การตีความกฎหมาย
- 4. ตามปกติเมื่อตัวบทกฎหมายก็ดี คาพิพากษาขอศาลก็ดี สัญญา พินัยกรรม
หรือเอกสารอื่นทางกฎหมายก็ดีมีข้อความแจ่มแจ้งอยู่แล้วก็ไม่จาต้องตีความทางกฎหมาย
ตรงกันข้ามถ้าบทบัญญัติของกฎหมายเคลือบคลุมมีข้อความกากวมก็ต้องใฝ่หาเจตนารมณ์
อันแท้จริงของกฎหมายหรือของผู้ทาเอกสารเหล่านั้นให้ได้
ถ้าหากเป็นสัญญาก็จะต้องเป็นเจตนารมณ์ของคู่สัญญาทุกฝ่ายในขณะทาสัญญานั้นเป็นสา
คัญถ้าเป็นพินัยกรรมก็ต้องถือตามความประสงค์ของผู้ทาพินัยกรรมเป็นที่ตั้ง
การใฝ่หาเจตนารมณ์ดังกล่าวนี้คือ “การตีความกฎหมาย”
ก.การตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศหรือเป็นกฎหมายของกฎหมายทั้งป
วง
รัฐธรรมนูญจึงมีความสาคัญอย่างยิ่งในการตีความรัฐธรรมนูญย่อมกระทบถึงสิทธิ
เสรีภาพ หน้าที่ และความรับผิดของราษฎรโดยตรง
การตีความรัฐธรรมนูญจึงต้องกระทาด้วยความรอบคอบและพิถีพิถัน
ผู้ที่ตีความรัฐธรรมนูญคือศาลรัฐธรรมนูญ
วิธีการตีความรัฐธรรมนูญจึงมีวิธีความเช่นเดียวกันกับการตีความกฎหมายทั่วๆไปคือใช้เค
รื่องมือช่วยดังนี้
๑.) คาปรารภของรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฯพ.ศ.2550
มีหลักสาคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้เป็นที่ประจักษ์ชั
ดเจนยิ่งขึ้น….เป็นต้น
๒.)หลักกฎหมายทั่วไปในรูปสุภาษิตกฎหมาย เช่น สุภาษิตกฎหมายที่ว่า”สิ่งที่มาก่อน
- 7. ไม่ใช่พิจารณาตัวอักษรก่อนแล้วจึงพิจารณาความมุ่งหมาย
นอกจากนี้กฎหมายแพ่งยังมีหลักการตีความอีกหลักหนึ่ง
การตีความโดยเคร่งครัด เช่น มาตรา ๑๖๒
การนิ่งไม่ถือว่าเป็นการกลฉ้อฉลจึงต้องตีความโดยเคร่งครัดใช้บังคับในกรณีที่กฎหมายร
ะบุไว้โดยเฉพาะคือการทานิติกรรมสองฝ่ายหรือสัญญาเท่านั้น
ถ้าเป็นนิติกรรมฝ่ายเดียวมาตรานี้ไม่ใช้บังคับเป็นต้น
กฎหมายแพ่งหรือกฎหมายอื่นนั้นแม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ในเรื่องนั้นๆโดยเฉพาะ
ศาลก็อาจวินิจฉัยคดีตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ถ้าจารีตประเพณีเช่นว่านี้ไม่มี
ก็ต้องวินิจฉัยคดีโดยอาศัยบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง
ถ้ากฎหมายใกล้เคียงดังกล่าวไม่มี
ก็ต้องถือตามหลักกฎหมายทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 4
ถ้าหากยังไม่มีหลักกฎหมายทั่วไป
กรณีนี้ศาลจะปฏิเสธไม่วินิจฉัยคดีเพราะไม่มีกฎหมายหาได้ไม่เพราะศาลต้องหาหลักกฎห
มายทั่วไปมาปรับแก่คดีจนได้ หลักกฎหมายทั่วไปนี้อาจเป็นสุภาษิตกฎหมาย
ความเห็นของนักกฎหมายหรือแม้แต่สามัญสานึก 6
กระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์การปกครองประเทศที่แยกมาบัญญัติรายละเอียดต่างหาก
ออกไปจากรัฐธรรมนูญเพื่อขยายบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
มีกระบวนการตราและพิจารณาเหมือนกับการตราพระราชบัญญัติ
แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากพระราชบัญญัติคือ
- 17. ๑) บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกัน ในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า
๑๒ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
๒) บุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
สังคมการสื่อสารและการเรียนรู้ หรือร่างกายพิการทุพพลภาพ
หรือบุคคลไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล หรือผู้ด้อยโอกาส
จะมีสิทธิและมีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และมีสิทธิได้รับสิ่งอานวยความสะดวกและความช่วยเหลือทางการศึกษาตามกฎหมาย
๓.กฎหมายทะเบียนราษฎร์
๑) การแจ้งเกิด เจ้าบ้านจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ที่มีคนเกิดภายใน ๑๕ วัน
นับแต่วันเกิด เมื่อนายทะเบียนรับแจ้งการเกิดไว้แล้วก็จะออา ใบแจ้งการเกิด หรือสูติบัตร
ให้แก่ผู้แจ้งไว้เป็นหลักฐาน
๒) การแจ้งตายเจ้าบ้านจะต้องแจ้งแก่นายทะเบียนท้องถิ่นภายใน๒๔ ชั่วโมง หรือ
๑ วันนับแต่เวลาตาย
๔. กฎหมายจราจรทางบก เป็นกฎหมาย ที่ควบคุมการใช้รถ ใช้ถนน
ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
๑) การปฏิบัติตามกฎจราจรของผู้ขับขี่รถจักรยาน
(๑) ขับขี่รถจักรยานในทางที่จัดทาไว้สาหรับรถจักรยาน
(๒) รถจักรยานที่ใช้ขับขี่ต้องมีกระดิ่งให้สัญญาณเครื่องห้ามล้อโคมไฟติดหน้ารถ
(๓) ผู้ขับขี่รถจักรยานต้องขับให้ชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถหรือไหล่ทาง