กริยาช่วย
ทำาไมต้องมีกริยาช่วย
คำำกริยำโดยทั่วไปแล้ว สำมำรถใช้ได้ด้วยตัวของมันเอง
อย่ำงไรก็ตำม เมื่อมีกำรมีกำรตั้งคำำถำม หรือ กำรตอบปฎิ
เสธ หรือเมื่อต้องกำรแสดงควำมหมำยอื่น ๆ เช่น แสดง
ควำมหมำยเกี่ยวกับ Tense เช่น เน้นว่ำ ขณะนี้ เหตุกำรณ์
กำำลังกระทำำอยู่ เป็นต้น คำำกริยำโดด ๆ ไม่พอที่จะสื่อควำม
หมำยได้ จำำเป็นต้องใช้คำำกริยำช่วย มำช่วยเสริม เช่น
ประโยคที่ว่ำ
สุดำและมำลี เรียนวิชำประวัติศำสตร์ Suda and Malee
study history.
คำำกริยำ study ไม่ต้องมีกริยำช่วยใด ๆ ก็เข้ำใจควำม
หมำยแล้ว แต่ถ้ำจะทำำเป็นคำำถำม เรำต้องมีกริยำอื่นมำ
ช่วย ในที่นี้ คือคำำว่ำ Do
สุดำและมำลี เรียนประวัติศำสตร์ ใช่ใหม? Do Suda and
Malee study histoty?
ประโยคปฏิเสธก็เช่นเดียวกัน เรำต้องเอำคำำว่ำ do not มำ
ช่วย เช่น
สุดำและมำลี ไม่ได้ เรียนประวัติศำสตร์ Suda and Malee
do not study history.
คำำกริยำช่วย ในลักษณะนี้ เรียกว่ำ auxiliary verbs ซึ่ง
ได้แก่ be, have และ do คำำหล่ำนี้ จะช่วยขยำยควำม
หมำยของ คำำกริยำหลักให้มำกขึ้น เช่น ให้ควำมหมำย
เกี่ยวกับ tense กำรปฏิเสธ หรือ กำรถำมคำำถำมเป็นต้น
ยังมีคำำกริยำช่วยอีกประเภทหนึ่ง ที่มควำมหมำยในตัวเอง
                                    ี
เช่น พูดว่ำ
ฝนอำจจะตก It may rain.
คำำกริยำช่วยในที่นี้คือ คำำว่ำ may ซึงไม่มีควำมหมำย
                                     ่
เกี่ยวข้องกับกริยำหลัก คือคำำว่ำ rain แต่อย่ำงใด แต่ช่วย
เสริมควำมหมำยของประโยค เป็นกำรคำดคะเน ที่ค่อนข้ำง
แน่ใจ คำำกริยำช่วยเหล่ำนี้ เรำเรียกว่ำเป็น modal
auxiliary verbs ซึ่งยังมีอีกหลำยคำำ เช่น
ผมต้องกลับบ้ำนแล้ว I must go home now.
คำำว่ำ must เป็น modal auxiliary verb ช่วยเพิ่มควำม
หมำยว่ำ มีควำมจำำเป็น
อำยุเธอต้องไม่ถึง 45 แน่นอน เธอดูหน้ำอ่อนจัง She
can't be forty-five yet. She looks so young.
ประโยคนี้ คำำว่ำ can't ซึงย่อมำจำกคำำว่ำ cannot มีควำม
                         ่
หมำยแสดงให้เห็นว่ำ ผู้พูดมีควำมมั่นใจมำก เพรำะดูจำก
รูปร่ำงหน้ำตำแล้ว ทำำให้นึกเช่นนั้น
คำำกริยำช่วยเหล่ำนี้ช่วยบอกควำมหมำยเพิ่มเติมเกียวกับ
ควำมรู้สึกของผู้พูด เช่น มีควำมมั่นใจ เชื่อแน่ หรือไม่ค่อย
แน่ใจ เป็นต้น
เรำมำดูคำำกริยำช่วย ที่น่ำสนใจบำงคำำ มีดังนี้
Be
Be มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปตำมประธำน และ Tense ดังนี้

           ประธำ ปัจจุ อดี
                           ตัวอย่ำง
           น       บัน ต
                       wa
           I           s
                   am      I am studying
           You         we
                   are     You are smiling.
           He,         re
                   is      She is smiling.
           She, It     wa
                       s
We
                         we
            You are          We are studying
                         re
            They
            Past Participle: I have been to
            been             Chiangmai.

Be เป็นได้ทั้งกริยำช่วย (auxiliary verb) และกริยำแท้
เช่น
Narumon is smiling. เป็นกริยำช่วย บอกว่ำเหตุกำรณ์
กำำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด คือ นฤมลกำำลังยิ้ม
Narumon is kind. เป็นกริยำแท้ของประโยค คำำว่ำ kind
เป็นคำำ adjective ไม่ใช่คำำกริยำ




เราใช้ Be ในฐานะกริยาช่วย ในเหตุการณ์ต่อไปนี้
  1.   ใช้เพื่อให้ควำมหมำยว่ำเป็นผู้ถูกกระทำำ หรือ Passive
       เรำใช้ร่วมกับ past participle หรือ กริยำช่อง 3 เช่น
       Suda was carried to hospital. สุดำถูกหำมส่งโรง
       พยำบำล


  2.   ใช้เพื่อบอกควำมหมำยว่ำเหตุกำรณ์กำำลังเกิดขึ้น ใช้คู่
       กับ present participle เช่น
       Prasit was watching television when I came in.
       ประสิทธิ์ กำำลังดูโทรทัศน์ ตอนทีผมเข้ำไป
                                       ่
3.   Be ใช้คู่กับ to และ กริยำช่องที่ 1 มีควำมหมำยถึง
       ควำมจำำเป็น หรือ เป็นกำรวำงแผนไว้ในอนำคต เช่น
       You are to go to your room immediately. เธอ
       ต้องไปห้องเธอเดี๋ยวนี้
       Priminister Taksin is to make a speech
       tomorrow. นำยกทักษิณ จะปรำศรัยพรุ่งนี้
Have
Have เป็นได้ทั้งกริยำแท้ และกริยำช่วย
เรำใช้ have ทีเป็นกริยำช่วย เพื่อแสดงว่ำอยู่ใน Perfect
               ่
Tense เรำใช้ร่วมกับ กริยำที่เป็น past participle หรือ
กริยำช่องที่ 3 เช่น
I have seen this man before. ผมเคยเห็นผู้ชำยคนนี้มำ
ก่อน
เรำใช้ have ทีเป็นกริยำแท้ ในกรณีต่อไปนี้
              ่


  1.   ใช้ในควำมหมำยว่ำ มี หรือเป็นเจ้ำของ เช่น
       Do you have any money? คุณมีเงินบ้ำงไหม


  2.   ใช้กับกำรกินอำหำร เช่น
       ผมมักจะดื่มนมก่อนนอน I usually have som milk
       before going to bed.


  3.   ใช้กับกำรต้อนรับแขก เช่น
ผมให้สมศักดิ์มำพักด้วย 3 วัน I had Somsak with
me for three days.

กริยาช่วย

  • 1.
    กริยาช่วย ทำาไมต้องมีกริยาช่วย คำำกริยำโดยทั่วไปแล้ว สำมำรถใช้ได้ด้วยตัวของมันเอง อย่ำงไรก็ตำม เมื่อมีกำรมีกำรตั้งคำำถำมหรือ กำรตอบปฎิ เสธ หรือเมื่อต้องกำรแสดงควำมหมำยอื่น ๆ เช่น แสดง ควำมหมำยเกี่ยวกับ Tense เช่น เน้นว่ำ ขณะนี้ เหตุกำรณ์ กำำลังกระทำำอยู่ เป็นต้น คำำกริยำโดด ๆ ไม่พอที่จะสื่อควำม หมำยได้ จำำเป็นต้องใช้คำำกริยำช่วย มำช่วยเสริม เช่น ประโยคที่ว่ำ สุดำและมำลี เรียนวิชำประวัติศำสตร์ Suda and Malee study history. คำำกริยำ study ไม่ต้องมีกริยำช่วยใด ๆ ก็เข้ำใจควำม หมำยแล้ว แต่ถ้ำจะทำำเป็นคำำถำม เรำต้องมีกริยำอื่นมำ ช่วย ในที่นี้ คือคำำว่ำ Do สุดำและมำลี เรียนประวัติศำสตร์ ใช่ใหม? Do Suda and Malee study histoty? ประโยคปฏิเสธก็เช่นเดียวกัน เรำต้องเอำคำำว่ำ do not มำ ช่วย เช่น สุดำและมำลี ไม่ได้ เรียนประวัติศำสตร์ Suda and Malee do not study history. คำำกริยำช่วย ในลักษณะนี้ เรียกว่ำ auxiliary verbs ซึ่ง ได้แก่ be, have และ do คำำหล่ำนี้ จะช่วยขยำยควำม หมำยของ คำำกริยำหลักให้มำกขึ้น เช่น ให้ควำมหมำย เกี่ยวกับ tense กำรปฏิเสธ หรือ กำรถำมคำำถำมเป็นต้น ยังมีคำำกริยำช่วยอีกประเภทหนึ่ง ที่มควำมหมำยในตัวเอง ี เช่น พูดว่ำ ฝนอำจจะตก It may rain.
  • 2.
    คำำกริยำช่วยในที่นี้คือ คำำว่ำ mayซึงไม่มีควำมหมำย ่ เกี่ยวข้องกับกริยำหลัก คือคำำว่ำ rain แต่อย่ำงใด แต่ช่วย เสริมควำมหมำยของประโยค เป็นกำรคำดคะเน ที่ค่อนข้ำง แน่ใจ คำำกริยำช่วยเหล่ำนี้ เรำเรียกว่ำเป็น modal auxiliary verbs ซึ่งยังมีอีกหลำยคำำ เช่น ผมต้องกลับบ้ำนแล้ว I must go home now. คำำว่ำ must เป็น modal auxiliary verb ช่วยเพิ่มควำม หมำยว่ำ มีควำมจำำเป็น อำยุเธอต้องไม่ถึง 45 แน่นอน เธอดูหน้ำอ่อนจัง She can't be forty-five yet. She looks so young. ประโยคนี้ คำำว่ำ can't ซึงย่อมำจำกคำำว่ำ cannot มีควำม ่ หมำยแสดงให้เห็นว่ำ ผู้พูดมีควำมมั่นใจมำก เพรำะดูจำก รูปร่ำงหน้ำตำแล้ว ทำำให้นึกเช่นนั้น คำำกริยำช่วยเหล่ำนี้ช่วยบอกควำมหมำยเพิ่มเติมเกียวกับ ควำมรู้สึกของผู้พูด เช่น มีควำมมั่นใจ เชื่อแน่ หรือไม่ค่อย แน่ใจ เป็นต้น เรำมำดูคำำกริยำช่วย ที่น่ำสนใจบำงคำำ มีดังนี้ Be Be มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปตำมประธำน และ Tense ดังนี้ ประธำ ปัจจุ อดี ตัวอย่ำง น บัน ต wa I s am I am studying You we are You are smiling. He, re is She is smiling. She, It wa s
  • 3.
    We we You are We are studying re They Past Participle: I have been to been Chiangmai. Be เป็นได้ทั้งกริยำช่วย (auxiliary verb) และกริยำแท้ เช่น Narumon is smiling. เป็นกริยำช่วย บอกว่ำเหตุกำรณ์ กำำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด คือ นฤมลกำำลังยิ้ม Narumon is kind. เป็นกริยำแท้ของประโยค คำำว่ำ kind เป็นคำำ adjective ไม่ใช่คำำกริยำ เราใช้ Be ในฐานะกริยาช่วย ในเหตุการณ์ต่อไปนี้ 1. ใช้เพื่อให้ควำมหมำยว่ำเป็นผู้ถูกกระทำำ หรือ Passive เรำใช้ร่วมกับ past participle หรือ กริยำช่อง 3 เช่น Suda was carried to hospital. สุดำถูกหำมส่งโรง พยำบำล 2. ใช้เพื่อบอกควำมหมำยว่ำเหตุกำรณ์กำำลังเกิดขึ้น ใช้คู่ กับ present participle เช่น Prasit was watching television when I came in. ประสิทธิ์ กำำลังดูโทรทัศน์ ตอนทีผมเข้ำไป ่
  • 4.
    3. Be ใช้คู่กับ to และ กริยำช่องที่ 1 มีควำมหมำยถึง ควำมจำำเป็น หรือ เป็นกำรวำงแผนไว้ในอนำคต เช่น You are to go to your room immediately. เธอ ต้องไปห้องเธอเดี๋ยวนี้ Priminister Taksin is to make a speech tomorrow. นำยกทักษิณ จะปรำศรัยพรุ่งนี้ Have Have เป็นได้ทั้งกริยำแท้ และกริยำช่วย เรำใช้ have ทีเป็นกริยำช่วย เพื่อแสดงว่ำอยู่ใน Perfect ่ Tense เรำใช้ร่วมกับ กริยำที่เป็น past participle หรือ กริยำช่องที่ 3 เช่น I have seen this man before. ผมเคยเห็นผู้ชำยคนนี้มำ ก่อน เรำใช้ have ทีเป็นกริยำแท้ ในกรณีต่อไปนี้ ่ 1. ใช้ในควำมหมำยว่ำ มี หรือเป็นเจ้ำของ เช่น Do you have any money? คุณมีเงินบ้ำงไหม 2. ใช้กับกำรกินอำหำร เช่น ผมมักจะดื่มนมก่อนนอน I usually have som milk before going to bed. 3. ใช้กับกำรต้อนรับแขก เช่น
  • 5.