6. ***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหน้ำนำมตัวหลัก เรำเรียกส่วนขยำยนั้นว่ำ
premodifier เช่น
some black cats
นำมวลีนี้มี some (determiner) กับ black (adjective) เป็น
premodifiers
***ถ้ำ noun phrase มีส่วนขยำยอยู่ข้ำงหลังนำมตัวหลัก เรำจะเรียกมันว่ำ
postmodifier เช่น
the best day of my life
นำมวลีนี้มีบุพบทวลี of my life เป็น postmodifier
the girl that I love
นำมวลีนี้มี relative clause คือ that I love เป็น postmodifier
6
7. Verb phrase (กริยำวลี) จะมี main verb (กริยำหลัก) 1 ตัว และอำจมี
auxiliary verbs (กริยำช่วย) อยู่ข้ำงหน้ำด้วย
Verb phrase อำจประกอบด้วย main verb เพียงตัวเดียว
ก็ได้ ลองดูประโยคต่อไปนี้(verb phrase คือสีแดง)
We play tennis every day.
He plays tennis every day.
I played tennis last week.
7
8. หรือจะมี auxiliary verbs ปรำกฏร่วมด้วยก็ได้ ดังตัวอย่ำงต่อไปนี้(ตัวบำงคือ
auxiliary verb; ตัวหนำคือ main verb)
I will play tennis tomorrow.
I can’t play tennis.
Verb phrases ในตัวอย่ำงเหล่ำนี้ถือเป็น tensed verb phrases
(กริยำวลีที่แสดง tense) นอกจำกนี้ยังมี verb phrase อีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่ำ
non-tensed verb phrase (กริยำวลีที่ไม่แสดง tense)
8
9. Ex. (tensed verb phrase เป็ นสีแดง; non-tensed verb
phrase เป็ นสีน้ำเงิน)
I love playing tennis.
ฉันชอบเล่นเทนนิส
I saw her being killed.
ฉันเห็นหล่อนถูกฆ่า
I don’t want to upset my mom.
ฉันไม่อยากทาให้แม่เสียใจ
9
11. Jack is handsome.
คุณศัพท์วลีนี้มีเฉพาะคาหลัก ไม่มี modifier
John is very intelligent.
คุณศัพท์วลีนี้มี very (adverb) เป็น premodifier
John is afraid of heights.
คุณศัพท์วลีนี้มีบุพบทวลี of heights เป็น postmodifier
We are happy to see you.
คุณศัพท์วลีนี้มี to-infinitive clause คือ to see you เป็น postmodifier
11
13. The engine was running smoothly.
กริยำวิเศษณ์วลีนี้มีเฉพำะคำหลัก ไม่มี modifier
You’re driving too fast!
กริยำวิเศษณ์วลีนี้มี too เป็น premodifier
13
14. Prepositional phrase (บุพบทวลี) มีโครงสร้ำงคือ preposition +
noun phrase เช่น
in my bedroom
PP นี้มี in เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ
my bedroom
on the table
PP นี้มี on เป็น preposition ตำมด้วย noun phrase คือ
the table
14
15. ***เรำลองมำดูกันนิดนึงว่ำ เมื่อ prepositional phrase ปรำกฏอยู่ในประโยคมันทำ
หน้ำที่อะไรได้บ้ำง (ส่วนที่เป็นสีแดงทั้งหมดคือ prepositional phrase; ตัวหนาคือ
preposition)
I like to read in bed.
บุพบทวลี in bed ทำหน้ำที่เป็น adverbial ขยำยกริยำ read
I took several courses in history.
บุพบทวลี in history ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำนำม courses
I am not happy with my marks this term.
บุพบทวลี with my marks ทำหน้ำที่เป็น postmodifier ของคำคุณศัพท์ happy
15
16. กำรแบ่งวลีนั้น ถ้ำแบ่งตำมคำที่นำหน้ำเป็นหลัก
จะแบ่งได้ 5 ชนิดคือ
ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วยบุรพบท ได้แก่คำต่อไปนี้
because of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ
by means of โดยทำง
an account of เพรำะว่ำ, เนื่องจำก
on (in) behalf of ในนำมของ
in accordance with ตำม
in contrast to ตรงกันข้ำม
in spite of ทั้งๆ ที่
in the face of เมื่อเผชิญหน้ำ
16
17. in case of ในกรณีที่เกิด
for fear of ด้วยเกรงถึง (กำร.....)
for the sake of เพื่อเห็นแก่
for want of เพรำะขำด
by dint of เพรำะว่ำ, เนื่องจำกว่ำ
according to เนื่องจำก, ตำม
owing to ตำม, ขึ้นอยู่กับ
instead of แทนที่
in the event of ในเหตุกำรณ์ที่
on consequence of เพรำะ, เนื่องจำก
17
18. Example.
Soonthorn was absent from school because of his
illness.สุนทรมำโรงเรียนไม่ได้เพรำะเขำไม่สบำย
They could not go anywhere because of the rain.
พวกเขำไม่สำมำรถไปที่ไหนได้เพรำะฝนตก
In spite of being late, he went to class.
ทั้งๆ ที่สำยแล้วเขำก็ยังไปเรียนหนังสือ
18
19. ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ำกลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ
1.Present Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำเติม ing แล้วไปทำ
หน้ำที่ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-The gentleman crossing the street is an old friend of my father’s.
สุภำพบุรุษที่กำลังข้ำมถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่ำของพ่อของผม
-Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard.
บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่ำจะผ่ำนคอร์สนี้จึงเรียนอย่ำงขมักเขม้นมำก
19
20. 2. Past Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยำช่อง 3 แล้วนำไปใช้อย่ำง
คุณศัพท์เพื่อขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-Anyone bitten by a mad dog should see a doctor at once.ใครก็ตำมที่
ถูกสุนัขบ้ำกัดควรพบหมอโดยเร็ว
****ข้อสังเกต : วลี Participle ที่ไปขยำยนำมที่เป็นชื่อเฉพำะ ต้องใส่เครื่องหมำย "," (comma)
หน้ำ-หลังด้วย
3. Perfect Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย having +
Verb ช่อง 3 + อื่นๆ (ถ้ำมี) แล้วนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ขยำยนำมหรือสรรพนำม เช่น
-Many tourists having stayed in Thailand like the hospitalities of
Thais.นักท่องเที่ยวจำนวนมำกที่ได้มำพักอยู่ในประเทศไทยชอบควำมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย
20
21. 1. ทำหน้ำที่เป็น Subject ในประโยค เช่น
- Swimming every day is a good exercise.
กำรว่ำยน้ำทุกวันเป็นกำรออกกำลังกำยที่ดี
2. ทำหน้ำที่เป็น Object of a Verb ในประโยค เช่น
- My father appreciated my speaking English.
คุณพ่อของผมมีควำมชื่นชมยินดีกับกำรพูดภำษำอังกฤษของผม
3. ทำหน้ำที่เป็น Object of Preposition ในประโยค เช่น
- She is interested in dancing every night. หล่อนสนใจเต้นรำทุกๆ คืน
4. ทำหน้ำที่เป็น Complement ของกริยำในประโยค เช่น
-What she wants is living with her husband in a foreign country.
สิ่งที่หล่อนต้องกำรคือกำรอยู่กินกับสำมีในต่ำงประเทศ
5. ทำหน้ำที่เป็น Appositive (คือเป็นนำมซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ) เช่นMy father wants to get
one thing, my going to school every day.คุณพ่อของผมอยำกได้สิ่งหนึ่งคือ กำรไปโรงเรียนของ
ผมทุกวัน
หน้ำที่ของ Gerundial Phrase
22
22. ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วย Gerund ทั้งนี้อำจเป็นวลีมำจำกกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้คือ
1.วลี gerund ขึ้นต้นด้วย gerund โดยแท้ เช่น
-I enjoy playing the piano.ผมสนุกกับกำรเล่นเปียโน
2.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยสรรพนำม (สรรพนำม + gerund) เช่น
-I hear her singing an India song.ผมได้ยินหล่อนร้องเพลงอินเดีย
3.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยคำแสดงเจ้ำของ (possessive + gerund) เช่น
-I like your speaking English.ผมชอบกำรพูดภำษำอังกฤษของคุณ
4.วลี gerund ที่ขึ้นต้นด้วยบุรพบท (บุรพบท + gerund) เช่น
-He is used to eating rice and curry.
เขำเคยชินกับกำรกินข้ำวรำดแกงเสียแล้ว
21
23. ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย Infinitive (to ตำมด้วยกริยำช่อง 1)
หน้าที่ของ Infinitive Phrase
1. เป็นประธาน (Subject) ในประโยค เช่น
To cook breakfast every day is necessary.
การทาอาหารเช้าทุกๆ วันเป็นสิ่งจาเป็น
2. เป็นกรรม (Object) ของกริยา เช่น
My shirt needs to be washed every day.
เสื้อของผมต้องได้รับการซักทุกวัน
3. เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติม (Complement) ของกริยา เช่น
Her job is to go shopping every morning.
งานของหล่อนก็คือการไปจ่ายตลาดทุกๆ เช้า
23
24. 4. เป็นคำซ้อนให้กับนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ (Appositive) เช่น
There is one thing to cook breakfast every day.
มีอยู่สิ่งหนึ่ง คือกำรทำอำหำรเช้ำทุกๆ วัน
5. เป็นคุณศัพท์ (Adjective) เมื่อไปตำมหลังนำมหรือสรรพนำม เช่น
I have no money to give you now.
ผมไม่มีเงินที่จะให้คุณเดี๋ยวนี้
6. เป็นคำวิเศษณ์หรือใช้อย่ำงคำวิเศษณ์ เมื่อวำงตำมหลัง Adjective หรือตำมหลัง Adverb เช่น
I am very glad to have him back here in time.
ผมดีใจมำกที่เขำกลับมำที่นี่ทันเวลำ
7. อำจใช้ขยำยทั้งประโยค แต่ต้องวำงไว้ต้นประโยคและมี comma คั่นกลุ่มคำ Infinitive Phrase
เสมอ เช่น
To speak English fluently, you must practice it orally every
day.
ถ้ำจะพูดภำษำอังกฤษให้เก่งแล้ว คุณจะต้องฝึกปำกเปล่ำทุกๆ วัน
24
25. ได้แก่ Phrase ที่มีลักษณะคล้ำยกับเป็นประโยค แต่ไม่ใช่ประโยค เพรำะไม่มีกริยำแท้ เพียงแต่มีคำ
ซึ่งทำหน้ำที่คล้ำยกับกริยำประกอบอยู่หลังคำนำมเท่ำนั้น แบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ
1. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูปกริยำเติม ing หรือกริยำช่อง 3 ไปประกอบหลังนำม เช่น
The train being late, they had to stay overnight at the station.เนื่องจำก
รถไฟมำช้ำกว่ำกำหนด พวกเขำจึงจำต้องพักค้ำงคืนอยู่ที่สถำนี
2. Absolute Phrase ซึ่งใช้รูป having + กริยำช่อง 3 หรือ having been + กริยำช่อง 3 แล้ว
นำไปใช้ประกอบหลังนำม เช่น
The sun having set, they didn’t go back home.
เมื่อดวงอำทิตย์ตกแล้ว พวกเขำก็ยังไม่กลับบ้ำน
***ข้อสังเกต : Absolute Phrse ต้องใช้ comma คั่นเพื่อแยกออกจำก
ประโยคใหญ่อยู่เสมอ
25
26. 3. Absolute Phrase ซึ่งไม่มีรูปกริยำใดๆ เลย phrase ในข้อนี้อันที่จริงก็
เหมือนกำรสร้ำงประโยคธรรมดำทั่วไปนั่นเอง เพียงแต่ไม่ใส่กริยำเอำไว้เท่ำนั้น เช่น
I stared at the stranger, my bare hands on the table.
ผมจ้องไปยังคนแปลกหน้ำ โดยมีมืออันว่ำงเปล่ำของผมวำงอยู่บนโต๊ะ
26