More Related Content
Similar to โครงงานเรื่องปลูกป่าเพื่อรักษาโลก
Similar to โครงงานเรื่องปลูกป่าเพื่อรักษาโลก (20)
โครงงานเรื่องปลูกป่าเพื่อรักษาโลก
- 3. สารบัญ
เรื่อง หน้า
คานา ก
กิตติกรรมประกาศ ข
บทที่ 1 บทนา
1.1ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 1
1.2การบูรณาการของเศรษฐกิจพอเพียง 2
1.3จุดประสงค์ของการทาโครงงาน 2
1.4สมมติฐานของการศึกษาโครงงาน 2
1.5ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3
บทที่ 3 วัสดุอุปกรณ์และวิธีการศึกษา
3.1 การดาเนินงาน 8
3.2 วัสดุอุปกรณ์ 8
บทที่ 4 ผลการศึกษา 9
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 12
บรรณนุกรม 13
ภาคผนวก 14
- 4. สารบัญรูปภาพ
ภาพที่ หน้า
ภาพที่ 2.1 ต้นพยูง 3
ภาพที่2.2. ต้นทุเรียน 4
ภาพที่ 4.1.พันธุ์ไม้ที่จะนาไปปลูก 9
ภาพที่4.2.เดินทางไปยังสถานที่เป้าหมาย 9
ภาพที่ 4.3 ขุดหลุม 10
ภาพที่ 4.4.กาลังปลูกต้นไม้ 10
ภาพที่4.5.กลบดิน 11
ภาพที่ 4.6. ปลูกต้นไม้เสร็จ 11
- 7. 1
บทที่ 1
บทนา
1.1ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องจากโลกในปัจจุบันนั้นเริ่มมีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นมากทุกปีและมีการใช้ต้นไม้มากขึ้นทุก
ปีเช่น การนามาทาไม้ที่อยู่อาศัย การโละพื้นที่ป่าไม้มาทาการเกษตรและทาเป็นสร้างเป็นสถานที่
ท่องเที่ยวเป็นจานวนมากและยังทาเป็นโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งในประเทศ
ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีความสา คัญยิ่งของประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดล้อมแต่ผลจากการพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีของประเทศไทยที่ผ่านมา
ทาให้มีความต้องการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรของประชาชนเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว จึงได้มีการบุกรุกท า
ลายป่าอย่างรุนแรงทาให้พื้นที่ป่าไม้ลดลงเป็นจานวนมาก ส่งผลเสียหายต่อประเทศเป็นอย่างมากใน
หลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องการขาดแคล นไม้ใช้สอยภายใน ประเทศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทา
ให้เกิดภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติต่างๆซึ่งเป็นปัญหาที่นานาประเทศตระหนักและมีการรณรงค์
อย่างกว้างขวาง
ดังนั้น จึงจาเป็นต้องฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรป่าไม้ให้กลับคืนมาดังเดิมดังนั้น
กลุ่มของเราจึงจัดโครงการปลูกป่ารักษาโลกขึ้นเพื่อรักษาผืนป่าให้ดารงไว้แก่ธรรมชาติต่อไป
- 8. 2
1.2การบูรณาการของเศรษฐกิจพอเพียง
1.2.1 ความพอประมาณ คือ คือ ในพื้นที่ของเราซึงมีจากัดในบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่แล้ว
เราก็อาจจะหาต้นไม้ที่อยู่ในที่ร่มมาปลูกเพิ่มได้
1.2.2 ความมีเหตุผล คือ เราสามารถช่วยให้มีทัพยากรธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นจากเราเอง
1.2.3 ความมีภูมิคุ้มกัน คือ เราได้ศึกษาสถานที่ที่เราไปปลูกและเตรียมอุปกรณ์และ
เครื่องมือในการปลูกและพร้อมที่จะรับมือเมื่อเกิดปัญหา
1.2.4 เงื่อนไขความรู้คือ สามารถนามาเป็นแบบอย่าง ให้ผู้อื่นนาไปปฏิบัติตาม ได้และ
สามารถขยายพันธุ์พืชให้มากขึ้นทาให้ระบบนิเวศมีความอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
1.2.5 เงื่อนไขคุณธรรม คือ เป็นการสร้างความสามัคคีกันในชุมชนและหมู่คณะซึ่งทาให้มี
การทางานได้เป็นทีมมากขึ้นและเป็นการปลูกจิตสานึกให้กับตนเองและผู้อื่นในการใช้ทัพ
ยากรธรรมชาติ
1.3จุดประสงค์ของการทาโครงงาน
1.3.1ปลูกต้นไม้จานวน 30ต้น
1.3.2.เพื่มทรัพยากรป่าไม้ในชุมชน
1.4สมมติฐานของการศึกษาโครงงาน
1.4.1 ต้นไม้มีมากขึ้นทุกปี
1.5ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.5.1ทาให้ทรัพยากรธรรมชาติมีเพิ่มมากขึ้น
1.5.2ทาให้เรารู้จักการรักษาธรรมชาติได้มากขึ้น
- 9. 3
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1ลักษณะทั่วไป
พะยูงเป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 25 เมตร มีช่วงลาต้น 10-15 เมตร มีเปลือกสีเทา
เรียบ ลอกเป็นแผ่นบาง ๆ เปลือกในสีน้าตาลแกมเหลือง โดยมากจะมีพุ่มใบกว้าง การแตกกิ่งก้านจะ
แตกเป็นแขนงแยกย่อยจากกิ่งใหญ่ โดยมากตาที่จะแตกเป็นกิ่งใหม่มักจะอยู่บนกิ่งแขนงย่อยบริเวณ
ส่วนนอกของพุ่มใบ
ภาพที่ 2.1 ต้นพยูง
ใบเป็นใบประกอบเป็นช่อแบบขนนก ช่อใบยาว 10-15 ซม. มีใบย่อย 7-9 ใบ เรียงตัวสลับกัน
ใบมีลักษณะเหนียวคล้ายแผ่นหนังบาง ๆ มีลักษณะรูปไข่ขนาดกว้าง 3-4 ซม. ยาว 4-7 ซม. ปลายใบ
แหลม ดอกพยุงมีขนาดเล็กสีขาวเกิดบนช่อดอกเชิงประกอบ ตามปลายกิ่งหรือตามง่ามใบใกล้ยอด
ออกดอกระหว่างเดือน พฤษภาคม-กรกฎาคม ผลพะยูงเป็นฝักเกลี้ยงรูปขนานแบนและบอบ
บางกว้าง 1.2 ซม. ยาว 4-6 ซม. ตรงบริเวณที่หุ้มเมล็ดมองเห็น เส้นแขนงไม้ชัดเจน ฝักพะยูงเมื่อแก่
จะไม่แตกออกเหมือนฝักแดง หรือ ฝักมะค่าโมง ฝักจะร่วงหล่นโดยที่เมล็ดยังอยู่ในฝัก มี เมล็ด
จานวน 1-4 เมล็ด
เมล็ดมีลักษณะแบนเป็นรูปไต สีน้าตาลเข้ม ผิวเมล็ดค่อนข้างมันมีขนาด กว้างประมาณ 4
มม. ยาว 7 มม. ระบบรากเป็นระบบรากแก้วและรากแขนงโดยรากแก้วจะเป็นรากแกนหลักที่มีราก
แขนงแตกย่อยออกไป เป็นไม้ที่มีระบบรากค่อนข้างลึก รากฝอยจะมีปมรา กแบบปนรากถั่วช่วยใน
การตรึง ก๊าซในโตเจ
- 10. 4
พะยูงเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 15-25 เมตร เปลือกสีเทาเรียบเรือนยอดทรง มักขึ้นอยู่ในป่า
ดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณชื้นทั่วไป โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือลมหรือรูปไข่ผลัดใบ
ในหน้าแล้งและภาคตะวันออก
ประโยชน์ของไม้พะยูง
ประโยชน์ของไม้พะยูงโดยมากจะอยู่ในรูปของการใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ที่มีสีสันและ
ลวดลายสวยงาม จนถือได้ว่าเป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งในตลาดโลก
เนื้อไม้พะยูงมีความละเอียด เหนียวแข็งทนทานและชักเงาได้ดี มีน้า มันในตัวจึงมักใ ช้ทา
เครื่อง เรือน เครื่องใช้ต่าง ๆ ใช้ในการแกะสลักและทาด้ามเครื่องมือต่าง ๆ ใช้ทาเกวียน เครื่องกลึง
แกะสลัก ทาเครื่องดนตรี เช่น ซอ ขลุ่ย ลูกระนาด
2.2ลักษณะทั่วไป
ภาพที่2.2. ต้นทุเรียน
ทุเรียนเป็นไม้ผลยืนต้น ลาต้นตรง สูง 25-50 เมตร ขึ้นกับชนิด แตกกิ่งเป็นมุมแหลม ปลาย
กิ่งตั้งกระจายกิ่งกลางลาต้นขึ้นไป เปลือกชั้นนอกของลาต้นสีเทาแก่ ผิวขรุขระหลุดลอกออกเป็น
สะเก็ด ไม่มียาง ไม่คัน ใบเป็นใบเดี่ยว เกิดกระจายทั่วกิ่ง เกิดเป็นคู่อยู่ตรงกันข้ามระนาบเดียวกัน
ก้านใบกลมยาว 2–4 ซม. แผ่นใบรูปไข่แกมขอบขนานปลายใบใบเรียวแหลม ยาว 10-18 ซม. ผิวใบ
เรียบลื่น มีไขนวล ใบด้านบนมีสีเขียว ท้องใบมีสีน้าตาลเส้นใบด้านล่างนูนเด่น ขอบใบเรียบ ดอก
เป็นดอกช่อ มี 3-30 ช่อบนกิ่งเดียวกัน เกิดตามลาต้น และกิ่งก้านยาว 1–2 ซม. ลักษณะดอกสมบูรณ์
เพศ มีกลีบ เลี้ยงและมีกลีบดอก 5 กลีบ(บางครั้งอาจมี 4 หรือ 6 กลีบ) มีสีขาวหอม ลักษณะดอก
คล้ายระฆัง มีช่วงเวลาออกดอก 1-2 ครั้งต่อปี ช่วงเวลาออกดอกขึ้นกับชนิด , สายพันธุ์ และสถานที่
- 11. 5
ปลูกเลี้ยง ทั่วไปทุเรียนจะให้ผลเมื่อมีอายุ 4-5 ปีผลจะออกตามกิ่งและจะสุกหลังจากผสมเกสรไป
แล้ว 3 เดือน ผลเป็นผลสดชนิดผลเดี่ยว อาจยาว มากกว่า 30 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางอาจยาวกว่า 15
ซม. มีน้าหนัก 1-3 กก. เป็นรูปรีถึงกลม เปลือกทุเรียนมีหนามแหลมเมื่อแก่ผลมีสีเขียว เมื่อสุกมีสี
น้าตาลอ่อน แตกตามแต่ละส่วนของผลเรียกเป็นพู เนื้อในมีตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงแดง ขึ้นกับชนิด
เนื้อในจะนิ่ม กึ่งอ่อนกึ่งแข็ ง มีรสหวาน เมล็ดมีเยื่อหุ้ม กลมรี เปลือกหุ้มสีน้าตาลผิวเรียบ เนื้อใน
เมล็ดสีขาว รสชาติฝาด
2.2.1การขยายพันธุ์
มากกว่าศตวรรษทุเรียนที่เพาะปลูกมากมายถูกขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศในเอเชีย
ตะวันออกเฉียง ใต้ โดยใช้ทุเรียนที่ให้ผลดีมีรสอร่อยมาขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด, ทาบกิ่ง , ติดตา
และตอนกิ่ง พันธุ์ที่ต่างกันมีความเด่นที่ต่างกัน อย่างความต่างของรูปทรงผล เช่น หนาม เป็นต้น
ชาวสวนนิยมนาพันธุ์ชะนีมาทาเป็นต้นตอเพราะมันทนทานต่อเชื้อรา Phytophthorapalmivoraใน
จานวนสายพันธุ์ทั้งหมด ในประเทศไทยมีเพียง 4 พันธุ์เท่านั้นที่ นิยมปลูกเชิงพาณิชย์ คือ ชะนี ,
กระดุมทอง ,หมอนทอง และก้านยาว
เมื่อเร็วๆนี้ ดร.ทรงพล สมศรี นักวิชาการเกษตร 8 จากสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ได้
ผสมพันธุ์ทุเรียนกว่า 90 พันธุ์จนได้พันธุ์ จันทบุรี 1 ซึ่งเป็นทุเรียนลูกผสมระหว่างพันธุ์ชะนีกับพันธุ์
หมอนทอง เป็นพันธุ์ที่ไม่มีกลิ่นรุนแรง ส่วนลูกผสมอื่นๆ
เช่น จันทบุรี 3 ซึ่งเป็นทุเรียนลูกผสมระหว่างพันธุ์ชะนีกับพันธุ์ก้านยาว มีกลิ่นแรง แต่จะมีกลิ่น 3
วันหลังเก็บผล ซึ่งสามารถทาการขนส่งได้ง่ายขึ้น
2.3 ความสาคัญและประโยชน์ของป่าไม้
2.3.1.เป็นส่วนที่สาคัญมากส่วนหนึ่งของวัฏจักร น้า ออกซิเจน คาร์บอนและไนโตรเจนใน
ระบบนิเวศ ทาให้เกิดความสมดุลแห่งระบบด้วยการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงแร่ธาตุและสสารใน
ระบบนิเวศ
2.3.2.ป่าช่วยในการอนุรักษ์ดินและน้า เมื่อฝนตกน้าฝนบางส่วนจะถูกต้นไม้ในป่าดูดซับไว้
แล้วค่อยๆ ปลดปล่อยให้ไหลลงสู่ผิวดิน อีกส่วนหนึ่งจะซึมลงสู่ดินชั้นล่าง สามารถลดการพังทลาย
ของดินได้ ลดการกัดเซาะหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ ป้องกันการเกิดน้าท่วมฉับพลันและสามารถลด
- 12. 6
ความรุนแรงของการเกิดภาวะน้าท่วม เนื่องจากต้นไม้ช่วยชะลอการไหลของน้าบนผิวหน้าดิน และ
การมีป่าไม้ปกคลุมดินจะช่วยป้องกันการกัดเซาะได้ดีกว่าปลูกพืชชนิดอื่น ๆ
2.3.3.ช่วยปรับสภาพบรรยากาศ เนื่องจากป่าไม้ช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินไว้ ร่มเงา
ของป่าช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ตกกระทบผิวดินโดยตรง บริเวณป่าไม้จะมีน้าที่
เกิดจากการระเหยจากใบและลาต้น ก ลายเป็นไอน้าในอากาศจานวนมาก อากาศเหนือป่าไม้จึงมี
ความชื้นมาก เมื่ออุณหภูมิอากาศลดลง ไอน้าจะกลั่นตัวเป็นหยดน้าเกิดเป็นเมฆจานวนมาก สุดท้าย
ก่อให้เกิดฝนตกลงมาในป่าที่มีต้นไม้หนาแน่นและส่งผลให้พื้นที่ใกล้เคียงได้รับน้าฝน และทาให้
สภาพอากาศที่ชุ่มชื้นแม้กระทั่งในฤดูร้อน ดังนั้นพื้นที่ที่มีป่าไม้มาก เช่น เขาใหญ่ ดอนอินทนนท์ ภู
กระดึง เขาหลวง จะเห็นว่ามีเมฆปกคลุมอยู่บนภูเขาและจะมีฝนตกมากกว่าบริเวณข้างล่าง
2.3.4.ป่าไม้เป็นแหล่งต้นน้าลาธาร ในบริเวณที่ป่าไม้มีความสมบูรณ์ต้นไม้มีรากลึกและ
ชอนไชอยู่ในดิน อินทรีย์วัตถุจากต้ นไม้และสัตว์ป่าจะช่วยปรับโครงสร้างของดินให้มีรูพรุนที่
สามารถเก็บกักน้าได้ดี น้าฝนที่ผ่านต้นไม้จะลงสู่ดินในแนวดิ่งแล้วค่อยๆ ไหลซึมกระจายไปตาม
รากที่แตกแขนงออกไปตามอนุภาคดิน รูพรุนที่อยู่ในดินเฉพาะรูพรุนขนาดเล็กในเม็ดดินนั้น
สามารถกักเก็บน้าได้มากกว่า น้าหนักข องเม็ดดินแห้งถึง 3-10 เท่า และน้าที่กักเก็บไว้นั้น จะค่อยๆ
ปลดปล่อยสู่ชั้นน้าใต้ดินเพื่อลงสู่แหล่งน้าลาธาร ป่าจึงเปรียบได้ กับฟองน้าขนาดใหญ่ที่ทาหน้าที่
เป็นเแหล่งกักเก็บน้าตามธรรมชาติ ถ้าป่าเกิดในที่สูง น้าที่กักเก็บไว้จะค่อยๆ ซึมลงมารวมกันตาม
หุบเขา เกิดธารน้าเล็กๆ มากมาย และกาเนิดแม่น้าลาธารที่สามารถมีน้าใช้ได้ ทุกฤดูกาล เป็นต้น
2.3.5.ป่าไม้เป็นแหล่งปัจจัยสี่ ป่าไม้เป็นแหล่งผลิต/ผู้ผลิต ปัจจัยพื้นฐานต่อการดารงชีพของ
มนุษย์ เมือง /ชุมชนเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่สาคัญและหาสิ่งอื่นมาทดแทนมิได้ ป่าไม้มี
ความผูกพันต่อความเป็นอยู่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การนาไม้มาใช้ใน การก่อสร้างบ้านเรือน
ที่อยู่อาศัย เป็นเครื่องตกแต่งบ้าน ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มอาหาร ซึ่งในเรื่องอาหารมนุษย์
ได้รับจากป่าโดยตรง เช่น ได้ส่วนของผล เมล็ด ใบ ดอก ลาต้นเป็นอาหาร และได้รับน้าผึ้ง หรือ
เนื้อสัตว์ป่าโดยทางอ้อม สมุนไพรหรือยาแผนโบราณที่ใช้รักษาโรค ส่วนใหญ่ได้มาจากผลิตภัณฑ์
ของป่าไม้ ได้มีการนาสมุนไพรจากป่ามาดัดแปลง สกัดเอาส่วนที่สาคัญ จากเปลือก ดอก ผล เมล็ด
ราก นามาใช้ในการผลิตยารักษาโรคที่ออกมาในรูปของยาเม็ด ยาน้า หรือแคปซูล เช่น เปลือกต้นซิง
โคน่า นามาสกัดทายาควินินเพื่อรักษาโรค มาลาเรีย
- 13. 7
2.3.6.เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ป่าไม้จัดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและหลบภัยที่สาคัญที่สุด
ของสัตว์ป่า ซึ่งสัตว์เหล่านี้มีความสาคัญต่อมนุษย์ เช่น เป็นอาหาร ยารักษาโรค ช่วยขจัดแมลงและ
ประดับป่าไม้ให้เกิดความงดงาม การทาลายพื้นที่ป่าจึงเสมือนทาลายสัตว์ป่าด้วย
2.3. 7.เป็นแนวป้องกันลมพายุ เมื่อลมพายุพัดมาปะทะพื้นที่ป่าไม้ซึ่งเป็นสิ่งกีดขวาง
ความเร็วและลมพายุจะลดลง ดังนั้นลมพายุที่พัดผ่านแนวป่าไม้จะมีความเร็วน้อยกว่าพัดผ่านที่โล่ง
แจ้ง ช่วยลดความเสียหายของสิ่งก่อส ร้าง ป่าไม้จึงเป็นกาแพงธรรมชาติที่ช่วยป้องกันความรุนแรง
ของลมพายุได้
2.3.8.ด้านการพักผ่อนหย่อนใจ ธรรมชาติของป่าไม้จะเต็มไปด้วยสีสัน ความเขียวชอุ่ม
ร่มเย็น ก่อให้เกิดความสบายตาเมื่อพบเห็น ความสดสวยงดงามของดอกไม้ ความชุ่มชื้น น้าในลา
ธารที่ใสสะอาด ความเงียบสงบจากเสียงรบกวนของชุมชน ความน่าชมและน่ารักของสัตว์ป่า ทาให้
เขตป่าไม้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่สาคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ ในช่วงวันหยุดต่างๆ จะพบเห็น
ประชาชนทั้งในท้องถิ่นและในเมืองจานวนมากเดินทางไปเที่ยวหรือพักผ่อนหย่อนใจในเขตอุทยาน
แห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสต ร์ สวนป่า และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นต้น ป่าไม้จึงเป็น
แหล่งท่องเที่ยวที่สาคัญอย่างหนึ่งไปด้วย
2.3.9.ช่วยลดมลพิษทางอากาศ เนื่องจากป่าไม้เป็นตัวช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อ
นาไปใช้ในการสังเคราะห์อาหาร แล้วปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนมาให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลก
สมดุลระหว่างคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจนในอากาศจึงเกิดขึ้น และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
ว่า พืชในตระกูลสูงสามารถดูดกลืนก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ แล้วเปลี่ยนแปลงให้เป็นก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ปล่อยออกสู่บรรยากาศแล้วจึงดึงกลับมาใช้ในการสังเคราะห์อาหารในเวลา
กลางวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต้นไม้มีประโยชน์มากในการช่วยกาจัดคาร์บอนมอนอกไซด์และ
คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ในเมืองใหญ่ๆ ซึ่งมีแต่ป่าคอนกรีตและไม่ค่อยมีต้นไม้ อากาศ
ในเมืองจึงมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูง การปลูกต้นไม้มากๆ จะช่วยลดปริมาณก๊าซทั้งสอง
ชนิดนี้ลงได้เนื่องจา กป่าไม้สามารถเอื้ออานวยประโยชน์ต่อประชาชนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ดังที่กล่าวมาแล้ว การทาลายป่าถือว่าเป็นการทาลายผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน ป่าไม้เมื่อ
ถูกทาลายลงแล้วยากที่จะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของเราเองและต่อ
ประเทศชาติโดยส่วนรวม โปรดช่วยดูแลรักษาป่าเพื่อให้ป่านั้นๆ มีอยู่และเอื้ออานวยประโยชน์
ตลอดไป
- 14. 8
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และวิธีการศึกษา
3.1 การดาเนินงาน
ตารางกิจกรรม ระยะเวลาการดาเนินการ
การดาเนินงาน พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค.-ก.ย.
1.แบ่งกลุ่มและตั้งซื่อเรื่อง
2.ปรึกษาหารือ
3.ศึกษาข้อมูล
4.เขียนโครงงาน
5.จัดทาสื่อและนาเสนอ
ตารางที่ 3.1ตารางการดาเนินงาน
3.2วัสดุอุปกรณ์
3.2.1.ต้นไม้ที่ต้องการปลูก
3.2.2.จอบ
3.2.3.ซ้อมพรวนดิน
- 15. 9
บทที่ 4
ผลการศึกษา
4.1เลือกสถานที่ในการทากิจกรรมที่ ต. บ่อพลอยหมู่บ้าน ท่าว้า
4.2 ได้รับต้นไม้ที่เพราะชาเองและอุปกรณ์ปลูกต้นไม้ จากผู้ปกครองของ นางสาวกัญญา
รัตน์ พานแก้ว
ภาพที่ 4.1พันธุ์ไม้ที่จะนาไปปลูก
4.3 ติดต่อผู้ปกครองให้พาไปยังสถานที่ หมู่บ้านท่าว้า
ภาพที่4.2เดินทางไปยังสถานที่เป้าหมาย
- 18. 12
บทที่5
สรุปอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
5.1 สรุป อภิปรายผล
โครงงาน ปลูกป่าเพื่อรักษาโลก ไม่ได้สาเร็จรุล่วง ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ปลูกต้นไม้
จานวน 20 ต้น ได้ร่วมกันปลูกในพื้นที่ อ.บ่อพลอย ที่หมู่บ้านท่าว้า เนื่องจากต้นไม้ที่เพาะชาอาจจะ
มีบางต้นที่ตายบ้างแต่ก็ยังได้ ความสามัคคีของหมู่คณะและแสดงถึงจิตสานึกในการรักษา
ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ทาให้เราได้ใช่เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมช่วยรณรงค์ภาวะ
โลกร้อนมากขึ้นเพท่อให้ผู้ให้ผู้ที่สนใจในโครงงานนี้ได้ใช้ประโยชน์แ ละเพื่อเป็นแนวทางใน
การศึกษาต่อไป
5.2ข้อเสนอแนะ
ควรชักชวนเพื่อนๆหรือคนรู้จักให้ร่วมกิจกรรมให้มากกว่านี้