More Related Content
More from Wanphen Wirojcharoenwong (11)
บทที่ 8 การยศาสตร์
- 2. การยศาสตร์ เป็นศัพท์บัญญัติมาจากคาภาษาอังกฤษว่า “ Ergonomics ”
ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคาภาษากรีกประกอบรวมกัน ๓ คา คือ
“ ergon ” หมายถึง “ งาน (work) ”
“ nomoi ” หมายถึง “ กฎ (law) ”
“ ikos ” หมายถึง “ ศาสตร์หรือระบบความรู้ (ics) ”
หากแปลตามตัวอักษร "Ergonomics" หมายถึง ศาสตร์หรือระบบความรู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ระหว่างกฎกับงาน
ส่วนคาว่า "การย์" (การยะ) ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้
ความหมายว่า หน้าที่ กิจธุระงาน
ศัพท์บัญญัติว่า การยศาสตร์ จึงมีความหมายว่า ระบบความรู้เกี่ยวกับงาน ซึ่งค่อนข้าง
ตรงกับความหมายของรูปศัพท์ในคาภาษาอังกฤษ (สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ, 2551)
การยศาสตร์
- 3. การยศาสตร์
การยศาสตร์ (Ergonomics) เป็นองค์ความรู้ที่ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนสภาพงานให้เหมาะสมกับ
ผู้ปฏิบัติงาน หรือเป็นการปรับปรุงสภาพการทางานอย่างเป็นระบบ
เกี่ยวข้องกับหลายสาขาวิชาด้วยกัน นามาประยุกต์ใช้ร่วมกันเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทางานให้มี
ประสิทธิภาพในการทางานความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุด
โดยจะให้ความสาคัญกับคนทางานเป็นอันดับแรก
โดยจะดูว่าการออกแบบเครื่องมือเครื่องจักร และสภาพแวดล้อมในการทางานมีผลกระทบอย่างไร
บ้าง
ซึ่งก็รวมไปถึงวิธีการทางานหรือท่าทางในการทางานที่เหมาะสม เพื่อจะได้ใช้พลังงานในการ
ทางานน้อยที่สุด เกิดความเครียดความล้าและความผิดปกติจากการบาดเจ็บสะสมเรื้อรัง
( Cumulative Trauma Disorders: CTDs ) น้อยที่สุด
- 4. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
แป้ นพิมพ์ (Keyboard)
การใช้แป้ นพิมพ์โดยใช้แรงกดจากปลายนิ้วมีผลต่อการพัฒนาความผิดปกติของท่อน
แขน
โดยแรงขั้นต่าที่ใช้ในการกดจะเป็นเพียงครึ่งแรกของการกดทั้งหมด ถ้าผู้ใช้ต้องออกแรง
กดมากเท่าใดก็จะหมายถึงมันใช้งานไม่สะดวกมากเท่านั้น
การพิมพ์ด้วยแป้ นพิมพ์ที่แข็งกระด้างต้องการใช้แรงกดที่มากขึ้น และแม้ว่าผู้ใช้จะกดคีย์
บนโน้ตบุ๊กด้วยแรงที่น้อยกว่าบนเครื่องตั้งโต๊ะก็ตาม เขากลับใช้แรงกดเกินความจาเป็นมาก
ไป
การทาให้มีเสียงดังตอบรับขณะกดคีย์แต่ละคีย์ลงไปคล้ายกับเสียงคลิกเมาส์จึงช่วยลด
การใช้แรงกดคีย์ที่มากเกินไปได้
- 6. แป้ นพิมพ์ (Keyboard)
การจัดให้มีคีย์ตัวเลขประกอบอยู่บนแป้ นพิมพ์ด้วยนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะมีการ
ทบทวน เนื่องจากคีย์ตัวเลขนี้จะเป็นการเพิ่มความกว้างให้กับแป้ นพิมพ์และต้องวางเมาส์
ห่างออกไปจากผู้ใช้มากกว่าที่ควร ทาให้หัวไหล่ถูกหันตามออกไปด้วยเมื่อใช้เมาส์ ซึ่ง
เมื่อใช้งานนานไปก็จะทาให้เกิดความไม่สะดวก ดังภาพต่อไปนี้
(ก) ตาแหน่งของเมาส์และการวางแขนที่เป็นผลมาจากการใช้แป้ นพิมพ์แบบมีแป้ นตัวเลข
(ข)ตาแหน่งของเมาส์และการวางแขนเมื่อนาเอาแป้ นตัวเลขออกไป (Cook และKothiyal, 1998)
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 7. เมาส์ (Mouse)
• เมาส์จัดเป็นอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา
• การออกแบบเมาส์ได้มีการออกแบบให้ใช้งานโดยต้องคว่าฝ่ามือลงซึ่งฝ่ามือจะถูก
ยกขึ้นอยู่สูงกว่าข้อมือในท่าที่ผิดธรรมชาติ
• เมาส์บางอันมีขนาดใหญ่มากทั้งยาวและกว้างทาให้ไม่สะดวกในการใช้ปุ่มคลิก
โดยต้องใช้นิ้วยืดออกไปเพื่อจะคลิกที่ปุ่มได้
• เมาส์ส่วนใหญ่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับมือขวาแต่ก็ยังมีพวกที่นาไปใช้กับมือซ้าย
โดยวางไว้ทางด้านซ้ายของแป้ นพิมพ์ โดยที่รูปทรงของเมาส์มือขวานั้นไม่เหมาะ
อย่างยิ่งกับกับการใช้โดยมือซ้าย
• ดังนั้นการออกแบบเมาส์ให้สามารถใช้กับมือในท่าที่เป็นธรรมชาติได้ ซึ่งมี
นัยสาคัญที่จะลดอาการติดกันของกระดูกและกล้ามเนื้อในขณะใช้งานคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 9. ทัชเพด (Touchpad)
• การใช้ทัชเพดนี้จะพบได้บนแลปท็อปคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กโดยใช้แทนเมาส์
• รูปร่างของทัชเพดมีลักษณะเป็นสีเหลี่ยมอยู่ด้านหน้าแป้ นพิมพ์ใช้งานโดยใช้ปลายนิ้ว
• ผู้ใช้ส่วนมากพบว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวบนทัชเพด เพราะว่าไม่ต้องการให้
ทิศทางของเคอร์เซอร์เปลี่ยนไป ซึ่งเกิดขึ้นได้ถ้ามีนิ้วมืออีกนิ้วมาสัมผัส
• ผลสรุปก็คือ การใช้งานจะมารวมอยู่ที่นิ้วมือเพียงนิ้วเดียว ซึ่งนานไปก็เกิดความอ่อนล้า
ได้การใช้ทัชเพดเป็นเวลานานจึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการใช้นิ้ว
เพียงนิ้วเดียวเป็นเวลานานในการทางาน
• ผู้ใช้ทัชเพดจึงควรใช้เมาส์เพิ่มเติมด้วย
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 11. จอยสติก (Joystick)
• จอยสติกมีรูปร่างเป็นแท่งยึดติดอยู่กับฐาน จอยสติกขนาดใหญ่ใช้งานโดยใช้มือจับ
ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้ปรับให้เข้ากับธรรมชาติของการใช้ปลายแขน
• ถูกออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้แรงบังคับโยกไปมาได้มากกว่าการจับยึดไว้ตรง ๆ
อย่างไรก็ตามการจับยึดโดยใช้แรงจากมือนี้อาจมีผลกระทบต่อความเที่ยงตรงของการ
เคลื่อนไหวได้
• การออกแบบจอยสติกบางครั้งจะให้ใช้นิ้วโป้ งในการกดด้วย การใช้งานนิ้วโป้ งใน
กรณีนี้เป็นสิ่งที่ไม่แนะนา ในการใช้จอยสติกไม่ควรใช้เกิน45 องศาไปทางซ้ายและขวา
30 องศาไปข้างหน้า และ 15 องศามาข้างหลัง
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 12. จอภาพสัมผัส (Touchscreen)
• การใช้งานจอภาพสัมผัสผู้ใช้จะต้องสัมผัสลงไปบนจอภาพ นั่นเป็นหนึ่งในวิธีการที่รวดเร็ว
ในการเลือกสิ่งของบนจอภาพ ซึ่งมันจะให้ผลดีที่สุดในการชี้และการเลือก
• อย่างไรก็ตามมันมีผลต่อผู้ใช้ในการยื่นแขนออกไปโดยไม่มีอะไรมารองรับหรือพยุงไว้สิ่ง
หนึ่งที่เป็นความยากก็คือจอภาพถูกวางไว้ตามความต้องการ สองอย่างนี้คือ มันต้องอยู่ห่างจาก
ผู้ใช้พอสมควร เพื่อให้อ่านได้สะดวกแต่ก็ต้องไม่ห่างเกินเอื้อม และไม่ควรใช้งานนานเกินไปกับ
จอภาพแบบนี้
• อาจจะเหมาะกับการเลือกด้วยการใช้เวลาสั้น ๆ หรือไม่ก็เป็นการป้ อนตัวหนังสือเพียง
เล็กน้อยเท่านั้น
• การวางจอไว้ในแนวตั้งตรงนั้นควรจะตั้งให้มีความสูงเพียงพอซึ่งควรจะอยู่บริเวณตั้งแต่
หัวไหล่ขึ้นไป
• การวางจอที่วางในแนวนอนจะต้องไม่ตั้งให้สูงกว่าในแนวระดับศอก
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 13. กราฟิกแท็บเล็ต(Graphic tablet)
• กราฟิกแท็บเล็ตและปากกาใช้งานในการวาดเขียน เพื่อการออกแบบ
• เนื่องจากสามารถทางานได้ด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตามด้วยด้ามจับที่มีขนาดเล็กซึ่ง
การใช้งานด้วยด้ามจับแบบนี้อาจทาให้รู้สึกเมื่อยล้าได้ดังนั้นการใช้งานแบบไม่มีหยุดจึง
ควรหลีกเลี่ยง ทั้งนี้รวมถึงการใช้ปากกาแสงที่ชี้ไปยังจอภาพด้วยกราฟิกแท็บเล็ตและ
ปากกาใช้งานในการชี้จุด การเลือก การลากแล้ววาง และการวาด
• โดยหน้าสัมผัสของกราฟิกแท็บเล็ตจะต้องแบนราบและเรียบและไม่สะท้อนแสง
• ซึ่งจะต้องใช้แผ่นนาร่องวางทาบเอาไว้เพื่อให้เห็นฟังก์ชั่นการทางานกราฟิกที่มีไว้ให้
ใช้ในโปรแกรม และแผ่นนี้จะต้องไม่ขยับเลื่อนไปเมื่อใช้งาน
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ส่งผลต่อการทางานของร่างกายมนุษย์
- 14. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs)
• ความผิดปกติของรยางค์บน คือ กลุ่มอาการที่มีการอักเสบสะสมมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่
บริเวณ ปลายนิ้ว หัวไหล่ แขน และคอ
• เป็นความผิดปกติในระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ได้แก่ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อ
ต่อต่างๆ
• เนื้อเยื่อเหล่านี้จะทางานร่วมกันเพื่อตอบสนองต่อ ตาแหน่งและการเคลื่อนไหวของ
แขน ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้นมีทั้งการทางานแบบนิ่งอยู่กับที่ และการทางานแบบ
เคลื่อนไหวไปมา
- 16. ความเจ็บป่ วยที่เกิดจากการทางาน
ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs) การทางานซ้าซาก (Repetition)
o ถ้าทางานในลักษณะเดียวกันเหมือนเดิมซ้า ๆ เป็นเวลานาน จะเกิดเป็นการทาซ้าซาก
o การทางานในลักษณะนี้กล้ามเนื้อแต่ละมัดจะตอบสนองการทางานในรูปแบบเดิม
o เมื่อทานานๆโดยไม่มีช่วงพักโดยกล้ามเนื้อจะเกิดการล้าและจะฟื้นฟูกลับมาในสภาพ
เดิมได้ไม่เต็มที่
o การที่กล้ามเนื้อทางานเกินกาลังติดต่อกัน จะนาไปสู่การอักเสบและการเสื่อมของ
เนื้อเยื่อ ยิ่งถ้าต้องทางานอย่างเร่งรีบยิ่งต้องใช้กาลังกล้ามเนื้อสูงขึ้น ก็ยิ่งทาให้กล้ามเนื้อ
ล้าได้เร็วขึ้น
- 17. ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs) ท่าทางที่ไม่เหมาะสม (Awkward posture)
ท่าทางที่ฝืนธรรมชาติทาให้เกิดปัญหาความผิดปกติของรยางค์บนได้
ดังนั้นในที่ทางานจึงจาเป็นที่จะต้องใช้เฟอร์นิเจอร์ และจัดเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะ
ทางานให้เหมาะสม
ท่าที่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของแขนหรือลาตัวอยู่ในตาแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น
แป้ นพิมพ์และเมาส์ อยู่ห่างจากลาตัวมากเกินไปทาให้ต้องยื่นแขนไปข้างหน้าหรือเอื้อม
ไปไกลมากขึ้น ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มักจะยกแขนขึ้นมาให้ข้อมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ ใช้
แป้ นพิมพ์และเมาส์ การทางานอยู่ในท่านี้นานๆจะมีผลต่อกล้ามเนื้อ เพราะว่ากล้ามเนื้อ
ไม่สามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม
ความเจ็บป่ วยที่เกิดจากการทางาน
- 18. ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs) ท่าทางที่ไม่เหมาะสม (Awkward posture)
: ภาพตัวอย่างแขนและลาตัวอยู่ในตาแหน่งที่ไม่เหมาะสม
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/health2you/2009/06/04/entry-14,15
ความเจ็บป่ วยที่เกิดจากการทางาน
- 19. ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs) กล้ามเนื้อทางานเกร็งค้างกับที่
(Static muscle work)
คือ การยกแขนหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายให้อยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง
ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน
ในระหว่างนี้กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวและไม่สามารถคลายตัวได้ ทาให้มีการ
ไหลเวียนของเลือดลดลงในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และไม่สามารถกาจัดของเสียจาก
กระบวนการเผาผลาญพลังงานได้ทาให้กล้ามเนื้อเกิดการอ่อนล้าได้เร็วขึ้นใน
กรณีที่เก้าอี้ตั้งอยู่ต่าจากแป้ นพิมพ์และเมาส์มาก ทาให้ในขณะทางานต้อง
ยกหัวไหล่และแขนขึ้นและค้างไว้ท่านี้ ถ้าค้างไว้เป็นเวลา 5 นาที จะต้องใช้เวลา
ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่ากล้ามเนื้อจะกลับมาเหมือนเดิมกล้ามเนื้อทางานเกร็ง
ค้างกับที่
ความเจ็บป่ วยที่เกิดจากการทางาน
- 20. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs) การออกแรง (Force)
ระดับแรงในการทางานของกล้ามเนื้อมีผลต่อท่าทางของแต่ละคน
ทาให้เกิดการล้าของกล้ามเนื้อและจะนาไปสู่อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
คนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์จานวนมากมีการเปลี่ยนแปลงท่าทาง ในขณะทางานและต้อง
พิมพ์งานด้วยความเร่งรีบ ซึ่งหลายคนก็ออกแรงกดมากเกินไป แป้ นพิมพ์ถูกออกแบบมาให้
เหมาะกับการสัมผัสเบา ๆ บางคนที่กดแป้ นพิมพ์อย่างแรงก็ทาให้กล้ามเนื้อต้องทางานมาก
ขึ้น
คนส่วนใหญ่จับเมาส์ด้วยแรงที่มากเกินความจาเป็น ก็ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการล้าได้
เร็วขึ้น
แรงที่ใช้นั้นจะปรับไปตามความหนักของงานและสามารถส่งผลให้เกิดความผิดปกติ
ของรยางค์บนได้
- 21. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
ความผิดปกติของรยางค์บน (Upper Limb Disorders: ULDs)
ช่วงระยะเวลาการทางาน
(Duration of exposure)
ระยะเวลาการทางานในแต่ละวันมีผลทาให้เกิดอาการเจ็บป่วยและ
ใช้งานไม่ถนัดเกิดขึ้นได้
คนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ จะทาให้เกิดความผิดปกติ
ของรยางค์บนได้เช่นกัน ซึ่งอาการค่อย ๆ เกิดการสะสมมาเรื่อย ๆ
การทางานที่มีช่วงเวลาพักน้อย การทางานนอกเวลา และการทางาน
อย่างสุดโต่ง แม้จะในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็อาจทาให้เกิดความผิดปกติของ
รยางค์บนได้
หรือแม้แต่คนที่หยุดงานเป็นเวลานานแล้วกลับมาทางานใหม่ก็จะทา
ให้เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
- 22. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
ปวดหลัง (Backache)
o คนที่มีอาการปวดหลังมักจะปวดหลังส่วนล่างหรือหลังส่วนเอว อาการปวดมักเกิด
จากการทางานอยู่ในท่าที่ไม่ถูกต้องและนั่งเป็นเวลานาน ๆโดยไม่ลุกจากที่
o อาการปวดหลังสามารถเกิดได้จากลักษณะของสถานที่ทางานไม่เหมาะสม เก้าอี้ไม่
ดีไม่ได้ถูกปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน
o การแก้ปัญหาอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นจากการทางาน ควรเลือกใช้เก้าอี้ให้เหมาะสม
กับผู้ใช้ในแต่ละคน และมีการฝึกอบรมในเรื่องท่าทางที่ถูกต้องในการทางานให้แก่
พนักงานและอนุญาตให้พนักงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจาลุกจากที่นั่งเดินไป
เดินมาได้บ่อย ๆ
- 23. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
การล้าสายตา (Visual fatigue)
ลักษณะอาการของการล้าสายตา คือ ตาแดง คันที่ตา มองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพ
ซ้อน ปวดบริเวณรอบ ๆ ตามีน้าตาไหล ปวดศีรษะ อาการคลื่นไส้ อาการเหล่านี้เกิดจาก
การใช้กล้ามเนื้อรอบ ๆ ดวงตามากเกินไป
ตาและกล้ามเนื้อที่ควบคุมลูกตาจะตอบสนองเหมือนกับส่วนอื่นๆ ของร่างกายจะดี
ขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทาไมคนที่ทางานด้วยคอมพิวเตอร์จึงต้องมีช่วงพักเวลาพักจาก
หน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ ซึ่งจะทาให้ดวงตาได้มีการพักด้วย
ดวงตาควรที่จะจ้องวัตถุอื่นๆในระยะทางที่แตกต่างกันมากกว่าที่จะจ้องอยู่กับ
หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ถ้าไม่สามารถที่พักสายตาได้อย่างน้อย ๆก็ควรที่จะ
ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปมองสิ่งอื่น ๆ บ่อย ๆ
- 24. ความเจ็บป่วยที่เกิดจากการทางาน
ความเครียด (Stress)
เป็นอาการทางจิตเวช (Psychological) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ได้รับมอบหมายงานไม่
เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคน
ซึ่งเป็นผลให้ได้รับแรงกดดันมากเกินไป ซึ่งคนที่มีภาวะเครียดเป็นเวลานานจะทาให้เกิด
การป่วยได้โดยมีอาการวิตกกังวล หดหู่ เกิดเป็นโรคหัวใจ มีอาการปวดหลัง มีปัญหาเกี่ยวกับ
กระเพาะและลาไส้ และอาจจะหาทางออกอย่างไม่เหมาะสม
การตอบสนองนี้จึงเกิดขึ้นในองค์กร ถ้าในองค์กรมีหนึ่งคนที่มีความเครียดมาก ๆ จะ
ส่งผลกระทบต่อคนอื่นที่มีจิตใจปกติได้
โดยคนที่มีความเครียดจะทางานได้ไม่เต็มที่ อาจจะมีการขาดงานบ่อย ๆ ทาให้เพิ่มภาระ
งานกับเพื่อนร่วมงาน ในที่สุดทาให้ต้องถูกออกจากการทางาน
องค์กรจาเป็นต้องทบทวนตาแหน่งที่ทาให้เกิดความลาบากใจหรือมีความกดดันในการ
ทางานของพนักงานด้วย
- 25. การปรับสภาพการทางาน
ท่าทางการนั่งทางาน อุปกรณ์ต่างๆ มีขนาด ระยะ แสงสว่าง ไม่เหมาะสม ทาให้
อวัยวะบางส่วนทางานหนัก ซึ่งการทางานติดต่อกันต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะส่งผล
กระทบต่อสุขภาพ และอาจเกิดการบาดเจ็บของอวัยวะเรื้อรังได้ ดังนั้น สานักงาน
หรือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรให้ความสาคัญต่อการจัดสถานที่ทางานให้เหมาะสม
ดังต่อไปนี้
- 26. โต๊ะที่ใช้ในสานักงานจะมีรูปแบบทั่วไปเป็นทรงสี่เหลี่ยมอย่างง่าย บางครั้งมี
ลิ้นชักติดกับพื้นผิวโต๊ะ
เมื่อเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง นักออกแบบโต๊ะและผู้ผลิตจึงต้องพัฒนา
รูปแบบโต๊ะทางานเพื่อให้ตรงกับความต้องการ โดยต้องสนับสนุนกับอุปกรณ์
สานักงาน เช่น จอภาพ แป้ นพิมพ์ ไมโครโฟน โทรศัพท์เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์
และอุปกรณ์อื่น ๆ และเพื่อรองรับการเพิ่มจานวนของบุคคลในสานักงานโดยไม่
ต้องเพิ่มพื้นที่ของอาคาร
โต๊ะทางานสามารถเปลี่ยนรูปร่าง และรูปทรง ให้เหมาะสาหรับใช้คนเดียว สอง
คน หรือใช้เป็นกลุ่มใหญ่โดยใช้โต๊ะทางานร่วมกันได้
โดยที่ผู้ใช้สามารถคงความสูง ปรับความสูงบางส่วนได้และมีลิ้นชักแนบใต้โต๊ะ
หรือแท่นแขวนเคลื่อนที่ซึ่งในเรื่องของโต๊ะทางานควรพิจารณาดังนี้
โต๊ะทางาน (Desk)
การปรับสภาพการทางาน
- 27. ความสูงของโต๊ะทางานควรมีความสูงพอเหมาะ
ขณะทางานไม่ต้องก้มศีรษะมากนัก
ผิวโต๊ะทาด้วยวัสดุที่ไม่สะท้อนแสงรบกวนการทางาน
หากเป็นโต๊ะที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะควรมีถาดรองแป้ นพิมพ์และเมาส์เพื่อให้หน้า
จอคอมพิวเตอร์ใกล้ระดับสายตา และสามารถพิมพ์งานโดยใช้แป้ นพิมพ์และเมาส์ได้
นานโดยไม่ต้องยกไหล่
ความสูงของโต๊ะทางาน มักจะถูกออกแบบมาให้มีความสูง 720 มม.หรือประมาณ 25-
29 นิ้วตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งจะเหมาะกับบุคลากรส่วนใหญ่ในสานักงาน
การทางานจะต้องมีพื้นที่ที่ว่างอย่างน้อย 650 มม. ระหว่างพื้นและพื้นใต้ผิวโต๊ะทางาน
ความสูงโต๊ะทางาน(Desk height)
การปรับสภาพการทางาน
- 28. พื้นผิวโต๊ะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สาคัญของโต๊ะ เพราะผู้ใช้จะนาอุปกรณ์เกี่ยวกับ
สานักงานมาวางไว้
สาหรับอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์นั้น ควรจะจัดหน้าจอ และแป้นพิมพ์วางไว้ตาแหน่ง
หน้าของผู้ใช้ ซึ่งความลึกของโต๊ะควรมีระยะห่างจากตาแหน่งหน้าจอถึงปลายนิ้ว เป็น
ตาแหน่งที่ใช้ในการทางาน
หน้าจอไม่ควรวางด้านหนึ่งด้านใดของโต๊ะ ซึ่งคนส่วนใหญ่แล้วเมื่อบนโต๊ะทางานมี
เอกสารเป็นจานวนมาก ก็จะทาการย้ายจอภาพและแป้นพิมพ์ไปยังด้านข้างของโต๊ะ
ถ้าหน้าจออยู่ในตาแหน่งข้างใดข้างหนึ่ง ผู้ใช้จะต้องหมุนศีรษะ เวลาดูหน้าจอ และ
จะต้องหันกลับไปมองที่เอกสารหรือแป้นพิมพ์รูปแบบนี้อาจทาให้เกิดการบิดของ
ร่างกายประมาณ 20% พบความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะส่วนคอและไหล่สูง
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 29. : ภาพแสดงรูปแบบพื้นผิวโต๊ะ
(a) Cockpit-style surface
(b) L-shaped surface
(c) Wave surface
ผู้ผลิตจึงได้ออกแบบโต๊ะที่มีการเพิ่มพื้นที่ผิวเป็นแบบ Cockpit-stylesurfaces,
L-shapedsurfaces และ Wavesurfaces ดังในภาพดังนี้
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 30. รูปแบบพื้นผิวโต๊ะดังกล่าว อาจสร้างปัญหา หากไม่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
จะเห็นว่า ถ้าผู้ใช้เอียงเก้าอี้ที่มีที่วางแขน มักจะพบว่าที่วางแขนจะชนกับ
ขอบโต๊ะของ L-shaped ภาพที่ทามุม 90° และเป็นตัวป้ องกันผู้ใช้จากการนั่ง
ใกล้กับโต๊ะที่ต้องการ ดังภาพต่อไปนี้
: ภาพแสดงปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้เก้าอี้ที่มีที่วางแขนกับโต๊ะ L-shapedsurface
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 31. ปัญหาที่เกิดขึ้นคล้ายกันกับรูปแบบผิวโต๊ะWave surface คือ เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปยัง
หน้าจอที่เกี่ยวข้องกับการหมุนเก้าอี้ ที่วางแขนจะสัมผัสกับขอบโต๊ะ และทาให้ผู้ใช้
อยู่ตรงกลางของจอภาพ ผู้ใช้อาจพบว่า ต้องขยับร่างกายเล็กน้อย จากการที่จะต้อง
เคลื่อนที่ไปข้างหนึ่งเพื่อใช้อุปกรณ์ หรืออาจต้องย้ายอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ ที่
กาหนดบนโต๊ะเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากพื้นผิวที่ต้องใช้ร่วมกับ
อุปกรณ์ ดังภาพต่อไปนี้
: ภาพแสดงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เก้าอี้ที่มีที่วางแขนกับโต๊ะ Wave surface
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 32. โต๊ะที่มีพื้นผิวที่ต้องใช้เป็นคู่ ทาให้ไม่สมดุลและต้องมีการเอียงไปทางขวามือของ
โต๊ะ และอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ด้านซ้ายของโต๊ะซึ่งหมายความว่าสัดส่วนที่สาคัญของ
การทางานของผู้ใช้พื้นที่จะอยู่ในทั้งด้านซ้ายหรือขวา ดังภาพด้านล่าง บางคนจะ
คิดว่ามีการจากัดความยืดหยุ่นของการใช้พื้นที่ทางาน ซึ่งเป็นผลจากการไม่ได้
ทดลองใช้งานเฟอร์นิเจอร์ในที่ทางานจริงก่อนซื้อ
: ภาพแสดงความไม่สมดุลของโต๊ะที่มีพื้นผิวเป็นคู่
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 33. อีกหนึ่งคุณสมบัติของพื้นผิวที่สาคัญและสมควรจะกล่าวถึง คือ ขอบของโต๊ะ โดย
ปกติโต๊ะรุ่นเก่าขอบโต๊ะจะทามุม 90° ในกรณีนี้ยังมีหลายรุ่นที่ผู้ขายทาให้ราคาถูก
ลง ขอบของโต๊ะทางานควรจะกลมมน หรือ "bull-nosed" ถือว่าเหมาะสมดังในภาพ
ภาพแสดงเขตการเข้าถึงสะดวกและพื้นที่ทางานปกติ (McKeownและ Twiss, 2004)
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 34. คุณลักษณะใต้พื้นผิว (Undersurface features)
การออกแบบพื้นผิวใต้โต๊ะนี้ไม่มีความสาคัญเท่าพื้นผิวโต๊ะ เพราะจะมี
ผลกระทบเฉพาะเรื่องความสะดวกสบายแต่ละบุคคลควรมีพื้นที่ว่างอย่าง
เพียงพอสาหรับการขยับขาจากหน้าไปหลัง และจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง
เพื่อให้สามารถย้ายขาอย่างอิสระและเปลี่ยนตาแหน่งได้ง่ายโดยไม่มีอุปสรรค
สาหรับข้อแนะนาทั่วไปคือโต๊ะทางานของแต่ละบุคคล ควรมีที่ว่างใต้โต๊ะ
อย่างน้อย 600 มม. ด้านหน้า ถึงด้านหลังและ600 มม. จากซ้ายไปขวา เทียบกับ
ตาแหน่งที่นั่ง ถ้าจะให้ดีที่สุดควรเป็น 1,000 มม. ในบริเวณนี้ควรพิจารณา
คุณสมบัติอื่น เช่น ความสะดวกของการไปด้านหลังของโต๊ะ ขอบโต๊ะ และขา
โต๊ะซึ่งอาจเป็นอุปสรรคกับพื้นได้
พื้นผิวโต๊ะ (Worksurface design)
การปรับสภาพการทางาน
- 36. ความสมดุล (Seat balance) เก้าอี้ที่ดีต้องช่วยส่งเสริมให้ผู้นั่งมีท่าทางทรวดทรง
การนั่งที่ถูกต้องหรือท่าทางการนั่งที่สมดุลตามธรรมชาติของลากระดูกสัน
หลังที่เรียงตัวเป็นรูปตัวอักษรอังกฤษตัว“S”
เมื่อมองจากทางด้านข้างโดยที่หลังส่วนล่างที่เรียกว่าLumbar spines จะแอ่น
เว้ามาทางด้านหน้าส่วนหลังช่วงเอวหรือส่วนล่างของตัว“S” จะเป็นส่วนที่
ต้องรองรับน้าหนักตัวส่วนบนคือ ศีรษะ แขนและลาตัวทั้งหมดเอาไว้และ
กล้ามเนื้อหลังส่วนเอวนี้ก็ต้องพยายามทางานอย่างหนักคือ ทั้งหดทั้งดึงเพื่อ
รักษาแนวลาสันหลังรูปตัวเอสนี้เอาไว้ไม่ให้เป็นตัวเอสหลังค่อมหรือตัวเอสห
งายหลังจนเสียสมดุลที่ดีไป
เก้าอี้(Chair)
การปรับสภาพการทางาน
- 38. ปรับความสูงที่นั่ง(Seat height adjustment)
ช่วงของการปรับเก้าอี้สานักงานจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นหรือแต่ละ
บริษัท
สาหรับเก้าอี้ที่ดีที่สุด ที่นั่งควรสามารถปรับความสูงได้ระหว่าง 380 มม.
ถึง 530 มม.จากพื้น
ขณะนั่งสะโพก เข่า ข้อเท้า ทามุม 90 องศา ให้ต้นขาขนานพื้นอยู่ระดับ
เดียวกับสะโพก เท้าวางราบกับพื้น
เก้าอี้(Chair)
การปรับสภาพการทางาน
- 39. ปรับพนักพิง (Backrest adjustment)
การปรับพนักพิงเพื่อให้สัมผัสรองรับความโค้งแอ่นของบั้นเอวของแต่ละ
บุคคลควรพอดี
ถ้าหากไม่พอดีควรมีหมอนเล็กหนุนที่บั้นเอว เพื่อรักษาความโค้งปกติจะ
สังเกตว่าหากพอดีแล้วจะรู้สึกสบายหลังขึ้น
การใช้ที่นั่งที่มีพนักพิงสูงเพื่อสนับสนุนหัวของผู้ใช้ซึ่งเจตนาของผู้ใช้เพื่อ
พักผ่อนหรือเป็นที่พักของศีรษะ แต่การมีที่พิงศีรษะอาจทาให้บุคคลไม่
กระตือรือร้นในการทางานกับคอมพิวเตอร์
เก้าอี้(Chair)
การปรับสภาพการทางาน
- 40. ที่วางแขน (Armrests)
ถ้าที่วางแขนออกแบบมาไม่ดี และตาแหน่งของที่วางแขนไม่ดี อาจสร้างปัญหาให้กับ
ผู้ใช้ได้
หากมีการติดมาอย่างถาวรกับเก้าอี้ ปัญหาหลักคือ ที่วางแขนบางอันกลายเป็นตัว
ป้ องกันผู้ใช้นั่งใกล้เคียงกับขอบชั้นในของโต๊ะ ทาให้ระยะทางระหว่างผู้ใช้และ
แป้ นพิมพ์หรือเมาส์ไกลกัน ผู้ใช้ก็จะทาการกางแขนทั้งสองข้างออก ซึ่งทาให้เพิ่มภาระ
สาหรับแขนมากขึ้น
ถ้ามีที่วางแขน ควรจะใช้ในท่าทางที่ถูกสนับสนุนปลายแขนของผู้ใช้แต่ไม่รบกวน
วิธีการทางานของผู้ใช้ควรย้ายแขนได้อย่างอิสระ สามารถจับต้องวัตถุหรือใช้
แป้ นพิมพ์เมาส์ได้สะดวก
ถ้าผู้ใช้ทางานกับเก้าอี้ที่มีที่วางแขนแล้วเกิดปัญหา ก็ควรถอดออกได้โดยง่าย
เก้าอี้(Chair)
การปรับสภาพการทางาน
- 41. กลไกการปรับ(Adjustment mechanisms)
กลไกการปรับคุณสมบัติสาคัญของกลไกการปรับใด ๆ ควรที่จะใช้งานง่ายจาก
ตาแหน่งที่นั่ง
การปรับที่ต้องให้ผู้ใช้ยืนขึ้นเพื่อดาเนินการควบคุมได้
หากมีการควบคุมการทางานที่ซับซ้อน ผู้ใช้จะไม่ค่อยชอบ และต้องเสียเวลา
กับการทาความคุ้นเคยกับการควบคุมนั้นและจะเป็นผลให้ไม่ใช้มันอีกเลย
กลไกการปรับที่นั่งจะอยู่ใต้เก้าอี้ใช้ควบคุมการเปลี่ยนการตั้งค่าของที่นั่งเพื่อให้
สามารถปรับแรงรองรับผู้ใช้ที่มีน้าหนักแตกต่างกันได้เพื่อให้มีความต้านทาน
เพียงพอในการเคลื่อนไหวของพนักพิง
เก้าอี้(Chair)
การปรับสภาพการทางาน
- 43. ที่วางเท้า (Footrests)
ถ้าเท้าของผู้ใช้ไม่สัมผัสพื้น อาจจะเนื่องจากว่าผู้ใช้ตัวเล็ก เก้าอี้ควรจะมีที่วางเท้า เพราะที่วางเท้า
เปรียบเสมือนพื้น ลักษณะของที่วางเท้าจึงต้องคล้ายกับพื้น ต้องเป็นพื้นที่ผิวขนาดใหญ่ เพื่อให้
สามารถรองรับการวางเท้าทั้งสองอย่างสบาย
ที่วางเท้าบางอันจะออกแบบด้วยพื้นผิวพลาสติก วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันเท้าลื่นไหล
ผู้ใช้มีความแตกต่างทั้งรูปร่าง และขา ซึ่งมีความยาวแตกต่างกัน ที่รองเท้าจึงควรปรับระดับความสูง
และควรเอียงได้
หากผู้ใช้โต๊ะแบ่งพื้นที่การทางานออกเป็นสองส่วนงานที่แตกต่าง ซึ่งปกติเกิดขึ้นกับโต๊ะแบบL-
shapedsurfaces ควรจะให้มีที่รองเท้าสองที่ไว้ใต้โต๊ะแต่ละส่วน เท้าของผู้ใช้จะสัมผัสกับพื้นเมื่อมีการ
ใช้เก้าอี้
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 44. ที่วางข้อมือ(Wristrests)
ที่วางข้อมือ ประกอบไปด้วยเจลที่วางอยู่หน้าเมาส์ ผู้คนทั่วไปมักจะใช้รองข้อมือ
ในขณะกาลังคลิกข้อมูลและควรใช้เป็นที่พักมือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้แล้ว
ถ้าไม่มีที่วางข้อมือจะพบว่ามือของผู้ใช้จะลอยอยู่เหนือเมาส์ เมื่อเป็นกรณีนี้จะต้อง
ใช้กล้ามเนื้อส่วนใหญ่จากแขน เพื่อให้ตาแหน่งมือเทียบเท่ากับเมาส์
หากแต่ผู้ใช้ใช้ที่วางข้อมือขณะที่พยายามทางานกับเมาส์ ก็จะมีประสิทธิภาพเป็นที่
พักไปด้วย
ดังนั้นองค์กรควรให้ที่วางข้อมือแก่พนักงาน นอกจากนี้ยังควรให้ข้อมูลประกอบที่
เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้เห็นความสาคัญของการใช้ที่วางข้อมือขณะปฏิบัติการ
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 45. ที่จับกระดาษ (Document holder)
ที่จับกระดาษ หรือที่จับสาเนา ควรจะจัดหาไว้ในสถานการณ์ที่บุคคลต้องดูเอกสาร ขณะโต้ตอบกับ
หน้าจอ หรือแป้นพิมพ์
โดยปกติผู้ใช้จานวนมากที่วางเอกสารต้นฉบับบนพื้นผิวโต๊ะข้าง ๆ แป้ นพิมพ์ ผลที่ตามมา คือ การ
มองลงมาที่เอกสารจะต้องก้มศีรษะ และคอจะต้องหมุนหัวซ้า ๆ จากเอกสารไปที่หน้าจอ อาจเกิด
ปัจจัยเสี่ยงสาหรับอาการปวดคอ
ดังนั้นการทางานในลักษณะนี้น่าจะทาให้ไม่สบายที่คอ การใช้ที่จับเอกสารเพื่อดูเนื้อหาควรมีความ
สูงระดับเดียวกันกับหน้าจอ เพื่อลดการทาซ้า ๆ กับกล้ามเนื้อคอ
นอกจากนี้ยังมีการใช้เอกสารที่อยู่บนพื้นผิวโต๊ะ ซึ่งอยู่ในระยะที่แตกต่าง และไกลจากหน้าจอ เวลาที่
ผู้ใช้ดูเอกสารแล้วกลับไปดูที่หน้าจอ และกลับมาอีกครั้งจะต้องปรับโฟกัสสายตา การปรับโฟกัส
สายตาดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นตามจานวนครั้ง ทาให้ผู้ใช้จานวนมากเกิดความเมื่อยล้าสายตาหรือปวดหัว
ตามมา
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 47. อุปกรณ์ปรับระดับความสูงของจอภาพ(Screen risers)
อุปกรณ์ปรับระดับความสูงของจอภาพ มีสองรูปแบบ คือแบบแรกเป็นแผ่นแบนที่
สนับสนุนจอซีอาที ดั้งเดิมที่วางบนโต๊ะ
อีกแบบที่ประกอบด้วยที่ยึดไปด้านหลังของจอแบน แขนเหล่านี้เอาไว้สาหรับปรับ
ความสูง
ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าความสูงของหน้าจอเพื่อให้เหมาะสมได้แขนยังสามารถให้ผู้ใช้
สามารถดึงหน้าจอมาด้านหน้า หรือผลักกลับไปด้านหลัง
ช่วยให้มีพื้นที่ว่างของโต๊ะเมื่อไม่ใช้งานหน้าจอ
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 48. ชุดโทรศัพท์หูฟัง (Telephone headset)
ในปัจจุบันมีการใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์เพิ่มขึ้น และใช้โทรศัพท์ลดลง
แต่ก็ยังมีอยู่จานวนหนึ่งที่ต้องพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน หรือซ้า ๆ ในวัน
ทางาน
ถึงแม้ว่าหน่วยงานที่ดาเนินการโดยเฉพาะเป็นศูนย์โทรศัพท์ได้ตั้งค่าให้รองรับการ
ทางานพร้อมหูฟังไว้แล้ว แต่ก็มีสานักงานจานวนมากที่หูฟังเป็นอุปสรรคระหว่างหู
และไหล่ ในขณะที่ผู้ใช้ใช้งาน หรือมีการเข้าถึงข้อมูลบนหน้าจอ
ผลของการใช้กล้ามเนื้อในแบบคงที่นาน ๆ จะนาไปสู่ความไม่สบายของคอ
หูฟังโทรศัพท์ควรจะให้บริการแก่ผู้ดาเนินงานที่ต้องใช้โทรศัพท์ในเวลาเดียวกันกับ
การโต้ตอบกับคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 49. แท่นอ่านหนังสือ(Readingslopes)
บุคคลบางคนจะต้องอ่านเอกสารจานวนมาก และใช้เวลาต่อเนื่อง ต้องก้มศีรษะไป
บนโต๊ะเป็นระยะเวลานาน เพื่อก้มลงไปอ่านเอกสาร
การกระทานี้นาไปสู่ความไม่สบายทั้งคอและหลัง
สถานการณ์นี้สามารถแก้ไขได้โดยใช้แท่นอ่านหนังสือ บางครั้งเรียกว่า ผู้อ่าน หรือ
บรรณาธิการแบบพกพา
เหมาะสาหรับโต๊ะที่สูง และไม่สามารถปรับระดับได้ความลาดเอียงทาให้เอกสารทา
มุมได้เหมาะสมกับผู้ใช้โดยช่วยลดการก้มไปข้างหน้า
อุปกรณ์เสริม (Accessories)
การปรับสภาพการทางาน
- 51. สรุป...หลักสาคัญของการยศาสตร์
การตระหนักว่า ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง และการทางานโดยไม่มีการพัก จะนาไปสู่ความ
ผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal Disorders: MSD) เป็นเรื่องที่มี
ความสาคัญลาดับต้นๆสาหรับทุกคนที่ทางานกับเครื่องคอมพิวเตอร์
การที่มีโต๊ะทางานที่ถูกหลักการยศาสตร์ที่สุด อาจยังคงไม่สามารถป้ องกันอาการ
ผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูกได้ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรเปลี่ยนท่าทางและเดินออก
จากโต๊ะทางานหลาย ๆ ครั้งต่อวัน เพื่อไม่ให้เกิดความเมื่อยล้าจากการนั่งนาน ๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพในบริษัทควรแนะนาให้ลุกไปดื่มน้าตลอดวันซึ่งเป็น
การรับประกันว่าผู้ใช้ได้พักอย่างแน่นอน