More Related Content
Similar to ฉันทลักษณ์ (17)
ฉันทลักษณ์
- 1. ฉันทลักษณ์
่
ฉันทลักษณ์ คือ ตาราที่วาด้วย วิธีร้อยกรองถ้อยคา หรื อเรี ยบเรี ยง
ถ้อยคา ให้เป็ นระเบียบ ตาม ลักษณะบังคับ และบัญญัติ ที่นกปราชญ์ได้
ั
วางเป็ นแบบไว้ ถ้อยคาที่ร้อยกรองขึ้น ตามลักษณะบัญญัติแห่ ง
ฉันทลักษณ์ เรี ยกว่า 'คาประพันธ์'
คาประพันธ์ คือถ้อยคาที่ได้ร้อยกรอง หรื อเรี ยบเรี ยงขึ้น โดยมี
ข้อบังคับ จากัดคา และวรรคตอน ให้รับสัมผัสกัน ไพเราะ ตามกฎเกณฑ์
ที่ได้วางไว้ในฉันทลักษณ์
คาประพันธ์ จาแนกออกเป็ น ๗ ชนิด
คือ โคลง ร่ าย ลิลิต กลอน กาพย์ ฉันท์ กล
คาประพันธ์ที่ดี จะต้องประกอบด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑.มีขอความดี
้
๒.มีสัมผัสดี
๓.แต่งถูกต้องตาม 'ลักษณะบังคับ'
ลักษณะบังคับ หรื อบัญญัติ ในการเรี ยบเรี ยงคาประพันธ์ท้ งปวง มีอยู่
ั
๘ อย่าง คือ
๑. ครุ ลหุ ๒. เอก โท
๓. คณะ
๔. พยางค์
๕. สัมผัส ๖. คาเป็ นคาตาย ๗. คานา
๘. คาสร้อย
- 2. ครุ คือพยางค์ที่มีเสี ยงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วย สระ
เสี ยงยาว (ทีฆสระ) และ สระเกินทั้ง ๔ คือ สระ อา ใอ ไอ เอา และพยางค์
ที่มีตวสะกดทั้งสิ้ น เช่นตา ดา หัด เรี ยน ฯลฯ
ั
ลหุ คือพยางค์ที่มีเสี ยงเบา ได้แก่พยางค์ที่ประกอบด้วย สระสั้น
(รัสสระ) ที่ไม่มีตวสะกด เช่น พระ จะ มิ ดุ แกะ ฯลฯ
ั
เอก คือพยางค์ หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์เอก และบรรดาคาตาย
ทั้งสิ้ น ซึ่ งในโคลง และร่ าย ใช้เอกแทนได้ เช่น พ่อ แม่ พี่ ปู่ ชิ ชะ มัก
มาก ฯลฯ
โท คือพยางค์หรื อคาที่มีรูปวรรณยุกต์โท เช่น น้า ป้ า ช้าง นี้นอง
้
ต้อง เลี้ยว ฯลฯ
พยางค์ คือ จังหวะเสี ยง ที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งๆ หรื อหน่วยเสี ยง ที่
็
ประกอบด้วยสระตัวเดียว จะมีความหมาย หรื อไม่กตาม คาที่ใช้บรรจุใน
บทร้อยกรองต่างๆ นั้น ล้วนหมายถึง คาพยางค์ ทั้งสิ้ น คาพยางค์น้ ี ถ้ามี
เสี ยงเป็ น ลหุ จะรวม ๒ พยางค์ เป็ นคาหนึ่ง หรื อหน่วยหนึ่ ง ในการแต่ง
ร้อยกรองก็ได้ แต่ถามี เสี ยงเป็ น ครุ จะรวมกันไม่ได้ ต้องใช้พยางค์ละคา
้
สั มผัส คือลักษณะที่บงคับให้ใช้คาคล้องจองกัน คาที่คล้องจอง
ั
กันนั้น หมายถึง คาที่ใช้สระ และมาตราสะกดอย่างเดียวกัน แต่ตองไม่ซ้ า
้
อักษร หรื อซ้ าเสี ยงกัน (สระใอ, ไอ อนุญาตให้ใช้สัมผัสกับ อัย ได้) มี ๒
ชนิด คือ
- 3. ๑. สั มผัสนอก ได้แก่คาที่บงคับให้คล้องจองกัน ในระหว่างวรรค
ั
หนึ่ง กับอีกวรรคหนึ่ง ซึ่ งมีตาแหน่งที่ต่างๆ กัน ตามชนิดของคาประพันธ์
นั้นๆ สัมผัสนอกนี้ เป็ นสัมผัสบังคับ ซึ่ งจาเป็ นต้องมี จะขาดไม่ได้ ดัง
ตัวอย่าง ที่โยงเส้นไว้ให้ดู ดังต่อไปนี้
- 4. ่
๒.สั มผัสใน ได้แก่ คาที่คล้องจองกัน และอยูในวรรคเดียวกัน
จะเป็ นสัมผัสคู่ เรี ยงคาไว้ติดต่อกัน หรื อจะเป็ นสัมผัสสลับ คือเรี ยงคาอื่น
แทรกคันไว้ ระหว่างคาที่สัมผัสก็ได้สุดแต่จะเหมาะ ทั้งไม่มีกฎเกณฑ์
่
่
จากัดว่า จะต้องมีอยูตรงนั้น ตรงนี้ เหมือนอย่างสัมผัสนอก และไม่จาเป็ น
จะต้องใช้สระอย่างเดียวกันด้วย เพียงแต่ให้อกษรเหมือนกัน หรื อเป็ น
ั
ั
อักษรประเภทเดียวกัน หรื ออักษรที่มีเสี ยงคู่กน ก็ใช้ได้
สัมผัสใน แบ่งออกเป็ น ๒ ชนิด คือ
๒.๑ สั มผัสสระ ได้แก่คาคล้องจองที่มีสระและมาตรา
สะกดอย่างเดียวกัน เช่น
๒.๒ สั มผัสอักษร ได้แก่ คาคล้องจองที่ใช้ตวอักษรชนิดเดียวกัน
ั
ั
หรื อตัวอักษร ประเภทเดียวกัน หรื อใช้ตวอักษร ที่มีเสี ยงคู่กน ที่เรี ยกว่า
ั
"อักษรคู่" เช่น ข ค ฆ หรื อ ถ ท ธ เป็ นต้น เช่น
๑) ใช้ตวอักษรชนิดเดียวกัน คือใช้อกษรตัวเดียวกันตลอดทั้ง
ั
ั
วรรค ดังนี้
- 6. ผูคงแก่เรี ยน ผูเ้ ฉลียวฉลาด ผูมีปัญญาเปรื่ องปราด ผูประพันธ์กาพย์กลอน
้
้
้
คา กวิ หรือ กวี มาจากรากศัพท์เดิม คือ กุธาตุ แปลว่า เสี ยง ว่าทาให้
เกิดเสี ยง ว่าร้อง ว่าร้องระงม ว่าคราง ว่าร้องเหมือนเสี ยงนก หรื อเสี ยง
แมลงผึ้ง
กาพย์ ตามความหมายเดิม มีความหมายกว้ างกว่าที่เข้าใจกัน ใน
่
ภาษาไทย คือ บรรดาบทนิพนธ์ ที่กวีได้ ร้อยกรองขึ้น ไม่วาจะเป็ น โคลง
ฉันท์ กาพย์ หรื อ ร่ าย นับว่าเป็ นกาพย์ ทั้งนั้น
หมายความ แคบ หมายถึง คาประพันธ์ชนิ ดหนึ่ ง ของกวีเท่านั้น
กาพย์มีลกษณะผิดกับกลอนธรรมดา คือ
ั
๑. วางคณะ พยางค์ และสัมผัสคล้ายกับฉันท์
๒. ใช้แต่งปนกับฉันท์ได้ และคงเรี ยกว่า "คาฉันท์" เหมือนกัน
่
กาพย์ที่นิยมใช้อยูในภาษาไทย มี ๕ ชนิด คือ
๑. กาพย์ยานี ๑๑
๒. กาพย์ฉบัง ๑๖
๓. กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
๔. กาพย์ห่อโคลง
๕. กาพย์ขบไม้ห่อโคลง
ั
กาพย์ ๓ ชนิดข้างต้น ใช้เทียบเคียง แต่งปนไปกับฉันท์ได้ และเพราะ
เหตุที่ มีลกษณะคล้ายกับฉันท์ และแต่งปนไปกับฉันท์ได้ จึงเรี ยกว่า
ั
คาฉันท์ดวย
้
- 8. ๒. กาพย์ ฉบัง ๑๖
แผนผังบังคับกาพย์ฉบัง ๑๖
ตัวอย่ างกาพย์ ฉบัง ๑๖