ตารางธาตุและเรพรี3. 1. ตารางธาตุปัจจุบัน
แบ่งธาตุออกเป็น 18 คอลัมน์ ในแนวตั้ง เรียก
“หมู่ (group)”
ตามแนวนอน แบ่งเป็น 7 คาบ (period)
ธาตุในหมู่เดียวกันมีสมบัติคล้ายกัน การจัดเรียง
อิเล็กตรอนคล้ายกันต่างกันที่เลขควอนตัมหลักเท่านั้น
3
4. แต่ละหมู่ ประกอบด้วย กลุ่มย่อย A, B ที่ระบุหมู่ด้วยเลข
โรมัน (I, II, III..)
หมู่ IA, IIA จัดเรียงเวเลนต์อิเล็กตรอนเป็น ns1 และ ns2
ตามลาดับ
หมู่ IIIA ถึง VIIA และ 0 มีเวเลนต์อิเล็กตรอนอยู่ในชั้น
np ตั้งแต่ np1 - np6 ตามลาดับ
4
5. ธาตุหมู่ IA ถึง VIIA และ 0 เรียก “ธาตุเรพรีเซนเตติฟ”
ธาตุในหมู่ IB ถึง VIIIB จาแนกจากการที่มีเวเลนต์
อิเล็กตรอนบรรจุใน d - orbitals = ns2 (n-1)dx เรียกว่า
“ธาตุแทรนซิชัน”
ธาตุใน 2 แถวด้านล่างของตารางธาตุ เรียกว่า “อนุกรม
แลนทาไนด์ และแอกทิไนด์”
5
15. ในคาบเดียวกัน พิจารณาจาก
“จานวนเวเลนต์ e- ที่ใช้สร้างพันธะ”
ตัวอย่าง
N มี 5 เวเลนต์ e- แต่มี e- ที่เกิดพันธะได้เพียง 3 e- พันธะสามใน N2
O มี 6 เวเลนต์ e- และมี e- ที่เกิดพันธะได้เพียง 2 e- พันธะคู่ใน O2
ความแข็งแรงของพันธะโคเวเลนต์ลดลงจากซ้ายไปขวา
15
26. 2.3 จุดเดือดและจุดหลอมเหลว
การหลอมเหลว = การใช้พลังงานความร้อนแยก
โมเลกุลที่จัดตัวเป็นระเบียบให้ห่างจากกัน ให้
สามารถเคลื่อนที่ไปมาได้
การกลายเป็นไอ = เป็นการให้พลังงานความร้อน
จนกระทั่งโมเลกุลแยกจากกันโดยเด็ดขาดใน
สภาวะแก๊ส
26
28. •Na Mg และ Al อะตอมยึดกันด้วยพันธะโลหะ
จุดหลอมเหลวเพิ่มขึ้นตามพันธะที่แข็งแรงขึ้น
Si อยู่ในรูปโครงร่างตาข่ายที่แข็งแรง(โครงสร้างคล้าย
เพชร) จึงมีจุดหลอมเหลวสูง
28
36. เช่น
หมู่ IIIA (ns2 np1) มีเลขออกซิเดชันเป็น +1 และ
+3
เมื่อธาตุหนักขึ้น
เลขออกซิเดชันค่าต่าจะเสถียรขึ้น
Al
มีเพียง +3
In
+3
Tl
มีทั้ง +1, +3 แต่ +1 เสถียรกว่า
36
37. ในโลหะที่หนักขึ้น คาดว่าระดับพลังงานของ ns-orbital อยู่
ต่ากว่า np-orbital พอประมาณ
ดังนั้นเมื่อ e- ใน np-orbital หลุดออก e- ใน ns-orbital จะ
ถูกดึงแน่นขึ้นตามจานวนโปรตอนในนิวเคลียสที่มีมาก
การที่ ns e- จะหลุดออกจึง ยากกว่า ในธาตุเบาที่มีจานวน
โปรตอนน้อยกว่า
+
++++
++++
37
39. สรุป
โลหะมักมีเลขออกซิเดชันเป็น + , อโลหะมีเลข
ออกซิเดชันทั้ง + และ –
เลขออกซิเดชันสูงสุดของธาตุเรพรีเซนเตติฟสามารถมี
ได้เท่ากับเลขหมู่ของธาตุนั้น เช่น หมู่ VIIA เลข
ออกซิเดชันสูงสุดคือ +7
39
41.
แนวโน้มเป็นไปตามค่า IE และ EN
จากค่า IE โลหะเมื่อหนักขึ้น ว่องไวมากขึ้น เป็นตัว
รีดิวซ์ที่ดีขึ้น เพราะเสีย e- ได้ง่ายขึ้น
จากค่า EN อโลหะเป็นตัวออกซิไดซ์ ขนาดยิ่งเล็ก ยิ่งรับ
อิเล็กตรอนได้ดี
กึ่งโลหะค่อนข้างเฉื่อยต่อปฏิกิริยาเพราะมีโครงสร้างเป็น
โครงร่างตาข่ายทีแข็งแรง
่
41
46. 4.2 ไฮไดรด์ (Hydrides)
สารประกอบระหว่างธาตุหนึ่ง (M) กับไฮโดรเจน
ไฮไดรด์ไอออนิก มีพันธะไอออนิก ระหว่าง M+ และ H- โดย M
คือ ธาตุในกลุ่ม s เกือบทั้งหมด
ไฮไดรด์เมตาลิก ไม่มีสูตรโมเลกุลแน่นอน เพราะเป็นการแทรก
ในผลึกโลหะของธาตุแทรนซิชัน
ไฮไดรด์โคเวเลนต์ พันธะโคเวเลนต์ระหว่างธาตุในกลุ่ม p กับ H
46
50. กลุ่ม s ได้แก่ ธาตุหมู่ 1 , 2
กลุ่ม p ได้แก่ ธาตุหมู่ 13 , 14 , 15 , 16 , 17 , 18
ธาตุหมู่ 12 (Zn, Cd, Hg) จัดเรียง e- แบบ (n-1)d10ns2 ควร
เป็นธาตุเรพรีเซนเตติฟ แต่สมบัติบางประการอยู่ระหว่าง
ธาตุแทรนซิชันและธาตุเรพรีเซนเตติฟ จึงแยกพิจารณา
50
52. โลหะ - ของแข็งที่อุณหภูมิห้อง นาไฟฟ้าและความร้อนได้ดี
- ตีแผ่ ดึงเป็นเส้นได้,
- สารประกอบออกไซด์มีสมบัติเป็นเบส
- มักมีเลขออกซิเดชันเป็น + ในสารประกอบ
โลหะมีเวเลนต์ e- น้อย, มี IE, EA ต่า โลหะจึงไม่ทาปฏิกิริยา
กันเอง แต่จะเกิดปฏิกิริยากับอโลหะ โดยโลหะให้ e- เกิดเป็น
ไอออน + พันธะไอออนิกจึงเป็นพันธะของสารประกอบโลหะส่วน
ใหญ่
52
53. อโลหะ
• ของแข็ง หรือก๊าซ ที่อุณหภูมิห้อง
• สารประกอบออกไซด์สมบัติเป็นกรด
• IE, EA สูง ระดับพลังงานชั้นนอกสุดเกือบเต็มด้วย e• อโลหะรวมตัวกันได้เองเกิดเป็นโมเลกุลโคเวเลนต์
53
54. กึ่งโลหะ (metalloid)
§ Metalloid หมายถึง like a metal
§ ลักษณะไม่เหมือนทั้งโลหะและอโลหะแต่มีสมบัติของทั้งสอง
§ เป็นของแข็งที่แข็งเปราะ
§ มีค่า EN ปานกลาง สารประกอบออกไซด์เป็นแอมโฟเทอริก
หรือกรดอ่อน
§ ธาตุที่มีสมบัติเป็นกึ่งโลหะได้แก่ B (13), Si และ Ge (14),
As และ Sb (15), Se และ Te (16)
54
55. โลหะหมู่ต่างๆ
• โลหะอัลคาไล (หมู่ 1)
Li, Na, K, Rb, Cs, Fr
- ว่องไวมากจึงมักพบเป็นสารประกอบในธรรมชาติ เช่น แร่
ต่างๆ
- จัดเป็น โลหะอ่อน ตัดได้ง่าย ความแข็งลดลงเมื่อธาตุหนักขึ้น
- จัดเรียง e- แบบ ns1 เสีย e- ได้ง่าย เป็นตัวรีดิวซ์ที่ดี แนวโน้ม
55
ควรเพิ่มขึ้นจากบนลงล่าง
58. โลหะอัลคาไลน์เอิร์ท (หมู่ 2)
ประกอบด้วย Be, Mg, Ca, Sr, Ba, Ra
มักพบในรูปสารประกอบออกไซด์
ลักษณะเหมือนโลหะทั่วไป คือ มันวาว ยกเว้น Be
นาไฟฟ้าได้ดี แต่แข็งและมีความหนาแน่นมากกว่า จุดหลอมเหลว
สูงกว่า หมู่ 1
เนื่องจากนิวเคลียสของหมู่ 2 มีโปรตอนมากกว่าหมู่ 1 ในคาบ
เดียวกัน รัศมีอะตอมสั้นกว่า และมี 2 เวเลนต์อิเล็กตรอน
58
61. 1. โมเลกุลน้าดึง Na+
Cl- ออกจากโครงผลึก
ด้วยพลังงานเท่ากับ
พลังงานแลตทิซ
2. โมเลกุลน้าเข้าล้อมรอบ
ไอออนเกิดแรงยึดเหนี่ยวแล้ว
คายพลังงาน ออกมาเรียกว่า
พลังงานไฮเดรชัน
ไอออนใน
สภาวะแก๊ส
Step 2
Heat of hydration
DH = -784 kJ/mol
Step 1
Lattice energy
U = 788 kJ/mol
Heat of solution
DH = 4 kJ/mol
61
62. สารประกอบของหมู่ IIA มักไม่ค่อยละลายน้า ซึ่งแบ่งแนวโน้ม
การละลายเป็น 2 กลุ่มคือ
1. สารประกอบ SO42-(ซัลเฟต), CO32-(คาร์บอเนต), C2O42-(
ออกซาเลต), CrO42-(โครเมต)
“การละลายลดลงเมื่อไอออนโลหะมีขนาดใหญ่ขึ้น”
62
64. Ion -
อธิบาย
2+
2+
ไอออน – กลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ แม้ไอออน + จะมีขนาด
เปลี่ยนไปก็ไม่มีผลต่อ (r+ + r- ) มากนัก ดังนั้น
พลังงานแลตติซไม่ต่างกันมาก
แต่พลังงานไฮเดรชันลดลงเมื่อรัศมีไอออนเพิ่มขึ้น การ
ละลายน้าจึงลดลงเมื่อขนาดของโลหะไอออนใหญ่ขึ้น
2+
ดึงโมเลกุลน้าได้แรงกว่า
2+
64
65. 2. สารประกอบ OH-, F“การละลายมากขึ้นเมื่อไอออนโลหะขนาดใหญ่ขึ้น”
อธิบาย
Ion -
+2
+2
พลังงานแลตทิซมาก
น้อย
ไอออน – กลุ่มนี้มีขนาดเล็ก เมื่อเพิ่มขนาดไอออน + จะมี
ผลทาให้ (r+ + r- ) เพิ่มขึ้น นั่นคือ ไอออน + และ – ในผลึก
อยู่ห่างกันมากขึ้น ส่งผลให้พลังงานแลตติซลดลง “ผลึกจึง
ละลายน้าได้มากขึ้นเมื่อไอออน + ของโลหะขนาดใหญ่ขึ้น”
ผลของพลังงานแลตติซมีมากกว่าพลังงานไฮเดรชัน
65
66. โลหะหมู่ 13
Al, Ga, In, Tl ส่วน B เป็นกึ่งโลหะ
สมบัติ
จัดว่าว่องไว สามารถทาปฏิกิริยากับอโลหะหมู่อื่นๆได้
Al ถูกออกซิไดซ์ได้ง่าย เกิดเป็น Al2O3 เคลือบที่ผิวโลหะ
4Al(s) + 3O2(g)
Al2O3(s)
∆G0 = -1582 kJ/mol
Ga และ In เกิด oxide thin film นี้เช่นกัน
“โลหะทั้งสามไม่ละลายใน HNO3 แต่ละลายในกรดที่ไม่มีออกซิเจน”
66
67. สารประกอบของโลหะหมู่ 13
† สารประกอบ SO42-, NO3-, X- ละลายน้าได้ดี
† สารประกอบของ OH- ไม่ละลายน้า
† ออกไซด์ของ Al และ Ga เป็นแอมโฟเทอริก
† เมื่อเผา Al(OH)3 จะได้ Al2O3 ที่เสถียร จุดหลอมเหลว
สูง และทนไฟ
67
68. ปฏิกิริยาของโลหะหมู่ 13
2M + 6H+
2M3+ + 3H2
M = Al, Ga, In
ส่วน Tl ให้ Tl+
4M + 3O2
2M + 3X2
2Al + N2
2M + 2OH- + 6H2O
2M2O3 อุณหภูมิสูง , Tl ให้ Tl2O ด้วย
3MX3
2AlN
X = เฮโลเจน (หมู่17)
เกิดปฏิกิริยาเฉพาะ Al
2M(OH)4- + 3H2
M= Al, Ga
68
70. ปฏิกิริยาของโลหะหมู่ 14
• Sn และ Pb เป็นโลหะที่อ่อน จุดหลอมเหลวต่า และค่อนข้าง
ว่องไว สามารถเกิดปฏิกิริยาได้ดังนี้
Sn + 2X2
2SnX4
Pb + X2
PbX2
Sn + O2
SnO2
2Pb + O2
X = ธาตุเฮโลเจน
2PbO
ที่ อุณหภูมิสูง
70
71. โลหะหมู่ 15
Bi (Bismuth)
• พบในรูป Bi2O3, Bi2S3
• เป็นโลหะที่แข็งแต่ด้าน ไม่มันวาว
• การจัดเรียง e- เป็น ns2np3 เลขออกซิเดชันเป็น +3 และ +5
• สารประกอบ Bi(V) ไม่เสถียร จึงเป็นตัวออกซิไดซ์ทแรง
ี่
เช่น NaBiO3 (sodium bismuthate)
71
79. 2. กลุ่มที่ไม่เป็นไปตามกฎออกเตต
ได้แก่ ธาตุคาบที่ 3 เป็นต้นไป
เพราะคาบที่ 2 มี เวเลนต์อิเล็กตรอนมากที่สุดได้ 8 e- จาก
2s และ 2p-ออร์บิทัล
แต่ธาตุตั้งแต่คาบที่ 3 ลงไป มี d-ออร์บิทัล ทีว่างและมี
่
ระดับพลังงานต่าพอที่จะเกิดไฮบริไดเซชันได้ และรับ
อิเล็กตรอนเพิ่มได้ เช่น PCl5 , SF6
79
80. มาจาก F 1 อะตอม
เช่น SF6
S [Ne] _ _ _ _ _ _ _ _ _
3s 3p
3d
ใช้ 3d เกิดไฮบริไดเซชัน
S [Ne] _ _ _ _ _ _
d2sp3
___
3d ที่เหลือ
* เมื่อรับ 1 อิเล็กตรอนจาก F 6 อะตอม เป็น 12
e- ซึ่งเกินออกเตต
80
83. สารประกอบของแก๊สมีตระกูล
He , Ne , Ar มี IE สูง เฉื่อยต่อปฏิกิริยาเคมี
Kr , Xe , Rn มี IE ต่ากว่า เกิดสารประกอบได้
เช่น XeF2 , XeF4 , XeF6
เริ่มจากการทดลองผ่านแก๊ส Xe ลงในแก๊ส PtF6 พบว่าเกิด
ของแข็งขึ้น ดังสมการ
Xe(g) + PtF6(g)
Xe+PtF6- (s)
83
84. • Rn มีสมบัตทางเคมีคล้าย Xe แต่ Rn เป็นธาตุกัมมันตรังสีจึง
ิ
สลายต่อไป
• สารประกอบ F ของ Kr ไม่เสถียร สลายตัวเร็ว
• Xe มีเลขออกซิเดชันเป็น +2, +4, +6 , +8
• Kr มีเลขออกซิเดชันเป็น +2
• สารประกอบ F ของ Xe ได้จากเผา Xe โดยตรงกับ F2 ที่ อุณหภูมิ
สูงกว่า 250 oC เช่น
Xe(g) + F2(g)
XeF2(g)
XeF2(g) + F2(g)
XeF4(g)
84