SlideShare a Scribd company logo
1
2
- The birds were singing very cheerfully outside my window.
- The birds | were singing | very cheerfully | outside my window.
คำที่เป็นตัวหนาคือคาหลัก (main word หรือ head) ของแต่ละ phrases
จากประโยคข้างบน เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า
– the birds เป็น noun phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น noun/pronoun)
– were singing เป็น verb phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น verb)
– very cheerfully เป็น adverb phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น adverb)
– outside my window เป็น prepositional phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น preposition)
3
- They | seem | very happy.
ในประโยคนี้very happy เป็น adjective phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น adjective)
- Bob | is | happy.
– they เป็น noun phrase (เพรำะมีคำหลักคือ they ซึ่งเป็น pronoun)
– seem เป็น verb phrase (เพรำะมีคำหลักคือ seem ซึ่งเป็น verb)
-Bob เป็น noun phrase, is เป็น verb phrase และ
happy เป็น adjective phrase
*** บางคนอาจจะงง ๆ เพราะปกติที่เรียนกันมา คาว่า phrase แปลว่า “กลุ่มคา” มันก็
น่าจะประกอบด้วยคาอย่างน้อย 2 คาขึ้นไปนี่นา… อันที่จริงแล้ว คา ๆ เดียวก็สามารถ
เป็น phrase ได้ (ถ้าวิเคราะห์ตามหลักภาษาศาสตร์ปัจจุบัน)***
4
Noun phrase (นำมวลี) คือกลุ่มคำที่มี noun หรือ pronoun เป็นคำหลัก และ
อำจมี modifers (ส่วนขยำย) อยู่ด้วย
***noun phrase อำจจะอยู่ในรูปของคำ ๆ เดียวก็ได้ เช่น
cats (noun)
he (pronoun)
it (pronoun)
everyone (pronoun)
5
***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหน้ำนำมตัวหลัก เรำเรียกส่วนขยำยนั้นว่ำ
premodifier เช่น
some black cats
นำมวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น
premodifiers
***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหลังนำมตัวหลัก เรำจะเรียกมันว่ำ
postmodifier เช่น
the best day of my life
นำมวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier
the girl that I love
นำมวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier
6
Verb phrase (กริยำวลี) จะมี main verb (กริยำหลัก) 1 ตัว และอำจมี
auxiliary verbs (กริยำช่วย) อยู่ข้ำงหน้ำด้วย
Verb phrase อำจประกอบด้วย main verb เพียงตัวเดียว
ก็ได้ ลองดูประโยคต่อไปนี้(verb phrase คือสีแดง)
We play tennis every day.
He plays tennis every day.
I played tennis last week.
7
หรือจะมี auxiliary verbs ปรำกฏร่วมด้วยก็ได้ ดังตัวอย่ำงต่อไปนี้(ตัวบำงคือ
auxiliary verb; ตัวหนำคือ main verb)
I will play tennis tomorrow.
I can’t play tennis.
Verb phrases ในตัวอย่ำงเหล่ำนี้ถือเป็น tensed verb phrases
(กริยำวลีที่แสดง tense) นอกจำกนี้ยังมี verb phrase อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่ำ
non-tensed verb phrase (กริยำวลีที่ไม่แสดง tense)
8
Ex. (tensed verb phrase เป็ นสีแดง; non-tensed verb
phrase เป็ นสีน้ำเงิน)
I love playing tennis.
ฉันชอบเล่นเทนนิส
I saw her being killed.
ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า
I don’t want to upset my mom.
ฉันไม่อยากทาให้แม่เสียใจ
9
Adjective phrase (คุณศัพท์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adjective เป็นคำหลัก
และอำจมีส่วนขยำยอยู่ด้วย
Adjective phrase อำจจะประกอบด้วย adjective ตัวเดียว
โดด ๆ หรืออำจจะมีส่วนขยำยข้ำงหน้ำที่เรียกว่ำ premodifer และส่วนขยำยข้ำงหลังที่
เรียกว่ำ postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่ำงประโยคกันเลย (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ
adjective phrase โดยที่คาหลักคือคาที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
10
Jack is handsome.
คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคาหลัก ไม่มี modifier
John is very intelligent.
คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier
John is afraid of heights.
คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier
We are happy to see you.
คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier
11
Adverb phrase (กริยำวิเศษณ์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adverb เป็นคำหลัก
และอำจมีส่วนขยำยอยู่ด้วย
Adverb phrase อำจจะประกอบด้วย adverb ตัวเดียวโดด ๆ หรืออำจจะมี
ส่วนขยำยข้ำงหน้ำที่เรียกว่ำ premodifer และส่วนขยำยข้ำงหลังที่เรียกว่ำ
postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่ำงประโยคกันเลย (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ
adverb phrase โดยที่คาหลักคือคาที่พิมพ์ด้วยตัวหนา)
12
The engine was running smoothly.
กริยำวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพำะคำหลัก ไม่มี modifier
You’re driving too fast!
กริยำวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier
13
Prepositional phrase (บุพบทวลี) มีโครงสร้ำงคือ preposition +
noun phrase เช่น
in my bedroom
PP นี้มี in เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ
my bedroom
on the table
PP นี้มี on เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ
the table
14
***เรำลองมำดูกันนิดนึงว่ำ เมื่อ prepositional phrase ปรำกฏอยู่ในประโยคมันทำ
หน้ำที่อะไรได้บ้ำง (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ prepositional phrase; ตัวหนาคือ
preposition)
I like to read in bed.
บุพบทวลี in bed ทำหน้ำที่เป็น adverbial ขยำยกริยำ read
I took several courses in history.
บุพบทวลี in history ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำนำม courses
I am not happy with my marks this term.
บุพบทวลี with my marks ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy
15
กำรแบ่งวลีนั้น ถ้ำแบ่งตำมคำที่นำหน้ำเป็นหลัก
จะแบ่งได้ 5 ชนิดคือ
ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วยบุรพบท ได้แก่คำต่อไปนี้
because of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ
by means of โดยทำง
an account of เพรำะว่ำ, เนื่องจำก
on (in) behalf of ในนำมของ
in accordance with ตำม
in contrast to ตรงกันข้ำม
in spite of ทั้งๆ ที่
in the face of เมื่อเผชิญหน้ำ
16
in case of ในกรณีที่เกิด
for fear of ด้วยเกรงถึง (กำร.....)
for the sake of เพื่อเห็นแก่
for want of เพรำะขำด
by dint of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ
according to เนื่องจำก, ตำม
owing to ตำม, ขึ้นอยู่กับ
instead of แทนที่
in the event of ในเหตุกำรณ์ที่
on consequence of เพรำะ, เนื่องจำก
17
Example.
Soonthorn was absent from school because of his
illness.สุนทรมำโรงเรียนไม่ได้เพรำะเขำไม่สบำย
They could not go anywhere because of the rain.
พวกเขำไม่สำมำรถไปที่ไหนได้เพรำะฝนตก
In spite of being late, he went to class.
ทั้งๆ ที่สำยแล้วเขำก็ยังไปเรียนหนังสือ
18
ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ำกลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ
1.Present Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำเติม ing แล้วไปทำ
หน้ำที่ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-The gentleman crossing the street is an old friend of my father’s.
สุภำพบุรุษที่กำลังข้ำมถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่ำของพ่อของผม
-Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard.
บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่ำจะผ่ำนคอร์สนี้จึงเรียนอย่ำงขมักเขม้นมำก
19
2. Past Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำช่อง 3 แล้วนำไปใช้อย่ำง
คุณศัพท์เพื่อขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-Anyone bitten by a mad dog should see a doctor at once.ใครก็ตำมที่
ถูกสุนัขบ้ำกัดควรพบหมอโดยเร็ว
****ข้อสังเกต : วลี Participle ที่ไปขยำยนำมที่เป็นชื่อเฉพำะ ต้องใส่เครื่องหมำย "," (comma)
หน้ำ-หลังด้วย
3. Perfect Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย having +
Verb ช่อง 3 + อื่นๆ (ถ้ำมี) แล้วนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-Many tourists having stayed in Thailand like the hospitalities of
Thais.นักท่องเที่ยวจำนวนมำกที่ได้มำพักอยู่ในประเทศไทยชอบควำมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย
20
1. ทำหน้ำที่เป็น Subject ในประโยค เช่น
- Swimming every day is a good exercise.
กำรว่ำยน้ำทุกวันเป็นกำรออกกำลังกำยที่ดี
2. ทำหน้ำที่เป็น Object of a Verb ในประโยค เช่น
- My father appreciated my speaking English.
คุณพ่อของผมมีควำมชื่นชมยินดีกับกำรพูดภำษำอังกฤษของผม
3. ทำหน้ำที่เป็น Object of Preposition ในประโยค เช่น
- She is interested in dancing every night. หล่อนสนใจเต้นรำทุกๆ คืน
4. ทำหน้ำที่เป็น Complement ของกริยำในประโยค เช่น
-What she wants is living with her husband in a foreign country.
สิ่งที่หล่อนต้องกำรคือกำรอยู่กินกับสำมีในต่ำงประเทศ
5. ทำหน้ำที่เป็น Appositive (คือเป็นนำมซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ) เช่นMy father wants to get
one thing, my going to school every day.คุณพ่อของผมอยำกได้สิ่งหนึ่งคือ กำรไปโรงเรียนของ
ผมทุกวัน
หน้ำที่ของ Gerundial Phrase
22
ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วย Gerund ทั้งนี้อำจเป็นวลีมำจำกกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้คือ
1.วลี gerund ขึ้นต้นด้วย gerund โดยแท้ เช่น
-I enjoy playing the piano.ผมสนุกกับกำรเล่นเปียโน
2.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยสรรพนำม (สรรพนำม + gerund) เช่น
-I hear her singing an India song.ผมได้ยินหล่อนร้องเพลงอินเดีย
3.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยคำแสดงเจ้ำของ (possessive + gerund) เช่น
-I like your speaking English.ผมชอบกำรพูดภำษำอังกฤษของคุณ
4.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยบุรพบท (บุรพบท + gerund) เช่น
-He is used to eating rice and curry.
เขำเคยชินกับกำรกินข้ำวรำดแกงเสียแล้ว
21
ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย Infinitive (to ตำมด้วยกริยำช่อง 1)
หน้าที่ของ Infinitive Phrase
1. เป็นประธาน (Subject) ในประโยค เช่น
To cook breakfast every day is necessary.
การทาอาหารเช้าทุกๆ วันเป็นสิ่งจาเป็น
2. เป็นกรรม (Object) ของกริยา เช่น
My shirt needs to be washed every day.
เสื้อของผมต้องได้รับการซักทุกวัน
3. เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติม (Complement) ของกริยา เช่น
Her job is to go shopping every morning.
งานของหล่อนก็คือการไปจ่ายตลาดทุกๆ เช้า
23
4. เป็นคำซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ (Appositive) เช่น
There is one thing to cook breakfast every day.
มีอยู่สิ่งหนึ่ง คือกำรทำอำหำรเช้ำทุกๆ วัน
5. เป็นคุณศัพท์ (Adjective) เมื่อไปตำมหลังนำมหรือสรรพนำม เช่น
I have no money to give you now.
ผมไม่มีเงินที่จะให้คุณเดี๋ยวนี้
6. เป็นคำวิเศษณ์หรือใช้อย่ำงคำวิเศษณ์ เมื่อวำงตำมหลัง Adjective หรือตำมหลัง Adverb เช่น
I am very glad to have him back here in time.
ผมดีใจมำกที่เขำกลับมำที่นี่ทันเวลำ
7. อำจใช้ขยำยทั้งประโยค แต่ต้องวำงไว้ต้นประโยคและมี comma คั่นกลุ่มคำ Infinitive Phrase
เสมอ เช่น
To speak English fluently, you must practice it orally every
day.
ถ้ำจะพูดภำษำอังกฤษให้เก่งแล้ว คุณจะต้องฝึกปำกเปล่ำทุกๆ วัน
24
ได้แก่ Phrase ที่มีลักษณะคล้ำยกับเป็นประโยค แต่ไม่ใช่ประโยค เพรำะไม่มีกริยำแท้ เพียงแต่มีคำ
ซึ่งทำหน้ำที่คล้ำยกับกริยำประกอบอยู่หลังคำนำมเท่ำนั้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ
1. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูปกริยำเติม ing หรือกริยำช่อง 3 ไปประกอบหลังนำม เช่น
The train being late, they had to stay overnight at the station.เนื่องจำก
รถไฟมำช้ำกว่ำกำหนด พวกเขำจึงจำต้องพักค้ำงคืนอยู่ที่สถำนี
2. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูป having + กริยำช่อง 3 หรือ having been + กริยำช่อง 3 แล้ว
นำไปใช้ประกอบหลังนำม เช่น
The sun having set, they didn’t go back home.
เมื่อดวงอำทิตย์ตกแล้ว พวกเขำก็ยังไม่กลับบ้ำน
***ข้อสังเกต : Absolute Phrse ต้องใช้ comma คั่นเพื่อแยกออกจำก
ประโยคใหญ่อยู่เสมอ
25
3. Absolute Phrase ซึ่งไม่มีรูปกริยำใดๆ เลย phrase ในข้อนี้อันที่จริงก็
เหมือนกำรสร้ำงประโยคธรรมดำทั่วไปนั่นเอง เพียงแต่ไม่ใส่กริยำเอำไว้เท่ำนั้น เช่น
I stared at the stranger, my bare hands on the table.
ผมจ้องไปยังคนแปลกหน้ำ โดยมีมืออันว่ำงเปล่ำของผมวำงอยู่บนโต๊ะ
26
สรุป
Phrase แปลว่า "วลี" หมายถึง "กลุ่มคาที่มีความหมายเกี่ยวพันกัน แต่พูดออกไปแล้วไม่ได้ความ
ความสมบูรณ์ ต้องอาศัยอยู่ในประโยคเนื้อความจึงจะสมบูรณ์ขึ้น และลักษณะของวลีก็จะไม่มีประธาน
ประธานหรือไม่มีกริยาเป็นของตัวเอง"
27
1.Prepositional Phrase
2.Participial Phrase 3.Gerundial Phrase
4.Infinitive Phrase 5.Absolute Phrase
28
โครงสร้างของ phrases
แต่ละชนิด
Adverb phrase
(กริยำวิเศษณ์วลี)
Prepositional
phrase
(บุพบทวลี)
29
อ้ำงอิง
http://tutormax.wordpress.com/2011/04/21/phrases/
http://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=71057
30
Phrases ppt

More Related Content

What's hot

แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
Wanida Keawprompakdee
 
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีCasestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
rewat Chitthaing
 
แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense
สมใจ จันสุกสี
 
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAคำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAณัฐพล แสงทวี
 
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)นางสาวอารียา แย้มภู
 
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓Mameaw Mameaw
 
แผนการสอน (เพิ่มเติม)
แผนการสอน (เพิ่มเติม)แผนการสอน (เพิ่มเติม)
แผนการสอน (เพิ่มเติม)Kruthai Kidsdee
 
Reference words
Reference wordsReference words
Reference words
krunatppk
 
Subject & object pronoun
Subject & object pronounSubject & object pronoun
Subject & object pronoun
พัน พัน
 
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยการเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยBenjapron Seesukong
 
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Homeแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม
 
กริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่องกริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่องWann Rattiya
 
Have to/Had to
Have to/Had toHave to/Had to
Have to/Had to
thip .fiefy
 
สื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to beสื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to be
thip .fiefy
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
porntip sirisatonpun
 
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทยการเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
ปาริชาต แท่นแก้ว
 
บทที่ 3 a an some any (23 27)
บทที่ 3 a an some any (23 27)บทที่ 3 a an some any (23 27)
บทที่ 3 a an some any (23 27)Kruthai Kidsdee
 
แบบฝึกทักษะที่ 1 signs
แบบฝึกทักษะที่  1  signsแบบฝึกทักษะที่  1  signs
แบบฝึกทักษะที่ 1 signskanpapruk
 

What's hot (20)

แบบฝึกหัดPart of speech
แบบฝึกหัดPart of speechแบบฝึกหัดPart of speech
แบบฝึกหัดPart of speech
 
Context clues
Context cluesContext clues
Context clues
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
 
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณีCasestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
 
แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense
 
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPAคำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
 
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)
ชุดฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ เล่ม 2 การอ่านข่าว(news)
 
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
 
แผนการสอน (เพิ่มเติม)
แผนการสอน (เพิ่มเติม)แผนการสอน (เพิ่มเติม)
แผนการสอน (เพิ่มเติม)
 
Reference words
Reference wordsReference words
Reference words
 
Subject & object pronoun
Subject & object pronounSubject & object pronoun
Subject & object pronoun
 
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยการเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย
 
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Homeแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
 
กริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่องกริยา 3 ช่อง
กริยา 3 ช่อง
 
Have to/Had to
Have to/Had toHave to/Had to
Have to/Had to
 
สื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to beสื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to be
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทยการเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
การเทียบเสียงตัวอักษรภาษาอังกฤษกับไทย
 
บทที่ 3 a an some any (23 27)
บทที่ 3 a an some any (23 27)บทที่ 3 a an some any (23 27)
บทที่ 3 a an some any (23 27)
 
แบบฝึกทักษะที่ 1 signs
แบบฝึกทักษะที่  1  signsแบบฝึกทักษะที่  1  signs
แบบฝึกทักษะที่ 1 signs
 

Similar to Phrases ppt

โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์
 
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
คุณานนต์ ทองกรด
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speechkrupeatie
 
Report
ReportReport
Report
siri11525
 
Intro computer
Intro  computerIntro  computer
Intro computer
sujira tapthong
 
Eng602 short all
Eng602 short allEng602 short all
Eng602 short alldtjatlove
 
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
duckksnKessinee
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษรู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษJane Suttida
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
Rachata2190
 
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
Siriya Khaosri
 
สรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-netสรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-netWarissa'nan Wrs
 
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้นสรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
Took Took Rachataporn
 

Similar to Phrases ppt (20)

โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
 
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
การร้อยเรียงประโยค ครูคุณานนต์
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speech
 
Report
ReportReport
Report
 
Number 3
Number 3Number 3
Number 3
 
Agreement of verb
Agreement of verbAgreement of verb
Agreement of verb
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Unit 1
Unit 1Unit 1
Unit 1
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
Intro computer
Intro  computerIntro  computer
Intro computer
 
Eng602 short all
Eng602 short allEng602 short all
Eng602 short all
 
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
 
ใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำ
ใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำ
ใบความรู้ลักษณะเฉพาะของภาษาไทยการสร้างคำ
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษรู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
 
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ 2
 
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
ระบบสัทอักษรภาษาจีน(พินอิน)
 
Thai
ThaiThai
Thai
 
สรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-netสรุปสังคม O-net
สรุปสังคม O-net
 
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้นสรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
 

Recently uploaded

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
RSapeTuaprakhon
 

Recently uploaded (6)

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
 

Phrases ppt

  • 1. 1
  • 2. 2
  • 3. - The birds were singing very cheerfully outside my window. - The birds | were singing | very cheerfully | outside my window. คำที่เป็นตัวหนาคือคาหลัก (main word หรือ head) ของแต่ละ phrases จากประโยคข้างบน เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า – the birds เป็น noun phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น noun/pronoun) – were singing เป็น verb phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น verb) – very cheerfully เป็น adverb phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น adverb) – outside my window เป็น prepositional phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น preposition) 3
  • 4. - They | seem | very happy. ในประโยคนี้very happy เป็น adjective phrase (วลีที่มีคำหลักเป็น adjective) - Bob | is | happy. – they เป็น noun phrase (เพรำะมีคำหลักคือ they ซึ่งเป็น pronoun) – seem เป็น verb phrase (เพรำะมีคำหลักคือ seem ซึ่งเป็น verb) -Bob เป็น noun phrase, is เป็น verb phrase และ happy เป็น adjective phrase *** บางคนอาจจะงง ๆ เพราะปกติที่เรียนกันมา คาว่า phrase แปลว่า “กลุ่มคา” มันก็ น่าจะประกอบด้วยคาอย่างน้อย 2 คาขึ้นไปนี่นา… อันที่จริงแล้ว คา ๆ เดียวก็สามารถ เป็น phrase ได้ (ถ้าวิเคราะห์ตามหลักภาษาศาสตร์ปัจจุบัน)*** 4
  • 5. Noun phrase (นำมวลี) คือกลุ่มคำที่มี noun หรือ pronoun เป็นคำหลัก และ อำจมี modifers (ส่วนขยำย) อยู่ด้วย ***noun phrase อำจจะอยู่ในรูปของคำ ๆ เดียวก็ได้ เช่น cats (noun) he (pronoun) it (pronoun) everyone (pronoun) 5
  • 6. ***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหน้ำนำมตัวหลัก เรำเรียกส่วนขยำยนั้นว่ำ premodifier เช่น some black cats นำมวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น premodifiers ***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหลังนำมตัวหลัก เรำจะเรียกมันว่ำ postmodifier เช่น the best day of my life นำมวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier the girl that I love นำมวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier 6
  • 7. Verb phrase (กริยำวลี) จะมี main verb (กริยำหลัก) 1 ตัว และอำจมี auxiliary verbs (กริยำช่วย) อยู่ข้ำงหน้ำด้วย Verb phrase อำจประกอบด้วย main verb เพียงตัวเดียว ก็ได้ ลองดูประโยคต่อไปนี้(verb phrase คือสีแดง) We play tennis every day. He plays tennis every day. I played tennis last week. 7
  • 8. หรือจะมี auxiliary verbs ปรำกฏร่วมด้วยก็ได้ ดังตัวอย่ำงต่อไปนี้(ตัวบำงคือ auxiliary verb; ตัวหนำคือ main verb) I will play tennis tomorrow. I can’t play tennis. Verb phrases ในตัวอย่ำงเหล่ำนี้ถือเป็น tensed verb phrases (กริยำวลีที่แสดง tense) นอกจำกนี้ยังมี verb phrase อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่ำ non-tensed verb phrase (กริยำวลีที่ไม่แสดง tense) 8
  • 9. Ex. (tensed verb phrase เป็ นสีแดง; non-tensed verb phrase เป็ นสีน้ำเงิน) I love playing tennis. ฉันชอบเล่นเทนนิส I saw her being killed. ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า I don’t want to upset my mom. ฉันไม่อยากทาให้แม่เสียใจ 9
  • 10. Adjective phrase (คุณศัพท์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adjective เป็นคำหลัก และอำจมีส่วนขยำยอยู่ด้วย Adjective phrase อำจจะประกอบด้วย adjective ตัวเดียว โดด ๆ หรืออำจจะมีส่วนขยำยข้ำงหน้ำที่เรียกว่ำ premodifer และส่วนขยำยข้ำงหลังที่ เรียกว่ำ postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่ำงประโยคกันเลย (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ adjective phrase โดยที่คาหลักคือคาที่พิมพ์ด้วยตัวหนา) 10
  • 11. Jack is handsome. คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคาหลัก ไม่มี modifier John is very intelligent. คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier John is afraid of heights. คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier We are happy to see you. คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier 11
  • 12. Adverb phrase (กริยำวิเศษณ์วลี) คือกลุ่มคำที่มี adverb เป็นคำหลัก และอำจมีส่วนขยำยอยู่ด้วย Adverb phrase อำจจะประกอบด้วย adverb ตัวเดียวโดด ๆ หรืออำจจะมี ส่วนขยำยข้ำงหน้ำที่เรียกว่ำ premodifer และส่วนขยำยข้ำงหลังที่เรียกว่ำ postmodifier ด้วยก็ได้ ลองดูตัวอย่ำงประโยคกันเลย (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ adverb phrase โดยที่คาหลักคือคาที่พิมพ์ด้วยตัวหนา) 12
  • 13. The engine was running smoothly. กริยำวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพำะคำหลัก ไม่มี modifier You’re driving too fast! กริยำวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier 13
  • 14. Prepositional phrase (บุพบทวลี) มีโครงสร้ำงคือ preposition + noun phrase เช่น in my bedroom PP นี้มี in เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ my bedroom on the table PP นี้มี on เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ the table 14
  • 15. ***เรำลองมำดูกันนิดนึงว่ำ เมื่อ prepositional phrase ปรำกฏอยู่ในประโยคมันทำ หน้ำที่อะไรได้บ้ำง (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ prepositional phrase; ตัวหนาคือ preposition) I like to read in bed. บุพบทวลี in bed ทำหน้ำที่เป็น adverbial ขยำยกริยำ read I took several courses in history. บุพบทวลี in history ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำนำม courses I am not happy with my marks this term. บุพบทวลี with my marks ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy 15
  • 16. กำรแบ่งวลีนั้น ถ้ำแบ่งตำมคำที่นำหน้ำเป็นหลัก จะแบ่งได้ 5 ชนิดคือ ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วยบุรพบท ได้แก่คำต่อไปนี้ because of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ by means of โดยทำง an account of เพรำะว่ำ, เนื่องจำก on (in) behalf of ในนำมของ in accordance with ตำม in contrast to ตรงกันข้ำม in spite of ทั้งๆ ที่ in the face of เมื่อเผชิญหน้ำ 16
  • 17. in case of ในกรณีที่เกิด for fear of ด้วยเกรงถึง (กำร.....) for the sake of เพื่อเห็นแก่ for want of เพรำะขำด by dint of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ according to เนื่องจำก, ตำม owing to ตำม, ขึ้นอยู่กับ instead of แทนที่ in the event of ในเหตุกำรณ์ที่ on consequence of เพรำะ, เนื่องจำก 17
  • 18. Example. Soonthorn was absent from school because of his illness.สุนทรมำโรงเรียนไม่ได้เพรำะเขำไม่สบำย They could not go anywhere because of the rain. พวกเขำไม่สำมำรถไปที่ไหนได้เพรำะฝนตก In spite of being late, he went to class. ทั้งๆ ที่สำยแล้วเขำก็ยังไปเรียนหนังสือ 18
  • 19. ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ำกลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ 1.Present Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำเติม ing แล้วไปทำ หน้ำที่ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น -The gentleman crossing the street is an old friend of my father’s. สุภำพบุรุษที่กำลังข้ำมถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่ำของพ่อของผม -Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard. บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่ำจะผ่ำนคอร์สนี้จึงเรียนอย่ำงขมักเขม้นมำก 19
  • 20. 2. Past Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำช่อง 3 แล้วนำไปใช้อย่ำง คุณศัพท์เพื่อขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น -Anyone bitten by a mad dog should see a doctor at once.ใครก็ตำมที่ ถูกสุนัขบ้ำกัดควรพบหมอโดยเร็ว ****ข้อสังเกต : วลี Participle ที่ไปขยำยนำมที่เป็นชื่อเฉพำะ ต้องใส่เครื่องหมำย "," (comma) หน้ำ-หลังด้วย 3. Perfect Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย having + Verb ช่อง 3 + อื่นๆ (ถ้ำมี) แล้วนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น -Many tourists having stayed in Thailand like the hospitalities of Thais.นักท่องเที่ยวจำนวนมำกที่ได้มำพักอยู่ในประเทศไทยชอบควำมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย 20
  • 21. 1. ทำหน้ำที่เป็น Subject ในประโยค เช่น - Swimming every day is a good exercise. กำรว่ำยน้ำทุกวันเป็นกำรออกกำลังกำยที่ดี 2. ทำหน้ำที่เป็น Object of a Verb ในประโยค เช่น - My father appreciated my speaking English. คุณพ่อของผมมีควำมชื่นชมยินดีกับกำรพูดภำษำอังกฤษของผม 3. ทำหน้ำที่เป็น Object of Preposition ในประโยค เช่น - She is interested in dancing every night. หล่อนสนใจเต้นรำทุกๆ คืน 4. ทำหน้ำที่เป็น Complement ของกริยำในประโยค เช่น -What she wants is living with her husband in a foreign country. สิ่งที่หล่อนต้องกำรคือกำรอยู่กินกับสำมีในต่ำงประเทศ 5. ทำหน้ำที่เป็น Appositive (คือเป็นนำมซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ) เช่นMy father wants to get one thing, my going to school every day.คุณพ่อของผมอยำกได้สิ่งหนึ่งคือ กำรไปโรงเรียนของ ผมทุกวัน หน้ำที่ของ Gerundial Phrase 22
  • 22. ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วย Gerund ทั้งนี้อำจเป็นวลีมำจำกกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้คือ 1.วลี gerund ขึ้นต้นด้วย gerund โดยแท้ เช่น -I enjoy playing the piano.ผมสนุกกับกำรเล่นเปียโน 2.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยสรรพนำม (สรรพนำม + gerund) เช่น -I hear her singing an India song.ผมได้ยินหล่อนร้องเพลงอินเดีย 3.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยคำแสดงเจ้ำของ (possessive + gerund) เช่น -I like your speaking English.ผมชอบกำรพูดภำษำอังกฤษของคุณ 4.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยบุรพบท (บุรพบท + gerund) เช่น -He is used to eating rice and curry. เขำเคยชินกับกำรกินข้ำวรำดแกงเสียแล้ว 21
  • 23. ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย Infinitive (to ตำมด้วยกริยำช่อง 1) หน้าที่ของ Infinitive Phrase 1. เป็นประธาน (Subject) ในประโยค เช่น To cook breakfast every day is necessary. การทาอาหารเช้าทุกๆ วันเป็นสิ่งจาเป็น 2. เป็นกรรม (Object) ของกริยา เช่น My shirt needs to be washed every day. เสื้อของผมต้องได้รับการซักทุกวัน 3. เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติม (Complement) ของกริยา เช่น Her job is to go shopping every morning. งานของหล่อนก็คือการไปจ่ายตลาดทุกๆ เช้า 23
  • 24. 4. เป็นคำซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ (Appositive) เช่น There is one thing to cook breakfast every day. มีอยู่สิ่งหนึ่ง คือกำรทำอำหำรเช้ำทุกๆ วัน 5. เป็นคุณศัพท์ (Adjective) เมื่อไปตำมหลังนำมหรือสรรพนำม เช่น I have no money to give you now. ผมไม่มีเงินที่จะให้คุณเดี๋ยวนี้ 6. เป็นคำวิเศษณ์หรือใช้อย่ำงคำวิเศษณ์ เมื่อวำงตำมหลัง Adjective หรือตำมหลัง Adverb เช่น I am very glad to have him back here in time. ผมดีใจมำกที่เขำกลับมำที่นี่ทันเวลำ 7. อำจใช้ขยำยทั้งประโยค แต่ต้องวำงไว้ต้นประโยคและมี comma คั่นกลุ่มคำ Infinitive Phrase เสมอ เช่น To speak English fluently, you must practice it orally every day. ถ้ำจะพูดภำษำอังกฤษให้เก่งแล้ว คุณจะต้องฝึกปำกเปล่ำทุกๆ วัน 24
  • 25. ได้แก่ Phrase ที่มีลักษณะคล้ำยกับเป็นประโยค แต่ไม่ใช่ประโยค เพรำะไม่มีกริยำแท้ เพียงแต่มีคำ ซึ่งทำหน้ำที่คล้ำยกับกริยำประกอบอยู่หลังคำนำมเท่ำนั้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ 1. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูปกริยำเติม ing หรือกริยำช่อง 3 ไปประกอบหลังนำม เช่น The train being late, they had to stay overnight at the station.เนื่องจำก รถไฟมำช้ำกว่ำกำหนด พวกเขำจึงจำต้องพักค้ำงคืนอยู่ที่สถำนี 2. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูป having + กริยำช่อง 3 หรือ having been + กริยำช่อง 3 แล้ว นำไปใช้ประกอบหลังนำม เช่น The sun having set, they didn’t go back home. เมื่อดวงอำทิตย์ตกแล้ว พวกเขำก็ยังไม่กลับบ้ำน ***ข้อสังเกต : Absolute Phrse ต้องใช้ comma คั่นเพื่อแยกออกจำก ประโยคใหญ่อยู่เสมอ 25
  • 26. 3. Absolute Phrase ซึ่งไม่มีรูปกริยำใดๆ เลย phrase ในข้อนี้อันที่จริงก็ เหมือนกำรสร้ำงประโยคธรรมดำทั่วไปนั่นเอง เพียงแต่ไม่ใส่กริยำเอำไว้เท่ำนั้น เช่น I stared at the stranger, my bare hands on the table. ผมจ้องไปยังคนแปลกหน้ำ โดยมีมืออันว่ำงเปล่ำของผมวำงอยู่บนโต๊ะ 26
  • 27. สรุป Phrase แปลว่า "วลี" หมายถึง "กลุ่มคาที่มีความหมายเกี่ยวพันกัน แต่พูดออกไปแล้วไม่ได้ความ ความสมบูรณ์ ต้องอาศัยอยู่ในประโยคเนื้อความจึงจะสมบูรณ์ขึ้น และลักษณะของวลีก็จะไม่มีประธาน ประธานหรือไม่มีกริยาเป็นของตัวเอง" 27
  • 28. 1.Prepositional Phrase 2.Participial Phrase 3.Gerundial Phrase 4.Infinitive Phrase 5.Absolute Phrase 28