More Related Content
More from นายสมหมาย ฉิมมาลี (20)
ใบงาน ม.2
- 1. บทที่ 9 สิทธิมนุษยชน
1 ความหมายและความสำคัญของสิทธิมนุษยชน สิทธิมนุษยชน หมายถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับรอง หรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศ ไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม หลักการที่สำคัญสุดก็คือ มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชนจึงเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญ มุ่งที่จะให้ความคุ้มครองแก่บุคคลทุกคน
2.แนวคิดและหลักการสิทธิมนุษยชน
-สิทธิมนุษยชน(Human Rights) เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะผลของสงครามนำมาซึ่งความ โหดร้าย -สหประชาชาติรับรองปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ที่ละเมิด ไม่ได้ ได้แก่ สิทธิในชีวิต สิทธิในการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ สิทธิในการแสดงออกทางความคิด สิทธิใน การรวมกลุ่มสังคมกับคนอื่นด้วยวิถีสันติ ปลอดจากการทรมาน และการกระทำที่ลดความเป็นมนุษย์ -หลักการสำคัญของสิทธิมนุษยชน คือ ความเสมอภาค สิทธิ เสรีภาพ ของไทย กฎหมายที่รับรองสิทธิ มนุษยชนที่สำคัญ คือ รัฐธรรมนูญ
3. บทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกที่มีผลต่อประเทศไทย
• มีการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ (UN) ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2488 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
เพื่อคุ้มครองและส่งเสริมเสรีภาพ ดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ
• องค์การสหประชาชาติได้มีการประชุมใหญ่และลงมติรับรอง กฎบัตรสหประชาชาติ
ซึ่งรับรองสิทธิของบุคคล ทำให้ต่อมา สมัชชาใหญ่สหประชาชาติลงมติรับรองและประกาศ
ปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ในวันที่ 10 ธันวาคม 2491
ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (ถือว่า วันที่ 10
ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ)
• สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติอยู่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีสมาชิก 192 ประเทศ
• องคการสหประชาชาติประกอบด้วยองค์กรหลัก 6 องค์กร คือ
- 2. 1) สมัชชาแห่งสหประชาชาติ กำหนดแนวทางการปฎิบัติงานขององค์กร
พิจาราเกี่ยวกับสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ทุกประเทศใน UN เป็นสมาชิก
2) คณะมนตรีความมั่นคง สอบสวนกรณีพิพาทระหว่างประเทศ
ทำหน้าที่ร่วมกับสมัชชาฯเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ มีสมาชิกถาวร 5
ประเทศ(จีน ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร รัสเซีย อเมริกา) และไม่ถาวร 10 ประเทศ
3) คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม ให้คำแนะนำในด้านต่างๆ มีสมาชิก 54 ประเทศ
ทุกปีจะเลือกตั้งประเทศที่พ้นตำแหน่งปีละ 18 ประเทศ
4) คณะมนตรีภาวะทรัสตี พิจารณารายงานของระเทศที่ปกครองดินแดน
ดูแลดินแดนที่ยังไม่ได้เอกราชให้ได้เอกราช
5) ศาสยุติธรรมระหว่างประเทศ มีผู้พิพากษา 15 คน
คณะมนตรีความมั่นคงและสมัชชาฯเป็นคนเลือก
พิจารณาข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่แต่ละประเทศเสนอต่อศาล
ให้คำแนะนำตัวบทกฎมายตามคำร้องขอจากองค์กรในUN
แตรียมร่างอนุสัญญาและสนธิสัญญาที่กำหนดแนวทางปฏิบัติระหว่างชาติ
6) สำนักงานเลขาธิกรแห่งสหประชาชาติ
เลขาธิการสหประชาชาติเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารของสหประชาชาติ
ประสานงานกับหน่วยงนของUN ปฎิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับสหประชาชาติเหนอต่อสมัชชาฯ
ปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
• ไทยได้ร่วมลงมติในวันที่ 10 ธันวาคม 2491ในฐานะสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ก็ต้องเคารพต่อหลักการและนำหลักการที่บัญญัติไว้ในปฎิญญาสากลมาเป็นแนวทางส่งเสริมและคุ้ มครองสิทธิมนุษยชนในไทย ได้แก่
1) เอาหลักในปฎิญญาสากลมาบัญญัติรับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
2) จัดตั้งองค์กรเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนระดับชาติ ตามหลักการที่องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้
3) เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่สหประชาชาติได้จัดทำขึ้น ซึ่งไทยเข้าเป็นภาคีมาแล้ว 7 ฉบับ
4.สาระสำคัญของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน -ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน(Universal Declaration of Human Rights : UDHR) เป็นการประกาศ
- 3. เจตนารมณ์ในความร่วมมือระหว่างประเทศในการวางกรอบเบื้องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เป็นฉบับแรกของ โลก
-มีเนื้อหา30 ข้อ แบ่งได้ 4 ส่วน 1หลักการสำคัญของมนุษยชน (ข้อ1-2) 2 สิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(ข้อ3-21) 3 สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม(ข้อ22-27) 4 หน้าที่ของบุคคล สังคม และรัฐ(ข้อ28-30)
1 หลักการสำคัญของมนุษยชน 1. มนุษย์ทั้งหลายมีอิสรเสรี เท่าเทียมกัน 2.บุคคลชอบที่จะมีสิทธิตามปฏิญญานี้ โดยไม่แบ่งแยก เช่น สีผิว เชื้อชาติ เพศ ภาษา 2 สิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 3.บุคคลมีสิทธิในการดำรงชีวิต 4.บุคคลจะถูกบังคับให้เป็นทาส หรือภาวะจำยอมไม่ได้ 5.บุคคลจะถูกทรมาน หรือลงทัณฑ์ หยามเกียรติไม่ได้ 6.ทุกๆคนมีสิทธิได้รับการยอมรับเป็นคนในกฎหมาย 7.ทุกคนเสมอภาคกันในกฎหมาย 8.บุคคลมีสิทธิได้รับการเยียวยาโดยศาลแห่งชาติซึ่งมีอำนาจเนื่องจากการละเมิดต่อสิทธิขั้นมูลฐาน 9.บุคคลจะถูกกักขัง หรือเนรเทศโดยพลการไม่ได้ 10.บุคคลชอบที่จะเท่าเทียมกันอย่างบริบูรณ์ 11.(1) บุคคลที่ถูกกล่าวหาทางอาญา มีสิทธิได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะมีการ พิสูจน์ (2) บุคคลจะถูกถือว่ามีความผิดทางอาญาซึ่งในขณะที่มีการกระทำนั้นไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิดทาง อาญา ไม่ได้ และลงโทษหนักกว่าโทษที่ใช้ในความผิดทางอาญานั้นไม่ได้ 12.ทุกคนมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหากกถูกสอดแทรกโดยพลการในกิจส่วนตัว 13.(1)บุคคลมีสิทธิในการเคลื่อนย้ายในขอบเขตดินแดนของแต่ละรัฐ
- 4. (2)บุคคลมีสิทธิออกจากประเทศและกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน 14.(1)บุคคลมีสิทธิแสวงหาและพักพิงในประเทศอื่นเพื่อลี้ภัยจากการถูกกดขี่ (2)สิทธินี้กล่าวอ้างไม่ได้ในการฟ้องคดี 15.(1)บุคคลมีสิทธิในการถือสัญชาติ (2)ไม่สามารถถอนสัญชาติโดยพลการได้ 16.(1)ชายหญิงที่เจริญวัยบริบูรณ์แล้วมีสิทธิที่จะสมรสกันโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ (2)การสมรสจะทำได้ต้องเต็มใจของทั้งคู่ (3)ครอบครัวเป็นพื้นฐานทางสังคม 17.(1)มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (2)ยึดทรัพย์สินโดยพลการไม่ได้ 18.มีเสรีภาพทางความคิด มโนธรรม และศาสนา 19.มีสิธิในการแสดงออก 20.(1)มีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม (2)บังคับบุคคลให้เป็นสมาชิกของสมาคมไม่ได้ 21.(1)บุคคลมีสิทธิเข้าร่วมรัฐบาลของตน (2)มีสิทธิเข้าถึงบริการสาธารณะ (3)เจตจำนงของประชาชน จะเป็นฐานอำนาจของรัฐบาล 3 สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม 22.บุคคลมีสิทธิในความมั่นคงของสังคม ได้รับผลทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม 23.(1)มีสิทธิเลือกงานได้อย่างเสรี (2)มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนเท่ากัน (3)บุคคลทำงานมีสิทธิได้รายได้ที่ยุติธรรม (4)มีสิทธิเข้าร่วมก่อตั้ง และเข้าร่วมสหภาพแรงงาน 24.มีสิทธิในการพักผ่อนและเวลาว่าง 25.(1)มีสิทธิในการครองชีพที่เพียงพอสำหรับสุขภาพ (2)มารดาและบุตรชอบที่จะได้รับการดูแลและความช่วยเหลือเป็นพิเศษ 26.(1)บุคคลมีสิทธิในการศึกษา (2)การศึกษามุ่งไปทางการพัฒนาบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างเต็มที่
- 5. (3)ผู้ปกครองมีสิทธิก่อนผู้อื่นที่จะเลือกชนิดของการศึกษา 27.(1)มีสิทธิเข้าร่วมการใช้ชีวิตด้านวัฒนธรรมในประชาคมอย่างเสรี (2)มีสิทธิได้รับการคุ้มครองประโยชน์ด้านศีลธรรม
4 หน้าที่ของบุคคล สังคม และรัฐ 28.บุคคลชอบที่จะได้รับผลประโยชน์จากระเบียบสังคมและระหว่างประเทศ 29.(1)บุคคลที่มีหน้าต่อประชาชนเป็นที่เดียวซึ่งบุคลิกภาพจะพัฒนาได้อย่างเสรี (2)การใช้สิทธิเสรีภาพต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย (3)สิทธิเสรีภาพจะใช้ขัดกับความมุ่งประสงค์และหลักการของสหประชาชาติไม่ได้ 30.ข้อความปฏิญญานี้ ไม่เปิดช่องที่จะแปลความได้ว่าให้บุคคลใดๆที่จะประกอบกิกรรมหรือทำลาย สิทธิเสรีภาพใดๆบบรดาที่ได้ระบุไว้ในบทบัญญัติฉบับนี้
5. บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
• ให้ความคุ้มครอสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนในด้านต่างๆ
• จัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการเป็นองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ประธาน 1 คน และกรรมการ6คน กษัตริย์ทรงแต่งตั้ง วาระ 6 ปี ดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว
• คณะกรรมการสิทธิมนุษยชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
1) ตรวจสอบและรายงานการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีไทยเป็นภาคี เสนอมาตรการแก้ไข
2) เสนอเรื่องความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่เห็นชอบตามที่มีผู้ร้องเรียนบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและ มีปัญหาเกี่ยวกับควมชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
3) เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครอง กรณีที่เห็นชอบตามที่มีผู้ร้องเรียนว่ากฎ คำสั่ง หรือการกระทำใดๆในทางปกครองกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
4) ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหายเมื่อได้รับการ้องขอจากผู้เสียหายและเป็นกรณีที่เห็น สมควร
5) เสนอนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎต่อรัฐสภา หรือ ครม.
6) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
7) ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆด้านสิทธิมนุษยชน
8) ทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินสถานการณ์สิมธิมนุษยชนในประเทศและเสนอต่อรัฐสภา
- 6. 9) อำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
• คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานต่างๆจากบุคใดหรือมาให้ถ้อยคำ และอำนาจอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
• รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้สามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลได้โดยตรง กรณีที่มีผู้ร้องว่ามีกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและสิทธิมนุษยชน หรือมีการกระทำที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนและกฤหมายรัฐธรรมนูญ จะสามารถดำเนินคดีในศาลแทนประชาชนที่ได้รับความเสียหายได้
6. ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศและแนวทางการแก้ปัญหา
สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
ด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ผ่านมาส่งผลให้สถาบันครอบครัวไทยอ่อนแอลงทั้งในแง่ของ ศักยภาพบุคคลและการสร้างภูมิต้านทานให้แก่เด็ก มีการทำร้ายเด็กโดยบุคคลในครอบครัวเกิดปัญหาต่างๆ เช่นปัญหายาเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ การใช้แรงงานเด็ก
ด้านการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
การคุ้มครองผู้ต้องหาต้องคำนึงถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้มากขึ้นแต่ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ ยากเนื่องจากการพิจารณาคดียังล่าช้า การปฏิบัติต่อผู้อยู่ในเรือนจำ กระบวนการสอบสวนและประกันตัว นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายจำนวนมากที่ยังไม่รับรองสิทธิของประชาชนและชุมชน โดยเฉพาะการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้านนโยบายทางสังคม
- 7. รัฐธรรมนูญได้คุ้มครองไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มที่แตกต่างกันไม่ว่าด้านใด กำหนดให้มีมาตรการ ส่งเสริมความเสมอภาค คุ้มครองไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว คุ้มครองผู้ใช้แรงงานแต่ก็ยังมีการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่มาก
ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิมนุษยชน
ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรในระดับโลกกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะที่คุณค่าเชิงพาณิชย์และ อุตสาหกรรมของทรัพยากรชีวภาพและความหลากหลายของประเทศไทยกลับเพิ่มขึ้น มีภัยคุกคามจาก ต่างชาติ แหล่งต้นน้ำถูกทำลาย
แนวทางการแก้ปัญหาและการพัฒนา
ประเทศไทยควรมีการพิจารณาเพื่อเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาต่างๆเพิ่มเติมรวม
รัฐควรมีแนวทางดังนี้
*ส่งเสริมและพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง
*ปรับปรุงและพัฒนากฏหมาย ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและเจตนารมณ์ของรัญฐ ธรรมนูญ
*กำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมความเสมอภาค
*มีการรับรองสิทธิมนุษยชนในด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา
กลไกของรัฐเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบังคับใช้กฏหมาย มีบทบาทอย่างมากในการคุ้มครองสิทธิ มนุษยชน
รัฐธรรมนูญ 2550 ได้รับรองสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน การ ละเมิดสิทธิมนุษยชนก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในสังคม
หน่วยงานของรัฐที่ให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ2550ได้แก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่าย ตุลาการ
- 8. การดำเนินการ
1.การร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2.การดำเนินคดีอาญาการฟ้องคดีที่มีโทษทางอาญาต่อศาลยุติธรรมเป็นกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนจาก บุคคลในสังคมสามารถดำเนินการได้2วิธี
*การที่ผู้เสียหายไปร้องทุกข์(แจ้งความ)กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ(พนักงานสอบสวน)โดยทางผู้เสียหายไม่ต้อง ดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลเอง
*การที่ผู้เสียหายดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลเอง ต้องหาทนายและหลักฐานเอง
3.การดำเนินคดีทางแพ่ง ฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดต่อศาลยุติธรรม ต้องหาทนายความ มาเองเพื่อให้มีการดำเนินคดีทางแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด
4.การดำเนินคดีปกครอง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการไม่ชอบด้วยกฏหมายหรือละเลยต่อการปฎิบัติ หน้าที่ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย
5.การดำเนินการอื่นๆ
*ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
*การเข้ารับคำปรึกษาจากสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฏหมายแก่ประชาชนของสำนักอัยการ สูงสุดและสภาทนายความ ทั่วประเทศ
*การร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวิวนิจฉัยว่ากฏหมายใดขัดกับรัฐธรรมนูญ
*การร้องเรียนไปยังหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังมีองก์กรภาคเอกชน NGO ที่ดำเนินการเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน โดยไม่แสวงหากำไร เช่น กลุ่มประสานงานศาสนาเพื่อสังคม มูลนิธิดวงประทีป มูลนิธิเด็ก และกลุ่มเพื่อน หญิง
อ้างอิง : หนังสือหน้าที่พลเมือง ม.4