SlideShare a Scribd company logo
1 of 13
บทที่ 8
การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
การวางแผนจัดทาหลักสูตรบุคคลที่มีหน้าที่วางแผนจัดทาหลักสูตรต้องร่วมกันจัดทาแผนและจัดทาห
ลักสูตรตามขั้นตอนอย่างละเอียดสามารถตรวจสอบแต่ละขั้นว่าเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่
อ ย่ า ง ไ ร ห า ก มี ปั ญ ห า ก็ ส า ม า ร ถ ป รั บ ป รุ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้
การกาหนดแผนการเรียนการสอนในหลักสูตรจะช่วยให้ทราบว่าจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด
แ ล ะ อ ย่ า ง ไ ร
ทั้งยังสามารถกาหนดสื่อการเรียนการสอนการประเมินผลเพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ทั้งรายกลุ่ม
และรายบุคคล
ผลการเรียนรู้(Learning Outcome)
1. มีความรู้ ความเข้าใจ การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
2. มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น และแหล่งเรียนรู้
3. สามารถให้ข้อเสนอแนะในการแต่งตั้งคณะกรรมการและหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับ
การวางแผนพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นได้
สาระเนื้อหา(Content)
การวางแผนพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาหลักสูตรเป็นสิ่งที่นักศึกษาต้องดาเนินการอยู่เสมอและจะกระทาทุกครั้งเมื่อสังคมมีสิ่งหนึ่ง
สิ่ ง ใ ด เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป
โดยเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะทาให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนประสบการณ์ขึ้นมา
ใหม่และพร้อมที่จะนาประสบการณ์และความรู้ที่เกิดขึ้นมานั้นไปพัฒนาตนและสังคมให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น
Saylor andAlexander (1966:7) ได้สรุปว่า การวางแผนพัฒนาหลักสูตร ต้องประกอบด้วยสิ่งต่างๆ
ดังนี้
1. หลักสูตร
1.1ตัวผู้เรียนเอง ซึ่งเป็ น ส่วนหนึ่ งของสังคมและสังคมเองมองเห็นนักเรียนคืออะไร
มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ สั ง ค ม อ ย่า ง ไ ร บ้ า ง สั ง ค ม ต้ อ ง ก า ร อ ะ ไ ร จ า ก นั ก เ รี ย น
และนักเรียนต้องการอะไรทั้งในแง่ของส่วนบุคคล และสังคม
1.2 ห น้ า ที่ แ ล ะ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ข อ ง โ ร ง เ รี ย น คื อ อ ะ ไ ร
โรงเรียนมีแนวคิดยึดปรัชญาสาขาใดและมีแนวปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายนั้นอย่างไร
1.3 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ค ว า ม รู้ นั้ น เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร
ข อ บ ข่ า ย ข อ ง ค ว า ม รู้ ที่ จ า เ ป็ น ต้ อ ง ศึ ก ษ า นั้ น มี ม า ก น้ อ ย แ ค่ ไ ห น อ ย่า ง ไ ร
อะไรเป็นสิ่งจาเป็นก่อนและหลังหรือลาดับของความรู้เป็นอย่างไร
1.4กระบวนการการเรียนรู้เป็ นอย่างไร ลาดับหรือขั้นตอนของการเรียนรู้เป็ นอย่างไร
สิ่งที่นักพัฒนาหลักสูตรต้องคานึงถึงการพัฒนาหลักสูตรในขั้นตอนแรกก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคม ปรัชญา
ผู้เรียน และกระบวนการเรียนรู้
2. บุคคลที่ทาหน้าที่วางแผนพัฒนาหลักสูตร
2.1นักการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา นักวิชาการ
นักวิจัย เป็นต้น
2.2 ผู้ท รง คุณ วุฒิ แล ะ ผู้ที่ เกี่ยวข้อ ง กับ การศึ ก ษ า เช่น นั กเรี ยน ผู้ป ก ค รอ ง
สมาชิกในชุมชนและสมาคมต่างๆ เป็นต้น
3. ผู้ตัดสินใจเลือกใช้หลักสูตร
ผู้ทาหน้าที่เลือกใช้หลักสูตร คือ นักพัฒนาหลักสูตรซึ่งประกอบด้วยครู นักศึกษา ผู้บริหารการศึกษา
ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวช าญ สาขาต่างๆ ประ กอบขึ้ น เป็ น กรรมการดาเนิ น การพัฒ น าห ลักสู ตร
โดยทาหน้าที่คัดเลือกและจัดระบบเนื้อหาสาระตลอดทั้งแบบเรียนกาหนดระบบการเรียน การสอน
และการตัดสินใจเลือกนั้นกระทาตามลาดับและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบรรพต สุวรรณประเสริฐ (2544: 16)
ได้เสนอรูปแบบการวางแผนหลักสูตรซึ่งต้องมีองค์ประกอบสาคัญได้แก่การกาหนดหลักสูตรนักวางแผนหลักสู
ตรการตัดสินใจหลักสูตร และแผนหลักสูตร
การกาหนด
หลักสูตร
นักวางแผนหลักสูตร การตัดสินใจหลักสูตร แผนหลักสูตร
- ผู้เรียน :
คุณค่าทางสั
งคมและควา
มต้องการ
-
จุดมุ่งหมายข
องการศึกษา
-
จุดมุ่งหมายข
องโรงเรียน
หรือสถานศึ
กษา
-
ธรรมชาติขอ
งความรู้
กระบวนการ
เรียนรู้
แนวคิด
-
นักศึกษาทุกร
ะดับ
-
ผู้เรียนและผู้ป
กครอง
-
บุคลากรที่เกี่ย
วข้องกับการศึ
กษาทุกระดับ
หน้าที่รับผิดช
อบในการรวบ
รวมแผนหลัก
สูตรต่างๆ
เพื่อสร้างแผน
หลักสูตร
ใครทา
การตัดสินใจกระ
ทาโดยกลุ่มนักวา
งแผนหลักสูตรเพื่
อให้ได้หลักสูตร
ที่ดีและเลือกเนื้อ
หาที่มีประสิทธิภา
พต่อผู้เรียนเป็นรา
ยบุคคลการตัดสิน
ใจกระทาในหลา
ยระดับ เช่น
ระดับชาติ
ระดับจังหวัด
ระดับท้องถิ่น
และระดับใน
แต่ละชั้นเรียน
มีผลอ
ะไร
แผนหลักสูตร
เขียนไว้เป็นแ
นวทางปฏิบัติ
สาหรับผู้เกี่ยว
ข้องในการจัด
โอกาสทางกา
รเรียนรู้ให้กับ
ผู้เรียน
การจัดประส
บการณ์การเรี
ยนการสอนใ
ห้สอดคล้องกั
บกลุ่มผู้เรียนแ
ละผู้เรียนเป็น
รายบุคคล
ภาพประกอบ 28 กระบวนการวางแผนหลักสูตร
การวางแผนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่สาคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตรที่จะทาให้
ห ลั ก สู ต ร เ กิ ด ค ว า ม ส ม บู ร ณ์ ดั ง นั้ น
ก่อน ที่ จะ พัฒ น าห ลักสู ตรนั กพัฒ น าห ลักสู ตรจะ ต้องกาหน ดแผน การพัฒ น าห ลักสู ตร
จะต้องกาหนดแผนการพัฒนาหลักสูตรดังนี้
1. การศึกษาปัญหาหรือการกาหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในหลักสูตรเดิม
2.การกาหนดข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาข้อมูลที่กาหนดจะต้องเป็นข้อมูลที่สนองตอบต่อปัญห
าที่ได้มาจากการศึกษาปัญหา
3. การกาหนดสมมติฐานว่าหลักสูตรที่จะต้องได้รับการพัฒนานั้นจะบังเกิดผลต่อผู้เรียนอย่างไร
4.กาหนดแนวทางในการดาเนินงานขั้นตอนในการดาเนินงานจะต้องกาหนดเวลาอย่างแน่นอนเพื่อจะ
ได้เห็นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรตั้งแต่ต้นจนสาเร็จ
5.
การคัดเลือกบุคลากรมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตรจะสาเร็จได้นั้นจาเป็นต้องมีบุคคลากรที่มีคุ
ณภาพใน การทางานบุคลากรที่ควรกาหนดใน แผนได้แก่นักพัฒนาหลักสูตร นักวิชาการศึกษา
ศึกษานิเทศก์และครูผู้สอน
1. การเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น
โลกใน ยุคมีความเจริญก้าวห น้าด้าน เทคโน โลยีการสื่ อสารอย่างมาก และไม่ห ยุดยั้ง
ท า ใ ห้ ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ค ว า ม รู้ ต่ า ง ๆ
แพ ร่ถึง กัน ทั่วโลก ได้อย่าสะ ดวกแ ละ รวดเร็ วโลกใ น ปั จจุบัน จึง เป็ น โลก ไร้พ รมแด น
การ จัด ก ารศึ ก ษ าจึง ต้อ ง พั ฒ น าผู้เรี ย น ใ ห้ ส ามาร ถคัด ส รร ห รื อ น าค วามรู้ ข่าวส าร
ข้ อ มู ล ต่า ง ๆ อั น เ ป็ น ส า ก ล ม า พั ฒ น า ค ว า ม เ จ ริ ญ ก้า ว ห น้ า ข อ ง ต น สั ง ค ม
และประเทศชาติได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
การจัดการศึกษานอกจากจะพัฒนาผู้เรียนให้มีความสากลแล้วยังจะต้องคงทนความเป็นท้องถิ่นของผู้เ
รียนไว้ด้วย ผู้เรียนจึงสามารถดารงชีวิตได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนกับสภาพต่างๆ ในท้องถิ่นอย่างมีความสุข
มีความรัก มีความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน สามารถไก้ไขและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม
ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น ร ะ ห ว่ า ง โ ร ง เ รี ย น กั บ ท้ อ ง ถิ่ น
เป็นทวิภาคีร่วมกันในการสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนและแก้ปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น
ความหมายของแหล่งการเรียนรู้
แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ห ม า ย ถึ ง แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร
สารสนเทศและประสบการณ์ที่สนับสนุ นส่งเสริมสร้างให้ผู้เรียน ใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้ แสวงหาความรู้
แ ล ะ เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง ต า ม อั ธ ย า ศั ย อ ย่ า ง ก ว้ า ง ข ว า ง แ ล ะ ต่ อ เ นื่ อ ง
เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ (กระทรวงศึกษาธิการ : 43)
จ า ก ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ ก ล่ า ว ข้ า ง ต้ น
อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราเป็นแหล่งการเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น การเรียนรู้จึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ทุ ก ส ถ า น ที่ โ ร ง เรี ย น ที่ มี ฐ า น ะ รั บ ผิ ด ช อ บ โ ด ย ต ร ง ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า
จึง ต้อง ส ร้าง ห รื อ จัดห าแ ห ล่ง ก ารเรี ยน รู้ที่ ห ลาก ห ลายขึ้ น ใ น โ รง เรี ยน น อ ก จาก นี้
ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542มาตรา 29ได้เน้นให้สถานศึกษาร่วมกับบุคล ครอบครัวชุมชน
องค์กรชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ
และสถาบันสังคมอื่น จัดกบวน การเรียนรู้ภายในชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพ
ปั ญ ห าแ ล ะ ค ว าม ต้ อ ง ก า ร ดั ง นั้ น ก า ร จัด ก าร เรี ย น ก าร ส อ น ใ น ทุ ก ส ถ าน ศึ ก ษ า
ค รู ต้ อ ง เ ป ลี่ ย น วิ ธี ก า ร ส อ น จ า ก ก า ร เรี ย น ใ น ห นั ง สื่ อ ห รื อ ใ น ห้ อ ง เ รี ย น
ไ ป สู่ ก า ร เ รี ย น รู้ ต า ม ส ภ า พ จ ริ ง ใ น ชุ ม ช น ห รื อ ท้ อ ง ถิ่ น
จึ ง จ ะ เ อื้ อ ใ ห้ ชุ ม ช น ไ ด้ มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร จั ด ห รื อ พั ฒ น า ก า ร ศึ ก ษ า
และเอื้อต่อสถานศึกษาหรือผู้เรียนในกรมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน
2. แหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
แหล่งการเรียน รู้ที่โรง เรียน สามารถจัดดาเนิ น การเพื่อใ ห้ครู อาจารย์ และผู้เรียน
ได้ศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับกาลังความสามารถของโรงเรียนแต่ละแห่ง
ตัวอย่างเช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดหมวดวิชา ห้องสมุดเคลื่อนที่ มุมหนังสือในห้องเรียน
ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องอินเตอร์เน็ต ศูนย์วิชาการ ศูนย์วิทยาบริการ
ศูนย์สื่อการเรียนการสอน ศูนย์พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน สวนพฤกษศาสตร์ สวนวรรณคดี
สวนสมุนไพร สวนสุขภาพ สวนหนังสือ สวนธรรมะ ฯลฯ
3. แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น
แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่นซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในการเรียนรู้ที่หลากหลายในการจัดการเรียนการสอนมี
6 ประเภท ดังนี้
1. บุคคล หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะสาขาหรืองานอาชีพต่างๆ
ซึ่งโรงเรียนอาจเชิญมาเป็นวิทยากรในบางชั่วโมง หรืออาจจ้างสอนเป็นรายวิชาหรือเชิญเป็นอาสาสมัครสอน
เป็ น พิ เศษ ได้แก่ เกษ ตร กานั น ผู้ใ ห ญ่บ้าน นั กธุ รกิจ พ ระ ส ง ฆ์ ช่าง ฝี มือ เกษ ตรตาบ ล
ผู้ที่ประสบความสาเร็จในการประกอบอาชีพ ผู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นต้น
2. สถาบัน หน่วยงาน หรือองค์กรทางสังคม แบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้
2.1 สถานศึกษา พัฒนาและให้บริการประชาชน หมายถึง หน่วยงานที่ให้การศึกษา
พัฒนาความรู้ ความสามารถ เจตคติ ได้แก่โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสถานีอนามัย โรงพยาบาล ห้องสมุด
วัด สถานีทดลองข้าว สถานีประมง พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ฝึกอบรม ฯลฯ เป็นต้น
2.2 สถานประกอบการทางธุรกิจ การค้าอุตสาหกรรมและอาชีพอิสระ ได้แก่ร้านค้าโรงงาน
ฟาร์ม ฟาร์มเลี้ยงไก่ร้านซ่อมรถจักรยาน ร้านขายอาหาร ไร่ข้าวโพด นาเกลือ สวนมะม่วง ฯลฯ เป็นต้น
3. สถานที่ที่เป็นแหล่งธรรมชาติ ได้แก่แม่น้า ทะเล ภูเขา ป่าไม้น้าตก ห้วย หนอง คลอง บึง ฯลฯ
เป็นต้น
4. วัสดุและเศษวัสดุต่างๆที่มีในท้องถิ่น แบ่งได้ 2 ประเภทคือ
4.1 วัสดุและเศษวัสดุที่ได้จากธรรมชาติได้แก่แร่ธาตุ ดิน หิน ทราย พืช เปลือกไม้เมล็ดข้าว
ใบไม้ดอกไม้ ผลไม้ ฯลฯ เป็นต้น
4.2 วัสดุและเศษวัสดุที่ได้จากการผลิตหรือการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ ได้แก่กระดาษ
กล่องกระดาษ ขวดแก้วขวดพลาสติก เศษไม้เศษผ้า เศษกระดาษ เศษกระจก กระป๋ อง ฝาขวดน้าอัดลมฯลฯ
เป็นต้น
5. สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น แผ่นพับวารสาร หนังสือพิมพ์หนังสือ รูปภาพ ฯลฯ
6. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเตอร์เน็ต แผ่นซีดี – รอม บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
(CAI) วีดีทัศน์ ภาพยนตร์ฯลฯ
4. ประโยชน์ของการเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น
การใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น มีประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน ดังนี้
1.ทาให้นักเรียนรู้จัก และใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆที่มีอยู่และหาได้ง่าย ในท้องถิ่นของตน
ส า ม า ร ถ น า ค ว า ม รู้ แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ม า พั ฒ น า ชี วิ ต
ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ห รื อ ก า ร น า ม า ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ า วั น ไ ด้
สามารถปรับการดาเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น จึงสามารถอยู่กับท้องถิ่นได้อย่างเป็นสุข
2.ทาให้นักเรียนรัก ภูมิใจมองเห็นคุณค่า หวงแหน อนุรักษ์ และช่วยทานุบารุงรักษาท้องถิ่นของตน
เพราะนักเรียน ได้พึ่ งพ าแหล่งการเรียน รู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น ใน การพัฒน าศักยภ าพ ของตน
ถ้ า แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ต่ า ง ๆ
ต้องศูนย์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ก็จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของนักเรียนต้องลดน้อยถอยลงหรือได้ผลกระทบต
ามไปด้วย
3.ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ
เพ ร าะ นั ก เรี ยน ได้รั บ ป ร ะ ส บ ก าร ณ์ ต รง ได้เห็ น จริ ง แ ล ะ ได้ป ฏิ บัติ จริ ง ด้วย ต น เอ ง
ก าร น า วิท ย า ก ร ม า สู่ ห้ อ ง เรี ย น ห รื อ ก า ร พ า นั ก เ รี ย น ไ ป ศึ ก ษ า น อ ก โ ร ง เ รี ย น
ทาใ ห้ นั กเรี ยน ได้เป ลี่ ยน บ รรยากาศ จาก การเรี ยน ที่ จาเจ ไป สู่ก ารเรี ยน ที่ แป ล กใ ห ม่
นั ก เ รี ย น จึ ง เกิ ด ค ว า ม ส น ใ จ แ ล ะ ค ว า ม ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ใ น ก า ร เ รี ย น น อ ก จ า ก นี้
การน าวัส ดุใน ท้องถิ่น มาจัดการเรี ยน การสอน ยัง ช่วยประ ห ยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง
และของทางราชการอีกด้วย
4.ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูหรือขาดครูที่มีความรู้ความชานาญในการสอนบางเนื้อหาบทเรียน
การนาวิทยากรในท้องถิ่นที่มีความรู้ ความสามารถมากกว่าครูมาช่วยสอนทาให้นักเรียนได้รับความรู้
ความเข้าใจ อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ เต็มตามหลักสูตร
5.การใช้วิทยากรหรือแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ทาให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
เ กิ ด ค ว า ม เ ข้ า ใ จ กั น
ให้ความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการจัดการศึกษาหรือพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ
ขึ้น
5. แนวทางการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น
การใช้แหล่งการเรียนในท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนการสอนมีแนวทางกว้างๆ ดังนี้
1.สารวจข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น จัดทาระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ทันสมัย
สะดวกต่อการค้นหา
2.ศึกษาหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรต่างๆเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมที่จะใช้แหล่งการเรี
ยนรู้ในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับหลักสูตร
3.ประยุกต์ใช้วัสดุและเศษวัสดุที่มีในท้องถิ่นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักการหรือค
วามคิดรวบยอดตามหลักสูตรแกนกลาง ทดลองใช้จนเกิดความมั่นใจแล้วจึงได้นามาให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ
4.ครูและนักเรียนร่วมมือกันเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ
เพื่อประโยชน์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
5.บันทึกผลการเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและรูปภาพ
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา ปรับปรุง หรือนามาใช้ในโอกาสต่อไป
6.ปรับปรุง แก้ไข พัฒนา การเรียนการสอนโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่นให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ซึ่ งน อกจากจะ เป็ น ประ โยช น์ ต่อคุณภ าพ ของ การเรี ยน การสอน แล้ว ยัง เห็ น การเผยแพ ร่
ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของโรงเรียนได้ด้วย
6. หลักการจัดหาแหล่งการเรียนรู้
ใ น แ ต่ ล ะ ท้ อ ง ถิ่ น ย่ อ ม มี แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป
ก า ร จั ด ห า แ ห ล่ง ก า ร เ รี ย น รู้ เ พื่ อ ก า ร เรี ย น ก า ร ส อ น มี ห ลั ก 6 ป ร ะ ก า ร ดั ง นี้
(คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติสานักงาน 2524 :9-10)
1.ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม กั บ ส ภ า พ ท้ อ ง ถิ่ น
แหล่งการเรียนรู้ที่จะนามาใช้จัดการเรียน การสอนควรเหมาะ สมกับสภาพต่างๆ ในท้องถิ่น เช่น
สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อาชีพหลักของประชาชน ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจเป็นต้น
2.ความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อ แหล่งการเรียนรู้ที่ดี ต้องเป็นแหล่งที่เดินทาง ไปมา
และสามารถติดต่อสื่อสารได้สะดวก เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทาให้ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า
3.ค ว า ม ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ ป ร ะ โ ย ช น์
การใช้แหล่งเรียนรู้ที่ดีต้องคานึงถึงเวลาและเงินที่ต้องใช้ในการดาเนินการและประโยชน์ตอบแทนที่จะได้รับด้ว
ย ถ้าน ามาใ ช้ แ ล้วเสี ย เงิ น แ ล ะ เว ล ามาก แ ต่ได้ป ระ โย ช น์ น้ อ ยก็ไ ม่ส มค วร ใ ช้ เช่น
พาไปศึกษาที่ซึ่งห่างไกลจากโรงเรียนมาก ครูและนักเรียนต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาก
ทาให้นักเรียนเหนื่อยจึงไม่มีความสนใจเท่าที่ควร
4.ความเหมาะสมกับบทเรียนและวัยของผู้เรียน เช่น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ควรเป็นเรื่องง่ายๆ
ที่ไม่สลับซับซ่อนนักหรือให้ดูโดยรวมไม่ต้องดูส่วนย่อยๆเช่น พาไปดูโรงงานทอผ้าควรให้ดูเกี่ยวกับ สถานที่
วัตถุดิบ และผลผลิต ไม่ควรดูกระบวนการผลิต นอกจากนี้ วิทยากรควรใช้ภาษาง่ายๆ ที่เด็กในวัยนี้เขาใจได้ดี
5.ความปลอดภัยและความถูกต้อง หมายถึง ความปลอดภัยทั้งในการเดินทาง ในขณะศึกษาหาความรู้
และในการนาไปใช้ด้วย ส่วนความถูกต้องนั้น หมายถึง ความรู้หรือประสบการณ์ที่ได้รับจะต้องถูกต้อง
ตรงตามหลักวิชา
6.ความรู้และประโยชน์ที่หลากหลากหลาย เช่น พานักเรียนไปดูการทาและจาหน่ายเครื่องจักสาน
นักเรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับวัสดุดิบที่ใช้ กระบวนการผลิต รูปแบบของชิ้นงาน การประดิษฐ์ลวดลายต่างๆ
ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร ใ ช้ ง า น ก า ร จั ด จ า ห น่ า ย
ได้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในการดัดแปลงวัสดุที่มีในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์ ได้เห็นวิธีการจัดร้าน
วิธีการคิดราคาสินค้า เป็ นการศึกษาแบบบูรณาการทั้งในด้านการทางาน การประกอบอาชีพในชุมชน
การประกอบธุรกิจ การรวมกลุ่ม ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น เป็นต้น
7. ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรและการใช้หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร
ต้องมีการร่วมมือกันหลายฝ่ายเพื่อให้ผลงานออกมาตรงเป้าหมาย ได้แก่
1.นักบริหารหลักสู ตร ได้แก่ อธิบ ดีกรมวิช าการ ผู้อาน วยการศูน ย์พัฒ น าหลักสู ตร
ผู้อานวยการศูนย์พัฒนาหนังสือฯ
2. นักวิชาการ ได้แก่อาจารย์ในมหาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ
3. ครู อาจารย์ ศึกษานิเทศก์
4. นักบริหาร ได้แก่ผู้บริหารในระดับต่างๆ
5. บุคคลภายนอก ได้แก่บุคคลอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาและเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตร
6. หน่วยสนับสนุนการใช้หลักสูตร ได้แก่
- หน่วยผลิตชุดการสอน และวัสดุอุปกรณ์
- หน่วยผลิตสื่อสารการเรียนการสอนอื่น ๆ
- หน่วยนิเทศและประสานงาน
- หน่วยทดสอบและประเมินผลการเรียนในโรงเรียน
- หน่วยแนะแนวในโรงเรียน
การใช้หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น
เนื้อหาสาระของหลักสูตรท้องถิ่น แยกได้ 4ประเภท คือ
1. เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมวัฒนธรรมศาสนา เศรษฐกิจ
ของท้องถิ่น
2. เนื้อหาที่เกี่ยวกับจุดเด่นของท้องถิ่นที่ผู้เรียนควรทราบ เพื่อให้เกิดความภูมิใจ
3. เนื้อหาที่เกี่ยวกับนโยบาย วิสัยทัศน์ของท้องถิ่น
4. เนื้อหาที่เกี่ยวกับนโยบาย ของประเทศที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น
วิธีนาเนื้อหาท้องถิ่นมาสู่หลักสูตรและการสอน
1.สารวจสภาพภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา เศรษฐกิจของท้องถิ่น
โดยได้จากการอ่าน เอกส ารจากหน่วยงาน ป กครอ ง ห น่วยง าน ที่เกี่ ยวกับ การท่อง เที่ ยว
หน่วยงานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เอกสารในห้องสมุดที่เกี่ยวกับท้องถิ่น แล้วนามาวิเคราะห์ สรุป
เป็นเนื้อหาสาระของท้องถิ่น
ตัวอย่าง:จังหวัดนครพนม
1. จุดเด่นของจังหวัดนครพนมที่จะมาใส่ในหลักสูตรท้องถิ่น สรุปได้ดังนี้
1) ภาคภูมิศาสตร์ เป็นจังหวัดชายแดนที่ติดต่อกับประเทศลาว และใกล้กับประเทศเวียตนาม
2) ประวัติศาสตร์ จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้าโขง
ต ร ง ข้ า ม กั บ เ มื อ ง ท่ า แ ข ก ริ ม ฝั่ ง แ ม่น้ า โ ข ง ใ น ดิ น แ ด น ที่ ร า บ สู ง
อดีตเป็ นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์อันรุ่งเรือง ได้ถูกเปลี่ยนเป็ น "มรุกขนคร"
แ ล ะ ต่ อ ม า ไ ด้ โ ป ร ด เ ก ล้ า ฯ ใ ห้ เ ป ลี่ ย น ชื่ อ เ ป็ น " น ค ร พ น ม "
แ ข ว ง ค า ม่ ว น ข อ ง ส า ธ า ร ณ รั ฐ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ป ร ะ ช า ช น ล า ว
เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่
3 ) ศ า ส น า มี ศ า ส น า ส า คั ญ คื อ ศ า ส น า พุ ท ธ ค ริ ส ต์
ที่ทาให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีสันติ
4) สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม คือ พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่นๆ
ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู
พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้ 5 )
คาขวัญ ได้แก่: พระธาตุพนมค่าล้า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภางามตาฝั่งโขง
6) ต้นไม้ประจาจังหวัด: กันเกรา (Fagraea fragrans)
2. นาเนื้อหาดังกล่าวมาพิจารณาว่าจะเกี่ยวข้องกับสาระการเรียนรู้ใดตัวอย่างจังหวัดนครพนม
สาระการเรียนรู้ เนื้อหาท้องถิ่น เช่น
1. ภาษาไทย ภาษา 7 ชนเผ่า
2. คณิตศาสตร์ ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ หาดเกาะ ดินฟ้าอากาศ
ที่ ท า กิ น อ า ชี พ
สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม
3. วิทยาศาสตร์ วิธีทาเกษตร การดูแลสภาพป่าต่างๆ
4. สังคมวิทยา ศาสนาวัฒนธรรม วัฒนธรรมของคน วิถีชีวิตความเป็ นอยู่
อาหาร อาชีพ และเศรษฐกิจสังคม
5. สุขศึกษา พลศึกษา คุณค่าทางโภชนาการ
สาระการเรียนรู้ เนื้อหาท้องถิ่น เช่น
6. ศิลปะ การทอผ้ามัดหมี่ ลายผ้าทอ
7. การงาน อาชีพ และเทคโนโลยี เน้นอาชีพของคนนครพนม การเกษตร
8. ภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ
3. นาเนื้อหามาผสมผสานกับเนื้อหาในหลักสูตรใหม่ อาจทาได้หลายลักษณะ เช่น
ก) ใช้เป็นเนื้อหาสอน เช่น เมื่อสอนเรื่อง ตนเองและครอบครัวก็ใช้สภาพจริงเป็นเนื้อหา
ข) ใช้เป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนไปทาเช่น การประกอบอาชีพของคนในท้องถิ่นมีกี่อาชีพ
อะไรบ้าง มีผู้ทาร้อยละเท่าไร
ค) ใช้เป็นโครงงาน ให้นักเรียนไปหาทางแก้ไข
ง) ใช้ปัญหาเป็นฐาน ให้นักเรียนไปหาทางแก้ไข
จ) ใช้เป็นประเด็น ให้นักเรียนไปค้นคว้า ตัวอย่างเช่น นครพนม แปลว่ามีลักษณะอย่างไร
มากน้อยเพียงใด มีอะไรสูญหายไปบ้างหรือไม่ ถ้าสูญหายทาไมจึงสูญหายไป
ฉ) ใช้เป็นสถานที่ไปทัศนศึกษา เช่น พระธาตุต่างๆ
สรุป(Summary)
การวางแผนพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ในที่นี้เป็นการนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาจัด ท าเป็ น ห ลัก สู ตรส ถาน ศึ ก ษ า ใ ช้ข้อมูล ห รื อ แ ห ล่ง เรี ยน รู้ใ น ท้อ ง ถิ่ น กล่าวคื อ
การวิเคราะห์ เชื่อมโยงข้อมูลท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้ใน ท้องถิ่น และทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น
มาบูรณาการการจัดกระบวน การทางการศึกษาการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
ซึ่ ง โ ด ย ทั่ ว ไ ป แ ล้ ว ก า ร ว า ง แ ผ น พั ฒ น า ห ลั ก สู ต ร จ ะ เริ่ ม ต้ น จ าก ก า ร วิเ ค ร า ะ ห์
หลักสูตรเดิมที่ใช้กันอยู่ก่อนแล้วว่ามีผลต่อการใช้ปัจจุบันอย่างไรหากหลักสูตรเดิมไม่สนองต่อความต้องการขอ
งสังคมและผู้เรียนในปัจจุบันอันจะส่งผลไปสู่อนาคตเพื่อการผลิตคนสู่อนาคตแล้วก็ให้นาผลที่ได้มาเป็นข้อมูลใ
นการวางแผนสร้างหลักสูตรใหม่
การจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาพและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น
เริ่มจากครูและนักเรียน ร่วมกัน สารวจและ จัดทาข้อง มูลเกี่ยวกับบุคลากร องค์กรทางสังคม
แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ
และ วัสดุที่ห าได้ง่ายใน ท้องถิ่น ที่สามารถน ามาใช้ประกอบการเรี ยน การสอน เนื้ อห าต่าง ๆ
ไ ว้ อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ ร ะ เ บี ย บ เ พื่ อ ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ใ ช้ ง า น
ครู อาจจะ พ าผู้เรี ยน ไปศึ กษาและ ฝึ กการท าง าน ใน ส ถาน ที่จริ ง ที่บ้าน ห รื อ ห น่วยง าน
ห รื อ ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ต่า ง ๆ ที่ มี ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ค รู อ าจ จ ะ เ ชิ ญ ผู้รู้ ผู้ เชี่ ย ว ช า ญ
ห รือ ผู้ที่ ประ ส บ ความสาเร็ จใ น การประ ก อบ อาชี พ ต่าง ๆ มาเป็ น วิทยากรใน โรง เรี ยน
ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ที่ ส่ ง เส ริ ม ใ ห้ ผู้ เรี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ เ กี่ ย ว กับ ท้ อ ง ถิ่ น ข อ ง ต น
จ ะ ท า ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ไ ม่ เ กิ ด ค ว า ม แ ป ล ก แ ย ก กั บ ท้ อ ง ถิ่ น
สามารถนาเนินชีวิตและพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริงรอบๆ ตัว
ก าร เปิ ด โ อ ก าส ใ ห้ บุ ค ล าก ร ใ น ท้ อ ง ถิ่ น เ ข้าม ามี ส่ ว น ร่ว ม ใ น ก า ร เรี ย น ก าร ส อ น
เ ป็ น ก า ร ป ร ะ ส า น ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ที่ ดี ร ะ ห ว่า ง โ ร ง เ รี ย น แ ล ะ ชุ ม ช น
เป็นการผนึกกาลังร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์พัฒนาการศึกษาและท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าตามความต้องการและเห
มาะสมสอดคล้องกับสภ าพ แวดล้อมต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สัง คม ศาสน า วัฒน ธรรม ฯลฯ
ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน
ตรวจสอบทบทวน(Self-Test)
1. การนากระบวนการพัฒนาหลักสูตรมาใช้ ในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร
จะมีสาระสาคัญในประเด็นใดบ้าง
2. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรสถานศึกษา และหลักสูตรท้องถิ่น
เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
กิจกรรม(Activity)
1. สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
หลักสูตรท้องถิ่น
2. ศึกษาทาความเข้าใจเพิ่มเติมจาก สุเทพ อ่วมเจริญ การพัฒนาหลักสูตร : ทฤษฎีและการปฏิบัติ
“ปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตร : ปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิด SU Model”
3. แลกเปลี่ยนแนวคิดกับเพื่อนนักศึกษา หรือผู้รู้ เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติการวางแผนพัฒนาหลักสูตร/
โดยอาศัยแนวคิดแบบจาลอง SUModel หรือเลือกจากแบบจาลองที่นักพัฒนาหลักสูตรนาเสนอไว้

More Related Content

What's hot

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-soc
แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-socแผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-soc
แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-socPrachoom Rangkasikorn
 
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6Anukun Khaiochaaum
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7kanwan0429
 
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนหลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนthanathip
 
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็งบทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็งpentanino
 
หลักสูตรส่วนที่ ๑
หลักสูตรส่วนที่ ๑หลักสูตรส่วนที่ ๑
หลักสูตรส่วนที่ ๑rampasri
 
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...Prachoom Rangkasikorn
 
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนnang_phy29
 
วิจัยบทที่
วิจัยบทที่วิจัยบทที่
วิจัยบทที่Natmol Thedsanabun
 
นวัตกรรม การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษา
นวัตกรรม  การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษานวัตกรรม  การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษา
นวัตกรรม การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษาครูแชมป์ ฟักอ่อน
 
R บทที่ 1
R บทที่  1R บทที่  1
R บทที่ 1khuwawa
 

What's hot (15)

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-soc
แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-socแผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-soc
แผนการจัดการเรียนรู้ ป.4-6 หน่วย 1+494+dltvsocp6+T1 p4 6-u01-soc
 
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6
ข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วยภาค ข วิชาฟิสิกส์ ชุดที่6
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
005
005005
005
 
บทบาทบริหารกิจการนักเรียน
บทบาทบริหารกิจการนักเรียนบทบาทบริหารกิจการนักเรียน
บทบาทบริหารกิจการนักเรียน
 
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชนหลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
หลักสูตรที่ 1 หน่วยที่ 3: ศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน และการพัฒนาชุมชน
 
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็งบทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง
บทบาทของมหาวิทยาลัยสงฆ์ในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
หลักสูตรส่วนที่ ๑
หลักสูตรส่วนที่ ๑หลักสูตรส่วนที่ ๑
หลักสูตรส่วนที่ ๑
 
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้รายชั่่วโมง ป.1-3 หน่วย1-3+443+dltvsocp3+T1 p1 3-...
 
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9.หลักสูตรกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
 
วิจัยบทที่
วิจัยบทที่วิจัยบทที่
วิจัยบทที่
 
นวัตกรรม การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษา
นวัตกรรม  การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษานวัตกรรม  การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษา
นวัตกรรม การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยในสถานศึกษา
 
R บทที่ 1
R บทที่  1R บทที่  1
R บทที่ 1
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 

Similar to บทที่ 8

บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8kanwan0429
 
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบ
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบ
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบtunyapisit
 
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียนร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียนNattayaporn Dokbua
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7kanwan0429
 
Thinking and doing school
Thinking and doing schoolThinking and doing school
Thinking and doing schoolWC Triumph
 
การกินอย่างมีคุณค่า
การกินอย่างมีคุณค่าการกินอย่างมีคุณค่า
การกินอย่างมีคุณค่าaon04937
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7benty2443
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7nattawad147
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524gam030
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7wanneemayss
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slidesharepaewwaew
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slidesharepaewwaew
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slidesharepaewwaew
 

Similar to บทที่ 8 (20)

บทที่ 8
บทที่ 8บทที่ 8
บทที่ 8
 
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบ
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบสรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบ
สรุปสาระสำคัญเกี่ยวกับ พรบ
 
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียนร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
ร่างหลักสูตรสถานศึกษา เนื้อหาโรงเรียน
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
Thinking and doing school
Thinking and doing schoolThinking and doing school
Thinking and doing school
 
การกินอย่างมีคุณค่า
การกินอย่างมีคุณค่าการกินอย่างมีคุณค่า
การกินอย่างมีคุณค่า
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
7 170819173524
7 1708191735247 170819173524
7 170819173524
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slideshare
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slideshare
 
Slideshare
SlideshareSlideshare
Slideshare
 

More from wanneemayss

บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9wanneemayss
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8wanneemayss
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7wanneemayss
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6wanneemayss
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5wanneemayss
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4wanneemayss
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1wanneemayss
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2wanneemayss
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรมwanneemayss
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11wanneemayss
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10wanneemayss
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9wanneemayss
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6wanneemayss
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5wanneemayss
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4wanneemayss
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3wanneemayss
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2wanneemayss
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1wanneemayss
 

More from wanneemayss (19)

บท11
บท11บท11
บท11
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่ 11
บทที่ 11บทที่ 11
บทที่ 11
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 9
บทที่ 9บทที่ 9
บทที่ 9
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

บทที่ 8

  • 1. บทที่ 8 การวางแผนพัฒนาหลักสูตร มโนทัศน์(Concept) การวางแผนจัดทาหลักสูตรบุคคลที่มีหน้าที่วางแผนจัดทาหลักสูตรต้องร่วมกันจัดทาแผนและจัดทาห ลักสูตรตามขั้นตอนอย่างละเอียดสามารถตรวจสอบแต่ละขั้นว่าเป็นไปตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่ อ ย่ า ง ไ ร ห า ก มี ปั ญ ห า ก็ ส า ม า ร ถ ป รั บ ป รุ ง เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ด้ การกาหนดแผนการเรียนการสอนในหลักสูตรจะช่วยให้ทราบว่าจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด แ ล ะ อ ย่ า ง ไ ร ทั้งยังสามารถกาหนดสื่อการเรียนการสอนการประเมินผลเพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ทั้งรายกลุ่ม และรายบุคคล ผลการเรียนรู้(Learning Outcome) 1. มีความรู้ ความเข้าใจ การวางแผนพัฒนาหลักสูตร 2. มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น และแหล่งเรียนรู้ 3. สามารถให้ข้อเสนอแนะในการแต่งตั้งคณะกรรมการและหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับ การวางแผนพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นได้ สาระเนื้อหา(Content) การวางแผนพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรเป็นสิ่งที่นักศึกษาต้องดาเนินการอยู่เสมอและจะกระทาทุกครั้งเมื่อสังคมมีสิ่งหนึ่ง สิ่ ง ใ ด เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ไ ป โดยเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะทาให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนประสบการณ์ขึ้นมา ใหม่และพร้อมที่จะนาประสบการณ์และความรู้ที่เกิดขึ้นมานั้นไปพัฒนาตนและสังคมให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้น Saylor andAlexander (1966:7) ได้สรุปว่า การวางแผนพัฒนาหลักสูตร ต้องประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังนี้
  • 2. 1. หลักสูตร 1.1ตัวผู้เรียนเอง ซึ่งเป็ น ส่วนหนึ่ งของสังคมและสังคมเองมองเห็นนักเรียนคืออะไร มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ สั ง ค ม อ ย่า ง ไ ร บ้ า ง สั ง ค ม ต้ อ ง ก า ร อ ะ ไ ร จ า ก นั ก เ รี ย น และนักเรียนต้องการอะไรทั้งในแง่ของส่วนบุคคล และสังคม 1.2 ห น้ า ที่ แ ล ะ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ข อ ง โ ร ง เ รี ย น คื อ อ ะ ไ ร โรงเรียนมีแนวคิดยึดปรัชญาสาขาใดและมีแนวปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายนั้นอย่างไร 1.3 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ค ว า ม รู้ นั้ น เ ป็ น อ ย่ า ง ไ ร ข อ บ ข่ า ย ข อ ง ค ว า ม รู้ ที่ จ า เ ป็ น ต้ อ ง ศึ ก ษ า นั้ น มี ม า ก น้ อ ย แ ค่ ไ ห น อ ย่า ง ไ ร อะไรเป็นสิ่งจาเป็นก่อนและหลังหรือลาดับของความรู้เป็นอย่างไร 1.4กระบวนการการเรียนรู้เป็ นอย่างไร ลาดับหรือขั้นตอนของการเรียนรู้เป็ นอย่างไร สิ่งที่นักพัฒนาหลักสูตรต้องคานึงถึงการพัฒนาหลักสูตรในขั้นตอนแรกก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคม ปรัชญา ผู้เรียน และกระบวนการเรียนรู้ 2. บุคคลที่ทาหน้าที่วางแผนพัฒนาหลักสูตร 2.1นักการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา นักวิชาการ นักวิจัย เป็นต้น 2.2 ผู้ท รง คุณ วุฒิ แล ะ ผู้ที่ เกี่ยวข้อ ง กับ การศึ ก ษ า เช่น นั กเรี ยน ผู้ป ก ค รอ ง สมาชิกในชุมชนและสมาคมต่างๆ เป็นต้น 3. ผู้ตัดสินใจเลือกใช้หลักสูตร ผู้ทาหน้าที่เลือกใช้หลักสูตร คือ นักพัฒนาหลักสูตรซึ่งประกอบด้วยครู นักศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้เชี่ยวช าญ สาขาต่างๆ ประ กอบขึ้ น เป็ น กรรมการดาเนิ น การพัฒ น าห ลักสู ตร โดยทาหน้าที่คัดเลือกและจัดระบบเนื้อหาสาระตลอดทั้งแบบเรียนกาหนดระบบการเรียน การสอน และการตัดสินใจเลือกนั้นกระทาตามลาดับและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบรรพต สุวรรณประเสริฐ (2544: 16) ได้เสนอรูปแบบการวางแผนหลักสูตรซึ่งต้องมีองค์ประกอบสาคัญได้แก่การกาหนดหลักสูตรนักวางแผนหลักสู ตรการตัดสินใจหลักสูตร และแผนหลักสูตร
  • 3. การกาหนด หลักสูตร นักวางแผนหลักสูตร การตัดสินใจหลักสูตร แผนหลักสูตร - ผู้เรียน : คุณค่าทางสั งคมและควา มต้องการ - จุดมุ่งหมายข องการศึกษา - จุดมุ่งหมายข องโรงเรียน หรือสถานศึ กษา - ธรรมชาติขอ งความรู้ กระบวนการ เรียนรู้ แนวคิด - นักศึกษาทุกร ะดับ - ผู้เรียนและผู้ป กครอง - บุคลากรที่เกี่ย วข้องกับการศึ กษาทุกระดับ หน้าที่รับผิดช อบในการรวบ รวมแผนหลัก สูตรต่างๆ เพื่อสร้างแผน หลักสูตร ใครทา การตัดสินใจกระ ทาโดยกลุ่มนักวา งแผนหลักสูตรเพื่ อให้ได้หลักสูตร ที่ดีและเลือกเนื้อ หาที่มีประสิทธิภา พต่อผู้เรียนเป็นรา ยบุคคลการตัดสิน ใจกระทาในหลา ยระดับ เช่น ระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่น และระดับใน แต่ละชั้นเรียน มีผลอ ะไร แผนหลักสูตร เขียนไว้เป็นแ นวทางปฏิบัติ สาหรับผู้เกี่ยว ข้องในการจัด โอกาสทางกา รเรียนรู้ให้กับ ผู้เรียน การจัดประส บการณ์การเรี ยนการสอนใ ห้สอดคล้องกั บกลุ่มผู้เรียนแ ละผู้เรียนเป็น รายบุคคล ภาพประกอบ 28 กระบวนการวางแผนหลักสูตร การวางแผนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่สาคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาหลักสูตรที่จะทาให้ ห ลั ก สู ต ร เ กิ ด ค ว า ม ส ม บู ร ณ์ ดั ง นั้ น
  • 4. ก่อน ที่ จะ พัฒ น าห ลักสู ตรนั กพัฒ น าห ลักสู ตรจะ ต้องกาหน ดแผน การพัฒ น าห ลักสู ตร จะต้องกาหนดแผนการพัฒนาหลักสูตรดังนี้ 1. การศึกษาปัญหาหรือการกาหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในหลักสูตรเดิม 2.การกาหนดข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาข้อมูลที่กาหนดจะต้องเป็นข้อมูลที่สนองตอบต่อปัญห าที่ได้มาจากการศึกษาปัญหา 3. การกาหนดสมมติฐานว่าหลักสูตรที่จะต้องได้รับการพัฒนานั้นจะบังเกิดผลต่อผู้เรียนอย่างไร 4.กาหนดแนวทางในการดาเนินงานขั้นตอนในการดาเนินงานจะต้องกาหนดเวลาอย่างแน่นอนเพื่อจะ ได้เห็นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรตั้งแต่ต้นจนสาเร็จ 5. การคัดเลือกบุคลากรมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการพัฒนาหลักสูตรจะสาเร็จได้นั้นจาเป็นต้องมีบุคคลากรที่มีคุ ณภาพใน การทางานบุคลากรที่ควรกาหนดใน แผนได้แก่นักพัฒนาหลักสูตร นักวิชาการศึกษา ศึกษานิเทศก์และครูผู้สอน 1. การเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น โลกใน ยุคมีความเจริญก้าวห น้าด้าน เทคโน โลยีการสื่ อสารอย่างมาก และไม่ห ยุดยั้ง ท า ใ ห้ ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ค ว า ม รู้ ต่ า ง ๆ แพ ร่ถึง กัน ทั่วโลก ได้อย่าสะ ดวกแ ละ รวดเร็ วโลกใ น ปั จจุบัน จึง เป็ น โลก ไร้พ รมแด น การ จัด ก ารศึ ก ษ าจึง ต้อ ง พั ฒ น าผู้เรี ย น ใ ห้ ส ามาร ถคัด ส รร ห รื อ น าค วามรู้ ข่าวส าร ข้ อ มู ล ต่า ง ๆ อั น เ ป็ น ส า ก ล ม า พั ฒ น า ค ว า ม เ จ ริ ญ ก้า ว ห น้ า ข อ ง ต น สั ง ค ม และประเทศชาติได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การจัดการศึกษานอกจากจะพัฒนาผู้เรียนให้มีความสากลแล้วยังจะต้องคงทนความเป็นท้องถิ่นของผู้เ รียนไว้ด้วย ผู้เรียนจึงสามารถดารงชีวิตได้อย่างสอดคล้องกลมกลืนกับสภาพต่างๆ ในท้องถิ่นอย่างมีความสุข มีความรัก มีความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน สามารถไก้ไขและพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ต้ อ ง ร่ ว ม มื อ กั น ร ะ ห ว่ า ง โ ร ง เ รี ย น กั บ ท้ อ ง ถิ่ น เป็นทวิภาคีร่วมกันในการสร้างเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนและแก้ปัญหาในชุมชนหรือท้องถิ่น ความหมายของแหล่งการเรียนรู้ แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ห ม า ย ถึ ง แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร สารสนเทศและประสบการณ์ที่สนับสนุ นส่งเสริมสร้างให้ผู้เรียน ใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้ แสวงหาความรู้
  • 5. แ ล ะ เ รี ย น รู้ ด้ ว ย ต น เ อ ง ต า ม อั ธ ย า ศั ย อ ย่ า ง ก ว้ า ง ข ว า ง แ ล ะ ต่ อ เ นื่ อ ง เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ (กระทรวงศึกษาธิการ : 43) จ า ก ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ ก ล่ า ว ข้ า ง ต้ น อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเราเป็นแหล่งการเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น การเรียนรู้จึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุ ก ส ถ า น ที่ โ ร ง เรี ย น ที่ มี ฐ า น ะ รั บ ผิ ด ช อ บ โ ด ย ต ร ง ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า จึง ต้อง ส ร้าง ห รื อ จัดห าแ ห ล่ง ก ารเรี ยน รู้ที่ ห ลาก ห ลายขึ้ น ใ น โ รง เรี ยน น อ ก จาก นี้ ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542มาตรา 29ได้เน้นให้สถานศึกษาร่วมกับบุคล ครอบครัวชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น จัดกบวน การเรียนรู้ภายในชุมชนเพื่อพัฒนาชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพ ปั ญ ห าแ ล ะ ค ว าม ต้ อ ง ก า ร ดั ง นั้ น ก า ร จัด ก าร เรี ย น ก าร ส อ น ใ น ทุ ก ส ถ าน ศึ ก ษ า ค รู ต้ อ ง เ ป ลี่ ย น วิ ธี ก า ร ส อ น จ า ก ก า ร เรี ย น ใ น ห นั ง สื่ อ ห รื อ ใ น ห้ อ ง เ รี ย น ไ ป สู่ ก า ร เ รี ย น รู้ ต า ม ส ภ า พ จ ริ ง ใ น ชุ ม ช น ห รื อ ท้ อ ง ถิ่ น จึ ง จ ะ เ อื้ อ ใ ห้ ชุ ม ช น ไ ด้ มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร จั ด ห รื อ พั ฒ น า ก า ร ศึ ก ษ า และเอื้อต่อสถานศึกษาหรือผู้เรียนในกรมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน 2. แหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียน แหล่งการเรียน รู้ที่โรง เรียน สามารถจัดดาเนิ น การเพื่อใ ห้ครู อาจารย์ และผู้เรียน ได้ศึกษาหาความรู้และประสบการณ์ มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับกาลังความสามารถของโรงเรียนแต่ละแห่ง ตัวอย่างเช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดหมวดวิชา ห้องสมุดเคลื่อนที่ มุมหนังสือในห้องเรียน ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้องมัลติมีเดีย ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องอินเตอร์เน็ต ศูนย์วิชาการ ศูนย์วิทยาบริการ ศูนย์สื่อการเรียนการสอน ศูนย์พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอน สวนพฤกษศาสตร์ สวนวรรณคดี สวนสมุนไพร สวนสุขภาพ สวนหนังสือ สวนธรรมะ ฯลฯ 3. แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่นซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในการเรียนรู้ที่หลากหลายในการจัดการเรียนการสอนมี 6 ประเภท ดังนี้ 1. บุคคล หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะสาขาหรืองานอาชีพต่างๆ ซึ่งโรงเรียนอาจเชิญมาเป็นวิทยากรในบางชั่วโมง หรืออาจจ้างสอนเป็นรายวิชาหรือเชิญเป็นอาสาสมัครสอน เป็ น พิ เศษ ได้แก่ เกษ ตร กานั น ผู้ใ ห ญ่บ้าน นั กธุ รกิจ พ ระ ส ง ฆ์ ช่าง ฝี มือ เกษ ตรตาบ ล ผู้ที่ประสบความสาเร็จในการประกอบอาชีพ ผู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นต้น
  • 6. 2. สถาบัน หน่วยงาน หรือองค์กรทางสังคม แบ่งได้ 2 ประเภทดังนี้ 2.1 สถานศึกษา พัฒนาและให้บริการประชาชน หมายถึง หน่วยงานที่ให้การศึกษา พัฒนาความรู้ ความสามารถ เจตคติ ได้แก่โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสถานีอนามัย โรงพยาบาล ห้องสมุด วัด สถานีทดลองข้าว สถานีประมง พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ฝึกอบรม ฯลฯ เป็นต้น 2.2 สถานประกอบการทางธุรกิจ การค้าอุตสาหกรรมและอาชีพอิสระ ได้แก่ร้านค้าโรงงาน ฟาร์ม ฟาร์มเลี้ยงไก่ร้านซ่อมรถจักรยาน ร้านขายอาหาร ไร่ข้าวโพด นาเกลือ สวนมะม่วง ฯลฯ เป็นต้น 3. สถานที่ที่เป็นแหล่งธรรมชาติ ได้แก่แม่น้า ทะเล ภูเขา ป่าไม้น้าตก ห้วย หนอง คลอง บึง ฯลฯ เป็นต้น 4. วัสดุและเศษวัสดุต่างๆที่มีในท้องถิ่น แบ่งได้ 2 ประเภทคือ 4.1 วัสดุและเศษวัสดุที่ได้จากธรรมชาติได้แก่แร่ธาตุ ดิน หิน ทราย พืช เปลือกไม้เมล็ดข้าว ใบไม้ดอกไม้ ผลไม้ ฯลฯ เป็นต้น 4.2 วัสดุและเศษวัสดุที่ได้จากการผลิตหรือการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ ได้แก่กระดาษ กล่องกระดาษ ขวดแก้วขวดพลาสติก เศษไม้เศษผ้า เศษกระดาษ เศษกระจก กระป๋ อง ฝาขวดน้าอัดลมฯลฯ เป็นต้น 5. สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น แผ่นพับวารสาร หนังสือพิมพ์หนังสือ รูปภาพ ฯลฯ 6. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเตอร์เน็ต แผ่นซีดี – รอม บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) วีดีทัศน์ ภาพยนตร์ฯลฯ 4. ประโยชน์ของการเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น การใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น มีประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอน ดังนี้ 1.ทาให้นักเรียนรู้จัก และใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆที่มีอยู่และหาได้ง่าย ในท้องถิ่นของตน ส า ม า ร ถ น า ค ว า ม รู้ แ ล ะ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ม า พั ฒ น า ชี วิ ต ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ห รื อ ก า ร น า ม า ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ า วั น ไ ด้ สามารถปรับการดาเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น จึงสามารถอยู่กับท้องถิ่นได้อย่างเป็นสุข 2.ทาให้นักเรียนรัก ภูมิใจมองเห็นคุณค่า หวงแหน อนุรักษ์ และช่วยทานุบารุงรักษาท้องถิ่นของตน เพราะนักเรียน ได้พึ่ งพ าแหล่งการเรียน รู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น ใน การพัฒน าศักยภ าพ ของตน ถ้ า แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ต่ า ง ๆ ต้องศูนย์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ก็จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของนักเรียนต้องลดน้อยถอยลงหรือได้ผลกระทบต ามไปด้วย
  • 7. 3.ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ เพ ร าะ นั ก เรี ยน ได้รั บ ป ร ะ ส บ ก าร ณ์ ต รง ได้เห็ น จริ ง แ ล ะ ได้ป ฏิ บัติ จริ ง ด้วย ต น เอ ง ก าร น า วิท ย า ก ร ม า สู่ ห้ อ ง เรี ย น ห รื อ ก า ร พ า นั ก เ รี ย น ไ ป ศึ ก ษ า น อ ก โ ร ง เ รี ย น ทาใ ห้ นั กเรี ยน ได้เป ลี่ ยน บ รรยากาศ จาก การเรี ยน ที่ จาเจ ไป สู่ก ารเรี ยน ที่ แป ล กใ ห ม่ นั ก เ รี ย น จึ ง เกิ ด ค ว า ม ส น ใ จ แ ล ะ ค ว า ม ก ร ะ ตื อ รื อ ร้ น ใ น ก า ร เ รี ย น น อ ก จ า ก นี้ การน าวัส ดุใน ท้องถิ่น มาจัดการเรี ยน การสอน ยัง ช่วยประ ห ยัดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และของทางราชการอีกด้วย 4.ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูหรือขาดครูที่มีความรู้ความชานาญในการสอนบางเนื้อหาบทเรียน การนาวิทยากรในท้องถิ่นที่มีความรู้ ความสามารถมากกว่าครูมาช่วยสอนทาให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ เต็มตามหลักสูตร 5.การใช้วิทยากรหรือแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ทาให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน เ กิ ด ค ว า ม เ ข้ า ใ จ กั น ให้ความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการจัดการศึกษาหรือพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้น 5. แนวทางการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น การใช้แหล่งการเรียนในท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนการสอนมีแนวทางกว้างๆ ดังนี้ 1.สารวจข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น จัดทาระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ทันสมัย สะดวกต่อการค้นหา 2.ศึกษาหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรต่างๆเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมที่จะใช้แหล่งการเรี ยนรู้ในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับหลักสูตร 3.ประยุกต์ใช้วัสดุและเศษวัสดุที่มีในท้องถิ่นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักการหรือค วามคิดรวบยอดตามหลักสูตรแกนกลาง ทดลองใช้จนเกิดความมั่นใจแล้วจึงได้นามาให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ 4.ครูและนักเรียนร่วมมือกันเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้ในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 5.บันทึกผลการเรียนการสอนโดยการใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและรูปภาพ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา ปรับปรุง หรือนามาใช้ในโอกาสต่อไป
  • 8. 6.ปรับปรุง แก้ไข พัฒนา การเรียนการสอนโดยใช้แหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่นให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ซึ่ งน อกจากจะ เป็ น ประ โยช น์ ต่อคุณภ าพ ของ การเรี ยน การสอน แล้ว ยัง เห็ น การเผยแพ ร่ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของโรงเรียนได้ด้วย 6. หลักการจัดหาแหล่งการเรียนรู้ ใ น แ ต่ ล ะ ท้ อ ง ถิ่ น ย่ อ ม มี แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ที่ แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป ก า ร จั ด ห า แ ห ล่ง ก า ร เ รี ย น รู้ เ พื่ อ ก า ร เรี ย น ก า ร ส อ น มี ห ลั ก 6 ป ร ะ ก า ร ดั ง นี้ (คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติสานักงาน 2524 :9-10) 1.ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม กั บ ส ภ า พ ท้ อ ง ถิ่ น แหล่งการเรียนรู้ที่จะนามาใช้จัดการเรียน การสอนควรเหมาะ สมกับสภาพต่างๆ ในท้องถิ่น เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อาชีพหลักของประชาชน ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจเป็นต้น 2.ความสะดวกในการเดินทางและการติดต่อ แหล่งการเรียนรู้ที่ดี ต้องเป็นแหล่งที่เดินทาง ไปมา และสามารถติดต่อสื่อสารได้สะดวก เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทาให้ได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่า 3.ค ว า ม ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ ป ร ะ โ ย ช น์ การใช้แหล่งเรียนรู้ที่ดีต้องคานึงถึงเวลาและเงินที่ต้องใช้ในการดาเนินการและประโยชน์ตอบแทนที่จะได้รับด้ว ย ถ้าน ามาใ ช้ แ ล้วเสี ย เงิ น แ ล ะ เว ล ามาก แ ต่ได้ป ระ โย ช น์ น้ อ ยก็ไ ม่ส มค วร ใ ช้ เช่น พาไปศึกษาที่ซึ่งห่างไกลจากโรงเรียนมาก ครูและนักเรียนต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาก ทาให้นักเรียนเหนื่อยจึงไม่มีความสนใจเท่าที่ควร 4.ความเหมาะสมกับบทเรียนและวัยของผู้เรียน เช่น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ควรเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่สลับซับซ่อนนักหรือให้ดูโดยรวมไม่ต้องดูส่วนย่อยๆเช่น พาไปดูโรงงานทอผ้าควรให้ดูเกี่ยวกับ สถานที่ วัตถุดิบ และผลผลิต ไม่ควรดูกระบวนการผลิต นอกจากนี้ วิทยากรควรใช้ภาษาง่ายๆ ที่เด็กในวัยนี้เขาใจได้ดี 5.ความปลอดภัยและความถูกต้อง หมายถึง ความปลอดภัยทั้งในการเดินทาง ในขณะศึกษาหาความรู้ และในการนาไปใช้ด้วย ส่วนความถูกต้องนั้น หมายถึง ความรู้หรือประสบการณ์ที่ได้รับจะต้องถูกต้อง ตรงตามหลักวิชา 6.ความรู้และประโยชน์ที่หลากหลากหลาย เช่น พานักเรียนไปดูการทาและจาหน่ายเครื่องจักสาน นักเรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับวัสดุดิบที่ใช้ กระบวนการผลิต รูปแบบของชิ้นงาน การประดิษฐ์ลวดลายต่างๆ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร ใ ช้ ง า น ก า ร จั ด จ า ห น่ า ย ได้เห็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในการดัดแปลงวัสดุที่มีในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์ ได้เห็นวิธีการจัดร้าน
  • 9. วิธีการคิดราคาสินค้า เป็ นการศึกษาแบบบูรณาการทั้งในด้านการทางาน การประกอบอาชีพในชุมชน การประกอบธุรกิจ การรวมกลุ่ม ความคิดสร้างสรรค์ และศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น เป็นต้น 7. ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรและการใช้หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร ต้องมีการร่วมมือกันหลายฝ่ายเพื่อให้ผลงานออกมาตรงเป้าหมาย ได้แก่ 1.นักบริหารหลักสู ตร ได้แก่ อธิบ ดีกรมวิช าการ ผู้อาน วยการศูน ย์พัฒ น าหลักสู ตร ผู้อานวยการศูนย์พัฒนาหนังสือฯ 2. นักวิชาการ ได้แก่อาจารย์ในมหาลัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ 3. ครู อาจารย์ ศึกษานิเทศก์ 4. นักบริหาร ได้แก่ผู้บริหารในระดับต่างๆ 5. บุคคลภายนอก ได้แก่บุคคลอื่นๆ นอกจากที่กล่าวมาและเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตร 6. หน่วยสนับสนุนการใช้หลักสูตร ได้แก่ - หน่วยผลิตชุดการสอน และวัสดุอุปกรณ์ - หน่วยผลิตสื่อสารการเรียนการสอนอื่น ๆ - หน่วยนิเทศและประสานงาน - หน่วยทดสอบและประเมินผลการเรียนในโรงเรียน - หน่วยแนะแนวในโรงเรียน การใช้หลักสูตรสถานศึกษาเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เนื้อหาสาระของหลักสูตรท้องถิ่น แยกได้ 4ประเภท คือ 1. เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมวัฒนธรรมศาสนา เศรษฐกิจ ของท้องถิ่น 2. เนื้อหาที่เกี่ยวกับจุดเด่นของท้องถิ่นที่ผู้เรียนควรทราบ เพื่อให้เกิดความภูมิใจ 3. เนื้อหาที่เกี่ยวกับนโยบาย วิสัยทัศน์ของท้องถิ่น 4. เนื้อหาที่เกี่ยวกับนโยบาย ของประเทศที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่น วิธีนาเนื้อหาท้องถิ่นมาสู่หลักสูตรและการสอน 1.สารวจสภาพภูมิอากาศ ประวัติศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา เศรษฐกิจของท้องถิ่น โดยได้จากการอ่าน เอกส ารจากหน่วยงาน ป กครอ ง ห น่วยง าน ที่เกี่ ยวกับ การท่อง เที่ ยว
  • 10. หน่วยงานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เอกสารในห้องสมุดที่เกี่ยวกับท้องถิ่น แล้วนามาวิเคราะห์ สรุป เป็นเนื้อหาสาระของท้องถิ่น ตัวอย่าง:จังหวัดนครพนม 1. จุดเด่นของจังหวัดนครพนมที่จะมาใส่ในหลักสูตรท้องถิ่น สรุปได้ดังนี้ 1) ภาคภูมิศาสตร์ เป็นจังหวัดชายแดนที่ติดต่อกับประเทศลาว และใกล้กับประเทศเวียตนาม 2) ประวัติศาสตร์ จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้าโขง ต ร ง ข้ า ม กั บ เ มื อ ง ท่ า แ ข ก ริ ม ฝั่ ง แ ม่น้ า โ ข ง ใ น ดิ น แ ด น ที่ ร า บ สู ง อดีตเป็ นศูนย์กลางของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์อันรุ่งเรือง ได้ถูกเปลี่ยนเป็ น "มรุกขนคร" แ ล ะ ต่ อ ม า ไ ด้ โ ป ร ด เ ก ล้ า ฯ ใ ห้ เ ป ลี่ ย น ชื่ อ เ ป็ น " น ค ร พ น ม " แ ข ว ง ค า ม่ ว น ข อ ง ส า ธ า ร ณ รั ฐ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ป ร ะ ช า ช น ล า ว เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ 3 ) ศ า ส น า มี ศ า ส น า ส า คั ญ คื อ ศ า ส น า พุ ท ธ ค ริ ส ต์ ที่ทาให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีสันติ 4) สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม คือ พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่นๆ ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้ 5 ) คาขวัญ ได้แก่: พระธาตุพนมค่าล้า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูผู้ไท เรือไฟโสภางามตาฝั่งโขง 6) ต้นไม้ประจาจังหวัด: กันเกรา (Fagraea fragrans) 2. นาเนื้อหาดังกล่าวมาพิจารณาว่าจะเกี่ยวข้องกับสาระการเรียนรู้ใดตัวอย่างจังหวัดนครพนม สาระการเรียนรู้ เนื้อหาท้องถิ่น เช่น 1. ภาษาไทย ภาษา 7 ชนเผ่า 2. คณิตศาสตร์ ข้อมูลด้านภูมิศาสตร์ หาดเกาะ ดินฟ้าอากาศ ที่ ท า กิ น อ า ชี พ สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม 3. วิทยาศาสตร์ วิธีทาเกษตร การดูแลสภาพป่าต่างๆ 4. สังคมวิทยา ศาสนาวัฒนธรรม วัฒนธรรมของคน วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ อาหาร อาชีพ และเศรษฐกิจสังคม 5. สุขศึกษา พลศึกษา คุณค่าทางโภชนาการ
  • 11. สาระการเรียนรู้ เนื้อหาท้องถิ่น เช่น 6. ศิลปะ การทอผ้ามัดหมี่ ลายผ้าทอ 7. การงาน อาชีพ และเทคโนโลยี เน้นอาชีพของคนนครพนม การเกษตร 8. ภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ 3. นาเนื้อหามาผสมผสานกับเนื้อหาในหลักสูตรใหม่ อาจทาได้หลายลักษณะ เช่น ก) ใช้เป็นเนื้อหาสอน เช่น เมื่อสอนเรื่อง ตนเองและครอบครัวก็ใช้สภาพจริงเป็นเนื้อหา ข) ใช้เป็นแบบฝึกหัดให้นักเรียนไปทาเช่น การประกอบอาชีพของคนในท้องถิ่นมีกี่อาชีพ อะไรบ้าง มีผู้ทาร้อยละเท่าไร ค) ใช้เป็นโครงงาน ให้นักเรียนไปหาทางแก้ไข ง) ใช้ปัญหาเป็นฐาน ให้นักเรียนไปหาทางแก้ไข จ) ใช้เป็นประเด็น ให้นักเรียนไปค้นคว้า ตัวอย่างเช่น นครพนม แปลว่ามีลักษณะอย่างไร มากน้อยเพียงใด มีอะไรสูญหายไปบ้างหรือไม่ ถ้าสูญหายทาไมจึงสูญหายไป ฉ) ใช้เป็นสถานที่ไปทัศนศึกษา เช่น พระธาตุต่างๆ สรุป(Summary) การวางแผนพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น ในที่นี้เป็นการนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มาจัด ท าเป็ น ห ลัก สู ตรส ถาน ศึ ก ษ า ใ ช้ข้อมูล ห รื อ แ ห ล่ง เรี ยน รู้ใ น ท้อ ง ถิ่ น กล่าวคื อ การวิเคราะห์ เชื่อมโยงข้อมูลท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้ใน ท้องถิ่น และทรัพยากรบุคคลในท้องถิ่น มาบูรณาการการจัดกระบวน การทางการศึกษาการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ซึ่ ง โ ด ย ทั่ ว ไ ป แ ล้ ว ก า ร ว า ง แ ผ น พั ฒ น า ห ลั ก สู ต ร จ ะ เริ่ ม ต้ น จ าก ก า ร วิเ ค ร า ะ ห์ หลักสูตรเดิมที่ใช้กันอยู่ก่อนแล้วว่ามีผลต่อการใช้ปัจจุบันอย่างไรหากหลักสูตรเดิมไม่สนองต่อความต้องการขอ งสังคมและผู้เรียนในปัจจุบันอันจะส่งผลไปสู่อนาคตเพื่อการผลิตคนสู่อนาคตแล้วก็ให้นาผลที่ได้มาเป็นข้อมูลใ นการวางแผนสร้างหลักสูตรใหม่
  • 12. การจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสภาพและแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น เริ่มจากครูและนักเรียน ร่วมกัน สารวจและ จัดทาข้อง มูลเกี่ยวกับบุคลากร องค์กรทางสังคม แ ห ล่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ ท า ง ธ ร ร ม ช า ติ และ วัสดุที่ห าได้ง่ายใน ท้องถิ่น ที่สามารถน ามาใช้ประกอบการเรี ยน การสอน เนื้ อห าต่าง ๆ ไ ว้ อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ ร ะ เ บี ย บ เ พื่ อ ค ว า ม ส ะ ด ว ก ใ น ก า ร ใ ช้ ง า น ครู อาจจะ พ าผู้เรี ยน ไปศึ กษาและ ฝึ กการท าง าน ใน ส ถาน ที่จริ ง ที่บ้าน ห รื อ ห น่วยง าน ห รื อ ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ต่า ง ๆ ที่ มี ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ค รู อ าจ จ ะ เ ชิ ญ ผู้รู้ ผู้ เชี่ ย ว ช า ญ ห รือ ผู้ที่ ประ ส บ ความสาเร็ จใ น การประ ก อบ อาชี พ ต่าง ๆ มาเป็ น วิทยากรใน โรง เรี ยน ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ที่ ส่ ง เส ริ ม ใ ห้ ผู้ เรี ย น ไ ด้ เ รี ย น รู้ เ กี่ ย ว กับ ท้ อ ง ถิ่ น ข อ ง ต น จ ะ ท า ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ไ ม่ เ กิ ด ค ว า ม แ ป ล ก แ ย ก กั บ ท้ อ ง ถิ่ น สามารถนาเนินชีวิตและพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริงรอบๆ ตัว ก าร เปิ ด โ อ ก าส ใ ห้ บุ ค ล าก ร ใ น ท้ อ ง ถิ่ น เ ข้าม ามี ส่ ว น ร่ว ม ใ น ก า ร เรี ย น ก าร ส อ น เ ป็ น ก า ร ป ร ะ ส า น ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ที่ ดี ร ะ ห ว่า ง โ ร ง เ รี ย น แ ล ะ ชุ ม ช น เป็นการผนึกกาลังร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์พัฒนาการศึกษาและท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้าตามความต้องการและเห มาะสมสอดคล้องกับสภ าพ แวดล้อมต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สัง คม ศาสน า วัฒน ธรรม ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน ตรวจสอบทบทวน(Self-Test) 1. การนากระบวนการพัฒนาหลักสูตรมาใช้ ในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร จะมีสาระสาคัญในประเด็นใดบ้าง 2. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรสถานศึกษา และหลักสูตรท้องถิ่น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร กิจกรรม(Activity) 1. สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรท้องถิ่น 2. ศึกษาทาความเข้าใจเพิ่มเติมจาก สุเทพ อ่วมเจริญ การพัฒนาหลักสูตร : ทฤษฎีและการปฏิบัติ “ปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตร : ปฏิบัติการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิด SU Model”
  • 13. 3. แลกเปลี่ยนแนวคิดกับเพื่อนนักศึกษา หรือผู้รู้ เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติการวางแผนพัฒนาหลักสูตร/ โดยอาศัยแนวคิดแบบจาลอง SUModel หรือเลือกจากแบบจาลองที่นักพัฒนาหลักสูตรนาเสนอไว้