SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
Download to read offline
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 2
http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น
หลักในการแก้อสมการพหุนาม
1. ทาให้ข้างใดข้างหนึ่งเป็น 0
2. ทาให้สัมประสิทธิ์ของตัวแปรที่มีกาลังมากสุดเป็น 
3. แยกตัวประกอบ
4. เขียนเส้นจานวน
** ระวัง ค่า x ที่ทาให้ส่วนเป็น 0 ต้องเป็นช่วงเปิด
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556
ตอนที่ 1 แบบระบายตัวเลขที่เป็นคาตอบ จานวน 10 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน
1. ตอบ 4
จากอสมการ ( 1)( 3)
0
(2 1)
x x
x x
 


สามารถเขียนเส้นจานวนได้ดังรูป
ดังนั้นจานวนเต็มที่สอดคล้องกับอสมการดังกล่าวมี 4 จานวนคือ -1 , 1 , 2 , 3 นั่นเอง
2. ตอบ 25
จากที่เรารู้ว่า 2i เป็นคาตอบของสมการ ( ) 0P x 
 2i จะเป็นคาตอบของสมการ ( ) 0P x  ด้วย
เนื่องจาก ( )P x เป็นพหุนามกาลัง 3 ดังนั้นจะต้อง
มีคาตอบของสมการ ( ) 0P x  อีกคาตอบหนึ่งด้วย
สมมติให้ตัวประกอบอีกตัวหนึ่งคือ mx n
นั่นคือ ( ) ( 2 )( 2 )( )P x x i x i mx n   
ดังนั้น 3 2 2 2 2
( ) 2 12 ( 4 )( ) ( 4)( )P x x ax bx x i mx n x mx n         
 เมื่อเทียบสัมประสิทธิ์ของ 3
x เลยทาให้เราได้ว่า 2m 
 เมื่อเทียบสัมประสิทธิ์ของพจน์ค่าคงที่พจน์สุดท้าย เลยทาให้เราได้ว่า 3n 
สรุป : 2
( ) ( 2 )( 2 )(2 3) ( 4)(2 3)P x x i x i x x x      
ดังนั้น (1) (1 4)(2 3) 25P    
ทฤษฎีที่เกี่ยวกับรากของสมการพหุนาม
กาหนดให้ เป็นพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์
เป็นจานวนเต็ม หากเรารู้ว่าจานวนเชิงซ้อน เป็น
คาตอบของสมการ แล้ว เราจะได้ว่า
จะเป็นคาตอบของสมการ ด้วย ^^
-1 0 3-
 
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 3
http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างการ dot และการ cross
สาหรับเวกเตอร์ ใดๆ เราจะได้ว่า
(นั่นคือ เวกเตอร์สามารถเลื่อนไปทางขวาได้ 1 ตาแหน่ง
ทั้ง 3 เวกเตอร์ในทางเดียวกันในทานองว่าเป็น loop
โดยที่เครื่องหมาย  และเครื่องหมาย  ยังต้องอยู่ที่เดิม)
3. ตอบ 0.75
จาก 2 3b a จะได้ว่า 3
2
b a
จากกฎของไซน์ sin sinA B
a b
 จะได้ว่า
3
2
sin sin 2A A
a a
 นั่นคือ 3
2
sin 2
sin
A
A 
แต่จาก sin2 2sin cosA A A
ดังนั้น 3
sin 2sin cos
2
A A A
นั่นคือ 3
cos 0.75
4
A   นั่นเอง
4. ตอบ 8
จาก    v u w w v u    
จะได้ว่า    v u w v w u     
   2 4 2 3i j k i j k      
( 1)(2) ( 2)(1) ( 4)( 3)      
8
หมายเหตุ
1. สาหรับเวกเตอร์ u และ v ใดๆ เราจะได้ว่า u v v u   
2. ถ้า u ai b j ck   และ v di e j f k   จะได้ว่า u v ad be cf   
ความรู้เพิ่มเติม 1 : ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการดาเนินการตามแถว
การดาเนินการตามแถว (Row Operation) คือกระบวนการที่เราจะปรับรูปแบบของเมทริกซ์เพื่อให้ได้
เมทริกซ์ใหม่ที่สะดวกต่อการคานวณมากขึ้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะคือ
1. คูณแถวที่ i ด้วยค่าคงที่ k (เมื่อ 0k  ) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ikR
2. สลับแถวที่ i กับแถวที่ j เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ijR
3. คูณแถวที่ i ด้วยค่าคงที่ k (เมื่อ 0k  ) แล้วนาไปบวกกับแถวที่ j (แถวที่ j จะเปลี่ยนแปลง)
เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ i jkR R
โดยเราจะใช้เครื่องหมาย ~ แทนการดาเนินการตามแถวในแต่ละขั้นตอน และเขียนกากับไว้ทุกขั้นตอน
กฎของไซน์สาหรับสามเหลี่ยมทั่วไป
สามเหลี่ยม ABC ที่มี
ความยาวด้านตรงข้าม
มุม A , B, C คือ a , b ,c
ตามลาดับ เราจะได้ว่า
กฎของไซน์ คือ
หมายเหตุ : นะครับ :))
A
B Ca
bc
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 4
http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น
เช่น กาหนดให้
1 4 2
2 1 0
0 3 4
A
 
   
  
 ถ้าเมทริกซ์ ~A B โดยการดาเนินการ 32R จะได้ว่า
3
1 4 2
2 1 0
0 6 8 2
B
R
 
   
    
 ถ้าเมทริกซ์ ~B C โดยการดาเนินการ 1 22R R จะได้ว่า 1 2
1 4 2
4 7 4 2
0 6 8
C R R
 
    
   
 ถ้าเมทริกซ์ ~C D โดยการดาเนินการ 23R จะได้ว่า
23
1 4 2
0 6 8
4 7 4
D
R
 
    
  
ความรู้เพิ่มเติม 2 : การแก้ระบบสมการกับการดาเนินการตามแถว
จากระบบสมการ
11 12 13
21 22 23
31 32 33
a x a y a z
a x a y a z
a x a y a z
  
  
  
1
2
3
b
b
b
เราสามารถเขียนเป็นเมทริกซ์แต่งเติม (Augmented Matrix) ได้เป็น
11 12 13 1
21 22 23 2
31 32 33 3
a a a
a a a
a a a
 
 
 
 
b
b
b
ซึ่งไม่ว่าเราจะใช้การดาเนินการตามแถวทั้ง 3 แบบที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น กับเมทริกซ์แต่งเติมนี้
อย่างไรก็ตาม เราจะได้ว่า คาตอบของระบบสมการจะไม่เปลี่ยนแปลง
5. ตอบ 17
จากระบบอสมการที่โจทย์กาหนดให้
2 3
3
2 5 5
x y z a
x y b
x y z c
  
 
  
เขียนเป็นเมทริกซ์ได้เป็น
1 2 3
1 3 0
2 5 5
a
b
c
 
  
  
แต่โจทย์กาหนดให้
1 2 3 1 2 3 9
1 3 0 ~ 0 1 3 5
2 5 5 0 0 1 2
a
b
c
    
      
      
แสดงว่าระบบสมการจะไม่เปลี่ยนไป
ซึ่งจาก
1 2 3 9
0 1 3 5
0 0 1 2
 
 
 
  
จะทาให้เราได้ว่า 2z  , 3 5y z  และ 2 3 9x y z  
นั่นคือ 1x  , 1y   และ 2z 
ซึ่งจากโจทย์จะได้ว่า 2 5 5 2(1) 5( 1) 5(2) 17c x y z       
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 5
http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น
6. ตอบ 12
  7 5log 625 log 343
log625 log343
log7 log5
 
4 3
log5 log7
log7 log5
 
4log5 3log7
12
log7 log5
  
7. ตอบ 0.20
จากตารางที่กาหนดให้ ต้องหาความถี่
จากความถี่สะสมก่อน ดังตาราง
ดังนั้นนักเรียนทั้งหมดมี 200 คน
และมีนักเรียนที่สอบได้คะแนนในช่วง
50-59 คะแนนทั้งหมด 40 คน
ดังนั้น เมื่อสุ่มนักเรียนมา 1 คน
ความน่าจะเป็นที่จะได้นักเรียนที่ได้
คะแนนสอบในช่วง 50-59 คะแนน เท่ากับ 40
0.20
200

8. ตอบ 720
โจทย์กาหนดให้เลข 3 ทั้งสองตัวต้องอยู่ติดกัน
เราจึงต้องมัดเลข 3 ทั้ง 2 ตัวไว้ด้วยกัน ดังนี้
1 , 2 , 3,3 , 4 , 5 , 6
ดังนั้นการสร้างจานวนที่มี 7 หลัก จากเลขโดด
7 ตัว ดังกล่าว ก็คือการสลับของที่แตกต่างกัน
ทั้งหมด 6 ชิ้นนั้นเอง ซึ่งสามารถทาได้
6! 720 วิธี นั่นเอง
คะแนนสอบ ความถี่สะสม (คน) ความถี่
10 - 19
20 - 29
30 - 39
40 - 49
50 - 59
60 - 69
70 ขึ้นไป
10
35
80
145
185
195
200
10
25
45
65
40
10
5
สมบัติของ log สาหรับข้อนี้
กาหนดให้
และ เป็นจานวนจริงใดๆ
1. เมื่อ คือฐาน log ใหม่ที่ต้องการ
2.
หลักการพื้นฐานของการเรียงของติดกัน
หากเราต้องการให้สิ่งของใดอยู่ติดกัน ให้มัดรวมของเหล่านั้น
อยู่ด้วยกัน แล้วนับว่าเป็นของเพียง 1 ชิ้น และอย่าลืมคิด
ด้วยว่า ของที่เรามัดอยู่ติดกันนั้นสามารถสลับตาแหน่งกัน
ได้ด้วย ยกเว้น!!! ของที่เรามัดติดกันนั้นมันเหมือนกัน
เพราะของเหมือนกันสลับที่กันไม่ทาให้เกิดวิธีใหม่นะครับ^^
เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 6
http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น
9. ตอบ 3
3 2
2
lim lim
2 3
n
n n
n n
a
n n 
 
  
  
3 2 2
2
( 3) ( 2)
lim
( 2)( 3)n
n n n n
n n
   
  
  
4 3 4 2
3 2
3 2
lim
3 2 6n
n n n n
n n n
   
  
   
3 2
3 2
3 2
lim
3 2 6n
n n
n n n
 
  
   
2 3
2
3
lim
3 2 6
1
n
n
n n n

 
 
  
   
 
3
10. ตอบ 12
จาก 3 2
( ) 3 9 1f x x x x   
จะได้ว่า 2
( ) 3 6 9f x x x   
ให้ ( ) 0f x  เพื่อหาค่าวิกฤต
จะได้ว่า 2
3( 2 3) 0x x  
นั่นคือ ( 3)( 1) 0x x  
 3x   หรือ 1x 
แต่ต้องระวัง  เพราะข้อนี้โจทย์
กาหนดให้เราพิจารณาในช่วง  1,2
ดังนั้นค่าวิกฤตจึงคิดเฉพาะ 1x 
เพราะว่า (1) 4f   , ( 1) 12f   และ (2) 3f 
ดังนั้น ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ของฟังก์ชัน 3 2
( ) 3 9 1f x x x x    บนช่วง  1,2 มีค่าเท่ากับ 12
หลักการพื้นฐานของการหาลิมิตของลาดับ
ให้ดูดีกรีที่มากที่สุดของเศษและส่วน
1. ถ้า เศษ < ส่วน : ลิมิตจะตอบ 0
เช่น
2. ถ้า เศษ > ส่วน : ลิมิตจะตอบไม่มีค่า(เป็นจานวนจริง)
เช่น ไม่มีค่า
3. ถ้า เศษ = ส่วน : ลิมิตจะตอบค่าส.ป.ส. เศษ  ส่วน
เช่น
หมายเหตุ : ถ้าเป็น ไม่มีค่า  ไม่มีค่า จะยังสรุปไม่ได้
ต้องจัดรูปใหม่ก่อนเสมอ แล้วจึงหาค่าของลิมิตใหม่อีกครั้ง
หลักการพื้นฐานของการหาสุดขีดสัมบูรณ์
ในการหาค่าสุดขีดสัมบูรณ์ของ บนช่วง
ขั้นที่ 1 : หาค่าวิกฤตทั้งหมดของฟังก์ชัน โดยหา
ได้จาก แต่จะพิจารณาเฉพาะ
ค่าวิกฤตที่อยู่ในช่วง เท่านั้นนะครับ
ขั้นที่ 2 : หาค่าของฟังก์ชันที่ตาแหน่งค่าวิกฤต
ขั้นที่ 3 : หาค่าของฟังก์ชันที่ตาแหน่ง และ
ขั้นที่ 4 : เปรียบเทียบค่าที่ได้จากขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3
ค่าที่มากที่สุด = ค่าสูงสุดสัมบูรณ์
ค่าที่น้อยที่สุด = ค่าต่าสุดสัมบูรณ์

More Related Content

What's hot (9)

บทที่ 1 การแยกตัวประกอบและการแก้สมการพหุนามดีกรีสอง
บทที่ 1 การแยกตัวประกอบและการแก้สมการพหุนามดีกรีสองบทที่ 1 การแยกตัวประกอบและการแก้สมการพหุนามดีกรีสอง
บทที่ 1 การแยกตัวประกอบและการแก้สมการพหุนามดีกรีสอง
 
1830
18301830
1830
 
Add m3-1-chapter2
Add m3-1-chapter2Add m3-1-chapter2
Add m3-1-chapter2
 
แบบฝึกหัด ความสัมพันธ์ของเส้นตรง
แบบฝึกหัด ความสัมพันธ์ของเส้นตรงแบบฝึกหัด ความสัมพันธ์ของเส้นตรง
แบบฝึกหัด ความสัมพันธ์ของเส้นตรง
 
รากที่สอง
รากที่สองรากที่สอง
รากที่สอง
 
คณิตศาสตร์ม.34
คณิตศาสตร์ม.34คณิตศาสตร์ม.34
คณิตศาสตร์ม.34
 
Polynomial m2 2561
Polynomial m2 2561Polynomial m2 2561
Polynomial m2 2561
 
คู่มือการใช้นวัตกรรม แผน1
คู่มือการใช้นวัตกรรม แผน1คู่มือการใช้นวัตกรรม แผน1
คู่มือการใช้นวัตกรรม แผน1
 
Factoring of polynomials2
Factoring of polynomials2Factoring of polynomials2
Factoring of polynomials2
 

Viewers also liked

Human Connection: The Ultimate Digital Currency
Human Connection: The Ultimate Digital CurrencyHuman Connection: The Ultimate Digital Currency
Human Connection: The Ultimate Digital CurrencyIvan Cash
 
список публикаций
список публикацийсписок публикаций
список публикацийSergeyTeleguin
 
Theatrvmchemicvmashmol
TheatrvmchemicvmashmolTheatrvmchemicvmashmol
TheatrvmchemicvmashmolSergeyTeleguin
 
188589626 anonimo-sylva-philosophorum
188589626 anonimo-sylva-philosophorum188589626 anonimo-sylva-philosophorum
188589626 anonimo-sylva-philosophorumSergeyTeleguin
 
Quan tri cong_nghe
Quan tri cong_ngheQuan tri cong_nghe
Quan tri cong_nghePham Tigon
 
Baromètre des Professionnels 2016 - Odoxa pour Aviva
Baromètre des Professionnels 2016  - Odoxa pour AvivaBaromètre des Professionnels 2016  - Odoxa pour Aviva
Baromètre des Professionnels 2016 - Odoxa pour AvivaAbeille Assurances
 
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)Thanutchaporn Maneejansuk
 
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa Abeille Assurances
 

Viewers also liked (19)

garden in alchemy
garden in alchemygarden in alchemy
garden in alchemy
 
Human Connection: The Ultimate Digital Currency
Human Connection: The Ultimate Digital CurrencyHuman Connection: The Ultimate Digital Currency
Human Connection: The Ultimate Digital Currency
 
список публикаций
список публикацийсписок публикаций
список публикаций
 
Theatrvmchemicvmashmol
TheatrvmchemicvmashmolTheatrvmchemicvmashmol
Theatrvmchemicvmashmol
 
188589626 anonimo-sylva-philosophorum
188589626 anonimo-sylva-philosophorum188589626 anonimo-sylva-philosophorum
188589626 anonimo-sylva-philosophorum
 
M
MM
M
 
0e7fabf9f121894f4e012c9c24641eb7
0e7fabf9f121894f4e012c9c24641eb70e7fabf9f121894f4e012c9c24641eb7
0e7fabf9f121894f4e012c9c24641eb7
 
Refactoring
RefactoringRefactoring
Refactoring
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Cele
CeleCele
Cele
 
Flex
FlexFlex
Flex
 
Quan tri cong_nghe
Quan tri cong_ngheQuan tri cong_nghe
Quan tri cong_nghe
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Baromètre des Professionnels 2016 - Odoxa pour Aviva
Baromètre des Professionnels 2016  - Odoxa pour AvivaBaromètre des Professionnels 2016  - Odoxa pour Aviva
Baromètre des Professionnels 2016 - Odoxa pour Aviva
 
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)
ข้อสอบและเฉลย 7 วิชาสามัญ วิชาฟิสิกส์ ปีการศึกษา 2556 (1)
 
170273010 ใบงานที่-9-16
170273010 ใบงานที่-9-16170273010 ใบงานที่-9-16
170273010 ใบงานที่-9-16
 
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa
Baromètre de l'économie sur le moral des Français - Odoxa
 
Ayat aktif & ayat pasif
Ayat aktif & ayat pasifAyat aktif & ayat pasif
Ayat aktif & ayat pasif
 
Kurikulum KBSR dan KSSR
Kurikulum KBSR dan KSSRKurikulum KBSR dan KSSR
Kurikulum KBSR dan KSSR
 

Similar to Mm

ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหาร
ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหารชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหาร
ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหารพิทักษ์ ทวี
 
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์PumPui Oranuch
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์sawed kodnara
 
ลำดับเลขคณิต
ลำดับเลขคณิตลำดับเลขคณิต
ลำดับเลขคณิตaoynattaya
 
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้ม
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้มติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้ม
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้มmenton00
 
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วนชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วนพิทักษ์ ทวี
 
3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิตToongneung SP
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2Manas Panjai
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2jutarattubtim
 
ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6fahsudarrat
 
คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์kchwjrak
 
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือก
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือกกลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือก
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือกNaphamas
 
7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิต7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิตMashmallow Korn
 

Similar to Mm (20)

4339
43394339
4339
 
ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหาร
ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหารชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหาร
ชุดที่ 3 การเขียนอัตราส่วนให้เท่ากันโดยใช้หลักการหาร
 
เลขฐาน
เลขฐานเลขฐาน
เลขฐาน
 
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์
บทที่ 1.ทบทวนคณิตศาสตร์
 
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริงและจำนวนจริงในรูปกรณฑ์
 
Pre 7-วิชา 3
Pre  7-วิชา 3Pre  7-วิชา 3
Pre 7-วิชา 3
 
Oe 3
 Oe 3 Oe 3
Oe 3
 
ลำดับเลขคณิต
ลำดับเลขคณิตลำดับเลขคณิต
ลำดับเลขคณิต
 
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้ม
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้มติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้ม
ติวสบายคณิต (เพิ่มเติม) บทที่ 15 ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันของข้อมูล สรุปเข้ม
 
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วนชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน
ชุดที่ 6 การแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับอัตราส่วน
 
3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต3 อนุกรมเลขคณิต
3 อนุกรมเลขคณิต
 
คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์
 
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
ข้อสอบ O net คณิต ม.6 ชุด 2
 
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2เตรียมสอบ O net 57  คณิตชุด2
เตรียมสอบ O net 57 คณิตชุด2
 
Pre o-net math6
Pre o-net math6Pre o-net math6
Pre o-net math6
 
ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6
 
คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์
 
A samakran
A samakranA samakran
A samakran
 
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือก
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือกกลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือก
กลุ่ม3การเขียนคำสั่งควบคุมแบบมีทางเลือก
 
7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิต7 สามัญ คณิต
7 สามัญ คณิต
 

Mm

  • 1. เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 2 http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น หลักในการแก้อสมการพหุนาม 1. ทาให้ข้างใดข้างหนึ่งเป็น 0 2. ทาให้สัมประสิทธิ์ของตัวแปรที่มีกาลังมากสุดเป็น  3. แยกตัวประกอบ 4. เขียนเส้นจานวน ** ระวัง ค่า x ที่ทาให้ส่วนเป็น 0 ต้องเป็นช่วงเปิด เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 ตอนที่ 1 แบบระบายตัวเลขที่เป็นคาตอบ จานวน 10 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน 1. ตอบ 4 จากอสมการ ( 1)( 3) 0 (2 1) x x x x     สามารถเขียนเส้นจานวนได้ดังรูป ดังนั้นจานวนเต็มที่สอดคล้องกับอสมการดังกล่าวมี 4 จานวนคือ -1 , 1 , 2 , 3 นั่นเอง 2. ตอบ 25 จากที่เรารู้ว่า 2i เป็นคาตอบของสมการ ( ) 0P x   2i จะเป็นคาตอบของสมการ ( ) 0P x  ด้วย เนื่องจาก ( )P x เป็นพหุนามกาลัง 3 ดังนั้นจะต้อง มีคาตอบของสมการ ( ) 0P x  อีกคาตอบหนึ่งด้วย สมมติให้ตัวประกอบอีกตัวหนึ่งคือ mx n นั่นคือ ( ) ( 2 )( 2 )( )P x x i x i mx n    ดังนั้น 3 2 2 2 2 ( ) 2 12 ( 4 )( ) ( 4)( )P x x ax bx x i mx n x mx n           เมื่อเทียบสัมประสิทธิ์ของ 3 x เลยทาให้เราได้ว่า 2m   เมื่อเทียบสัมประสิทธิ์ของพจน์ค่าคงที่พจน์สุดท้าย เลยทาให้เราได้ว่า 3n  สรุป : 2 ( ) ( 2 )( 2 )(2 3) ( 4)(2 3)P x x i x i x x x       ดังนั้น (1) (1 4)(2 3) 25P     ทฤษฎีที่เกี่ยวกับรากของสมการพหุนาม กาหนดให้ เป็นพหุนามที่มีสัมประสิทธิ์ เป็นจานวนเต็ม หากเรารู้ว่าจานวนเชิงซ้อน เป็น คาตอบของสมการ แล้ว เราจะได้ว่า จะเป็นคาตอบของสมการ ด้วย ^^ -1 0 3-  
  • 2. เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 3 http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างการ dot และการ cross สาหรับเวกเตอร์ ใดๆ เราจะได้ว่า (นั่นคือ เวกเตอร์สามารถเลื่อนไปทางขวาได้ 1 ตาแหน่ง ทั้ง 3 เวกเตอร์ในทางเดียวกันในทานองว่าเป็น loop โดยที่เครื่องหมาย  และเครื่องหมาย  ยังต้องอยู่ที่เดิม) 3. ตอบ 0.75 จาก 2 3b a จะได้ว่า 3 2 b a จากกฎของไซน์ sin sinA B a b  จะได้ว่า 3 2 sin sin 2A A a a  นั่นคือ 3 2 sin 2 sin A A  แต่จาก sin2 2sin cosA A A ดังนั้น 3 sin 2sin cos 2 A A A นั่นคือ 3 cos 0.75 4 A   นั่นเอง 4. ตอบ 8 จาก    v u w w v u     จะได้ว่า    v u w v w u         2 4 2 3i j k i j k       ( 1)(2) ( 2)(1) ( 4)( 3)       8 หมายเหตุ 1. สาหรับเวกเตอร์ u และ v ใดๆ เราจะได้ว่า u v v u    2. ถ้า u ai b j ck   และ v di e j f k   จะได้ว่า u v ad be cf    ความรู้เพิ่มเติม 1 : ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการดาเนินการตามแถว การดาเนินการตามแถว (Row Operation) คือกระบวนการที่เราจะปรับรูปแบบของเมทริกซ์เพื่อให้ได้ เมทริกซ์ใหม่ที่สะดวกต่อการคานวณมากขึ้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ลักษณะคือ 1. คูณแถวที่ i ด้วยค่าคงที่ k (เมื่อ 0k  ) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ikR 2. สลับแถวที่ i กับแถวที่ j เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ijR 3. คูณแถวที่ i ด้วยค่าคงที่ k (เมื่อ 0k  ) แล้วนาไปบวกกับแถวที่ j (แถวที่ j จะเปลี่ยนแปลง) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ i jkR R โดยเราจะใช้เครื่องหมาย ~ แทนการดาเนินการตามแถวในแต่ละขั้นตอน และเขียนกากับไว้ทุกขั้นตอน กฎของไซน์สาหรับสามเหลี่ยมทั่วไป สามเหลี่ยม ABC ที่มี ความยาวด้านตรงข้าม มุม A , B, C คือ a , b ,c ตามลาดับ เราจะได้ว่า กฎของไซน์ คือ หมายเหตุ : นะครับ :)) A B Ca bc
  • 3. เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 4 http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น เช่น กาหนดให้ 1 4 2 2 1 0 0 3 4 A           ถ้าเมทริกซ์ ~A B โดยการดาเนินการ 32R จะได้ว่า 3 1 4 2 2 1 0 0 6 8 2 B R             ถ้าเมทริกซ์ ~B C โดยการดาเนินการ 1 22R R จะได้ว่า 1 2 1 4 2 4 7 4 2 0 6 8 C R R             ถ้าเมทริกซ์ ~C D โดยการดาเนินการ 23R จะได้ว่า 23 1 4 2 0 6 8 4 7 4 D R           ความรู้เพิ่มเติม 2 : การแก้ระบบสมการกับการดาเนินการตามแถว จากระบบสมการ 11 12 13 21 22 23 31 32 33 a x a y a z a x a y a z a x a y a z          1 2 3 b b b เราสามารถเขียนเป็นเมทริกซ์แต่งเติม (Augmented Matrix) ได้เป็น 11 12 13 1 21 22 23 2 31 32 33 3 a a a a a a a a a         b b b ซึ่งไม่ว่าเราจะใช้การดาเนินการตามแถวทั้ง 3 แบบที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น กับเมทริกซ์แต่งเติมนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะได้ว่า คาตอบของระบบสมการจะไม่เปลี่ยนแปลง 5. ตอบ 17 จากระบบอสมการที่โจทย์กาหนดให้ 2 3 3 2 5 5 x y z a x y b x y z c         เขียนเป็นเมทริกซ์ได้เป็น 1 2 3 1 3 0 2 5 5 a b c         แต่โจทย์กาหนดให้ 1 2 3 1 2 3 9 1 3 0 ~ 0 1 3 5 2 5 5 0 0 1 2 a b c                    แสดงว่าระบบสมการจะไม่เปลี่ยนไป ซึ่งจาก 1 2 3 9 0 1 3 5 0 0 1 2          จะทาให้เราได้ว่า 2z  , 3 5y z  และ 2 3 9x y z   นั่นคือ 1x  , 1y   และ 2z  ซึ่งจากโจทย์จะได้ว่า 2 5 5 2(1) 5( 1) 5(2) 17c x y z       
  • 4. เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 5 http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น 6. ตอบ 12   7 5log 625 log 343 log625 log343 log7 log5   4 3 log5 log7 log7 log5   4log5 3log7 12 log7 log5    7. ตอบ 0.20 จากตารางที่กาหนดให้ ต้องหาความถี่ จากความถี่สะสมก่อน ดังตาราง ดังนั้นนักเรียนทั้งหมดมี 200 คน และมีนักเรียนที่สอบได้คะแนนในช่วง 50-59 คะแนนทั้งหมด 40 คน ดังนั้น เมื่อสุ่มนักเรียนมา 1 คน ความน่าจะเป็นที่จะได้นักเรียนที่ได้ คะแนนสอบในช่วง 50-59 คะแนน เท่ากับ 40 0.20 200  8. ตอบ 720 โจทย์กาหนดให้เลข 3 ทั้งสองตัวต้องอยู่ติดกัน เราจึงต้องมัดเลข 3 ทั้ง 2 ตัวไว้ด้วยกัน ดังนี้ 1 , 2 , 3,3 , 4 , 5 , 6 ดังนั้นการสร้างจานวนที่มี 7 หลัก จากเลขโดด 7 ตัว ดังกล่าว ก็คือการสลับของที่แตกต่างกัน ทั้งหมด 6 ชิ้นนั้นเอง ซึ่งสามารถทาได้ 6! 720 วิธี นั่นเอง คะแนนสอบ ความถี่สะสม (คน) ความถี่ 10 - 19 20 - 29 30 - 39 40 - 49 50 - 59 60 - 69 70 ขึ้นไป 10 35 80 145 185 195 200 10 25 45 65 40 10 5 สมบัติของ log สาหรับข้อนี้ กาหนดให้ และ เป็นจานวนจริงใดๆ 1. เมื่อ คือฐาน log ใหม่ที่ต้องการ 2. หลักการพื้นฐานของการเรียงของติดกัน หากเราต้องการให้สิ่งของใดอยู่ติดกัน ให้มัดรวมของเหล่านั้น อยู่ด้วยกัน แล้วนับว่าเป็นของเพียง 1 ชิ้น และอย่าลืมคิด ด้วยว่า ของที่เรามัดอยู่ติดกันนั้นสามารถสลับตาแหน่งกัน ได้ด้วย ยกเว้น!!! ของที่เรามัดติดกันนั้นมันเหมือนกัน เพราะของเหมือนกันสลับที่กันไม่ทาให้เกิดวิธีใหม่นะครับ^^
  • 5. เฉลยข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปีการศึกษา 2556 จากกลุ่มคณิตมัธยมปลาย หน้า 6 http://www.facebook.com/groups/HighSchoolMath/ เพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับเชิงธุรกิจใดๆทั้งสิ้น 9. ตอบ 3 3 2 2 lim lim 2 3 n n n n n a n n          3 2 2 2 ( 3) ( 2) lim ( 2)( 3)n n n n n n n           4 3 4 2 3 2 3 2 lim 3 2 6n n n n n n n n            3 2 3 2 3 2 lim 3 2 6n n n n n n          2 3 2 3 lim 3 2 6 1 n n n n n               3 10. ตอบ 12 จาก 3 2 ( ) 3 9 1f x x x x    จะได้ว่า 2 ( ) 3 6 9f x x x    ให้ ( ) 0f x  เพื่อหาค่าวิกฤต จะได้ว่า 2 3( 2 3) 0x x   นั่นคือ ( 3)( 1) 0x x    3x   หรือ 1x  แต่ต้องระวัง  เพราะข้อนี้โจทย์ กาหนดให้เราพิจารณาในช่วง  1,2 ดังนั้นค่าวิกฤตจึงคิดเฉพาะ 1x  เพราะว่า (1) 4f   , ( 1) 12f   และ (2) 3f  ดังนั้น ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ของฟังก์ชัน 3 2 ( ) 3 9 1f x x x x    บนช่วง  1,2 มีค่าเท่ากับ 12 หลักการพื้นฐานของการหาลิมิตของลาดับ ให้ดูดีกรีที่มากที่สุดของเศษและส่วน 1. ถ้า เศษ < ส่วน : ลิมิตจะตอบ 0 เช่น 2. ถ้า เศษ > ส่วน : ลิมิตจะตอบไม่มีค่า(เป็นจานวนจริง) เช่น ไม่มีค่า 3. ถ้า เศษ = ส่วน : ลิมิตจะตอบค่าส.ป.ส. เศษ  ส่วน เช่น หมายเหตุ : ถ้าเป็น ไม่มีค่า  ไม่มีค่า จะยังสรุปไม่ได้ ต้องจัดรูปใหม่ก่อนเสมอ แล้วจึงหาค่าของลิมิตใหม่อีกครั้ง หลักการพื้นฐานของการหาสุดขีดสัมบูรณ์ ในการหาค่าสุดขีดสัมบูรณ์ของ บนช่วง ขั้นที่ 1 : หาค่าวิกฤตทั้งหมดของฟังก์ชัน โดยหา ได้จาก แต่จะพิจารณาเฉพาะ ค่าวิกฤตที่อยู่ในช่วง เท่านั้นนะครับ ขั้นที่ 2 : หาค่าของฟังก์ชันที่ตาแหน่งค่าวิกฤต ขั้นที่ 3 : หาค่าของฟังก์ชันที่ตาแหน่ง และ ขั้นที่ 4 : เปรียบเทียบค่าที่ได้จากขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 ค่าที่มากที่สุด = ค่าสูงสุดสัมบูรณ์ ค่าที่น้อยที่สุด = ค่าต่าสุดสัมบูรณ์