพปลา
- 102. หญ้าทะเล
ก า ร ส า ร ว จ ห ญ้ า ท ะ เ ล มี วิ ธี ก า ร ส า ร ว จ 3 แ บ บ คื อ
1. การสารวจแบบ Line transects โดยการวางแนวตั้งฉากกับ
ชายฝั่ง บันทึกพิกัดเริ่มต้นและสุดท้ายของแนว กาหนดสถานีเก็บข้อมูล
ทุกๆ 50 เมตรในพื้นที่มีหญ้าทะเลผืนกว้าง โดยโยนกรอบสี่เหลี่ยม
(Quadrat) 0.5x0.5 เมตร ซ้ายและขวา 2 ซ้า และประเมินร้อยละการปก
คลุมของหญ้าทะเลโดยรวม
ด้านทรัพยากรทางทะเล
- 103. 2. ใช้วิธี line transect ตามความลาดชันของชายฝั่ง โดยวาง Quadrat ขนาด
50x50 เซนติเมตรทุกๆ 10 เมตรในพื้นที่มีหญ้าทะเลน้อยตลอดแนวประเมินร้อย
ละการปกคลุมของหญ้าทะเล และวัดความยาวใบของหญ้าทะเล
3. การสารวจแบบ Spot check ในพื้นที่น้าลึก โดยการใช้เรือสารวจตาม
แนวตั้งฉากกับชายฝั่ง กาหนดสถานีทุกๆ 100 เมตร และเก็บข้อมูลโดยการดาน้า
หรืออาจใช้กล้องวิดีโอแทนนักดาน้าประเมินร้อยละการปกคลุมของหญ้าทะเล
โดยรวม
การสารวจแนวหญ้าทะเล
- 104. ด้านทรัพยากรทางทะเล
ป่าชายเลน
1. ทาการวางเส้นแนวสารวจ (Base line) ตั้งฉากจากริมฝั่งคลอง ทะเล หรือชายป่า
ชายเลนที่ติดกับชายฝั่งลึกเข้าไปจนสุดแนวของป่าชายเลน จากนั้นวางแปลงขนาด 10x10
เมตร ติดต่อกันเป็นแถบตลอดความยาวของสาหรับจานวนแนวที่ศึกษาขึ้นอยู่กับความ
ละเอียดของการศึกษาและขนาดพื้นที่ป่าชายเลน