SlideShare a Scribd company logo
Negative Sentence
ประโยค negative คือประโยคที่มีใจความปฏิเสธ ซึ่งจะมีคาปฏิเสธ
(negative words) เหล่านี้อยู่ no, none, nothing, nobody,
nowhere, never, neither, nor หรือประโยคที่ถูกทาให้เป็นปฏิเสธ
โดยการเติม adverb “not” เข้าไปในประโยค
หลักการเติม not:
เมื่อมีคากริยา 2 คา อยู่ในประโยค เราจะเติม “not” ไว้ที่หลัง
กริยาช่วย
He cannot (can’t) work.
He is not (isn’t) working.
He has not (hasn’t) worked.
He has not (hasn’t) been working.
He should not (shouldn’t) have worked.
ถ้าในประโยคมีคากริยาเพียง 1 คา ก็ให้เปลี่ยนรูปกริยากลับไปเป็นรูปธรรมดา
คือ infinitive without to แล้วเติม do, does, หรือ did + not
I do not know .
He does not know .
We did not know .
ในกรณีที่เป็น verb “be” หรือ verb “haveนั้น ไม่ต้องเติม do ให้ใส่
“not” ไว้หลังกริยาได้เลย
I am not afraid.
You are not late.
We have not much.
I had not the time to do it.
หลักการใช้ no, none, และ any
no , none , one , nobody , nothing , nowhere
คาทั้งหมดข้างต้นต่างเป็นคาปฏิเสธหรือคาที่แสดงผลในทางลบ
(negative words) ซึ่งมักจะใช้คาเหล่านี้ในการเริ่มต้นประโยคหรือ
ใช้อย่างโดดเดี่ยวในรูปของการปฏิเสธหรือแสดงผลในทางลบ ดังตัวอย่าง
No one (or Nobody) came to visit me when I was in the
hospital.
No system of government is perfect.
Where are you going? Nowhere. I’m staying here.
None of these books are mine.
What did you do? Nothing.
สามารถใช้คาเหล่านี้ตรงกลางหรือตอนท้ายของประโยคก็ได้ แต่จะต้องไม่
ใช้ not กับคาเหล่านี้เป็นอันขาด ทั้งนี้เพราะต่างเป็นคาในรูปปฏิเสธหรือคาที่
แสดงผลในทางลบอยู่แล้ว เช่น
I saw nothing. (จะต้องไม่ใช้ว่า I didn’t see nothing.)
และตรงกลางหรือตอนท้ายของประโยค นิยมใช้ not…+any/
anyone/ anybody/ anything/ anywhere ด้วยเช่นเดียวกัน ดัง
ตัวอย่าง
I didn’t (did not) see anything. (= I saw nothing.)
We don’t have any money. (=We have no money.)
The station isn’t anywhere near here. (=…is
nowhere near hear.)
She didn’t tell anyone about her plans.
**แต่ในกรณีที่มีคาในรูปปฏิเสธ (negative words) อื่นๆ อยู่แล้วไม่
จาเป็นต้องใช้ not ในรูปประโยคนั้นๆ เช่น
Nobody tells me anything. (=People don’t tell me
anything.)
2. no และ none มีความหมายที่เหมือนกันคือ not a หรือ not any
แต่มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกันดังนี้
1) ใช้ no กับคานาม (Nouns) ดังตัวอย่าง
We had to walk because there was no bus. (= there was not a bus หรือ
there wasnot any buses)
I can’t talk to you now. I have no time. (= I do not have any time.)
There were no stores open. (= There were not any stores open.)
2) ใช้ none ได้สองรูปแบบด้วยกัน คือ
a) ใช้อย่างโดเดี่ยวโดยไม่มีคานาม (Nouns) เช่น
How much money do you have? None.
b) ใช้ในรูปของ none of ตามลักษณะดังนี้
None of these shops/ none of my money/ none of it/ none of us/
none of you/ none of them, etc.
****สิ่งที่ต้องจา คานาม (Noun) ข้างหลัง none of จะต้องเป็น คาพหูพจน์ (plural
words) เสมอ (อย่างเช่น none of the girls/ none of them, etc.) แต่สาหรับคากิริยา
(Verb) สามารถใช้ได้ทั้งในรูปของ เอกพจน์ (Singular) และ พหูพจน์ (Plural) แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้ใน
รูปของพหูพจน์มากกว่า เช่น None of the people I met were English.
3. ข้างหลังของ no one และ nobody ต้อง
ใช้ they, them, หรือ their ดังตัวอย่าง
Nobody called, did they? (หมายถึง did
he? หรือ did she?)
No one in this class did their homework
(หมายถึง did his homework หรือ did her
homework)
หลักการใช้ Neither…nor
Neither...nor มีความหมายว่า>>>ไม่ทั้งสองอย่าง
Neither + Subject 1 + nor + Subject 2
(ข้อควรจา : กริยาในประโยคนั้น ผันตามประธานที่อยู่ติดกับกริยาหรือประธานตัวที่ 2 นั่นเอง)
Neither Jack nor Jim can drive.
ทั้งแจ็คและจิม ไม่มีใครขับรถได้เลย
(* การใช้ Neither...nor ถึงแม้จะเป็นประโยคบอกเล่าแต่ให้ความหมายในเชิงปฏิเสธ)
Neither Fred nor Sara is free.
ทั้งเฟรดและซาร่าไม่มีใครว่างเลย
****Neither สามารถใช้เดี่ยวๆโดยที่ไม่ต้องมี nor
This match was disappointing. Neither team play well.
เกมนี้น่าผิดหวังมากๆ เล่นไม่ดีทั้งสองทีมเลย
(Neither นาหน้านาม team แปลว่า ไม่ทั้งสองทีม)
**** nor ก็สามารถอยู่ได้เดี่ยวๆเหมือนกัน
ในกรณีนี้nor จะเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อบอกความ
เป็นปฏิเสธ เช่น
She cannot speak France ,nor can she speaks
English.
เธอพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้และก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย
(** ข้อสังเกต : ประโยคแรกจะเป็นประโยคปฏิเสธก่อน ส่วนประโยคหลังจะ
เป็นบอกเล่า แต่ประโยคหลังให้เราเอากริยาช่วย ซึ่งตามตัวอย่างก็คือ can มา
ไว้ก่อนประธาน ความหมายจะเป็นปฏิเสธในตัวของมันเองเลย)
I don't expect children to be rude, nor do I
expect to be disobeye
ฉันไม่คาดหวังให้เด็กทาตัวหยาบคายและก็ไม่หวังให้ทาตัวไม่เชื่อฟังด้วย
Position of the Negative:
A B
I think he won’t come. I don’t think he’ll come.
I suppose it isn’t true. I don’t suppose it’s true.
I believe that I can’t stand a week
of this.
I don’t believe that I can stand a
week of this.
I suppose I shan’t do it again for
months and months.
I don’t suppose I shall do it again for
months and months.
จากตาแหน่งการวางคาปฏิเสธในประโยคตัวอย่างในตาราง ถึงแม้ว่า
สาหรับคนไทยตัวอย่างประโยคชุด A จะดูเป็นธรรมชาติ และดูเหมือนจะถูกต้อง
มากกว่าตัวอย่างชุด B แต่สาหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นั้น เขามักจะวาง
คาปฏิเสธไว้ที่ต้นประโยคอย่างในตัวอย่างชุด B มากกว่า
แต่ก็มีข้อควรระวัง เพราะการสลับตาแหน่งของคาปฏิเสธแบบ
นี้ใช้ได้เฉพาะกับกริยาที่แสดงความรู้สึกนึกคิด เช่น suppose,
think, believe ส่วนกริยาที่แสดงการกระทา เช่น tell, ask นั้น
เราไม่สามารถสลับตาแหน่งของคาปฏิเสธได้ เพราะจะทาให้
ความหมายเปลี่ยนไป ดังตัวอย่างต่อไปนี้
A. He didn’t tell me he would be there.
B. He told me he wouldn’t be there.
A. I didn’t ask him to come.
B. I asked him not to come.
Emphatic Negation:
เราสามารถเน้นใจความปฏิเสธได้โดยการใช้ no แทน เช่น
This won’t be an easy matter.
This will be no easy matter.
เราสามารถเน้นใจความปฏิเสธให้หนักแน่นกว่าเดิมด้วยการเติม
“at all” หลักการนี้ใช้ได้กับคาปฏิเสธเกือบทั้งหมด ยกเว้น neither
และ nor
I saw nothing at all.
Nothing matters at all.
There was nobody at all.
ส่วน not สามารถทาให้หนักแน่นขึ้นโดยการเติมวลี a bit, the
least bit, in the least, by a long way เข้าไป
I am not a bit tired.
I am not the least bit tired.
I am not tired in the least.
isn’t rich by a long way. (He is far from rich.)
Double Negation:
การมีคาปฏิเสธสองคาในประโยคเดียวกันนั้น ทาให้ความหมายของประโยคนั้น
ประโยคนั้นเปลี่ยนจาก negative เป็น affirmative ลองเปรียบเทียบตัวอย่างประโยค
ประโยคต่อไปนี้
บอกเล่า:
It is common for the son of a millionaire to marry a poor girl.
เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน
ปฏิเสธ:
It is uncommon for the son of a millionaire to marry a poor girl.
เป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน
• ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ:
It is not uncommon for the son of a millionaire to
marry a poor girl.
ไม่ใช่เรื่องไม่ปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน
He went to work as usual, though not without some
fear.
เขาไปทางานเหมือนปกติแล้ว แม้จะยังมีความกลัวอยู่บ้าง (ไม่ใช่ไม่กลัว)
He doesn’t do it for nothing.
เขาไม่ได้ทามันโดยไม่ได้หวังอะไร
Nothing is nothing at all. (Everything is of some
importance.)
ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไร้ความหมายไปเสียทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การใช้คาปฏิเสธซ้อนปฏิเสธในภาษาตลาด มักใช้เพื่อ
สื่อความหมายในเชิงปฏิเสธ เช่น
I don’t know nothing. = I don’t know anything.
There isn’t no such thing. = There isn’t such a thing.
I won’t give nobody nothing no more. = I won’t give
anybody anything any more.
ประโยคคาถามปฏิเสธหรือ Negative Questions?เป็น
ประโยคคาถามชนิดหนึ่งที่มีลักษณะการถามและคาที่ใช้ถามคล้ายกับ
ประโยคคาถามประเภท yes/no questions เพราะคาที่นามาใช้
ขึ้นต้นในการถามก็คือกริยาช่วยที่ใช้ในประโยคคาถามประเภท yes/no
questions เพียงแต่นามาใช้ในรูปปฏิเสธ และต้องย่อรูปปฏิเสธของ
กริยาช่วยดังกล่าวด้วย เราสามารถนากริยาช่วยมาใช้ในการถามปฏิเสธได้
ทุกคาโดยขึ้นอยู่กับบริบทของการสนทนาและมักใช้คาถามปฏิเสธเพื่อ
แสดงความแปลกใจหรือประหลาดใจ
A:Didn't you hear the ring? I called you
three times two hours ago.
B:No, I didn't. I was sleeping.
จัดทาโดย
นางสาวสุธิดา สาราญสกุล
รหัสนักศึกษา 56101204142
คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ

More Related Content

What's hot

daily routine
daily routine daily routine
daily routine
Nim Kotarak
 
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยแบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยpeter dontoom
 
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5โครงสร้างสาระวิทย์ป.5
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5supphawan
 
Have to/Had to
Have to/Had toHave to/Had to
Have to/Had to
thip .fiefy
 
การอนุมาน หรือ Inference
การอนุมาน หรือ Inferenceการอนุมาน หรือ Inference
การอนุมาน หรือ Inference
Aj Muu
 
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
สมใจ จันสุกสี
 
แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food
Nim Kotarak
 
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
SlideShare-เยอะเกิน-กฤตยา ศรีริ
 
การใช้ Present continuous tense
การใช้ Present continuous tenseการใช้ Present continuous tense
การใช้ Present continuous tenseพัน พัน
 
การใช้ Infinitive และ gerund
การใช้ Infinitive และ gerundการใช้ Infinitive และ gerund
การใช้ Infinitive และ gerund
goffee2012
 
แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense
สมใจ จันสุกสี
 
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓Mameaw Mameaw
 
คำบุพบท
คำบุพบทคำบุพบท
คำบุพบท
Nanthida Chattong
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3Tharinee Japhimai
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
Ratty Krutae
 
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติโครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
Dota00961
 
สื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to beสื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to be
thip .fiefy
 
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
Lamai Fungcholjitt
 
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshareนวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
nunawanna
 

What's hot (20)

daily routine
daily routine daily routine
daily routine
 
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยแบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
 
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5โครงสร้างสาระวิทย์ป.5
โครงสร้างสาระวิทย์ป.5
 
Verb to_..
Verb  to_..Verb  to_..
Verb to_..
 
Have to/Had to
Have to/Had toHave to/Had to
Have to/Had to
 
การอนุมาน หรือ Inference
การอนุมาน หรือ Inferenceการอนุมาน หรือ Inference
การอนุมาน หรือ Inference
 
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
ใบความรู้เรื่อง การเปรียบเทียบ Comparison
 
แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food แผนการสอน ป3 our food
แผนการสอน ป3 our food
 
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
1 2557ข้อสอบภาษาอังกฤษม.5-ปลายภาค
 
การใช้ Present continuous tense
การใช้ Present continuous tenseการใช้ Present continuous tense
การใช้ Present continuous tense
 
การใช้ Infinitive และ gerund
การใช้ Infinitive และ gerundการใช้ Infinitive และ gerund
การใช้ Infinitive และ gerund
 
แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense
 
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
ตัวชี้วัด ม.๑ ม.๒ ม.๓
 
คำบุพบท
คำบุพบทคำบุพบท
คำบุพบท
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ PPP Unit: Career Topic: Future Career M3
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติโครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
โครงงานศึกษาประสิทธิภาพของโอเอซิสจากวัสดุเหลือใช้ในธรรมชาติ
 
สื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to beสื่อการสอน Verb to be
สื่อการสอน Verb to be
 
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
เกณฑ์การประเมินรูบริคส์
 
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshareนวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
นวัตกรรม เรื่อง Occupations slideshare
 

Similar to Negative sentence

Eng2550
Eng2550Eng2550
Eng2550
friseriz
 
โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
กัลยณัฏฐ์ สุวรรณไตรย์
 
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้Netnapa Iamanupong
 
สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓vino_3026
 
สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓vino_3026
 
7.question
7.question7.question
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
duckksnKessinee
 
Noun clause
Noun clauseNoun clause
Noun clause
Ping Chungcharoen
 

Similar to Negative sentence (20)

Eng2550
Eng2550Eng2550
Eng2550
 
Unit 1
Unit 1Unit 1
Unit 1
 
โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์โครงสร้างทางไวยากรณ์
โครงสร้างทางไวยากรณ์
 
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้
กริยาช่วยมีด้วยกันทั้งหมด 24 ตัวดังนี้
 
Unit 1 nouns & articles
Unit 1   nouns & articlesUnit 1   nouns & articles
Unit 1 nouns & articles
 
Question tag
Question tagQuestion tag
Question tag
 
สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓
 
สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓สรุปบทรียนม.๓
สรุปบทรียนม.๓
 
7.question
7.question7.question
7.question
 
Unit 3
Unit 3Unit 3
Unit 3
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Verbs1
Verbs1Verbs1
Verbs1
 
Sentence transformation
Sentence transformationSentence transformation
Sentence transformation
 
Favourites
FavouritesFavourites
Favourites
 
Noun clause
Noun clauseNoun clause
Noun clause
 
If
IfIf
If
 
Unit 4
Unit 4Unit 4
Unit 4
 
Present continuous tense
Present continuous tensePresent continuous tense
Present continuous tense
 
Present continuous tense
Present continuous tensePresent continuous tense
Present continuous tense
 
Present continuous tense
Present continuous tensePresent continuous tense
Present continuous tense
 

Recently uploaded

การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
RSapeTuaprakhon
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 

Recently uploaded (6)

การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่นการเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
การเคลื่อนที่ของคลื่น ปรากฎการคลื่นกล ความเร็วคลื่น ส่วนประกอบของคลื่น
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 

Negative sentence

  • 1. Negative Sentence ประโยค negative คือประโยคที่มีใจความปฏิเสธ ซึ่งจะมีคาปฏิเสธ (negative words) เหล่านี้อยู่ no, none, nothing, nobody, nowhere, never, neither, nor หรือประโยคที่ถูกทาให้เป็นปฏิเสธ โดยการเติม adverb “not” เข้าไปในประโยค หลักการเติม not: เมื่อมีคากริยา 2 คา อยู่ในประโยค เราจะเติม “not” ไว้ที่หลัง กริยาช่วย He cannot (can’t) work. He is not (isn’t) working. He has not (hasn’t) worked. He has not (hasn’t) been working. He should not (shouldn’t) have worked.
  • 2. ถ้าในประโยคมีคากริยาเพียง 1 คา ก็ให้เปลี่ยนรูปกริยากลับไปเป็นรูปธรรมดา คือ infinitive without to แล้วเติม do, does, หรือ did + not I do not know . He does not know . We did not know . ในกรณีที่เป็น verb “be” หรือ verb “haveนั้น ไม่ต้องเติม do ให้ใส่ “not” ไว้หลังกริยาได้เลย I am not afraid. You are not late. We have not much. I had not the time to do it.
  • 3. หลักการใช้ no, none, และ any no , none , one , nobody , nothing , nowhere คาทั้งหมดข้างต้นต่างเป็นคาปฏิเสธหรือคาที่แสดงผลในทางลบ (negative words) ซึ่งมักจะใช้คาเหล่านี้ในการเริ่มต้นประโยคหรือ ใช้อย่างโดดเดี่ยวในรูปของการปฏิเสธหรือแสดงผลในทางลบ ดังตัวอย่าง No one (or Nobody) came to visit me when I was in the hospital. No system of government is perfect. Where are you going? Nowhere. I’m staying here. None of these books are mine. What did you do? Nothing.
  • 4. สามารถใช้คาเหล่านี้ตรงกลางหรือตอนท้ายของประโยคก็ได้ แต่จะต้องไม่ ใช้ not กับคาเหล่านี้เป็นอันขาด ทั้งนี้เพราะต่างเป็นคาในรูปปฏิเสธหรือคาที่ แสดงผลในทางลบอยู่แล้ว เช่น I saw nothing. (จะต้องไม่ใช้ว่า I didn’t see nothing.) และตรงกลางหรือตอนท้ายของประโยค นิยมใช้ not…+any/ anyone/ anybody/ anything/ anywhere ด้วยเช่นเดียวกัน ดัง ตัวอย่าง I didn’t (did not) see anything. (= I saw nothing.) We don’t have any money. (=We have no money.) The station isn’t anywhere near here. (=…is nowhere near hear.) She didn’t tell anyone about her plans. **แต่ในกรณีที่มีคาในรูปปฏิเสธ (negative words) อื่นๆ อยู่แล้วไม่ จาเป็นต้องใช้ not ในรูปประโยคนั้นๆ เช่น Nobody tells me anything. (=People don’t tell me anything.)
  • 5. 2. no และ none มีความหมายที่เหมือนกันคือ not a หรือ not any แต่มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างกันดังนี้ 1) ใช้ no กับคานาม (Nouns) ดังตัวอย่าง We had to walk because there was no bus. (= there was not a bus หรือ there wasnot any buses) I can’t talk to you now. I have no time. (= I do not have any time.) There were no stores open. (= There were not any stores open.) 2) ใช้ none ได้สองรูปแบบด้วยกัน คือ a) ใช้อย่างโดเดี่ยวโดยไม่มีคานาม (Nouns) เช่น How much money do you have? None. b) ใช้ในรูปของ none of ตามลักษณะดังนี้ None of these shops/ none of my money/ none of it/ none of us/ none of you/ none of them, etc. ****สิ่งที่ต้องจา คานาม (Noun) ข้างหลัง none of จะต้องเป็น คาพหูพจน์ (plural words) เสมอ (อย่างเช่น none of the girls/ none of them, etc.) แต่สาหรับคากิริยา (Verb) สามารถใช้ได้ทั้งในรูปของ เอกพจน์ (Singular) และ พหูพจน์ (Plural) แต่ส่วนใหญ่นิยมใช้ใน รูปของพหูพจน์มากกว่า เช่น None of the people I met were English.
  • 6. 3. ข้างหลังของ no one และ nobody ต้อง ใช้ they, them, หรือ their ดังตัวอย่าง Nobody called, did they? (หมายถึง did he? หรือ did she?) No one in this class did their homework (หมายถึง did his homework หรือ did her homework)
  • 7. หลักการใช้ Neither…nor Neither...nor มีความหมายว่า>>>ไม่ทั้งสองอย่าง Neither + Subject 1 + nor + Subject 2 (ข้อควรจา : กริยาในประโยคนั้น ผันตามประธานที่อยู่ติดกับกริยาหรือประธานตัวที่ 2 นั่นเอง) Neither Jack nor Jim can drive. ทั้งแจ็คและจิม ไม่มีใครขับรถได้เลย (* การใช้ Neither...nor ถึงแม้จะเป็นประโยคบอกเล่าแต่ให้ความหมายในเชิงปฏิเสธ) Neither Fred nor Sara is free. ทั้งเฟรดและซาร่าไม่มีใครว่างเลย ****Neither สามารถใช้เดี่ยวๆโดยที่ไม่ต้องมี nor This match was disappointing. Neither team play well. เกมนี้น่าผิดหวังมากๆ เล่นไม่ดีทั้งสองทีมเลย (Neither นาหน้านาม team แปลว่า ไม่ทั้งสองทีม)
  • 8. **** nor ก็สามารถอยู่ได้เดี่ยวๆเหมือนกัน ในกรณีนี้nor จะเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันเพื่อบอกความ เป็นปฏิเสธ เช่น She cannot speak France ,nor can she speaks English. เธอพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้และก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วย (** ข้อสังเกต : ประโยคแรกจะเป็นประโยคปฏิเสธก่อน ส่วนประโยคหลังจะ เป็นบอกเล่า แต่ประโยคหลังให้เราเอากริยาช่วย ซึ่งตามตัวอย่างก็คือ can มา ไว้ก่อนประธาน ความหมายจะเป็นปฏิเสธในตัวของมันเองเลย) I don't expect children to be rude, nor do I expect to be disobeye ฉันไม่คาดหวังให้เด็กทาตัวหยาบคายและก็ไม่หวังให้ทาตัวไม่เชื่อฟังด้วย
  • 9. Position of the Negative: A B I think he won’t come. I don’t think he’ll come. I suppose it isn’t true. I don’t suppose it’s true. I believe that I can’t stand a week of this. I don’t believe that I can stand a week of this. I suppose I shan’t do it again for months and months. I don’t suppose I shall do it again for months and months. จากตาแหน่งการวางคาปฏิเสธในประโยคตัวอย่างในตาราง ถึงแม้ว่า สาหรับคนไทยตัวอย่างประโยคชุด A จะดูเป็นธรรมชาติ และดูเหมือนจะถูกต้อง มากกว่าตัวอย่างชุด B แต่สาหรับผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นั้น เขามักจะวาง คาปฏิเสธไว้ที่ต้นประโยคอย่างในตัวอย่างชุด B มากกว่า
  • 10. แต่ก็มีข้อควรระวัง เพราะการสลับตาแหน่งของคาปฏิเสธแบบ นี้ใช้ได้เฉพาะกับกริยาที่แสดงความรู้สึกนึกคิด เช่น suppose, think, believe ส่วนกริยาที่แสดงการกระทา เช่น tell, ask นั้น เราไม่สามารถสลับตาแหน่งของคาปฏิเสธได้ เพราะจะทาให้ ความหมายเปลี่ยนไป ดังตัวอย่างต่อไปนี้ A. He didn’t tell me he would be there. B. He told me he wouldn’t be there. A. I didn’t ask him to come. B. I asked him not to come.
  • 11. Emphatic Negation: เราสามารถเน้นใจความปฏิเสธได้โดยการใช้ no แทน เช่น This won’t be an easy matter. This will be no easy matter. เราสามารถเน้นใจความปฏิเสธให้หนักแน่นกว่าเดิมด้วยการเติม “at all” หลักการนี้ใช้ได้กับคาปฏิเสธเกือบทั้งหมด ยกเว้น neither และ nor I saw nothing at all. Nothing matters at all. There was nobody at all.
  • 12. ส่วน not สามารถทาให้หนักแน่นขึ้นโดยการเติมวลี a bit, the least bit, in the least, by a long way เข้าไป I am not a bit tired. I am not the least bit tired. I am not tired in the least. isn’t rich by a long way. (He is far from rich.)
  • 13. Double Negation: การมีคาปฏิเสธสองคาในประโยคเดียวกันนั้น ทาให้ความหมายของประโยคนั้น ประโยคนั้นเปลี่ยนจาก negative เป็น affirmative ลองเปรียบเทียบตัวอย่างประโยค ประโยคต่อไปนี้ บอกเล่า: It is common for the son of a millionaire to marry a poor girl. เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน ปฏิเสธ: It is uncommon for the son of a millionaire to marry a poor girl. เป็นเรื่องไม่ปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน
  • 14. • ปฏิเสธซ้อนปฏิเสธ: It is not uncommon for the son of a millionaire to marry a poor girl. ไม่ใช่เรื่องไม่ปกติธรรมดาที่ลูกชายเศรษฐีจะไปแต่งงานกับเด็กหญิงยากจน He went to work as usual, though not without some fear. เขาไปทางานเหมือนปกติแล้ว แม้จะยังมีความกลัวอยู่บ้าง (ไม่ใช่ไม่กลัว) He doesn’t do it for nothing. เขาไม่ได้ทามันโดยไม่ได้หวังอะไร Nothing is nothing at all. (Everything is of some importance.) ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไร้ความหมายไปเสียทั้งหมด
  • 15. อย่างไรก็ตาม การใช้คาปฏิเสธซ้อนปฏิเสธในภาษาตลาด มักใช้เพื่อ สื่อความหมายในเชิงปฏิเสธ เช่น I don’t know nothing. = I don’t know anything. There isn’t no such thing. = There isn’t such a thing. I won’t give nobody nothing no more. = I won’t give anybody anything any more.
  • 16. ประโยคคาถามปฏิเสธหรือ Negative Questions?เป็น ประโยคคาถามชนิดหนึ่งที่มีลักษณะการถามและคาที่ใช้ถามคล้ายกับ ประโยคคาถามประเภท yes/no questions เพราะคาที่นามาใช้ ขึ้นต้นในการถามก็คือกริยาช่วยที่ใช้ในประโยคคาถามประเภท yes/no questions เพียงแต่นามาใช้ในรูปปฏิเสธ และต้องย่อรูปปฏิเสธของ กริยาช่วยดังกล่าวด้วย เราสามารถนากริยาช่วยมาใช้ในการถามปฏิเสธได้ ทุกคาโดยขึ้นอยู่กับบริบทของการสนทนาและมักใช้คาถามปฏิเสธเพื่อ แสดงความแปลกใจหรือประหลาดใจ A:Didn't you hear the ring? I called you three times two hours ago. B:No, I didn't. I was sleeping.