ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
• ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ( COMPUTER NETWORK ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกัน
ด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทาให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง
คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์
(HOST) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (CLIENT)
• ระบบเครือข่าย (NETWORK) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือ
ข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว
แก่ผู้ใช้ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสาคัญ และจาเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ
อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES)
• อุปกรณ์ที่ใช้ในเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเข้าด้วยกันมีการจัดระเบียบ ระบุเส้นทางการสื่อสาร
และส่งต่อข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในระบบเครือข่ายอุปกรณ์เครือข่ายนี้มีอยู่ด้วยกันหลาย
แบบขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานขององค์กร นิยมใช้ในเครือข่ายขนาดเล็ก ได้แก่
ฮับ (HUB) หรือ เครื่องทวนสัญญาณ (REPEATER)
• เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่รับสัญญาณดิจิทัลแล้วส่งต่อออกไปยัง
อุปกรณ์ต่ออื่น เหตุที่ต้องใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณ เนื่องจากการส่ง
สัญญาณไปในตัวกลางที่เป็นสายสัญญาณนั้น เมื่อระยะทางมากขึ้น
แรงดันของสัญญาณจะลดลงเรื่อยๆทาให้ไม่สามารถส่งสัญญาณ
ในระยะทางไกลๆ ได้ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณจะทาให้
สามารถส่งสัญญาณไปได้ไกลขึ้น โดยสัญญาณไม่สูญหาย
• สามารถเรียก HUB ว่าเป็น REPEATER ได้นั้นก็เพราะว่า ฮับทา
หน้าที่รับสัญญาณแล้วปล่อยสัญญาณนั้นออกไป
อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES)
อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES)
การ์ดแลน (NETWORK INTERFACE CARD: NIC)
ทาหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับสายสัญญาณทองแดง
ปัจจุบันการ์ดแลนนี้ไม่ค่อยมีจาหน่ายแล้วเนื่องจากส่วนเชื่อมต่อ
กับสายสัญญาณถูกนาไปติดตั้งแล้วในแผงวงจรหลัก (MAIN
BOARD) ของคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES)
การ์ดไวเลส (WIRELESS NETWORK CARD)
คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อระบบเครือข่ายโดยอาศัย
คลื่นสัญญาณวิทยุแทนสายทองแดง
อุปกรณ์กระจายสัญญาณ
สวิตช์ (SWITCH)
• เป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณแบบใช้สายสัญญาณ ปลายข้างหนึ่งของ
สาย UTP ที่มีหัว RJ-45
• เชื่อมต่อเข้ากับช่องต่อสัญญาณของคอมพิวเตอร์ และปลายอีกด้าน
หนึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับช่องต่อสัญญาณของสวิตช์
อุปกรณ์กระจายสัญญาณ
แอคเซสพอยต์ (ACCESSPOINT)
• เป็นตัวกลางเชื่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบไร้สายเข้ากับเครือข่ายหลักแบบมีสาย
• โดยแอคเซสพอยต์จะกระจายสัญญาณคลื่นวิทยุไปยังอุปกรณ์ปลายทาง
2. เราเตอร์ (Router)
เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอื่น ซึ่งแต่ละเครือข่ายก็จะมีลักษณะการรับ ส่งข้อมูลไม่
เหมือนกัน
เราเตอร์ยังทาหน้าที่ค้นหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด
อุปกรณ์กระจายสัญญาณ
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่าย
• แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. แบบใช้สายสัญญาณ จะทาการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งสัญญาณไฟฟ้าผ่านสาย
ทองแดงไปยัง
2. แบบไม่ใช้สายสัญญาณ การรับส่งข้อมูลแบบนี้จะใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูล
สายตีเกลียวคู่ (UNSHIELDED TWISTED PAIR: UTP)
• สายเคเบิลประเภทนี้มักจะเป็นการรวมกันของสาย 4 คู่ในส่วนห่อหุ้มภายนอกเดียวกัน แต่ละคู่จะพันกันเป็นเกลียว ซึ่งจะมีจานวน
รอบในการพันต่าง ๆ กันไป การพันเป็นเกลียวทาให้ไม่เกิดสัญญาณรบกวนจากสายคู่อื่น ๆ ในสายเดียวกันและจากอุปกรณ์ชนิด
อื่น เช่น มอเตอร์ ตัวส่งสัญญาณ ตัวแปลงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม สาย UTP มักจะนามาใช้ในสายโทรศัพท์ซึ่งสายโทรศัพท์ไม่มีการ
พันเป็นเกลียว และอุปกรณ์อื่นๆ ทีต้องการส่งข้อมูล
• ในปัจจุบันได้ปรับปรุงคุณสมบัติจนสามารถใช้กับสัญญาณความถี่สูงได้ สายยูทีพีใช้ลวดทองแดง 8 เส้น ขณะที่ในระบบโทรศัพท์
จะใช้เพียง 2 หรือ 4 เส้น ซึ่งต่อเข้ากับหัวต่อแบบ RJ45 ซึ่งเป็นหัวต่อที่มีลักษณะคล้ายกับหัวต่อในระบบโทรศัพท์ทั่วไป แต่ใน
ระบบโทรศัพท์จะเรียกหัวต่อว่า RJ11 การที่มีสายทองแดงไว้หลายเส้นก็เพื่อให้หัวต่อ RJ45 ซึ่งเป็นหัวต่อมาตรฐานสามารถเลือกใช้
งานได้ในหลายๆ - ใช้สายทองแดง 2 เส้น สาหรับระบบโทรศัพท์
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404
หัวต่อ (CONNECTORS)
หัวต่อสาย CAT5 UTP จะเรียกกันติดปากว่า หัว RJ45 (RJ ย่อมาจาก Registered Jack)
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
สายคู่หุ้มด้วยฉนวน (SHIELDED TWISTED PAIR : STP)
• ประกอบด้วยสายตัวนาสัญญาณสองเส้น คู่ขนานกันและหุ้มด้วยฉนวนกั้น นอกจากนี้แล้วยังมีเส้นโลหะถักเพื่อเป็นเกราะป้องกัน
สัญญาณรบกวนของสัญญาณและเพิ่มความแข็งแรง ของสายนาสัญญาณ ส่วนด้านนอกสุดเป็นฉนวนห่อหุ้มบางๆ โดยทั่วไปใช้ยาง
สังเคราะห์ เพื่อป้องกันสายสัญญาณจากความชื้น และมีการหมุนเป็นเกลียวของแต่ละคู่เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าด้านนอกอย่างแน่น
หนา ทาให้สายมีขนาดใหญ่ จึงเสียพี้นที่ในการติดตั้งยาก
• สาย STP สามารถใช้ส่งข้อมูลได้เร็วกว่าสาย UTP คือได้เร็วถึง 150 MBPS หัวต่อคอนเนกเตอร์มี 2 แบบ การติดหัวต่อคอนเนกเตอร
์์เข้ากับสาย ทาได้ค่อนข้างยาก จึงนิยมสั่งซื้อสายที่ติดหัวคอนเนกเตอร์มาพร้อมกันมากกว่าจะแยกกันซื้อ
ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
สายแกนร่วมหรือสายโคแอกเซียล (COAXIAL CABLE)
• สามารถแบ่งย่อยได้เป็น สายแกนร่วมชนิดแข็ง และสายแกนร่วมชนิดอ่อน โดยที่ตัวนาภายในของสายแกนร่วมทั้งสองชนิดทา
หน้าที่นาพาพลังงานในรูปแบบคลื่นวิทยุและส่วนตัวนาภายนอกนั้นทาหน้าที่ป้องกันพลังงานดังกล่าวไม่ให้เกิดการแผ่กระจายสู่
ภายนอก โดยสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กถูกจากัดให้อยู่ระหว่างตัวนาภายนอกและตัวนาภายใน นอกจากตัวนาภายนอกทา
หน้าที่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วยังสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากแหล่งภายนอกได้ด้วย
ข้อดี
1. ราคาถูก
2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
3. ติดตั้งง่าย และมีน้าหนักเบา
ข้อเสีย
1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
2. ระยะทางจากัด
ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
เส้นใยนาแสง (FIBER OPTIC CABLE)
• เนื่องจากสัญญาณที่ส่งไปบนตัวนาเป็นคลื่นแสง ทาให้สายไฟเบอร์-ออ
ปติกไม่ถูกรบกวนจากกระแสไฟด้านนอก แก้วแต่ละเส้นส่งสัญญาณได้
ทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นสายเคเบิลจึงแบ่งเป็น 2 เส้นแยกกัน ในแต่ละส่วน
จะมี KEVLAR FIBER เพื่อความแข็งแรงของสาย และชั้นส่งกาลังเพิ่มที่ทา
ด้วยพลาสติกหุ้มรอบแก้ว ตัวเชื่อมต่อพิเศษทาให้การเชื่อมต่อเป็นการ
สื่อสารด้วยแสงทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวยิงเลเซอร์และเป็นตัวรบแสงด้วย
เนื่องจากสายชนิดนี้ไม่มีการถูกรบกวนและคลื่นแสงสามารถส่งไปได้ไกล
หลายไมค์ โดยไม่สูญเสียความแรงของคลื่น ทาให้สายไฟเบอร์ออปติก
สามารถส่งข้อมูลได้ไกลและเร็ว
ภาพจาก http://www.tropicalelectric.net/service.php
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
• แบบไม่ใช้สายสัญญาณ การรับส่งข้อมูลแบบนี้จะใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูล เช่น มาตรฐานในการใช้งานคือ
IEEE802.11 และแบ่งเป็นมาตรฐานย่อยอีกได้แก่
• สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11A มีความเร็วสูงสุดที่ 54 MBPS ที่ความถี่ย่าน 5 GHZ
• สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11B มีความเร็วสูงสุดที่ 11 MBPS ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHZ
• สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11G มีความเร็วสูงสุดที่ 54 MBPS ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHZ
• สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11N มีความเร็วสูงสุดที่ 150 MBPSที่ความถี่ย่าน 2.4/5 GHZ
• สาหรับในประเทศไทยนั้นอนุญาตให้ใช้ความถี่ 2 ย่านความถี่ ได้แก่ 2.4 – 2.5GHZ และ 51.50 – 53.50GHZ
สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบไม่ใช้สายสัญญาณ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งแยกออกตามสภาพการเชื่อมโยงได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. เครือข่ายท้องถิ่น หรือเครือข่ายแลน (LOCAL AREA NETWORK : LAN)
2. เครือข่ายระดับเมือง หรือเครือข่ายแมน (METROPOLITAN AREA NETWORK : MAN)
3. เครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายแวน (WIDE AREA NETWORK : WAN)
เครือข่ายท้องถิ่น
(LOCAL AREA NETWORK : LAN)
• เครือข่ายแลน หรือเครือข่ายท้องถิ่น เป็นเครือข่ายขนาดเล็ก ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่
กว้าง ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่บริเวณเดียวกัน
เข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก
• เครือข่ายแลนจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครือข่ายแลนนี้
องค์การสามารถดาเนินการทาเองได้โดยวางสายสัญญาณสื่อสารภายในอาคาร
หรือภายในพื้นที่ของตนเอง
• เครือข่ายแลนมีตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่เชือมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่อง
ขึ้นไป ภายในห้องเดียวกัน จนถึงเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรือองค์การขนาดใหญ่
เช่น มหาวิทยาลัย มีการวางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในมหาวิทยาลัย
เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่รับผิดชอบโดยองค์การที่เป็นเจ้าของ
• ลักษณะสาคัญของเครือข่ายแลนคือ อุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถส่งสัญญาณกันด้วยความเร็วสูง
มาก โดยทั่วไปมีความเร็วตั้งแต่หลายสิบล้านบิตต่อวินาที การสื่อสารในระยะใกล้จะมีความเร็วในการสื่อสารสูง ทา
ให้การรับส่งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อย และสามารถรับส่งข้อมูลจานวนมากในเวลาจากัดได้
เครือข่ายท้องถิ่น
(LOCAL AREA NETWORK : LAN)
เครือข่ายระดับเมือง หรือเครือข่ายแมน
(METROPOLITAN AREA NETWORK : MAN)
ที่มา: http://pdaschool.tripod.com/network6.htm
เป็นเครือข่ายที่ใช้ภายในเมือง หรือภายในจังหวัด เป็นระบบที่มีขนาด
กลางอยู่ระหว่าง เครือข่ายแลน กับ เครือข่าย แวน การเชื่อมโยง
จะต้องอาศัยระบบบริการเครือข่ายสาธารณะจึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับ
องค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
เช่น ธนาคาร เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วใน
การสื่อสารไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนในสาย เทคโนโลยีที่ใช้
กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
ด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนาแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ
สายเคเบิล
เครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายแวน
(WIDE AREA NETWORK : WAN)
• เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง เช่น ระบบเครือข่ายที่ติดตั้ง
ใช้งานทั่วโลก เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลกัน
เข้าด้วยกัน อาจจะต้องเป็นการติดต่อสื่อสารกันในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือ
ทั่วโลกก็ได้ในการเชื่อมการติดต่อนั้น จะต้องมีการต่อเข้ากับระบบสื่อสารของ
องค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน เพราะจะเป็นการส่ง
ข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกันโดยปกติมีอัตราการส่งข้อมูลที่ต่า
และมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การส่งข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ในการสื่อสาร เช่น
โมเด็ม (MODEM) มาช่วย
เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยแก้วนาแสงคลื่น
ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุสายเคเบิลทั้งที่วางไปตามถนนและวางใต้น้า
ภาพจาก : http://pdaschool.tripod.com/network6.htm
รูปแบบของการเชื่อมโยงเครือข่าย
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกัน สามารถเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการใช้งาน ได้แก่
1. แบบดาว (Star Network)
2. แบบบัส (Bus Network)
3. แบบวงแหวน (Ring Network)
4. แบบแมช (Mesh Network)
แบบดาว (STAR NETWORK)
• เครือข่ายแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกับดาวกระจายมีอุปกรณ์ฮับ
(HUB) เป็นศูนย์กลางการต่อเชื่อม โดยการนาสถานีต่างๆ มา
ต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลาง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างสถานี
ต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ข้อดีของระบบนี้คือ เมื่อสายใดหลุด
หรือขาดการต่อเชื่อม จะไม่มีผลต่อระบบทั้งหมด เป็นที่นิยม
มากที่สุดในปัจจุบันนี้
ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
แบบบัส (BUS NETWORK)
• เครือข่ายแบบนี้มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เครื่องขยาย
สัญญาณ หรืออุปกรณ์สลับสายสถานีต่าง ๆ จะเชื่อมต่อเข้าหา
บัสโดยผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็นฮาร์ดแวร์ การจัดส่งข้อมูล
จึงสามารถส่งไปถึงทุกสถานีได้ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่ เมื่อ
คอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งมีปัญหากับสายเคเบิ้ล จะทาให้
ระบบรวนไปทั้งระบบ และเมื่อเพิ่มคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
จะต้องหยุดการใช้งานทั้งหมด เพื่อตัดต่อสายใหม่ แต่มีข้อดีคือ
ไม่จาเป็นต้องซื้อฮับเพื่อการต่อเชื่อม
ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
แบบวงแหวน (RING NETWORK)
สถานีของเครือข่ายทุกสถานีจะทาการเชื่อมโยงเครื่องขยาย
สัญญาณของทุกสถานีเข้าไว้ด้วยกันเป็นวงแหวน โดยด้านหนึ่งเป็นตัวรับ
สัญญาณ และอีกด้านหนึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณ การส่งข้อมูลเป็นลักษณะ
ออกทั้งสองทาง ถ้าทางไหนถึงก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะรับเพ็จเก็จนั้น
มีความเร็วในการ รับส่งสัญญาณได้ 16 ล้านบิตต่อวินาที ข้อมูลจะไม่ชน
กันเพราะการรับส่งมีลาดับที่แน่นอน ว่ามาจากสถานีใด จะส่งไปยังสถานี
ปลายทางที่ใด นิยมใช้ในเครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM
โดยเฉพาะระบบธนาคาร ATM และระบบทางทหาร
ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
แบบแมช หรือ เครือข่ายแบบผสม
(MESH NETWORK OR HYBRID NETWORK)
• เป็นเครือข่ายที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน เป็นการผสมเครือข่ายหลายๆแบบเข้าด้วยกัน เช่น เครือข่ายแบบบัสผสมแบบ
วงแหวนผสมแบบดาว
ที่มาของภาพ : http://www.kruthong.net/computer1/4/3.html
ระบบเครือข่ายไร้สาย
WIRELESS LOCAL AREA NETWORK (WLAN)
• เป็นระบบการสื่อสารข้อมูลที่ใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่าน RF และคลื่นอินฟาเรดในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่าง
เครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับระบบเครือข่ายผ่านทางอากาศ คลื่น
ความถี่ที่ใช้มีอยู่ 3 ย่าน
• ย่านความถี่ 900 MHZ
• ย่านความถี่ 2.4 GHZ (ใช้ในประเทศไทย)
• ย่านความถี่ 5 GHZ
ระบบเครือข่ายไร้สาย
WIRELESS LOCAL AREA NETWORK (WLAN)
• ระบบเครือข่ายไร้สายจะมีความแตกต่างกับระบบใช้สาย คือ ระบบเครือข่ายไร้สายจะใช้คลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถ
ส่งผ่านอากาศ ทะลุกาแพง หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างตัวรับสัญญาณ และตัวส่งสัญญาณได้ทาให้ผู้ใช้งาน
มีความคล่องตัวและอิสระในการใช้งาน ไม่จาเป็นต้องนั่งอยู่ประจาโต๊ะ ติดตั้งและขยายระบบได้ง่ายและรวดเร็ว
ทั้งนี้จึงเหมาะสาหรับสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย LAN หรือสถานที่ที่ต้องการความสะดวก และเป็นระเบียบ
ซึ่งจะแตกต่างกับระบบใช้สาย ที่ตัวส่งสัญญาณจะต้องต่อสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อ ทาให้ไม่มีความสะดวกในการ
เคลื่อนย้าย และการใช้งาน
WIMAX
• WIMAX คือการออกแบบโครงสร้างและอุปกรณ์สื่อสารแบบ
ไร้สายที่ได้ถูกพัฒนามาจาก WIRELESS LAN หรือ WI-FI
ผลดีคือ ระยะทาการที่ครอบคลุมมากกว่าเครือข่ายแบบ
WIRELESS LAN หลายเท่า แถมยังได้ความเร็วในการ
ให้บริการสูงเทียบเท่ากัน จึงทาให้ สามารถเชื่อมต่อระหว่างตึก
ต่าง ๆ ได้ง่ายไม่มีข้อจากัดในเรื่องของภูมิประเทศอีกต่อไป
ภาพจาก : http://www.cu.co.th/th/product/system-integrated.html

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  • 1.
  • 2.
    ความหมายของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ • ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (COMPUTER NETWORK ) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกัน ด้วยสายเคเบิล หรือสื่ออื่นๆ ทาให้คอมพิวเตอร์สามารถรับส่งข้อมูลแก่กันและกันได้ในกรณีที่เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลาง เราเรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็นศูนย์กลางนี้ว่า โฮสต์ (HOST) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (CLIENT) • ระบบเครือข่าย (NETWORK) จะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเพื่อการติดต่อสื่อสาร เราสามารถส่งข้อมูลภายในอาคาร หรือ ข้ามระหว่างเมืองไปจนถึงอีกซีกหนึ่งของโลก ซึ่งข้อมูลต่างๆ อาจเป็นทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง ก่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว แก่ผู้ใช้ซึ่งความสามารถเหล่านี้ทาให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีความสาคัญ และจาเป็นต่อการใช้งานในแวดวงต่างๆ
  • 3.
    อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES) •อุปกรณ์ที่ใช้ในเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเข้าด้วยกันมีการจัดระเบียบ ระบุเส้นทางการสื่อสาร และส่งต่อข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในระบบเครือข่ายอุปกรณ์เครือข่ายนี้มีอยู่ด้วยกันหลาย แบบขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานขององค์กร นิยมใช้ในเครือข่ายขนาดเล็ก ได้แก่
  • 4.
    ฮับ (HUB) หรือเครื่องทวนสัญญาณ (REPEATER) • เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่รับสัญญาณดิจิทัลแล้วส่งต่อออกไปยัง อุปกรณ์ต่ออื่น เหตุที่ต้องใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณ เนื่องจากการส่ง สัญญาณไปในตัวกลางที่เป็นสายสัญญาณนั้น เมื่อระยะทางมากขึ้น แรงดันของสัญญาณจะลดลงเรื่อยๆทาให้ไม่สามารถส่งสัญญาณ ในระยะทางไกลๆ ได้ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ทวนสัญญาณจะทาให้ สามารถส่งสัญญาณไปได้ไกลขึ้น โดยสัญญาณไม่สูญหาย • สามารถเรียก HUB ว่าเป็น REPEATER ได้นั้นก็เพราะว่า ฮับทา หน้าที่รับสัญญาณแล้วปล่อยสัญญาณนั้นออกไป อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES)
  • 5.
    อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES) การ์ดแลน(NETWORK INTERFACE CARD: NIC) ทาหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับสายสัญญาณทองแดง ปัจจุบันการ์ดแลนนี้ไม่ค่อยมีจาหน่ายแล้วเนื่องจากส่วนเชื่อมต่อ กับสายสัญญาณถูกนาไปติดตั้งแล้วในแผงวงจรหลัก (MAIN BOARD) ของคอมพิวเตอร์
  • 6.
    อุปกรณ์เครือข่าย (NETWORK DEVICES) การ์ดไวเลส(WIRELESS NETWORK CARD) คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อระบบเครือข่ายโดยอาศัย คลื่นสัญญาณวิทยุแทนสายทองแดง
  • 7.
    อุปกรณ์กระจายสัญญาณ สวิตช์ (SWITCH) • เป็นอุปกรณ์กระจายสัญญาณแบบใช้สายสัญญาณปลายข้างหนึ่งของ สาย UTP ที่มีหัว RJ-45 • เชื่อมต่อเข้ากับช่องต่อสัญญาณของคอมพิวเตอร์ และปลายอีกด้าน หนึ่งจะเชื่อมต่อเข้ากับช่องต่อสัญญาณของสวิตช์
  • 8.
    อุปกรณ์กระจายสัญญาณ แอคเซสพอยต์ (ACCESSPOINT) • เป็นตัวกลางเชื่อมอุปกรณ์ต่างๆ แบบไร้สายเข้ากับเครือข่ายหลักแบบมีสาย • โดยแอคเซสพอยต์จะกระจายสัญญาณคลื่นวิทยุไปยังอุปกรณ์ปลายทาง
  • 9.
    2. เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอื่นซึ่งแต่ละเครือข่ายก็จะมีลักษณะการรับ ส่งข้อมูลไม่ เหมือนกัน เราเตอร์ยังทาหน้าที่ค้นหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด อุปกรณ์กระจายสัญญาณ
  • 10.
    สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่าย • แบ่งเป็น 2ชนิด ได้แก่ 1. แบบใช้สายสัญญาณ จะทาการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งสัญญาณไฟฟ้าผ่านสาย ทองแดงไปยัง 2. แบบไม่ใช้สายสัญญาณ การรับส่งข้อมูลแบบนี้จะใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูล
  • 11.
    สายตีเกลียวคู่ (UNSHIELDED TWISTEDPAIR: UTP) • สายเคเบิลประเภทนี้มักจะเป็นการรวมกันของสาย 4 คู่ในส่วนห่อหุ้มภายนอกเดียวกัน แต่ละคู่จะพันกันเป็นเกลียว ซึ่งจะมีจานวน รอบในการพันต่าง ๆ กันไป การพันเป็นเกลียวทาให้ไม่เกิดสัญญาณรบกวนจากสายคู่อื่น ๆ ในสายเดียวกันและจากอุปกรณ์ชนิด อื่น เช่น มอเตอร์ ตัวส่งสัญญาณ ตัวแปลงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม สาย UTP มักจะนามาใช้ในสายโทรศัพท์ซึ่งสายโทรศัพท์ไม่มีการ พันเป็นเกลียว และอุปกรณ์อื่นๆ ทีต้องการส่งข้อมูล • ในปัจจุบันได้ปรับปรุงคุณสมบัติจนสามารถใช้กับสัญญาณความถี่สูงได้ สายยูทีพีใช้ลวดทองแดง 8 เส้น ขณะที่ในระบบโทรศัพท์ จะใช้เพียง 2 หรือ 4 เส้น ซึ่งต่อเข้ากับหัวต่อแบบ RJ45 ซึ่งเป็นหัวต่อที่มีลักษณะคล้ายกับหัวต่อในระบบโทรศัพท์ทั่วไป แต่ใน ระบบโทรศัพท์จะเรียกหัวต่อว่า RJ11 การที่มีสายทองแดงไว้หลายเส้นก็เพื่อให้หัวต่อ RJ45 ซึ่งเป็นหัวต่อมาตรฐานสามารถเลือกใช้ งานได้ในหลายๆ - ใช้สายทองแดง 2 เส้น สาหรับระบบโทรศัพท์ สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404
  • 12.
    หัวต่อ (CONNECTORS) หัวต่อสาย CAT5UTP จะเรียกกันติดปากว่า หัว RJ45 (RJ ย่อมาจาก Registered Jack) สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
  • 13.
    สายคู่หุ้มด้วยฉนวน (SHIELDED TWISTEDPAIR : STP) • ประกอบด้วยสายตัวนาสัญญาณสองเส้น คู่ขนานกันและหุ้มด้วยฉนวนกั้น นอกจากนี้แล้วยังมีเส้นโลหะถักเพื่อเป็นเกราะป้องกัน สัญญาณรบกวนของสัญญาณและเพิ่มความแข็งแรง ของสายนาสัญญาณ ส่วนด้านนอกสุดเป็นฉนวนห่อหุ้มบางๆ โดยทั่วไปใช้ยาง สังเคราะห์ เพื่อป้องกันสายสัญญาณจากความชื้น และมีการหมุนเป็นเกลียวของแต่ละคู่เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าด้านนอกอย่างแน่น หนา ทาให้สายมีขนาดใหญ่ จึงเสียพี้นที่ในการติดตั้งยาก • สาย STP สามารถใช้ส่งข้อมูลได้เร็วกว่าสาย UTP คือได้เร็วถึง 150 MBPS หัวต่อคอนเนกเตอร์มี 2 แบบ การติดหัวต่อคอนเนกเตอร ์์เข้ากับสาย ทาได้ค่อนข้างยาก จึงนิยมสั่งซื้อสายที่ติดหัวคอนเนกเตอร์มาพร้อมกันมากกว่าจะแยกกันซื้อ ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404 สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
  • 14.
    สายแกนร่วมหรือสายโคแอกเซียล (COAXIAL CABLE) •สามารถแบ่งย่อยได้เป็น สายแกนร่วมชนิดแข็ง และสายแกนร่วมชนิดอ่อน โดยที่ตัวนาภายในของสายแกนร่วมทั้งสองชนิดทา หน้าที่นาพาพลังงานในรูปแบบคลื่นวิทยุและส่วนตัวนาภายนอกนั้นทาหน้าที่ป้องกันพลังงานดังกล่าวไม่ให้เกิดการแผ่กระจายสู่ ภายนอก โดยสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กถูกจากัดให้อยู่ระหว่างตัวนาภายนอกและตัวนาภายใน นอกจากตัวนาภายนอกทา หน้าที่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วยังสามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากแหล่งภายนอกได้ด้วย ข้อดี 1. ราคาถูก 2. มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน 3. ติดตั้งง่าย และมีน้าหนักเบา ข้อเสีย 1. ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย 2. ระยะทางจากัด ภาพจาก : http://www.thaigoodview.com/node/16404 สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
  • 15.
    เส้นใยนาแสง (FIBER OPTICCABLE) • เนื่องจากสัญญาณที่ส่งไปบนตัวนาเป็นคลื่นแสง ทาให้สายไฟเบอร์-ออ ปติกไม่ถูกรบกวนจากกระแสไฟด้านนอก แก้วแต่ละเส้นส่งสัญญาณได้ ทางเดียวเท่านั้น ดังนั้นสายเคเบิลจึงแบ่งเป็น 2 เส้นแยกกัน ในแต่ละส่วน จะมี KEVLAR FIBER เพื่อความแข็งแรงของสาย และชั้นส่งกาลังเพิ่มที่ทา ด้วยพลาสติกหุ้มรอบแก้ว ตัวเชื่อมต่อพิเศษทาให้การเชื่อมต่อเป็นการ สื่อสารด้วยแสงทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวยิงเลเซอร์และเป็นตัวรบแสงด้วย เนื่องจากสายชนิดนี้ไม่มีการถูกรบกวนและคลื่นแสงสามารถส่งไปได้ไกล หลายไมค์ โดยไม่สูญเสียความแรงของคลื่น ทาให้สายไฟเบอร์ออปติก สามารถส่งข้อมูลได้ไกลและเร็ว ภาพจาก http://www.tropicalelectric.net/service.php สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบใช้สายสัญญาณ
  • 16.
    • แบบไม่ใช้สายสัญญาณ การรับส่งข้อมูลแบบนี้จะใช้คลื่นวิทยุในการรับส่งข้อมูลเช่น มาตรฐานในการใช้งานคือ IEEE802.11 และแบ่งเป็นมาตรฐานย่อยอีกได้แก่ • สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11A มีความเร็วสูงสุดที่ 54 MBPS ที่ความถี่ย่าน 5 GHZ • สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11B มีความเร็วสูงสุดที่ 11 MBPS ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHZ • สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11G มีความเร็วสูงสุดที่ 54 MBPS ที่ความถี่ย่าน 2.4 GHZ • สาหรับมาตรฐาน IEEE 802.11N มีความเร็วสูงสุดที่ 150 MBPSที่ความถี่ย่าน 2.4/5 GHZ • สาหรับในประเทศไทยนั้นอนุญาตให้ใช้ความถี่ 2 ย่านความถี่ ได้แก่ 2.4 – 2.5GHZ และ 51.50 – 53.50GHZ สายสัญญาณที่ใช้ในระบบเครือข่ายแบบไม่ใช้สายสัญญาณ
  • 17.
    เครือข่ายคอมพิวเตอร์ • เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งแยกออกตามสภาพการเชื่อมโยงได้เป็น 3ชนิดคือ 1. เครือข่ายท้องถิ่น หรือเครือข่ายแลน (LOCAL AREA NETWORK : LAN) 2. เครือข่ายระดับเมือง หรือเครือข่ายแมน (METROPOLITAN AREA NETWORK : MAN) 3. เครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายแวน (WIDE AREA NETWORK : WAN)
  • 18.
    เครือข่ายท้องถิ่น (LOCAL AREA NETWORK: LAN) • เครือข่ายแลน หรือเครือข่ายท้องถิ่น เป็นเครือข่ายขนาดเล็ก ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่ กว้าง ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่บริเวณเดียวกัน เข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก • เครือข่ายแลนจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครือข่ายแลนนี้ องค์การสามารถดาเนินการทาเองได้โดยวางสายสัญญาณสื่อสารภายในอาคาร หรือภายในพื้นที่ของตนเอง • เครือข่ายแลนมีตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่เชือมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่อง ขึ้นไป ภายในห้องเดียวกัน จนถึงเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรือองค์การขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย มีการวางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในมหาวิทยาลัย เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่รับผิดชอบโดยองค์การที่เป็นเจ้าของ
  • 19.
    • ลักษณะสาคัญของเครือข่ายแลนคือ อุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถส่งสัญญาณกันด้วยความเร็วสูง มากโดยทั่วไปมีความเร็วตั้งแต่หลายสิบล้านบิตต่อวินาที การสื่อสารในระยะใกล้จะมีความเร็วในการสื่อสารสูง ทา ให้การรับส่งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อย และสามารถรับส่งข้อมูลจานวนมากในเวลาจากัดได้ เครือข่ายท้องถิ่น (LOCAL AREA NETWORK : LAN)
  • 20.
    เครือข่ายระดับเมือง หรือเครือข่ายแมน (METROPOLITAN AREANETWORK : MAN) ที่มา: http://pdaschool.tripod.com/network6.htm เป็นเครือข่ายที่ใช้ภายในเมือง หรือภายในจังหวัด เป็นระบบที่มีขนาด กลางอยู่ระหว่าง เครือข่ายแลน กับ เครือข่าย แวน การเชื่อมโยง จะต้องอาศัยระบบบริการเครือข่ายสาธารณะจึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับ องค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วใน การสื่อสารไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนในสาย เทคโนโลยีที่ใช้ กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนาแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล
  • 21.
    เครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายแวน (WIDE AREANETWORK : WAN) • เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง เช่น ระบบเครือข่ายที่ติดตั้ง ใช้งานทั่วโลก เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลกัน เข้าด้วยกัน อาจจะต้องเป็นการติดต่อสื่อสารกันในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือ ทั่วโลกก็ได้ในการเชื่อมการติดต่อนั้น จะต้องมีการต่อเข้ากับระบบสื่อสารของ องค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อน เพราะจะเป็นการส่ง ข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกันโดยปกติมีอัตราการส่งข้อมูลที่ต่า และมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การส่งข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ในการสื่อสาร เช่น โมเด็ม (MODEM) มาช่วย เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยแก้วนาแสงคลื่น ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุสายเคเบิลทั้งที่วางไปตามถนนและวางใต้น้า ภาพจาก : http://pdaschool.tripod.com/network6.htm
  • 22.
  • 23.
    แบบดาว (STAR NETWORK) •เครือข่ายแบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกับดาวกระจายมีอุปกรณ์ฮับ (HUB) เป็นศูนย์กลางการต่อเชื่อม โดยการนาสถานีต่างๆ มา ต่อร่วมกันกับหน่วยสลับสายกลาง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างสถานี ต่าง ๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ข้อดีของระบบนี้คือ เมื่อสายใดหลุด หรือขาดการต่อเชื่อม จะไม่มีผลต่อระบบทั้งหมด เป็นที่นิยม มากที่สุดในปัจจุบันนี้ ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
  • 24.
    แบบบัส (BUS NETWORK) •เครือข่ายแบบนี้มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องใช้เครื่องขยาย สัญญาณ หรืออุปกรณ์สลับสายสถานีต่าง ๆ จะเชื่อมต่อเข้าหา บัสโดยผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เป็นฮาร์ดแวร์ การจัดส่งข้อมูล จึงสามารถส่งไปถึงทุกสถานีได้ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่ เมื่อ คอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งมีปัญหากับสายเคเบิ้ล จะทาให้ ระบบรวนไปทั้งระบบ และเมื่อเพิ่มคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย จะต้องหยุดการใช้งานทั้งหมด เพื่อตัดต่อสายใหม่ แต่มีข้อดีคือ ไม่จาเป็นต้องซื้อฮับเพื่อการต่อเชื่อม ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
  • 25.
    แบบวงแหวน (RING NETWORK) สถานีของเครือข่ายทุกสถานีจะทาการเชื่อมโยงเครื่องขยาย สัญญาณของทุกสถานีเข้าไว้ด้วยกันเป็นวงแหวนโดยด้านหนึ่งเป็นตัวรับ สัญญาณ และอีกด้านหนึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณ การส่งข้อมูลเป็นลักษณะ ออกทั้งสองทาง ถ้าทางไหนถึงก่อนเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะรับเพ็จเก็จนั้น มีความเร็วในการ รับส่งสัญญาณได้ 16 ล้านบิตต่อวินาที ข้อมูลจะไม่ชน กันเพราะการรับส่งมีลาดับที่แน่นอน ว่ามาจากสถานีใด จะส่งไปยังสถานี ปลายทางที่ใด นิยมใช้ในเครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM โดยเฉพาะระบบธนาคาร ATM และระบบทางทหาร ที่มาของภาพ http://saithammachannetwork.blogspot.com/
  • 26.
    แบบแมช หรือ เครือข่ายแบบผสม (MESHNETWORK OR HYBRID NETWORK) • เป็นเครือข่ายที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน เป็นการผสมเครือข่ายหลายๆแบบเข้าด้วยกัน เช่น เครือข่ายแบบบัสผสมแบบ วงแหวนผสมแบบดาว ที่มาของภาพ : http://www.kruthong.net/computer1/4/3.html
  • 27.
    ระบบเครือข่ายไร้สาย WIRELESS LOCAL AREANETWORK (WLAN) • เป็นระบบการสื่อสารข้อมูลที่ใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่าน RF และคลื่นอินฟาเรดในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่าง เครื่องคอมพิวเตอร์กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับระบบเครือข่ายผ่านทางอากาศ คลื่น ความถี่ที่ใช้มีอยู่ 3 ย่าน • ย่านความถี่ 900 MHZ • ย่านความถี่ 2.4 GHZ (ใช้ในประเทศไทย) • ย่านความถี่ 5 GHZ
  • 28.
    ระบบเครือข่ายไร้สาย WIRELESS LOCAL AREANETWORK (WLAN) • ระบบเครือข่ายไร้สายจะมีความแตกต่างกับระบบใช้สาย คือ ระบบเครือข่ายไร้สายจะใช้คลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถ ส่งผ่านอากาศ ทะลุกาแพง หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างตัวรับสัญญาณ และตัวส่งสัญญาณได้ทาให้ผู้ใช้งาน มีความคล่องตัวและอิสระในการใช้งาน ไม่จาเป็นต้องนั่งอยู่ประจาโต๊ะ ติดตั้งและขยายระบบได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งนี้จึงเหมาะสาหรับสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย LAN หรือสถานที่ที่ต้องการความสะดวก และเป็นระเบียบ ซึ่งจะแตกต่างกับระบบใช้สาย ที่ตัวส่งสัญญาณจะต้องต่อสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อ ทาให้ไม่มีความสะดวกในการ เคลื่อนย้าย และการใช้งาน
  • 29.
    WIMAX • WIMAX คือการออกแบบโครงสร้างและอุปกรณ์สื่อสารแบบ ไร้สายที่ได้ถูกพัฒนามาจากWIRELESS LAN หรือ WI-FI ผลดีคือ ระยะทาการที่ครอบคลุมมากกว่าเครือข่ายแบบ WIRELESS LAN หลายเท่า แถมยังได้ความเร็วในการ ให้บริการสูงเทียบเท่ากัน จึงทาให้ สามารถเชื่อมต่อระหว่างตึก ต่าง ๆ ได้ง่ายไม่มีข้อจากัดในเรื่องของภูมิประเทศอีกต่อไป ภาพจาก : http://www.cu.co.th/th/product/system-integrated.html