SlideShare a Scribd company logo
 
 
คือ   คำแสดงความถี่ หรือความบ่อย ใช้แสดงความถี่ หรือความบ่อยของการกระทำใน   Present Simple Tense           100%           always 80%            usually,often 50%            sometimes 20%            rarely,seldom  0%            never ตัวอย่างการใช้ I always brush my teeth before I go to bed . I usually have toast for breakfast .
โครงสร้าง :  Subject + is, am, are + Verb 1 ing.  ประโยคปฏิเสธ   เติม  not  หลัง  V.to be   ประโยคคำถาม   นำ  V.to be  วางไว้หน้าประโยค หลักการเติม  ing  ท้ายคำกริยา             1.  คำกริยาธรรมดา ให้เติม  ing  ได้เลย         2.  คำกริยาที่มีพยางค์เดียว มีตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก  1  ตัว แล้วเติม  ing 3.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย  e  เพียงตัวเดียวให้ตัด  e  ทิ้งแล้วเติม  ing 4.  คำกริยาที่ลงท้ายด้วย  ie  ให้เปลี่ยน  ie  เป็น  y  แล้วเติม  ing
[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
 
ประโยคบอกเล่า   :   Subject + Verb 2 ประโยคปฏิเสธ   :  Subject + did + not + Verb 1   ประโยคคำถาม   :  Did + Subject + Verb 1 +? ,[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
Adverbs  ที่มาจาก  adjectives   ส่วนมากจะเป็น    Adverbs of Manner   โดยมีหลักการเติม   ดังนี้   1.  เติม  -  ly  โดยตรง  เช่น   bad-badly 2.  Adjectives  ที่ลงท้ายด้วย     le     หากหน้า  - le   เป็นอักษรเสียงพยัญชนะ เปลี่ยน  e  เป็น  y  เช่น  simple-simply 3.  Adjectives   ที่ลงท้ายด้วย    y   โดยมีอักษรเสียงพยัญชนะนำหน้า  y  โดยทั่วไปจะเปลี่ยน  y  เป็น  i  ก่อนเติม  ly   เช่น  busy-busily
 
โครงสร้าง   :   S + has/have + V3   1.  ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า  since  และ  for  อยู่ด้วย      since ( ตั้งแต่ )  ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต  2.  ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งกระทำเสร็จสิ้นใหม่ๆ จะมีคำว่า  just , recently (=lately ) = (not long ago)  และ   lately  ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ   3.yet ( ยัง )  ใช้กับ   Question , Negative Answer  และ  Negative Statement // already ( เรียบร้อยแล้ว )  ใช้กับ  Affirmative Statement  และ  Affirmative Answer
โครงสร้าง   : S + have,has + been +Ving แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องกันมาจนถึงตอนที่พูดขณะที่พูดเหตุการณ์นั้นที่กำลังกระทำอยู่ เช่น I have been writing letters for two hours. ฉันเขียนจดหมายมาเป็นเวลาสองชั่วโมง  ( ตอนนี้ก็กำลังเขียนอยู่ )
 
โครงสร้าง   :  Subject + was, were + V-ing ,[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
กำลังเกิดเหตุการณ์อะไรอยู่แล้วมีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรก เราจะใช้ควบคู่  Past Simple  และ  Past Continuous  โดยที่ Past Continuous  เป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดและ Past Simple  เป็นเหตุการณ์ที่เข้ามาแทรก       เช่น I was eating my cake then I saw Phan. ฉันกำลังกินเค้กของฉันอยู่ แล้วฉันก็เห็นแป้น  While I was mopping the floor, I found the ring. ในขณะที่ฉันถูพื้นอยู่ ฉันก็เจอแหวน
โครงสร้าง   : S+had+been+ Ving   แสดงถึงการกระทำซึ่งเริ่มต้นมาก่อนจุถึงเวลาพูดถึงในอดีต และการกระทำนั้น ๆ ได้กระทำต่อเนื่องตลอดมาจนกระทั้งถึงอีกเวลาหนึ่งในอดีต เช่น       When we visited Preecha at home last night it was obvious he had    really been working up to the time we arrived. เมื่อเราไปเยี่ยมปรีชาที่บ้านคืนนี้ เป็นที่ประจักษ์ว่า เขาได้ทำงานอย่างจริงจังตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาที่เราได้ไปถึง
 
โครงสร้าง   :  Subject + will/shall + V.1 ,[object Object],[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
คือ ประโยคที่มีข้อความแสดงเงื่อนไข   หรือการสมมุติ   If + Present Simple , Future Simple.......(type 1) If + Past Simple , S + would + V1 ........(type 2) If + Past Perfect , S+would/should + have +V3.........(type 3)
1.    ใช้แสดงความปรารถนาในอดีต  [Had + V3]   I wish it  had snowed  yesterday.  2.    ใช้แสดงความปรารถนาในปัจจุบัน  [V2, was/were + Ving] They wish they  were traveling  now. 3.    ใช้แสดงความปรารถนาในอนาคต   [Would + V1] You wished she  would arrive  the next day.
 
Must   แปลว่า “ต้อง” ใช้ได้กับประธานทุกตัว Have to   แปลว่า “จำเป็นต้อง” แสดงถึงกฎ ความจำเป็น Should   แปลว่า “ควร” ใช้เป็นคำแนะนำ May   ใช้แสดงความปรารถนา / อวยพร ใช้เป็นคำขออนุญาตที่สุภาพ Might   ใช้แสดงสิ่งที่เป็นไปได้ หรือ น่าจะเป็นไปได้ Can   แปลว่า “สามารถ” ใช้แสดงการขออนุญาต แสดงความสามารถ ใช้แสดงการคาดคะเน Could   ใช้เหมือน  Can  แต่อยู่ในรูป  Past Tense
Direct Speech   การนำเอาคำพูดของคนอื่น มากล่าวต่อ หลักการเปลี่ยนจาก  Direct Speech  เป็น  Indirect Speech  หรือ Reported Statement ( บอกเล่าและปฏิเสธ ) ขั้นตอนการเปลี่ยน (1)  ตัดเครื่องหมาย  comma (,)  ออก (2)  จะเติม  that  หลัง  Reporting Verbs  หรือไม่ก็ได้ (3)  ตัดเครื่องหมายคำพูด  ( Quotation mark)  ออก (4)  เปลี่ยนสรรพนามในคำพูดให้เข้ากับผู้พูด (5)  เปลี่ยน  Tense  ของคำกริยาในคำพูดให้เข้ากับ    Reporting Verbs
 
การเปรียบเทียบขั้นปกติ   ( Positive Degree )  ใช้เปรียบเทียบความเท่าเทียมกัน ไม่เท่าเทียมกัน เช่น  long, short, small , big , fast, slow  เป็นต้น การเปรียบเทียบขั้นกว่า   ( Comparative Degree )  ใช้เปรียบเทียบกับนาม  2  จำนวน เช่น  longer, shorter, smaller, bigger , faster, slower  เป็นต้น การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด   ( Superlative Degree )  ใช้เปรียบเทียบกับนามที่มีจำนวนตั้งแต่  3  ขึ้นไป เช่น  longest, shortest, smallest, biggest  เป็นต้น
1.)  ข้างหน้าเป็น ประโยคบอกเล่า  ,    Tag  ( เป็นฏิเสธ )  2.)   คำที่ถือว่าเป็นปฏิเสธ คือ  no , not , none , neither , nobody , nothing , few , little , hardly , seldom , scarcely , rarely  3)   ถ้าประโยคส่วนหน้าเป็น  Present Simple   ( V1) ,  Tag  ใช้  verb to do มาช่วย  (  do , does)  4.)  ถ้าประโยคส่วนหน้าใช้  Let + obj + V1 , Tag  ใช้   will you / won't you ?
Reflexive Pronouns (  สรรพนามตนเอง  )   คือสรรพนามที่แสดงตนเอง แสดงการเน้น ย้ำให้เห็นชัดเจน มักเรียกว่า  - self form of pronoun    ได้แก่      myself. yourself, yourselves, himself, herself, ourselves. themselves, itself   ใช้เพื่อเน้นประธานให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำการนั้นๆ ให้วางไว้หลังประธานนั้น    ถ้าต้องการเน้นกรรม  ( object )  ให้วางหลังกรรม
 
[object Object],[object Object],[object Object]
หลักในการเปลี่ยนประโยค  Active Voice  เป็น  Passive Voice  1 .  นำกรรมของประโยค  Active Voice  มาเป็นประธานของประโยค  Passive Voice  เช่น Active Voice  :  John eats bread . Passive Voice :  Bread is eaten by John . 2 .  เปลี่ยนคำกริยาของประโยค  Active Voice  เป็นช่องที่  3   และจะต้องมี  Verb to be  อยู่หน้าคำกริยานั้นเสมอ  3 .  นำประธานของประโยค  Active Voice  ไปเป็นกรรมของประโยค  Passive Voice  โดยมีคำว่า  by  นำหน้า เช่น Active Voice  :  John eats bread . Passive Voice : Bread is eaten by John.
 
1.  โดยทั่วไปเติม  s  หลังนามเอกพจน์ เช่น   apple-apples 2.  คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย  s, ss, sh, ch, x, z  ให้เติม    es  เช่น   glass-glasses 3.  คำนามที่ลงท้ายด้วย  o   และหน้า  o  เป็นพยัญชนะ เติม  es  เช่น   potato-potatoes ข้อยกเว้น    คำนามที่ลงท้ายด้วย  o  บางคำที่ข้างหน้าเป็นสระหรือพยัญชนะ เติม  s  เช่น  auto-autos   4.  คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย  y  และหน้า  y  เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน    y  เป็น  i  แล้วเติม  es  เช่น   army-armies   5.  คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย  f  หรือ  fe  เปลี่ยนให้เป็น  v  แล้วเติม  es  เช่น   calf-calves
[object Object],[object Object],[object Object],[object Object]
a   few   (  น้อย  , สองสาม )  หมายความว่า พอมีอยู่บ้างเล็กน้อย หรือไม่มากนัก a little     ( น้อย )     แต่พอมีอยู่บ้างไม่มากนัก ใ ช้นำหน้าคำนามนับไม่ได้เอกพจน์   a lot of   ( จำนวนมาก )  ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์
 
หน้าที่ของ  Infinitive - เป็นประธานของกริยา เช่น  To obey the law is everyone's duty .  - เป็นกรรมของกริยา เช่น  He tried  to save  some money . - เป็นคำคุณศัพท์ เช่น  She collected the clothes  to be  washed . - เป็นคำวิเศษณ์ เช่น  I am happy  to talk  to him - เป็น  complement  ของ  verb to be  เช่น  Suda's ambition is  to be  a doctor .
ถ้า เป็น  everyone  ก็เข้าใจว่า หมายถึง คน แปลว่าทุกคน someone  ก็หมายถึง ใครสักคน  anyone  ก็หมาย ใครสักคน แต่คำว่า  any  มักจะปรากฎอยู่ในประโยคที่เป็นคำถาม หรือ ปฏิเสธ  ถ้าประโยคบอกเล่า ก็ใช้  someone somebody  มาจากคำว่า  some  และ  body  คำว่า  some  หมายถึง บ้าง จำนวนหนึ่ง ดังนั้น คำว่า  somebody  จึงแปลได้ว่า ใครสักคนหนึ่ง ไม่บอกชัดเจนว่าใคร แต่มีแน่ๆสักคน ส่วนคำว่า  nobody  ก็มาจาก คำว่า  none  และ  body คำว่า  none  หมายถึง ไม่มี หมด หรือจะจำง่ายๆ ว่า  no  ก็ได้ครับ  ( no =  ไม่ )
 

More Related Content

What's hot

Past simple
Past simplePast simple
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษJane Suttida
 
12tenses
12tenses12tenses
12tenses
tthanch chai
 
Past con past progressive
Past con past progressivePast con past progressive
Past con past progressive
Patcharaporn Boonkue
 
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuousใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
สมใจ จันสุกสี
 
การแปล
การแปลการแปล
การแปล
Sunisa Khaisaeng
 
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Nattharika Phumnum
 
Tense12
Tense12Tense12
Tense12
Aoy Tananya
 
Eng602 short all
Eng602 short allEng602 short all
Eng602 short alldtjatlove
 
Phrases ppt
Phrases pptPhrases ppt
Phrases ppt
Chariya Athan
 
3.if clause
3.if clause3.if clause
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
duckksnKessinee
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speech
suphap43
 
Adverbs
AdverbsAdverbs
Auxiliary verbs
Auxiliary verbsAuxiliary verbs
Auxiliary verbs
Jannie J-not
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
porntip sirisatonpun
 

What's hot (18)

Past simple
Past simplePast simple
Past simple
 
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
 
12tenses
12tenses12tenses
12tenses
 
Past con past progressive
Past con past progressivePast con past progressive
Past con past progressive
 
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuousใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
ใบงานและใบความรู้ เรื่อง Past continuous
 
การแปล
การแปลการแปล
การแปล
 
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
 
Tense12
Tense12Tense12
Tense12
 
Eng602 short all
Eng602 short allEng602 short all
Eng602 short all
 
Phrases ppt
Phrases pptPhrases ppt
Phrases ppt
 
Present simple tense
Present simple tensePresent simple tense
Present simple tense
 
3.if clause
3.if clause3.if clause
3.if clause
 
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speech
 
Present perfect tense
Present  perfect  tensePresent  perfect  tense
Present perfect tense
 
Adverbs
AdverbsAdverbs
Adverbs
 
Auxiliary verbs
Auxiliary verbsAuxiliary verbs
Auxiliary verbs
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 

Viewers also liked

Journalism headline (Apinya699)
Journalism headline (Apinya699)Journalism headline (Apinya699)
Journalism headline (Apinya699)
gadechoi102
 
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtense
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtenseองค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtense
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtenseพัน พัน
 
Dictionary
DictionaryDictionary
Dictionary
krunatppk
 
Writing the main part of a speech
Writing the main part of a speechWriting the main part of a speech
Writing the main part of a speech
missmccauley
 
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
jamie wilmott
 
How to learn transitive and intransitive verb
How to learn transitive and intransitive verbHow to learn transitive and intransitive verb
How to learn transitive and intransitive verb
Shining Student
 
Transitive. intransitive verbs by javier burgos
Transitive. intransitive verbs by javier burgosTransitive. intransitive verbs by javier burgos
Transitive. intransitive verbs by javier burgos
BIZ University
 
Part of speech bingo1
Part of speech bingo1Part of speech bingo1
Part of speech bingo1Mal Sent
 
English : Part of speech
English : Part of speech English : Part of speech
English : Part of speech
Sol Sid
 
Gerund and infinitive
Gerund and infinitiveGerund and infinitive
Gerund and infinitive
Susana Calzada
 
Feelings
FeelingsFeelings
Gerund or infinitive
Gerund or infinitiveGerund or infinitive
Gerund or infinitive
yolyordam yolyordam
 
PPT Gerunds and Infinitives
PPT Gerunds and InfinitivesPPT Gerunds and Infinitives
PPT Gerunds and InfinitivesRanny Rolinda R
 
Feelings and emotions
Feelings and emotionsFeelings and emotions
Feelings and emotionselenec
 
Infinitive or Gerund?
Infinitive or Gerund?Infinitive or Gerund?
Infinitive or Gerund?
David Mainwood
 
Verb Patterns: Infinitive and gerund
Verb Patterns: Infinitive and gerundVerb Patterns: Infinitive and gerund
Verb Patterns: Infinitive and gerund
Maribel Gonzalez
 
8 Parts of Speech PowerPoint
8 Parts of Speech PowerPoint8 Parts of Speech PowerPoint
8 Parts of Speech PowerPoint
winsleyn
 

Viewers also liked (18)

Journalism headline (Apinya699)
Journalism headline (Apinya699)Journalism headline (Apinya699)
Journalism headline (Apinya699)
 
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtense
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtenseองค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtense
องค์ประกอบพื้นฐานทั้ง5 ของtense
 
Active&passive voice
Active&passive voiceActive&passive voice
Active&passive voice
 
Dictionary
DictionaryDictionary
Dictionary
 
Writing the main part of a speech
Writing the main part of a speechWriting the main part of a speech
Writing the main part of a speech
 
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
English Verb Grammar - Transitive, Intransitive, or Linking?
 
How to learn transitive and intransitive verb
How to learn transitive and intransitive verbHow to learn transitive and intransitive verb
How to learn transitive and intransitive verb
 
Transitive. intransitive verbs by javier burgos
Transitive. intransitive verbs by javier burgosTransitive. intransitive verbs by javier burgos
Transitive. intransitive verbs by javier burgos
 
Part of speech bingo1
Part of speech bingo1Part of speech bingo1
Part of speech bingo1
 
English : Part of speech
English : Part of speech English : Part of speech
English : Part of speech
 
Gerund and infinitive
Gerund and infinitiveGerund and infinitive
Gerund and infinitive
 
Feelings
FeelingsFeelings
Feelings
 
Gerund or infinitive
Gerund or infinitiveGerund or infinitive
Gerund or infinitive
 
PPT Gerunds and Infinitives
PPT Gerunds and InfinitivesPPT Gerunds and Infinitives
PPT Gerunds and Infinitives
 
Feelings and emotions
Feelings and emotionsFeelings and emotions
Feelings and emotions
 
Infinitive or Gerund?
Infinitive or Gerund?Infinitive or Gerund?
Infinitive or Gerund?
 
Verb Patterns: Infinitive and gerund
Verb Patterns: Infinitive and gerundVerb Patterns: Infinitive and gerund
Verb Patterns: Infinitive and gerund
 
8 Parts of Speech PowerPoint
8 Parts of Speech PowerPoint8 Parts of Speech PowerPoint
8 Parts of Speech PowerPoint
 

Similar to สรุปบทรียนม.๓

โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
Ktbcom Huso
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
Ktbcom Huso
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
Ktbcom Huso
 
Tense by yuwadee wongnoi
Tense by yuwadee wongnoiTense by yuwadee wongnoi
Tense by yuwadee wongnoi
พัน พัน
 
Present perfect
Present perfectPresent perfect
Present perfect
Nagasoga Nagaso
 
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดTense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดpitukpong
 
1 พื้นฐาน passe compose
1 พื้นฐาน passe compose1 พื้นฐาน passe compose
1 พื้นฐาน passe composeP Jimmy Psc
 
Past Simple Tense
Past Simple TensePast Simple Tense
Past Simple Tense
ppraisin
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speechKwan Jai
 

Similar to สรุปบทรียนม.๓ (20)

โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
กลุ่มสาม
กลุ่มสามกลุ่มสาม
กลุ่มสาม
 
Unit 3
Unit 3Unit 3
Unit 3
 
Number 3
Number 3Number 3
Number 3
 
1 activeandpassivevoice-110925013957-phpapp01
1 activeandpassivevoice-110925013957-phpapp011 activeandpassivevoice-110925013957-phpapp01
1 activeandpassivevoice-110925013957-phpapp01
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
 
Past simple tense
Past simple tensePast simple tense
Past simple tense
 
Tense by yuwadee wongnoi
Tense by yuwadee wongnoiTense by yuwadee wongnoi
Tense by yuwadee wongnoi
 
Unit 1
Unit 1Unit 1
Unit 1
 
Present perfect
Present perfectPresent perfect
Present perfect
 
Tense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมดTense ทั้งหมด
Tense ทั้งหมด
 
1 พื้นฐาน passe compose
1 พื้นฐาน passe compose1 พื้นฐาน passe compose
1 พื้นฐาน passe compose
 
Past Simple Tense
Past Simple TensePast Simple Tense
Past Simple Tense
 
125314023903 81
125314023903 81125314023903 81
125314023903 81
 
Parts of speech
Parts of speechParts of speech
Parts of speech
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Grammar
GrammarGrammar
Grammar
 

Recently uploaded

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
RSapeTuaprakhon
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 

Recently uploaded (6)

4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 

สรุปบทรียนม.๓

  • 1.  
  • 2.  
  • 3. คือ คำแสดงความถี่ หรือความบ่อย ใช้แสดงความถี่ หรือความบ่อยของการกระทำใน Present Simple Tense          100%           always 80%            usually,often 50%            sometimes 20%            rarely,seldom 0%            never ตัวอย่างการใช้ I always brush my teeth before I go to bed . I usually have toast for breakfast .
  • 4. โครงสร้าง : Subject + is, am, are + Verb 1 ing. ประโยคปฏิเสธ เติม not หลัง V.to be ประโยคคำถาม นำ V.to be วางไว้หน้าประโยค หลักการเติม ing ท้ายคำกริยา            1. คำกริยาธรรมดา ให้เติม ing ได้เลย         2. คำกริยาที่มีพยางค์เดียว มีตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัว แล้วเติม ing 3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e เพียงตัวเดียวให้ตัด e ทิ้งแล้วเติม ing 4. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing
  • 5.
  • 6.  
  • 7.
  • 8. Adverbs ที่มาจาก adjectives  ส่วนมากจะเป็น   Adverbs of Manner  โดยมีหลักการเติม ดังนี้ 1. เติม - ly โดยตรง เช่น bad-badly 2. Adjectives ที่ลงท้ายด้วย    le    หากหน้า - le  เป็นอักษรเสียงพยัญชนะ เปลี่ยน e เป็น y เช่น simple-simply 3. Adjectives  ที่ลงท้ายด้วย   y โดยมีอักษรเสียงพยัญชนะนำหน้า y โดยทั่วไปจะเปลี่ยน y เป็น i ก่อนเติม ly  เช่น busy-busily
  • 9.  
  • 10. โครงสร้าง : S + has/have + V3 1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for อยู่ด้วย    since ( ตั้งแต่ ) ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต 2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งกระทำเสร็จสิ้นใหม่ๆ จะมีคำว่า just , recently (=lately ) = (not long ago) และ lately ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ 3.yet ( ยัง ) ใช้กับ Question , Negative Answer และ Negative Statement // already ( เรียบร้อยแล้ว ) ใช้กับ Affirmative Statement และ Affirmative Answer
  • 11. โครงสร้าง : S + have,has + been +Ving แสดงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องกันมาจนถึงตอนที่พูดขณะที่พูดเหตุการณ์นั้นที่กำลังกระทำอยู่ เช่น I have been writing letters for two hours. ฉันเขียนจดหมายมาเป็นเวลาสองชั่วโมง ( ตอนนี้ก็กำลังเขียนอยู่ )
  • 12.  
  • 13.
  • 14. กำลังเกิดเหตุการณ์อะไรอยู่แล้วมีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรก เราจะใช้ควบคู่ Past Simple และ Past Continuous โดยที่ Past Continuous เป็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดและ Past Simple เป็นเหตุการณ์ที่เข้ามาแทรก      เช่น I was eating my cake then I saw Phan. ฉันกำลังกินเค้กของฉันอยู่ แล้วฉันก็เห็นแป้น While I was mopping the floor, I found the ring. ในขณะที่ฉันถูพื้นอยู่ ฉันก็เจอแหวน
  • 15. โครงสร้าง : S+had+been+ Ving แสดงถึงการกระทำซึ่งเริ่มต้นมาก่อนจุถึงเวลาพูดถึงในอดีต และการกระทำนั้น ๆ ได้กระทำต่อเนื่องตลอดมาจนกระทั้งถึงอีกเวลาหนึ่งในอดีต เช่น      When we visited Preecha at home last night it was obvious he had    really been working up to the time we arrived. เมื่อเราไปเยี่ยมปรีชาที่บ้านคืนนี้ เป็นที่ประจักษ์ว่า เขาได้ทำงานอย่างจริงจังตลอดเวลาจนกระทั่งถึงเวลาที่เราได้ไปถึง
  • 16.  
  • 17.
  • 18. คือ ประโยคที่มีข้อความแสดงเงื่อนไข หรือการสมมุติ If + Present Simple , Future Simple.......(type 1) If + Past Simple , S + would + V1 ........(type 2) If + Past Perfect , S+would/should + have +V3.........(type 3)
  • 19. 1.   ใช้แสดงความปรารถนาในอดีต [Had + V3] I wish it had snowed yesterday. 2.   ใช้แสดงความปรารถนาในปัจจุบัน [V2, was/were + Ving] They wish they were traveling now. 3.   ใช้แสดงความปรารถนาในอนาคต [Would + V1] You wished she would arrive the next day.
  • 20.  
  • 21. Must แปลว่า “ต้อง” ใช้ได้กับประธานทุกตัว Have to แปลว่า “จำเป็นต้อง” แสดงถึงกฎ ความจำเป็น Should แปลว่า “ควร” ใช้เป็นคำแนะนำ May ใช้แสดงความปรารถนา / อวยพร ใช้เป็นคำขออนุญาตที่สุภาพ Might ใช้แสดงสิ่งที่เป็นไปได้ หรือ น่าจะเป็นไปได้ Can แปลว่า “สามารถ” ใช้แสดงการขออนุญาต แสดงความสามารถ ใช้แสดงการคาดคะเน Could ใช้เหมือน Can แต่อยู่ในรูป Past Tense
  • 22. Direct Speech การนำเอาคำพูดของคนอื่น มากล่าวต่อ หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech เป็น Indirect Speech หรือ Reported Statement ( บอกเล่าและปฏิเสธ ) ขั้นตอนการเปลี่ยน (1) ตัดเครื่องหมาย comma (,) ออก (2) จะเติม that หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้ (3) ตัดเครื่องหมายคำพูด ( Quotation mark) ออก (4) เปลี่ยนสรรพนามในคำพูดให้เข้ากับผู้พูด (5) เปลี่ยน Tense ของคำกริยาในคำพูดให้เข้ากับ Reporting Verbs
  • 23.  
  • 24. การเปรียบเทียบขั้นปกติ ( Positive Degree ) ใช้เปรียบเทียบความเท่าเทียมกัน ไม่เท่าเทียมกัน เช่น long, short, small , big , fast, slow เป็นต้น การเปรียบเทียบขั้นกว่า ( Comparative Degree ) ใช้เปรียบเทียบกับนาม 2 จำนวน เช่น longer, shorter, smaller, bigger , faster, slower เป็นต้น การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด ( Superlative Degree ) ใช้เปรียบเทียบกับนามที่มีจำนวนตั้งแต่ 3 ขึ้นไป เช่น longest, shortest, smallest, biggest เป็นต้น
  • 25. 1.) ข้างหน้าเป็น ประโยคบอกเล่า ,    Tag  ( เป็นฏิเสธ ) 2.)  คำที่ถือว่าเป็นปฏิเสธ คือ no , not , none , neither , nobody , nothing , few , little , hardly , seldom , scarcely , rarely 3)  ถ้าประโยคส่วนหน้าเป็น Present Simple   ( V1) ,  Tag  ใช้ verb to do มาช่วย ( do , does) 4.) ถ้าประโยคส่วนหน้าใช้ Let + obj + V1 , Tag ใช้   will you / won't you ?
  • 26. Reflexive Pronouns ( สรรพนามตนเอง ) คือสรรพนามที่แสดงตนเอง แสดงการเน้น ย้ำให้เห็นชัดเจน มักเรียกว่า - self form of pronoun   ได้แก่     myself. yourself, yourselves, himself, herself, ourselves. themselves, itself  ใช้เพื่อเน้นประธานให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำการนั้นๆ ให้วางไว้หลังประธานนั้น   ถ้าต้องการเน้นกรรม ( object ) ให้วางหลังกรรม
  • 27.  
  • 28.
  • 29. หลักในการเปลี่ยนประโยค Active Voice เป็น Passive Voice 1 . นำกรรมของประโยค Active Voice มาเป็นประธานของประโยค Passive Voice เช่น Active Voice : John eats bread . Passive Voice : Bread is eaten by John . 2 . เปลี่ยนคำกริยาของประโยค Active Voice เป็นช่องที่ 3 และจะต้องมี Verb to be อยู่หน้าคำกริยานั้นเสมอ 3 . นำประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมีคำว่า by นำหน้า เช่น Active Voice : John eats bread . Passive Voice : Bread is eaten by John.
  • 30.  
  • 31. 1. โดยทั่วไปเติม s หลังนามเอกพจน์ เช่น apple-apples 2. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x, z ให้เติม   es เช่น glass-glasses 3. คำนามที่ลงท้ายด้วย o  และหน้า o เป็นพยัญชนะ เติม es เช่น potato-potatoes ข้อยกเว้น   คำนามที่ลงท้ายด้วย o  บางคำที่ข้างหน้าเป็นสระหรือพยัญชนะ เติม s เช่น auto-autos   4. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน   y เป็น i แล้วเติม es เช่น army-armies   5. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe เปลี่ยนให้เป็น v แล้วเติม es เช่น calf-calves
  • 32.
  • 33. a   few   ( น้อย , สองสาม ) หมายความว่า พอมีอยู่บ้างเล็กน้อย หรือไม่มากนัก a little    ( น้อย )   แต่พอมีอยู่บ้างไม่มากนัก ใ ช้นำหน้าคำนามนับไม่ได้เอกพจน์ a lot of   ( จำนวนมาก ) ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ + กริยาพหูพจน์
  • 34.  
  • 35. หน้าที่ของ Infinitive - เป็นประธานของกริยา เช่น To obey the law is everyone's duty . - เป็นกรรมของกริยา เช่น He tried to save some money . - เป็นคำคุณศัพท์ เช่น She collected the clothes to be washed . - เป็นคำวิเศษณ์ เช่น I am happy to talk to him - เป็น complement ของ verb to be เช่น Suda's ambition is to be a doctor .
  • 36. ถ้า เป็น everyone ก็เข้าใจว่า หมายถึง คน แปลว่าทุกคน someone ก็หมายถึง ใครสักคน anyone ก็หมาย ใครสักคน แต่คำว่า any มักจะปรากฎอยู่ในประโยคที่เป็นคำถาม หรือ ปฏิเสธ ถ้าประโยคบอกเล่า ก็ใช้ someone somebody มาจากคำว่า some และ body คำว่า some หมายถึง บ้าง จำนวนหนึ่ง ดังนั้น คำว่า somebody จึงแปลได้ว่า ใครสักคนหนึ่ง ไม่บอกชัดเจนว่าใคร แต่มีแน่ๆสักคน ส่วนคำว่า nobody ก็มาจาก คำว่า none และ body คำว่า none หมายถึง ไม่มี หมด หรือจะจำง่ายๆ ว่า no ก็ได้ครับ ( no = ไม่ )
  • 37.