More Related Content Similar to ร้านขายยากับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตที่สอดคล้องกับกฏหมาย
Similar to ร้านขายยากับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตที่สอดคล้องกับกฏหมาย (20) More from Utai Sukviwatsirikul
More from Utai Sukviwatsirikul (20) ร้านขายยากับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตที่สอดคล้องกับกฏหมาย3. ทาไมต้องควบคุมการโฆษณา
โดยทั่วไปแล้ว นักการตลาดและนักเสรีนิยม มักมองว่าโฆษณาช่วยให้
เกิดการสะพัดของข้อมูลข่าวสาร ทาให้ผู้บริโภครู้ถึงความหลากหลาย
ของสินค้าที่มีอยู่ เป็นการส่งเสริมสิทธิที่จะเลือกบริโภคสิ่งที่ตรงกับ
ความต้องการของตัวเองที่สุด โฆษณาถูกมองว่าป้องกันการผูกขาดและ
ส่งเสริมการแข่งขัน สร้างความโปร่งใสในกลไกการตลาด ทาให้ไม่มีใคร
ผูกขาดตลาดได้โดยอาศัยความไม่รู้ของผู้ซื้อ
ในสังคมทุกแห่งประกอบด้วยคนหมู่มากที่มีความแตกต่างด้าน
จริยธรรม คุณธรรม รสนิยม และการยั้งคิด ในแวดวงวิชาชีพโฆษณาก็
เช่นกัน โฆษณาที่ปรากฏ จึงมีที่แตกต่างทางมาตรฐานด้านจริยธรรม
หรือมีสิ่งระคายด้านรสนิยมที่เป็นปัญหาอยู่ด้วย ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่
จะต้องมีองค์กรที่ทาหน้าที่แทนสังคมในการกากับและควบคุมโฆษณา
10. รูปแบบของการโฆษณาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ)
คีย์เวิร์ดแบนเนอร์ (Keyword Banners)
เป็นปุ่มขนาดเล็กหรือข้อความปรากฏอยู่บนเว็บเพจที่
ให้บริการค้นหาประเภท Search Engine และ Web
Directory
เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่มีขนาดใหญ่ไม่มากนัก
แรนด้อมแบนเนอร์ (Random Banner)
เป็นป้ายหรือข้อความโฆษณาที่ปรากฏด้วยการสุ่มให้เห็นได้
ในทันที
เหมาะกับการแนะนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าใหม่
10
12. รูปแบบของการโฆษณาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ)
การโฆษณาผ่านทางอีเมล์ (e-Mail Advertising)
เป็นการแนบสื่อโฆษณาไปพร้อมกับข้อความได้โดยสะดวก รวดเร็ว
ส่งสื่อโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายปลายทางได้พร้อม ๆ กัน
ประหยัดค่าใช้จ่าย
ผู้เสนอสินค้าและบริการควรได้รับอนุญาตจากลูกค้าก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการ
รบกวนและสร้างความราคาญใจให้กับผู้ใช้ได้
การโฆษณาผ่านทางยูอาร์แอล (URL Advertising)
เป็นการอาศัยเครื่องมือประเภท web directory และ search engine ใช้
สาหรับสืบค้นข้อมูลโดยการเชื่อมโยงด้วยข้อความโฆษณา
ผู้ใช้บริการจะต้องลงโฆษณาผ่านทางผู้ให้บริการแบบต้องเสียค่าบริการและไม่
เสียค่าบริการ เช่น www.yahoo.com www.google.com www.excite.com
14. รูปแบบของการโฆษณาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ต่อ)
การโฆษณาส่งเสริมการขายผ่านทางเกมออนไลน์ (Game
Online Advertising)
เป็นการสร้างจุดสนใจให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมหรือสั่งซื้อสินค้าและ
บริการด้วยการเล่นเกมทางออนไลน์
โดยให้ลูกค้าเล่นเกมทาแต้มสะสม ก็สามารถเลือกซื้อสินค้าและ
บริการได้ในราคาลดพิเศษ หรือซื้อสินค้าและบริการ 1 รายการ
แล้วแถมอีก 1 รายการ
การโฆษณาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone
Advertising)
เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อาศัยช่องทางการสื่อสารแบบไร้สายเป็นสื่อ
โฆษณาผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
เพียงแต่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมพร้อมทา
การติดตั้งให้เรียบร้อย ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
16. การโฆษณาผ่านทางห้องสนทนา (Chat Rooms Advertising)
ห้องสนทนา เป็นการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง สามารถโต้ตอบ
ระหว่างกันได้ในเวลาที่เกิดขึ้นจริง ณ ขณะนั้น
การโฆษณาผ่านทางห้องสนทนาสามารถนาเสนอสินค้าและ
บริการได้ตลอดเวลาที่ออนไลน์อยู่
การโฆษณาผ่านช่องทางอื่น ๆ (Other Advertising)
เช่น เว็บเรดิโอ เว็บทีวี เพื่อดึงดูดใจให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมและ
สั่งซื้อสินค้าและบริการ
ปัจจัยที่ต้องคานึงถึงในการโฆษณา
ด้านการลงทุน เช่น มีเงินทุนเพียงพอหรือไม่
กลุ่มเป้าหมาย เช่น ไม่สร้างความราคาญใจให้กับลูกค้า
17. กฎหมายควบคุมการโฆษณา ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค
1. การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อ
ผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจ ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็น
ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความที่เกี่ยวกับ แหล่งกาเนิด สภาพ
คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่งมอบ
การจัดหา หรือ การใช้สินค้าหรือบริการ ข้อความต่อไปนี้ ถือว่า
เป็นข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือ เป็นข้อความที่
อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม คือ
(1) ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง
(2) ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสาคัญเกี่ยวกับ
สินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะกระทาโดยใช้หรืออ้างอิงรายงานทาง
วิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันไม่เป็นความจริงหรือ เกินความ
จริงหรือไม่ก็ตาม
18. กฎหมายควบคุมการโฆษณา ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค (ต่อ)
(3) ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทาผิด
กฎหมายหรือ ศีลธรรม หรือนาไปสู่ความเสื่อมเสียในวัฒนธรรมของชาติ
(4) ข้อความที่จะทาให้เกิดความแตกแยกหรือเสื่อมเสียความสามัคคีใน
หมู่ประชาชน
(5) ข้อความอย่างอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
ทั้งนี้ หากข้อความที่ใช้ในการโฆษณาที่บุคคลโดยทั่วไปสามารถเข้าใจได้
ว่า ข้อความโฆษณา ดังกล่าวไม่อาจเป็นความจริงได้อย่างแน่แท้ ก็ไม่ถือ
ว่า เป็นข้อความที่ต้องห้ามในการโฆษณา ตามข้อ (1)
19. กฎหมายควบคุมการโฆษณา ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค(ต่อ)
2. กรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา เห็นว่า สินค้าใดอาจเป็นอันตราย
ต่อผู้บริโภค และ คณะกรรมการว่าด้วยฉลากได้มีการกาหนดให้เป็นสินค้านั้น
เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณา มีอานาจในการ
ที่จะออกคาสั่ง ดังนี้
(1) กาหนดให้การโฆษณาดังกล่าวต้องมีการแนะนาหรือคาเตือนเกี่ยวกับ
วิธีการใช้ หรืออันตราย ควบคู่ไปกับการโฆษณา ตามเงื่อนไขทีคณะ
กรรมการฯ กาหนด
(2) จากัดการใช้สื่อโฆษณาสินค้านั้นๆ
(3) ห้ามไม่ให้ทาการโฆษณาสินค้านั้นๆ
ทั้งนี้ การห้ามตาม (2) และ(3) ต้องเป็นกรณีที่คณะกรรมการฯ เห็นว่า การ
ใช้ หรือประโยชน์ของสินค้านั้นๆ ขัดต่อนโยบายทางสังคม ศีลธรรมหรือ
วัฒนธรรมของชาติ
20. 4. มีอานาจในการออกคาสั่งให้ผู้โฆษณา ทาการแก้ไขข้อความหรือวิธีการ
โฆษณา , ห้ามการใช้ ข้อความโฆษณาบางอย่างที่ปรากฏในการโฆษณา ,
ห้ามการโฆษณาหรือห้ามใช้วิธีการโฆษณานั้นๆ หรือ ให้ผู้โฆษณาทาการ
แก้ไขความเข้าใจผิดของผู้บริโภค ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่
คณะกรรมการว่าด้วย การโฆษณากาหนด
5. มีอานาจออกคาสั่งให้ผู้โฆษณาพิสูจน์ข้อความโฆษณา เพื่อแสดงความ
จริงได้ ถ้าสงสัยว่า ข้อความที่โฆษณาเป็นเท็จหรือเกินความจริง และใน
กรณีที่ผู้โฆษณามีการอ้างอิงรายงานทางวิชาการ ผลการวิจัย สถิติ การ
รับรองของสถาบัน หรือบุคคลอื่นใด หรือยืนยันข้อเท็จจริงอันใดอันหนึ่งใน
การ โฆษณา ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงตามที่โฆษณา ให้ถือว่า “ผู้
โฆษณารู้หรือควรรู้ว่าข้อความนั้น เป็นเท็จ”
กฎหมายควบคุมการโฆษณา ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค(ต่อ)
21. ลักษณะที่ 1 เป็นการใช้ข้อความโฆษณาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค กล่าวคือ การใช้
ข้อความ โฆษณาที่เป็นเท็จหรือเกินความเป็นจริง หรือข้อความโฆษณาที่ทาให้
ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดใน สาระสาคัญเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่มีการโฆษณา
ไม่ว่าการโฆษณาดังกล่าวจะมีการอ้างอิงรายงาน ทางวิชาการ การศึกษาวิจัย สถิติ
หรือสิ่งอื่นใดก็ตามที่ไม่เป็นความจริงหรือเกินกว่าความเป็นจริง แต่ไม่ รวมถึงการใช้
ข้อความโฆษณา วิธีการโฆษณาที่บุคคลทั่วๆ ไป เห็นแล้วสามารถรับรู้ หรือเข้าใจได้
ว่า “ไม่อาจเป็นความจริงได้อย่างแน่นอน”
23. ลักษณะที่ 3 เป็นการใช้ข้อความโฆษณาที่ผิดตามกฎกระทรวงที่คณะกรรมการว่าด้วย
การโฆษณากาหนดแนวทาง และวิธีการปฏิบัติไว้ เช่น การโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ใช้
อ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สาเร็จราชการ
แทนพระองค์ , การโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ระบุหรือประกาศว่า ผู้ประกอบธุรกิจจะจัด
ให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชค,การโฆษณาขายห้องชุด บ้านจัดสรร ใน
หนังสือพิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือป้ายโฆษณา เป็นต้น
ตั้งแต่วันนี้ จนกว่าของจะหมด
27. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า (ยา) ผ่านสื่อต่างๆรวมทั้ง
อินเตอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ทางการค้าที่จัดเป็นการโฆษณาขายยา
ตามนิยามคาว่า“โฆษณา”ตาม พรบ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
เช่น
o ภาพผลิตภัณฑ์
o ชื่อยา
o ชื่อยา + ราคายา
o ชื่อยา + สนใจติดต่อ /สั่งซื้อได้ที่ .................
o ชื่อยา + สรรพคุณยา
o บทความเกี่ยวกับโรคหรืออาการของโรค และสัมพันธ์กับยา
โดยตรง/โดยอ้อม,ทั้งที่ระบุชื่อการค้าและมิได้ระบุชื่อการค้า
28. กรณีร้านขายยาจัดทาเว็บไซต์ขายยาทางอินเตอร์เน็ต
o ชื่อยา + ราคายา + วิธีการสั่งซื้อยาในเว็บไซต์ (เช่น ตะกร้าสินค้า
วิธีการโอนเงิน เลขบัญชีธนาคาร) : จัดเป็นการขายยาและโฆษณาขายยา
ทางอินเตอร์เน็ต
o การขายยาทางอินเตอร์เน็ต กระทาได้กรณีเป็นยาสามัญประจาบ้าน
เท่านั้น(ไม่ต้องมีใบอนุญาตขาย) ปัจจุบันยังไม่มีการอนุญาตขายยาทาง
อินเตอร์เน็ต
o การโฆษณาขายยาทางอินเตอร์เน็ต กระทาได้กรณีเป็นยาสามัญ
ประจาบ้านและยาที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษเท่านั้น การขอ
อนุญาตโฆษณาเป็นไปตามที่ อย.กาหนด
(ดูได้จากเว็บไซต์ สานักยา อย. หรือเข้า GOOGLE “สานักยา การโฆษณา
ขายยา”)
30. การโฆษณาขายยาทางสื่ออินเตอร์เน็ต www. .com ข้อความเช่น “ ผลิตภัณฑ์......
สรรพคุณชัดเจน ไม่มีสเตียรอยด์... ขี้ผึ้งและน้ามันสมุนไพรนวดตัว 4 สูตร ขี้ผึ้งสมุนไพร
นวดตัว แยกตามอาการ ..สูตร 1 ไมเกรน เครียด หวัด สูตร 2 เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ สูตร3
หัวเข่า ข้อ กระดูก สูตร 4 เหน็บชา อัมพฤกษ์ ...เครื่องดื่มบารุงร่างกาย 18 สูตร
สรรพคุณสูงตรงตามอาการ ...1. สมอง เครียด ……6. เบาหวาน..”
ความผิด : การกระทาดังกล่าวเป็นการโฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตทางสิ่งพิมพ์ ฝ่า
ฝืนมาตรา 88 ทวิ และโฆษณาขายยาโดยแสดงสรรพคุณยาเกินความจริง ฝ่าฝืนมาตรา
88(2) โฆษณาขายยาโดยแสดงสรรพคุณยาว่าสามารถบาบัดบรรเทารักษาโรค หรืออาการ
ของโรคที่รัฐมนตรีประกาศห้ามโฆษณาต่อประชาชนทั่วไป ฝ่าฝืนมาตรา 88 (8)แห่ง
พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510
โทษ : 1. แจ้งระงับโฆษณาและเปรียบเทียบปรับผู้รับอนุญาต บริษัทผู้โฆษณา ไม่เกิน
100,000 บาท
31. ตัวอย่างการโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตที่ผิด
การโฆษณาขายยา ......ทางเว็บไซต์ www. .com ข้อความโฆษณาเช่น “ยาบารุง
ร่างกายกล่องสีแดงเป็นยาพิเศษ มีฤทธิ์แรงกว่ายาบารุงร่างกายสูตร 2 กล่องเหลือง กว่า
7 เท่า สรรพคุณ จุดเด่น 1. ดื่มแล้วผิวพรรณสวยงาม มีน้ามีนวล ..2. เป็นยาเสริมสร้าง
สมองให้แข็งแรง ไม่ว่าเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ สมองฝ่อ อัมพฤกษ์ อัมพาต อัลไซ
เมอร์ พาร์กินสัน...ยาน้ากระชายดา..ช่วยให้อารมณ์เพศชายมีความสมบูรณ์...”
ความผิด : การกระทาดังกล่าวเป็นการโฆษณาขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตทางสิ่งพิมพ์หรือ
ทางฉายภาพ ฝ่าฝืนมาตรา 88 ทวิ โฆษณาขายยาโดยแสดงสรรพคุณยาเกินความจริง ฝ่า
ฝืนมาตรา 88(2) และโฆษณาขายยาโดยทาให้เข้าใจว่าเป็นยาบารุงกาม ฝ่าฝืนมาตรา 88
(5) โฆษณาขายยาโดยแสดงสรรพคุณยาว่าสามารถบาบัดบรรเทารักษาโรค หรืออาการของ
โรคที่รัฐมนตรีประกาศห้ามโฆษณาต่อประชาชนทั่วไป ฝ่าฝืนมาตรา 88 (8) แห่ง
พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510
โทษ : แจ้งระงับโฆษณาและเปรียบเทียบปรับนาง.......... ผู้จัดทาเว็บไซต์โฆษณา ไม่เกิน
100,000 บาท
32. กฎหมายอาหารส่วนการโฆษณา
มาตรา ๔๐ ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของ
อาหารอันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร
(มาตรา ๗๐ ผู้ใดโฆษณาอาหารโดยฝ่าฝืนมาตรา ๔๐ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับ
ไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ)
มาตรา ๔๑ ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณ
ของอาหารทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ทางฉายภาพ ภาพยนตร์
หรือทางหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อื่น หรือด้วยวิธีอื่นใดเพื่อประโยชน์ในทาง
การค้า ต้องนาเสียง ภาพ ภาพยนตร์ หรือข้อความที่จะโฆษณาดังกล่าวนั้น
ให้ผู้อนุญาตตรวจพิจารณาก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะโฆษณาได้
(มาตรา ๗๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท)
36. พระราชบัญญัติเครื่องสาอาง พ.ศ. 2535
เครื่องสาอาง หมายความว่า วัตถุที่มุ่งหมายสาหรับใช้
ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทา
ด้วยวิธีอื่นใด ต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความ
สะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความ
สวยงามและรวมตลอดทั้งเครื่องประทิ่นผิวต่างๆ ด้วย
แต่ไม่รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัวซึ่งเป็น
อุปกรณ์ภายนอกร่างกาย
37. พระราชบัญญัติเครื่องสาอาง พ.ศ. 2535
มาตรา 56 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกาเนิด
สภาพ คุณภาพ ปริมาณหรือสาระสาคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับ
เครื่องสาอาง ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น ใช้ฉลากที่มีข้อความอัน
เป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจ
ผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสาม
หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าผู้กระทาความผิดตามวรรคหนึ่งกระทาผิดซ้าอีกภายในหกเดือน
นับแต่วันกระทาความผิดครั้งก่อน ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
38. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
มาตรา 22 การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อ
ผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม
ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกาเนิด
สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่ง
มอบ การจัดหา หรือการใช้สินค้าหรือบริการ
ข้อความดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อ
ผู้บริโภคหรือเป็นข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม
39. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
(1) ข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง
(2) ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสาคัญ
เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะกระทาโดยใช้หรือ อ้างอิง
รายงานทางวิชาการ สถิติ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันไม่เป็นความจริง
หรือเกินความจริง หรือไม่ก็ตาม
(3) ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการ
กระทาผิดกฎหมายหรือศีลธรรมหรือนาไปสู่ความเสื่อมเสียใน
วัฒนธรรมของชาติ
40. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
(4) ข้อความที่จะทาให้เกิดความแตกแยกหรือเสื่อมเสียความสามัคคีในหมู่
ประชาชน
(5) ข้อความอย่างอื่นตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
ข้อความที่ใช้ในการโฆษณาที่บุคคลทั่วไปสามารถรู้ได้ว่าเป็นข้อความ
ที่ไม่อาจเป็นจริงได้โดยแน่แท้ ไม่เป็นข้อความที่ต้องห้ามในการโฆษณา
ตาม (1)
41. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
มาตรา 47 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกาเนิด
สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสาคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับ
สินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้
ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้หรือควร
รู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวาง
โทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้ง
ปรับ