ใช้ประกอบการทำวิจัยเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยอ้างอิงเนื้อหาบางส่วนส่วนหนึ่งของรายวิชา GSCI 1102 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ จัดทำโดย น.ส.วันเพ็ญ วิโรจน์เจริญวงศ์

1. การจัดการข้อมูล

2. การจัดการข้อมูล
ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารนั้นมีอยู่มากมาย องค์กรมีความจาเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องนาข้อมูลข่าวสารนั้นมากลั่นกรองหรือประมวลผล
เพื่อให้สามารถอยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้ง่าย มีความถูกต้องและมี
ความเป็นปัจจุบันที่สามารถสะท้อนความจริงได้มากที่สุด นั่นก็หมายถึง
สารสนเทศ (Information) นั่นเอง สารสนเทศ จึงเป็นกุญแจสาคัญใน
การสร้างกลยุทธ์ขององค์กร ที่จะทาให้องค์กรประสบความสาเร็จหรือ
ล้มเหลวได้

3. ข้อมูล (Data)
ความหมายข้อมูล (Data)
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับบุคคล สถานที่ สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่สนจจ
ข้อมูลอาจได้มาจากการสังเกต การวัด การนับ การชั่ง หรือการตวง
ข้อมูลเป็นได้ทั้งตัวเลข ข้อความ หรือข้อความปนตัวเลข
ที่สาคัญข้อมูลเป็นสิ่งที่เป็นความจริงมากที่สุด
โดยทั่วไปข้อมูลเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ จึงต้องการจัดระเบียบข้อมูล เพื่อจห้
สามารถจช้ประโยชน์จากข้อมูลได้
การประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะต้องมีการจัดระเบียบข้อมูลหรือจัด
กลุ่มข้อมูลตามหลักการบางอย่างก่อน

4. ข้อมูล (Data)
• เป็นแหล่งกาเนิดของข้อมูลที่อยู่ภายในองค์กร
• ข้อมูลที่ได้มานั้นอาจมาจากพนักงานหรือที่มีอยู่แล้วในองค์กร
• ข้อมูลเหล่านี้จะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงต่างๆ ภายในองค์กรแต่เพียงอย่างเดียว
• อาจะเป็นข้อมูลที่เปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกทราบหรือไม่ก็ได้
• เช่น ยอดขายประจาปี ข้อมูลผู้ถือหุ้น รายงานกาไรขาดทุนรายชื่อพนักงาน
แหล่งข้อมูล
ภายใน
• เป็นแหล่งกาเนิดข้อมูลที่มีอยู่ภายนอกองค์กร
• โดยทั่วไปแล้วสามารถนาข้อมูลต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในองค์กร หรือนามาใช้กับ
การประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้ระบบงานที่สมบูรณ์ขึ้น
• สามารถหาข้อมูลได้จากบริษัทผู้ให้บริการข้อมูล จากหนังสือพิมพ์ วิทยุหรือสื่ออื่น ๆ
• เช่น เจ้าหนี้ อัตราดอกเบี้ยสถาบันการเงิน กฎหมายและอัตราภาษีของรัฐบาล
แหล่งข้อมูล
ภายนอก
แหล่งข้อมูล

5. ข้อมูล (Data)
ความถูกต้อง (Accuracy) ข้อมูลที่ดีต้องมีความถูกต้อง เพื่อให้สามารถนาเอาไปใช้ประโยชน์ได้หาก
ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน (Update) ข้อมูลที่ดีจาเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็น
ปัจจุบันอยู่เสมอ
ความสมบูรณ์ (Complete) ข้อมูลที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
ตรงตามความต้องการ (Relevance) และสอดคล้องตามความต้องการ
สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) ทั้งกระชับและชัดเจน มีที่มาน่าเชื่อถือ
1.
2.
3.
4.
5.
คุณสมบัติของข้อมูลที่ดี

6. ข้อมูล (Data)
หน่วยที่เล็กที่สุดที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าจจได้ คือ บิต มีการจัดการข้อมูล
จห้มีลักษณะโครงสร้างลดหลั่นกันอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่
บิต (Bit) คือ เป็ นหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย
เลขฐานสอง คือ 0 และ 1 เท่านั้น
ไบต์ (Byte) หรือ อักขระ (Character) คือ การนากลุ่มของบิต 8 Bits มารวมกันเป็น
ตัวอักษร ตัวเลขหรือสัญลักษณ์พิเศษ
1.
2.
โครงสร้างของข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์

7. ข้อมูล (Data)
ฟิลด์ (Field) คือ ข้อมูลที่ประกอบด้วยอักขระ เพื่อจห้สามารถสื่อความหมาย
ตามที่ผู้จช้ต้องการ
ระเบียน (Record) คือ การรวมกลุ่มของฟิลด์หลายๆ ฟิลด์ที่มีความหมาย
เกี่ยวพันกันมารวมกันอย่างมีความหมาย
ไฟล์ หรือแฟ้ มข้อมูล (File) คือ เป็นการรวมกันของระเบียนหลาย ๆ ระเบียน
ที่เกี่ยวพันกันมารวมกัน
ฐานข้อมูล (Database) คือ กลุ่มของแฟ้ มข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันมา
รวมกัน และสามารถดึงข้อมูลมาจช้ร่วมกัน
3.
4.
5.
6.
โครงสร้างของข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์

8. ข้อมูล (Data)
โครงสร้าง
ลาดับชั้นของข้อมูล

9. ข้อมูล (Data)
1.
2.
การประมวลผลแฟ้ มข้อมูลกับระบบฐานข้อมูล
การประมวลผลแฟ้ มข้อมูล (File Processing) หมายถึง หมายถึง การ
จัดเก็บแฟ้มข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
ยุคแรก ๆ มีรูปแบบจัดเก็บคล้ายการจัดเก็บแฟ้มเอกสารด้วยมือ ต่างกันที่
เก็บไว้จนคอมพิวเตอร์เท่านั้น
แต่เดิมองค์กรต่าง ๆมักจัดเก็บเอกสารไว้จนแฟ้ มเอกสาร ซึ่งมีความ
เกี่ยวข้องกันทางด้านข้อมูลน้อยหรืออาจไม่มีเลย
การประมวลผลแฟ้ มข้อมูลจะเน้นการออกแบบประยุกต์จช้กับงานของ
ตัวเอง ไม่เน้นจห้แต่ละฝ่ายมาจช้งานร่วมกัน

10. ข้อมูล (Data)
(ก) ระบบการประมวลผลแฟ้ มข้อมูลของระบบการลงทะเบียนนักศึกษา
(ข) ระบบการประมวลผลแฟ้ มข้อมูลของระบบกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา

11. ข้อมูล (Data)
1.
2.
การประมวลผลแฟ้ มข้อมูลกับระบบฐานข้อมูล
ระบบฐานข้อมูล (Database System) หมายถึง การเก็บรวบรวมแฟ้ มข้อมูล
ที่มีความสัมพันธ์กันไว้ด้วยกัน
โดยมีระบบการจัดการฐานข้อมูลช่วยจนการจัดเก็บและเรียกจช้ข้อมูล
ทาจห้เกิดสารสนเทศที่นาไปจช้ประโยชน์ต่อองค์กรได้

12. ข้อมูล (Data)
แฟ้ มข้อมูลที่นามาเก็บรวมกันอยู่ในรูปของฐานข้อมูล

13. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
คือ การจัดเก็บข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ
โดยผู้จช้สามารถเรียกจช้ข้อมูลจนลักษณะต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ได้แก่ การเพิ่ม การลบ การแก้ไขข้อมูล ตลอดจนการเรียกจช้ข้อมูล
ฐานข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ที่หน่วยศูนย์กลาง (Centralized Database System)
ข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บแบบรวมข้อมูลเชื่อมเป็นระบบเดียวโดยมีซอฟต์แวร์ที่
ช่วยจนการจัดการฐานข้อมูล เรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS)
ซึ่งจะช่วยจนการสร้าง จัดเก็บ เรียกดูข้อมูล และควบคุมข้อมูลจนฐานข้อมูล
ความหมายของฐานข้อมูล

14. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
ประโยชน์ของฐานข้อมูล
ลดความซ้าซ้อนของข้อมูล (Redundancy) การจัดเก็บข้อมูลจนลักษณะแฟ้มข้อมูลอาจมี
ข้อมูลเดียวกันถูกจัดเก็บอยู่หลายแห่ง ทาจห้เกิดความซ้าซ้อนของข้อมูล1.
หลีกเลี่ยงความขัดแย้งของข้อมูล (Inconsistency) การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลจนอีก
แฟ้มหนึ่ง แต่อีกแฟ้มหนึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลง ทาจห้ข้อมูลนั้นมีความแตกต่างกัน2.
สามารถจช้ข้อมูลร่วมกันได้(Share Data) โปรแกรมที่มีอยู่แล้วสามารถจช้ข้อมูลร่วมกัน
ได้และถ้ามีโปรแกรมจหม่เข้ามาจนระบบก็สามารถเรียกจช้ข้อมูลที่มีอยู่จนฐานข้อมูลได้3.
สามารถควบคุมมาตรฐานของข้อมูลได้ (Standard) การจัดเก็บข้อมูลมารวมกันไว้เป็น
ฐานข้อมูล ทาจห้ผู้บริหารฐานข้อมูลที่ควบคุมดูแลการจช้ระบบฐานข้อมูล สามารถ
กาหนดมาตรฐานของฐานข้อมูลขึ้นมาได้
4.

15. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
ประโยชน์ของฐานข้อมูล (ต่อ)
สามารถป้ องกันความปลอดภัยของข้อมูลได้ (Security) จนระบบฐานข้อมูลสามารถ
ป้องกันไม่จห้ผู้จช้ที่ไม่มีสิทธิมาจช้ข้อมูลจนระบบได้5.
สามารถควบคุมความถูกต้องของข้อมูลได้ (Integrity) การทาจห้ข้อมูลมีความถูกต้อง
เนื่องจากการป้อนข้อมูลเข้าสู่ฐานข้อมูลอาจมีการป้อนข้อมูลผิดพลาดได้6.
สามารถปรับความต้องการของผู้จช้จห้เข้ากันได้(Conflicting Requirements) เนื่องจากผู้จช้
ทั้งหมดจนองค์กรจช้ข้อมูลร่วมกันจนระบบฐานข้อมูลเดียวกัน และผู้จช้แต่ละคนต้องการ
จช้ข้อมูลจนลักษณะที่แตกต่างกันด้วย
7.
เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล (Data Independence) ความเป็นอิสระของข้อมูล หมายถึง
ข้อมูลที่จัดเก็บจนระบบฐานข้อมูลจะไม่ขึ้นอยู่กับสื่อบันทึกข้อมูล
8.

16. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
ระบบจัดการฐานข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System: DBMS) คือ
ซอฟต์แวร์สาหรับจัดการฐานข้อมูล
ทาหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้จช้กับระบบฐานข้อมูล
ทาหน้าที่จนการสร้าง จัดเก็บ เรียกดูข้อมูล และควบคุมข้อมูลจน
ฐานข้อมูล

17. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
ระบบจัดการฐานข้อมูล (ต่อ)
ซอฟต์แวร์ที่ทาหน้าที่เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลที่นิยมนามาจช้จัดเก็บข้อมูลสาหรับการ
ค้นหา เรียกจช้และแก้ไขข้อมูล
เช่น DB2 ของบริษัท IBM, ORACLE ของบริษัท Oracle, SYBASE ของบริษัท Sybase,
INGRES ของบริษัท Ingres Division of The ASK Group และ Microsoft Access ของ
บริษัท Microsoft
แต่ละผลิตภัณฑ์จะทางานบนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ต่างกันไป
ปัจจุบันยังมีซอฟต์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูลที่สามารถดาวน์โหลดมาจช้ได้โดยไม่ต้อง
เสียค่าจช้จ่าย เรียกว่า Open Source เช่น MySQL, PostgreSQL และ Berkeley DB เป็นต้น

18. ระบบฐานข้อมูล
(Database System)
1.
2.
ระบบจัดการฐานข้อมูล (ต่อ)
ภาษามาตรฐานที่เป็นส่วนประกอบสาคัญของระบบจัดการฐานข้อมูล เช่น
ภาษา SQL (Structure Query Language) ภาษานี้มีการจช้งานเป็นอย่างมาก
จนปัจจุบัน เนื่องจากมีรูปแบบที่เป็นภาษาอังกฤษง่ายจนการทาความเข้าจจ

19. การประมวลผลข้อมูล
1.
2.
การประมวลผลข้อมูล คือ การเปลี่ยนรูปแบบของ
ข้อมูลดิบให้เป็ นสารสนเทศ ไม่ว่าจะประมวลผล
ด้วยมือ หรือใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
ความหมายการประมวลผลข้อมูล

20. การประมวลผลข้อมูล
1.
2.
วิธีการประมวลผลข้อมูล
1. การเรียงลาดับข้อมูล (Data Sorting) คือการนาข้อมูลมาจัดเรียงตามลาดับ หรือ
ตามฟิลด์ที่ต้องการ
2. การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อมูล (Comparing and Analysing) คือ การ
เปรียบเทียบหรือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจห้ได้สารสนเทศที่ต้องการ
3. การคานวณและประมวลผล (Data Processing) เป็นนาเอาข้อมูลมาจัดการตาม
กระบวนการทางคณิตศาสตร์
4. การสรุปผล (Summarizing) ที่ได้จากการประมวลผล ผลสรุปเหล่านี้มักจะถูกเก็บ
ไว้จนรูปตารางหรือจนรูปของสื่ออื่น ๆ ที่เหมาะสมสาหรับการแสดงผลต่อไป

21. การประมวลผลข้อมูล
1.
2.
ประเภทของการประมวลผลข้อมูล
- คือ การประมวลผลข้อมูลที่ได้ทาการเก็บรวบรวมไว้เป็นชุดข้อมูล
- แล้วจึงนาส่งข้อมูลเหล่านั้นไปทาการประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งหมด
ทีเดียว
- วิธีการประมวลผลแบบนี้จะมีการกาหนดเวลาไว้อย่างแน่นอน อาจจะเป็น
รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี
- เช่น ค่าไฟฟ้า การเสียภาษีประจาปี การคิดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร
- การประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ
- บางทีอาจจะเรียกว่า การประมวลผลแบบ Transaction Processing
- เช่น ระบบเงินฝาก - ถอนเงินด้วย ATM ของธนาคาร ระบบสารองที่นั่งจน
เครื่องบิน
การประมวลผล
แบบเวลาจริง
(Real Time
Processing)
การประมวลผล
เชิงกลุ่ม
(Batch Processing)

22. …..สรุป…..
1.
2.
ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับข้อมูล สถานที่สิ่งของหรือเหตุการณ์ที่สนจจ
แล้วนามาจัดเก็บจนคอมพิวเตอร์ โดยโครงสร้างของข้อมูลจะเริ่มจาก บิต ไบต์ ฟิลด์
ระเบียน ไฟล์ และฐานข้อมูล โดยการประมวลผลแบบดั้งเดิมคือเป็นแบบแฟ้ มข้อมูล
แต่เนื่องจากมีข้อเสียหลายประการ ทาจห้มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลมาจช้งาน
สาหรับการประมวลผลข้อมูลมี 4 วิธี คือ การเรียงลาดับข้อมูล การเปรียบเทียบและ
การวิเคราะห์ข้อมูล การคานวณและประมวลผล การสรุปผล ส่วนประเภทการ
ประมวลผล ได้แก่ การประมวลผลเชิงกลุ่ม การประมวลผลแบบเวลาจริง