ครู บุญมี
เป็ นครู สอนวิชาภาษาไทย ในการสอนแต่ ละชั่ วโมงครู จะใช้ วธีการ
                                                           ิ
บรรยาย ส่ วนไหนที่สาคัญก็จะเน้ นยาให้ นักเรียนจดบันทึกและท่องซ้า
                                       ้
หลายครั้ง ทุกวันครู จะให้ นักเรียนท่ องคาศัพท์ วันละ 5 คา พร้ อมทั้ง
คัดลายมือมาส่ ง สื่ อทีครู ใช้ ประจาคือ บทเรียนโปรแกรมและชุ ดการ
                       ่
สอน
นอกจากนีเ้ มื่อเรียนจบแต่ ละบทครู บุญมีกจะทาการสอบเก็บคะแนน
                                           ็
ถ้ านักเรียนสอบตกก็จะให้ สอบใหม่ จนกว่าจะผ่านตามเกณฑ์
ครู บุญช่ วย
เป็ นครู สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ในการสอนแต่ ละครั้งครู จะนาเข้ าสู่ บทเรียน
โดยเชื่ อมโยงเนือหาที่เรี ยนกับประสบการณ์ เดิมของผู้เรียน เช่ น
                     ้
การใช้ คาถาม การยกตัวอย่ างเหตุการณ์ ในชี วตประจาวัน ข่ าวสารต่ าง ๆ
                                                   ิ
เป็ นต้ น หลักจากนั้นครู จะแบ่ งนักเรียนออกเป็ นกลุ่มแล้ วมอบสถานการณ์
ปัญหาหรือภารกิจการเรียนรู้ ให้ ผ้ ูเรี ยนทุก ๆ กลุ่ม นอกจากนีครู ยงเตรียม
                                                                      ้ ั
แหล่ งการเรี ยนรู้ ต่าง ๆ เช่ น หนังสื อ วีดิทัศน์ เว็บไซต์ ทเี่ กี่ยวข้ อง ฯลฯ
เพือให้ ผ้ ูเรี ยนค้ นหาคาตอบ และร่ วมมือกันเรี ยนรู้ มีการแลกเปลียน
    ่                                                                     ่
ประสบการณ์ การลงมือทดลองเพือทดสอบแนวคิดของกลุ่ม โดยมีครู
                                       ่
เป็ นผู้ให้ คาแนะนา หากพบว่ ามีผ้ ูเรียนคนใดหรือกลุ่มใดเข้ าคลาดเคลือน        ่
ครู กจะเข้ าไปอธิบายและกระตุ้นให้ คด หลังจากได้ คาตอบแล้ ว
      ็                                  ิ
ทุกกลุ่มก็จะนาเสนอแนวคิดความ และร่ วมกับสรุ ปบทเรี ยนเป็ น
ความเข้ าใจของตนเอง
บุญชู
สามารถสอนให้นกเรี ยนจาคาศัพท์ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ลืม
                    ั
ซึ่ งครู มีเทคนิคดังนี้ การแต่งเป็ นบทเพลง การใช้คาคล้องจอง
การใช้แผนภูมิรูปภาพประกอบเนื้ อหาที่ตองการให้ผเู ้ รี ยนเข้าใจ
                                             ้
ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ เช่น แผนผังแสดง
ความสัมพันธ์
ของคนในครอบครัว และที่น่าสนใจคือ การให้ผเู ้ รี ยนจาคาศัพท์
โดยใช้การออกเสี ยงภาษาอังกฤษที่เหมือนกับภาษาไทย เช่น
pic กับ พริ ก และ bear กับ แบมือ พร้อมมีรูปประกอบซึ่ งเป็ นการ
เชื่อมโยงประสบการณ์เดิมที่ผเู ้ รี ยนรู ้จกมาช่วยในการจดจาคาศัพท์ครู
                                          ั
ภารกิจการเรี ยนรู้
1. ให้ท่านวิเคราะห์วิธีการจัดการเรี ยนรู้ของครู แต่ละ
         ่
คนว่าอยูในกระบวนทัศน์การออกแบบการสอนใดและ
มีพ้ืนฐานมาจากทฤษฎีการเรี ยนรู้ใดบ้าง พร้อมอธิบาย
เหตุผล
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญมี จะเน้นครู เป็ น
ศูนย์กลาง คือครู จะเป็ นผูถ่ายทอดความรู ้ให้กบนักเรี ยน โดยที่นกเรี ยน
                          ้                  ั                 ั
จะรอรับความรู้จากครู ซึ่งครู บุญมีจะมีวธีการสอนโดยการบรรยายให้
                                       ิ
นักเรี ยนจดบันทึกและท่องจา ซึ่ งสอดคล้องกับทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
เพราะออกแบบการสอนโดยมุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนสามารถจดจาความรู ้
ได้มากที่สุด
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญช่วย คือการเน้นผูเ้ รี ยน
เป็ นศูนย์กลาง เพราะครู มีวธีการสอนที่มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกเรี ยนรู ้ดวย
                                ิ                                  ั         ้
                                               ั
ตัวเอง และรู ้จกเชื่อมโยงเนื้ อหาการเรี ยนรู ้กบประสบการณ์เดิม เพื่อ
                 ั
ผูเ้ รี ยนจะได้เข้าใจเนื้ อหาได้มากขึ้น นอกจากนี้ยงฝึ กให้ผเู ้ รี ยนทางาน
                                                   ั
ร่ วมกันเป็ นกลุ่ม เพื่อแก้ไขปั ญหาร่ วมกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ซึ่ งกันและกัน ซึ่ งครู ก็จะเป็ นผูช้ ีแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้ ซึ่ ง
                                   ้
                                                 ่
สอดคล้องกับทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ โดยจะมุงเน้นให้ผเู ้ รี ยนสร้าง
                                         ิ
ความรู ้ดวยตัวเอง และสร้างสิ่ งที่แทนความรู ้โดยอาศัยประสบการณ์เดิม
           ้
กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนเป็ นการสอนที่ใช้สิ่งต่างๆมาช่วย
เพื่อให้นกเรี ยนจดจา และเป็ นการจดจาในระยะยาว ซึ่ งสอดคล้องกับ
             ั
ทฤษฎีการเรี ยนรู ้พทธิ ปัญญานิยม ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงความรู ้ของ
                          ุ
ผูเ้ รี ยน ทั้งด้านปริ มาณและคุณภาพ ซึ่ งผูเ้ รี ยนสามารถจัดและเรี ยบเรี ยง
สิ่ งที่เรี ยนรู ้ได้อย่างเป็ นระเบียบ และสามารถถ่ายโยงความรู ้ที่เป็ นทักษะ
เดิมไปสู่ บริ บทการเรี ยนรู ้ที่เป็ นทักษะใหม่ได้
ภารกิจการเรี ยนรู้
2. วิธีการเรี ยนรู้ของครู แต่ละคนมีขอดีและข้อเด่น
                                    ้
อย่างไร
ครู ผ้สอน
      ู                     ข้ อดี                            ข้ อเด่ น

 ครู บุญมี    -ครู ใช้สื่อประกอบการสอน -ผูเ้ รี ยนสามารถจาได้รวดเร็ ว
                -เน้นให้นกเรี ยนท่องจา
                            ั           -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกท่องคาศัพท์

ครู บุญช่วย     -ผูเ้ รี ยนได้เรี ยนรู ้ดวยตัวเอง
                                         ้            -ครู จะเน้นผูเ้ รี ยนเป็ น
              -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกกระบวนการคิด                 ศูนย์กลาง
                   -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกการทางาน
                                ร่ วมกัน
              -ผูเ้ รี ยนรู ้จกการแก้ปัญหาด้วย
                              ั
                                 ตัวเอง
 ครู บุญชู     -ครู จะเน้นให้ผเู ้ รี ยนสามารถ      -ผูเ้ รี ยนสามารถจาได้นาน
                จดจาความรู ้ได้ในปริ มาณที่
                                   มาก
ภารกิจการเรี ยนรู้
3. วิธีการจัดการเรี ยนรู้ของใครที่สอดคล้องกับ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาก
ที่สุด เพราะเหตุใด
วิธีการจัดการเรี ยนรู ้ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการคึกษา
แห่งชาติ พ.ศ.2542 คือการจัดการเรี ยนรู ้ของครู บุญช่วย ที่มุ่งเน้นการ
พัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ และมุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกสร้าง
                                                                  ั
ความรู้ดวยตัวเอง ซึ่งจะเป็ นการฝึ กทักษะกระบวนการคิดของผูเ้ รี ยน
        ้
          ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา
22 ว่าด้วย การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักว่าผูเ้ รี ยนทุกคนมี
ความสามารถในการเรี ยนรู ้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผูเ้ รี ยนมี
ความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่ งเสริ มให้ผเู ้ รี ยน
สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มศักยภาพ
ผมเป็ นครู สอนคณิ ตศาสตร์มาหลายปี ขณะสอน
                           นักเรี ยนจะได้ยนคาถามเสมอว่า
                                            ิ
                            "อาจารย์ (ครับ/ค่ะ)...เรี ยนเรื่ องนี้ไปทาไม เอาไปใช้
                           ประโยชน์อะไรได้บาง"   ้
    ก็ได้แต่ตอบคาถามว่านาไปใช้ในการเรี ยนต่อชั้นสู ง และนาไปประยุกต์ใช้
ในวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่ งบางเนื้อหาก็มีโจทย์ปัญหาเป็ นแนวทางทาให้พอรู ้วาจะ    ่
นาไปใช้อะไรได้บาง แต่บางเนื้อหาก็จะได้ยนเสี ยงบ่นพึมพาว่า "เรี ยนก็ยาก
                      ้                       ิ
สู ตรก็เยอะไม่รู้จะเรี ยนไปทาไม ไม่เห็นได้นาไปใช้เลย" ในความเป็ นจริ งดิฉน     ั
คิดว่าหลักสู ตรวิชาคณิ ตศาสตร์ ของไทยน่าจะมีการ apply ให้มากกว่านี้ใน
                                                    ่
แต่ละเรื่ องทั้ง ม.ต้น และม.ปลาย ผูเ้ รี ยนจะได้รู้วาถ้าเรี ยนแล้วสามารถนาไปใช้
            ่
ได้จริ งไม่วาจะเรี ยนต่อสายสามัญหรื อสายอาชีพและเห็นความสาคัญของวิชา
นี้มากขึ้น
ภารกิจการเรี ยนรู้
1. ให้ท่านวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าน่าจะมีสาเหตุมา
จากอะไรบ้าง
1.ครู ไม่สามารถบูรณาการวิชาที่สอนให้เชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆได้
2.เนื้ อหาที่สอนอาจจะยากไปสาหรับนักเรี ยน ครู ควรสรุ ปเป็ นควรรู ้ที่
เข้าใจง่าย
3.นักเรี ยนไม่มีแรงจูงใจที่จะเรี ยน เพราะคิดว่า เนื้ อหายาก ไม่ได้
นาไปใช้ในชีวตประจาวัน
                 ิ
4.นักเรี ยนมีทศนคติในด้านลบกับวิชาที่เรี ยน และไม่กระตือรื อร้นที่จะ
               ั
เรี ยน
ภารกิจการเรี ยนรู้
2. วิเคราะห์หาทฤษฎีการเรี ยนรู้ และการออกแบบการ
สอนที่สามารถแก้ปัญหาได้
การเรี ยนรู ้เกิดขึ้นเมื่อผูเ้ รี ยนสร้างความรู ้
                           อย่างตื่นตัวด้วยตนเองโดยพยายามเข้าใจ
ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์
                   ิ       นอกเหนื อเนื้ อหาความรู ้ที่ได้รับ โดยการ
                           สร้างสิ่ งแทนความรู ้ข้ ึนมา ซึ่ งต้องอาศัย
                                 ประสบการณ์เดิมของตนเอง

                          การออกแบบการสอนควรมีสื่อการเรี ยนรู้
                             มาสนับสนุนการสร้างความรู้ของผูเ้ รี ยน
                         เพื่อพัฒนากระบวนการคิดอย่างอิสระและ
การออกแบบการสอน
                          สร้างความรู้ได้ดวยตนเองของผูเ้ รี ยน และ
                                                   ้
 ที่สามารถแก้ไขได้
                              ควรให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกแก้ปัญหาร่ วมกันเป็ น
                                                     ั
                         กลุ่ม โดยครู จะเป็ นผูกาหนดสถานการณ์ให้
                                                       ้
                         ผูเ้ รี ยนฝึ กกระบวนการคิดได้อย่างเหมาะสม
ภารกิจการเรี ยนรู้
3. ออกแบบการจัดการเรี ยนรู้ที่สามารถแก้ปัญหา
ดังกล่าวได้
ออกแบบการสอนโดยเน้ นผู้เรียนเป็ นศู นย์ กลาง
 กาหนดสถานการณ์
     ปั ญหา เพื่อฝึ กให้
ผูเ้ รี ยนมีทกษะในการ
              ั               สร้างแหล่งการเรี ยนรู ้ให้
          แก้ปัญหา             ผูเ้ รี ยน โดยกาหนดให้
                              ผูเ้ รี ยนแก้ปัญหาร่ วมกัน   กาหนดกิจกรรมที่ทาใน
                                         เป็ นกลุ่ม           การแก้ปัญหา โดย
                                                           ก่อให้เกิดการช่วยเหลือ
                                    การแก้ปัญหาโดย              ซึ่งกันและกัน
  ครู จะเป็ นผูแนะนา
               ้                    การร่ วมมือกันของ
แนวทางในการแก้ปัญหา                  สมาชิกในกลุ่ม
และให้ขอเสนอ ข้อชี้แนะ
        ้
          ต่างๆ
1.นายอภิสิทธิ์       นิมิตหมื่นไวย 533050519-8
2.นางสาวสุ ภลักษณ์   เหลาหอม       533050512-2
3.นางสาวกนกพร        เทพอินทร์     543050001-8

ครูผู้ช่วย ภารกิจ

  • 3.
    ครู บุญมี เป็ นครูสอนวิชาภาษาไทย ในการสอนแต่ ละชั่ วโมงครู จะใช้ วธีการ ิ บรรยาย ส่ วนไหนที่สาคัญก็จะเน้ นยาให้ นักเรียนจดบันทึกและท่องซ้า ้ หลายครั้ง ทุกวันครู จะให้ นักเรียนท่ องคาศัพท์ วันละ 5 คา พร้ อมทั้ง คัดลายมือมาส่ ง สื่ อทีครู ใช้ ประจาคือ บทเรียนโปรแกรมและชุ ดการ ่ สอน นอกจากนีเ้ มื่อเรียนจบแต่ ละบทครู บุญมีกจะทาการสอบเก็บคะแนน ็ ถ้ านักเรียนสอบตกก็จะให้ สอบใหม่ จนกว่าจะผ่านตามเกณฑ์
  • 4.
    ครู บุญช่ วย เป็นครู สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ในการสอนแต่ ละครั้งครู จะนาเข้ าสู่ บทเรียน โดยเชื่ อมโยงเนือหาที่เรี ยนกับประสบการณ์ เดิมของผู้เรียน เช่ น ้ การใช้ คาถาม การยกตัวอย่ างเหตุการณ์ ในชี วตประจาวัน ข่ าวสารต่ าง ๆ ิ เป็ นต้ น หลักจากนั้นครู จะแบ่ งนักเรียนออกเป็ นกลุ่มแล้ วมอบสถานการณ์ ปัญหาหรือภารกิจการเรียนรู้ ให้ ผ้ ูเรี ยนทุก ๆ กลุ่ม นอกจากนีครู ยงเตรียม ้ ั แหล่ งการเรี ยนรู้ ต่าง ๆ เช่ น หนังสื อ วีดิทัศน์ เว็บไซต์ ทเี่ กี่ยวข้ อง ฯลฯ เพือให้ ผ้ ูเรี ยนค้ นหาคาตอบ และร่ วมมือกันเรี ยนรู้ มีการแลกเปลียน ่ ่ ประสบการณ์ การลงมือทดลองเพือทดสอบแนวคิดของกลุ่ม โดยมีครู ่ เป็ นผู้ให้ คาแนะนา หากพบว่ ามีผ้ ูเรียนคนใดหรือกลุ่มใดเข้ าคลาดเคลือน ่ ครู กจะเข้ าไปอธิบายและกระตุ้นให้ คด หลังจากได้ คาตอบแล้ ว ็ ิ ทุกกลุ่มก็จะนาเสนอแนวคิดความ และร่ วมกับสรุ ปบทเรี ยนเป็ น ความเข้ าใจของตนเอง
  • 5.
    บุญชู สามารถสอนให้นกเรี ยนจาคาศัพท์ภาษาอังกฤษได้โดยไม่ลืม ั ซึ่ งครู มีเทคนิคดังนี้ การแต่งเป็ นบทเพลง การใช้คาคล้องจอง การใช้แผนภูมิรูปภาพประกอบเนื้ อหาที่ตองการให้ผเู ้ รี ยนเข้าใจ ้ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ เช่น แผนผังแสดง ความสัมพันธ์ ของคนในครอบครัว และที่น่าสนใจคือ การให้ผเู ้ รี ยนจาคาศัพท์ โดยใช้การออกเสี ยงภาษาอังกฤษที่เหมือนกับภาษาไทย เช่น pic กับ พริ ก และ bear กับ แบมือ พร้อมมีรูปประกอบซึ่ งเป็ นการ เชื่อมโยงประสบการณ์เดิมที่ผเู ้ รี ยนรู ้จกมาช่วยในการจดจาคาศัพท์ครู ั
  • 6.
    ภารกิจการเรี ยนรู้ 1. ให้ท่านวิเคราะห์วิธีการจัดการเรียนรู้ของครู แต่ละ ่ คนว่าอยูในกระบวนทัศน์การออกแบบการสอนใดและ มีพ้ืนฐานมาจากทฤษฎีการเรี ยนรู้ใดบ้าง พร้อมอธิบาย เหตุผล
  • 7.
    กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญมี จะเน้นครูเป็ น ศูนย์กลาง คือครู จะเป็ นผูถ่ายทอดความรู ้ให้กบนักเรี ยน โดยที่นกเรี ยน ้ ั ั จะรอรับความรู้จากครู ซึ่งครู บุญมีจะมีวธีการสอนโดยการบรรยายให้ ิ นักเรี ยนจดบันทึกและท่องจา ซึ่ งสอดคล้องกับทฤษฎีพฤติกรรมนิยม เพราะออกแบบการสอนโดยมุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนสามารถจดจาความรู ้ ได้มากที่สุด
  • 8.
    กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนของครู บุญช่วย คือการเน้นผูเ้รี ยน เป็ นศูนย์กลาง เพราะครู มีวธีการสอนที่มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกเรี ยนรู ้ดวย ิ ั ้ ั ตัวเอง และรู ้จกเชื่อมโยงเนื้ อหาการเรี ยนรู ้กบประสบการณ์เดิม เพื่อ ั ผูเ้ รี ยนจะได้เข้าใจเนื้ อหาได้มากขึ้น นอกจากนี้ยงฝึ กให้ผเู ้ รี ยนทางาน ั ร่ วมกันเป็ นกลุ่ม เพื่อแก้ไขปั ญหาร่ วมกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่ งกันและกัน ซึ่ งครู ก็จะเป็ นผูช้ ีแนะแนวทางการแก้ปัญหาให้ ซึ่ ง ้ ่ สอดคล้องกับทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ โดยจะมุงเน้นให้ผเู ้ รี ยนสร้าง ิ ความรู ้ดวยตัวเอง และสร้างสิ่ งที่แทนความรู ้โดยอาศัยประสบการณ์เดิม ้
  • 9.
    กระบวนทัศน์การออกแบบการสอนเป็ นการสอนที่ใช้สิ่งต่างๆมาช่วย เพื่อให้นกเรี ยนจดจาและเป็ นการจดจาในระยะยาว ซึ่ งสอดคล้องกับ ั ทฤษฎีการเรี ยนรู ้พทธิ ปัญญานิยม ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงความรู ้ของ ุ ผูเ้ รี ยน ทั้งด้านปริ มาณและคุณภาพ ซึ่ งผูเ้ รี ยนสามารถจัดและเรี ยบเรี ยง สิ่ งที่เรี ยนรู ้ได้อย่างเป็ นระเบียบ และสามารถถ่ายโยงความรู ้ที่เป็ นทักษะ เดิมไปสู่ บริ บทการเรี ยนรู ้ที่เป็ นทักษะใหม่ได้
  • 10.
    ภารกิจการเรี ยนรู้ 2. วิธีการเรียนรู้ของครู แต่ละคนมีขอดีและข้อเด่น ้ อย่างไร
  • 11.
    ครู ผ้สอน ู ข้ อดี ข้ อเด่ น ครู บุญมี -ครู ใช้สื่อประกอบการสอน -ผูเ้ รี ยนสามารถจาได้รวดเร็ ว -เน้นให้นกเรี ยนท่องจา ั -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกท่องคาศัพท์ ครู บุญช่วย -ผูเ้ รี ยนได้เรี ยนรู ้ดวยตัวเอง ้ -ครู จะเน้นผูเ้ รี ยนเป็ น -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกกระบวนการคิด ศูนย์กลาง -ผูเ้ รี ยนได้ฝึกการทางาน ร่ วมกัน -ผูเ้ รี ยนรู ้จกการแก้ปัญหาด้วย ั ตัวเอง ครู บุญชู -ครู จะเน้นให้ผเู ้ รี ยนสามารถ -ผูเ้ รี ยนสามารถจาได้นาน จดจาความรู ้ได้ในปริ มาณที่ มาก
  • 12.
    ภารกิจการเรี ยนรู้ 3. วิธีการจัดการเรียนรู้ของใครที่สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาก ที่สุด เพราะเหตุใด
  • 13.
    วิธีการจัดการเรี ยนรู ้ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการคึกษา แห่งชาติพ.ศ.2542 คือการจัดการเรี ยนรู ้ของครู บุญช่วย ที่มุ่งเน้นการ พัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยนเป็ นสาคัญ และมุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกสร้าง ั ความรู้ดวยตัวเอง ซึ่งจะเป็ นการฝึ กทักษะกระบวนการคิดของผูเ้ รี ยน ้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 ว่าด้วย การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักว่าผูเ้ รี ยนทุกคนมี ความสามารถในการเรี ยนรู ้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผูเ้ รี ยนมี ความสาคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่ งเสริ มให้ผเู ้ รี ยน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มศักยภาพ
  • 15.
    ผมเป็ นครู สอนคณิตศาสตร์มาหลายปี ขณะสอน นักเรี ยนจะได้ยนคาถามเสมอว่า ิ "อาจารย์ (ครับ/ค่ะ)...เรี ยนเรื่ องนี้ไปทาไม เอาไปใช้ ประโยชน์อะไรได้บาง" ้ ก็ได้แต่ตอบคาถามว่านาไปใช้ในการเรี ยนต่อชั้นสู ง และนาไปประยุกต์ใช้ ในวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่ งบางเนื้อหาก็มีโจทย์ปัญหาเป็ นแนวทางทาให้พอรู ้วาจะ ่ นาไปใช้อะไรได้บาง แต่บางเนื้อหาก็จะได้ยนเสี ยงบ่นพึมพาว่า "เรี ยนก็ยาก ้ ิ สู ตรก็เยอะไม่รู้จะเรี ยนไปทาไม ไม่เห็นได้นาไปใช้เลย" ในความเป็ นจริ งดิฉน ั คิดว่าหลักสู ตรวิชาคณิ ตศาสตร์ ของไทยน่าจะมีการ apply ให้มากกว่านี้ใน ่ แต่ละเรื่ องทั้ง ม.ต้น และม.ปลาย ผูเ้ รี ยนจะได้รู้วาถ้าเรี ยนแล้วสามารถนาไปใช้ ่ ได้จริ งไม่วาจะเรี ยนต่อสายสามัญหรื อสายอาชีพและเห็นความสาคัญของวิชา นี้มากขึ้น
  • 16.
  • 17.
    1.ครู ไม่สามารถบูรณาการวิชาที่สอนให้เชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆได้ 2.เนื้ อหาที่สอนอาจจะยากไปสาหรับนักเรียน ครู ควรสรุ ปเป็ นควรรู ้ที่ เข้าใจง่าย 3.นักเรี ยนไม่มีแรงจูงใจที่จะเรี ยน เพราะคิดว่า เนื้ อหายาก ไม่ได้ นาไปใช้ในชีวตประจาวัน ิ 4.นักเรี ยนมีทศนคติในด้านลบกับวิชาที่เรี ยน และไม่กระตือรื อร้นที่จะ ั เรี ยน
  • 18.
    ภารกิจการเรี ยนรู้ 2. วิเคราะห์หาทฤษฎีการเรียนรู้ และการออกแบบการ สอนที่สามารถแก้ปัญหาได้
  • 19.
    การเรี ยนรู ้เกิดขึ้นเมื่อผูเ้รี ยนสร้างความรู ้ อย่างตื่นตัวด้วยตนเองโดยพยายามเข้าใจ ใช้ทฤษฎีคอนสตรัคติวสต์ ิ นอกเหนื อเนื้ อหาความรู ้ที่ได้รับ โดยการ สร้างสิ่ งแทนความรู ้ข้ ึนมา ซึ่ งต้องอาศัย ประสบการณ์เดิมของตนเอง การออกแบบการสอนควรมีสื่อการเรี ยนรู้ มาสนับสนุนการสร้างความรู้ของผูเ้ รี ยน เพื่อพัฒนากระบวนการคิดอย่างอิสระและ การออกแบบการสอน สร้างความรู้ได้ดวยตนเองของผูเ้ รี ยน และ ้ ที่สามารถแก้ไขได้ ควรให้ผเู ้ รี ยนรู ้จกแก้ปัญหาร่ วมกันเป็ น ั กลุ่ม โดยครู จะเป็ นผูกาหนดสถานการณ์ให้ ้ ผูเ้ รี ยนฝึ กกระบวนการคิดได้อย่างเหมาะสม
  • 20.
    ภารกิจการเรี ยนรู้ 3. ออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่สามารถแก้ปัญหา ดังกล่าวได้
  • 21.
    ออกแบบการสอนโดยเน้ นผู้เรียนเป็ นศูนย์ กลาง กาหนดสถานการณ์ ปั ญหา เพื่อฝึ กให้ ผูเ้ รี ยนมีทกษะในการ ั สร้างแหล่งการเรี ยนรู ้ให้ แก้ปัญหา ผูเ้ รี ยน โดยกาหนดให้ ผูเ้ รี ยนแก้ปัญหาร่ วมกัน กาหนดกิจกรรมที่ทาใน เป็ นกลุ่ม การแก้ปัญหา โดย ก่อให้เกิดการช่วยเหลือ การแก้ปัญหาโดย ซึ่งกันและกัน ครู จะเป็ นผูแนะนา ้ การร่ วมมือกันของ แนวทางในการแก้ปัญหา สมาชิกในกลุ่ม และให้ขอเสนอ ข้อชี้แนะ ้ ต่างๆ
  • 22.
    1.นายอภิสิทธิ์ นิมิตหมื่นไวย 533050519-8 2.นางสาวสุ ภลักษณ์ เหลาหอม 533050512-2 3.นางสาวกนกพร เทพอินทร์ 543050001-8