More Related Content
Similar to surinpittayakom
Similar to surinpittayakom (20)
surinpittayakom
- 2. วัตถุประสงค์การศึกษา 1. เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่นักเรียนในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช 2. เพื่อปลูกฝังและสร้างเสริมภูมิปัญญาไทยและสากลให้นักเรียนเกิดทักษะในการ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 3. เพื่อให้ผู้ศึกษาเกิดความเข้าใจในธรรมชาติแห่งชีวิตของปัจจัยด้านชีวภาพและ ปัจจัยด้านกายภาพที่มาเกี่ยวข้องกัน 4. เกิดองค์ความรู้เกี่ยวกับสรรพสิ่งรอบกายของผู้ศึกษา
- 3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษา 1 . ต้นมะค่าแต้ในบริเวณโรงเรียน จำนวน 300 ต้น และ เพาะ 30 ต้น 2. กล้องจุลทรรศน์ 3. แว่นขยาย 4. กรรไกรตัดกิ่ง 5. ไม้บรรทัด 6. สายเทปวัดระยะ 7. เชือก 8. วัสดุการเกษตร ได้แก่ จอบ เสียม ถุงดำ เศษใบไม้แห้ง ปุ๋ยอินทรีย์ 9. แผงอัดพรรณไม้ 10. สมุดบันทึก “การศึกษาพรรณไม้ในสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน” 11. สมุดบันทึกการทดลอง การสังเกต ของนักเรียน 12. แบบใบงานจากตัวอย่างของโครงการ อพ . สธ .
- 4. วิธีการดำเนินการศึกษา 1 . ศึกษาข้อมูลลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของ มะค่าแต้ ได้แก่ ราก ลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ผล เมล็ด 2. ศึกษาด้านการขยายพันธุ์ ได้แก่ การปักชำ การตอน การติดตา การต่อยอด การเพาะ เมล็ด 3. ศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ 4. ศึกษาสภาพดิน แสงสว่าง ค่า PH ที่มีผลต่อความเจริญเติบโต 5. ศึกษาความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ได้แก่ มดแดง มดดำ นกกระจิบ นก กระจาบ ปลวก ต้นส้มลม หญ้า ไก่พื้นเมือง มนุษย์ ในด้านการดำรงชีวิตที่สังเกตได้ 6. ศึกษาความสัมพันธ์กับปัจจัยทางกายภาพ ได้แก่ น้ำ ดิน ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก แกลบเผา ในด้านการเจริญเติบโตที่สังเกตได้ 7. นำข้อมูลที่สังเกต และบันทึกไว้ รวบรวมและจัดเป็นหมวดหมู่ 8. นำข้อมูลที่จัดเป็นหมวดหมู่ มาพิจารณาว่า ข้อมูลด้านใดที่มีการจดบันทึกคล้าย ๆ กัน ถือว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้แล้วนำข้อมูลนั้นมาสรุป 9. นำข้อมูลที่สรุปจากการศึกษามาตรวจความถูกต้อง และตรวจสอบกับเอกสารทางวิชาการที่ศึกษาไว้แล้ว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ 10. จัดทำเอกสารเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์
- 5. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ราก รากมะค่าแต้ ลักษณะ สี เปลือกนอกมีสีน้ำตาล ภายในสีขาว ความยาวเมื่อแรกงอก 1 เดือน ประมาณ 7-15 ซม . รากแขนงยาวประมาณ 1-2 มม . การแตกของรากจะแตกยาวขนานกับพื้นดิน กลิ่น คล้ายกลิ่นของเมล็ด หน้าที่ของราก ลำเลียงน้ำและอาหาร ความเป็นพิษ เมื่อสัมผัสดูไม่มีพิษ
- 7. ใบ 1. เป็นใบประกอบแบบขนนก สี ของใบอ่อนเป็นสีน้ำตาลและเขียวอ่อน ใบแกสีเขียวเข้ม การเรียงตัวของใบเป็นคู่ตรงข้าม 3-4 คู่ รูปร่างแผ่นใบเป็นรูป รี ปลายใบกลมหยักเว้าตื้นตรงกลางเล็กน้อย รูปร่างโคนใบมน รูปร่างขอบใบ เรียบ
- 8. ดอก ดอกเป็นช่อ ออกบริเวณซอกใบและปลายกิ่ง ยาวประมาณ 10-25 เซนติเมตร สี ของดอกมีสีน้ำตาลอ่อน กลีบเลี้ยงติดกัน 4 กลีบ กลีบดอกมีเพียงกลีบ เดียว มีสีแดงอมเหลือง จำนวนเกสร ตัวผู้ 10 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน เป็น ดอกสมบูรณ์เพศ ตำแหน่งของรังไข่ เหนือวงกลีบ ดอกไม่มีกลิ่น รูปร่างของดอก กลีบดอกแยกกัน รูปดอกกากบาท ระยะการออกดอก เดือนมีนาคม – พฤษภาคม
- 9. ผล ชนิดของผลเป็นผลเดี่ยว ผลแห้งแก่แล้วแตก สีของผล ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีน้ำตาลถึงน้ำตาลดำ รูปร่างของผล เป็นฝัก รูปไข่ ขนาด 4-12 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของผล มีจงอยแหลมยื่นออกตรงปลายยาว 5-7 เซนติเมตร ผลมี 2 ลักษณะคือผนังเปลือกของผลมีหนามแหลมแข็ง และผนังเปลือกเรียบ ระยะเวลาการติดผล เดือนกรกฎาคม – กันยายน
- 10. เมล็ด จำนวนเมล็ดต่อผล 1-3 เมล็ด รูปร่างของเมล็ด กลม สีน้ำตาลถึงดำ การงอกของเมล็ด ส่วนของรากแรกเกิดจะโผล่ออกมาแรกสุด ในการเพาะเมล็ดต้องแช่น้ำก่อนนำไปเพาะเนื่องจากเปลือกแข็ง